เกือบ 3 ทุ่มของวันเดียวกันรถยนต์คันหรูวิ่งเข้ามาจอดหน้าบ้านตาน้อย ทำให้ 2 ตาหลานที่กำลังนั่งร้อยมาลัยเตรียมส่งให้แม่ค้าในวันรุ่งขึ้นเงยหน้าขึ้นสบตากันแล้วมองไปที่หน้าต่าง น้ำหวานวางมือจากมาลัยแล้วลุกขึ้นเดินไปเปิดผ้าม่านดูด้านนอกอย่างสงสัย
"พี่มาร์คมาค่ะตา" น้ำหวานหันไปบอกตาน้อยเบา ๆ "ตาคะ พี่มาร์คนั่งอยู่ที่แคร่ไม่เข้ามาค่ะ"
"งั้นหนูก็เอายากันยุงไปให้พี่เขาหน่อยลูก ข้างนอกยุงมันเยอะ" ตาน้อยว่ายิ้ม ๆ แล้วก้มหน้าลงร้อยมาลัยต่อ
"แต่ดูพี่มาร์คหน้าเครียด ๆ นะคะ" สาวน้อยว่าเบา ๆ แล้วเดินกลับมานั่งร้อยมาลัยพวงที่ค้างอยู่ต่อ
"พี่เขาอาจมีเรื่องไม่สบายใจก็ได้นี่ลูก แล้วนี่ก็ใกล้ฝึกงานแล้วด้วยเขาคงมีเรื่องคิดหลายอย่าง ตาว่าตอนนี้หวานเอายากันยุงไปให้พี่เขาก่อนเถอะเดี๋ยวยุงจะสุมเอา" ตาน้อยพูดขึ้นเนิบ ๆ พลางสั่งให้เธอเอายากันยุงไปให้ชายหนุ่มอย่างเป็นห่วง
"ค่ะตา" เด็กสาวลุกขึ้นไปหยิบยากันยุงมาจุดก่อนจะวางลงไปในถาดรองแล้วเปิดประตูเดินออกไปหาชายหนุ่มเงียบ ๆ วางยากันยุงลงใต้แคร่ก่อนจะถอยหลังออกมาเตรียมจะเดินเข้าบ้าน
"หวานมาหาพี่หน่อย" เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นเ
หลังจากที่มาร์คอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จเดินออกมาจากห้องน้ำก็พบว่าน้ำหวานจัดเตรียมที่นอนให้ข้างตาน้อยที่ห้องโถงเรียบร้อยแล้ว คนตัวเล็กหอบผ้าห่มกับหมอนใบใหญ่แบบที่เธอหนุนเดินออกมาจากห้องแล้วหัวเราะคิกคักกับลุคกางเกงแพรขาลอยกับเสื้อยืดขยี้ใบตัวใหญ่ของเธอ"ฮ่า ๆๆ มองข้างล่างเหมือนคุณตา มองข้างบนเหมือน สก๊อยเลยอ่า" คนตัวเล็กหัวเราะชอบใจ"ไม่ต้องพูดเลย แกล้งพี่ปะเนี่ย" มาร์คว่ายิ้ม ๆ มองคนตัวเล็กอย่างมันเขี้ยว *มองข้าล่างนี่มองตรงไหนวะเนี่ย...* มาร์คคิดในใจขำ ๆ แล้วก้มมองช่วงล่างของตัวเอง"เปล่านะคะ ตัวนี้ใหญ่ที่สุดแล้วตอนหนูใส่มันยาวถึงเข่าไม่ต้องใส่กางเกงนอนเลย แต่พอพี่มาร์คใส่แล้วตัวจิ๋วไปเลย พี่มาร์คโตเกินไปค่ะ" คนตัวเล็กตอบเสียงใส"พี่ว่าหวานเข้านอนเถอะ เดี๋ยววันนี้พี่จะตื่นมาช่วยตายก กล่องเอง นอนเยอะ ๆ จะได้โตเร็ว ๆ" มาร์คว่ายิ้ม ๆ"ขอบคุณค่ะงั้นหนูเข้านอนนะคะตา" เด็กสาวกล่าวขอบคุณพร้อมกับยกมือไหว้ ก่อนเดินเข้าห้องของตัวเอง มาร์คมองตามหลังจนเธอปิดประตูแล้วจึงลุกขึ้นไปปิดไฟกลางห้องก่อนจะกลับมานอนลงข้าง ๆ ตาน้อยเงียบ ๆ"ขอบใจนะมา
"น่ารักดีนะปกรณ์" ท่านเดชาเอ่ยขึ้นเสียงเนิบมองตามร่างเล็ก ๆ ที่เดินออกไปพ้นรั้วแล้วแบกตะกร้าผ้าวิ่งกลับบ้าน"น่ารักมากครับท่าน มารยาทดี เรียนดีแต่ก็น่าสงสารครับ" ปกรณ์มองตามหลังเด็กสาวเอ่ยกับอดีตเจ้านายเสียงทุ้ม"น่าสงสาร?""ครับท่าน...." แล้วลุงปกรณ์ก็เล่าถึงชีวิตน้ำหวานให้ท่านเดชาฟังอย่างตั้งแต่เริ่มแรกจนถึงความเป็นอยู่ปัจจุบันของเด็กสาว"น่าสงสารจริง ๆ ตัวแค่นี้แล้วบอกว่ารู้จักกับพวกเจ้าโรมเพื่อนเจ้าศิลามันด้วย" ท่านเดชาว่าพลางมองเข้าไปในบ้านที่หลานสาวกำลังช่วยคุณป้าของเธอเตรียมอาหารเช้ากันอยู่"ถ้าเป็น 3 หนุ่มที่มาบ้านตาน้อยบ่อย ๆ นั่นล่ะก็ น้ำหวานค่อนข้างจะสนิทครับ เด็กหนุ่ม 3 คนนั่นเอ็นดูเธอมากทีเดียว ช่วงสอบเข้า ม.1 มาติวให้จนสอบได้แล้วตอนงานศพน้องเพลงก็ได้ 3 หนุ่มนั่นล่ะครับมาช่วย แต่วันเผามากัน 4 คนไม่มั่นใจว่าใช่คุณศิลาหรือเปล่า ตัวสูง ๆ พอ ๆ กับตามาร์คน่ะครับแต่ร่างจะใหญ่กว่ากันนิดนึง คล้ำกว่านิดหน่อย" ลุงปกรณ์เล่าให้ท่านฟังยิ้ม ๆ"ถ้า 4 คนคงจะเจ้าศิลานั่นแหละคนนึง ที่ตัวใหญ่กว่าแล้วก็คล้ำกว่ามาร์คเค้าหน่อย พอดีสินะน้องขวัญอ
Numwhan partบ้านลุงปกรณ์"ลุงกรณ์ หนูมาแล้วค่ะ" เสียงใสตะโกนเรียกเจ้าของบ้านอยู่หน้าบ้านแล้วหันไปมองรถหลายคันที่จอดอยู่ในรั้วบ้าน"ทำไมบ้านลุงกรณ์รถเยอะจัง?" คนตัวเล็กพึมพำอย่างสงสัย แล้วหันไปมองประตูบ้านที่มีคนเปิดออกมาพอดี"สวัสดีค่ะหนูมาหาลุงกรณ์ค่ะ เห็นตาบอกว่าลุงกรณ์เรียกใช้มีอะไรให้หนูทำหรือคะ" เด็กสาวยกมือไหว้หญิงวัยกลางคนอย่างนอบน้อมพร้อมกับเอ่ยถามอย่างสุภาพ"หนูชื่อน้ำหวานหรือเปล่าลูก" หญิงคนดังกล่าวเอ่ยถามอย่างเอ็นดู"ใช่ค่ะ หนูชื่อน้ำหวานค่ะ ลุงกรณ์ไม่อยู่บ้านหรือคะ" เด็กสาวตอบพร้อมกับถามหาคนที่เรียกให้ตัวเองมาทำงาน"งั้นเข้ามาก่อนลูก ลุงกรณ์ของหนูกำลังอาบน้ำอยู่จ่ะ" ผู้หญิงใจดีบอกพลางเปิดประตูออกกว้างให้เด็กสาวเดินเข้ามาในบ้าน และเธอต้องตกใจตาโตเมื่อปรากฎว่าบ้านนี้ไม่ได้มีแค่ลุงกรณ์กับผู้หญิงคนนี้แต่ยังมีคนสูงวัยที่เธอเจอเมื่อเช้า ชายวัยกลางคนรุ่นราวคราวเดียวกับลุงกรณ์แต่ดูหล่อกว่ามาก แล้วก็เด็กผู้หญิงตัวประมาณเธอนั่งอยู่ที่โซฟาอีกคน"มาหาปู่ซิลูก" ชายสูงวัยที่เรียกแทนตัวเองว่าปู่เอ่ยขึ้นเสียงอ่อนโยน ในขณะที่เด็กสา
ทุกวันน้ำหวานจะมาที่บ้านของลุงปกรณ์เพื่ออยู่เล่นหัดให้คิตตี้พูดภาษาไทยให้ได้มากที่สุด บางวันที่ก็เอามาลัยมาร้อยที่โต๊ะหน้าบ้านของลุงปกรณ์และสอนเพื่อนใหม่ของเธอร้อยมาลัยไปด้วยเธอเองก็หัดภาษาอังกฤษไปด้วย ซึ่งก่อนมาเธอได้เล่าเรื่องราวต่าง ๆ ของคิตตี้ให้ตาน้อยฟังอย่างละเอียดตามที่ได้รู้มาจากคุณปู่ของเพื่อนใหม่และยังขอร้องตาว่าอย่าบอกเรื่องนี้กับพี่ ๆ ทั้ง 3 ที่ช่วงนี้ไม่ค่อยได้มาหาเธอบ่อยนักและมันก็เป็นการดีเพราะเธอจะไม่ได้หลบหรือระแวงว่า 1 ใน 3 พี่จะรู้เรื่องเพื่อนใหม่ของเธอ จนถึงวันที่โรงเรียนของเธอเปิดเทอม ซึ่งในระดับชั้น ม.1 และ 4 นั้นเปิดก่อน เพราะต้องมีการปฐมนิเทศและรายงานตัวของนักเรียนและประชุมผู้ปกครองไปด้วยในวันเดียว มาร์คตื่นแต่เช้าเพื่อมาพาน้ำหวานไปโรงเรียนอย่างตั้งใจ"เอาแขนมานี่ซิ" มาร์คเอ่ยเสียงทุ้มกับเด็กในชุดนักเรียน ม. ต้น ที่เดินนออกมาจากบ้านทำให้เธอมองหน้างง ๆ แล้วเดินมายื่นแขนให้"อันนี้พี่ให้ ใส่ไว้จะได้รู้เวลากลับบ้าน อย่าเถลไถลที่ไหนล่ะ จำไว้ว่าตาอยู่บ้านคนเดียว" ชายหนุ่มพูดพลางเปิดกล่องนาฬิกาหยิบออกมาสวมที่ข้อมือเรียวเล็กของน้ำหวานแล้วจับข้อมื
"ห้อง Aครับ" ตาน้อยหันไปตอบยิ้มอย่างภูมิใจ"ตานี่ใช่...คนขายพวงมาลัยที่สี่แยกใหญ่มั้ยคะ ที่โดนรถกระบะชนปีก่อนน่ะค่ะ" ผู้ปกครองอีกคนยื่นหน้ามาถามจากทางด้านหลังอย่างใฝ่รู้พลางมองตาน้อยตั้งแต่หัวจรดเท้าแล้วเหยียดยิ้มที่มุมปาก"ใช่ครับ ผมเองครับ" ตาน้อยตอบอย่างสุภาพ"หู... คนขายพวงมาลัยส่งหลานเรียนโรงเรียนแพงขนาดนี้เลยเหรอหาทันหรือตา" ผู้ปกครองคนเดิมว่าขึ้นเสียงดังจงใจให้คนอื่นได้ยินและได้ผลเมื่อมีหลายสายตามองมาที่ตาน้อยอย่างหลายความรู้สึก"ผมพิการ ผมไม่ได้หาให้เขาเท่าไหร่หรอกครับ หลานผมหาเองทั้งนั้นแหละ ผมก็แค่ทำส่งตามร้านพอได้ค่าน้ำค่าไฟนิดหน่อยล่ะครับ" ตาน้อยว่าขึ้นเสียงนิ่งพลางมองไปที่เวทีด้านหน้าอย่างไม่ละสายตา ตอนนี้บนเวทีผู้อำนวยการกำลังกล่าวเปิดงานและจะมีพิธีมอบทุนการศึกษาให้กับเด็กที่สอบได้ทุนในแต่ละปีและหลานสาวคนเก่งของตาก็เป็น 1 ในนั้นด้วย"ยังไงก็หนักไปนะคะ จะมีปัญญาถึงจบ ม.3 หรือเปล่าล่ะ แล้วดูสิจ๊ะเด็กที่นี่พ่อแม่เขามีเงินมีทอง อยู่บ้านหลังใหญ่ ขับรถหรู ๆ กันทั้งนั้น หลานตาจะกลายเป็นแกะดำได้นะโรงเรียนใกล้ ๆ นี่ก็มี ถึงจะ
"อ้าว...หวานล่ะ"มาร์คถามขึ้นทันทีที่เห็นเพื่อนเดินออกมาจากร้านแล้วมองเข้าไปในร้านเห็นเทนกำลังยืนอ่านหนังสืออยู่คนเดียว (เทนเป็นหนอนหนังสือถ้าได้หนังสือที่ชอบนางจะไม่มีโลกรอบด้านจนกว่านางจะนึกได้^_^)"เดินออกจากร้านก่อนกูอีกนะ นึกว่าไปหามึงกับตาซะอีก" โรมตอบพลางหันเข้าไปมองในร้าน "นั่งในร้านหรือเปล่าเดี๋ยวกูไปดูเอง พึ่งไอ้เทนไม่ได้หรอกถ้าได้หนังสือไอ้บ้านี่ตัดขาดจากโลกภายนอก" ว่าพลางหมุนกลับเข้าร้านหนังสือไปอีกรอบ"โทรหาน้องสิลูก" ตาน้อยว่าขึ้นเสียงนิ่งแล้วเหล่ตามองที่นั่งด้านข้างที่มีดอกไม้วางอยู่ท่วมหัวคนนั่งขำ ๆ"เออ...ใช่" มาร์คว่าอย่างนึกได้แล้วล้วงมือถือกดหาเด็กสาวทันที(ฮัลโล...) เสียงเล็ก ๆ ตอบมาจากปลายสายหลังจากมีเสียงรอสายดังแค่ 1 ครั้งเท่านั้น"ตัวเล็กอยู่ไหน"(อยู่ไกลมาก ๆ ค่ะ) น้ำหวานตอบเสียงเบาพร้อมกับโรมและเทนเดินหน้าตาตื่นออกมาจากร้านหนังสือ"ไม่เจอว่ะมาร์ค น้องเข้าห้องน้ำเปล่าวะ" โรมถามขึ้นทันทีที่มาถึง"หวานอยู่ในห้องน้ำเปล่าเนี่ย" มาร์คกรอกเสียงใส่มือถืออีกประโยค(เปล่าค่ะ ไม่ได้อยู่) คำตอบคนตัวเล
"เล่นตารางแบบนี้ใครก็กินไอ้มาร์คมันยากครับตา มันเคยเป็นตัวแทนมหาลัยไปแข่งระดับเอเชียมาแล้วได้เหรียญมาด้วย เห็นมันแบบนั้นไอ้นี่มันโคตรอัจฉริยะ เกรดมัน 4.00 ว่าที่เกียรตินิยมอันดับ 1 เลยนะ พวกผมยังงงเลยว่ามันเอาเวลาที่ไหนมาอ่านหนังสือทั้งที่มันทั้งเรียนทั้งทำงาน " เทนว่ากับตายิ้ม ๆ"โอ เก่งมากเลยสินี่ ถ้าเจ้าหวานรู้นี่ติดแจเลยเชียว เจ้านี่ชอบคนเก่งอยากเก่งเหมือนเค้า" ตาน้อยว่าพลางคิดถึงหลานสาว น้ำหวานจะชื่นชมคนที่เก่งกว่าเสมอและเอาเป็นแบบอย่างมาตั้งแต่เด็ก อย่างเช่นการทำกับข้าวเพราะตาบอกว่ายายทำกับข้าวเก่ง น้ำหวานก็จะตามยายเข้าครัวตั้งแต่เด็กเพื่อจะทำกับข้าวให้เก่งเหมือนยาย โตมาหน่อยลุงปกรณ์ข้างบ้านเมื่อก่อนทำงานที่บริษัทใหญ่ สามารถพูด อ่านเขียน ภาษาอังกฤษได้คล่องน้ำหวานก็จะไปเล่นกับหลานสาวลุงปกรณ์เพื่อให้ลุงปกรณ์สอนภาษาอังกฤษให้ จนเธอมีสำเนียงค่อนข้างดีเมื่อเทียบกับเด็กที่เรียนในห้องเรียนเดียวกัน"ไอ้มาร์คนี่ตัวท็อปของชั้นเลยครับตา ลุงมันเป็นคณบดีคณะ แกบอกว่าตอนเด็ก ๆ มันอยู่แต่กับกองหนังสือ มันทำข้อสอบเคมี ม.ปลาย ได้ถูกทุกข้อตั้งแต่ ม.1 ขนาดรุ่นพี่ข้างบ้านยังมาให
"เอ๊า... นั่งตาแป๋วอยู่ทำไมล่ะ ไปส่งพี่ ๆ เขาสิ" ตาน้อยสั่งหลานสาวที่นั่งมองตาแป๋วอยู่ ซึ่งเธอก็ลุกขึ้นเดินตามไปส่งทั้ง 3 หนุ่มแล้วกลับมานั่งดูของในถุงพลางถอนหายใจหนัก ๆ"แต่ละอย่างมีแต่แพง ๆ ทั้งนั้น พวกพี่เขาทำงานได้วันละเท่าไหร่ถึงได้กล้าจ่ายอะไรแพง ๆ แบบนี้ วันนี้บุฟเฟต์ที่พี่เทนเลี้ยงคนละตั้ง 599 เลยนะคะ เรากินได้ตั้งหลายมื้อ หวานกินจนพุงจะแตกยังคิดว่าไม่คุ้มเลย เสียดายตังค์จัง" น้ำหวานว่าขึ้นหงอย ๆ แล้วมองนาฬิกาที่ข้อมือของตัวเอง"แล้วนาฬิกานี่ก็แบบเดียวกับคิตตี้ใส่เลย เย็นนี้หวานจะถามดูว่ามันแพงมั้ย ถ้าแพงมากหวานคงเก็บใส่กล่องไว้ใส่ตอนพี่มาร์คมาดีกว่าหวานกลัวมันหาย" เด็กสาวพูดขึ้นพร้อมกับลูบนาฬิกาเบา ๆ อย่างทะนุถนอม"แล้วมันจะไม่เป็นการเสียความตั้งใจพี่เขาหรือลูก พี่เขาซื้อให้เพื่อเอาไว้ดูเวลาไม่ได้ซื้อมาให้ใส่กล่อง แล้วถ้าพี่เขามาแล้วค่อยใส่แบบนั้นเขาเรียกว่าลิงหลอกเจ้า หน้าอย่างหลังอย่างมันไม่ดีของพวกนี้ก็เหมือนกัน ถ้าเราเห็นว่าสวยแล้วเก็บอย่างเดียวไม่ใช้ คนให้เขาก็เสียความรู้สึกเหมือนกับว่าเราไม่เห็นคุณค่าในสิ่งที่พี่เขาปร
3 ปีต่อมามหาบัณฑิตสาวสวยเดินหอบดอกไม้ช่อโตยิ้มร่าเข้ามาหาชายสูงวัยวันนี้ลุงปกรณ์มาตามสัญญาที่เคยให้ไว้กับหญิงสาวเมื่อ 3 ปีก่อนเพื่อแสดงความยินดีกับมหาบัณฑิตคนใหม่และเพื่อนรักอย่างของขวัญ ซึ่งการมาของลุงกรณ์ในครั้งนี้ไม่ได้มาคนเดียว แต่เป็นการมาครอบครัวใหญ่ประกอบไปด้วยครอบครัวของมาร์คที่มากันครบและพาคุณย่าวัย80 กว่ามาด้วยและที่เซอร์ไพรส์คืออามนตรีที่บินตรงจากอเมริกาเช่นกัน และยังมีครอบครัวของศิลาและของขวัญที่มีประมุขของบ้านมาแสดงความยินดีกับหลานสาวทั้ง 2 และที่ขาดไม่ได้คือพี่ชายทั้ง 2 ของ 2 สาวและครอบครัว และเพื่อนรักไข่มุกที่มาพร้อมสามีและลูกสาวตัวน้อยวัยกำลังพูดคุยที่มาร์คค่อนข้างจะหลงมากตั้งแต่แรกเห็น ทั้งขออุ้มขอหอมดูหวงและโอ๋สุดพลังจนพ่อเด็กกลัวว่าจะไม่ได้ลูกคืนโดยการมาครั้งนี้เป็นการจัดการ2 สามีของ 2 สาวที่เช่าเครื่องบินเหมาลำทั้งมาและกลับไทยเพื่อไปฉลองปริญญาที่บ้านเกิดอีกรอบ"ที่รัก เป็นอะไรครับทำไมหน้าซีด ๆ หนูนอนไม่พอรึป่าว" มาร์คเอ่ยข้างหูภรรยาคนสวยที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ขณะที่เครื่องบินกำลังเหินฟ้ามุ่งสู่ประเทศบ้านเกิด"หวานเวียนหัว
"ตายแล้ว นี่อะไรกันเนี่ย" น้ำหวานอุทานตาโตเมื่อเดินเข้ามาในห้องพักของตัวเองแล้วเห็นถุงสินค้าแบรนด์ดังเกือบ 20 ถุงวางอยู่ที่โซฟาห้องนั่งเล่น หญิงสาวรีบวางกระเป๋าแล้วเดินไปหยิบถุงที่เล็กที่สุดมาเปิดแล้วต้องขมวดคิ้วเมื่อตรวจแล้วสินค้าทุกถุงถูกตัดป้ายราคาออกทั้งหมด ทำให้หญิงสาวต้องหอบของทุกถุงลงวางกับพื้นแล้วเปิดทีละถุงออกมากดดูราคาสินค้าทางช็อป"แปดแสน!" หญิงสาวอุทานตาโตกับราคากระเป๋าสะพายหนังอะไรซักอย่างสีดำใบกระทัดรัดที่เพียงพอแค่ใส่กระเป๋าสตางค์ใบสั้นของเธอกับมือถือหน้าจอ 6.7 นิ้ว ได้เท่านั้น"ตาย...ทำไมมันแพงขนาดนี้เนี่ย" หญิงสาวบ่นพึมพำแล้วเปิดกล่องรองเท้าผ้าใบที่คล้ายกันอยู่ 2 คู่เป็นของผู้ชายและของผู้หญิงแล้วเมื่อเช็คราคาและคำนวณเป็นเงินบาทไทยอย่างรวดเร็วก็ถึงกับหน้ามืด "คู่ละ 6 หมื่น! พี่มาร์คเป็นบ้าอะไรทำไมใช้เงินฟุ่มเฟือยขนาดนี้เนี่ย" แล้วหยิบกล่องที่บรรจุสูทตัวแพงที่มีรุ่นติดอยู่ที่ฝากล่องออกมาเสิร์ชหาราคาพร้อมกับคำนวณเป็นเงินไทยแล้วกลืนน้ำลายลงคอ ก่อนจะค่อย ๆ ปิดกล่องอย่างเบามือ"ตัวละ สะ สะ สี่แสนเลยเหรอ แล้ว ๆ ๆ มี 3 กล่อง คุณพระ! อิหวานจะเป็นลม ใส่แล้วมั
เคเอส กรุ๊ป สาขาอังกฤษร่างบางเดินหน้างอเข้ามากระแทกก้นสวยลงที่เก้าอี้ด้านหลังของโต๊ะทำงานในห้องผู้ช่วยท่านประธานสาขา แล้วชำเลืองมองคนที่กำลังทำท่าอ่านเอกสารอย่างขมักขเม้นเหมือนไม่ได้รู้สึกว่าเธอเดินเข้ามาในห้อง"โปรเฟสเซอร์คะ หวานขอลางานครึ่งวันค่ะ" เสียงหวานว่าขึ้นอย่างแง่งอน"ไม่อนุญาตครับ วันนี้คุณน้ำหวานยังไม่ช่วยผมทำงานซักบรรทัดเลยนะครับ" เจ้าของห้องว่าขึ้นนิ่ง ๆ"งั้นเอางานมาค่ะหวานจะทำ ไม่ใช่ให้มานั่งเป็นตุ๊กตาเสียกบาลอยู่แบบนี้""จะทำตอนนี้เลยหรือครับ" ชายหนุ่มหันมามองหน้าสายตากรุ้มกริ่ม แล้วจ้องหน้าอกคู่สวยที่ดันเชิ้ตผ้าลื่นสีหวานอย่างเปิดเผย"หันไปเดี๋ยวนี้โปรเฟสเซอร์ ตามข้อตกลงของเราคือหวานจะลงไปอยู่กับพวกพี่ข้างล่างได้วันที่โปรเฟสเซอร์มีสอนนะคะ" คนสวยออกคำสั่งแล้วพูดถึงข้อตกลงร่วมกันหน้าบึ้ง ๆ"แต่ตามข้อตกลงของเรา คุณผู้ช่วยจะต้องขึ้นมาถ้าผมอยู่ที่ห้องนี่ครับ" ชายหนุ่มหันมาพูดยิ้ม ๆ แล้ววางปากกาในมือก่อนจะหันเก้าอี้ทั้งตัวมามองหน้าหญิงสาว"พี่มาร์ค... หวานอยากฝึกการตลาดน่ะ นะ...นะ นะ..." คนตัวเล็กลุกขึ้
"เอ่อ...อาตรีมาอยู่ที่นี่นานแล้วหรือคะ พี่มีนาไปตามหาที่บ้านแม่นารถหลายรอบเลยค่ะ ไปตามที่ร้านพี่โรมถามหนูตั้งหลายรอบ" หญิงสาวเอ่ยถามในขณะที่แม่บ้านตักข้าวใส่จานให้และเธอก็เผลอยกมือไหว้อย่างไทยจนแม่บ้านแอบยิ้มกับความน่ารักแรกเห็น"ก็มาตั้งแต่มาร์คให้มานั่นแหละ อามาอยู่ที่นี่ได้ 3 ปีกว่าแล้วล่ะ" อามนตรีตอบหญิงสาวยิ้ม ๆ"พี่มาร์คให้มา?" หญิงสาวทวนคำพลางมองหน้ามาร์คอึ้ง ๆ"เผอิญว่าไร่องุ่นของพ่อเพื่อนพี่ที่นี่ อยากแบ่งขายพี่เลยซื้อให้อาตรีดูแลต่อ" ชายหนุ่มตอบยิ้ม ๆ พลางตักอาหารวางใส่จานให้หญิงสาว"ซื้อไร่องุ่นที่นี่หรือคะ""ใช่ลูก มาร์คสร้างชีวิตใหม่ให้อาได้หลุดพ้นจากครอบครัวนั้น ตอนนี้อามีความสุขมากจนไม่อยากกลับไทยเลยล่ะ" อามนตรีตอบยิ้ม ๆ "แล้วพี่มีนอาเดือนล่ะคะ" "ก็ช่างเขาสิลูก 2 แม่ลูกนั่นไม่ได้เกี่ยวกับอาหรอก ลูกของอาจริง ๆ เป็นผู้ชายชื่อต้นกับตามเขาเสียตอนอนุบาลทั้งคู่ ส่วนมีนาเป็นลูกที่ติดท้องมาของเดือนแรม อามันก็แค่เด็กในไร่การศึกษาสูงที่สุดในตอนนั้นที่เจ้าของไร่บังคับให้แต่งงานกับลูกสาวเพื่อรักษาหน้าตาของตัวเองแล้วสวมหัวโขนให้อาทำงานเป็นลูกเขยทั้ง ๆ ที่จริง ๆ อามันก็แค่ลูกจ้างนั่
ช่วงบ่ายเกิดความโกลาหลกันขึ้น เพราะ 2 หลานสาวของคุณหญิงหายออกไปจากออฟฟิศ โดยไม่ได้ออกไปทานข้าวพร้อมกับคุณหญิง มาร์คไล่ดูกล้งวงจรปิดที่ออฟฟิศและของอพาร์ตเมนต์อย่างละเอียดเพื่อดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้าช่วงที่ตนไม่อยู่แล้วสั่งให้เลขาเพื่อนเช็คทะเบียนรถแท็กซี่ที่ 2 สาวขึ้นไปอย่างร้อนรน ช่วงบ่ายหลังจากที่รู้ว่าคนทั้ง 2 เดินทางไปที่ไหน ศิลาได้เรียกพนักงานที่อยู่ไหนเหตุการณ์ที่เป็นสาเหตุให้ของขวัญตัดสินใจกลับบ้านขึ้นมาพบทุกคน ชายหนุ่มสั่งให้เอ็ดเวิร์ดจองตั๋วเครื่องบินไปอเมริกาไฟล์ตที่ด่วนที่สุด เพราะคนทั้งคู่ไม่ได้นำเอาสิ่งของอะไรติดตัวไปนอกจากกระเป๋าสตางค์และเอกสารการเดินทางทั้งมือถือยังถูกทิ้งไว้ที่โซฟาในห้องของน้ำหวานอย่างไม่ใยดี..........//..........เช้าตรู่ของประเทศสหรัฐอเมริการถลีมูซีนสนามบินวิ่งเข้ามาจอดหน้าบ้านสีขาวหลังเล็กน่ารักที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ไม่มากนัก2 คนก้าวลงจากรถแล้วเดินอาด ๆ เข้าบ้านอย่างคุ้นเคยเสียงฝีเท้าหนัก ๆ เดินตรงมาที่ครัวทำให้น้ำหวานเงยหน้าขึ้นมองหน้าแม่เพื่อนอย่างสงสัย"ใครมาแต่เช้าค่ะมี้"
Mark talkเมื่อคืนผมได้คุยกับผู้ร่วมทุนคนใหม่ของโครงการที่ฝรั่งเศสครับ ท่านบอกว่าผู้หญิงเขาไม่ได้ต้องการความรับผิดชอบ เขาต้องการความรัก อันนี้มันเป็นสิ่งเกินคาดหมายของผมมากจริง ๆ เพราะที่ผ่านมาผมจะคิดว่าการรับผิดชอบเป็นอะไรที่ทุกคนต้องการเสมอ ตอนที่ผมอยู่เมืองไทยการที่เราจะมีเซ็กส์กับผู้หญิงคนหนึ่ง สำหรับผมคือการยื่นเงินเป็นตัวเลขให้แล้วจบกันตรงนั้นผมคิดว่าเป็นแค่การซื้อขายหรือความรับผิดชอบในทางธุรกิจที่จะไม่ผูกมัดหรือผูกพันอะไรกัน แต่เมื่อผมมีอะไรกับน้องในคืนนั้น ผมพยายามจะขอรับผิดชอบโดยอ้างสิ่งที่เกิดขึ้นแบบไม่ยื่นจำนวนเงินหรือสิ่งที่เป็นตัวเลขให้ แต่ผมกลับนึกคำพูดหรือความหมายพวกนั้นไม่ออก จนได้มาคุยกับผู้ร่วมทุนท่านนี้ ท่านเหมือนเป็นผู้เขี่ยผงเล็ก ๆ ออกจากตาของผมทำให้เข้าใจว่าสิ่งที่ผมจะยื่นให้ผู้หญิงคนหนึ่งที่เราอยากจะมีเขาอยู่ตลอดชีวิต มันไม่ใช่ความรับผิดชอบ แต่ สิ่งที่ผมควรยื่นให้เธอคือ ความรักแล้วท่านก็ใจดีมากครับที่ยอมให้เครื่องบินส่วนตัวมาส่งพวกผมเมื่อคืน ตลอดทางผมนึกหาคำพูดต่าง ๆ หาเหตุผลประกอบว่าทำไมน้องถึงไม่อยากให้ผมกล่าวถึงเรื่องนี้ จนผมได้คุยกับไอ้เทน ม
"ไม่เห็นว่าอะไรนี่ ท่านไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้เลยนะ คงเป็นปกติของอเมริกันชนน่ะ เพื่อน ๆ ของน้องขวัญเขาก็มีเซ็กส์กันตั้งแต่ไฮสคูลเยอะแยะไป แต่กับศิลา น้องขวัญก็คงแค่คู่นอนตอนกลางคืนตอนกลางวันเราก็เป็นเจ้านายลูกน้องกันปกติ""จ่ะ เจ้านายลูกน้อง เรียกไปนอนกลางวันซะทุกวันขนาดนั้น แหนะ ๆๆ อย่าบอกนะว่าบอสหิวกลางวันด้วยน่ะ" หญิงสาวชี้หน้าถามเพื่อนอย่างล้อเลียน *พี่มาร์คก็คงคิดกับเราแบบนี้สินะ มากกว่าพี่แต่ไม่ใช่ผัว*"บ้า ~ ช่วงนั้นป่วยจริง นอนกลางวันจริงจ่ะ แต่ต่อไปก็ไม่ได้นอนแล้วไงก็มาฝึกงานกับหวาน เอ้อ... เห็นศิลาพูดว่าคุณปู่สั่งให้หวานขึ้นมาฝึกงานกับพี่มาร์คนี่ พี่มาร์คบอกหรือยัง?" ของขวัญตอบเพื่อนพร้อมกับถามอย่างนึกขึ้นได้"ก็เกริ่นเมื่อคืนนิดนึงนะแต่นิดเดียวจริง ๆ แต่ยังไม่รู้อะไรคงต้องรอผู้ใหญ่สั่งอีกทีล่ะมั้ง แต่หวานอยู่แผนกนี้ก็สนุกนะ พี่ ๆ น่ารักดี" น้ำหวานว่ายิ้ม ๆ *จะให้ไปทำไมวะแค่นี้ก็หายใจไม่ได้แล้วมั้ย*"เมื่อวานพี่โอปอล์กระซิบบอกว่าระวังเอริน่าแผนกต้อนรับ นางปลื้มพี่มาร์คมาก 2 วันนี้พี่มาร์คกับท่านประธานไม่อยู่ ระวังโดนหยุมหัว" ของขวัญยื่นหน้าพูดกับเ
4 ทุ่มของวันเดียวกัน ชายหนุ่ม 2 คนเดินออกจากลิฟต์ของ อพาร์ตเมนต์ ศิลาต้องขมวดคิ้วแล้วดึงแขนเพื่อนอย่างนึกได้"เดี๋ยวมาร์ค มึงบอกว่าวันนี้น้องขวัญกับน้ำหวานจะกลับมานี่" พูดขึ้นพลางขมวดคิ้วแล้วหันมองห้องตรงข้ามของมาร์ค"เออ~ ว่ะ แล้วจะมาตอนไหนไม่เห็นโทรบอกให้ไปรับวะ กูลืมน้อง ๆ ไปแล้วนะเนี่ย" ว่าจบมาร์คก็ล้วงมือถือมากดโทรหาน้ำหวานทันที ซึ่งเสียงมือถือก็ดังแว่ว ๆ ออกมาจากห้องของหญิงสาว"มาถึงแล้วไง" ศิลาเอ่ยขึ้นพร้อมกับเดินไปแตะคีย์การ์ดห้องตรงข้ามกับห้องของตัวเองเดินตรงเข้าไปในห้องนอนแล้วเดินออกมาที่หน้าห้องของน้ำหวานอีกครั้งก่อนจะแตะคีย์การ์ดเปิดประตูเข้าไปอุ้มร่างบางเดินออกมาที่ห้องตัวเองผ่านหน้าเพื่อนชาย ซึ่งมาร์คก็ได้แต่ยืนยิ้มส่ายหน้าขำ ๆ"เฮ้อ...มึงก็มึนเกินศิลา ยังดีที่น้องขวัญไม่โกรธกูนี่สิ ขนาดมายังไม่บอกกูเลยเฮ้อ" ชายหนุ่มพึมพำกับตัวเองแล้วเดินเปิดประตูเข้าไปที่ห้องตัวเองอย่างหงอย ๆ "เอาเหอะ...พรุ่งนี้ค่อยคุย" .............//..........4 ทุ่มของอีกวันวันนี้ทั้งวันมาร์คต้องออกไปพบลูกค้ากับศิลาที่ต่างเมืองชายหนุ่
ครืด.... ครืด....เสียงมือถือดังขึ้นทำให้คนกำลังนั่งคิดอะไรเรื่อยเปื่อยถึงกับสะดุ้งหันมาคว้ามือถือกดรับสายทันทีแบบไม่ได้ดูสายเรียกเข้า"สวัสดีค่ะ"(ตัวเล็ก)"คะ"(เป็นอะไรหรือเปล่า)"เปล่าค่ะ"(ศุกร์นี้ไปอเมริกากันนะ) เสียงปลายสายเอ่ยชวนพลางถอนหายใจเบา ๆ"ไปทำไมคะ"(น้องขวัญเกิดอุบัติเหตุนิดหน่อยน่ะ) คำบอกเล่าทำให้น้ำหวานถึงกับลุกขึ้นนั่งชันเข่าทันที"น้องขวัญเป็นหนักหรือคะ" เสียงเครือปนสะอื้นดังลอดไปตามสาย(พี่ก็ไม่รู้หรอก วันศุกร์เลิกงานเราไปกันนะพี่จองตั๋วไว้แล้ว)"แต่หวาน..."(ไปเถอะพี่จองตั๋วไปแล้ว) มาร์คเอ่ยสวนขึ้นทันที"ค่ะ"(กินข้าวรึยัง ออกไปกินข้าวกับพี่มั้ย) ชายหนุ่มเปลี่ยนเรื่องชวนคุย"เรียบร้อยแล้วค่ะ หวานจะนอนแล้ว แค่นี้นะคะ" ตื๊ด! ....mark talkตั้งแต่วันนั้นน้องก็พยายามหลบหน้าผมตลอดเลย คงงอนไปแล้วล่ะ ช่วงนี้ผมก็งานยุ่ง แต่จะว่ายุ่งแค่ช่วงนี้ก็ไม่ใช่ครับ เพราะงานผมก็แบบนี้มาตลอดอยู่แล้ว ยิ่งช่วงนี้ศิลามันไม่อยู่น้องขวัญที่กลับบ้า