วันถัดมา
เปียโนตัดสินใจแล้วว่าข้อเสนอของออสตินนั้นน่าจะเป็นทางเลือกที่พอจะช่วยพ่อของเธอได้รับการผ่าตัด ใช่ว่าเธอจะไม่รู้ที่เขาเสนอมาแบบนั้นต้องการอะไรถึงแม้ว่าเธอจะถูกเลี้ยงมาราวกับคุณหนูสุขสบายก็ใช่ว่าจะไม่รู้ถึงจุดประสงค์ของคนรวย ๆ เสียเมื่อไหร่ ร่างเล็กนั่งชั่งใจอยู่สักพักก่อนที่เธอจะยกมือถือขึ้นมาแนบที่ใบหู เบอร์โทรที่ต่อสายออกไปนั้น แน่นอนว่าเป็นเบอร์ของหนุ่มหล่อร่างสูง ตืด ตืด รอสัญญาณอยู่สักพักทันทีที่ปลายสายกดรับพร้อมเสียงเข้มก็ทำเอาหัวใจดวงน้อยเต้นแรงขึ้น "สวัสดีครับ" "......" "ฮัลโหล" ดูเหมือนความกลัวจะวิ่งแทรกเข้ามาทำให้เปียโนแทบจะเปล่งเสียงไม่ออก ไม่รู้ว่าจะเริ่มพูดคำไหนก่อนดีทว่าระหว่างนั้นปลายสายเองก็ทำท่าเหมือนจะว่างเสียด้วยซ้ำ "สะ สวัสดีค่ะ" "ครับ" "เอ่อ คือจำหนูได้ไหมคนที่คุณช่วยในเลานจ์วันนั้น" ปลายสายเงียบไปสักพักเหมือนเป็นช่วงต่อลมหายใจให้เธอ เปียโนเองก็เริ่มผ่อนลมออกจากปากช้า ๆ "อ้อ....." "คือหนูอยากจะฟังข้อเสนออีกครั้งค่ะ" "ข้อเสนองั้นเหรอ ฉันคิดว่าเธอจะไม่สนใจมันเสียอีก" "คือ......" "เอาเถอะ หากเธอสนใจละก็เย็นนี้มาเจอฉันที่เลานจ์" "คะค่ะ" ปลายสายว่างกะทันหัน ทำให้เปียโนไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่นักเดาทางไม่ออกเลยว่าเขาสนใจเธอในรูปแบบไหนกันแน่ หรือแค่อยากเล่นสนุกกับพนักงาน หลังจากที่วางสายเปียโนก็เดินออกมาจากห้องส่วนตัว เพียงแค่ประตูห้องเปิดนิลภพที่นอนพักอยู่ก็รีบถามด้วยความสงสัย "วันนี้ไม่มีเรียนเหรอลูก ทำไมถึงไม่แต่งตัวเสียละ" "อ้อ คือ....ที่คณะเขาจัดกิจกรรมน่ะค่ะพ่อก็เลยไม่มีเรียน" "แล้วหนูไม่ไปร่วมกับเขาหรือไง" "หนูลารุ่นพี่ไว้แล้วค่ะ อีกอย่างพ่อพึ่งออกจากโรงพยาบาลจะให้หนูทิ้งพ่อได้อย่างไรกัน" "แต่พ่อก็ไม่ได้เป็นอะไรมากนะ" เปียโนทำท่าทางอึดอัดเลิ่กลั่กเล็กน้อย เธอจะบอกพ่ออย่างไรว่า เธอทำเรื่องดรอปการเรียนไว้เพื่อมาหาเงินค่าผ่าตัด ขืนพ่อรู้พ่อของเธอก็คงไม่ยอมแน่ "พ่อค่ะ หนูลืมบอกพ่อไปว่าหนูย้ายงานใหม่ อาจจะกลับดึกหน่อยนะ" "ย้ายงานแล้วย้ายไปที่ไหน" "เป็นร้านอาหารค่ะ แต่พ่อไม่ต้องห่วงนะหนูไม่ทิ้งการเรียนหรอก" ใบหน้าของนิลภพดูเศร้าหมองลงเล็กน้อย เขาคงไม่คิดหรอกว่าชีวิตจะเดินมาถึงจุดนี้ยอมกัดฟันสู้งานให้ลูกสาวได้สุขสบายจนคิดว่าสร้างฐานะได้มั่นคงแล้ว แต่ความไว้ใจมันดันทำให้ตนกับลูกลำบาก "พ่อขอโทษนะเปีย พ่อไม่น่าทำให้ลูกลำบากขนาดนี้เลย" "อย่าโทษตัวเองสิคะ พ่อเลี้ยงหนูมาจนโตขนาดนี้แล้วจะช้าหรือเร็วหนูก็ต้องดูแลพ่ออยู่แล้ว" "แต่มันก็ไม่น่าจะเป็นแบบนี้" "ทุกอย่างคงลิขิตมาแล้ว พ่ออย่าคิดมากสิพักผ่อนเยอะ ๆ ดีเสียอีกหนูจะได้มีประสบการณ์" ใบหน้าสวยพูดไปยิ้มไป เปียโนเธอคงไม่อยากให้พ่อต้องคิดมาก ไม่อยากให้พ่อต้องเป็นทุกข์แม้เธอเองจะรู้ว่ามันลำบากจริงแต่จะทำอย่างไรได้คงไม่มีใครอยากให้มันเกิดขึ้น เย็นของวันนั้น (เลานจ์) ใบหน้าของเปียโนเครียดเกร็งด้วยความกดดัน มันก็แน่นอนว่าเธอกำลังจะเดินหน้าเสนอตัวให้ผู้ชาย ณ เวลานี่ร่างเล็กนั่งไม่ติดโต๊ะด้วยซ้ำแม้ว่าตอนนี้เพื่อน ๆ ร่วมงานคนอื่นจะง่วนอยู่กับการแต่งตัวก็ตามที "เปียทำไมวันนี้มาเร็วนักละ" เสียงที่คุ้นเคยเอ่ยถาม เมื่อร่างสูงผิวขาวของแมงเม่ากระชับเท้าเข้ามาที่ห้องแต่งตัวก่อนที่จะปฏิบัติงานเหมือนอย่างเคย "คือ ฉันมีธุระนิดหน่อยว่าแต่ที่มหาลัยมีอะไรหรือเปล่า" "ก็ไม่มีหรอก เสียดายที่แกตัดสินใจดรอปการเรียนไว้นะสิ รู้ไหมพี่โอโซนมาถามหาแกด้วยบอกว่าโทรหาแกไม่รับ" คนที่แมงเม่าพูดถึงเป็นรุ่นพี่ที่คณะแถมยังตามจีบเปียโนมาเกือบปี แต่ดูเหมือนเปียโนเองจะยังไม่ตกลงปลงใจด้วย "ฉันไม่พร้อมจะคุยอะไรตอนนี้ จริงสิคุณออสตินมาหรือยัง" "เหมือนจะเห็นรถจอดอยู่นะ ว่าแต่แกถามหาเขาทำไม" "อ้อ ไม่มีอะไรหรอก เดี๋ยวฉันไปแต่งตัวก่อนแล้วกัน" เปียโนตัดบท ก่อนที่เธอจะเดินไปนั่งที่โต๊ะแต่งหน้า กระจกที่สะท้อนเงาตัวเองในนั้นมันมีคำถามมากมายที่เธอกำลังตั้งคำถามตัวเอง ไม่คิดเลยว่าเธอจะยอมทำอะไรบ้า ๆ แม้กระทั่งเดินเข้าหาผู้ชายเพื่อเงิน ผ่านไปสักพักเธอก็เดินออกมาจากห้องแต่งตัว มุ่งหน้ามาที่ห้องส่วนตัวที่มีชายหนุ่มร่างสูงนั่งอยู่ในนั้น คงไม่ต้องเดายากเท่าไร่เพราะห้องนั้นเป็นห้องระดับวีไอพีแถมคนที่ใช้เป็นประจำก็มีแค่ออสตินกับเควินที่เป็นเจ้าของหรือบางครั้งใช้เป็นที่สังสรรค์ของลูกค้าเขาด้วย ก๊อก ก๊อก เปียโนเคาะประตูอยู่สองครั้งพร้อมกับพ่นลมหายใจพรืดใหญ่ก่อนที่เธอจะดันประตูบานใหญ่แทรกร่างเข้าไปในห้อง เมื่อเข้าไปแล้วก็เห็นว่าเขานั่งไถไอแพดเครื่องใหญ่พร้อมกับเครื่องดื่มที่ตั้งอยู่ด้านหน้า หนุ่มหล่อใบหน้าออกลูกครึ่งผิวขาวสะอาดใบหน้าเกลี้ยงเกลาเงยหน้าขึ้นมาเล็กน้อย เมื่อเห็นเปียโนยืนนิ่งก็เอ่ยถามเสียงเรียบ "ฉันนึกว่าเธอเปลี่ยนใจไปแล้วเสียอีก" หากจะถามว่ามันน่าอายไหม สำหรับเปียโนมันจะน่าอายจนอยากแทรกแผ่นดินหนีแต่เธอไม่มีทางเลือกแล้วจริง ๆ "คือหนูอยากรู้ข้อเสนอที่คุณเสนอมาคืนก่อน" "ข้อเสนอ...อ้อ" เขากระดิกนิ้วเรียกเธอเข้ามาใกล้ เปียโนเองก็ทำท่าทางเหมือนไม่มั่นใจนัก ทว่าก็สาวเท้าไปข้างหน้าจนกระทั่ง พรึ่บ! "อ้ายยย" เขาโอบกอดเธอแน่นทำเอาเปียโนตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกะทันหันนี่ แต่ก็ต้องนิ่งเรียวปากอิ่มเม้มหากันแน่น "ข้อเสนอที่ฉันพูดถึงนะเหรอ ทานข้าว ดูหนัง นั่งรถเล่น อะไรอีกนะ มันถึงจะคุ้มกับเงินห้าหมื่น" เขาพูดจายียวนพร้อมโน้มใบหน้าลงมาใกล้ ในขณะที่คนตัวเล็กเริ่มหวาดกลัวแต่ก็ใจสู้เพื่อเงินคำเดียว "อะไรอีกค่ะ" "แล้วเธออยากให้ทำอะไรดีละ" "......."เสียงที่ถามมันแผ่วเบาอยู่ข้างหูลมหายใจผ่าวร้อนที่รดต้นคอเธออยู่เธอสัมผัสมันได้ดี ทำเอาขนอ่อน ๆ ตามร่างกายลุกซู่"คุณออสตินค่ะ""เรียกฉันคุณตินก็พอ""คะ คือ หนูมีข้อตกลงที่มากกว่านั้น"คราวนี้ชายหนุ่มต้องผละร่างกายที่เคยชิดใกล้ให้ถอยห่างออกไปเล็กน้อย ดวงตาคมของเขาจ้องมองใบหน้าเนียนด้วยความสงสัยข้อตกลงที่มากกว่านั้น"ว่ามาสิ""คือ หนูพูดอย่างไม่อายก็ได้ หนูต้องการเงิน!""ต้องการเงินงั้นเหรอ?""หนูจำเป็นต้องใช้เงินจำนวนมาก""เท่าไร่?"เขาไม่ถามถึงเหตุผลที่เปียโนต้องใช้ด้วยซ้ำ ทำเอาหญิงสาวใบหน้าสวยต้องสบตาคู่คมของเขาพร้อมความคิดในใจเหมือนมันจะง่ายหรือว่านี่เป็นการลองใจเธอ"หนูไม่รู้ว่ามันจะมากไปไหม หากคุณตินต้องการ เอ่อ.....""ฉันอยากรู้แค่จำนวนเงินไม่ต้องพล่ามอะไรมากมาย""อ้อ ค่ะ....." คำพูดที่แสนเยือกเย็นนั้นทำเอาเปียโนชะงักไปสักพักแต่เธอก็ไม่ลืมที่จะตอบเขา "ห้าแสนค่ะ"ริมฝีปากของเขาเหยียดเป็นเส้นตรงสีหน้าไม่แสดงอาการใด ๆ ก่อนที่เขาจะเอื้อมมือไปหยิบแก้วเหล้าขึ้นมาจิบ ทุกการกระทำนั้นมันอยู่ในสายตาของเปียโนเป็นอย่างดี ร่างเล็กเดาไม่ออกเลยว่าตอนนี้หนุ่มหล่อตรงหน้าเธอคิดอะไรอยู่ หรือเขาอาจจ
บรรยากาศอบอวลไปด้วยความรักของสองพ่อลูก นานมากแล้วที่ไม่ได้ออกมาทานข้าวนอกบ้านนับตั้งแต่ที่เกิดเรื่องขึ้นกับครอบครัวของเธอ"อร่อยไหมคะพ่อ" เปียโนเอ่ยถามพร้อมรอยยิ้มสดใสของเธอ ส่วนนิลภพเขาก็พยักหน้าตอบรับลูกสาว หากจะถามว่าอร่อยไหมในเวลานี้มันไม่มีรสชาติเสียมากกว่าแต่ที่ต้องยอมมาทานเพราะไม่อยากทำให้ลูกสาวเพียงคนเดียวต้องเสียความรู้สึก ในเวลานี้ใครจะกินข้าวได้คล่องคอทั้งหนี้สินรัดตัวไหนจะมีเรื่องสุขภาพเข้ามาเกี่ยวข้อง หากไม่ยอมรับการผ่าตัดเปียโนก็ไม่สบายใจกลัวว่าจะเป็นอันตรายมากไปกว่านี้ครืด ครืด ในขณะที่ความสุขกำลังวิ่งวนอยู่ในหัวใจของคนตัวเล็ก เสียงมือถือของเธอก็ดังขึ้นทำเอารอยยิ้มที่มีก่อนหน้าต้องหุบลงก็เบอร์ที่เธอบันทึกไว้ในนามบัตรมันขึ้นชื่ออย่างชัดเจน ออสติน"พ่อค่ะ หนูขอไปรับสายก่อนนะ สงสัยเพื่อนที่มหาลัยโทรมา""จ้ะ"หลังจากที่ลุกออกจากโต๊ะอาหาร เปียโนก็หลบมาคุยโทรศัพท์ด้านนอก"สวัสดีค่ะ"(เห็นเธอเงียบไปหลายวัน ไม่เห็นจะโทรหาฉันเลย หรือว่าเงินที่ได้ไปมันคุ้มแล้ว)"คือหนูติดธุระ ว่าแต่คุณตินมีอะไรหรือเปล่าคะ"(วันนี้ฉันอยากจะเจอเธอหน่อย)"วันนี้หรือคะ"(ทำไม เธอติดปัญหาอะไร)"คือ.
ร่างเล็กสวมชุดคลุมสีขาวสะอาดตา ยืนส่องตัวเองในกระจกเงาภายในห้องน้ำ พลางถอนหายใจดังเฮือก ๆ อยู่หลายครั้ง "เธอไม่มีทางเลือกนี่ อย่าคิดมากสิ เปียโน" คนตัวเล็กยังคงปลอบใจตัวเองอยู่อย่างนั้น จนกระทั่งมีเสียงเคาะประตูห้องน้ำดังขึ้นก๊อก ก๊อก"เธอถ่วงเวลาอยู่หรือเปล่า"เปียโนสะดุ้งโหยงด้วยความตกใจ เสียงเข้มที่ดังอยู่หน้าห้องน้ำมันบ่งบอกอารมณ์ที่มีอยู่ตอนนี้ น้ำเสียงของเขาค่อนข้างจะหงุดหงิด เธอสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะหมุนตัวออกจากหน้ากระจกแล้วเปิดประตูห้องน้ำออกกว้าง พรึ่บทันทีที่ร่างเล็กปรากฏตัว เขาก็ดันเธอจนติดผนังลมหายใจผ่าวร้อนระยะประชิดจนเธอได้กลิ่นเหล้าจาง ๆ ออกมา ดวงตาของเขาที่มองต่ำมาที่ริมฝีปากมันทำเอาเปียโนหายใจแทบลำบากอย่าว่าแต่จ้องมองเขาคงอดไม่ได้ที่จะแนบริมฝีปากหยักลงมาที่เรียวปากเธอจนเปียโนต้องผลักเขาถอยออกไปด้วยความเผลอตัวผลัก !"เออ คุณตินไปที่เตียงก่อนไม่ได้หรือคะ""ทำไม จะที่ไหนก็เหมือนกันนั่นแหละที่นี่ห้องของฉัน ฉันอยากทำตรงไหนมันก็ยอมได้""แต่.....""ฉันรู้สึกว่าเธอค่อนข้างจะเรื่องมาก... ก็ได้!"สิ้นสุดคำพูดห้วน ๆ แบบนั้นร่างของเปียโนก็ถูกช้อนขึ้นมาอุ้มในท่าเจ้าสาว
สีหน้าของเปียโนบ่งบอกอารมณ์ของความเจ็บปวด เธอรู้สึกเหมือนกับว่าร่างกายจะฉีกออกเป็นเสี่ยง ๆ ทุกครั้งที่ออสตินพยายามดันท่อนเอ็นที่แข็งขืนเข้ามาด้านในตัวเธอ"หนูเจ็บ พอเถอะค่ะ ไม่เอาแล้ว""ก็บอกว่าอย่าเกร็งไง" เขาใช้น้ำเสียงเข้มเปล่งออกมาเป็นคำสั่ง จนเปียโนต้องเงียบปาก เธอหวาดกลัวพร้อมเนื้อตัวสั่นเทาไปหมดชายหนุ่มกัดฟันจนสันกรามนูนเด่น สายตาคมจ้องส่วนนั้นอย่างโมโห "แม่ง!"เขาสบถถ้อยคำหยาบคายออกมา ก่อนที่จะลุกขึ้นจากเตียงด้วยท่าทีหัวเสีย เท้าหนักเดินไปที่หัวเตียงอีกครั้งก่อนจะหยิบเจลชนิดหล่อลื่นขึ้นมาชโลมไปที่ถุงยางอนามัย คราวนี้มั่นใจแล้วว่ายังไงต้องดันมันเข้าไปให้ได้เปียโนยังนอนอยู่ท่าเดิมสองขาของเธอสั่นเทาไปหมดเพราะเกร็งกับความเจ็บเมื่อครู่ ยังไม่ทันได้ผ่อนคลายด้วยซ้ำ ร่างสูงก็เข้าประชิดตัวเธออีกครั้ง"หนูไม่ไหวแล้ว พอเถอะค่ะ" เพราะรู้สึกเหมือนทางเข้ามันจะฉีกขาดเธอเจ็บจนแทบทนไม่ไหวแต่นั่นมันไม่ใช่เหตุผลที่ออสตินจะหยุด เขาจ่อแท่งร้อนเข้าไปอีกครั้งพร้อมกับดันขาเรียวของเปียโนแยกออก"อ้ายย อื้อ เจ็บบ""หุบปากสักทีได้ไหม เธอจะงอแงอะไรตอนนี้" ที่งอแงเพราะความเป็นชายของเขามันใหญ่มโหฬารต่างหา
23.20 โดยประมาณเปียโนเดินทางกลับมาที่ห้องพัก เวลาในตอนนี้ค่อนข้างดึกพอสมควรเธอคิดว่าพ่อน่าจะหลับไปแล้ว เมื่อมาถึงหน้าห้องสิ่งที่เธอแปลกใจคือ ประตูห้องไม่ได้ปิดสนิทแถมด้านในห้องยังคงมีดวงไฟสว่างอยู่"อย่าบอกนะว่าพ่อยังไม่หลับ"เธอค่อย ๆ ย่างเท้าน้อย ๆ เข้าไปมืออีกข้างก็ใช้ดันประตู ทว่า สิ่งที่เห็นตรงหน้า"พ่อค่ะ!!!"ร่างของนิลภพล้มคว่ำหน้าอยู่ที่พื้น เธอรีบโผตัวเข้าไปพยุงร่างพ่อให้หงายขึ้นมา ร่างนั้นนอนนิ่งสนิทแต่ก็ยังมีลมหายใจอยู่"พ่อ พ่อเป็นอะไรไปค่ะ" เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้นกับพ่อของเธอ สิ่งที่พอตั้งสติได้ก็คือการโทรเรียกรถโรงพยาบาลโรงพยาบาลเปียโนยังคงอยู่ในอาการที่เรียกว่าตื่นตระหนกสุดขีดเธอกลัวว่าพ่อของเธอจะเป็นอะไรที่ร้ายแรงมากกว่านั้น ทันทีที่รถจอดเปลพยาบาลก็วิ่งมารับร่างที่ไม่มีสติเข็นส่งห้องฉุกเฉินเมื่อร่างของนิลภพถูกเข็นเข้าไปแล้ว เปียโนก็ยื่นตัวสั่นพร้อมน้ำตาที่ไหลลงมาอาบที่แก้มขาว ๆ ของเธอ สองมือบีมกันแน่นเธอคิดอะไรไม่ออก ญาติสักคนก็ไม่มีไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใครได้ในตอนนี้ร่างเล็กยืนอยู่หน้าห้องฉุกเฉินสักพักใหญ่ คุณหมอที่อยู่เวรในห้องก็ออกมาแจ้งให้เธอได้ทราบถึง
ความสงสัยของเปียโนพลันเกิดขึ้นในตอนนั้น ทำไมรุ่นพี่ถึงอยากให้เธอไปทำงานที่บริษัทของเขา ทั้ง ๆ ที่เธอเองก็ยังไม่จบหลักสูตรด้วยซ้ำ"งานที่บริษัทพี่เหรอคะ เปียเรียนไม่จบใบประกาศก็ไม่มีใครจะรับเข้าทำงาน""ก็พี่นี่ไง พี่รู้ว่ามันอาจจะไม่เหมาะสมหากจะฝากเปียเข้าไปทำงาน แต่อนาคตข้างหน้าพี่ต้องเข้าไปบริหารส่วนเรื่องการเรียนก็ย้ายมาเรียนเป็นภาคสมทบแบบนี้พี่ว่ามันน่าจะดีกว่า"อย่าว่าแต่เปียโนที่คิดตามคนที่นั่งข้างเธออย่างแมงเม่าก็แอบแปลกใจมาก จริงอยู่ว่าเธอรู้ โอโซนชอบเพื่อนของเธอแต่ไม่คิดว่าเขาจะจริงจังจนอยากให้เปียโนเข้าไปทำงานที่บริษัท"ว่าไง อยากไปไหม""เปียขอคิดดูก่อนแล้วกันค่ะ" ที่ต้องบอกว่าขอคิดเพราะเธอเองไม่รู้ด้วยซ้ำว่าไปแล้วเขาจะให้เธอทำแผนกอะไร เงินเดือนเท่าไร เธอเรียนยังไม่จบ วุฒิการศึกษาก็ไม่มีแม้ว่ารุ่นพี่จะยืนกรานช่วยให้เธอเข้าทำงานได้แต่คนที่บริษัทอาจจะมองเธอไม่ดีอยู่ "เอาละ ๆ เปียที่แกเรียกฉันมาวันนี้มีอะไรหรือเปล่า"เปียโนนึกขึ้นได้ว่าอยากจะคุยเรื่องงานกับเพื่อน แต่ดูเหมือนมันจะยากไปเสียแล้วก็รุ่นพี่ที่เธอไม่อยากให้เขารู้ดันอยู่ด้วย เปียโนทำหน้าตาเลิ่กลั่กมองโอโซนแว็บแรก เพียง
สองวันถัดมาจากเหตุการณ์ที่ทำให้นิลภพได้เข้าโรงพยาบาลเมื่อสองวันก่อน ทำให้หมอเจ้าของไข้เร่งคิวให้เข้ารับการผ่าตัดโดยด่วน แม้ว่าการผ่าตัดจะเป็นไปค่อนข้างลำบากเนื่องจากเนื้องอกเริ่มรุกล้ำเข้ามาเกือบถึงก้านสมองแต่อย่างนั้นก็ทำให้การผ่าตัดในเช้าของวันนี้เป็นไปได้อย่างเสร็จสมบูรณ์ส่วนเปียโนเธอง่วนอยู่กับเรื่องการผ่าตัดเอกสารที่ต้องยื่นกับทางโรงพยาบาลและค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ทำให้เธอไม่มีเวลาแม้จะรับสายใครทั้งนั้น แม้กระทั่งสายของออสตินเจ้าของโครงการพันล้านบาท"อย่าให้ฉันได้เจอตัวเธอนะ ยัยสิบแปดมงกุฎ"คิ้วหนาย่นลงจนเป็นปมพร้อมทั้งสันกรามที่นูนเด่นขึ้นเมื่อคมเขี้ยวขบแน่นเข้าหากัน สิ่งที่ออสตินคิดคือเปียโนหลอกเอาเงินเขาใช้ตัวเข้าแลกเพียงหนึ่งครั้งแต่ได้ไปห้าแสนมันคุ้มยิ่งกว่าคุ้มเสียอีกภายในอกเริ่มร้อนระอุโทสะที่มีมันฝั่งแน่น ขณะนั้นเองเลขาคนสนิทของเขาก็เดินเข้ามาภายในห้องทำงานหรู"นายครับ มิสเตอร์จอร์นมาถึงแล้วครับ" ธนาเอ่ยบอกเสียงเรียบพร้อมทั้งกุมมือตัวเองก้มหน้านิ่ง "เอ่อ ไปเชิญเขาเข้ามาได้""ครับนาย"มิสเตอร์จอห์นที่ว่าเป็นชาวต่างชาติที่สนใจร่วมลงทุนกับโครงการใหม่ที่จะถึงภายในไม่กี่เดือนข้า
วันเวลาผ่านไปจากสองวันก็เป็นหนึ่งอาทิตย์การตอบสนองด้านการผ่าตัดของนิลภพดีขึ้นตามลำดับจนได้ออกจากห้องไอซียูมาพักฟื้นที่ห้องธรรมดาได้ปกติ ส่วนเปียโนก็มีหน้าที่เฝ้าไข้พ่อไม่ห่างกาย และยังคงเดินทางกลับไปที่ห้องเพื่อให้อาหารสำลีทุกวันห้องพัก(อพาร์ตเมนต์)"สำลีช่วงนี้แกต้องอยู่คนเดียวก่อนรู้ไหม พ่อยังต้องนอนพักฟื้นที่โรงพยาบาล แกอาจจะเหงาหน่อยนะแต่ไม่ต้องห่วงฉันไม่ทิ้งแกแน่นอน"เหมียวพูดจบก็ยิ้มให้แมวสีขาวขนฟูเธอมองมันด้วยความรักเจ้าสำลีกำลังก้มหน้ากินอาหารจากในถาด ส่วนเปียโนเธอก็มองอยู่อย่างนั้นรู้สึกว่าการเกิดเป็นสัตว์ก็น่าจะดีเหมือนกันไม่ต้องรับรู้อะไรมาก ไม่ต้องแบกรับสภาพหนี้สินที่มากมายระหว่างที่ใช้ความคิดเสียงเคาะประตูห้องก็ดังขึ้นก๊อก ก๊อกร่างเล็กหันไปมองตามเสียงเธอย่นคิ้วเรียวลงเล็กน้อยไม่รู้ว่าใครที่มาเคาะเรียกตอนนี้ ถึงอย่างนั้นก็ต้องลุกขึ้นเดินออกไปเปิดประตูห้องแอ๊ดด"มาหาใครคะ" เมื่อเห็นชายหญิงคู่หนึ่งยืนอยู่ที่หน้าห้องเธอก็รีบเอ่ยถามตามมารยาทกลัวว่าจะมีคนเคาะห้องผิด"เธอใช่ไหมลูกสาว นิลภพ""ใช่ค่ะ""เราสองคนมาตามสัญญาที่เขียนไว้ในใบเงินกู้ ครบสัญญาที่ต้องใช้ดอกใช้ต้นแต่เห็
สวนดอกไม้กว้างใหญ่ส่งกลิ่นหอมอบอวลไปทั่วบริเวณนั้น เปียโนเข้ามาอยู่ที่บ้านของออสตินได้สองวันแล้ว ตั้งแต่ที่เขาออกคำสั่งไม่ให้เธอไปทำงานที่เลานจ์ ดูเหมือนว่าตอนนี้เธอจะเป็นบุคคลว่างงาน ไม่รู้ว่าจะไปสมัครงานที่ไหนร่างเล็กยืนอยู่ท่ามกลางสวนดอกไม้ในบ้านของเขา ส่วนเจ้าของคฤหาสน์หรูก็คงออกไปทำงานที่เขาต้องรับผิดชอบ ส่วนนิลภพพ่อของเธอก็ยังไม่ได้ออกจากโรงพยาบาลคนที่ทำหน้าที่แวะเวียนไปดูแลก็คือแมงเม่าและโอโซนระหว่างที่ยืนเหม่ออยู่นั้น เสียงมือถือของเธอก็ดังขึ้นครืด ครืด มือเล็กล้วงมือถือที่เก็บไว้ในกระเป๋ากางเกง เมื่อเห็นว่าเบอร์ที่ต่อสายเข้ามาเป็นเบอร์ของโอโซน เปียโนเลยรีบตัดสินใจรับ"สวัสดีค่ะ"(เปียยุ่งอยู่หรือเปล่า พี่โทรหาเปียก็ไม่ค่อยรับสาย แล้วนี่ทำงานอยู่ที่ไหน)"ก็ แถว ๆ พุทธมณฑลค่ะ"(แล้วพรุ่งนี้จะได้มารับคุณลุงออกจากโรงพยาบาลไหม)"พ่อออกจากโรงพยาบาลพรุ่งนี้เหรอคะ เมื่อวานหนูก็โทรถามทางโรงพยาบาลทำไมคุณหมอไม่เห็นบอกอะไร"(เขาพึ่งจะบอกพี่เมื่อเช้าเหมือนกัน)"พี่โซนคะ หากเปียไม่ได้ไปฝากพี่เป็นธุระด้วยนะคะ"(งานยุ่งมากเลยเหรอ พี่ว่ามาทำงานกับพี่ไม่ดีกว่าหรือไง อีกอย่างจะได้อยู่ใกล้พ่
วันต่อมาแมงเม่านั่งอุ้มน้องแมวตัวสีขาวอยู่ที่ม้านั่งภายในรั่วมหาลัย แม้ว่าวันนี้จะเป็นวันหยุดแต่เธอก็จำเป็นต้องนัดโอโซนออกมาพบเพราะต้องการให้เขาช่วยเหลือเรื่องการเลี้ยงดูสำลี ไม่นานนักร่างสูงใบหน้าหล่อเหลาดูสะอาดเกลี้ยงเกลาก็เดินเข้ามาที่โต๊ะของแมงเม่า"นัดพี่มามีอะไร" เขาถามก็จริงแต่สายตามองไปที่แมวตัวสีขาวที่อยู่ในอ้อมกอดของแมงเม่า"พี่เห็นแล้วใช่ไหมว่านี่คือแมว คือหนูจะบอกว่าแมวตัวนี้เป็นแมวของเปียโน ตอนนี้คุณลุงก็ป่วยเปียโนก็ต้องทำงานยัยเปียไม่กล้ารบกวนพี่ หนูเลยอาสาเอามาฝากพี่เลี้ยงไว้ก่อนได้ไหม หากคุณลุงดีขึ้น เดี๋ยวหนูจะเอาไปคืนเปียเอง"โอโซนไม่ได้พูดโต้ตอบแต่ก็อุตส่าห์เอื้อมมือมาอุ้มสำลีไปอยู่ในอ้อมกอดตัวเอง (เหมียว)"น่ารักดี น่ารักเหมือนเจ้าของ" สิ่งที่แมงเม่าได้ยินทำเอาเธอต้องเบ้ปากแต่ก็ไม่ได้พูดแทรกปล่อยให้ชายหนุ่มร่างสูงได้เชยชมแมวน้อยน่ารัก"ว่าแต่ เปียเขาไม่อยากไปทำงานที่อื่นบ้างหรือไง พี่ก็เสนอไปแล้วแท้ ๆ ""ขอเวลาให้มันหน่อยแล้วกัน อีกอย่างมันคงไม่ได้ไปทำที่เลานจ์แล้วละ ป่านนี้ก็คงมีงานที่ใหม่""งานที่ใหม่อย่างนั้นเหรอ ทำไมเขาไม่บอกพี่สักคำ""ก็คงไม่อยากให้พี่เสียใจม
ณ โรงพยาบาลคนที่มาถึงก่อนเป็นคนแรกคือรุ่นพี่ที่มหาลัยโอโซนนั่งจ้องหน้าของเปียโนเขม็งสิ่งที่เขาอยากถามมากที่สุดคือการหายตัวไปของสาวตรงหน้า แต่พอปากจะขยับเอ่ยถามเปียโนก็ตัดบทลงเสียก่อน"ขอบคุณพี่โซนมากนะคะที่เป็นธุระจัดการห้องพักให้พ่อ และขอบคุณพี่อีกครั้งเรื่องพยาบาลพิเศษเอาไว้เปียมีเงินเมื่อไหร่จะใช้พี่คืน"คำพูดของเธอทำเอาหนุ่มหล่อทายาทนักธุรกิจต้องพ่นลมร้อนออกจากปาก เขาไม่ได้ต้องการเงินคืนแม้แต่น้อยแต่สิ่งที่เขาต้องการมากที่สุดน่าจะเป็นความสัมพันธ์ของเธอและเขามากกว่า"เปีย พี่รู้เรื่องแล้วนะที่เปียไปทำงานที่เลานจ์""ค่ะ?""พี่บอกตามตรงว่าพี่ไม่โอเคสักนิด พี่ไม่ชอบให้เปียไปอยู่ในสถานที่แบบนั้น พี่เคยเสนอไปแล้วเรื่องงานหากอยากทำงานทำไมไม่บอกพี่ละ""เอ่อ คือเปียเกรงใจพี่""และอีกอย่าง พี่ไม่รู้ว่าเปียเอาเงินค่าผ่าตัดมากมายมาจากไหน หากเปียไปกู้มาละก็ พี่ยินดีใช้หนี้แทน ส่วนงานก็เข้าไปทำที่บริษัทพี่ได้เลย"สิ่งที่โอโซนไม่รู้คือจำนวนเงินมากมายนั้นเปียโนเธอได้มาจากที่ไหน แต่สิ่งที่เขาคิดคือเปียโนน่าจะกู้มา ส่วนหญิงสาวเธอไม่ได้พูดอะไรมากมายกลัวว่าคนที่นั่งตรงหน้าจะจับพิรุธเธอได้"เปียต้องข
ทนทุกข์กับสภาพจิตใจอย่างหาที่สุดไม่ได้ หลังจากที่ตอบสนองตัณหาเขาแล้วออสตินก็ไม่ลืมข้อแลกเปลี่ยนนั้น ยอมคืนมือถือให้เธอโดยง่ายหลังจากที่ได้มือถือคืนมาแล้วในช่วงเช้าของอีกวันเปียโนก็รีบเปิดเครื่องและติดต่อกับทางโรงพยาบาลในทันที"ว่าไงนะคะมีคนย้ายพ่อไปที่ห้องพิเศษ ว่าแต่รู้ไหมคะว่าเขาเป็นใคร"(คนที่เป็นธุระจัดการ ชื่อ อนันต์ธวัช ค่ะ)หญิงสาวนิ่งอึ้งไปหลายวินาที เพราะชื่อที่หลุดออกมาจากปากนางพยาบาลคือรุ่นพี่ของเธอ(เขายังจ้างพยาบาลพิเศษให้ด้วยนะคะ เห็นบอกว่าคุณไม่สบาย)"อ้อ ค่ะ"หลังจากที่เปียโนวางสายความรู้สึกเธอในตอนนี้เอ่อล้นปลื้มปริ่มใจอย่างบอกไม่ถูก ขณะเธอทุกข์ใจก็ยังมีรุ่นพี่ที่เป็นเหมือนญาติอีกคนด้านมาเฟียหนุ่มเจ้าของโครงการหรู เขานั่งจิบกาแฟยามเช้าอย่างใจเย็น ใบหน้าคมเหมือนจะไร้ความกังวลใด ๆ แถมในตอนนี้ดูเหมือนจะมีความสุขด้วยซ้ำ"นายครับ""มีอะไร" น้ำเสียงเยือกเย็นเปล่งถามกลับมาแต่เขาไม่ได้เงยหน้าขึ้นมามองธนาด้วยซ้ำ"เรื่องที่นายให้ผมไปตามสืบ เรื่องพ่อของเด็กเปียโน เธอไม่ได้โกหกครับนายตอนนี้พ่อของเธอป่วยนอนพักฟื้นอยู่ที่โรงพยาบาล"ใบหน้านิ่งเยือกเย็นดุจน้ำแข็งค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นม
เมื่อเห็นว่าร่างนั้นเริ่มหน้าแดงขึ้นถนัดตาชายหนุ่มร่างสูงก็คลายมือออกมาจากลำคอของเธอ แต่อย่างนั้นยังอุตส่าห์ยกนิ้วมือมาเกลี่ยข้างแก้ม พร้อมเสียงที่พูดออกมาเบา ๆ"ไม่ต้องห่วงหรอกเธออยู่กับฉัน ทำให้ฉันพอใจก็พอหากฉันเบื่อที่จะเล่นกับเธอเมื่อไหร่ฉันจะปล่อยเธอไปเอง"เปียโนสะบัดใบหน้าสวยหลบนี้นิ้วเรียวยาวของเขา ยิ่งความรู้สึกเธอตอนนี้มันบ่งบอกได้ว่าเธอเริ่มรังเกียจเขาเข้าไส้"อยากได้มือถืองั้นเหรอ ได้สิแต่ต้องมีข้อแลกเปลี่ยนนะ" ประโยคนั้นทำเอาเธอต้องหันมาสบตาเขา รอยยิ้มที่เขาส่งมาให้เธอ เปียโนพอรู้ว่าสิ่งที่เขาอยากแลกก็คือตัวเธอนั่นเองเปียโนหลับตาลงชั่วขณะเมื่อลืมตาขึ้นมองใบหน้าหล่อเหลาของคนร่างสูง เธอก็ฝืนทำตามข้อแลกเปลี่ยนบ้า ๆ เพื่อต้องการมือถือคืนท่อนแขนเรียวยาวคล่องไปที่ลำคอเกร็งของชายร่างสูงตรงหน้า เธอเขย่งเท้าขึ้นเล็กน้อยหมายจะจูบที่ริมฝีปาก การกระทำที่เก้ ๆ กัง ๆ นั้นมันทำให้ออสตินรู้สึกอึดอัดจนเขาต้องช้อนร่างเธอขึ้นมาอุ้ม"คุณ""ชักช้าไม่ได้ดั่งใจ"ร่างของเปียโนโดนเขาอุ้มมาว่างลงที่เตียงนอนกว้าง รอยยิ้มของเขาเหยียดยิ้มฉายแววเจ้าเล่ห์ ก่อนที่จะโน้มตัวลงมาจูบ เขาดูดดื่มปลายลิ้นและร
ดูท่าว่าคนตัวสูงจะไม่ฟังด้วยซ้ำว่าเปียโนเธอมีเหตุจำเป็นจริง ๆ ที่จะต้องไปแต่สิ่งที่เขาทำนั้น คือการดึงตัวเธอกลับมาที่เตียงนอนอีกครั้ง พร้อมออกคำสั่ง"ฉันไม่อนุญาตให้เธอไปไหน เธอก็ไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น""คุณติน แต่นี่มันเป็นเรื่องสำคัญนะคะ""แล้ว?"เปียโนอดกลั้นพร้อมทั้งกัดฟันแน่นรู้สึกว่าเขาไม่เห็นคนอื่นสำคัญเท่าตัวเองจริง ๆ พอเขาพูดจบก็สั่งให้แม่บ้านเฝ้าเปียโนเอาไว้ส่วนตัวเขาก็เดินออกมาข้างนอกห้อง"ไอ้ธนา!!!""ครับนาย" เสียงที่แผดดังลั่นคฤหาสน์หลังใหญ่ทำให้ธนาต้องรีบวิ่งเข้ามาหาเจ้านายตนเอง"มึงไปสืบเรื่องของเธอดูสิว่า สิ่งที่เธอพูดมาจริงหรือเปล่า""ครับ"เมื่อธนาเร่งออกจากตัวบ้านหลังใหญ่ ออสตินก็เอี้ยวตัวกลับไปมองที่ห้องที่เขาพึ่งจะออกมาเมื่อครู่ พร้อมน้ำเสียงที่เอ่ยพูดกับตัวเองเบา ๆ "หากเธอโกหกฉันละก็ฉันเอาเธอตายแน่"มหาวิทยาลัย"อะไรนะคะ เปียโนติดต่อไม่ได้และไม่ได้ไปเฝ้าพ่องั้นเหรอ"แมงเม่านิ่งอึ้งไปหลายวินาที โดยปกติแล้วเพื่อนของเธอจะไม่ไปไหนยิ่งพ่อป่วยแบบนี้เปียโนไม่น่าจะทิ้งให้อยู่คนเดียวด้วยซ้ำ นอกเสียจากจะมีเรื่องกับเพื่อนสาวเธอ"เมื่อวานทั้งวันหนูก็ไม่ได้โทรหาเปียโนเลย เอ้...
เขาไม่ฟังเสียงร้องห้ามใด ๆ จากคนตัวเล็กแต่สิ่งที่ออสตินทำคือฉีกเสื้อยืดที่เธอสวมใส่จนขาดวิ่นแคว๊ก"กรี๊ดดด คุณติน" มิหนำซ้ำเขายังกดจมูกโด่งลั่นลงที่ซอกคอของเปียโน เรียวปากหยักได้รูปดูดเม้มจนเกิดรอยแดงเต็มไปหมด"ฮื้อ ปล่อยนะ" เธอทั้งร้องขอและร้องไห้ในคราวเดียวกัน แต่เพราะช่วงนี้คนตัวเล็กพักผ่อนน้อยจึงทำให้เธอเกิดหมดสติในอ้อมกอดเขาพรึ่บเมื่อเห็นว่าร่างเล็กหยุดนิ่งไม่ขัดขืนต่อสู้ ออสตินจึงละใบหน้าคมนั้นขึ้นมอง "เปียโน อย่ามาแกล้งสลบแถวนี้"แต่เธอก็ไม่ได้ตอบโต้ หญิงสาวหลับตานิ่ง ร่างกายของเธอค่อนข้างที่จะอ่อนเพลีย ออสตินช้อนเธอขึ้นมาอุ้มในท่าเจ้าสาว ก่อนที่เขาจะพาเธอมาที่เตียงกว้าง จากนั้นก็เรียกธนาคนสนิทเขามาพบ"ไปตามหมอมา""ครับนาย" กลัวว่าเธอจะเป็นอันตราย ออสตินเลยสั่งลูกน้องให้ตามหมอมาตรวจอาการของเปียโนเวลาผ่านไปสักพักหมอก็ถูกพาตัวเข้ามาในห้องหรูของออสติน "อยู่ ๆ เธอก็เป็นลม"เป็นประโยคบอกเล่าของออสติน เมื่อบอกหมอแบบนั้นเขาก็เดินออกไปรอข้างนอกปล่อยให้หมอได้ตรวจเปียโนโดยละเอียด ทว่า เพียงแค่หมอเห็นเสื้อผ้าของเธอที่ขาดวิ่นรอยจ้ำแดงที่คอก็พอรับรู้ได้ถึงอะไรบางอย่าง แต่ก็ไม่กล้าพูดเพ
รถหรูเคลื่อนตัวมาได้ไกลพอสมควร อยู่ ๆ เขาก็สั่งให้ลูกน้องจอดสนิท"จอด! มึงลงไปได้แล้ว" เสียงเข้มดุดันสั่งให้ธนาลงจากรถคำสั่งนั้นมันทำให้เปียโนต้องมองตามร่างของคนสนิมเขา"จอดทำไมค่ะ?" หญิงสาวทำหน้าเหมือนจะงวยงงอยู่สักนิดเพราะเห็นว่าถนนเส้นนี้ท่าทางจะเปลี่ยว หรือเพราะว่าเธอเอาเงินเขามาแล้วขาดการติดต่อเขาเลยอยากจะทำร้ายเธอแววตาหวาดกลัวเริ่มแสดงออกชัดเจน เปียโนเริ่มมองฝั่งถนนทั้งสองข้าง ด้านนอกมีคนของเขายืนคุมอยู่"เธอรู้ใช่ไหมว่าฉันเสียเวลาตามหาเธอนานเท่าไร""คือ หนูมีเหตุผล พอดี.....ฮีบ" ชายหนุ่มไม่รอให้เธอได้พูดอะไรมาก เขาเอื้อมมือมาบีมที่คางของเธอแน่นขึ้นจนคนตัวเล็กรู้สึกถึงความเจ็บ"หนูเจ็บ""อย่ามาเล่นลิ้น ตอนที่ฉันให้เงินเธอฉันเคยบอกเธอว่ายังไงจำไม่ได้หรือเธอแกล้งลืม"ใบหน้าของเปียโนเริ่มบิดเบี้ยวเพราะแรงบีบของฝ่ามือชาย ปากเล็กเริ่มห่อขึ้นรูปจนเธอต้องรีบยกมือมาแกะมือเขาแต่มันก็ไม่เป็นผล เขายังบีบแน่นแต่พอเห็นว่าเธอน่าจะเจ็บจนมีน้ำตาเขาก็เริ่มปล่อยมือออกฮึก!น้ำตาของเปียโนไหลออกมาอาบแก้มแต่เธอก็พยายามอดกลั้นไม่ให้มีเสียงสะอื้นร่ำไห้ เธอรู้สึกเจ็บบริเวณข้างแก้มรู้สึกเหมือนกรามมันจ
วันเวลาผ่านไปจากสองวันก็เป็นหนึ่งอาทิตย์การตอบสนองด้านการผ่าตัดของนิลภพดีขึ้นตามลำดับจนได้ออกจากห้องไอซียูมาพักฟื้นที่ห้องธรรมดาได้ปกติ ส่วนเปียโนก็มีหน้าที่เฝ้าไข้พ่อไม่ห่างกาย และยังคงเดินทางกลับไปที่ห้องเพื่อให้อาหารสำลีทุกวันห้องพัก(อพาร์ตเมนต์)"สำลีช่วงนี้แกต้องอยู่คนเดียวก่อนรู้ไหม พ่อยังต้องนอนพักฟื้นที่โรงพยาบาล แกอาจจะเหงาหน่อยนะแต่ไม่ต้องห่วงฉันไม่ทิ้งแกแน่นอน"เหมียวพูดจบก็ยิ้มให้แมวสีขาวขนฟูเธอมองมันด้วยความรักเจ้าสำลีกำลังก้มหน้ากินอาหารจากในถาด ส่วนเปียโนเธอก็มองอยู่อย่างนั้นรู้สึกว่าการเกิดเป็นสัตว์ก็น่าจะดีเหมือนกันไม่ต้องรับรู้อะไรมาก ไม่ต้องแบกรับสภาพหนี้สินที่มากมายระหว่างที่ใช้ความคิดเสียงเคาะประตูห้องก็ดังขึ้นก๊อก ก๊อกร่างเล็กหันไปมองตามเสียงเธอย่นคิ้วเรียวลงเล็กน้อยไม่รู้ว่าใครที่มาเคาะเรียกตอนนี้ ถึงอย่างนั้นก็ต้องลุกขึ้นเดินออกไปเปิดประตูห้องแอ๊ดด"มาหาใครคะ" เมื่อเห็นชายหญิงคู่หนึ่งยืนอยู่ที่หน้าห้องเธอก็รีบเอ่ยถามตามมารยาทกลัวว่าจะมีคนเคาะห้องผิด"เธอใช่ไหมลูกสาว นิลภพ""ใช่ค่ะ""เราสองคนมาตามสัญญาที่เขียนไว้ในใบเงินกู้ ครบสัญญาที่ต้องใช้ดอกใช้ต้นแต่เห็