"มานี่"รถคันหรูจอดที่หน้าบ้านได้ชายหนุ่มก็รีบลากคุณหนูไฮโซลงจากรถให้ตามเข้ามาในบ้าน"อะไรของคุณ ปล่อยฉัน""รังเกียจชาวไร่นัก ผมก็จะทำให้คุณได้จำฝังใจว่าชาวไร่คนนี้เป็นผัวคุณ""นี่ปล่อย"ดารารินทร์รู้ถึงความคิดของชายหนุ่มได้ เธอก็เริ่มตื่นกลัวและรีบสะบัดข้อมือให้พ้นจากมือของเขา"จะดีดดิ้นไปทำไม ยังไงวันนึงเราก็ต้องทำลูกตามคำสั่งคุณย่าอยู่แล้ว"คนตัวเล็กที่สะบัดมือออกได้ยังไม่ทันจะได้วิ่งหนีไปไหนก็แขนแกร่งรวบเอวเธอไว้ก่อน"ฉันยังไม่พร้อม"คนตัวเล็กดิ้นหนีสุดชีวิต แต่แรงของเธอก็ไม่ได้ทำให้คนตัวโตสะท้านเลยสักนิด และแล้วสาวเจ้าก็ถูกพาเข้ามาในห้องนอนเหวี่ยงขึ้นบนเตียงนุ่มจนได้"นี่ หยุดดด อื้อ"ชายหนุ่มคร่อมกดคนตัวเล็กลงกับเตียง ก้มหน้าบดจูบริมฝีปากบางอย่างไร้ความนุ่มนวล มือหนาดึงกระชากเกาะอกของคนที่นอนดีดดิ้นจนขาดวิ่นปึก ปึก ปึกดารารินทน์มือเรียววาดทุบตีแผ่นหลังกว้าง ทั้งจิกข่วนให้คนตัวโตรู้สึกเจ็บหมายจะให้เขาผละตัวออกไป แต่ไม่มีทีท่าว่าเขาจะหยุดการกระทำแม้แต่นิดเดียว"อื้ออ..หยุดด อ๊ายยย" ปึก ปึก ปึกเมื่อริมฝีปากบางเป็นอิสระดารารินทร์ก็กรีดร้องดังลั่น รัวมือทุบตีแดนไทยไม่หยุด ขณะที่คน
แดนไทยกลับมาจากไร่อาบน้ำอาบท่าเปลี่ยนผ้าปูเตียงที่เปื้อนไปด้วยเลือดเรียบร้อย ออกมาข้างนอกก็ยังเห็นหญิงสาวในชุดนอนสีขาวนอนหลับอยู่ที่โซฟาหน้าทีวีไม่ตื่น คราแรกที่เขากลับมาถึงไม่ได้สนใจที่จะปลุกเพราะคิดว่าเธอคงจะแกล้งหลับหลังจากได้ยินเสียงรถของเขา แต่ท่าทางจะไม่ใช่อย่างที่คิด"คุณ มานอนอะไรตอนนี้"ชายหนุ่มเดินเข้ามาหาดารารินทร์ที่หลับสนิท เขาเอื้อมมือแตะตัวหญิงสาวหมายจะปลุกให้เธอตื่นไปนอนในห้อง แต่เมื่อมือของเขาสัมผัสกับตัวเธอได้คิ้วหนาก็เริ่มขมวดเข้าหากัน เพราะรู้สึกได้ถึงความร้อนที่ผิดปกติจากตัวของเธอ และพอรู้ว่าสาวเจ้ามีไข้จึงรีบเดินไปหยิบกล่องยาสามัญ และรีบเข้ามาประคองคนตัวเล็กให้ลุกขึ้นนั่ง"คุณดาว"แดนไทยหน้าเสียเมื่อเรียกคนในอ้อมอกเท่าไรเธอก็ไม่มีวี่แววว่าเธอจะรู้สึกตัว"อืม ปวดหัว"เสียงพึมพำในลำคอพอจะเป็นสัญญาณให้ชายหนุ่มได้รู้สึกใจชื้นได้บ้าง แต่ก็ยังไม่คลายกังวลเพราะเนื้อตัวเธอร้อนจนเขาไม่ต้องวัดอุณหภูมิก็รู้ว่าไข้สูง"ตื่นมากินยาแก้ไข้ก่อนครับ"ริมฝีปากบางเผยอตามคำสั่งอย่างไม่ค่อยมีสติเท่าไรนัก แดนไทยเห็นดารารินทร์ยอมเปิดปากจึงรีบป้อนยาหญิงสาวและยกแก้วให้เธอดื่มน้ำตาม หลังจ
ณัฐวดีและพิชชาอรทานอาหารกันเรียบร้อยก็ถือโอกาสมาเที่ยวที่บ้านท้ายไร่ของแดนไทยเสียเลย สองสาวที่เคยมางานแต่งของดารารินทร์ที่เรือนใหญ่หน้าไร่ที่เป็นบ้านของกะรัตเพชรไม่กี่วันก่อนรู้สึกชอบวิวทิวทัศน์ที่นี่มากพอสมควรแล้ว แต่พอได้ขับรถเข้ามาที่บ้านของแดนไทยท้ายไร่ได้มองวิวทิวทัศน์ของไร่ด้านในก็รู้สึกชอบที่นี่มากขึ้นไปอีกเพราะสวนองุ่นสองข้างทางที่กำลังออกผลเป็นภาพที่สวยงามน่าประทับใจ ผ่านมาไม่ไกลนักก็เป็นสวนทับทิมและอโวควาโดสลับกับสวนองุ่นเล็กๆคนละสายพันธ์กับสวนด้านหน้าทำให้พวกเธออยากจะค้างคืนที่นี่เสียให้ได้ เพราะอยากจะได้รูปสวยๆลงไอจีไปเสียทุกสวน แต่ก็ต้องตัดใจเพราะมีเวลามาที่นี่แค่วันเดียวเท่านั้น รู้สึกอิจฉาดารารินทร์อยู่เหมือนกันที่ได้มาอาศัยอยู่ในที่แห่งนี้สองสาวขับรถตามดารารินทร์มาถึงหน้าบ้านของแดนไทยได้ก็รีบลงรถมาดูแปลงผักสวนครัว และเหล่าไม้ดอกไม้ประดับที่เรียงรายกันอยู่ใกล้กับต้นไม้ใหญ่หน้าบ้านหลังเล็กหลังคาปั้นหยา"บ้านสวนของแท้เลยนะ ฉันเคยอยากมีบ้านแบบนี้เหมือนกันนะดาว"ณัฐวดีมองไปที่หน้าบ้านหลังเล็กสลับกับแปลงผักสวนครัวแสนงามที่เธอกำลังถ่ายรูป เคยคิดในหัวเหมือนกันว่าอยากมีบ้านที
"คุณดินอาบน้ำเสร็จแล้วมาทานข้าวด้วยกันสิคะ อาหารร้านนี้อร่อยมากเลยนะคะ"พิชชาอรกำลังจัดเตรียมแกะกล่องอาหารที่ซื้อมาเมื่อหลางวันวางเรียงรายอยู่ที่โต๊ะ พร้อมกับอีกสองสาว เธอเห็นแดนไทยออกมาจากห้องได้ก็รีบเรียกชายหนุ่มทานข้าวพร้อมกัน"ครับ"แดนไทยเดินยิ้มอ่อนเข้ามานั่งข้างกับดารารินทร์ เขาชำเลืองมองหญิงสาวแต่ไม่ยักจะเห็นเธอจะสนใจมองเขาแม้แต่น้อย ครั้นจะไม่เข้ามาร่วมโต๊ะอาหารก็เกรงใจคนชวน พอมานั่งก็ต้องอึดอัดกับท่าทีของภรรยตนอีกพิขชาอรและณัฐวดีเห็นท่าทีบึ้งตึงของดารารินทร์ก็เริ่มมองหน้ากัน พอจะรู้ว่าดารารินทร์ไม่ปลื้มสามีคนนี้เท่าไรแต่ก็ไม่คิดว่าจะตึงใส่เขาขนาดนี้"ยัยดาว ตักข้าวให้สามีแกสิ"เป็นณัฐวดีที่ต้องเอ่ยกระตุ้นดารารินทร์ หากปล่อยให้เพื่อนเธอไม่มีปฏิสัมพันธ์กับสามีขณะร่วมโต๊ะอาหารกัน พวกเธอก็คงพลอยอึดอัดกันไปด้วย"พอไหม"ดารารินทร์ตักแบ่งข้าวผัดจากกล่องใหญ่ใส่จานที่พิชชาอรส่งมาให้ก่อนจะวางตรงหน้าชายหนุ่ม"ครับ ขอบคุณครับ"แดนไทยพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้มอ่อน แม้นเสียงของดารารินทร์ที่พูดกับเขาจะดูห้วนไม่มีหางเสียง แต่ยังดีกว่าเธอไม่พูดอะไรกับเขาเลย"คุณดินออกไปทำงานที่ไร่ทุกวันเลยเหรอค
"จริงนะ"ใบหน้าสวยกลับมาเปื้อนรอยยิ้มอีกครั้ง เพราะเท่ากับว่าวันงานหมั้นของมนชิดา เธอได้ควงชายหนุ่มไปอวดใครต่อใครได้แล้ว"อืม แล้วคุณก็อย่าพูดแบบนี้อีก เราแต่งงานกันแล้ว คุณก็เป็นของผมแล้วอนาคตเราต้องมีลูกด้วยกันอยู่ด้วยกันทุกวัน ลืมคำว่าแต่งงานเพราะเรื่องจำเป็นไปผมว่าจะดีต่อเรา ผมไม่รู้ว่าวันข้างหน้าเราจะรักกันแบบคนรักหรือเปล่า แต่ผมขอว่าอย่างน้อยตอนนี้ให้คุณคิดว่าเราเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันจะได้ไหม""อืม ก็ได้ค่ะ"สาวเจ้าพยักหน้าหงึกหงักไม่ได้ใส่ใจฟังคำพูดเขาเท่าไรนัก แค่เพียงแดนไทยตกลงที่จะไปกับเธอแค่นี้เธอก็พอใจแล้ว หากไม่ใช่เพราะต้องขอร้องให้เขาออกงานด้วย ดารารินทร์ไม่มีทางพูดดีกับเขาแน่ และไอ้ที่ขอโทษไปคราแรกก็ไม่ได้คิดว่าตัวเองผิดจริง แค่พูดเพื่อเอาใจแดนไทยก็เท่านั้นเขาจะได้ตอบรับคำขอร้องเธอง่ายๆ"ดูคุณจะภูมิใจกับกระเป๋าใบนี้เหลือเกินนะ"แดนไทยเห็นดารารินทร์นั่งตรวจดูกระเป๋าแบรนด์เนมสีหวานใบใหม่ที่เพิ่งผาดเพิ่งขับรถเอามาให้เมื่อช่วงเย็นพักใหญ่แล้วไม่ยักจะเห็นเธอยอมเก็บมันเข้าที่และเตรียมตัวนอนเสียที"แน่นอน ผู้หญิงทุกคนเป็นปลื้มทั้งนั้นแหละค่ะที่ได้จับกระเป๋ารองเท้าเครื่องประดับหร
"ฉันซื้อเค้กจากร้านพี่น้ำผึ้งมาฝาก"ดารารินทร์กลับมาถึงบ้านช่วงหัวค่ำ เห็นแดนไทยนั่งดูทีวีอยู่ที่ห้องนั่งเล่นก็รีบเดินมายื่นกล่องเค้กมะพร้าวตรงหน้าเขา"ผมนึกว่าคุณจะเข้าเมืองซะอีก"แดนไทยรับกล่องขนมจากมือดารารินทร์ก่อนจะวางลงที่โต๊ะหน้าโซฟา แอบแปลกใจที่หญิงสาวเปลี่ยนใจเลือกที่จะเข้าไปตลาดในหมู่บ้านทั้งที่โทรบอกเขาว่าจะเข้าไปในเมืองกับจริญญา"ลูกจันทร์ไม่ไปค่ะ แกชวนฉันไปนั่งร้านพี่น้ำผึ้งอาหารร้านเธออร่อยนะคะของหวานก็อร่อยมาก ท่าทางลูกจันทร์จะชอบเค้กร้านนี้มากด้วยกินไปตั้งสองชิ้นโตๆเลย"ดารารินทร์ทิ้งตัวนั่งข้างชายหนุ่ม เอ่ยถึงเด็กหญิงด้ยวยท่าทีขบขัน ที่ไม่ได้ไปในเมืองก็เพราะจริญญาไม่ยอมไปเป็นเพื่อนเอาแต่ชวนเธอเข้าไปตลาดในหมู่บ้าน"อ๋อ ขอบคุณที่พาลูกจันทร์ไปเลี้ยงขนมนะครับ ไม่คิดว่าคุณจะเอ็นดูเธอด้วย""ลูกจันทร์เป็นเด็กน่ารักฉันถูกชะตาตั้งแต่เจอแล้วค่ะ ฉันจะซื้อจักรยานให้ใหม่ก็ไม่เอา บอกว่าแค่เปลี่ยนยางก็ใช้ได้""คนที่นี่เค้าไม่ค่อยใช้อะไรฟุ่มเฟือยกันหรอก"แดนไทยว่าด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มนึกชื่นชมเดือนฉายที่เลี้ยงลูกได้ดีจริงๆ หากเป็นเด็กคนอื่นคงชอบใจที่จะได้ของใหม่ฟรีๆไปแล้ว"อืม ลูกจันท
"เงียบทำไมคะ ไม่อยากคุยกับฉันแล้วเหรอ""เปล่า แล้วคุณจะเอาตู้มาเมื่อไรผมจะได้ย้ายโซฟาให้""เค้าน่าจะมาส่งพรุ่งนี้""โอเค"ดารารินทร์มองชายหหุ่มด้วยสายตาสงสัยพอสมควร เพราะหลังจากที่เธอถามเรื่องแฟน แดนไทยก็สีหน้าเปลี่ยนกะทันหัน คิดว่าชายหนุ่มน่าจะมีเรื่องอะไรฝังใจมาบ้าง แต่ก็คร้านจะถามชายหนุ่มต่อ เพราะเธอก็ไม่ได้อยากรู้ประวัติของเขามากมายนัก"คุณนอนไม่หลับเหรอ"แดนไทยรับรู้ได้ว่าคนที่นอนข้างๆขยับตัวไปมาหลายรอบจนเข้ากลางดึกก็ยังไม่หยุด เขาที่ยังหลับไม่ลงเหมือนกันกับเธอจึงพลิกตัวหันมาหาหญิงสาวถามเธอด้วยท่าทีสงสัย"ฉันรู้สึกแปลกๆ ร้อนๆยังไงไม่รู้"ดารารินทร์พยักหน้าหงึกหงัก ตอนนี้หน้าเธอแดงก่ำรู้สึกร้อนทั้งที่ในห้องนอนก็เปิดเครื่องปรับอากาศ ยิ่งเห็นหน้าคนข้างๆที่มองจ้องมายังเธอความรู้สึกวาบหวามจู่ๆประทุขึ้นมาจนต้องขบเม้มริมฝีปากเอาไว้"ผมก็"แดนไทยเริ่มกลืนน้ำลายอึกใหญ่ หายใจไม่ทั่วท้อง รู้สึกร้อนวูบวาบเหมือนกัน ยิ่งมองจ้องดวงตากลมโตที่กำลังปรือเยิ้มเหมือนกำลังยั่วยวนสายตาของเขา เปลือกตาชายหนุ่มก็หลุบลงต่ำจับจ้องไปที่ริมฝีปากบางอมชมพูที่ขยับไปมา ภาพตรงหน้าเหมือนเป็นแรงดึงดูดให้เขาต้องรีบรว
เป็นอีกหนึ่งวันที่ดารารินทร์ตื่นมาไม่เห็นแดนไทย เมื่อออกมาก็เห็นโน๊ตที่ชายหนุ่มแปะเอาไว้ที่โต๊ะอาหารเหมือนเดิม"ผมเลื่อนโซฟาให้แล้ว ผมเห็นคุณยังไม่ตื่นเลยไม่อยากปลุก ผมทำแซนวิชไว้ให้ กลางวันอยากกินอะไรก็เอาเงินที่ผมให้เอาไว้ไปซื้อได้เลยนะครับ"หญิงสาวอ่านไปยิ้มไป เมื่ออ่านจบก็รีบส่ายหัว "ไม่ได้ ห้ามยิ้มๆ" ดารารินทร์รีบปิดปากตัวเอง สลัดความคิดที่กำลังชื่นชมแดนไทยออกจากหัวให้เร็วที่สุด เธอจะมารู้สึกดีกับเขาไม่ได้เพราะตั้งใจเอาไว้แน่วแน่ว่าธุรกิจพ่อเธอฟื้นเมื่อไรเธอจะต้องไปจากเขา ไม่อยากจะมาลำบากใจเพราะมีความรู้สึกดีๆให้ชายหนุ่มในวันที่จะต้องจากหลังจากช่างมาต่อตู้กระจกเก็บกระเป๋าให้ ดารารินทร์เสร็จ หญิงสาวก็รีบเปิดกระเป๋าเดินทางใบใหญ่เอากระเป๋าแบรนด์เนมของเธอออกมาวางโชว์ในตู้ กว่าทุกอย่างจะเรียบร้อยก็ใช้เวลาปาไปเกือบบ่าย เมื่อมีกระเป๋าตั้งโชว์เรียงรายอยู่ตรงหน้าตลอดเวลา ตอนนี้เธอก็ต้องมานั่งเลือกชุดในเว็บไซต์หาให้เข้ากับกระเป๋าของเธอเพื่อจะใส่ไปงานของมนชิดา"ชุดนี้ก็สวย นี่ก็สวย งือ เงินน่ะสิ"ดารารินทร์นั่งหน้ามุ่ยพักใหญ่ เพราะเจอชุดที่ถูกใจกลับไม่มีเงินพอที่จะซื้อ"อีตานั่นจะให้ไหมนะ"
“แกสองคนไปบวชแล้วปลงได้จริงหรือเปล่าเนี่ย”ณัฐวดีเดินออกมาที่ลานจอดรถก็เดินใช้หัวไหล่กระแทกมนชิดาและเปรมสินีเบาๆ เพราะเมื่อครู่ทั้งสองพูดขู่เจ็บแสบกับพิริสาพอสมควร“โอ้ย มันก็ไม่ได้ปลงจนเป็นแม่พระขนาดนั้น ใครดีมาก็ดีกลับร้ายมาก็ต้องถูกร้ายกลับเหมือนกัน”มนชิดาเอ่ยด้วยท่าทีขบขัน“ใช่ นี่ยังน้อยไป ถ้าไม่ติดว่าแขกในงานยังกลับไปไม่หมด ได้ฟาดหน้ายัยนั่นสักทีสองทีแล้ว”เปรมสินียังรู้สึกคันไม้คันมือไม่หาย เพราะมีผู้หญิงพวกที่คิดอยากจะยุ่งกับสามีชาวบ้านอยู่เยอะ มนชิดาถึงได้เจอเรื่องแย่ๆแถมผู้หญิงพวกนั้นก็เป็นคนทำให้พ่อและแม่ของเธอฟ้องหย่ากันอยู่ตอนนี้“พวกแกมันเริ่ด”ณัฐวดียกมือนิ้วโป้งสองข้างตรงหน้ามนชิดาและเปรมสินี“ฉันติดต่อยัยดาวไม่ได้เลยอะ”พิชชาอรเริ่มยิ้มไม่ออกเมื่อลองโทรหาดารารินทร์หลายสายแล้วแต่เพื่อนเธอก็ยังไม่รับ“ป่านนี้ดีกับคุณดินสวีทหวานแหววกันไปแล้วมั้ง อย่าไปกวนนางเลย”มนชิดาเดาว่าสองสามีภรรยาน่าจะเข้าใจกันแล้ว“อืม ไปเตรียมตัวจัดงานเซอร์ไพรซ์คุณดินคืนนี้ดีกว่า”“งานไรอะ”เปรมสินีเริ่มมีสีหน้าฉงนหลังจากได้ยินณัฐวดีพูดเรื่องคืนนี้“ไปกับพวกฉันเดี๋ยวก็รู้เอง”ณัฐวดีรวบทุกคนขึ้นร
“งานจะเริ่มแล้วตาดินไปไหนล่ะลูก”อดิเทพเห็นว่างานจะเริ่มแล้วคนในครอบครัวก็อยู่กับครบแต่ไม่ยักจะเห็นแดนไทยจึงสะกิดถามลูกสาว เพราะอยากจะให้คนในครอบครัวอยู่กันพร้อมหน้าตอนแถลงข่าวกับสื่อ“เห็นว่าจะไปเข้าห้องน้ำ เดี๋ยวดาวไปตามให้นะคะคุณพ่อ”ดารารินทร์รีบเดินจ้ำอ้าวผ่านห้องแต่งตัวด้านหลังแล้วสายตาของเธอก็ไปสะดุดกับคนสองคนที่กำลังยืนกอดกัน หญิงสาวกลืนน้ำลายอึกใหญ่กำมือแน่นเพราะจำได้ว่าเป็นสามีของเธอแม้จะเห็นเพียงด้านหลัง“พี่ดิน!”“ดาว”แดนไทยหันหลังมาได้ดารารินทร์ก็เห็นว่าผู้หญิงคนที่สามีเธอกอดอยู่นั้นคือพิริสา มิน่าตอนเข้างานมาเขาจึงมีท่าทีแปลกไปตั้งแต่แนะนำตัวทำความรู้จักกับพรีเซ็นเตอร์คนใหม่ของสายการบินแล้ว ที่แท้ก็เคยรู้จักกันเป็นอย่างดีมาก่อน หญิงสาวไม่ได้อยู่สืบสาวความอะไรให้มากเรื่อง เธอเลือกที่จะวิ่งหนีออกไปจากงาน ไม่คิดว่าเรื่องนี้จะมาเกิดกับตัวเพราะเพิ่งจะหดหู่ใจกับเรื่องของมนชิดาไปหยกๆ ขึ้นชื่อว่าผู้ชายน่าจะไว้ใจยากกันทุกคนไม่เว้นแม้แต่สามีที่เธอคิดว่าเขาดีนักดีหนา“ตาดิน ทำไมน้องวิ่งออกจากงานไปแบบนั้นล่ะ”กานต์มณีเดินมาดักหน้าลูกชายเธอเอาไว้หลังจากเห็นดารารินทร์วิ่งออกจากงานไป
“ป้าม้วนทอผ้าสวยมากเลยนะคะพี่ดิน ดาวว่าจะส่งไปตัดเป็นเดรสใส่วันงานของสายการบินคุณพ่อค่ะ เผื่อจะมีใครอยากได้ชุดแบบดาวบ้าง คนทอผ้าที่นี่จะได้มีรายได้ด้วย”ดารารินทร์คลี่ผ้ายกมุกสีดำน้ำตาลยกมุกด้วยสีครีมลายกระดุมทองมาอวดคนเป็นสามีขณะที่ชายหนุ่มกำลังจะล้มตัวนอน เธอไปอุดหนุนผ้าทอจากคนในชุมชนเห็นว่าสวยเลยคิดว่าจะเอาไปตัดเป็นชุดใส่ในวันงานเปิดตัวพรีเซนเตอร์สายการบินคนใหม่ของพ่อเธอ“อืม ก็ดีนะ แล้วพ่อดาวบอกหรือยังว่าใครจะมาเป็นพรีเซนเตอร์คนใหม่”“ยังค่ะ คุณพ่ออยากให้เงียบที่สุดเท่าที่จะเงียบได้ ดาวรู้แค่ว่าเป็นนางแบบที่เป็นคนไทยแล้วก็มีชื่อเสียงในต่างประเทศด้วยค่ะ”ดารารินทร์ส่ายหัวพยายามเค้นถามจากหลายๆคนแล้วก็ไม่ได้คำตอบอะไรเลย“วันที่เราเข้ากรุงเทพไปปรึกษาหมอด้วยเลยดีไหม พี่อยากรู้ว่าเราทำไมไม่มีลูกกันสักที”“เครียดมากเหรอคะที่ดาวไม่ท้องสักที”หญิงสาวพับผ้าเก็บในตู้ก่อนจะเดินเข้ามานอนกอดสามีซุกหน้าพูดอู้อี้กับแผงอกกว้าง มือเรียววาดกอดลูบหลังให้กำลังใจชายหนุ่ม“เปล่าหรอก พี่ก็ไม่ได้รีบขนาดนั้น แต่แค่อยากไปตรวจร่างกายให้แน่ใจว่าเป็นเพราะอะไรกันแน่”“ก็ได้ค่ะ”แดนไทยก้มพรมจูบกระหม่อมภรรยาตัวเล
"อือ อืมมม"ดารารินทร์โอบรัดต้นคอคนตัวโตเอาไว้แน่น เมื่อลิ้นร้ายของชายหนุ่มสอดส่ายเข้ามาในโพรงปากคนที่เริ่มเป็นงานก็เริ่มตวัดรัดดูดดึงสร้างความวาบหวามให้สามีได้เป็นทวีคูณมือหนาดึงสายผูกเอวชุดนอนซาตินออกได้ร่างบางขาวนวลเนียนก็เผยล่อลวงสายตาคมได้เป็นอย่างดี ยอดอกอูมอวบอิ่มชมพูระเรื่อตั้งชูชันประจันหน้าชายหนุ่มที่พึ่งละการเล่นลิ้นอยู่ในโพรงปากหวาน"อ อ้ะ"เขาก้มลงดูดดึงยอดถันมูมมามจนคนตัวเล็กร้องลั่นแอ่นเร่าตาปรือเยิ้มระบายความเสียวกระสัน มือหนาเลื่อนลงต่ำลูบไล้ไปจนกลีบกุหลาบงาม เขาเลื่อนยกนิ้วโป้งคลึงเม็ดทับทิมสีหวานเรียกอารมณ์รักอย่างเบามือ"อ้ะ อื้อออ ส เสียวค่ะ"ความเสียวซ่านช่วงล่างบวกกับถูกละเลงลิ้นดูดดึงยอดอกทำคนตัวเล็กครางไม่ค่อยจะเป็นคำ มือเรียวสอดผ่านเสื้อยืดวาดจิกแผ่นหลังกว้างถลกเสื้อคนตัวโตขว้างออกไปข้างเตียงหลังจากที่เขาผละออกจากทรวงอกอิ่ม ชายหนุ่มรีบถอดกางเกงเหวี่ยงทิ้งไม่รีรอ สองแขนแกร่งรวบคนตัวเล็กยกกอดถลกชุดคลุมออกให้พ้นตัวจนล่อนจ้อนเหมือนกันกับตน ก่อนจะโน้มตัวนอนลงทาบทับแนบเนื้อกันอีกรอบ"อื้อ"ใบหน้าหวานเหยเกเล็กน้อยขณะคนเป็นสามีดันเจ้ามังกรยักษ์เข้าร่องสวาทคราเดียวจน
"ไม่เอาก็เอามา""เอาก็ได้ แต่คุณไม่กลัวฉันใช้ฟุ่มเฟือยเหรอ""ผมว่าตอนนี้ภรรยาผมน่าจะเอาเงินไปลงกับพวกหนังสือแล้วก็ขนมนมเนยให้เด็กๆกับคนในไร่มากกว่า"แดนไทยเชื่อใจดารารินทร์ว่าคงเอาเงินที่เขาให้ไปใช้ในทางที่มันเป็นประโยชน์ เพราะพักหลังมานี้เธอได้เงินเท่าไรก็เร้าแต่จะให้เขาพาไปซื้อโน่นซื้อนี่ทำประโยชน์ให้โรงเรียนบ้างให้คนในไร่บ้าง จนเขาแทบอยากจะเปิดมูลนิธิให้เธอแล้ว"ก็จริงค่ะ ฉันเอาเงินไปลงกับพวกเค้ามีความสุขกว่าตอนที่ซื้อชุดแพงๆใส่เยอะเลย""คุณน่ารักขึ้นมากขึ้นทุกวันรู้ตัวหรือเปล่า แล้วตอนนี้ผมก็อยากจะฟัดคุณจะแย่แล้วด้วย"แดนไทยเริ่มก้มหน้าซุกไซร้ลำคอระหงส์จนสาวเจ้าต้องรีบผละตัวหนี เพราะยังรู้สึกเหนื่อยจากการขับรถไม่หาย หากให้เขาหาความสุขกับเธอตอนนี้คงสลบเหมือดคาเตียงในไม่กี่นาทีแน่"ฉันเหนื่อยมากเลยค่ะ ขอตัวก่อนนะคะ"แดนไทยยืนเท้าเอวมองตามหลังคนตัวเล็กด้วยสายตาเว้าวอน เขายอมปล่อยเธอไปก่อนก็ได้แต่คืนนี้ยังไงเธอก็ไม่รอดเงื้อมมือของเขาแน่สามวันต่อมาวันนี้ที่บ้านเล็กท้ายไร่ดูจะครึกครื้นเอามากๆ เพราะทั้งสองครอบครัวมารวมตัวกันที่นี่เนื่องในวันเกิดของกะรัตเพชร"คิดถึงทุกคนจังเลยค่ะ"ดาราริ
"เรียกว่ารัก"เสียงทุ้มนุ่มลึกเอ่ยกระซิบข้างหูคนตัวเล็ก แต่หญิงสาวก็ยังไม่ค่อยมั่นใจว่าเธอจะรู้สึกแบบนั้นกับชายหนุ่มจริงๆ เพราะเธอยังอยู่กับเขาไม่ถึงสองเดือนเลยด้วยซ้ำ"ฉันสามารถรักคุณได้เร็วขนาดนี้เลยเหรอ""การที่เราจะตกหลุมรักใครสักคนไม่ต้องใช้เวลาหรอก แล้วมันก็ไม่ค่อยมีเหตุผลด้วย ขนาดคุณพยศทำตัวดื้อกับผมตั้งหลายครั้งผมยังมองว่าคุณน่ารักเลย""หืม คุณคิดแบบเดียวกับฉันเหรอ""ถ้าผมไม่รู้สึกดีกับคุณ คงไล่คุณออกจากบ้านไปตั้งนานแล้ว"แดนไทยก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาไปเผลอใจให้เธอตอนไหน พอจะรู้ตัวจริงจังก็เมื่อวันที่สาวเจ้ากลับมาและเขาก็ใจอ่อนยวบยกโทษให้เธอเพียงแค่หญิงสาวพูดขอโทษไม่กี่คำ พอเห็นเธอเศร้าเขาก็พลอยใจเสีย ยิ่งเห็นเธออยากจะทำความดีอย่างตั้งใจก็ชื่นชมและคอยเอาใจช่วยเธอตลอดเวลา อยากให้หญิงสาวเป็นคนดีขึ้นไม่ใช่เพื่อใครแต่เพื่อตัวของเธอเอง สำหรับเขาตอนนี้ดารารินทร์คือความสุขของเขาไปแล้ว"จริงอ๋อ"ดารารินทร์อมยิ้มเขินก้มหน้างุดซุกเข้ากับอกอุ่น รู้สึกเขินเกินกว่าจะเงยหน้ามองชายหนุ่ม"ถ้าคุณไม่อยากเหนื่อย อย่าเอาหน้ามาถูหัวนมผม"แดนไทยเริ่มมีเสียงกระเส่าแค่กอดก่ายหญิงสาวคราแรกก็เริ่มกลืนน
"อร่อยไหม พวกแกคิดว่าคนอื่นจะหายโกรธฉันเมื่อไรเหรอ ฉันไม่รู้ว่าจะแบกรับความรู้สึกผิดหวังไหวแค่ไหน พวกแกเป็นกำลังใจให้ฉันด้วยนะ"หญิงสาวยืนหน้าละห้อยเอ่ยพูดกับไก่ที่กำลังรุมจิกมะละกอราวกับพวกมันฟังรู้เรื่อง แดนไทยที่เดินมาเห็นภาพนั้นก็อดอมยิ้มไม่ได้ เพราะไม่คิดว่าดารารินทร์จะเป็นมิตรกับพวกไก่ในเล้าของเขาได้"คิดว่าคุณจะชอบมันไม่ได้ซะอีก""ก็ไม่คิดว่าจะชอบได้ แต่พอกลับไปอยู่กรุงเทพไม่กี่วันคิดถึงมันเหมือนกัน แล้วทำไมวันนี้คุณกลับเร็วล่ะ"หญิงสาวหันหลังเปรยยิ้มให้กับคนมาใหม่“ไม่มีงานอะไรแล้วเลยกลับมาพักผ่อน ทำไม..ไม่อยากเห็นหน้าผมเหรอ”“เปล่าซะหน่อย ฉันจะไปทำไข่เจียวคุณกินไหม”“ทำเป็นด้วยเหรอ”เห็นทีการกลับมาของหญิงสาวจะมีเรื่องให้เขาได้แปลกใจอีกเรื่องแล้ว“ค่ะ ฉันฝึกมา ต่อไปนี้ฉันว่าจะหัดทำงานบ้านงานครัว ช่วงแบ่งเบาภาระคุณเอง”สาวเจ้าเดินนำหน้าแดนไทยเข้าบ้านมาได้ก็เริ่มยิ้มไม่ออก เมื่อสายตามองเห็นถาดขนมเค้กหลายสิบชิ้นที่เธอเอาไปให้คนในไร่วางอยู่ที่กลางโต๊ะอาหาร เธอเห็นจำนวนแล้วก็เดาได้ว่าน่าจะไม่ได้มีใครหยิบไปเลยสักชิ้น"พวกเค้าไม่ได้เอาไปกิน ผมก็เลยต้องเอากลับมา"แดนไทยเอ่ยไปตามความจร
"พรุ่งนี้ฉันว่าจะเข้าไปในโรงเรียน ชวนเด็กๆมาเรียนภาษากันหลายๆคนคุณว่าดีไหม"หลังคุยปรับความเข้าใจกันได้ ตอนนี้ทั้งสองก็มานั่งคุยกันต่อที่โต๊ะอาหาร"ดีสิ แต่อาจจะมีบางคนที่ไม่อยากมาเรียนกับคุณ"แดนไทยเห็นด้วยที่หญิงสาวจะทำเรื่องที่ดี แต่เขาอยากให้เธอเผื่อใจเพราะเรื่องที่เธอสร้างเอาไว้สร้างความเจ็บปวดในใจของคนงานไนไร่ไม่น้อย พวกเขาไม่ได้โกรธที่รู้ว่าจะไม่มีที่อยู่ แต่สิ่งที่หญิงสาวทำเหมือนกับการกลั่นแกล้งไล่ที่โดยที่ไม่บอกให้พวกเขาเหล่านั้นได้รู้ล่วงหน้า"เพราะเรื่องที่ฉันทำสินะคะ"ดารารินทร์บุ้ยปากเขี่ยข้าวในจานไปมา"คุณเป็นคนผูก ก็ต้องเป็นคนแก้""ช่างเถอะ ต่อไปนี้ฉันจะยอมรับให้ได้ทุกอย่าง"หญิงสาวถอนหายใจอ่อน ใช่อย่างที่แดนไทยพูด เธอเป็นคนผูกก็ต้องเป็นคนแก้ แดนไทยมองท่าทีจริงจังของหญิงสาวด้วยแววตาชื่นชม แอบกังวลว่าหญิงสาวจะถอดใจก่อนหรือเปล่า เพราะคนที่นี่ค่อนข้างใจแข็งกันอยู่พอสมควรวันต่อมาวันนี้ดารารินทร์เข้ามาที่ตลาดช่วงสายเธอมาหาซื้อขนมเค้กเพื่อไปให้เด็กๆที่โรงเรียนและเผื่อให้คนในไร่ เสร็จแล้วจึงแวะเข้าไปที่โรงเรียนเพื่อชวนเด็กๆชั้นประถมปีที่6 เรียนภาษาอังกฤษกับเธอฟรี"เด็กๆ พี่นี
"อื้ม.. ฉันโชคดีแค่ไหนที่ได้กินไข่เจียวฝีมือคุณหนูดาวเนี่ย นี่ถ้าคุณแม่แกรู้ว่าแกหัดเข้าครัวทำตัวเป็นแม่บ้านศรีเรือนคงดีใจแทบน้ำตาไหลแน่เลย"หลังจากที่สอนให้ดารารินทร์ลองผิดลองถูกกับการทำไข่เจียวมาพักใหญ่ พิชชาอรก็ได้ทานไข่เจียวสีสวยกลิ่นหอมละมุนฝีมือของเพื่อนเธอเสียที“นึกว่าวันนี้จะได้กินไข่เจียวทูโทนซะแล้วนะเนี่ย”ณัฐวดีมองไข่เจียวสีสวยในจานตาเป็นประกาย ภาพไข่เจียวในจานกระเบื้องสีขาวตรงหน้าหากไปอยู่ที่อื่นมันอาจจะดูธรรมดาๆ แต่เมื่อรู้ว่าเป็นฝีมือของดารารินทร์คุณหนูที่หยิบจับอะไรในครัวไม่เป็นเลยหัดทำไข่เจียวเป็นวันแรกก็ทำได้ดีขนาดนี้มันเลยดูพิเศษสำหรับเธอพอสมควร"เมื่อก่อนที่ฉันไม่อยากทำก็เพราะไม่ชอบไอร้อนๆกลัวตัวเหม็น แต่พอได้ลงมือฉันว่าการทำอาหารก็สนุกดีนะ ตอนนี้อยากทำเป็นอีกหลายๆเมนูเลย"ดารารินทร์ยิ้มกว้างปลื้มปริ่มกับไข่เจียวตรงหน้ามากๆ การเข้าครัวมันก็ไม่ได้เลวร้ายอย่าวที่เธอเคยคิด กลับรู้สึกสนุกมากๆจนอยากเรียนรู้และทำเมนูอื่นเป็นเร็วๆหลังจากเพื่อนๆกลับบ้านกันไปหมดแล้วดารารินทร์ก็ออกมายืนมองวิวทิวทัศน์ของเมืองใหญ่ยามค่ำคืน ภาพที่เธอเคยเห็นว่ามันสวยงามกลับไม่เป็นเช่นเดิม ตอนนี