ร่างสูงกว่าร้อยเก้าสิบกระโจนตัวไปผลักที่อกของชายร่างท้วมใหญ่ ดวงตาของเขาแฝงไปด้วยความน่ากลัวหนำซ้ำยังจ้องหน้าเสี่ยใหญ่เขม็ง
"คะ คุณติน ไม่มีอะไรหรอกครับผมแค่เห็นว่าน้องเขาเมาเลยอยากช่วย" เสี่ยโชคโกหกหน้าตายพร้อมทั้งกวาดสายตามามองเปียโนที่ยืนตัวสั่นเทาเล็กน้อย "ไปได้แล้ว" "ครับ" เสียงเข้มโพล่งบอกชายร่างท้วมตรงหน้า ออสตินเป็นที่รู้จักในวงการ อสังหา ฯ มากไม่ว่าจะรุ่นใหญ่รุ่นเล็กก็ต้องรู้จักเขา ไม่เพียงเท่านั้นอิทธิพลที่อยู่ในมือของหนุ่มคนนี้ก็ไม่ธรรมดาเช่นกัน ก็พ่อของเขาเป็นทายาทของตระกูลเก่าแก่ไม่เพียงกิจการที่อยู่ในไทยยังมีกิจการร้านอาหารที่อยู่ต่างประเทศที่เป็นของครอบครัวฝั่งมารดาอีก "ขอบคุณมากนะคะ" เสียงหวานยกมือขึ้นไหว้ขอบคุณชายหนุ่มตรงหน้า ด้วยท่าทีตื่นกลัวเล็กน้อย เปียโนกำลังจะสาวเท้าออกไปจากบริเวณนั้นด้วยซ้ำ แต่เสียงเข้มก็ต้องรั้งเธอไว้อีกครั้ง "เดี๋ยว!" เปียโนชะงักหยุดเท้านิ่ง ใบหน้าของเธอก้มต่ำจนแทบมองไม่เห็นความสวย "เธอพึ่งมาทำงานที่นี่เหรอ" "คะ ค่ะ" ตอบเสียงสั่น จนออสตินต้องสาวเท้าเข้ามาใกล้คนตัวเล็ก แต่เหตุนั้นทำให้เปียโนต้องถอยหลังอัตโนมัติ "เป็นเด็กนั่งดริ้งเหรอ แล้วอย่างอื่นทำหรือเปล่า" "คุณหมายถึงอะไร?" เปียโนเงยหน้าขึ้นมาตอบ "รับงานนอก เอาอกเอาใจ เป็นตุ๊กตาหน้ารถเธอสนใจไหมล่ะ" ข้อเสนอของคนตรงหน้ามันทำให้เปียโนคิดตามอยู่สักพัก ก่อนที่เธอจะถามกลับ "แค่นั้นหรือคะ" "หรือเธออยากให้มีมากกว่านั้น!" ".........." ขอโทษนะคะ หนูไม่รับงานนอกรอบ" "หากฉันเสนอเป็นจำนวนเงินล่ะ เธอจะรับไหมครั้งละ อืม ห้าหมื่นเป็นไง แค่ไปนั่งดูหนัง ทานข้าว แล้ว....." ออสตินเว้นประโยคว่างเป็นการหยั่งเชิง อยากรู้ว่าสาวสวยตรงหน้าจะรับข้อเสนอแสนพิเศษนี้หรือเปล่า ทว่า เปียโนเธอไม่คิดว่ามันจะง่ายขนาดนั้นครั้งละห้าหมื่นแค่ทานข้าว คงเป็นไปได้ยาก แค่เห็นว่าเปียโนเงียบ ออสตินก็ล้วงนามบัตรออกมาจากกระเป๋าตัวเองแล้วยื่นส่งให้เธอ "นี่นามบัตรฉัน หากเธอสนใจก็โทรมาได้ที่เบอร์นี่" เปียโนยังคงยืนนิ่งไม่รับแม้นามบัตรของคนร่างสูง จนออสตินต้องคว้ามือเธอแล้วว่างใส่มือไว้ หลังจากที่ชายหนุ่มเดินจากไปแล้ว เปียโนก็ยกมันขึ้นมาอ่าน ออสติน เกียรติณรงค์ นามสกุลค่อนข้างจะคุ้นหู แต่เธอก็ไม่ได้สนใจที่จะติดต่อเขาแต่ก็ไม่ได้ทิ้งนามบัตรนั้น จนกระทั่งเพื่อนของเธอวิ่งมาหา ตึก ตึก "ยัยเปียได้ยินว่าเสี่ยโชคลวนลามแกเหรอ" "ทำไมแกรู้ละ" "ก็เพื่อนคุณเควินเจ้าของที่นี่เดินไปบอกเจ๊แก้วว่าแขกทำตัวไม่เหมาะกับเด็กในร้านที่มาใหม่น่ะสิ คนที่มาใหม่จะเป็นใครได้นอกจากแก" แค่บอกว่าเป็นเพื่อนกับเจ้าของร้าน เปียโนก็นึกถึงชายคนนั้นที่เข้ามาช่วยเธอ มิน่าถึงเสนอให้เธอไปทานข้าวด้วย "ไม่มีอะไรหรอก ฉันไม่เป็นอะไร" "ดีนะเนี่ยที่คุณตินมาพบ" "คุณติน?" เมื่อแมงเม่าพูดชื่อนั้นขึ้นมา เปียโนก็คิดถึงชื่อที่อยู่ในนามบัตร แต่เธอก็ไม่ได้พูดอะไรสักอย่าง สุดท้ายแล้วการเริ่มงานของที่นี่ก็น่าจะเป็นบททดสอบแรกของเธอเช่นกัน หลังจากวันนั้น เปียโนตัดสินใจแล้วว่าจะเริ่มงานใหม่กับเพื่อน เธอเลือกที่จะลาออกจากงานร้านกาแฟด้วยเหตุผลสั้น ๆ คือเงิน วันแรกของการทำงานเธอได้ทิปมาหนึ่งพันบาทมันมากกว่างานที่ร้านกาแฟด้วยซ้ำ เหตุผลนี้ก็น่าจะเพียงพอที่จะทำให้เธอตัดสินใจง่าย อย่างไรเสียพ่อของเธอต้องได้รับการผ่าตัด สองวันผ่านไป "ค่อย ๆ เดินนะคะ" "พ่อไม่เป็นอะไรมากแล้ว ไม่ต้องพยุงก็ได้ลูก" "จริงค่ะ ที่พ่อบอกว่าไม่เป็นไร แต่หนูยังเห็นพ่อเดินขาเจ็บอยู่เลย" "ก็พ่อแก่แล้วนี่นา" รอยยิ้มของพ่อลูกที่มีให้กันนั้นมันมากกว่าคำว่าความสุข แม้ว่าตอนนี้จะเป็นทุกข์ทางกายก็จริงแต่อย่างน้อย ๆ เปียโนเธอก็ยังได้รับความรักจากพ่อเสมอ ครืด ครืด ยังไม่ทันที่นิลภพจะหย่อนก้นลงนั่งที่โซฟาภายในห้องด้วยซ้ำเสียงมือถือของเขาก็ดังขึ้น "ฮัลโหลครับ" "คุณภพ หนี้ที่คุณมากู้ยืมกับทางเราอีกหนึ่งเดือนจะต้องชำระแล้ว หวังว่าจะไม่ผิดนัดนะครับ" "อ้อ ครับ ๆ " ไม่นึกเลยว่าจะซวยซ้ำซวยซ้อนขนาดนี้ บริษัทถูกโกง ถูกขโมยผลงานจนต้องไปกู้เงินมาอัดแต่ก็ล้มไม่เป็นท่าจนต้องติดหนี้หลายล้านบาท ขนาดขายทรัพย์สินทุกอย่างก็ยังไม่พอใช้หนี้ "พ่อค่ะ ใครโทรมาเหรอคะ" "อ้อ คนรู้จักน่ะลูกไม่มีอะไรหรอก" นิลภพไม่อยากให้ลูกสาวต้องมารับรู้เรื่องหนี้สินด้วย แค่ตัวเองทำพลาดจนต้องพาลูกมาลำบากก็น่าจะเกินพอ ทว่า ความสงสัยของเปียโนก็ย่อมมีเธอรู้ว่าหลาย ๆ เรื่องพ่อเธอปิดบังเธออยู่ ภาวะเนื้องอกในสมองทำให้นิลภพมีอาการปวดหัว จนทำให้สายตาพร่ามัวส่วนเหตุผลเพราะใช้ความคิดวิตกกังวลกับเรื่องหนี้สิน ใบหน้าที่เริ่มซีดเผือดทำให้เปียโนต้องเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง "พ่อค่ะ พ่อไม่สบายหรือเปล่า หน้าพ่อซีดมากเลยรู้ไหม" "พ่อไม่เป็นอะไรหรอก เปียพ่อขอยาแก้ปวดสักสองเม็ดสิลูก" "พ่อปวดหัวเหรอคะ" "นิดหน่อยลูก คงเพราะพึ่งฟื้นตัว" พูดจบนิลภพก็เอนตัวลงนอนกับโซฟา เพียงเท่านั้นเปียโนเธอก็รู้ว่าพ่อคงมีอาการปวดหัวจากเนื้องอก แม้ว่าจะเดินไปหยิบยามาให้พ่อแต่สีหน้าของเธอก็ไม่สู้ดีเหมือนกัน หลังจากที่เอายาให้นิลภพ เปียโนก็เข้ามาในห้องเธอใช้ความคิดมากมายที่จะหาเงินให้เร็วมากที่สุด ไม่อยากให้พ่อต้องมาทรมานกว่านี้ พลันความคิดหนึ่งก็ฉุกขึ้น ร่างบางหยิบนามบัตรของออสตินขึ้นมาดู หรือว่าจะลองเสี่ยงดูสักครั้งการนัดนอกรอบนี้มีมูลค่าตั้งห้าหมื่น แน่นอนว่ามันมากกว่าเงินเดือนสองเท่าตัว "หากมันจำเป็นหนูก็จะทำ!"วันถัดมาเปียโนตัดสินใจแล้วว่าข้อเสนอของออสตินนั้นน่าจะเป็นทางเลือกที่พอจะช่วยพ่อของเธอได้รับการผ่าตัด ใช่ว่าเธอจะไม่รู้ที่เขาเสนอมาแบบนั้นต้องการอะไรถึงแม้ว่าเธอจะถูกเลี้ยงมาราวกับคุณหนูสุขสบายก็ใช่ว่าจะไม่รู้ถึงจุดประสงค์ของคนรวย ๆ เสียเมื่อไหร่ร่างเล็กนั่งชั่งใจอยู่สักพักก่อนที่เธอจะยกมือถือขึ้นมาแนบที่ใบหู เบอร์โทรที่ต่อสายออกไปนั้น แน่นอนว่าเป็นเบอร์ของหนุ่มหล่อร่างสูงตืด ตืด รอสัญญาณอยู่สักพักทันทีที่ปลายสายกดรับพร้อมเสียงเข้มก็ทำเอาหัวใจดวงน้อยเต้นแรงขึ้น"สวัสดีครับ""......""ฮัลโหล"ดูเหมือนความกลัวจะวิ่งแทรกเข้ามาทำให้เปียโนแทบจะเปล่งเสียงไม่ออก ไม่รู้ว่าจะเริ่มพูดคำไหนก่อนดีทว่าระหว่างนั้นปลายสายเองก็ทำท่าเหมือนจะว่างเสียด้วยซ้ำ"สะ สวัสดีค่ะ""ครับ""เอ่อ คือจำหนูได้ไหมคนที่คุณช่วยในเลานจ์วันนั้น"ปลายสายเงียบไปสักพักเหมือนเป็นช่วงต่อลมหายใจให้เธอ เปียโนเองก็เริ่มผ่อนลมออกจากปากช้า ๆ "อ้อ.....""คือหนูอยากจะฟังข้อเสนออีกครั้งค่ะ""ข้อเสนองั้นเหรอ ฉันคิดว่าเธอจะไม่สนใจมันเสียอีก""คือ......""เอาเถอะ หากเธอสนใจละก็เย็นนี้มาเจอฉันที่เลานจ์""คะค่ะ"ปลายสายว่างกะทันหัน ท
เสียงที่ถามมันแผ่วเบาอยู่ข้างหูลมหายใจผ่าวร้อนที่รดต้นคอเธออยู่เธอสัมผัสมันได้ดี ทำเอาขนอ่อน ๆ ตามร่างกายลุกซู่"คุณออสตินค่ะ""เรียกฉันคุณตินก็พอ""คะ คือ หนูมีข้อตกลงที่มากกว่านั้น"คราวนี้ชายหนุ่มต้องผละร่างกายที่เคยชิดใกล้ให้ถอยห่างออกไปเล็กน้อย ดวงตาคมของเขาจ้องมองใบหน้าเนียนด้วยความสงสัยข้อตกลงที่มากกว่านั้น"ว่ามาสิ""คือ หนูพูดอย่างไม่อายก็ได้ หนูต้องการเงิน!""ต้องการเงินงั้นเหรอ?""หนูจำเป็นต้องใช้เงินจำนวนมาก""เท่าไร่?"เขาไม่ถามถึงเหตุผลที่เปียโนต้องใช้ด้วยซ้ำ ทำเอาหญิงสาวใบหน้าสวยต้องสบตาคู่คมของเขาพร้อมความคิดในใจเหมือนมันจะง่ายหรือว่านี่เป็นการลองใจเธอ"หนูไม่รู้ว่ามันจะมากไปไหม หากคุณตินต้องการ เอ่อ.....""ฉันอยากรู้แค่จำนวนเงินไม่ต้องพล่ามอะไรมากมาย""อ้อ ค่ะ....." คำพูดที่แสนเยือกเย็นนั้นทำเอาเปียโนชะงักไปสักพักแต่เธอก็ไม่ลืมที่จะตอบเขา "ห้าแสนค่ะ"ริมฝีปากของเขาเหยียดเป็นเส้นตรงสีหน้าไม่แสดงอาการใด ๆ ก่อนที่เขาจะเอื้อมมือไปหยิบแก้วเหล้าขึ้นมาจิบ ทุกการกระทำนั้นมันอยู่ในสายตาของเปียโนเป็นอย่างดี ร่างเล็กเดาไม่ออกเลยว่าตอนนี้หนุ่มหล่อตรงหน้าเธอคิดอะไรอยู่ หรือเขาอาจจ
บรรยากาศอบอวลไปด้วยความรักของสองพ่อลูก นานมากแล้วที่ไม่ได้ออกมาทานข้าวนอกบ้านนับตั้งแต่ที่เกิดเรื่องขึ้นกับครอบครัวของเธอ"อร่อยไหมคะพ่อ" เปียโนเอ่ยถามพร้อมรอยยิ้มสดใสของเธอ ส่วนนิลภพเขาก็พยักหน้าตอบรับลูกสาว หากจะถามว่าอร่อยไหมในเวลานี้มันไม่มีรสชาติเสียมากกว่าแต่ที่ต้องยอมมาทานเพราะไม่อยากทำให้ลูกสาวเพียงคนเดียวต้องเสียความรู้สึก ในเวลานี้ใครจะกินข้าวได้คล่องคอทั้งหนี้สินรัดตัวไหนจะมีเรื่องสุขภาพเข้ามาเกี่ยวข้อง หากไม่ยอมรับการผ่าตัดเปียโนก็ไม่สบายใจกลัวว่าจะเป็นอันตรายมากไปกว่านี้ครืด ครืด ในขณะที่ความสุขกำลังวิ่งวนอยู่ในหัวใจของคนตัวเล็ก เสียงมือถือของเธอก็ดังขึ้นทำเอารอยยิ้มที่มีก่อนหน้าต้องหุบลงก็เบอร์ที่เธอบันทึกไว้ในนามบัตรมันขึ้นชื่ออย่างชัดเจน ออสติน"พ่อค่ะ หนูขอไปรับสายก่อนนะ สงสัยเพื่อนที่มหาลัยโทรมา""จ้ะ"หลังจากที่ลุกออกจากโต๊ะอาหาร เปียโนก็หลบมาคุยโทรศัพท์ด้านนอก"สวัสดีค่ะ"(เห็นเธอเงียบไปหลายวัน ไม่เห็นจะโทรหาฉันเลย หรือว่าเงินที่ได้ไปมันคุ้มแล้ว)"คือหนูติดธุระ ว่าแต่คุณตินมีอะไรหรือเปล่าคะ"(วันนี้ฉันอยากจะเจอเธอหน่อย)"วันนี้หรือคะ"(ทำไม เธอติดปัญหาอะไร)"คือ.
ร่างเล็กสวมชุดคลุมสีขาวสะอาดตา ยืนส่องตัวเองในกระจกเงาภายในห้องน้ำ พลางถอนหายใจดังเฮือก ๆ อยู่หลายครั้ง "เธอไม่มีทางเลือกนี่ อย่าคิดมากสิ เปียโน" คนตัวเล็กยังคงปลอบใจตัวเองอยู่อย่างนั้น จนกระทั่งมีเสียงเคาะประตูห้องน้ำดังขึ้นก๊อก ก๊อก"เธอถ่วงเวลาอยู่หรือเปล่า"เปียโนสะดุ้งโหยงด้วยความตกใจ เสียงเข้มที่ดังอยู่หน้าห้องน้ำมันบ่งบอกอารมณ์ที่มีอยู่ตอนนี้ น้ำเสียงของเขาค่อนข้างจะหงุดหงิด เธอสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะหมุนตัวออกจากหน้ากระจกแล้วเปิดประตูห้องน้ำออกกว้าง พรึ่บทันทีที่ร่างเล็กปรากฏตัว เขาก็ดันเธอจนติดผนังลมหายใจผ่าวร้อนระยะประชิดจนเธอได้กลิ่นเหล้าจาง ๆ ออกมา ดวงตาของเขาที่มองต่ำมาที่ริมฝีปากมันทำเอาเปียโนหายใจแทบลำบากอย่าว่าแต่จ้องมองเขาคงอดไม่ได้ที่จะแนบริมฝีปากหยักลงมาที่เรียวปากเธอจนเปียโนต้องผลักเขาถอยออกไปด้วยความเผลอตัวผลัก !"เออ คุณตินไปที่เตียงก่อนไม่ได้หรือคะ""ทำไม จะที่ไหนก็เหมือนกันนั่นแหละที่นี่ห้องของฉัน ฉันอยากทำตรงไหนมันก็ยอมได้""แต่.....""ฉันรู้สึกว่าเธอค่อนข้างจะเรื่องมาก... ก็ได้!"สิ้นสุดคำพูดห้วน ๆ แบบนั้นร่างของเปียโนก็ถูกช้อนขึ้นมาอุ้มในท่าเจ้าสาว
สีหน้าของเปียโนบ่งบอกอารมณ์ของความเจ็บปวด เธอรู้สึกเหมือนกับว่าร่างกายจะฉีกออกเป็นเสี่ยง ๆ ทุกครั้งที่ออสตินพยายามดันท่อนเอ็นที่แข็งขืนเข้ามาด้านในตัวเธอ"หนูเจ็บ พอเถอะค่ะ ไม่เอาแล้ว""ก็บอกว่าอย่าเกร็งไง" เขาใช้น้ำเสียงเข้มเปล่งออกมาเป็นคำสั่ง จนเปียโนต้องเงียบปาก เธอหวาดกลัวพร้อมเนื้อตัวสั่นเทาไปหมดชายหนุ่มกัดฟันจนสันกรามนูนเด่น สายตาคมจ้องส่วนนั้นอย่างโมโห "แม่ง!"เขาสบถถ้อยคำหยาบคายออกมา ก่อนที่จะลุกขึ้นจากเตียงด้วยท่าทีหัวเสีย เท้าหนักเดินไปที่หัวเตียงอีกครั้งก่อนจะหยิบเจลชนิดหล่อลื่นขึ้นมาชโลมไปที่ถุงยางอนามัย คราวนี้มั่นใจแล้วว่ายังไงต้องดันมันเข้าไปให้ได้เปียโนยังนอนอยู่ท่าเดิมสองขาของเธอสั่นเทาไปหมดเพราะเกร็งกับความเจ็บเมื่อครู่ ยังไม่ทันได้ผ่อนคลายด้วยซ้ำ ร่างสูงก็เข้าประชิดตัวเธออีกครั้ง"หนูไม่ไหวแล้ว พอเถอะค่ะ" เพราะรู้สึกเหมือนทางเข้ามันจะฉีกขาดเธอเจ็บจนแทบทนไม่ไหวแต่นั่นมันไม่ใช่เหตุผลที่ออสตินจะหยุด เขาจ่อแท่งร้อนเข้าไปอีกครั้งพร้อมกับดันขาเรียวของเปียโนแยกออก"อ้ายย อื้อ เจ็บบ""หุบปากสักทีได้ไหม เธอจะงอแงอะไรตอนนี้" ที่งอแงเพราะความเป็นชายของเขามันใหญ่มโหฬารต่างหา
23.20 โดยประมาณเปียโนเดินทางกลับมาที่ห้องพัก เวลาในตอนนี้ค่อนข้างดึกพอสมควรเธอคิดว่าพ่อน่าจะหลับไปแล้ว เมื่อมาถึงหน้าห้องสิ่งที่เธอแปลกใจคือ ประตูห้องไม่ได้ปิดสนิทแถมด้านในห้องยังคงมีดวงไฟสว่างอยู่"อย่าบอกนะว่าพ่อยังไม่หลับ"เธอค่อย ๆ ย่างเท้าน้อย ๆ เข้าไปมืออีกข้างก็ใช้ดันประตู ทว่า สิ่งที่เห็นตรงหน้า"พ่อค่ะ!!!"ร่างของนิลภพล้มคว่ำหน้าอยู่ที่พื้น เธอรีบโผตัวเข้าไปพยุงร่างพ่อให้หงายขึ้นมา ร่างนั้นนอนนิ่งสนิทแต่ก็ยังมีลมหายใจอยู่"พ่อ พ่อเป็นอะไรไปค่ะ" เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้นกับพ่อของเธอ สิ่งที่พอตั้งสติได้ก็คือการโทรเรียกรถโรงพยาบาลโรงพยาบาลเปียโนยังคงอยู่ในอาการที่เรียกว่าตื่นตระหนกสุดขีดเธอกลัวว่าพ่อของเธอจะเป็นอะไรที่ร้ายแรงมากกว่านั้น ทันทีที่รถจอดเปลพยาบาลก็วิ่งมารับร่างที่ไม่มีสติเข็นส่งห้องฉุกเฉินเมื่อร่างของนิลภพถูกเข็นเข้าไปแล้ว เปียโนก็ยื่นตัวสั่นพร้อมน้ำตาที่ไหลลงมาอาบที่แก้มขาว ๆ ของเธอ สองมือบีมกันแน่นเธอคิดอะไรไม่ออก ญาติสักคนก็ไม่มีไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใครได้ในตอนนี้ร่างเล็กยืนอยู่หน้าห้องฉุกเฉินสักพักใหญ่ คุณหมอที่อยู่เวรในห้องก็ออกมาแจ้งให้เธอได้ทราบถึง
ความสงสัยของเปียโนพลันเกิดขึ้นในตอนนั้น ทำไมรุ่นพี่ถึงอยากให้เธอไปทำงานที่บริษัทของเขา ทั้ง ๆ ที่เธอเองก็ยังไม่จบหลักสูตรด้วยซ้ำ"งานที่บริษัทพี่เหรอคะ เปียเรียนไม่จบใบประกาศก็ไม่มีใครจะรับเข้าทำงาน""ก็พี่นี่ไง พี่รู้ว่ามันอาจจะไม่เหมาะสมหากจะฝากเปียเข้าไปทำงาน แต่อนาคตข้างหน้าพี่ต้องเข้าไปบริหารส่วนเรื่องการเรียนก็ย้ายมาเรียนเป็นภาคสมทบแบบนี้พี่ว่ามันน่าจะดีกว่า"อย่าว่าแต่เปียโนที่คิดตามคนที่นั่งข้างเธออย่างแมงเม่าก็แอบแปลกใจมาก จริงอยู่ว่าเธอรู้ โอโซนชอบเพื่อนของเธอแต่ไม่คิดว่าเขาจะจริงจังจนอยากให้เปียโนเข้าไปทำงานที่บริษัท"ว่าไง อยากไปไหม""เปียขอคิดดูก่อนแล้วกันค่ะ" ที่ต้องบอกว่าขอคิดเพราะเธอเองไม่รู้ด้วยซ้ำว่าไปแล้วเขาจะให้เธอทำแผนกอะไร เงินเดือนเท่าไร เธอเรียนยังไม่จบ วุฒิการศึกษาก็ไม่มีแม้ว่ารุ่นพี่จะยืนกรานช่วยให้เธอเข้าทำงานได้แต่คนที่บริษัทอาจจะมองเธอไม่ดีอยู่ "เอาละ ๆ เปียที่แกเรียกฉันมาวันนี้มีอะไรหรือเปล่า"เปียโนนึกขึ้นได้ว่าอยากจะคุยเรื่องงานกับเพื่อน แต่ดูเหมือนมันจะยากไปเสียแล้วก็รุ่นพี่ที่เธอไม่อยากให้เขารู้ดันอยู่ด้วย เปียโนทำหน้าตาเลิ่กลั่กมองโอโซนแว็บแรก เพียง
สองวันถัดมาจากเหตุการณ์ที่ทำให้นิลภพได้เข้าโรงพยาบาลเมื่อสองวันก่อน ทำให้หมอเจ้าของไข้เร่งคิวให้เข้ารับการผ่าตัดโดยด่วน แม้ว่าการผ่าตัดจะเป็นไปค่อนข้างลำบากเนื่องจากเนื้องอกเริ่มรุกล้ำเข้ามาเกือบถึงก้านสมองแต่อย่างนั้นก็ทำให้การผ่าตัดในเช้าของวันนี้เป็นไปได้อย่างเสร็จสมบูรณ์ส่วนเปียโนเธอง่วนอยู่กับเรื่องการผ่าตัดเอกสารที่ต้องยื่นกับทางโรงพยาบาลและค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ทำให้เธอไม่มีเวลาแม้จะรับสายใครทั้งนั้น แม้กระทั่งสายของออสตินเจ้าของโครงการพันล้านบาท"อย่าให้ฉันได้เจอตัวเธอนะ ยัยสิบแปดมงกุฎ"คิ้วหนาย่นลงจนเป็นปมพร้อมทั้งสันกรามที่นูนเด่นขึ้นเมื่อคมเขี้ยวขบแน่นเข้าหากัน สิ่งที่ออสตินคิดคือเปียโนหลอกเอาเงินเขาใช้ตัวเข้าแลกเพียงหนึ่งครั้งแต่ได้ไปห้าแสนมันคุ้มยิ่งกว่าคุ้มเสียอีกภายในอกเริ่มร้อนระอุโทสะที่มีมันฝั่งแน่น ขณะนั้นเองเลขาคนสนิทของเขาก็เดินเข้ามาภายในห้องทำงานหรู"นายครับ มิสเตอร์จอร์นมาถึงแล้วครับ" ธนาเอ่ยบอกเสียงเรียบพร้อมทั้งกุมมือตัวเองก้มหน้านิ่ง "เอ่อ ไปเชิญเขาเข้ามาได้""ครับนาย"มิสเตอร์จอห์นที่ว่าเป็นชาวต่างชาติที่สนใจร่วมลงทุนกับโครงการใหม่ที่จะถึงภายในไม่กี่เดือนข้า
สวนดอกไม้กว้างใหญ่ส่งกลิ่นหอมอบอวลไปทั่วบริเวณนั้น เปียโนเข้ามาอยู่ที่บ้านของออสตินได้สองวันแล้ว ตั้งแต่ที่เขาออกคำสั่งไม่ให้เธอไปทำงานที่เลานจ์ ดูเหมือนว่าตอนนี้เธอจะเป็นบุคคลว่างงาน ไม่รู้ว่าจะไปสมัครงานที่ไหนร่างเล็กยืนอยู่ท่ามกลางสวนดอกไม้ในบ้านของเขา ส่วนเจ้าของคฤหาสน์หรูก็คงออกไปทำงานที่เขาต้องรับผิดชอบ ส่วนนิลภพพ่อของเธอก็ยังไม่ได้ออกจากโรงพยาบาลคนที่ทำหน้าที่แวะเวียนไปดูแลก็คือแมงเม่าและโอโซนระหว่างที่ยืนเหม่ออยู่นั้น เสียงมือถือของเธอก็ดังขึ้นครืด ครืด มือเล็กล้วงมือถือที่เก็บไว้ในกระเป๋ากางเกง เมื่อเห็นว่าเบอร์ที่ต่อสายเข้ามาเป็นเบอร์ของโอโซน เปียโนเลยรีบตัดสินใจรับ"สวัสดีค่ะ"(เปียยุ่งอยู่หรือเปล่า พี่โทรหาเปียก็ไม่ค่อยรับสาย แล้วนี่ทำงานอยู่ที่ไหน)"ก็ แถว ๆ พุทธมณฑลค่ะ"(แล้วพรุ่งนี้จะได้มารับคุณลุงออกจากโรงพยาบาลไหม)"พ่อออกจากโรงพยาบาลพรุ่งนี้เหรอคะ เมื่อวานหนูก็โทรถามทางโรงพยาบาลทำไมคุณหมอไม่เห็นบอกอะไร"(เขาพึ่งจะบอกพี่เมื่อเช้าเหมือนกัน)"พี่โซนคะ หากเปียไม่ได้ไปฝากพี่เป็นธุระด้วยนะคะ"(งานยุ่งมากเลยเหรอ พี่ว่ามาทำงานกับพี่ไม่ดีกว่าหรือไง อีกอย่างจะได้อยู่ใกล้พ่
วันต่อมาแมงเม่านั่งอุ้มน้องแมวตัวสีขาวอยู่ที่ม้านั่งภายในรั่วมหาลัย แม้ว่าวันนี้จะเป็นวันหยุดแต่เธอก็จำเป็นต้องนัดโอโซนออกมาพบเพราะต้องการให้เขาช่วยเหลือเรื่องการเลี้ยงดูสำลี ไม่นานนักร่างสูงใบหน้าหล่อเหลาดูสะอาดเกลี้ยงเกลาก็เดินเข้ามาที่โต๊ะของแมงเม่า"นัดพี่มามีอะไร" เขาถามก็จริงแต่สายตามองไปที่แมวตัวสีขาวที่อยู่ในอ้อมกอดของแมงเม่า"พี่เห็นแล้วใช่ไหมว่านี่คือแมว คือหนูจะบอกว่าแมวตัวนี้เป็นแมวของเปียโน ตอนนี้คุณลุงก็ป่วยเปียโนก็ต้องทำงานยัยเปียไม่กล้ารบกวนพี่ หนูเลยอาสาเอามาฝากพี่เลี้ยงไว้ก่อนได้ไหม หากคุณลุงดีขึ้น เดี๋ยวหนูจะเอาไปคืนเปียเอง"โอโซนไม่ได้พูดโต้ตอบแต่ก็อุตส่าห์เอื้อมมือมาอุ้มสำลีไปอยู่ในอ้อมกอดตัวเอง (เหมียว)"น่ารักดี น่ารักเหมือนเจ้าของ" สิ่งที่แมงเม่าได้ยินทำเอาเธอต้องเบ้ปากแต่ก็ไม่ได้พูดแทรกปล่อยให้ชายหนุ่มร่างสูงได้เชยชมแมวน้อยน่ารัก"ว่าแต่ เปียเขาไม่อยากไปทำงานที่อื่นบ้างหรือไง พี่ก็เสนอไปแล้วแท้ ๆ ""ขอเวลาให้มันหน่อยแล้วกัน อีกอย่างมันคงไม่ได้ไปทำที่เลานจ์แล้วละ ป่านนี้ก็คงมีงานที่ใหม่""งานที่ใหม่อย่างนั้นเหรอ ทำไมเขาไม่บอกพี่สักคำ""ก็คงไม่อยากให้พี่เสียใจม
ณ โรงพยาบาลคนที่มาถึงก่อนเป็นคนแรกคือรุ่นพี่ที่มหาลัยโอโซนนั่งจ้องหน้าของเปียโนเขม็งสิ่งที่เขาอยากถามมากที่สุดคือการหายตัวไปของสาวตรงหน้า แต่พอปากจะขยับเอ่ยถามเปียโนก็ตัดบทลงเสียก่อน"ขอบคุณพี่โซนมากนะคะที่เป็นธุระจัดการห้องพักให้พ่อ และขอบคุณพี่อีกครั้งเรื่องพยาบาลพิเศษเอาไว้เปียมีเงินเมื่อไหร่จะใช้พี่คืน"คำพูดของเธอทำเอาหนุ่มหล่อทายาทนักธุรกิจต้องพ่นลมร้อนออกจากปาก เขาไม่ได้ต้องการเงินคืนแม้แต่น้อยแต่สิ่งที่เขาต้องการมากที่สุดน่าจะเป็นความสัมพันธ์ของเธอและเขามากกว่า"เปีย พี่รู้เรื่องแล้วนะที่เปียไปทำงานที่เลานจ์""ค่ะ?""พี่บอกตามตรงว่าพี่ไม่โอเคสักนิด พี่ไม่ชอบให้เปียไปอยู่ในสถานที่แบบนั้น พี่เคยเสนอไปแล้วเรื่องงานหากอยากทำงานทำไมไม่บอกพี่ละ""เอ่อ คือเปียเกรงใจพี่""และอีกอย่าง พี่ไม่รู้ว่าเปียเอาเงินค่าผ่าตัดมากมายมาจากไหน หากเปียไปกู้มาละก็ พี่ยินดีใช้หนี้แทน ส่วนงานก็เข้าไปทำที่บริษัทพี่ได้เลย"สิ่งที่โอโซนไม่รู้คือจำนวนเงินมากมายนั้นเปียโนเธอได้มาจากที่ไหน แต่สิ่งที่เขาคิดคือเปียโนน่าจะกู้มา ส่วนหญิงสาวเธอไม่ได้พูดอะไรมากมายกลัวว่าคนที่นั่งตรงหน้าจะจับพิรุธเธอได้"เปียต้องข
ทนทุกข์กับสภาพจิตใจอย่างหาที่สุดไม่ได้ หลังจากที่ตอบสนองตัณหาเขาแล้วออสตินก็ไม่ลืมข้อแลกเปลี่ยนนั้น ยอมคืนมือถือให้เธอโดยง่ายหลังจากที่ได้มือถือคืนมาแล้วในช่วงเช้าของอีกวันเปียโนก็รีบเปิดเครื่องและติดต่อกับทางโรงพยาบาลในทันที"ว่าไงนะคะมีคนย้ายพ่อไปที่ห้องพิเศษ ว่าแต่รู้ไหมคะว่าเขาเป็นใคร"(คนที่เป็นธุระจัดการ ชื่อ อนันต์ธวัช ค่ะ)หญิงสาวนิ่งอึ้งไปหลายวินาที เพราะชื่อที่หลุดออกมาจากปากนางพยาบาลคือรุ่นพี่ของเธอ(เขายังจ้างพยาบาลพิเศษให้ด้วยนะคะ เห็นบอกว่าคุณไม่สบาย)"อ้อ ค่ะ"หลังจากที่เปียโนวางสายความรู้สึกเธอในตอนนี้เอ่อล้นปลื้มปริ่มใจอย่างบอกไม่ถูก ขณะเธอทุกข์ใจก็ยังมีรุ่นพี่ที่เป็นเหมือนญาติอีกคนด้านมาเฟียหนุ่มเจ้าของโครงการหรู เขานั่งจิบกาแฟยามเช้าอย่างใจเย็น ใบหน้าคมเหมือนจะไร้ความกังวลใด ๆ แถมในตอนนี้ดูเหมือนจะมีความสุขด้วยซ้ำ"นายครับ""มีอะไร" น้ำเสียงเยือกเย็นเปล่งถามกลับมาแต่เขาไม่ได้เงยหน้าขึ้นมามองธนาด้วยซ้ำ"เรื่องที่นายให้ผมไปตามสืบ เรื่องพ่อของเด็กเปียโน เธอไม่ได้โกหกครับนายตอนนี้พ่อของเธอป่วยนอนพักฟื้นอยู่ที่โรงพยาบาล"ใบหน้านิ่งเยือกเย็นดุจน้ำแข็งค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นม
เมื่อเห็นว่าร่างนั้นเริ่มหน้าแดงขึ้นถนัดตาชายหนุ่มร่างสูงก็คลายมือออกมาจากลำคอของเธอ แต่อย่างนั้นยังอุตส่าห์ยกนิ้วมือมาเกลี่ยข้างแก้ม พร้อมเสียงที่พูดออกมาเบา ๆ"ไม่ต้องห่วงหรอกเธออยู่กับฉัน ทำให้ฉันพอใจก็พอหากฉันเบื่อที่จะเล่นกับเธอเมื่อไหร่ฉันจะปล่อยเธอไปเอง"เปียโนสะบัดใบหน้าสวยหลบนี้นิ้วเรียวยาวของเขา ยิ่งความรู้สึกเธอตอนนี้มันบ่งบอกได้ว่าเธอเริ่มรังเกียจเขาเข้าไส้"อยากได้มือถืองั้นเหรอ ได้สิแต่ต้องมีข้อแลกเปลี่ยนนะ" ประโยคนั้นทำเอาเธอต้องหันมาสบตาเขา รอยยิ้มที่เขาส่งมาให้เธอ เปียโนพอรู้ว่าสิ่งที่เขาอยากแลกก็คือตัวเธอนั่นเองเปียโนหลับตาลงชั่วขณะเมื่อลืมตาขึ้นมองใบหน้าหล่อเหลาของคนร่างสูง เธอก็ฝืนทำตามข้อแลกเปลี่ยนบ้า ๆ เพื่อต้องการมือถือคืนท่อนแขนเรียวยาวคล่องไปที่ลำคอเกร็งของชายร่างสูงตรงหน้า เธอเขย่งเท้าขึ้นเล็กน้อยหมายจะจูบที่ริมฝีปาก การกระทำที่เก้ ๆ กัง ๆ นั้นมันทำให้ออสตินรู้สึกอึดอัดจนเขาต้องช้อนร่างเธอขึ้นมาอุ้ม"คุณ""ชักช้าไม่ได้ดั่งใจ"ร่างของเปียโนโดนเขาอุ้มมาว่างลงที่เตียงนอนกว้าง รอยยิ้มของเขาเหยียดยิ้มฉายแววเจ้าเล่ห์ ก่อนที่จะโน้มตัวลงมาจูบ เขาดูดดื่มปลายลิ้นและร
ดูท่าว่าคนตัวสูงจะไม่ฟังด้วยซ้ำว่าเปียโนเธอมีเหตุจำเป็นจริง ๆ ที่จะต้องไปแต่สิ่งที่เขาทำนั้น คือการดึงตัวเธอกลับมาที่เตียงนอนอีกครั้ง พร้อมออกคำสั่ง"ฉันไม่อนุญาตให้เธอไปไหน เธอก็ไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น""คุณติน แต่นี่มันเป็นเรื่องสำคัญนะคะ""แล้ว?"เปียโนอดกลั้นพร้อมทั้งกัดฟันแน่นรู้สึกว่าเขาไม่เห็นคนอื่นสำคัญเท่าตัวเองจริง ๆ พอเขาพูดจบก็สั่งให้แม่บ้านเฝ้าเปียโนเอาไว้ส่วนตัวเขาก็เดินออกมาข้างนอกห้อง"ไอ้ธนา!!!""ครับนาย" เสียงที่แผดดังลั่นคฤหาสน์หลังใหญ่ทำให้ธนาต้องรีบวิ่งเข้ามาหาเจ้านายตนเอง"มึงไปสืบเรื่องของเธอดูสิว่า สิ่งที่เธอพูดมาจริงหรือเปล่า""ครับ"เมื่อธนาเร่งออกจากตัวบ้านหลังใหญ่ ออสตินก็เอี้ยวตัวกลับไปมองที่ห้องที่เขาพึ่งจะออกมาเมื่อครู่ พร้อมน้ำเสียงที่เอ่ยพูดกับตัวเองเบา ๆ "หากเธอโกหกฉันละก็ฉันเอาเธอตายแน่"มหาวิทยาลัย"อะไรนะคะ เปียโนติดต่อไม่ได้และไม่ได้ไปเฝ้าพ่องั้นเหรอ"แมงเม่านิ่งอึ้งไปหลายวินาที โดยปกติแล้วเพื่อนของเธอจะไม่ไปไหนยิ่งพ่อป่วยแบบนี้เปียโนไม่น่าจะทิ้งให้อยู่คนเดียวด้วยซ้ำ นอกเสียจากจะมีเรื่องกับเพื่อนสาวเธอ"เมื่อวานทั้งวันหนูก็ไม่ได้โทรหาเปียโนเลย เอ้...
เขาไม่ฟังเสียงร้องห้ามใด ๆ จากคนตัวเล็กแต่สิ่งที่ออสตินทำคือฉีกเสื้อยืดที่เธอสวมใส่จนขาดวิ่นแคว๊ก"กรี๊ดดด คุณติน" มิหนำซ้ำเขายังกดจมูกโด่งลั่นลงที่ซอกคอของเปียโน เรียวปากหยักได้รูปดูดเม้มจนเกิดรอยแดงเต็มไปหมด"ฮื้อ ปล่อยนะ" เธอทั้งร้องขอและร้องไห้ในคราวเดียวกัน แต่เพราะช่วงนี้คนตัวเล็กพักผ่อนน้อยจึงทำให้เธอเกิดหมดสติในอ้อมกอดเขาพรึ่บเมื่อเห็นว่าร่างเล็กหยุดนิ่งไม่ขัดขืนต่อสู้ ออสตินจึงละใบหน้าคมนั้นขึ้นมอง "เปียโน อย่ามาแกล้งสลบแถวนี้"แต่เธอก็ไม่ได้ตอบโต้ หญิงสาวหลับตานิ่ง ร่างกายของเธอค่อนข้างที่จะอ่อนเพลีย ออสตินช้อนเธอขึ้นมาอุ้มในท่าเจ้าสาว ก่อนที่เขาจะพาเธอมาที่เตียงกว้าง จากนั้นก็เรียกธนาคนสนิทเขามาพบ"ไปตามหมอมา""ครับนาย" กลัวว่าเธอจะเป็นอันตราย ออสตินเลยสั่งลูกน้องให้ตามหมอมาตรวจอาการของเปียโนเวลาผ่านไปสักพักหมอก็ถูกพาตัวเข้ามาในห้องหรูของออสติน "อยู่ ๆ เธอก็เป็นลม"เป็นประโยคบอกเล่าของออสติน เมื่อบอกหมอแบบนั้นเขาก็เดินออกไปรอข้างนอกปล่อยให้หมอได้ตรวจเปียโนโดยละเอียด ทว่า เพียงแค่หมอเห็นเสื้อผ้าของเธอที่ขาดวิ่นรอยจ้ำแดงที่คอก็พอรับรู้ได้ถึงอะไรบางอย่าง แต่ก็ไม่กล้าพูดเพ
รถหรูเคลื่อนตัวมาได้ไกลพอสมควร อยู่ ๆ เขาก็สั่งให้ลูกน้องจอดสนิท"จอด! มึงลงไปได้แล้ว" เสียงเข้มดุดันสั่งให้ธนาลงจากรถคำสั่งนั้นมันทำให้เปียโนต้องมองตามร่างของคนสนิมเขา"จอดทำไมค่ะ?" หญิงสาวทำหน้าเหมือนจะงวยงงอยู่สักนิดเพราะเห็นว่าถนนเส้นนี้ท่าทางจะเปลี่ยว หรือเพราะว่าเธอเอาเงินเขามาแล้วขาดการติดต่อเขาเลยอยากจะทำร้ายเธอแววตาหวาดกลัวเริ่มแสดงออกชัดเจน เปียโนเริ่มมองฝั่งถนนทั้งสองข้าง ด้านนอกมีคนของเขายืนคุมอยู่"เธอรู้ใช่ไหมว่าฉันเสียเวลาตามหาเธอนานเท่าไร""คือ หนูมีเหตุผล พอดี.....ฮีบ" ชายหนุ่มไม่รอให้เธอได้พูดอะไรมาก เขาเอื้อมมือมาบีมที่คางของเธอแน่นขึ้นจนคนตัวเล็กรู้สึกถึงความเจ็บ"หนูเจ็บ""อย่ามาเล่นลิ้น ตอนที่ฉันให้เงินเธอฉันเคยบอกเธอว่ายังไงจำไม่ได้หรือเธอแกล้งลืม"ใบหน้าของเปียโนเริ่มบิดเบี้ยวเพราะแรงบีบของฝ่ามือชาย ปากเล็กเริ่มห่อขึ้นรูปจนเธอต้องรีบยกมือมาแกะมือเขาแต่มันก็ไม่เป็นผล เขายังบีบแน่นแต่พอเห็นว่าเธอน่าจะเจ็บจนมีน้ำตาเขาก็เริ่มปล่อยมือออกฮึก!น้ำตาของเปียโนไหลออกมาอาบแก้มแต่เธอก็พยายามอดกลั้นไม่ให้มีเสียงสะอื้นร่ำไห้ เธอรู้สึกเจ็บบริเวณข้างแก้มรู้สึกเหมือนกรามมันจ
วันเวลาผ่านไปจากสองวันก็เป็นหนึ่งอาทิตย์การตอบสนองด้านการผ่าตัดของนิลภพดีขึ้นตามลำดับจนได้ออกจากห้องไอซียูมาพักฟื้นที่ห้องธรรมดาได้ปกติ ส่วนเปียโนก็มีหน้าที่เฝ้าไข้พ่อไม่ห่างกาย และยังคงเดินทางกลับไปที่ห้องเพื่อให้อาหารสำลีทุกวันห้องพัก(อพาร์ตเมนต์)"สำลีช่วงนี้แกต้องอยู่คนเดียวก่อนรู้ไหม พ่อยังต้องนอนพักฟื้นที่โรงพยาบาล แกอาจจะเหงาหน่อยนะแต่ไม่ต้องห่วงฉันไม่ทิ้งแกแน่นอน"เหมียวพูดจบก็ยิ้มให้แมวสีขาวขนฟูเธอมองมันด้วยความรักเจ้าสำลีกำลังก้มหน้ากินอาหารจากในถาด ส่วนเปียโนเธอก็มองอยู่อย่างนั้นรู้สึกว่าการเกิดเป็นสัตว์ก็น่าจะดีเหมือนกันไม่ต้องรับรู้อะไรมาก ไม่ต้องแบกรับสภาพหนี้สินที่มากมายระหว่างที่ใช้ความคิดเสียงเคาะประตูห้องก็ดังขึ้นก๊อก ก๊อกร่างเล็กหันไปมองตามเสียงเธอย่นคิ้วเรียวลงเล็กน้อยไม่รู้ว่าใครที่มาเคาะเรียกตอนนี้ ถึงอย่างนั้นก็ต้องลุกขึ้นเดินออกไปเปิดประตูห้องแอ๊ดด"มาหาใครคะ" เมื่อเห็นชายหญิงคู่หนึ่งยืนอยู่ที่หน้าห้องเธอก็รีบเอ่ยถามตามมารยาทกลัวว่าจะมีคนเคาะห้องผิด"เธอใช่ไหมลูกสาว นิลภพ""ใช่ค่ะ""เราสองคนมาตามสัญญาที่เขียนไว้ในใบเงินกู้ ครบสัญญาที่ต้องใช้ดอกใช้ต้นแต่เห็