ร่างสูงกว่าร้อยเก้าสิบกระโจนตัวไปผลักที่อกของชายร่างท้วมใหญ่ ดวงตาของเขาแฝงไปด้วยความน่ากลัวหนำซ้ำยังจ้องหน้าเสี่ยใหญ่เขม็ง
"คะ คุณติน ไม่มีอะไรหรอกครับผมแค่เห็นว่าน้องเขาเมาเลยอยากช่วย" เสี่ยโชคโกหกหน้าตายพร้อมทั้งกวาดสายตามามองเปียโนที่ยืนตัวสั่นเทาเล็กน้อย "ไปได้แล้ว" "ครับ" เสียงเข้มโพล่งบอกชายร่างท้วมตรงหน้า ออสตินเป็นที่รู้จักในวงการ อสังหา ฯ มากไม่ว่าจะรุ่นใหญ่รุ่นเล็กก็ต้องรู้จักเขา ไม่เพียงเท่านั้นอิทธิพลที่อยู่ในมือของหนุ่มคนนี้ก็ไม่ธรรมดาเช่นกัน ก็พ่อของเขาเป็นทายาทของตระกูลเก่าแก่ไม่เพียงกิจการที่อยู่ในไทยยังมีกิจการร้านอาหารที่อยู่ต่างประเทศที่เป็นของครอบครัวฝั่งมารดาอีก "ขอบคุณมากนะคะ" เสียงหวานยกมือขึ้นไหว้ขอบคุณชายหนุ่มตรงหน้า ด้วยท่าทีตื่นกลัวเล็กน้อย เปียโนกำลังจะสาวเท้าออกไปจากบริเวณนั้นด้วยซ้ำ แต่เสียงเข้มก็ต้องรั้งเธอไว้อีกครั้ง "เดี๋ยว!" เปียโนชะงักหยุดเท้านิ่ง ใบหน้าของเธอก้มต่ำจนแทบมองไม่เห็นความสวย "เธอพึ่งมาทำงานที่นี่เหรอ" "คะ ค่ะ" ตอบเสียงสั่น จนออสตินต้องสาวเท้าเข้ามาใกล้คนตัวเล็ก แต่เหตุนั้นทำให้เปียโนต้องถอยหลังอัตโนมัติ "เป็นเด็กนั่งดริ้งเหรอ แล้วอย่างอื่นทำหรือเปล่า" "คุณหมายถึงอะไร?" เปียโนเงยหน้าขึ้นมาตอบ "รับงานนอก เอาอกเอาใจ เป็นตุ๊กตาหน้ารถเธอสนใจไหมล่ะ" ข้อเสนอของคนตรงหน้ามันทำให้เปียโนคิดตามอยู่สักพัก ก่อนที่เธอจะถามกลับ "แค่นั้นหรือคะ" "หรือเธออยากให้มีมากกว่านั้น!" ".........." ขอโทษนะคะ หนูไม่รับงานนอกรอบ" "หากฉันเสนอเป็นจำนวนเงินล่ะ เธอจะรับไหมครั้งละ อืม ห้าหมื่นเป็นไง แค่ไปนั่งดูหนัง ทานข้าว แล้ว....." ออสตินเว้นประโยคว่างเป็นการหยั่งเชิง อยากรู้ว่าสาวสวยตรงหน้าจะรับข้อเสนอแสนพิเศษนี้หรือเปล่า ทว่า เปียโนเธอไม่คิดว่ามันจะง่ายขนาดนั้นครั้งละห้าหมื่นแค่ทานข้าว คงเป็นไปได้ยาก แค่เห็นว่าเปียโนเงียบ ออสตินก็ล้วงนามบัตรออกมาจากกระเป๋าตัวเองแล้วยื่นส่งให้เธอ "นี่นามบัตรฉัน หากเธอสนใจก็โทรมาได้ที่เบอร์นี่" เปียโนยังคงยืนนิ่งไม่รับแม้นามบัตรของคนร่างสูง จนออสตินต้องคว้ามือเธอแล้วว่างใส่มือไว้ หลังจากที่ชายหนุ่มเดินจากไปแล้ว เปียโนก็ยกมันขึ้นมาอ่าน ออสติน เกียรติณรงค์ นามสกุลค่อนข้างจะคุ้นหู แต่เธอก็ไม่ได้สนใจที่จะติดต่อเขาแต่ก็ไม่ได้ทิ้งนามบัตรนั้น จนกระทั่งเพื่อนของเธอวิ่งมาหา ตึก ตึก "ยัยเปียได้ยินว่าเสี่ยโชคลวนลามแกเหรอ" "ทำไมแกรู้ละ" "ก็เพื่อนคุณเควินเจ้าของที่นี่เดินไปบอกเจ๊แก้วว่าแขกทำตัวไม่เหมาะกับเด็กในร้านที่มาใหม่น่ะสิ คนที่มาใหม่จะเป็นใครได้นอกจากแก" แค่บอกว่าเป็นเพื่อนกับเจ้าของร้าน เปียโนก็นึกถึงชายคนนั้นที่เข้ามาช่วยเธอ มิน่าถึงเสนอให้เธอไปทานข้าวด้วย "ไม่มีอะไรหรอก ฉันไม่เป็นอะไร" "ดีนะเนี่ยที่คุณตินมาพบ" "คุณติน?" เมื่อแมงเม่าพูดชื่อนั้นขึ้นมา เปียโนก็คิดถึงชื่อที่อยู่ในนามบัตร แต่เธอก็ไม่ได้พูดอะไรสักอย่าง สุดท้ายแล้วการเริ่มงานของที่นี่ก็น่าจะเป็นบททดสอบแรกของเธอเช่นกัน หลังจากวันนั้น เปียโนตัดสินใจแล้วว่าจะเริ่มงานใหม่กับเพื่อน เธอเลือกที่จะลาออกจากงานร้านกาแฟด้วยเหตุผลสั้น ๆ คือเงิน วันแรกของการทำงานเธอได้ทิปมาหนึ่งพันบาทมันมากกว่างานที่ร้านกาแฟด้วยซ้ำ เหตุผลนี้ก็น่าจะเพียงพอที่จะทำให้เธอตัดสินใจง่าย อย่างไรเสียพ่อของเธอต้องได้รับการผ่าตัด สองวันผ่านไป "ค่อย ๆ เดินนะคะ" "พ่อไม่เป็นอะไรมากแล้ว ไม่ต้องพยุงก็ได้ลูก" "จริงค่ะ ที่พ่อบอกว่าไม่เป็นไร แต่หนูยังเห็นพ่อเดินขาเจ็บอยู่เลย" "ก็พ่อแก่แล้วนี่นา" รอยยิ้มของพ่อลูกที่มีให้กันนั้นมันมากกว่าคำว่าความสุข แม้ว่าตอนนี้จะเป็นทุกข์ทางกายก็จริงแต่อย่างน้อย ๆ เปียโนเธอก็ยังได้รับความรักจากพ่อเสมอ ครืด ครืด ยังไม่ทันที่นิลภพจะหย่อนก้นลงนั่งที่โซฟาภายในห้องด้วยซ้ำเสียงมือถือของเขาก็ดังขึ้น "ฮัลโหลครับ" "คุณภพ หนี้ที่คุณมากู้ยืมกับทางเราอีกหนึ่งเดือนจะต้องชำระแล้ว หวังว่าจะไม่ผิดนัดนะครับ" "อ้อ ครับ ๆ " ไม่นึกเลยว่าจะซวยซ้ำซวยซ้อนขนาดนี้ บริษัทถูกโกง ถูกขโมยผลงานจนต้องไปกู้เงินมาอัดแต่ก็ล้มไม่เป็นท่าจนต้องติดหนี้หลายล้านบาท ขนาดขายทรัพย์สินทุกอย่างก็ยังไม่พอใช้หนี้ "พ่อค่ะ ใครโทรมาเหรอคะ" "อ้อ คนรู้จักน่ะลูกไม่มีอะไรหรอก" นิลภพไม่อยากให้ลูกสาวต้องมารับรู้เรื่องหนี้สินด้วย แค่ตัวเองทำพลาดจนต้องพาลูกมาลำบากก็น่าจะเกินพอ ทว่า ความสงสัยของเปียโนก็ย่อมมีเธอรู้ว่าหลาย ๆ เรื่องพ่อเธอปิดบังเธออยู่ ภาวะเนื้องอกในสมองทำให้นิลภพมีอาการปวดหัว จนทำให้สายตาพร่ามัวส่วนเหตุผลเพราะใช้ความคิดวิตกกังวลกับเรื่องหนี้สิน ใบหน้าที่เริ่มซีดเผือดทำให้เปียโนต้องเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง "พ่อค่ะ พ่อไม่สบายหรือเปล่า หน้าพ่อซีดมากเลยรู้ไหม" "พ่อไม่เป็นอะไรหรอก เปียพ่อขอยาแก้ปวดสักสองเม็ดสิลูก" "พ่อปวดหัวเหรอคะ" "นิดหน่อยลูก คงเพราะพึ่งฟื้นตัว" พูดจบนิลภพก็เอนตัวลงนอนกับโซฟา เพียงเท่านั้นเปียโนเธอก็รู้ว่าพ่อคงมีอาการปวดหัวจากเนื้องอก แม้ว่าจะเดินไปหยิบยามาให้พ่อแต่สีหน้าของเธอก็ไม่สู้ดีเหมือนกัน หลังจากที่เอายาให้นิลภพ เปียโนก็เข้ามาในห้องเธอใช้ความคิดมากมายที่จะหาเงินให้เร็วมากที่สุด ไม่อยากให้พ่อต้องมาทรมานกว่านี้ พลันความคิดหนึ่งก็ฉุกขึ้น ร่างบางหยิบนามบัตรของออสตินขึ้นมาดู หรือว่าจะลองเสี่ยงดูสักครั้งการนัดนอกรอบนี้มีมูลค่าตั้งห้าหมื่น แน่นอนว่ามันมากกว่าเงินเดือนสองเท่าตัว "หากมันจำเป็นหนูก็จะทำ!""พ่ออย่าเป็นอะไรนะคะ ฮือ..ฮึก"หญิงสาวในชุดลำลองสบายสวมกางเกงวอร์มและเสื้อยืดวิ่งตามเปลพยาบาลที่กำลังเข็นพ่อของเธอเข้าห้องฉุกเฉินนิลภพวัยห้าสิบหกปีอดีตนักธุรกิจอสังหาฯ ที่เคยร่ำรวยอู้ฟู่ต้องประสบอุบัติเหตุรถยนต์เสียหลักหลังจากที่กลับมาจากคุยธุระเรื่องคดีของเขาหากจะย้อนกลับไปเมื่อหลายเดือนก่อน นิลภพเป็นนักธุรกิจอสังหาฯ ที่พอมีชื่อเสียงอยู่บ้างแต่ด้วยเหตุผิดพลาดทางหน้าที่การงานจึงทำให้เขากลายเป็นบุคคลล้มละลายแถมยังมีหนี้สินจนท่วมหัวส่วนลูกสาวเพียงคนเดียวก็กำลังศึกษาระดับมหาวิทยาลัยปีสาม ด้านภรรยานั้นเสียชีวิตไปตั้งแต่ลูกสาวยังเล็กด้วยโรคประจำตัว'เปียโน' ลูกสาวอันเป็นที่รักและยังเป็นทุกอย่างของนิลภพเขายอมทำงานหนักเพื่อเลี้ยงลูกอยากให้ลูกสาวสุขสบายเพราะเขาคิดว่าลูกขาดแม่จึงอยากเติมเต็มให้ทุกอย่าง แต่ใครจะไปคิดละว่าบริษัทจะถึงคราวเคราะห์เพียงแค่มีคนลักลอบข้อมูลให้คู่แข่งนิลวรรณหรือ เปียโน เธอค่อนข้างบอบบางคงเพราะผู้เป็นบิดาเลี้ยงมาเหมือนไข่ในหิน และตั้งแต่เกิดเรื่องกับครอบครัวเธอ เธอก็พยายามช่วยพ่อทุกอย่างจากที่ไม่เคยทำอะไรก็หันมารับงานร้านกาแฟ ร้านขนมช่วงวันหยุดหญิงสาวใบหน้าสะสวยดวง
หลังจากที่เปียโนกลับมาจากมหาวิทยาลัยแล้ว เธอก็มุ่งหน้าเดินทางมาที่โรงพยาบาลที่พ่อของเธอรักษาตัวจากอุบัติเหตุ "พ่อเป็นอย่างไรบ้างคะ""มาแล้วเหรอลูก"เสียงแหบพร่าเปล่งออกมาถามลูกสาว ในสายตาของนิลภพเปียโนยังเป็นเพียงเด็กน้อยสำหรับเขาเสมอรอยยิ้มของเปียโนฉีกขึ้นกว้างเธอสาวเท้าเข้าไปใกล้ ๆ เตียงผู้ป่วย นิลภพไม่ได้นอนพักที่ห้องพิเศษแต่อย่างใดเพราะตอนนี้ตัวเขาไม่ได้มีเงินเหมือนเมื่อก่อนการรักษาตัวทำได้เพียงนอนพักที่ห้องผู้ป่วยรวมเท่านั้น"หนูรีบกลับมากลัวพ่อจะเหงา""เหงาที่ไหนล่ะ ดูสิข้าง ๆ ก็มีแต่เพื่อน"ชายวัยเกือบหกสิบพูดขึ้นพร้อมรอยยิ้ม แม้ว่าตามร่างกายจะมีแต่รอยฟกช้ำก็ตามที"แล้วคุณหมอบอกหรือเปล่าคะว่าจะให้พ่อกลับบ้านวันไหน""พ่อก็ไม่รู้แต่เห็นว่าพ่อต้อง x-ray อีกรอบ"" x-ray ??"คำพูดของพ่อทำเอาเปียโนชะงักเล็กน้อย เธอรู้ได้เลยว่าต้อง x-ray ส่วนไหนทว่าตอนนี้เธอยังไม่มีแม้เงินที่ต้องเตรียมผ่าตัด"พ่อค่ะ เดี๋ยวหนูมานะ"เปียโนสาวเท้าออกจากเตียงผู้ป่วยมุ่งหน้าออกไปที่แผนกอายุรกรรมระบบประสาทและสมองเธออยากจะขอคุยกับคุณหมอเรื่องการผ่าตัดหากจะผ่าตัดตอนนี้เธอไม่มีเงินมากขนาดนั้นใบหน้าสวยคมดวงต
เสียงเพลงขับกล่อมเบา ๆ ภายในห้องส่วนตัวขนาดใหญ่ ชายหนุ่มร่างสูงกว่าร้อยเก้าสิบเซนติเมตรรูปร่างสูงโปร่งกล้ามเนื้อกระชับได้สัดส่วน ผมของเขาดำขลับเล็กน้อยดวงตาสีฟ้าใสแต่ดูเย็นชาเป็นนิจมือหนายกแก้วลวดลายหรูภายในแก้วมีน้ำเมาสีเข้มก่อนที่เขาจะยกมันเทลงลำคอเกร็งแอ๊ดเสียงเปิดประตูของผู้ที่เข้ามาใหม่ ก่อนที่ดวงตาคู่นั้นจะเหลือบขึ้นมองเล็กน้อย ใบหน้าที่นิ่งสนิทนี้ไม่ได้แสดงกิริยาใด ๆ ออกมา ทันทีที่แก้ววางลงที่เดิมเสียงเข้มนั้นก็โปร่งขึ้นถาม"มาแต่หัววันขนาดนี้ท่านประธานคงมีเรื่องเครียดสินะ" คนที่เอ่ยถามเสียงราบเรียบนี้คือเจ้าของเลานจ์แหล่งผ่อนคลายของนักธุรกิจหลายคน 'เควิน'"นิดหน่อย โครงการใหม่ค่อนข้างล่าช้า วิศวกรคุมงานก็เกิดป่วยกะทันหัน"น้ำเสียงห้วนห้าวพร้อมทั้งล้วงบุหรี่ขึ้นมาจุด จนไฟสว่างโร่ เขาสูบมันเข้าไปจนเต็มปอดก่อนที่จะพ่นควันสีหม่นออกมา กิริยาเหล่านี้ทำเอาผู้ที่เป็นเจ้าของรวมทั้งเป็นเพื่อนสนิทต้องส่ายหัว ใช่ว่าเรื่องแบบนี้จะไม่เคยเกิดความผิดพลาดกับงานใหญ่มันมาคู่กันเสมอเควิน เดินเข้าไปช้า ๆ ก่อนที่จะหย่อนก้นลงนั่งข้าง ๆ ชายหนุ่มลูกครึ่งเจ้าของคอนโดมิเนียมหลายพันล้านบาทและโครงการอ
ร่างสูงกว่าร้อยเก้าสิบกระโจนตัวไปผลักที่อกของชายร่างท้วมใหญ่ ดวงตาของเขาแฝงไปด้วยความน่ากลัวหนำซ้ำยังจ้องหน้าเสี่ยใหญ่เขม็ง"คะ คุณติน ไม่มีอะไรหรอกครับผมแค่เห็นว่าน้องเขาเมาเลยอยากช่วย"เสี่ยโชคโกหกหน้าตายพร้อมทั้งกวาดสายตามามองเปียโนที่ยืนตัวสั่นเทาเล็กน้อย "ไปได้แล้ว""ครับ" เสียงเข้มโพล่งบอกชายร่างท้วมตรงหน้า ออสตินเป็นที่รู้จักในวงการ อสังหา ฯ มากไม่ว่าจะรุ่นใหญ่รุ่นเล็กก็ต้องรู้จักเขา ไม่เพียงเท่านั้นอิทธิพลที่อยู่ในมือของหนุ่มคนนี้ก็ไม่ธรรมดาเช่นกัน ก็พ่อของเขาเป็นทายาทของตระกูลเก่าแก่ไม่เพียงกิจการที่อยู่ในไทยยังมีกิจการร้านอาหารที่อยู่ต่างประเทศที่เป็นของครอบครัวฝั่งมารดาอีก"ขอบคุณมากนะคะ" เสียงหวานยกมือขึ้นไหว้ขอบคุณชายหนุ่มตรงหน้า ด้วยท่าทีตื่นกลัวเล็กน้อย เปียโนกำลังจะสาวเท้าออกไปจากบริเวณนั้นด้วยซ้ำ แต่เสียงเข้มก็ต้องรั้งเธอไว้อีกครั้ง"เดี๋ยว!"เปียโนชะงักหยุดเท้านิ่ง ใบหน้าของเธอก้มต่ำจนแทบมองไม่เห็นความสวย"เธอพึ่งมาทำงานที่นี่เหรอ""คะ ค่ะ" ตอบเสียงสั่น จนออสตินต้องสาวเท้าเข้ามาใกล้คนตัวเล็ก แต่เหตุนั้นทำให้เปียโนต้องถอยหลังอัตโนมัติ"เป็นเด็กนั่งดริ้งเหรอ แล้วอย่าง
เสียงเพลงขับกล่อมเบา ๆ ภายในห้องส่วนตัวขนาดใหญ่ ชายหนุ่มร่างสูงกว่าร้อยเก้าสิบเซนติเมตรรูปร่างสูงโปร่งกล้ามเนื้อกระชับได้สัดส่วน ผมของเขาดำขลับเล็กน้อยดวงตาสีฟ้าใสแต่ดูเย็นชาเป็นนิจมือหนายกแก้วลวดลายหรูภายในแก้วมีน้ำเมาสีเข้มก่อนที่เขาจะยกมันเทลงลำคอเกร็งแอ๊ดเสียงเปิดประตูของผู้ที่เข้ามาใหม่ ก่อนที่ดวงตาคู่นั้นจะเหลือบขึ้นมองเล็กน้อย ใบหน้าที่นิ่งสนิทนี้ไม่ได้แสดงกิริยาใด ๆ ออกมา ทันทีที่แก้ววางลงที่เดิมเสียงเข้มนั้นก็โปร่งขึ้นถาม"มาแต่หัววันขนาดนี้ท่านประธานคงมีเรื่องเครียดสินะ" คนที่เอ่ยถามเสียงราบเรียบนี้คือเจ้าของเลานจ์แหล่งผ่อนคลายของนักธุรกิจหลายคน 'เควิน'"นิดหน่อย โครงการใหม่ค่อนข้างล่าช้า วิศวกรคุมงานก็เกิดป่วยกะทันหัน"น้ำเสียงห้วนห้าวพร้อมทั้งล้วงบุหรี่ขึ้นมาจุด จนไฟสว่างโร่ เขาสูบมันเข้าไปจนเต็มปอดก่อนที่จะพ่นควันสีหม่นออกมา กิริยาเหล่านี้ทำเอาผู้ที่เป็นเจ้าของรวมทั้งเป็นเพื่อนสนิทต้องส่ายหัว ใช่ว่าเรื่องแบบนี้จะไม่เคยเกิดความผิดพลาดกับงานใหญ่มันมาคู่กันเสมอเควิน เดินเข้าไปช้า ๆ ก่อนที่จะหย่อนก้นลงนั่งข้าง ๆ ชายหนุ่มลูกครึ่งเจ้าของคอนโดมิเนียมหลายพันล้านบาทและโครงการอ
หลังจากที่เปียโนกลับมาจากมหาวิทยาลัยแล้ว เธอก็มุ่งหน้าเดินทางมาที่โรงพยาบาลที่พ่อของเธอรักษาตัวจากอุบัติเหตุ "พ่อเป็นอย่างไรบ้างคะ""มาแล้วเหรอลูก"เสียงแหบพร่าเปล่งออกมาถามลูกสาว ในสายตาของนิลภพเปียโนยังเป็นเพียงเด็กน้อยสำหรับเขาเสมอรอยยิ้มของเปียโนฉีกขึ้นกว้างเธอสาวเท้าเข้าไปใกล้ ๆ เตียงผู้ป่วย นิลภพไม่ได้นอนพักที่ห้องพิเศษแต่อย่างใดเพราะตอนนี้ตัวเขาไม่ได้มีเงินเหมือนเมื่อก่อนการรักษาตัวทำได้เพียงนอนพักที่ห้องผู้ป่วยรวมเท่านั้น"หนูรีบกลับมากลัวพ่อจะเหงา""เหงาที่ไหนล่ะ ดูสิข้าง ๆ ก็มีแต่เพื่อน"ชายวัยเกือบหกสิบพูดขึ้นพร้อมรอยยิ้ม แม้ว่าตามร่างกายจะมีแต่รอยฟกช้ำก็ตามที"แล้วคุณหมอบอกหรือเปล่าคะว่าจะให้พ่อกลับบ้านวันไหน""พ่อก็ไม่รู้แต่เห็นว่าพ่อต้อง x-ray อีกรอบ"" x-ray ??"คำพูดของพ่อทำเอาเปียโนชะงักเล็กน้อย เธอรู้ได้เลยว่าต้อง x-ray ส่วนไหนทว่าตอนนี้เธอยังไม่มีแม้เงินที่ต้องเตรียมผ่าตัด"พ่อค่ะ เดี๋ยวหนูมานะ"เปียโนสาวเท้าออกจากเตียงผู้ป่วยมุ่งหน้าออกไปที่แผนกอายุรกรรมระบบประสาทและสมองเธออยากจะขอคุยกับคุณหมอเรื่องการผ่าตัดหากจะผ่าตัดตอนนี้เธอไม่มีเงินมากขนาดนั้นใบหน้าสวยคมดวงต
"พ่ออย่าเป็นอะไรนะคะ ฮือ..ฮึก"หญิงสาวในชุดลำลองสบายสวมกางเกงวอร์มและเสื้อยืดวิ่งตามเปลพยาบาลที่กำลังเข็นพ่อของเธอเข้าห้องฉุกเฉินนิลภพวัยห้าสิบหกปีอดีตนักธุรกิจอสังหาฯ ที่เคยร่ำรวยอู้ฟู่ต้องประสบอุบัติเหตุรถยนต์เสียหลักหลังจากที่กลับมาจากคุยธุระเรื่องคดีของเขาหากจะย้อนกลับไปเมื่อหลายเดือนก่อน นิลภพเป็นนักธุรกิจอสังหาฯ ที่พอมีชื่อเสียงอยู่บ้างแต่ด้วยเหตุผิดพลาดทางหน้าที่การงานจึงทำให้เขากลายเป็นบุคคลล้มละลายแถมยังมีหนี้สินจนท่วมหัวส่วนลูกสาวเพียงคนเดียวก็กำลังศึกษาระดับมหาวิทยาลัยปีสาม ด้านภรรยานั้นเสียชีวิตไปตั้งแต่ลูกสาวยังเล็กด้วยโรคประจำตัว'เปียโน' ลูกสาวอันเป็นที่รักและยังเป็นทุกอย่างของนิลภพเขายอมทำงานหนักเพื่อเลี้ยงลูกอยากให้ลูกสาวสุขสบายเพราะเขาคิดว่าลูกขาดแม่จึงอยากเติมเต็มให้ทุกอย่าง แต่ใครจะไปคิดละว่าบริษัทจะถึงคราวเคราะห์เพียงแค่มีคนลักลอบข้อมูลให้คู่แข่งนิลวรรณหรือ เปียโน เธอค่อนข้างบอบบางคงเพราะผู้เป็นบิดาเลี้ยงมาเหมือนไข่ในหิน และตั้งแต่เกิดเรื่องกับครอบครัวเธอ เธอก็พยายามช่วยพ่อทุกอย่างจากที่ไม่เคยทำอะไรก็หันมารับงานร้านกาแฟ ร้านขนมช่วงวันหยุดหญิงสาวใบหน้าสะสวยดวง