ตอนนี้ภายในห้องรับรองบ้านใหญ่พวกบรรดาลูกหลานก็ต่างพากันมารวมตัวด้วยกันเต็มไปหมด มีทั้งคนร้องไห้ คนโวยวายเสียงดังเอ็ดตะโรไปหมดจนกระทั่งครอบครัวของเทียนเดินเข้ามา ทุกคนก็เงียบและหันมาสนใจพวกเขาทั้งที
"พี่หล่ง นี่มันเรื่องอะไรกันน่ะพี่" เอกรีบเดินเข้าถามด้วยความสงสัย "นั่นสิพี่ มีคนบอกว่าพ่อตายแล้วมันไม่จริงใช่ไหมพี่" มุกดาเข้ามาเขย่าตัวพี่ชายอย่างคนขาดสติจนเจสันต้องเข้ามาช่วยประคองมุกดาให้ถอยออก "ปล่อยนะ! ฉันคุยกับพี่ชายอยู่แกไม่เห็นหรือไง" มุกดาหันไปตวาดเจสันแล้วพลักเขาออกทันที "พี่หล่ง...ฮือ...พ่อยังไม่ตายใช่ไหมพี่...อึก...บอกฉันสิว่าบอดี้การ์ดพวกนี้มันรับสารมาผิดอ่ะ...ฮื้อ...ฮือ...พี่หล่ง" มุกดาพยายามเต้นเอาคำตอบจากพี่ชายทั้งที่ในใจเธอก็รู้ดีว่าคนของบ้านใหญ่ไม่มีทางเผยแผ่ข่าวสารที่ผิดพลาดอย่างแน่นอน "นพ" คุณหล่งหันไปหาน้องเขยที่นั่งปลอบใจลูกสาวอยู่แล้วเรียกเขาด้วยน้ำเสียงดุดัน "ครับ" นพลุกขึ้นแล้วตอบทันที "มาพาเมียแกไปนั่งทีไป" คุณหล่งพูด "ครับ" นพตอบแล้วรีบเข้ามาพยุงมุกดาไปนั่งพักอยู่ข้างๆ ลูกสาว จากนั้นครอบครองของคุณหล่งก็เดินไปนั่งประจำที่เพื่อรอผู้นำหญิงทั้งสองออกมาพูดคุยเรื่องนี้ด้วยตัวเอง เจสันกับเวกัสก็เดิินอ้อมไปยืนอยู่ด้านหลังเจ้านายด้วยเช่นกัน รอไม่นานคุณหญิงหยาดทิพย์และคุณโฉมก็เดินลงมาแล้วนั่งลงประจำที่ของตัวเอง แม้จะไม่มีสีหน้าที่ดูเศร้าเสียใจแต่แววตาของคุณผู้หญิงทั้งสองกลับแดงก่ำและบวมช้ำอย่างเห็นได้ชัด "จากที่พวกเราได้รับข่าวมาว่าคุณท่านเสียชีวิตแล้วที่ฮ่องกง...หลังจากตรวจสิบข้อเท็จจริงแล้ว...ฮึก...ปรากฏว่าเป็นความจริง" สิ้นสุดคำพูดของคุณโฉมลูกหลานทุกคนก็แสดงออกถึงความเสียใจอย่างเห็นได้ชัดแม้แต่ลูกเขยลูกสะใภ้เองก็ยังเสียใจกับการสูญเสียครั้งนี้ด้วยเพราะถึงแม้ตระกูลนี้จะมีกฎที่เข้มงวดและน่ากลัวอยู่บ้างแต่คุณซ่งผู้นำตระกูลกับเป็นคนที่มีจิตใจเมตตากรุณาต่อลูกหลานทุกคนมากจึงทำให้ทุกคนต่างก็รักเขา "ย่ารองครับ...ย่ารองทราบเหตุผลที่คุณปู่จากไปไหมครับ" เทียนลุกถึงถามด้วยความไม่เข้าใจเพราะเมื่อคืนก่อนไปคุณปู่ของเขายังปกติดีอยู่เลย "เรื่องนี้คงต้องรอให้วิสุทธิ์กลับมาอธิบายเอง" คุณโฉมตอบ "แต่เมื่อคืนนี้ก่อนที่คุณปู่จะไปฮ่องกง คุณปู่ยังดีๆ อยู่เลยนะครับย่ารอง" เทียนพูด "ทำไมแกถึงรู้ว่าคุณพ่อจะไปฮ่องกง พวกฉันไม่เห็นมีใครรู้เลยว่าคุณพ่อจะออกจากบ้าน" เอกถาม "ใช่ แล้วกำหนดกลับไทยของแกมันตั้งอีกอาทิตย์นึงไม่ใช่เหรอทำไมอยู่ดีๆ ถึงกลับมากระทันหันล่ะ" มุกดาถาม "พูดแบบนี้หมายความว่าไง" หล่งถามน้องทั้งสองคนด้วยความไม่พอใจที่ทั้งคู่พูดเหมือว่าลูกชายของเขารู้เห็นเกี่ยวกับเรื่องการจากไปของพ่อตัวเอง "ผมก็แค่สงสัย ก็ในเมื่อพวกเราอยู่ที่ไทยยังไม่รู้เลยว่าคุณพ่อจะไปฮ่องกงแต่ไอ้เทียนมันผู้ไกลถึงญี่ปุ่นทำไมถึงรู้แล้วกลับมาได้อย่างเหมาะเจาะขนาดนี้" เอกตอบ "แกพูดใหม่สิ!" หล่งลุกขึ้นชี้หน้าน้อฝชายด้วยความโกรธจนดารินต้องรีบห้ามเอาไว้ "คุณค่ะ" ดารินพูดแล้วพยายามดึงสามีให้นั่งลงสงบสติอารมณ์ก่อน เพล้ง!! "หยุดนะ!" คุณโฉมตะโกนห้ามแล้วขว้างแก้วน้ำชาลงมาจนแตกกระเด็นอยู่กลางห้อง "มันใช่เวลาจะมาทะเลากันไหม อายุขนาดนี้แล้วหัดมีความเกรงใจกันบ้าง แม่ใหญ่ก็ยังนั่งอยู่ตรงนี้นะ" คุณโฉมพูดออกมาเสียงดังจนทุกคนค่อยๆ หยุดนิ่ง "นั่งลงก่อนเถอะค่ะคุณ" ดารินกระซิบบอกสามีเบาแล้วดึงแขนลูกชายให้นั่งลงด้วย "ขอโทษครับแม่รอง" หล่งพูดแล้วนั่งลงที่เดิม "ขอโทษครับคุณแม่" เอกพูดแล้วก็หันไปมองหน้าพี่ชายด้วยความไม่พอใจที่ทำให้เขาถูกตำหนิต่อหน้าทุกคน หล่งเองก็จ้องกลับไปที่เอกเช่นกันเพื่อให้เขารู้ว่าตัวเขาเองไม่ได้กลัวน้องชายคนนี้เลยด้วยซ้ำ "เรื่องเมื่อคืนที่ตาเทียนมันรู้ว่าคุณท่านจะไปฮ่องกงก็เพราะว่าคุณท่านเป็นคนเรียกตาเทียนมาคุยเอง ส่วนเรื่องที่ทำไมถึงกลับมาตรงกับวันที่คุณท่านจะไปฮ่องกงมันก็เป็นแค่เรื่องบังเอิญเฉยๆ" คุณโฉมพูดแทนเทียนเลยทำให้พวกผู้ใหญ่ไม่กล้าเอ่ยถามอะไรเขาอีก "เอาล่ะ เมื่อเข้าใจตรงกันแล้วก็ดีเพราะที่เรียกทุกคนมาในวันนี้ก็เพื่อบอกว่าถึงแม้คุณท่านจะจากปแล้วแต่พวกเราอยากจะให้ทุกคนตั้งใจและรับผิดชอบงานของตัวเองเหมือนเดิมจนกว่าจะมีการเปิดพินัยกรรม" คุณหญิงหยาดทิพย์พูดขึ้นหลังจากเงียบมาตลอด "ครับ/ค่ะ" ทุกคนตอบรับทันที ~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~ ร้าน Happy Time "วันนี้ที่เรียกทุกคนมารวมตัวกันก็เพื่อจะพูดคุยปัญหาเรื่องเมื่อวานนิดหน่อย...ไหนมีใครอยากจะแจ้งอะไรผมไหมครับ" ปูนปั้นถาม พนักงานหันหน้ามองกันแล้วซุบซิบใหญ่แต่ก็ไม่มีใครกล้าพูดออกมาสักคน "มีไหมครับ" ปูนปั้นถามย้ำแล้วกวาดสายตามองไปทั่วๆ "มีค่ะ" เมย์ยกมือขึ้นแล้วตอบเสียงดัง "ว่าไงครับ" ปูนปั้นถาม "พี่อยากทราบว่าคุณเอมม่าจะกลับมาทำงานที่ร้านได้เมื่อไหร่คะ" เมย์พูด "ทำไมเหรอครับ" ปูนปั้นถาม เขารู้อยู่ว่าเมย์ไม่ค่อยพอใจกับการทำงานของเขาเพราะเธอแสดงออกอย่างชัดเจน "พี่ไม่อยากจะพูดตรงนะคะเพราะพี่รู้ตัวดีว่าไม่มีสิทธิ์พูดอะไรได้มากแต่ว่าช่วงหลายเดือนที่ผ่านมานี้ ร้านของเรามีปัญหาหนักมากทำให้พนักงานต้องทำงานเพิ่มขึ้นเป็นหลายเท่าตัว น้องปูนปั้นเองก็ไม่มีประสบการณ์ด้านการบริหารงานมาก่อนพี่เลยคิดว่าน่าจะให้คุณเอมม่ากลับมาบริหารร้านน่าจะเหมาะสมกว่า" คำพูดของเมย์ฟังดูแรงมากแต่ก็จริงเพราะพนักงานหลายคนก็ดูจะเห็นด้วยมากๆ "เป็นพนักงานก็ควรตั้งใจทำงานไม่ใช่มายุ่งเรื่องการบริหารร้าน ร้านนี้เป็นของคุณเอมม่าและน้องปูนไม่ว่าใครจะบริหาร...ทุกคนตรงนี้ก็ไม่มีสิทธิ์ไปวิจารณ์ทั้งนั้น" หลังจากนั่งเงียบมานานกุ๊กไก่ก็พูดขึ้นมาแล้วมองไปหาเมย์ด้วยความไม่พอใจ "แต่ถ้าร้านมีปัญหาหาเยอะๆ ลูกค้าก็ไม่อยากเข้านะคะแล้วถ้าร้านไม่มีลูกค้าพนักงานตาดำๆ อย่างพวกเราจะไปกันรอดได้ยังไง" พนักงานสาวอีกคนตอบ "ที่มันมีปัญหาก็เพราะพวกเธอบริการลูกค้าช้าเองไม่ใช่เหรอ" กุ๊กไก่พูด "พูดแบบนี้ได้ไงอ่ะ! งานในครัวมันไม่ต้องเดินไปมารับหน้าลูกค้าแบบพวกเราหนิ" เมย์ลุกขึ้นตอบด้วยความโมโห "แล้วใครบอกบอกว่างานในครัวมันไม่ต้องเดินอ่ะ" กุ๊กไก่ก็ทนไม่ไหวลุกขึ้นโต้กลับเมย์เหมือนกันจนหมิงต้องรีบลุกขึ้นมาจับไว้ "แล้วมันเดินเยอะเท่ากันไหมล่ะ" เมย์ตอบแล้วจะเดินตรงเข้าไปหากุ๊กไก่จนเพื่อนก็ต้องรีบรั้งเธอไว้เหมือนกัน "ไม่มีฝีมือก็ต้องใช้แรงงานถูกแล้วป่ะ" กุ๊กไก่พูด "พี่กุ๊กไก่ใจเย็นก่อนครับ" หมิงพูดแล้วพยายามดึงกุ๊กไก่ไว้ "ว่าใครไม่มีฝีมือฮะ!" เมย์ตอบ "ก็พูดอยู่กับใครล่ะ" กุ๊กไก่ตอบ "มึงจะเอายังไงว่ะอีกะเทย" เมย์เริ่มควบคุมอารมณ์ไม่อยู่แล้ว "แล้วมึงจะเอายังไงล่ะอีชะนี" พอได้ยินเมย์พูดจาไม่ดีใส่กุ๊กไก่เองก็ทนไม่ไหวเริ่มโต้กลับด้วยคำหยาบบ้าง "แน่จริงมึงก็เข้ามาดิ" "มึงก็มาดิ" โธ่~อีกะเทยเอ้ย" "กระเทยแล้วหนักหัวแม่มึงเหรอ" "หนักหัวกูนี่แหละ" "กูตัดออกให้ดีไหมเผือมันจะได้สวยขึ้นมาบ้าง" เมย์และกุ๊กไก่ต่างไม่มีใครยอมใคร ขนาดมีเพื่อนๆ ค่อยรั้งไว้ก็ยังแทบจะเอาไม่อยู่ "หยุดดดด!!" ปูนปั้นทนไม่ไหวจึงตะโกนออกไปเสียงดังเพื่อห้ามทั้งสองคนให้เลิกทะเลาะกัน นอนแรกเขากะจะให้ทั้งสองคนคิดได้แล้วหยุดทะเลาะกันเองเพราะทั้งคู่ก็โตเป็นผู้ใหญ่แล้วแต่ดูเหมือนว่ามันจะไร้แววเขาจึงรีบห้ามทัพก่อนที่จะซัดกันจริงๆ ซะก่อน "ผมยังยืนอยู่ตรงนี้นะครับ" ปูนปั้นพูดด้วยความโมโหที่ทุกคนมายืนเถียงกันข้ามหน้าข้ามตาเขาอย่างกับไม่ให้เกียรติเขาในฐานะเจ้าของร้านเลย "พี่กุ๊กไก่ ในนี้นี่พี่โตที่สุดเลยนะครับ...ผมรู้ว่าพี่หวังดีกับผมแต่ช่วยใจเย็นลงหน่อยได้ไหมครับ" ปูนปั้นพูด เขารู้ว่ากุ๊กไก่เป็นคนใจร้อนและพูดจาโผงผางไปหน่อยแต่วันนี้ที่มาทะเลาะกันแบบนี้ต่อหน้าเขามันเกินไปจริงๆ "ส่วนพี่เมย์ ผมรู้นะครับว่าพี่เมย์ไม่ชอบผมปละผมก็ตอบพี่เมย์ไม่ได้ด้วยว่าพี่เอมม่าจะหายดีแล้วกลับมาทำงานได้เมื่อไหร่ ถ้าพี่เมย์ไม่พอใจกับการทำงานของผมแล้วอยากจะออกไปทำงานที่อื่นก็ได้ผมไม่บังคับ" คำพูดของปูนปั้นสร้างความไม่พอใจให้เมย์เป็นอย่างมากเพราะมันเหมือนกับเธอกำลังโดนไล่ออกต่อหน้าทุกคน "น้องปูนปั้นกำลังอยากจะไล่พี่ออกใช่ไหมคะ" เมย์ถาม "ผมไม่ได้พูดแบบนั้นครับ" ปูนปั้นตอบ "แต่มันก็เหมือนใช่หนิคะ น้องปูนปั้นทำงานได้ไม่ดีเองพอพี่พูดตรงๆ ก็ไม่พอใจอยากจะไล่พี่ออก...ดีจังเลยนะคะ" เมย์พูดแล้วจ้องมองไปที่ปูนปั้นอย่างท้าทาย "พูดให้มันดีๆ หน่อยนะ" กุ๊กไก่หมันไส้สีหน้าของเมย์จึงอดไม่ได้ที่จะพูดออกมา "แล้วมึงจะทำไม" เมย์หันไปตวาดใส่กุ๊กไก่ทันทีที่เขาพูดขัดขึ้นมา "อย่ามาเสือก...เก็บร่างกายเน่าๆ ของมึงไว้เจ็บกับอีพวกเสี่ยเงินหนาเถอะ ฮึ!" เมย์พูดเน้นเสียงใส่หน้ากุ๊กไก่และแสยะยิ้มใส่เขาด้วยความสะใจ "อ้าวอีนี่!" กุ๊กไม่พอใจจะกระโจนเข้าไปใส่เธอแต่ก็ถูกปูนปั้นจับไหล่เอาไว้ก่อนเพื่อบอกให้เขาใจเย็น ซึ่งตัวกุ๊กไก่เองก็ไม่รู้ด้วยซ้ำมาปูนปั้นเดินมาเขาตั้งแต่เมื่อไหร่ "ไม่พอใจเหรอครับ" ปูนปั้นถาม "เฮอะ~ น้องปูนปั้นอย่าคิดนะคะว่าแค่เพิ่มเงินเดือนให้พวกเราแค่นิดหน่อยมันจะมาทดแทนความเหนื่อยที่เพิ่มขึ้นมหาศาลของพวกเราได้" เมย์ตอบอย่างลอยหน้าลอยตาจนปูนปั้นเองก็แทบจะอดทนไม่ไหวอยากจะกระชากหัวเธอแรงๆ สักครั้งแต่ติดที่เธอเป็นผู้หญิงและเขาเองก็อยู่ในฐานะผู้นำเลยไม่อยากทำอะไรที่มันไม่สมควร "แล้วทนอยู่ทำไมล่ะครับ ผมมาบริหารอยู่ตั้งเกือบ 4 เดือนถ้าพี่เมย์ไม่พอใจทำไมยังไม่ไปอีกล่ะหรือว่าไม่มีที่ไหนจ้างแล้ว แต่ก็อย่างว่าแหละเนอะร้านผมให้เงินเดือนพนักงานสูงกว่าร้านอื่นๆ จะยอมเสียศักดิ์ศรีทนหน่อยก็คงไม่เป็นไร อ่อ~แต่ถ้าพี่เมย์อยากได้เงินเดือนที่สูงกว่านี้ผมแนะนำให้ได้นะครับ....เอ้~เหมือนจะเป็นเมียน้อยของเสี่ยชัชที่ปล่อยเงินกู้อยู่แถวตลอดสดเจ๊สีนะครับ ถ้าพี่เมย์อยากสบายแล้วได้เงินเยอะก็บอกผมได้นะผมมีเบอร์เสี่ยชัชเขาอยู่" ปูนปั้นพูดแล้วยื่นหน้าเข้าไปใกล้เมย์อย่างไม่กลัว ที่พนักงานในร้านไม่ค่อยเคารพเขาเป็นเพราะเขาอายุยังน้อยแล้วก็ยอมทนคนมาตลอด พอพนักงานรู้ว่าสามารถพูดจายังไงกับเขาก็ได้พักหลังถึงกล้าทำตัวล้ำเส้นกับเขามากขึ้น ดังนั้นนี้จึงเป็นครั้งแรกที่เขาพูดจาแบบนี้กับทุกคนและเป็นการเตือนทุกคนด้วยว่าเขาอยู่ที่นี่ในฐานะอะไรและต่อไปนี้เขาจะไม่ยอมให้พนักงานคนไหนกล้าปีนเกลียวกับเขาอีก "อีตุ๊ด!" เมย์ว่าปูนปั้นแล้วง้างมือขึ้นมาหมายจะตบหน้าเขาแต่ก็ถูกปูนปั้นชี้หน้าแล้วห้ามไว้ซะก่อน "หยุดนะ! อย่ามาทำตัวกร่างแถวนี้ไม่งั้นจะหาว่าผมใจร้ายไม่ได้" ปูนปั้นพูด ทำเอาเมย์ไม่กล้าไม่ลงมือกับเขาเลย "มึงจำให้ดีนะว่าทำอะไรกับกูไว้บ้าง...แล้วมึงจะเสียใจ" เมย์พูดแล้วเดินถอยหลังออกไป "พวกมึงทุกคนด้วย คิดจะฝากอนาคตไว้กับเด็กน้อยโง่ๆ คนนึงพวกมึงก็เตรียมตัวอดตายไปกับมันได้เลย ร้านเนี่ยมันไปไม่รอดหรอกโว้ย~ ฮ่าๆๆ" เมย์พูดแล้วก็เดินออกไปแถมยังถอดผ้ากันเปื้อนโยนทิ้งไว้ที่พื้นอีก "เออ มึงไปเลยนะ ไป!" กุ๊กไก่ตะโกนไล่ตามหลังเมย์ไปด้วยความโมโหเช่นกันและหลังจากที่เมย์ออกไปบรรยากาศในร้านก็เงียบลงทันที ทุกคนที่ยืนตรงนั้นล้วนแต่เกิดคสามรู้สึกอึดอัดใจกันไปหมด ปูนปั้นถอนหายใจออกมาด้วยความรู้สึกสับสนพร้อมไล่สายตามองไปที่พนักงานทุกคนส่วนหมิงก็เดินไปเก็บผ้ากันเปื้อนผืนนั้นที่เมย์โยนทิ้งเอาไว้แล้วหันกลับมามองสบตากับปูนปั้นด้วยความรู้สึกเห็นใจเทียนนั่งมองโรงศพของปู่เขาทุกวันตั้งแต่ที่ศพมาถึงประเทศไทยจนพรุ่งนี้ก็เป็นวันสุดท้ายแล้วที่เขาจะได้อยู่กับปู่เป็นวันสุดท้าย ยิ่งมองเรื่องราวความทรงจำในอดีตของเขากับปู่ก็ยิ่งผุดขึ้นมาในหัวเขา "ทำไมปู่ถึงทิ้งไปผมแบบนี้ล่ะครับ...ไหนปู่บอกว่าจะกลับมาฟังคำตอบจากผมไม่ใช่เหรอ" เทียนพูดออกมาทั้งน้ำตา ตอนนี้ทุกคนกลับไปพักหมดแล้วเหลือเพียงเขาคนเดียวที่ยังนั่งอยู่เป็นเพื่อนปู่ตรงนี้"พรุ่งนี้พวกเราก็ต้องแยกจากกันแล้ว ฮึก~งั้นผมขอตอบคำถามปู่ตรงนี้เลยแล้วกันนะครับ...ฮือ...ผมทำไม่ได้ครับปู่...ฮึก...ฮือ...ผมทำไม่ได้ ผมแต่งงานกับผู้หญิงไม่ได้ครับ...ฮื้อ...ฮือ...ผมขอโทษ ผมทำให้ปู่ผิดหวังอีกแล้ว...ฮื้อ...ฮือ...ฮือ...ฮื้อ...ฮึก...ฮือ" เทียนนั่งร้องไห้จนตัวโยนด้วยความเสียใจ เขารู้สึกผิดมากที่ไม่สามารถทำตามความต้องการของปู่ได้แถมการที่ปู่จะจากไปเขายังได้ติดค้างคำตอบของปู่อีกเวกัสเดินเข้ามาดูเทียนที่นั่งร้องไห้ปานคนจะขาดใจ เขารู้ว่าเทียนกับคุณซ่งรักและสนิทกันมากแค่ไหนและก็รู้ว่าคงไม่มีคำปลอบโยนใดที่จะทำให้หัวใจของเทียนรู้สึกดีขึ้น เวกัสเดินเข้าไปแล้วย่อตัวนั่งลงข้างๆ เทียน เขาใช้มือทั้งสองข้างโอบไหล่ของเ
หลังจากแยกย้ายกันกลับบ้านดารินก็เข้ามาทำแผลให้ลูกชายด้วยความเป็นห่วง"เจ็บไหมลูก" ดารินถาม"นิดหน่อยครับแม่" เทียนตอบ"พี่เทียน ไอ้เมฆมันทำแบบนั้นจริงๆ เหรอพี่" ธูปถาม"คุณปู่บอกพี่แบบนั้นอ่ะ" เทียนตอบ"นี่พ่อไม่อยากจะเชื่อเลยว่าคนเงียบๆ เรียบร้อยดูไร้พิษสงอย่างไอ้เจ้าเมฆมันจะกล้าทำอะไรแบบนี้" หล่งพูดออกมาด้วยความหงุดหงิดเพราะเมื่อก่อนเขาเองก็รักและเอ็นดูเมฆเหมือนกับลูกชายคนนึงของตัวเองเหมือนกัน"ตอนผมได้ยินครั้งแรกก็ตกใจไม่ต่างจากทุกคนหรอกครับ" เทียนตอบ"แล้วนี่แกรู้เรื่องใหญ่โตนี้ก็ยังจะปิดบังพ่อกับแม่อีกนะ" หล่งหันมาดุเทียนที่ปิดบังเรื่องของเมฆกับตัวเองมาตั้งหลายวัน"คุณเทียนครับ พวกเราได้เอกสารทั้งหมดมาแล้วครับ" เจสันกับเวกัสเดินเข้ามาพร้อมแฟ้มและสมุดบัญชีจำนวนมาก"เอาเข้าไปวางที่ห้องทำงานของฉันเลย" ดารินตอบ"ครับ" เจสันและเวกัสตอบก่อนจะเดินเอาของไปไว้ให้เจ้านาย"แต่แม่ครับ~" เทียนกำลังจะพูดแต่ดารินยื่นมือไปจับมือของลูกชายไว้ก่อน"เดี๋ยวแม่ช่วยเทียนเอง" ดารินพูด เทียนค่อยๆ ยิ้มออกมา"ครับ" เทียนตอบหลังจากมื้อเย็นเทียนและดารินก็ช่วยกับจัดการตรวจสอบบัญชีและเอกสารทั้งหมดด้วยกันโดยมี
"ช้าๆ ระวังเท้าด้วยสิ" ปูนปั้นพพูด เขาประคองเทียนเข้ามาในห้องนอนของตัวเองแล้วทิ้งคนตัวใหญ่ลงเตียงอย่างแรงแฮ่ก แฮ่ก แฮ่ก ปูนปั้นหอบหายใจออกมาด้วยความเหนื่อยเพราะน้ำหนักตัวของเทียนไม่ใช่เล่นๆ เลย ปูนปั้นมองดูเทียนแล้วยกมือขึ้นมาเกาหัวด้วยความสับสน"หางานให้ตัวเองแท้ๆ เลยไอ้ปูนปั้นเอ้ย~" ปูนปั้นพูดแล้วหันหลังจะเดินกลับไปแต่เทียนก็คว้าข้อมือของเขาไว้ก่อนจนปูนปั้นต้องหันกลับมาหาเขา"อย่าทิ้งผมไป...อย่าทิ้งผมไปเลยนะครับปู่" เทียนพูดเจ้อออกมาเบาๆ ปูนปั้นแกะมือของเขาออกแล้วมองเขาด้วยความรู้สึกเบื่อหน่าย"ปู่ที่ไหนล่ะ นี่ปูนปั้นจ้า ชิส์!" พูดจบปูนปั้นก็เดินไปหยิบผ้าขนหนูแล้วเขาไปอาบน้ำทันที ผลังจากอาบน้ำเสร็จแล้วปูนปั้นก็เดินเช็คผมออกมา เขามองไปที่เทียนอีกครั้งด้วยความรู้สึกแปลกๆ อาจเป็นเพราะปกติไม่เคยมีใครเข้ามาอยู่ในห้องนอนด้วยกันกับเขามันก็เลยทำให้เขาทำตัวไม่ถูก ปูนปั้นเดินออกจากห้องไปหยิบโถใส่น้ำกับผ้าเช็คตัวผืนเล็กๆ เข้ามาวางไว้ที่ตู้ข้างเตียงก่อนจะนั่งลงปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตของเทียนออก ตอนที่เทียนล้มทับตัวเขาตอนนั้นเขาก็รู้สึกได้แล้วว่าอุณภูมิร่างกายของเทียนสูงผิดปกติแบบหน้าตาก็อิดโรยกว
เมื่อมาถึงร้านเทียนก็รีบเดินไปที่รถของเขาทันที"ซี๊ด!..." เขาร้องออกมาทันทีที่ใช้มือแตะหลังคารถพร้อมกับรีบชักมือกลับเพราะตอนนี้ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนนอนตากแดดมาหลายชั่วโมงแล้ว"โธ่~ตัวร้อนจี๋เลยลูกไว้กลับบ้ทนพ่อเปิดแอร์ให้นอนฉ่ำๆ เลยนะ" เทียนพูดกับรถเบาๆ ปูนปั้นเดินตามมาทีหลังก็ถึงกับส่ายหัวให้ความโอเว่อร์ของเทียนทันที เขาเดินล้วงหากุญแจเปิดร้านในกระเป๋าจนมาหยุดอยู่หน้าประตูร้านทันที"เจอแล้ว" ปูนปั้นพูดแล้วเงยหน้าขึ้นมามองร้านของตัวเองแต่เขาก็ต้องตกใจ"เฮ้ย!" ทันทีที่เทียนได้ยินเสียงของปูนปั้นเขาก็รีบหันไปหาปูนปั้นด้วยความเป็นห่วงแต่ภาพที่เขาเห็นตรงหน้าคือร้านของปูนปั้นถูกพ่นสีสเปรย์เขียนคำหยาบคายไว้เต็มไปหมด ตอนนี้ปูนปั้นเองก็ช็อคไม่ต่างกันเงยหน้ามองแล้วอ่านคำด้าท่อพวกนี้ทั้งหมดด้วยความโมโหและสับสน เทียนเดินเข้าไปหาปูนปั้นใกล้ๆ เพื่อดูปฏิกิริยาของเขาว่าโอเคหรือเปล่า"รู้ไหมว่าใครทำ" เทียนถาม ปูนปั้นส่ายหน้าตอบว่าไม่รู้ "เข้าไปตรวจดูข้างในก่อนเถอะว่ามีอะไรหายไปไหม" เทียนพูด ปูนปั้นหันมามองหน้าเขาด้วยความรู้สึกอบอุ่นใจที่เขายังอยู่เป็นเพื่อน จากนั้นเขาก็ไขกุญแจเปิดร้านทันทีซึ่งสภาพภายใ
"คุณเทียนมีเรื่องอะไรอยากจะคุยกับผมหรอครับ" พายุถาม"ฉันมีคนรู้จักอยู่คนนึงเขาเป็นเจ้าร้านที่นี่" เทียนตอบแล้วยื่นโทรศัพท์ให้พายุดูซึ่งมันเป็นรูปหน้าร้านของปูนปั้นที่มีทั้งตอนปกติและตอนที่เกิดปัญหา"ร้าน Happy Time หรอครับ" พายุพูด"นายรู้จักเหรอ" เทียนถาม"ครับ ผมเคยไปหาเพื่อนแถวนั้นอยู่ 2-3 ครั้งแต่ไม่เคยเข้าไปทานหรอกนะครับ" พายุตอบ"ตอนนี้ที่นี่กำลังถูกคุกคาม มีคนเอาสีสเปรย์ไปพ่นที่หน้าร้านนี้จนดูไม่ได้ ฉันอยากให้นายไปสืบมาหน่อยว่าใครเป็นคนทำแต่นายห้ามบอกเรื่องนี้ให้คนที่บ้านรู้เด็ดขาด เข้าใจไหม" เทียนพูด"ได้ครับคุณเทียน" พายุตอบ"นายสามารถเอาคนไปใช้ได้ 2-3 คนแต่ต้องกำชับพวกนั้นให้ดีว่าอย่าแพร่งพรายเรื่องนี้ไม่งั้นคนที่จะเดือดร้อนก็คือนายเอง" เทียนพูด"ครับ" พายุตอบ"นี่เป็นงานแรกที่ฉันมอบให้นายทำ...อย่าทำให้ฉันผิดหวังนะ" เทียนพูด"ผมจะทำให้เต็มที่ครับ...เอ่อ~ว่าแต่คุณเทียนมีเวลากำหนดให้ผมไหมครับ" พายุถาม "เร็วที่สุด" เทียนตอบ "ครับ" พายุตอบ"กลับไปพักผ่อนได้แล้วไปพรุ่งนี้จะได้มีแรงไปทำงานให้ฉัน" เทียนพูด"ได้เลยครับคุณเทียน รับรองพรุ่งนี้งานเดินผ่านฉลุยแน่นอน" พายุตอบแล้วยกนิ้ว
"พวกเราได้ภาพคนร้ายมาจากกล้องวงจรปิดน่ะครับ" บอดี้การ์ดคนที่หนึ่งตอบ "เป็นไปไม่ได้ คุณเทียนบอกผมมาแล้วว่ากล้องวงจรปิดที่ร้านมันเสียแล้วแบบนี้พวกคุณจะไปเอามาได้ยังไง" พายุพูด "พวกผมก็ไปเอามาจากบ้านของคนในระแวกไงครับ" บอดี้การ์ดคนที่หนึ่งตอบ "ใช่ครับ กล้องที่ร้านเสียพวกเราเลยไปไล่ขอคลิปจากกล้องวงจรปิดจากชาวบ้านแถวนี้แทนแล้วก็ให้ค่าตอบแทนพวกเขาไปนิดหน่อย ลองเอาภาพจากกล้องวงจรปิดของทุกบ้านมารวมกันก็พบเห็นชายต้องสงสัยที่ใส่ชุดดำทั้งตัวเดินออกมาจากทางร้าน Happy Time ช่วงเวลาประมาณตี 3 กว่าๆ จากนั้นเขาก็เดินเอาถุงอะไรบ้างอย่างไปทิ้งที่หน้าตึกร้างที่อยู่ห่างไปอีก 3 ซอยพอพวกเราไปตรวจสอบดูก็พบว่าในนั้นมีอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับพ่นสี ถุงมือ มีดและกระป๋องสเปรย์อีกจำนวนมากเลยครับอุปกรณ์" บอดี้การ์ดคนที่สองตอบ หน้าของพายุดูอึ้งไปทันทีเขาไม่คิดว่าทุกคนจะฉลาดกันขนาดนี้เพราะตัวเขาเองคิดไม่ถึงเลยจริงๆ ถ้าสองคนนี้ไม่พบหลักฐานอะไรป่านนี้เขาก็ยังคงเดินไล่ถามชาวบ้านต่อไปเรื่อยๆ จนหมดวันแน่ "เหรอ~ แล้วรู้หรือเปล่าว่าเขาเป็นใคร"
ตอนนี้พายุมพาคนร้ายมานึงอยู่ที่เก้าอี้แล้วดึงผ้าคลุมสีดำออก "ต้องปิดปากเขาไว้ด้วยเหรอ" ปูนปั้นถามเพราะเห็นว่ามีเทปปิดปากของเขาไว้อยู่ "ตลอดทางมานี้ไอ้นี่มันร้องโวยวายตลอดเลยครับ พวกผมรำคาญก็เลยเอาเทปแปะไว้ก่อน" พายุตอบ ปูนปั้นถอนห่ยใจออกมาแล้วเดินเข้าไปแกะเทปออกให้เขา "พวกคุณบ้าไปแล้วเหรอ! ประเทศนี้มันมีกฎหมายนะเว้ย คอยดูเถอะผมจะไปแจ้งตำรวจมาจับพวกคุณให้หมดเลย" ผู้ชายคนนั้นต่อว่าทุกคนออกมาอย่างเสียงดังโดยไม่มีความสำนึกอะไรเลย "คุณทำแบบนั้นทำไม" ปูนปั้นถามด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง เขาโกรธมากนะยิ่งรู้ว่าคนที่อยู่ตรวหน้าเป็นคนมำให้ร้านของเขาเสียหายเขายิ่งรู้สึกโกรธแต่ด้วยความที่เขาอยากเจรจาสอบถามเหตุผลกับคนตรงนั้นเขาเลยต้องควบคุมอารมณ์ตัวเองเอาไว้ก่อน "ผมทำอะไร" ชายคนนั้นตอบตาใสเหมือนกับตัวเองเป็นผู้บริสุทธิ์ "คุณมาพ่นสีที่ร้านผมทำไม" ปูนปั้นถาม สีหน้าของเขาดูตกใจเล็กน้อยก่อนที่จะหลบตาปูนปั้น "ผมสีอะไร~ ผมไม่ได้" คนร้ายยังคงปฏิเสธทุกอย่างอย่างหน้าตาเฉย "ไม่ได้ทำบ้าอะไร คิดว
"น่าหงุดหงิดจริงๆ" เทียนขับรถกลับบ้านด้วยความน้อยใจ "ที่ฉันทำไปเพราะตัวเองหรือยังไง...ที่ทำไปก็เพราะหวังดีทั้งนั้น ถ้าไม่ชอบก็น่าจะบอกกันดีๆ สิทำไมต้องใส่อารมณ์ขนาดนั้นด้วย" เทียนนั่งบ่นคนเดียวตลอดทางอย่างกับคนบ้า เห็นใครขับรถปาดหรือขับรถไม่ดีก็ตะโกนด่าอยู่คนเดียวในรถตลอด ~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~ "ลั้ลลา ลั้ลลา~" พายุเดินเข้ามาในบ้านอย่างอารมณ์ดีเพราะว่าภารกิจแรกของเขาผ่านพ้นไปด้วยดีแม้จะไม่ใช่ฝีมือของเขาทั้งหมดก็เถอะ เจสันเห็นพายุเดินเข้ามบ้านมาก็รีบเดินมาหาเขาทันที "พายุ" เจสันเรียก "ครับ" พายุหยุดนิ่งแล้วยืนตรงตอบเขาอย่างกับทหารเจอครูฝึกอย่างงั้นแหละ "คุณเทียนสั่งไว้ว่าถ้านายมาแล้วให้ขึ้นไปหาที่ห้องทันที" เจสันพูด "รับทราบครับ" พายุตอบแล้วตะเบ๊ะใส่เจสันไปหนึ่งทีก่อนจะรีบเดินขึ้นบันไดไปหาเทียนที่ห้องนอนตามคคำสั่ง เจสันมองตามพายุด้วยสีหน้างงๆ "นี่มันคิดว่าตัวเองอยู่ในคค่ายทหารหรือไงว่ะ" เจสันพูดแล้วส่่ายหัวให้กับความเด๋อด๋าของพายุ ก๊อกๆๆ
"คุณใจเย็นๆ ก่อนนะคะ" ดารินพยายามบอกให้สามีของเธอควบคุมสติอารมณ์เอาไว้ "ไอ้เจสันมึงไปบ้านใหญ่รายงานเรื่องนี้กับคุณแม่และแม่เล็กแต่มึงต้องจำไว้นะว่าห้ามให้ใครรู้เรื่องนี้เด็ดขาดยกเว้นพวกคุณแม่เท่านั้น""ได้ครับเดี๋ยวผมจะบอกกับพวกคุณผู้หญิงเอง" เจสันตอบแล้วก็เดินออกไป"ส่วนมึงไอ้เวกัส มึงไปตามสืบมาว่าบอดี้การ์ดอีกสองคนที่หายไปในคืนนี้พวกมันหายไปได้ยังไง ถ้ามันยังไม่ตายก็เอาพวกมันกลับมาให้ได้" "ครับคุณหล่ง" หลังจากรับคำสั่งเวกัสก็รีบออกไปทำงานของเขาทันทีเช่นกัน"ผมจะไม่ยอมให้ตาเทียนเจ็บตัวฟรีแน่" หล่งพูดกับดารินด้วยสีหน้าโกรธแค้นสุดๆ ~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~ตอนนนี้หน้าห้องพัก VIP ของโรงพยาบาลที่ถูกจองเอาไว้สามห้องติดกันล้วนมีบอดี้การ์ดรูปร่างบึกบึนยืนเฝ้าอยู่หน้าประตูจำนวนหลายคนเลย ซึ่งก่อนหน้านี้เจสันได้สั่งให้คนตรวจค้นห้องพักทั้งสามห้องให้เรียบร้อยและยืนเฝ้าไว้ตลอดห้ามให้ใครมาเข้ามาวางกำดักหรือทำอะไรไม่ดีก่อนที่คนเจ็บจะถูกย้ายมาและแน่นอนว่าทุกครั้งที่มีเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลเข้ามาปูเตียงหรือนำของอะไรมาวางคนข
ปัง!"โอ๊ย" เสียงบอดี้การ์ดคนนึงของเทียนร้องขึ้นมาเนื่องจากเขาถูกกระสุนยิงเข้าที่แขนข้างซ้ายขณะกำลังพยายามช่วยยิงสะกัดคนร้ายที่ต้องการจะเอาชีวิตของเทียนอยู่แต่อาการเจ็บที่แขนทำให้เขาไม่สามารถประคองรถต่อไปได้จนทำให้รถล้มลงอย่างแรง บอดี้การ์ดอีกคนก็เห็นแล้วแต่ไม่สามารถหยุดรถช่วยได้เพราะอันตรายเกินไปแถมเขาเองยังต้องปกป้องเทียนอีก"โอ๊ย! เอาไงดีว่ะ เอาไงดี...ฮือ" พายุเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดผ่านกระจกจนทำให้เขาสติแตกควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่อยู่"พายุ ไอ้พายุใจเย็นๆ" เทียนตะโกนใส่พายุเสียงดังเนื่องจากเจ้าตัวลนไปหมดแล้ว"ผมกลัวอ่ะคุณเทียน...ฮือ...ทำไงดีอ่ะครับ" พายุเริ่มงอแงออกมาตามประสาเด็กที่ไม่เคยผ่านเรื่องอันตรายและความเสี่ยงมาก่อน"มึงไปขับ! อย่าเบาคันเร่ง" "แม่งเอ้ย!" เทียนรู้สึกหงุดหงิดที่พายุไม่ได้ดั่งใจ เขาเงยหน้าขึ้นมาแล้วมองไปที่ข้างหลังแป๊ปนึงก่อนจะรีบก้มหัวลงมาเหมือนเดิมเพราะมีกระสุนพุ่งมาอย่างแรงจนกระจกด้านหลังแตกกระจายซึ่งมันกระเด็นโดนหน้าเขาด้วยจนเกิดแผล"เฮ้ย!" พายุตกใจสะดุ้งต้องเผลอปล่อยพวงมาลัย"ไอ้พายุ!"
"เอ่อ~ตาเทียน" เอกแสร้งยิ้มแล้วหันไปหาเทียน"ครับ" เทียตอบ"อามีเรื่องงานที่อยากจะปรึกษาหน่อยน่ะ ออกไปคุยกันข้างนอกสักแป๊ปได้ไหม" เอกพูด"ตอนนี้เหรอครับ" เทียนถาม"ใช่" เอกตอบ"แหม่~คุณเอกค่ะนี้มันเวลาไหนแล้วเรื่องงานก็พักบ้างเถอะค่ะ" หญิงป่านนภาพูด"ใช่ครับ ไว้พรุ่งนี้ก็ได้ผมไม่รีบหรอก" เทียนตอบเพราะเขาไม่อยากออกไปกับใครตามลำพังในช่วงเวลาที่ไม่ปลอดภัยแบบนี้แถมพายุก็ยังไม่กลับมา"พอดีพรุ่งนี้อากับอาเอกต้องไปธุระที่ต่างจังหวัดกันหลายวันก็เลยกลัวจะไม่มีเวลาน่ะจ๊ะ" เหมยหลินพูด"ครับ" เทียนจำใจต้องตอบตกลงไปก่อนเพราะกลัวคนอื่นจะสงสัยหาว่าสิริยากรมีปัญหาภายใน เทียนลุกขึ้นเดินตามเอกออกไปหาที่หลบมุมคุยกัน ผ่านไปไม่ถึงนาทีพายุก็เดินเข้ามาพร้อมกับมองหาเทียนไปทั่วแต่ก็ไม่เจอเลยเดินเข้าไปใกล้ๆ บิ๊กเพื่อสอบถามแต่ด้วยท่าทางยุกยิกๆ เหมือนเด็กน้อยของเขามันทำเอาเหมยหลินรำคาญไม่น้อยจนต้องหันไปถลึงตาใส่ด้วยความไม่พอใจ พายุรีบก้มหัวขอโทษเหมยหลินทันทีเธอจึงได้ยอมหันกลับไปแล้วไม่เอาเรื่อง"พี่บิ๊กๆ พี่เห็นคุณเทียนบ้างไหมอ่ะ"
"ทุกคนรออยู่แถวนี้นะถ้ามีอะไรให้รีบรายงานทันที" พายุออกคำสั่งให้บอดี้การ์ดทุกคนรออยู่บริเวณหน้างานและที่รถเพื่อดูความเรียบร้อยและป้องกันผู้แระสงค์แอบทำอะไรกับรถของเทียนหลังจากนั้นเขาก็รีบเดินตามเทียนเข้าไปในงาน"โอ้โห~คุณครับ...แน่ใจนะครับว่านี้แค่งานเลี้ยงต้อนรับลูกชายคุณไพบูลย์เฉยๆ ทำไมจัดใหญ่โตแถมเชิญแขกมามากมายขนาดนี้" พายุแอบกระซิบถามเทียนเบาๆ ด้วยความสงสันเพราะสเกลงานมันใหญ่มากจริงๆ แถมบุคคลที่มาร่วมงานก็มีแต่ตัวท็อปของแต่ละวงการทั้งนั้น"คุณไพบูลย์เป็นคนใหญ่คนโต มีอำนาจทางด้านการเงินไม่น้อยใครๆ ก็อยากผูกมิตรทั้งนั้น" เทียนตอบ"แล้วแบบนี้พวกเราควรจะเข้าไปหาคุณไพบูลย์ก่อนเลยไหมครับ" พายุถาม"ไม่ต้องหรอก พวกเรามาเป็นมารยาทไม่ได้มาเพื่อผูกสัมพันธ์การค้ากับใครและฉันก็เชื่อว่าต่อให้เราไม่เข้าหาใครมันก็จะมีคนอยากเข้าหาเราอยู่ดี" เทียนตอบแล้วกำลังจะเดินออกจากห้องโถงไปหาโต๊ะนั่งแต่จู่ๆ ก็มีใครบางคนมีเรียกเขาไว้ซะงั้น"คุณเทียนครับ" เสียงของผู้ชายคนนั้นทำให้เทียนหันไปกลับหาเขาทันทีด้วยความรู้สึกคุ้นหู"พี่บิ๊ก" พายุเรียกคนตรงหน้าด้ว
"พี่ขอโทษนะ" หมิงรู้สึกผิดมากๆ เพราะจริงๆ ปูนปั้นเองก็เพิ่งมาดูแลร้านอาหารนี้ได้ไม่เท่าไหร่ ปูนปั้นยังมีเรื่องที่ต้องเรียนรู้และปรับตัวอีกเยอะเพราะทุกอย่างมันใหม่ไปหมดสำหรับปูนปั้น ทุกครั้งที่พนักงานกลับบ้านกันหมดแล้วหมิงก็จะเห็นมีแต่ปูนปั้นเนี่ยแหละที่ยังอยู่ที่ร้านนั่งหน้าเครียดตรวจดูทุกอย่างเองคนเดียวทั้งหมดก่อนถึงจะกลับบ้าน ถึงจะบอกว่าเขาควรทำแบบนั้นในฐานะเจ้าของกิจการแต่มันก็หนักเกินไปจริงๆ สำหรับเด็กวัยรุ่นอย่างเขาเพราะนอกจากปัญหาที่ร้านจะมากมายก็ยังมีปัญหาพนักงานอีก ตอนที่หมิงมาทำงานแรกๆ เขามักจะได้ยินพนักงานแอบนินทาปูนปั้นอยู่บ่อยๆ พนักงานหลายคนไม่อต็มใจทำงานกับปูนปั้นแต่ที่ยังทนอยู่ก็เพราะที่ร้านของปูนปั้นให้เงินเดือนพนักงานสูงกว่าที่อื่นดังนั้นทุกคนจึงจำเป็นต้องอยู่ต่อเพื่อปากท้องของตัวเองแต่การทำงานก็ไม่ได้คุณภาพตามที่สมควรจะเป็น หมิงรู้สึกเห็นใจปูนปั้นมาตลอดเพราะปูนปั้นดีกับเขามากดังนั้นเขาเลยตั้งใจช่วยงานที่ร้านอย่างสุดความสามารถเพื่อตอบแทนที่ปูนปั้นเห็นใจรับเขาเข้ามาอยู่ที่ร้านแต่วันนี้เขากลับนำภัยมาให้ปูนปั้นซะงั้นและอีกเรื่องที่หมิงเป็นห่วงก็คือการที่ปูนปั้นต้องอยู่ท
"น่าหงุดหงิดจริงๆ" เทียนขับรถกลับบ้านด้วยความน้อยใจ "ที่ฉันทำไปเพราะตัวเองหรือยังไง...ที่ทำไปก็เพราะหวังดีทั้งนั้น ถ้าไม่ชอบก็น่าจะบอกกันดีๆ สิทำไมต้องใส่อารมณ์ขนาดนั้นด้วย" เทียนนั่งบ่นคนเดียวตลอดทางอย่างกับคนบ้า เห็นใครขับรถปาดหรือขับรถไม่ดีก็ตะโกนด่าอยู่คนเดียวในรถตลอด ~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~ "ลั้ลลา ลั้ลลา~" พายุเดินเข้ามาในบ้านอย่างอารมณ์ดีเพราะว่าภารกิจแรกของเขาผ่านพ้นไปด้วยดีแม้จะไม่ใช่ฝีมือของเขาทั้งหมดก็เถอะ เจสันเห็นพายุเดินเข้ามบ้านมาก็รีบเดินมาหาเขาทันที "พายุ" เจสันเรียก "ครับ" พายุหยุดนิ่งแล้วยืนตรงตอบเขาอย่างกับทหารเจอครูฝึกอย่างงั้นแหละ "คุณเทียนสั่งไว้ว่าถ้านายมาแล้วให้ขึ้นไปหาที่ห้องทันที" เจสันพูด "รับทราบครับ" พายุตอบแล้วตะเบ๊ะใส่เจสันไปหนึ่งทีก่อนจะรีบเดินขึ้นบันไดไปหาเทียนที่ห้องนอนตามคคำสั่ง เจสันมองตามพายุด้วยสีหน้างงๆ "นี่มันคิดว่าตัวเองอยู่ในคค่ายทหารหรือไงว่ะ" เจสันพูดแล้วส่่ายหัวให้กับความเด๋อด๋าของพายุ ก๊อกๆๆ
ตอนนี้พายุมพาคนร้ายมานึงอยู่ที่เก้าอี้แล้วดึงผ้าคลุมสีดำออก "ต้องปิดปากเขาไว้ด้วยเหรอ" ปูนปั้นถามเพราะเห็นว่ามีเทปปิดปากของเขาไว้อยู่ "ตลอดทางมานี้ไอ้นี่มันร้องโวยวายตลอดเลยครับ พวกผมรำคาญก็เลยเอาเทปแปะไว้ก่อน" พายุตอบ ปูนปั้นถอนห่ยใจออกมาแล้วเดินเข้าไปแกะเทปออกให้เขา "พวกคุณบ้าไปแล้วเหรอ! ประเทศนี้มันมีกฎหมายนะเว้ย คอยดูเถอะผมจะไปแจ้งตำรวจมาจับพวกคุณให้หมดเลย" ผู้ชายคนนั้นต่อว่าทุกคนออกมาอย่างเสียงดังโดยไม่มีความสำนึกอะไรเลย "คุณทำแบบนั้นทำไม" ปูนปั้นถามด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง เขาโกรธมากนะยิ่งรู้ว่าคนที่อยู่ตรวหน้าเป็นคนมำให้ร้านของเขาเสียหายเขายิ่งรู้สึกโกรธแต่ด้วยความที่เขาอยากเจรจาสอบถามเหตุผลกับคนตรงนั้นเขาเลยต้องควบคุมอารมณ์ตัวเองเอาไว้ก่อน "ผมทำอะไร" ชายคนนั้นตอบตาใสเหมือนกับตัวเองเป็นผู้บริสุทธิ์ "คุณมาพ่นสีที่ร้านผมทำไม" ปูนปั้นถาม สีหน้าของเขาดูตกใจเล็กน้อยก่อนที่จะหลบตาปูนปั้น "ผมสีอะไร~ ผมไม่ได้" คนร้ายยังคงปฏิเสธทุกอย่างอย่างหน้าตาเฉย "ไม่ได้ทำบ้าอะไร คิดว
"พวกเราได้ภาพคนร้ายมาจากกล้องวงจรปิดน่ะครับ" บอดี้การ์ดคนที่หนึ่งตอบ "เป็นไปไม่ได้ คุณเทียนบอกผมมาแล้วว่ากล้องวงจรปิดที่ร้านมันเสียแล้วแบบนี้พวกคุณจะไปเอามาได้ยังไง" พายุพูด "พวกผมก็ไปเอามาจากบ้านของคนในระแวกไงครับ" บอดี้การ์ดคนที่หนึ่งตอบ "ใช่ครับ กล้องที่ร้านเสียพวกเราเลยไปไล่ขอคลิปจากกล้องวงจรปิดจากชาวบ้านแถวนี้แทนแล้วก็ให้ค่าตอบแทนพวกเขาไปนิดหน่อย ลองเอาภาพจากกล้องวงจรปิดของทุกบ้านมารวมกันก็พบเห็นชายต้องสงสัยที่ใส่ชุดดำทั้งตัวเดินออกมาจากทางร้าน Happy Time ช่วงเวลาประมาณตี 3 กว่าๆ จากนั้นเขาก็เดินเอาถุงอะไรบ้างอย่างไปทิ้งที่หน้าตึกร้างที่อยู่ห่างไปอีก 3 ซอยพอพวกเราไปตรวจสอบดูก็พบว่าในนั้นมีอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับพ่นสี ถุงมือ มีดและกระป๋องสเปรย์อีกจำนวนมากเลยครับอุปกรณ์" บอดี้การ์ดคนที่สองตอบ หน้าของพายุดูอึ้งไปทันทีเขาไม่คิดว่าทุกคนจะฉลาดกันขนาดนี้เพราะตัวเขาเองคิดไม่ถึงเลยจริงๆ ถ้าสองคนนี้ไม่พบหลักฐานอะไรป่านนี้เขาก็ยังคงเดินไล่ถามชาวบ้านต่อไปเรื่อยๆ จนหมดวันแน่ "เหรอ~ แล้วรู้หรือเปล่าว่าเขาเป็นใคร"
"คุณเทียนมีเรื่องอะไรอยากจะคุยกับผมหรอครับ" พายุถาม"ฉันมีคนรู้จักอยู่คนนึงเขาเป็นเจ้าร้านที่นี่" เทียนตอบแล้วยื่นโทรศัพท์ให้พายุดูซึ่งมันเป็นรูปหน้าร้านของปูนปั้นที่มีทั้งตอนปกติและตอนที่เกิดปัญหา"ร้าน Happy Time หรอครับ" พายุพูด"นายรู้จักเหรอ" เทียนถาม"ครับ ผมเคยไปหาเพื่อนแถวนั้นอยู่ 2-3 ครั้งแต่ไม่เคยเข้าไปทานหรอกนะครับ" พายุตอบ"ตอนนี้ที่นี่กำลังถูกคุกคาม มีคนเอาสีสเปรย์ไปพ่นที่หน้าร้านนี้จนดูไม่ได้ ฉันอยากให้นายไปสืบมาหน่อยว่าใครเป็นคนทำแต่นายห้ามบอกเรื่องนี้ให้คนที่บ้านรู้เด็ดขาด เข้าใจไหม" เทียนพูด"ได้ครับคุณเทียน" พายุตอบ"นายสามารถเอาคนไปใช้ได้ 2-3 คนแต่ต้องกำชับพวกนั้นให้ดีว่าอย่าแพร่งพรายเรื่องนี้ไม่งั้นคนที่จะเดือดร้อนก็คือนายเอง" เทียนพูด"ครับ" พายุตอบ"นี่เป็นงานแรกที่ฉันมอบให้นายทำ...อย่าทำให้ฉันผิดหวังนะ" เทียนพูด"ผมจะทำให้เต็มที่ครับ...เอ่อ~ว่าแต่คุณเทียนมีเวลากำหนดให้ผมไหมครับ" พายุถาม "เร็วที่สุด" เทียนตอบ "ครับ" พายุตอบ"กลับไปพักผ่อนได้แล้วไปพรุ่งนี้จะได้มีแรงไปทำงานให้ฉัน" เทียนพูด"ได้เลยครับคุณเทียน รับรองพรุ่งนี้งานเดินผ่านฉลุยแน่นอน" พายุตอบแล้วยกนิ้ว