บรรยากาศอบอวลไปด้วยความรักของสองพ่อลูก นานมากแล้วที่ไม่ได้ออกมาทานข้าวนอกบ้านนับตั้งแต่ที่เกิดเรื่องขึ้นกับครอบครัวของเธอ
"อร่อยไหมคะพ่อ" เปียโนเอ่ยถามพร้อมรอยยิ้มสดใสของเธอ ส่วนนิลภพเขาก็พยักหน้าตอบรับลูกสาว หากจะถามว่าอร่อยไหมในเวลานี้มันไม่มีรสชาติเสียมากกว่าแต่ที่ต้องยอมมาทานเพราะไม่อยากทำให้ลูกสาวเพียงคนเดียวต้องเสียความรู้สึก ในเวลานี้ใครจะกินข้าวได้คล่องคอทั้งหนี้สินรัดตัวไหนจะมีเรื่องสุขภาพเข้ามาเกี่ยวข้อง หากไม่ยอมรับการผ่าตัดเปียโนก็ไม่สบายใจกลัวว่าจะเป็นอันตรายมากไปกว่านี้ ครืด ครืด ในขณะที่ความสุขกำลังวิ่งวนอยู่ในหัวใจของคนตัวเล็ก เสียงมือถือของเธอก็ดังขึ้นทำเอารอยยิ้มที่มีก่อนหน้าต้องหุบลงก็เบอร์ที่เธอบันทึกไว้ในนามบัตรมันขึ้นชื่ออย่างชัดเจน ออสติน "พ่อค่ะ หนูขอไปรับสายก่อนนะ สงสัยเพื่อนที่มหาลัยโทรมา" "จ้ะ" หลังจากที่ลุกออกจากโต๊ะอาหาร เปียโนก็หลบมาคุยโทรศัพท์ด้านนอก "สวัสดีค่ะ" (เห็นเธอเงียบไปหลายวัน ไม่เห็นจะโทรหาฉันเลย หรือว่าเงินที่ได้ไปมันคุ้มแล้ว) "คือหนูติดธุระ ว่าแต่คุณตินมีอะไรหรือเปล่าคะ" (วันนี้ฉันอยากจะเจอเธอหน่อย) "วันนี้หรือคะ" (ทำไม เธอติดปัญหาอะไร) "คือ....." (ฉันหวังว่าเธอจะง่ายเหมือนเงินที่ฉันให้เธอไปนะ) ตืดๆๆๆๆ เขาพูดเพียงเท่านั้นสายก็ถูกตัดไม่นานนักไลน์ในมือถือของเปียโนก็ดังขึ้น คนที่ส่งมาคือออสตินสถานที่ที่เขาปักหมุด คอนโดหรูใจกลางเมือง ใบหน้าที่เคยมีความสุขคล้ายจะเป็นกังวลอยู่มาก แม้จะคิดไว้แล้วว่าเงินจำนวนนั้นไม่ได้มาฟรีมันย่อมมีข้อแลกเปลี่ยน แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำใจยอมรับเสียทีเดียว เปียโนเดินกลับมาที่โต๊ะอาหาร เธอบอกกับพ่อว่ามีธุระด่วนที่ร้าน จริงอยู่ว่าตอนนี้พึ่งจะหนึ่งทุ่มนิด ๆ แต่ปกติแล้วนิลภพก็ไม่เคยได้สักถามอะไรลูกสาวมากมายแม้จะอยากห้ามไม่ให้เปียโนทำงานแต่ตัวเขาก็ไม่อาจจะหาเงินมาจุนเจือลูกได้เหมือนดังเก่าก่อน หลังจากที่ทานมื้อเย็นเรียบร้อยนิลภพก็ไม่ได้รบกวนใจลูกสาวในเมื่อเปียโนเธอบอกพ่อว่ามีธุระที่ร้านก็แยกกันที่ห้างสรรพสินค้าทันที โดยที่ชายสูงวัยไม่ถามอะไรให้มากความ ส่วนเปียโนเธอเดินทางมาพบออสตินที่คอนโดหรูของเขา เมื่อแท็กซี่จอดสนิทด้านหน้าคอนโดสูงตระหง่าน หญิงสาวร่างเล็กก็เปิดประตูก้าวเท้าลงมา พลันสายตาที่เหลือบขึ้นมองตึกสูงหลายชั้นก็ทำเอาหัวใจดวงน้อยเต้นแทบไม่เป็นจังหวะ "เธอเลือกแล้วนี่ จะกลัวอะไร" เปียโนพยายามปลอบใจตัวเอง แม้สองขาของเธอจะสั่นเทาแทบก้าวไม่ออกก็ตาม ชั้นที่ออสตินอยู่เรียกว่ามองเห็นเมืองกรุงได้สุดลูกตา เปียโนสาวเท้าเข้ามาแล้วก็มุ่งตรงไปที่ลิฟต์ชั้นที่สิบที่เขาให้พิกัดไว้พร้อมเบอร์ห้อง ตึก ตึก "หยุดเต้นสักทีได้ไหม" เธอบอกหัวใจตัวเองในตอนนี้ขณะที่ขึ้นลิฟต์หัวใจก็ยิ่งเต้นผิดจังหวะมันเหมือนจะหลุดออกมาจากเนื้อ ทั้ง ๆ ที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ติ๋ง ประตูลิฟต์เปิดออกกว้าง สายตาคู่สวยก็กวาดมองโดยรอบ ก่อนที่เท้าของเธอจะย่างออกมาเพียงหนึ่งก้าว เมื่อเห็นป้ายบอกเลขห้องก็ไม่รอช้าที่จะมุ่งหน้าไปตามที่เขาส่งพิกัดมาให้ "เอาน่าเปียโนทุกอย่างที่เธอทำเพื่อพ่อของเธอ อย่าคิดมาก" ก็ยังคงปลอบใจตัวเองขณะที่เท้าเดินไปไม่หยุด เมื่อถึงจุดหมายเธอก็ยืนนิ่งพลางหลับตาลงตั้งสติ ก่อนจะพ่นลมร้อนออกมาจากปาก กริ่ง เสียงกดสัญญาณเรียกคนข้างในให้เปิดประตู เปียโนยังคงยืนก้มหน้าพร้อมอาการเกร็งเล็กน้อยสองมือของเธอบีบกันแน่น แอ๊ดด ประตูห้องหรูค่อย ๆ เปิดช้า ๆ พร้อมสายตาของเปียโนที่จ้องมองจังหวะนั้น พรึ่บ แรงดึงจากด้านในทำให้ร่างของเธอเซถลาเข้ามาอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว จนต้องเผลอร้องออกมาด้วยความตกใจ "อ้ายย" ชายหนุ่มร่างสูงผิวขาวสะอาดทว่าดวงตาของเขากับนิ่งสนิท ใบหน้านั้นค่อนข้างที่จะเฉยชาราวกับว่าเขาไม่มีจิตวิญญาณหลงเหลือ "คุณติน!!" ออสตินไม่สนที่จะถามด้วยซ้ำ ทันทีที่มือหนาคว้าร่างของสาวสวยเข้ามาในอ้อมกอดเขาก็ซุกใบหน้าอันหล่อเหลาลงที่ซอกคอคนตัวเล็ก พยายามรุกล้ำร่างกายเธอจนเปียโนต้องใช้แรงที่มีผลักเขาให้ถอยออกไป ผลัก! "จะมาเล่นตัวอะไรตอนนี้" น้ำเสียงค่อนข้างจะหงุดหงิดและเอาแต่ใจเป็นอย่างมาก จนเปียโนเธอไม่รู้ว่าจะเริ่มพูดที่ตรงไหนก่อนดี เธอรู้ว่าเขาให้เงินเธอมาก็เพราะเรื่องนี้แต่ถึงอย่างนั้นก็น่าจะให้เธอได้เตรียมร่างกายสักหน่อย "ไม่ใช่อย่างนั้นนะคะ คือเราจะไม่คุยอะไรกันหน่อยเหรอ" "ทำไมต้องคุย ฉันเคยบอกไปแล้วนี่ฉันให้เธอง่ายเธอเองก็น่าจะให้ฉันง่าย ๆ เหมือนกัน" "อย่างน้อย ๆ ก็น่าจะให้หนูได้อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสียใหม่" "ทำไม หรือว่าตัวเธอมันสกปรก?" พอเขาพูดแบบนั้นเธอก็นึกขึ้นได้ว่าพึ่งไปทานมื้อเย็นกับพ่อมา กลิ่นอาหารมันยังติดอยู่ในปากอยู่เลย "ค่ะ คือหนูพึ่งทานอาหารมารู้สึกอยากอาบน้ำด้วย ยังไงหนูก็ไม่หนีแน่แต่ขออาบน้ำก่อนได้ไหม" "ทานอาหารอย่างงั้นเหรอ ของหวานหรือของคาวล่ะ" "ค่ะ?" แววตาของเขาดูผิดแปลกพิกลคำถามนั้นมันก็แปลกมากด้วยอาหารที่เธอทานมันก็ต้องเป็นของคาวอยู่แล้ว แต่เปียโนยังไม่ทันได้ตอบเขาก็เอ่ยคำสั่งเสียงเข้ม "ห้องน้ำอยู่ด้านนั้น รีบอาบแล้วฉันจะรอเธออยู่ที่เตียง!!"ร่างเล็กสวมชุดคลุมสีขาวสะอาดตา ยืนส่องตัวเองในกระจกเงาภายในห้องน้ำ พลางถอนหายใจดังเฮือก ๆ อยู่หลายครั้ง "เธอไม่มีทางเลือกนี่ อย่าคิดมากสิ เปียโน" คนตัวเล็กยังคงปลอบใจตัวเองอยู่อย่างนั้น จนกระทั่งมีเสียงเคาะประตูห้องน้ำดังขึ้นก๊อก ก๊อก"เธอถ่วงเวลาอยู่หรือเปล่า"เปียโนสะดุ้งโหยงด้วยความตกใจ เสียงเข้มที่ดังอยู่หน้าห้องน้ำมันบ่งบอกอารมณ์ที่มีอยู่ตอนนี้ น้ำเสียงของเขาค่อนข้างจะหงุดหงิด เธอสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะหมุนตัวออกจากหน้ากระจกแล้วเปิดประตูห้องน้ำออกกว้าง พรึ่บทันทีที่ร่างเล็กปรากฏตัว เขาก็ดันเธอจนติดผนังลมหายใจผ่าวร้อนระยะประชิดจนเธอได้กลิ่นเหล้าจาง ๆ ออกมา ดวงตาของเขาที่มองต่ำมาที่ริมฝีปากมันทำเอาเปียโนหายใจแทบลำบากอย่าว่าแต่จ้องมองเขาคงอดไม่ได้ที่จะแนบริมฝีปากหยักลงมาที่เรียวปากเธอจนเปียโนต้องผลักเขาถอยออกไปด้วยความเผลอตัวผลัก !"เออ คุณตินไปที่เตียงก่อนไม่ได้หรือคะ""ทำไม จะที่ไหนก็เหมือนกันนั่นแหละที่นี่ห้องของฉัน ฉันอยากทำตรงไหนมันก็ยอมได้""แต่.....""ฉันรู้สึกว่าเธอค่อนข้างจะเรื่องมาก... ก็ได้!"สิ้นสุดคำพูดห้วน ๆ แบบนั้นร่างของเปียโนก็ถูกช้อนขึ้นมาอุ้มในท่าเจ้าสาว
สีหน้าของเปียโนบ่งบอกอารมณ์ของความเจ็บปวด เธอรู้สึกเหมือนกับว่าร่างกายจะฉีกออกเป็นเสี่ยง ๆ ทุกครั้งที่ออสตินพยายามดันท่อนเอ็นที่แข็งขืนเข้ามาด้านในตัวเธอ"หนูเจ็บ พอเถอะค่ะ ไม่เอาแล้ว""ก็บอกว่าอย่าเกร็งไง" เขาใช้น้ำเสียงเข้มเปล่งออกมาเป็นคำสั่ง จนเปียโนต้องเงียบปาก เธอหวาดกลัวพร้อมเนื้อตัวสั่นเทาไปหมดชายหนุ่มกัดฟันจนสันกรามนูนเด่น สายตาคมจ้องส่วนนั้นอย่างโมโห "แม่ง!"เขาสบถถ้อยคำหยาบคายออกมา ก่อนที่จะลุกขึ้นจากเตียงด้วยท่าทีหัวเสีย เท้าหนักเดินไปที่หัวเตียงอีกครั้งก่อนจะหยิบเจลชนิดหล่อลื่นขึ้นมาชโลมไปที่ถุงยางอนามัย คราวนี้มั่นใจแล้วว่ายังไงต้องดันมันเข้าไปให้ได้เปียโนยังนอนอยู่ท่าเดิมสองขาของเธอสั่นเทาไปหมดเพราะเกร็งกับความเจ็บเมื่อครู่ ยังไม่ทันได้ผ่อนคลายด้วยซ้ำ ร่างสูงก็เข้าประชิดตัวเธออีกครั้ง"หนูไม่ไหวแล้ว พอเถอะค่ะ" เพราะรู้สึกเหมือนทางเข้ามันจะฉีกขาดเธอเจ็บจนแทบทนไม่ไหวแต่นั่นมันไม่ใช่เหตุผลที่ออสตินจะหยุด เขาจ่อแท่งร้อนเข้าไปอีกครั้งพร้อมกับดันขาเรียวของเปียโนแยกออก"อ้ายย อื้อ เจ็บบ""หุบปากสักทีได้ไหม เธอจะงอแงอะไรตอนนี้" ที่งอแงเพราะความเป็นชายของเขามันใหญ่มโหฬารต่างหา
23.20 โดยประมาณเปียโนเดินทางกลับมาที่ห้องพัก เวลาในตอนนี้ค่อนข้างดึกพอสมควรเธอคิดว่าพ่อน่าจะหลับไปแล้ว เมื่อมาถึงหน้าห้องสิ่งที่เธอแปลกใจคือ ประตูห้องไม่ได้ปิดสนิทแถมด้านในห้องยังคงมีดวงไฟสว่างอยู่"อย่าบอกนะว่าพ่อยังไม่หลับ"เธอค่อย ๆ ย่างเท้าน้อย ๆ เข้าไปมืออีกข้างก็ใช้ดันประตู ทว่า สิ่งที่เห็นตรงหน้า"พ่อค่ะ!!!"ร่างของนิลภพล้มคว่ำหน้าอยู่ที่พื้น เธอรีบโผตัวเข้าไปพยุงร่างพ่อให้หงายขึ้นมา ร่างนั้นนอนนิ่งสนิทแต่ก็ยังมีลมหายใจอยู่"พ่อ พ่อเป็นอะไรไปค่ะ" เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้นกับพ่อของเธอ สิ่งที่พอตั้งสติได้ก็คือการโทรเรียกรถโรงพยาบาลโรงพยาบาลเปียโนยังคงอยู่ในอาการที่เรียกว่าตื่นตระหนกสุดขีดเธอกลัวว่าพ่อของเธอจะเป็นอะไรที่ร้ายแรงมากกว่านั้น ทันทีที่รถจอดเปลพยาบาลก็วิ่งมารับร่างที่ไม่มีสติเข็นส่งห้องฉุกเฉินเมื่อร่างของนิลภพถูกเข็นเข้าไปแล้ว เปียโนก็ยื่นตัวสั่นพร้อมน้ำตาที่ไหลลงมาอาบที่แก้มขาว ๆ ของเธอ สองมือบีมกันแน่นเธอคิดอะไรไม่ออก ญาติสักคนก็ไม่มีไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใครได้ในตอนนี้ร่างเล็กยืนอยู่หน้าห้องฉุกเฉินสักพักใหญ่ คุณหมอที่อยู่เวรในห้องก็ออกมาแจ้งให้เธอได้ทราบถึง
ความสงสัยของเปียโนพลันเกิดขึ้นในตอนนั้น ทำไมรุ่นพี่ถึงอยากให้เธอไปทำงานที่บริษัทของเขา ทั้ง ๆ ที่เธอเองก็ยังไม่จบหลักสูตรด้วยซ้ำ"งานที่บริษัทพี่เหรอคะ เปียเรียนไม่จบใบประกาศก็ไม่มีใครจะรับเข้าทำงาน""ก็พี่นี่ไง พี่รู้ว่ามันอาจจะไม่เหมาะสมหากจะฝากเปียเข้าไปทำงาน แต่อนาคตข้างหน้าพี่ต้องเข้าไปบริหารส่วนเรื่องการเรียนก็ย้ายมาเรียนเป็นภาคสมทบแบบนี้พี่ว่ามันน่าจะดีกว่า"อย่าว่าแต่เปียโนที่คิดตามคนที่นั่งข้างเธออย่างแมงเม่าก็แอบแปลกใจมาก จริงอยู่ว่าเธอรู้ โอโซนชอบเพื่อนของเธอแต่ไม่คิดว่าเขาจะจริงจังจนอยากให้เปียโนเข้าไปทำงานที่บริษัท"ว่าไง อยากไปไหม""เปียขอคิดดูก่อนแล้วกันค่ะ" ที่ต้องบอกว่าขอคิดเพราะเธอเองไม่รู้ด้วยซ้ำว่าไปแล้วเขาจะให้เธอทำแผนกอะไร เงินเดือนเท่าไร เธอเรียนยังไม่จบ วุฒิการศึกษาก็ไม่มีแม้ว่ารุ่นพี่จะยืนกรานช่วยให้เธอเข้าทำงานได้แต่คนที่บริษัทอาจจะมองเธอไม่ดีอยู่ "เอาละ ๆ เปียที่แกเรียกฉันมาวันนี้มีอะไรหรือเปล่า"เปียโนนึกขึ้นได้ว่าอยากจะคุยเรื่องงานกับเพื่อน แต่ดูเหมือนมันจะยากไปเสียแล้วก็รุ่นพี่ที่เธอไม่อยากให้เขารู้ดันอยู่ด้วย เปียโนทำหน้าตาเลิ่กลั่กมองโอโซนแว็บแรก เพียง
สองวันถัดมาจากเหตุการณ์ที่ทำให้นิลภพได้เข้าโรงพยาบาลเมื่อสองวันก่อน ทำให้หมอเจ้าของไข้เร่งคิวให้เข้ารับการผ่าตัดโดยด่วน แม้ว่าการผ่าตัดจะเป็นไปค่อนข้างลำบากเนื่องจากเนื้องอกเริ่มรุกล้ำเข้ามาเกือบถึงก้านสมองแต่อย่างนั้นก็ทำให้การผ่าตัดในเช้าของวันนี้เป็นไปได้อย่างเสร็จสมบูรณ์ส่วนเปียโนเธอง่วนอยู่กับเรื่องการผ่าตัดเอกสารที่ต้องยื่นกับทางโรงพยาบาลและค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ทำให้เธอไม่มีเวลาแม้จะรับสายใครทั้งนั้น แม้กระทั่งสายของออสตินเจ้าของโครงการพันล้านบาท"อย่าให้ฉันได้เจอตัวเธอนะ ยัยสิบแปดมงกุฎ"คิ้วหนาย่นลงจนเป็นปมพร้อมทั้งสันกรามที่นูนเด่นขึ้นเมื่อคมเขี้ยวขบแน่นเข้าหากัน สิ่งที่ออสตินคิดคือเปียโนหลอกเอาเงินเขาใช้ตัวเข้าแลกเพียงหนึ่งครั้งแต่ได้ไปห้าแสนมันคุ้มยิ่งกว่าคุ้มเสียอีกภายในอกเริ่มร้อนระอุโทสะที่มีมันฝั่งแน่น ขณะนั้นเองเลขาคนสนิทของเขาก็เดินเข้ามาภายในห้องทำงานหรู"นายครับ มิสเตอร์จอร์นมาถึงแล้วครับ" ธนาเอ่ยบอกเสียงเรียบพร้อมทั้งกุมมือตัวเองก้มหน้านิ่ง "เอ่อ ไปเชิญเขาเข้ามาได้""ครับนาย"มิสเตอร์จอห์นที่ว่าเป็นชาวต่างชาติที่สนใจร่วมลงทุนกับโครงการใหม่ที่จะถึงภายในไม่กี่เดือนข้า
วันเวลาผ่านไปจากสองวันก็เป็นหนึ่งอาทิตย์การตอบสนองด้านการผ่าตัดของนิลภพดีขึ้นตามลำดับจนได้ออกจากห้องไอซียูมาพักฟื้นที่ห้องธรรมดาได้ปกติ ส่วนเปียโนก็มีหน้าที่เฝ้าไข้พ่อไม่ห่างกาย และยังคงเดินทางกลับไปที่ห้องเพื่อให้อาหารสำลีทุกวันห้องพัก(อพาร์ตเมนต์)"สำลีช่วงนี้แกต้องอยู่คนเดียวก่อนรู้ไหม พ่อยังต้องนอนพักฟื้นที่โรงพยาบาล แกอาจจะเหงาหน่อยนะแต่ไม่ต้องห่วงฉันไม่ทิ้งแกแน่นอน"เหมียวพูดจบก็ยิ้มให้แมวสีขาวขนฟูเธอมองมันด้วยความรักเจ้าสำลีกำลังก้มหน้ากินอาหารจากในถาด ส่วนเปียโนเธอก็มองอยู่อย่างนั้นรู้สึกว่าการเกิดเป็นสัตว์ก็น่าจะดีเหมือนกันไม่ต้องรับรู้อะไรมาก ไม่ต้องแบกรับสภาพหนี้สินที่มากมายระหว่างที่ใช้ความคิดเสียงเคาะประตูห้องก็ดังขึ้นก๊อก ก๊อกร่างเล็กหันไปมองตามเสียงเธอย่นคิ้วเรียวลงเล็กน้อยไม่รู้ว่าใครที่มาเคาะเรียกตอนนี้ ถึงอย่างนั้นก็ต้องลุกขึ้นเดินออกไปเปิดประตูห้องแอ๊ดด"มาหาใครคะ" เมื่อเห็นชายหญิงคู่หนึ่งยืนอยู่ที่หน้าห้องเธอก็รีบเอ่ยถามตามมารยาทกลัวว่าจะมีคนเคาะห้องผิด"เธอใช่ไหมลูกสาว นิลภพ""ใช่ค่ะ""เราสองคนมาตามสัญญาที่เขียนไว้ในใบเงินกู้ ครบสัญญาที่ต้องใช้ดอกใช้ต้นแต่เห็
รถหรูเคลื่อนตัวมาได้ไกลพอสมควร อยู่ ๆ เขาก็สั่งให้ลูกน้องจอดสนิท"จอด! มึงลงไปได้แล้ว" เสียงเข้มดุดันสั่งให้ธนาลงจากรถคำสั่งนั้นมันทำให้เปียโนต้องมองตามร่างของคนสนิมเขา"จอดทำไมค่ะ?" หญิงสาวทำหน้าเหมือนจะงวยงงอยู่สักนิดเพราะเห็นว่าถนนเส้นนี้ท่าทางจะเปลี่ยว หรือเพราะว่าเธอเอาเงินเขามาแล้วขาดการติดต่อเขาเลยอยากจะทำร้ายเธอแววตาหวาดกลัวเริ่มแสดงออกชัดเจน เปียโนเริ่มมองฝั่งถนนทั้งสองข้าง ด้านนอกมีคนของเขายืนคุมอยู่"เธอรู้ใช่ไหมว่าฉันเสียเวลาตามหาเธอนานเท่าไร""คือ หนูมีเหตุผล พอดี.....ฮีบ" ชายหนุ่มไม่รอให้เธอได้พูดอะไรมาก เขาเอื้อมมือมาบีมที่คางของเธอแน่นขึ้นจนคนตัวเล็กรู้สึกถึงความเจ็บ"หนูเจ็บ""อย่ามาเล่นลิ้น ตอนที่ฉันให้เงินเธอฉันเคยบอกเธอว่ายังไงจำไม่ได้หรือเธอแกล้งลืม"ใบหน้าของเปียโนเริ่มบิดเบี้ยวเพราะแรงบีบของฝ่ามือชาย ปากเล็กเริ่มห่อขึ้นรูปจนเธอต้องรีบยกมือมาแกะมือเขาแต่มันก็ไม่เป็นผล เขายังบีบแน่นแต่พอเห็นว่าเธอน่าจะเจ็บจนมีน้ำตาเขาก็เริ่มปล่อยมือออกฮึก!น้ำตาของเปียโนไหลออกมาอาบแก้มแต่เธอก็พยายามอดกลั้นไม่ให้มีเสียงสะอื้นร่ำไห้ เธอรู้สึกเจ็บบริเวณข้างแก้มรู้สึกเหมือนกรามมันจ
เขาไม่ฟังเสียงร้องห้ามใด ๆ จากคนตัวเล็กแต่สิ่งที่ออสตินทำคือฉีกเสื้อยืดที่เธอสวมใส่จนขาดวิ่นแคว๊ก"กรี๊ดดด คุณติน" มิหนำซ้ำเขายังกดจมูกโด่งลั่นลงที่ซอกคอของเปียโน เรียวปากหยักได้รูปดูดเม้มจนเกิดรอยแดงเต็มไปหมด"ฮื้อ ปล่อยนะ" เธอทั้งร้องขอและร้องไห้ในคราวเดียวกัน แต่เพราะช่วงนี้คนตัวเล็กพักผ่อนน้อยจึงทำให้เธอเกิดหมดสติในอ้อมกอดเขาพรึ่บเมื่อเห็นว่าร่างเล็กหยุดนิ่งไม่ขัดขืนต่อสู้ ออสตินจึงละใบหน้าคมนั้นขึ้นมอง "เปียโน อย่ามาแกล้งสลบแถวนี้"แต่เธอก็ไม่ได้ตอบโต้ หญิงสาวหลับตานิ่ง ร่างกายของเธอค่อนข้างที่จะอ่อนเพลีย ออสตินช้อนเธอขึ้นมาอุ้มในท่าเจ้าสาว ก่อนที่เขาจะพาเธอมาที่เตียงกว้าง จากนั้นก็เรียกธนาคนสนิทเขามาพบ"ไปตามหมอมา""ครับนาย" กลัวว่าเธอจะเป็นอันตราย ออสตินเลยสั่งลูกน้องให้ตามหมอมาตรวจอาการของเปียโนเวลาผ่านไปสักพักหมอก็ถูกพาตัวเข้ามาในห้องหรูของออสติน "อยู่ ๆ เธอก็เป็นลม"เป็นประโยคบอกเล่าของออสติน เมื่อบอกหมอแบบนั้นเขาก็เดินออกไปรอข้างนอกปล่อยให้หมอได้ตรวจเปียโนโดยละเอียด ทว่า เพียงแค่หมอเห็นเสื้อผ้าของเธอที่ขาดวิ่นรอยจ้ำแดงที่คอก็พอรับรู้ได้ถึงอะไรบางอย่าง แต่ก็ไม่กล้าพูดเพ
สวนดอกไม้กว้างใหญ่ส่งกลิ่นหอมอบอวลไปทั่วบริเวณนั้น เปียโนเข้ามาอยู่ที่บ้านของออสตินได้สองวันแล้ว ตั้งแต่ที่เขาออกคำสั่งไม่ให้เธอไปทำงานที่เลานจ์ ดูเหมือนว่าตอนนี้เธอจะเป็นบุคคลว่างงาน ไม่รู้ว่าจะไปสมัครงานที่ไหนร่างเล็กยืนอยู่ท่ามกลางสวนดอกไม้ในบ้านของเขา ส่วนเจ้าของคฤหาสน์หรูก็คงออกไปทำงานที่เขาต้องรับผิดชอบ ส่วนนิลภพพ่อของเธอก็ยังไม่ได้ออกจากโรงพยาบาลคนที่ทำหน้าที่แวะเวียนไปดูแลก็คือแมงเม่าและโอโซนระหว่างที่ยืนเหม่ออยู่นั้น เสียงมือถือของเธอก็ดังขึ้นครืด ครืด มือเล็กล้วงมือถือที่เก็บไว้ในกระเป๋ากางเกง เมื่อเห็นว่าเบอร์ที่ต่อสายเข้ามาเป็นเบอร์ของโอโซน เปียโนเลยรีบตัดสินใจรับ"สวัสดีค่ะ"(เปียยุ่งอยู่หรือเปล่า พี่โทรหาเปียก็ไม่ค่อยรับสาย แล้วนี่ทำงานอยู่ที่ไหน)"ก็ แถว ๆ พุทธมณฑลค่ะ"(แล้วพรุ่งนี้จะได้มารับคุณลุงออกจากโรงพยาบาลไหม)"พ่อออกจากโรงพยาบาลพรุ่งนี้เหรอคะ เมื่อวานหนูก็โทรถามทางโรงพยาบาลทำไมคุณหมอไม่เห็นบอกอะไร"(เขาพึ่งจะบอกพี่เมื่อเช้าเหมือนกัน)"พี่โซนคะ หากเปียไม่ได้ไปฝากพี่เป็นธุระด้วยนะคะ"(งานยุ่งมากเลยเหรอ พี่ว่ามาทำงานกับพี่ไม่ดีกว่าหรือไง อีกอย่างจะได้อยู่ใกล้พ่
วันต่อมาแมงเม่านั่งอุ้มน้องแมวตัวสีขาวอยู่ที่ม้านั่งภายในรั่วมหาลัย แม้ว่าวันนี้จะเป็นวันหยุดแต่เธอก็จำเป็นต้องนัดโอโซนออกมาพบเพราะต้องการให้เขาช่วยเหลือเรื่องการเลี้ยงดูสำลี ไม่นานนักร่างสูงใบหน้าหล่อเหลาดูสะอาดเกลี้ยงเกลาก็เดินเข้ามาที่โต๊ะของแมงเม่า"นัดพี่มามีอะไร" เขาถามก็จริงแต่สายตามองไปที่แมวตัวสีขาวที่อยู่ในอ้อมกอดของแมงเม่า"พี่เห็นแล้วใช่ไหมว่านี่คือแมว คือหนูจะบอกว่าแมวตัวนี้เป็นแมวของเปียโน ตอนนี้คุณลุงก็ป่วยเปียโนก็ต้องทำงานยัยเปียไม่กล้ารบกวนพี่ หนูเลยอาสาเอามาฝากพี่เลี้ยงไว้ก่อนได้ไหม หากคุณลุงดีขึ้น เดี๋ยวหนูจะเอาไปคืนเปียเอง"โอโซนไม่ได้พูดโต้ตอบแต่ก็อุตส่าห์เอื้อมมือมาอุ้มสำลีไปอยู่ในอ้อมกอดตัวเอง (เหมียว)"น่ารักดี น่ารักเหมือนเจ้าของ" สิ่งที่แมงเม่าได้ยินทำเอาเธอต้องเบ้ปากแต่ก็ไม่ได้พูดแทรกปล่อยให้ชายหนุ่มร่างสูงได้เชยชมแมวน้อยน่ารัก"ว่าแต่ เปียเขาไม่อยากไปทำงานที่อื่นบ้างหรือไง พี่ก็เสนอไปแล้วแท้ ๆ ""ขอเวลาให้มันหน่อยแล้วกัน อีกอย่างมันคงไม่ได้ไปทำที่เลานจ์แล้วละ ป่านนี้ก็คงมีงานที่ใหม่""งานที่ใหม่อย่างนั้นเหรอ ทำไมเขาไม่บอกพี่สักคำ""ก็คงไม่อยากให้พี่เสียใจม
ณ โรงพยาบาลคนที่มาถึงก่อนเป็นคนแรกคือรุ่นพี่ที่มหาลัยโอโซนนั่งจ้องหน้าของเปียโนเขม็งสิ่งที่เขาอยากถามมากที่สุดคือการหายตัวไปของสาวตรงหน้า แต่พอปากจะขยับเอ่ยถามเปียโนก็ตัดบทลงเสียก่อน"ขอบคุณพี่โซนมากนะคะที่เป็นธุระจัดการห้องพักให้พ่อ และขอบคุณพี่อีกครั้งเรื่องพยาบาลพิเศษเอาไว้เปียมีเงินเมื่อไหร่จะใช้พี่คืน"คำพูดของเธอทำเอาหนุ่มหล่อทายาทนักธุรกิจต้องพ่นลมร้อนออกจากปาก เขาไม่ได้ต้องการเงินคืนแม้แต่น้อยแต่สิ่งที่เขาต้องการมากที่สุดน่าจะเป็นความสัมพันธ์ของเธอและเขามากกว่า"เปีย พี่รู้เรื่องแล้วนะที่เปียไปทำงานที่เลานจ์""ค่ะ?""พี่บอกตามตรงว่าพี่ไม่โอเคสักนิด พี่ไม่ชอบให้เปียไปอยู่ในสถานที่แบบนั้น พี่เคยเสนอไปแล้วเรื่องงานหากอยากทำงานทำไมไม่บอกพี่ละ""เอ่อ คือเปียเกรงใจพี่""และอีกอย่าง พี่ไม่รู้ว่าเปียเอาเงินค่าผ่าตัดมากมายมาจากไหน หากเปียไปกู้มาละก็ พี่ยินดีใช้หนี้แทน ส่วนงานก็เข้าไปทำที่บริษัทพี่ได้เลย"สิ่งที่โอโซนไม่รู้คือจำนวนเงินมากมายนั้นเปียโนเธอได้มาจากที่ไหน แต่สิ่งที่เขาคิดคือเปียโนน่าจะกู้มา ส่วนหญิงสาวเธอไม่ได้พูดอะไรมากมายกลัวว่าคนที่นั่งตรงหน้าจะจับพิรุธเธอได้"เปียต้องข
ทนทุกข์กับสภาพจิตใจอย่างหาที่สุดไม่ได้ หลังจากที่ตอบสนองตัณหาเขาแล้วออสตินก็ไม่ลืมข้อแลกเปลี่ยนนั้น ยอมคืนมือถือให้เธอโดยง่ายหลังจากที่ได้มือถือคืนมาแล้วในช่วงเช้าของอีกวันเปียโนก็รีบเปิดเครื่องและติดต่อกับทางโรงพยาบาลในทันที"ว่าไงนะคะมีคนย้ายพ่อไปที่ห้องพิเศษ ว่าแต่รู้ไหมคะว่าเขาเป็นใคร"(คนที่เป็นธุระจัดการ ชื่อ อนันต์ธวัช ค่ะ)หญิงสาวนิ่งอึ้งไปหลายวินาที เพราะชื่อที่หลุดออกมาจากปากนางพยาบาลคือรุ่นพี่ของเธอ(เขายังจ้างพยาบาลพิเศษให้ด้วยนะคะ เห็นบอกว่าคุณไม่สบาย)"อ้อ ค่ะ"หลังจากที่เปียโนวางสายความรู้สึกเธอในตอนนี้เอ่อล้นปลื้มปริ่มใจอย่างบอกไม่ถูก ขณะเธอทุกข์ใจก็ยังมีรุ่นพี่ที่เป็นเหมือนญาติอีกคนด้านมาเฟียหนุ่มเจ้าของโครงการหรู เขานั่งจิบกาแฟยามเช้าอย่างใจเย็น ใบหน้าคมเหมือนจะไร้ความกังวลใด ๆ แถมในตอนนี้ดูเหมือนจะมีความสุขด้วยซ้ำ"นายครับ""มีอะไร" น้ำเสียงเยือกเย็นเปล่งถามกลับมาแต่เขาไม่ได้เงยหน้าขึ้นมามองธนาด้วยซ้ำ"เรื่องที่นายให้ผมไปตามสืบ เรื่องพ่อของเด็กเปียโน เธอไม่ได้โกหกครับนายตอนนี้พ่อของเธอป่วยนอนพักฟื้นอยู่ที่โรงพยาบาล"ใบหน้านิ่งเยือกเย็นดุจน้ำแข็งค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นม
เมื่อเห็นว่าร่างนั้นเริ่มหน้าแดงขึ้นถนัดตาชายหนุ่มร่างสูงก็คลายมือออกมาจากลำคอของเธอ แต่อย่างนั้นยังอุตส่าห์ยกนิ้วมือมาเกลี่ยข้างแก้ม พร้อมเสียงที่พูดออกมาเบา ๆ"ไม่ต้องห่วงหรอกเธออยู่กับฉัน ทำให้ฉันพอใจก็พอหากฉันเบื่อที่จะเล่นกับเธอเมื่อไหร่ฉันจะปล่อยเธอไปเอง"เปียโนสะบัดใบหน้าสวยหลบนี้นิ้วเรียวยาวของเขา ยิ่งความรู้สึกเธอตอนนี้มันบ่งบอกได้ว่าเธอเริ่มรังเกียจเขาเข้าไส้"อยากได้มือถืองั้นเหรอ ได้สิแต่ต้องมีข้อแลกเปลี่ยนนะ" ประโยคนั้นทำเอาเธอต้องหันมาสบตาเขา รอยยิ้มที่เขาส่งมาให้เธอ เปียโนพอรู้ว่าสิ่งที่เขาอยากแลกก็คือตัวเธอนั่นเองเปียโนหลับตาลงชั่วขณะเมื่อลืมตาขึ้นมองใบหน้าหล่อเหลาของคนร่างสูง เธอก็ฝืนทำตามข้อแลกเปลี่ยนบ้า ๆ เพื่อต้องการมือถือคืนท่อนแขนเรียวยาวคล่องไปที่ลำคอเกร็งของชายร่างสูงตรงหน้า เธอเขย่งเท้าขึ้นเล็กน้อยหมายจะจูบที่ริมฝีปาก การกระทำที่เก้ ๆ กัง ๆ นั้นมันทำให้ออสตินรู้สึกอึดอัดจนเขาต้องช้อนร่างเธอขึ้นมาอุ้ม"คุณ""ชักช้าไม่ได้ดั่งใจ"ร่างของเปียโนโดนเขาอุ้มมาว่างลงที่เตียงนอนกว้าง รอยยิ้มของเขาเหยียดยิ้มฉายแววเจ้าเล่ห์ ก่อนที่จะโน้มตัวลงมาจูบ เขาดูดดื่มปลายลิ้นและร
ดูท่าว่าคนตัวสูงจะไม่ฟังด้วยซ้ำว่าเปียโนเธอมีเหตุจำเป็นจริง ๆ ที่จะต้องไปแต่สิ่งที่เขาทำนั้น คือการดึงตัวเธอกลับมาที่เตียงนอนอีกครั้ง พร้อมออกคำสั่ง"ฉันไม่อนุญาตให้เธอไปไหน เธอก็ไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น""คุณติน แต่นี่มันเป็นเรื่องสำคัญนะคะ""แล้ว?"เปียโนอดกลั้นพร้อมทั้งกัดฟันแน่นรู้สึกว่าเขาไม่เห็นคนอื่นสำคัญเท่าตัวเองจริง ๆ พอเขาพูดจบก็สั่งให้แม่บ้านเฝ้าเปียโนเอาไว้ส่วนตัวเขาก็เดินออกมาข้างนอกห้อง"ไอ้ธนา!!!""ครับนาย" เสียงที่แผดดังลั่นคฤหาสน์หลังใหญ่ทำให้ธนาต้องรีบวิ่งเข้ามาหาเจ้านายตนเอง"มึงไปสืบเรื่องของเธอดูสิว่า สิ่งที่เธอพูดมาจริงหรือเปล่า""ครับ"เมื่อธนาเร่งออกจากตัวบ้านหลังใหญ่ ออสตินก็เอี้ยวตัวกลับไปมองที่ห้องที่เขาพึ่งจะออกมาเมื่อครู่ พร้อมน้ำเสียงที่เอ่ยพูดกับตัวเองเบา ๆ "หากเธอโกหกฉันละก็ฉันเอาเธอตายแน่"มหาวิทยาลัย"อะไรนะคะ เปียโนติดต่อไม่ได้และไม่ได้ไปเฝ้าพ่องั้นเหรอ"แมงเม่านิ่งอึ้งไปหลายวินาที โดยปกติแล้วเพื่อนของเธอจะไม่ไปไหนยิ่งพ่อป่วยแบบนี้เปียโนไม่น่าจะทิ้งให้อยู่คนเดียวด้วยซ้ำ นอกเสียจากจะมีเรื่องกับเพื่อนสาวเธอ"เมื่อวานทั้งวันหนูก็ไม่ได้โทรหาเปียโนเลย เอ้...
เขาไม่ฟังเสียงร้องห้ามใด ๆ จากคนตัวเล็กแต่สิ่งที่ออสตินทำคือฉีกเสื้อยืดที่เธอสวมใส่จนขาดวิ่นแคว๊ก"กรี๊ดดด คุณติน" มิหนำซ้ำเขายังกดจมูกโด่งลั่นลงที่ซอกคอของเปียโน เรียวปากหยักได้รูปดูดเม้มจนเกิดรอยแดงเต็มไปหมด"ฮื้อ ปล่อยนะ" เธอทั้งร้องขอและร้องไห้ในคราวเดียวกัน แต่เพราะช่วงนี้คนตัวเล็กพักผ่อนน้อยจึงทำให้เธอเกิดหมดสติในอ้อมกอดเขาพรึ่บเมื่อเห็นว่าร่างเล็กหยุดนิ่งไม่ขัดขืนต่อสู้ ออสตินจึงละใบหน้าคมนั้นขึ้นมอง "เปียโน อย่ามาแกล้งสลบแถวนี้"แต่เธอก็ไม่ได้ตอบโต้ หญิงสาวหลับตานิ่ง ร่างกายของเธอค่อนข้างที่จะอ่อนเพลีย ออสตินช้อนเธอขึ้นมาอุ้มในท่าเจ้าสาว ก่อนที่เขาจะพาเธอมาที่เตียงกว้าง จากนั้นก็เรียกธนาคนสนิทเขามาพบ"ไปตามหมอมา""ครับนาย" กลัวว่าเธอจะเป็นอันตราย ออสตินเลยสั่งลูกน้องให้ตามหมอมาตรวจอาการของเปียโนเวลาผ่านไปสักพักหมอก็ถูกพาตัวเข้ามาในห้องหรูของออสติน "อยู่ ๆ เธอก็เป็นลม"เป็นประโยคบอกเล่าของออสติน เมื่อบอกหมอแบบนั้นเขาก็เดินออกไปรอข้างนอกปล่อยให้หมอได้ตรวจเปียโนโดยละเอียด ทว่า เพียงแค่หมอเห็นเสื้อผ้าของเธอที่ขาดวิ่นรอยจ้ำแดงที่คอก็พอรับรู้ได้ถึงอะไรบางอย่าง แต่ก็ไม่กล้าพูดเพ
รถหรูเคลื่อนตัวมาได้ไกลพอสมควร อยู่ ๆ เขาก็สั่งให้ลูกน้องจอดสนิท"จอด! มึงลงไปได้แล้ว" เสียงเข้มดุดันสั่งให้ธนาลงจากรถคำสั่งนั้นมันทำให้เปียโนต้องมองตามร่างของคนสนิมเขา"จอดทำไมค่ะ?" หญิงสาวทำหน้าเหมือนจะงวยงงอยู่สักนิดเพราะเห็นว่าถนนเส้นนี้ท่าทางจะเปลี่ยว หรือเพราะว่าเธอเอาเงินเขามาแล้วขาดการติดต่อเขาเลยอยากจะทำร้ายเธอแววตาหวาดกลัวเริ่มแสดงออกชัดเจน เปียโนเริ่มมองฝั่งถนนทั้งสองข้าง ด้านนอกมีคนของเขายืนคุมอยู่"เธอรู้ใช่ไหมว่าฉันเสียเวลาตามหาเธอนานเท่าไร""คือ หนูมีเหตุผล พอดี.....ฮีบ" ชายหนุ่มไม่รอให้เธอได้พูดอะไรมาก เขาเอื้อมมือมาบีมที่คางของเธอแน่นขึ้นจนคนตัวเล็กรู้สึกถึงความเจ็บ"หนูเจ็บ""อย่ามาเล่นลิ้น ตอนที่ฉันให้เงินเธอฉันเคยบอกเธอว่ายังไงจำไม่ได้หรือเธอแกล้งลืม"ใบหน้าของเปียโนเริ่มบิดเบี้ยวเพราะแรงบีบของฝ่ามือชาย ปากเล็กเริ่มห่อขึ้นรูปจนเธอต้องรีบยกมือมาแกะมือเขาแต่มันก็ไม่เป็นผล เขายังบีบแน่นแต่พอเห็นว่าเธอน่าจะเจ็บจนมีน้ำตาเขาก็เริ่มปล่อยมือออกฮึก!น้ำตาของเปียโนไหลออกมาอาบแก้มแต่เธอก็พยายามอดกลั้นไม่ให้มีเสียงสะอื้นร่ำไห้ เธอรู้สึกเจ็บบริเวณข้างแก้มรู้สึกเหมือนกรามมันจ
วันเวลาผ่านไปจากสองวันก็เป็นหนึ่งอาทิตย์การตอบสนองด้านการผ่าตัดของนิลภพดีขึ้นตามลำดับจนได้ออกจากห้องไอซียูมาพักฟื้นที่ห้องธรรมดาได้ปกติ ส่วนเปียโนก็มีหน้าที่เฝ้าไข้พ่อไม่ห่างกาย และยังคงเดินทางกลับไปที่ห้องเพื่อให้อาหารสำลีทุกวันห้องพัก(อพาร์ตเมนต์)"สำลีช่วงนี้แกต้องอยู่คนเดียวก่อนรู้ไหม พ่อยังต้องนอนพักฟื้นที่โรงพยาบาล แกอาจจะเหงาหน่อยนะแต่ไม่ต้องห่วงฉันไม่ทิ้งแกแน่นอน"เหมียวพูดจบก็ยิ้มให้แมวสีขาวขนฟูเธอมองมันด้วยความรักเจ้าสำลีกำลังก้มหน้ากินอาหารจากในถาด ส่วนเปียโนเธอก็มองอยู่อย่างนั้นรู้สึกว่าการเกิดเป็นสัตว์ก็น่าจะดีเหมือนกันไม่ต้องรับรู้อะไรมาก ไม่ต้องแบกรับสภาพหนี้สินที่มากมายระหว่างที่ใช้ความคิดเสียงเคาะประตูห้องก็ดังขึ้นก๊อก ก๊อกร่างเล็กหันไปมองตามเสียงเธอย่นคิ้วเรียวลงเล็กน้อยไม่รู้ว่าใครที่มาเคาะเรียกตอนนี้ ถึงอย่างนั้นก็ต้องลุกขึ้นเดินออกไปเปิดประตูห้องแอ๊ดด"มาหาใครคะ" เมื่อเห็นชายหญิงคู่หนึ่งยืนอยู่ที่หน้าห้องเธอก็รีบเอ่ยถามตามมารยาทกลัวว่าจะมีคนเคาะห้องผิด"เธอใช่ไหมลูกสาว นิลภพ""ใช่ค่ะ""เราสองคนมาตามสัญญาที่เขียนไว้ในใบเงินกู้ ครบสัญญาที่ต้องใช้ดอกใช้ต้นแต่เห็