“อื้อหือ ... ห๊อม... หอม พี่รินทร์ทำอะไรกินมั่งเนี่ยกลิ่นหอมไปถึงหน้าบ้านเลย” ปริณทำจมูกฟุดฟิด หลับตาพริ้ม หยอกเย้าพี่สาวคนสวย
“เมนูวันนี้ มีปลาทับทิมสามรสของโปรดคุณพ่อ ยำสามกรอบของโปรดคุณแม่ ผัดกะเพราไข่เยี่ยวม้าของโปรดพี่ แล้วก็ต้มขาไก่ซุปเปอร์ของโปรดแกไง เห็นบ่นนักบ่นหนาว่าอยากกินตีนนนนนน ฮ่าๆๆๆ “ เธอตอบน้องชายอย่างอารมณ์ดี เสียงหัวเราะของสองพี่น้องดังออกไปถึงหน้าบ้าน จนนางวิมาลาต้องเดินเข้ามาดู
“สองพี่น้องนี่เล่นอะไรกันเสียงดังไปถึงข้างนอกเลยลูก” นางวิมาลายิ้มให้กับลูกทั้งสองคนของเธอ
“อาหารเสร็จหมดแล้วค่ะแม่ เดี๋ยวปริณช่วยพี่ตั้งโต๊ะได้เลยนะ แล้วพ่อล่ะคะกลับมาหรือยัง" มาลารินทร์เอ่ยถามมารดาถึงนายบุรินทร์ บิดาของเธอ
“ยังเลยลูก นี่ก็จะสองทุ่มแล้วนะทำไมยังไม่ถึงบ้านก็ไม่รู้ แม่โทรหาก็ไม่ติด ไม่รู้โทรศัพท์แบตหมดหรือเปล่า”
นางวิมาลาตอบกลับบุตรสาวแววตาฉายแววกังวล ปกติสามีไม่เคยกลับผิดเวลาเกินหนึ่งชั่วโมง ถ้ามีธุระสำคัญอะไรจะต้องโทรมาบอกนางก่อนทุกครั้ง แต่นี่เกินเวลาไปจะสองชั่วโมงแล้วมิหนำซ้ำยังติดต่อสามีไม่ได้อีก
“รถอาจจะติดก็ได้ค่ะแม่ รินทร์ว่าอีกสักพักพ่อก็คงจะถึงค่ะ” เธอบอกกับแม่ของพร้อมกับประคองนางวิมาลาออกมานั่งรับลมรอที่สนามหญ้าหน้าบ้าน
เวลา 21.30 น.
“ฮึก... ฮือออ รินทร์ สามทุ่มครึ่งแล้ว ทำไม่พ่อยังไม่กลับมา ฮืออ ...ฮึก แม่ใจคอไม่ดีเลยลูก”
นางวิมาลาพูดกับลูกสาวด้วยเสียงสะอื้นสั่นเทา ร่างบางรีบเดินมานั่งใกล้ ๆ มารดาแล้วกอดประคองไว้ พลางลูบหลังลูบไหล่เบาๆ อย่างปลอบโยน ทั้งที่ใจตัวเองก็ร้อนรุ่มไม่ต่างกัน แต่ก็ยังพยายามฝืนพูดให้น้ำเสียงปกติที่สุดเท่าที่จะทำได้
“แม่ใจเย็น ๆ นะคะ เดี๋ยวพ่อก็กลับมา ไม่มีอะไรหรอกค่ะแม่อย่ากังวลใจไปเลยนะ" เธอพูดปลอบมารดาทั้งที่เรียวปากสั่นระริกอย่างควบคุมไม่ได้ ยอมรับว่าตัวเองก็ใจเสียไม่แพ้กัน
“กริ๊งงงงงงงงงงงงงงงงงงงง ”
เสียงโทรศัพท์สมาร์ทโฟนของมาลารินทร์ดังขึ้น เธอจึงคลายอ้อมกอดจากนางวิมาลาแล้วกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปรับโทรศัพท์ที่ชาร์ทแบตไว้ในบ้าน หน้าจอสมาร์ทโฟนปรากฎชื่อ นายบุรินทร์ ผู้เป็นบิดา จึงยิ้มกว้างด้วยความดีใจก่อนจะรีบกดรับสาย
“คุณพ่ออยู่ไหนคะเนี่ยดึกแล้วทำไมยังไม่ถึงบ้าน หนูกับแม่เป็นห่วงแทบแย่” มาลารินทร์พูดออกไปโดยไม่ได้ฟังเสียงปลายสายเลยสักคำ
“เอ่อ... ขอโทษนะคะ ดิฉันเป็นพยาบาลจากรพ.XXX นะคะ ตอนนี้คุณบุรินทร์ประสบอุบัติเหตุอาการสาหัส อยู่ที่รพ.XXX ค่ะ เราพบว่าโทรศัพท์คนไข้แบตหมดจึงนำมาชาร์ตแล้วลองเปิดหาเบอร์โทรญาติดู พบเบอร์ของคุณเลยรีบโทรมาแจ้งให้ทราบค่ะ … คุณ .... คุณคะ....คุณได้ยินหรือเปล่า ....ยังฟังอยู่ไหมคะคุณ?”
มาลารินทร์ถือโทรศัพท์แนบหูค้างอยู่อย่างนั้น รู้สึกแน่นในอกจนไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้ น้ำตาคลอสองหน่วยตาแล้วไหลหยดลมาเปียกสองแก้ม แต่ไร้ซึ่งเสียงใดๆ เล็ดลอดออกมาจากปากเธอ ... ใช่...เธอกำลังซ็อคกับสิ่งที่ได้ยิน เสียงพยาบาลปลายสายยังคงเรียกเธออยู่ แต่ตอนนี้ลำคอเธอตีบตัน หน้าร้อนวูบวาบเหมือนจะเป็นลม
“พี่รินทร์ พี่เป็นอะไร ร้องไห้ทำไม” ปริณเขย่าตัวพี่สาวแรง ๆ เพื่อเรียกสติ ได้ผล ... เธอหันมามองน้องชายแล้วร้องไห้สะอึกสะอื้น
“ปริณ ...ฮึกกกก ฮืออออ รพ.XXX โทรมาบอกว่าพ่อประสบอุบัติเหตุอาการสาหัสอยู่ เราต้องรีบไป ไปหาพ่อกัน ฮือๆๆๆ”
ร่างบางสะอื้นตัวโยน ในขณะที่นางวิมาลาได้ยินทั้งหมดที่ลูกสาวกับลูกชายคุยกัน นางยืนตกตะลึงอยู่หน้าประตูกลางบ้าน แล้วค่อย ๆ เซล้มลงร้องไห้สะอึกสะอื้น ปริณรีบผละจากพี่สาว แล้วเข้าไปประคองแม่ มาลารินทร์ได้สติจึงรีบวิ่งเข้าไปดูมารดา ปริณสั่งให้พี่สาวดูแลแม่ไว้ ส่วนเขารีบวิ่งไปขับรถออกมา แล้วพาทุกคนไปรพ.XXX ทันที
@ รพ.XXX หน้าห้อง ICU
“รินทร์ พ่อเป็นยังงัยบ้าง ปริณโทรมาบอกฉันก็รีบตามมาเลย”
สายป่านวิ่งมาหาทุกคนที่กำลังยืนรออยู่หน้าห้อง ICU ร่างบางผวาเข้าหาเพื่อนที่เพิ่งมาถึงแล้วกอดซบหน้าลงกับอกเพื่อน ร้องไห้สะอื้นตัวโยนจนน้ำตาเปียกชุ่มเสื้อของสายป่าน
แกร๊ก ... แอ๊ดดดด...
เสียงประตูห้อง ICU เปิดออก คุณหมอกับพยาบาลสาวสองท่านเดินออกมาจากห้อง ทุกคนรีบเดินเข้ามาหาหมอเพื่อรอฟังอาการพร้อมกัน
“คุณหมอคะ คุณพ่อเป็นอย่างไรบ้างคะ” มาลารินทร์เอ่ยถามคุณหมอเสียงสั่นระริก
“คุณบุรินทร์อาการสาหัสมาก หมอพยายามช่วยจนสุดความสามารถแล้วแต่ร่างกายคนไข้บอบช้ำเกินไป ตอนนี้คนไข้เสียชีวิตแล้ว หมอขอแสดงความเสียใจด้วยครับ” หมอหนุ่มใหญ่วัยกลางคนกล่าวด้วยความสุภาพพร้อมกับค้อมศีรษะลงเล็กน้อย ก่อนจะเดินออกไป
“ฮึกกก ฮืออออ โฮๆๆๆ ”
เสียงร้องไห้ดังระงม ร่างบางของมาลารินทร์สะอื้นจนสั่นสะท้าน หัวใจแตกสลาย เมื่อสูญเสียบิดาผู้เปรียบเสมือนเสาหลักของครอบครัวไปอย่างกระทันหัน เธอพยายามกลั้นเสียงสะอื้นเอาไว้ในอก ด้วยไม่อยากให้นางวิมาลาผู้เป็นมารดาต้องเศร้าโศกไปกว่านี้ เธอต้องเข้มแข็งเพื่อเป็นหลักให้แม่และน้องชายแทนบิดาผู้จากไป
ดวงตากลมคู่สวยพร้อมแพขนตาหนาหลับตาลง น้ำตารินไหลเป็นสาย ตกระทบหน้าอกจนเปียกปอน ระรึกถึงนายบุรินทร์บิดาผู้จากไป พร้อมกับอธิษฐานจิตในใจ
"สู่สุคตินะคะพ่อ ไม่ต้องห่วงพวกเรานะ รินทร์สัญญาว่าจะดูแลแม่กับปริณเป็นอย่างดีเลยค่ะ”
@ มหาวิทยาลัย BB ตึกบริหารฯ “รินทร์ แกฟังอยู่หรือเปล่าฉันเรียกแกนานแล้วนะ เหม่ออะไรนักหนาไหวไหมเนี่ย” สายป่านเขย่าแขนเรียวของเพื่อนสาวเบาๆ ทำให้เธอถึงกับสะดุ้ง “ห๊ะ..ว่าไงแก อยู่ใกล้แค่นี้ทำไมต้องตะโกนด้วยล่ะตกใจหมดเลย” มาลารินทร์ทำหน้ายู่ใส่เพื่อน เรียวปากคว่ำลง แสดงอาการงอนน้อยๆ อย่างน่ารัก จนสายป่านอดขำระคนเอ็นดูไม่ได้ “ฉันเห็นแกเหม่อแบบนี้บ่อยๆ มีปัญหาอะไรหรือเปล่า ถ้ามีอะไรก็ปรึกษากันได้ฉันยินดีช่วย อย่าลืมว่าเราเพื่อนกันนะรินทร์” สายป่านยกมือขึ้นลูบหลังเพื่อนเป็นการปลอบใจ ดวงตาคมเข้มมองหน้าเรียวสวยปนเศร้าของมาลารินทร์ด้วยแววตาที่เป็นห่วงตั้งแต่พ่อของมาลารินทร์จากไป นางวิมาลาที่ไม่ค่อยแข็งแรงอยู่แล้วอาการก็เริ่มทรุดหนักจนต้องเข้าออกโรงพยาบาลบ่อย ๆ และต้องพบหมอเดือนละสองครั้งเพื่อติดตามผลการรักษาและทานยาอย่างต่อเนื่อง ระยะหลังนางหยิบจับทำอะไรก็เหนื่อยไปหมด หายใจก็ไม่เต็มอิ่ม มีอาการคลื่นไส้เวียนหัวอยู่บ่อยครั้ง ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะนางยังทำใจไม่ได้กับการจากไปอย่างกะทันหันของสามีคู่ทุกข์คู่ยาก “ตั้งแต่พ่อเสียแม่ก็ตรอมใจ ข้าวปลาก็ไม่อยากจะกินเจ็บป่วยออดๆ แอดๆ ฉั
หลังจากสายป่านพามาลารินทร์ไปฝากงานกับพี่ปุ๊กกี้แล้ว เธอก็ไปติดต่อขอดร็อปการเรียนกับทางมหาลัยเอาไว้ก่อน ถึงแม้จะรู้สึกใจหายแค่ไหนและไม่รู้ว่าเมื่อไรจะได้มีโอกาสกลับมาสวมชุดนักศึกษาอีกครั้ง แต่เธอก็จำต้องเสียสละเพื่อแม่และน้องชายถึงแม้ปริณจะไม่เห็นด้วยกับความคิดของพี่สาว และรู้สึกเสียใจที่มาลารินทร์ต้องสละโอกาศทางการศึกษา ออกมาทำงานหาเงินเลี้ยงตนกับแม่ แต่เขายังเด็ก ไม่มีศักยภาพมากเพียงพอที่จะช่วยพี่สาวในตอนนี้ได้ นอกจากจำใจยอมรับ และสัญญากับตัวเองว่าจะตั้งใจเรียนให้สมกับความเสียสละของพี่สาว และช่วยดูแลแม่เป็นอย่างดี เพื่อให้พี่สาวทำงานได้อย่างไม่ต้องเป็นกังวลใจใดๆสามเดือนผ่านไป หลังจากมาลารินทร์เข้ามาทำงานเป็นพริตตี้ พี่ปุ๊กกี้ก็หางานป้อนมาอย่างไม่ขาดสาย ถึงแม้ในช่วงแรกๆ จะมีติดขัดอยู่บ้างเพราะรินทร์ยังใหม่มากกับวงการนี้ แต่ก็โชคดีที่ได้สายป่านช่วยสอนงานให้แบบไม่มีกั๊ก อะไรที่เป็นทริคดีๆ เธอจะบอกและถ่ายทอดให้มาลารินทร์อย่างหมดไส้หมดพุงตอนนี้มาลารินทร์ถือเป็นพริตตี้แถวหน้าในสังกัดอีกคนหนึ่งเลยที่มีรายได้และมีงานเยอะที่สุด อาจเป็นเพราะความสวยฟ้าประธานของเธอ ทำให้ลูกค้ามักจะเลือกรินทร์
@โรงแรม M เช้าวันอาทิตย์ วันงานเปิดโรงแรมวันนี้มาลารินทร์มีหน้าที่ต้อนรับแขกในโซน VIP และ VVIP ส่วนสายป่านรับหน้าที่เอ็นเตอร์เทนในงานแต๊งกิ้วปาร์ตี้ของทีมผู้บริหารในเครือมาร์ตินกรุ๊ป ซี่งงานจะเริ่มขึ้นในช่วงเย็น หลังจากแต่งตัวเรียบร้อยเธอก็มายืนประจำที่ตรงหน้างานเพื่อรอต้อนรับแขกผู้มีเกียรติของโรงแรมบรรยากาศภายในงานคลาคล่ำไปด้วยผู้คนมากมายหลายสายอาชีพที่เริ่มทยอยเข้ามาในงาน แต่ละคนแต่งตัวสวยสง่าและหรูหรา วันนี้มาลารินทร์เองก็สวยมากเช่นกัน เธออยู่ในชุดราตรีเกาะอกรัดรูปสีโอลด์โรส ช่วงอกปักเลื่อมระยิบระยับสวยงาม ขับผิวขาวเนียนละเอียดให้โดดเด่นน่ามอง ตัวกระโปรงยาวถึงข้อเท้า แต่ผ่าสูงขึ้นมาจนถึงหน้าขา เวลาย่างก้าวทำให้เห็นเรียวขาและปลีน่องขาวเนียนได้อย่างชัดเจนใบหน้างามถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางราคาแพง กลุ่มผมดกดำยาวสลวยหยักศกเป็นลอนถูกรวบหลวม ๆ ไว้ที่ด้านข้างศีรษะ และติดประดับด้วยดอกคัทลียาสีขาวบริสุทธิ์ เรียวปากกระจับเคลือบด้วยลิปสติกสีเดียวกับชุดราตรี ในงานวันนี้ เธอเห็นเหล่าดารานางแบบที่มีชื่อเสียงมาร่วมงานมากมายหลายคน ยอมรับว่าไม่เคยมีโอกาสเข้ามาในสถานที่หรูหราขนาดนี้มาก่อน“เซ
หลังจากมาลารินทร์ได้เห็นภาพคมชัดระดับ 4K เต็มสองตาก็ได้แต่ยืนตกตะลึง ไม่อยากเชื่อสายตาตัวเองว่าจะเห็นเจ้าของโรงแรมของที่นี่จะกล้ามาพลอดรักกับผู้หญิงทั้งที่อยู่ในลานจอดรถโดยไม่กลัวว่าจะมีใครมาเห็น ไม่อยากเชื่อว่าผู้ชายหล่อเนี๊ยบ ดูดีทุกกระเบียดนิ้วที่เธอเห็นในงาน จะเป็นคนหื่นกามแบบนี้“อะไรจะหิวโหยถึงขนาดต้องมากินกันตรงนี้เนี่ย น่าไม่อายจริง ๆ เชียว..ชิ”หล่อนบ่นพึมพำ ในขณะกำลังยืนบ่น หนุ่มสาวที่กอดกันกลมจนแทบจะสิงกันอยู่นั้นก็หันมาเห็นเธอเข้าพอดิบพอดี เธอจึงเบือนหน้าหนีแล้วรีบหันหลังกลับ แล้วก้าวยาว ๆ เดินออกจากลานจอดรถ วันนี้ดวงซวยชะมัดสงสัยต้องกลับไปล้างตาเสียแล้วเมื่อกลับมาถึงบ้าน ป้าแมวบอกกับมาลารินทร์ว่าตอนนี้อาการนางวิมาลาดีขึ้นแล้ว ตอนนี้ป้าให้แม่เธอกินข้าว ทานยา และอาบน้ำนอนเรียบร้อย เธอกล่าวขอบคุณป้าแมวแล้วรีบขึ้นไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าตรงไปยังห้องนอนของแม่ทันทีเธอนั่งลงบนเก้าอี้ข้างเตียง เห็นนางวิมาลากำลังนอนหลับตาพริ้มสีหน้าดูซีดเซียวเล็กน้อย แต่ลมหายใจสม่ำเสมอดี วันพรุ่งนี้ถึงกำหนดหมอนัดตรวจ คืนนี้เธอจะนอนเฝ้ามารดาที่นี่ มือเรียวจับมือมารดามากุมไว้แนบแก้ม หวนนึกถึงวันที่ย
@ห้องทำงานเซดริกเสียงเคาะประตูดังขึ้นที่หน้าห้องและถูกเปิดออกแทบจะทันที ร่างระหงของเจซี่ในชุดเดรสผ้าซาตินสายเดี่ยวสั้นเหนือเข่ากำลังเดินเยื้องย่างเข้ามาในห้องทำงานของประธานหนุ่มอย่างมีจริต หล่อนถือวิสาสะนั่งลงบนตักแกร่งเจ้าของนัยน์ตาสีฟ้าหม่น สองมือโอบรอบคอหนาของบุรุษเพศตรงหน้าแล้วบรรจงกดจูบเบาๆ ตรงคางเขียวครึ้มของชายหนุ่ม“เซดริกขา งานยุ่งมากเลยเหรอคะ ตั้งแต่งานเปิดโรงแรมใหม่วันนั้นคุณก็หายไปเลย เจซี่คิดถึ้งงง คิดถึงงงงง”หล่อนพูดพลางใช้มือลูบไปที่อกแกร่ง ไล้ข้อนิ้วลงไประหว่างร่องรังดุมใช้ปลายนิ้วเรียวสะกิดไปที่ยอดอกของชายหนุ่มจนมันแข็งเป็นไต พลางส่งแววตาหวานหยดย้อยไปให้เจ้าของดวงตาสีฟ้าหม่นเซดริกกัดฟันกรอด พยายามสะกดอารมณ์ไม่ให้ถูกชักจูงไปตามความต้องการของเจซี่ เขามักจะหลีกเลี่ยงการมีเซ็กซ์ในที่ทำงานเพราะไม่ชอบความเร่งรีบ และไม่อยากให้ใครมาขัดจังหวะเวลาที่เขาทำรัก แต่เจอนางแบบสาวยั่วเย้าเชิญชวนถึงขนาดนี้ใครมันจะไปทนไหว ยังงัยก็ต้องฉลองศรัทธากันให้สาสมใจสักหน่อย เขากอดเอวนางแบบสาวเอาไว้แล้วยกหูโทรศัพท์ต่อสายถึงเลขาหน้าห้องทันที“คุณเปมิกา ผมไม่รับสายใครและห้ามให้ใครเข้ามาหาจนกว่าผมจ
กว่าพายุสวาทจะพัดผ่านไปก็กินเวลาหลายชั่วโมง ขณะนี้เป็นเวลาดึกมากแล้วเซดริกหันไปมองนางแบบสาวที่ยังนอนเหยียดยาว หอบหายใจถี่อย่างกับเพิ่งไปออกรบมาก็ไม่ปาน“เจซี่ ลุกขึ้นเถอะ ผมจะกลับแล้ว” ร่างสูงที่แต่งตัวเรียบร้อยแล้วยืนอยู่ที่ข้างเตียง พูดกับเธอด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นไม่แสดงอารมณ์ความรู้สึกใดๆ“อื้ออออ.. เซดริกขา คืนนี้เราค้างกันที่นี่ไม่ได้เหรอ คุณจับเจซี่กินแล้วกินอีกตั้งหลายรอบแบบนี้ เจซี่ไม่ไหวนะคะ” เสียงนางแบบสาวทำเสียงออดอ้อน“คุณก็รู้ข้อตกลงของเราดีนะเจซี่ อย่าให้ผมต้องพูดซ้ำ” เจ้าของแววตาสีฟ้าหม่นกล่าวขึ้น พร้อมกับจ้องหน้านางแบบสาว แววตาของเขาดุดันจนทำให้เจซี่ถึงกับขนลุก“เอ่อ..กะ ก็ได้ค่ะ เจซี่ขอเวลาสักครู่นะคะ”นางแบบสาวลุกจากเตียงเดินเปลือยกายเข้าห้องน้ำแล้วจัดการตัวเองโดยด่วน เพราะหล่อนรู้ดีว่าเซดริกจะไม่ยอมนอนค้างกับหล่อนหรือให้หล่อนนอนค้างกับเขาอย่างเด็ดขาด ไม่ว่าจะเหตุผลใดก็ตาม มันเป็นเงื่อนไขของเขาตั้งแต่แรกที่เริ่มมีความสัมพันธ์กันและก็เป็นแบบนั้นมาโดยตลอด ไม่ว่าหล่อนจะพยายามใช้มารยาออดอ้อนแค่ไหนก็ไม่เคยสำเร็จ แม้กระทั่งการได้เข้ามาใช้ห้องนี้ หล่อนก็พยายามอยู่หลายครั้งและ
@ปุ๊กกี้โมเดลลิ่งมาลารินทร์เดินทางมาที่โมเดลลิ่งทันทีหลังจากได้อ่านไลน์ที่พี่ปุ๊กกี้ส่งมาบอกให้เข้ามาพบด่วน ร่างระหงในชุดเดรสสีเขียวสดใสก้าวเข้ามาแล้วเดินตรงไปยังห้องทำงานของรุ่นพี่ ด้วยความสงสัยใคร่รู้ว่ามีเรื่องด่วนอะไรเพราะเธอพยายามถามแล้วแต่พี่ปุ๊กกี้ไม่ยอมตอบ ได้แต่เน้นย้ำว่าให้เธอรีบมาพบด่วนเท่านั้นประตูห้องทำงานพี่ปุ๊กกี้ถูกเคาะ แล้วเปิดออกอย่างช้าๆ ก่อนที่มาลารินทร์จะเดินเข้าไปด้านใน“มาแล้วเหรอรินทร์ นั่งลงก่อนสิ” พี่ปุ๊กกี้เชื้อเชิญให้มาลารินทร์นั่งลงที่เก้าอี้ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับตนเอง“พี่ปุ๊กกี้มีงานอะไรด่วนหรือเปล่าคะ ถึงได้ตามรินทร์มา” เธอยิงคำถามที่ค้างคาในใจโดยไม่เยิ่นเย้อให้เสียเวลา“พี่มีเรื่องบางอย่างที่ต้องบอก รินทร์ยังจำคุณเซดริกได้ไหม คุณเซดริก มาร์ติน ประธานบริษัทมาร์ตินกรุ๊ป เจ้าของโรงแรม M ที่เราไปทำงานเมื่ออาทิตย์ก่อนน่ะ” ปุ๊กกี้ถามเด็กสาวที่นั่งทำตากลมโตอยู่ฝั่งตรงกันข้าม ใบหน้าเรียวงามพยักขึ้นลงน้อย ๆ เป็นการตอบรับ“จำได้ค่ะ มีอะไรหรือเปล่าคะพี่ปุ๊กกี้ หรือว่ารินทร์ไปทำอะไรผิดพลาดตรงไหนคะ”มาลารินทร์พาลนึกไปถึงเรื่องราวในวันนั้น หรือว่าจะเป็นเพราะเหตุการณ
@โรงแรม Mหลังจากปุ๊กกี้เดินทางมาถึงโรงแรม พนักงานต้อนรับได้เชิญให้เธอไปรอที่ห้องอาหาร VVIP ของทางโรงแรม บรรยากาศในห้องอาหารถูกตกแต่งอย่างดีและหรูหราสวยงาม หล่อนนั่งรอเพียงครู่เดียว นักธุรกิจหนุ่มก็เดินทางมาถึง เจ้าของนัยน์ตาสีฟ้าหม่นนั่งลงที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกับปุ๊กกี้“สวัสดีครับคุณปุ๊กกี้ ขอบคุณมากนะครับที่ให้เกียรติมาพบผม เดี๋ยวเราทานอาหารแล้วคุยกันไปดีกว่านะครับ”ชายหนุ่มยิ้มมุมปากมีด้วยท่าทางเป็นมิตร เขายกมือให้สัญญาณพนักงาน เพียงครู่เดียวอาหารก็ถูกนำมาเสริฟทันที บรรยากาศในการทานอาหารเป็นไปได้ด้วยดี มีการพูดคุยในเรื่องทั่วๆ และเรื่องส่วนตัวบ้างประปรายปุ๊กกี้ลอบมองชายหนุ่มตรงหน้า เขาเป็นชายหนุ่มรูปหล่อและดูดีมาก ดวงตาสีฟ้าหม่นน่าค้นหา แต่งกายภูมิฐาน น้ำเสียงทุ้มดูน่าฟัง ไม่แปลกใจเลยที่สาวๆ พากันเสนอตัวเข้าหากันเป็นทิวแถว หล่อครบเครื่องขนาดนี้แถมยังรวยติดอันดับหนึ่งในห้าของประเทศ ใครได้ไปเรียกว่าสบายทั้งชาติหลังจากรับประทานอาหารเสร็จเรียบร้อย ชายหนุ่มก็เริ่มพูดเข้าประเด็นตามที่ตั้งใจไว้ทันที“อันที่จริงวันนี้ ผมมีอีกเรื่องที่อยากจะรบกวนคุณปุ๊กกี้ด้วยครับ”“เชิญคุณเซดริกได้เลยค่ะ
หลังจากพูดคุยเรื่องการรักษาแม่กับคุณหมอแล้ว มาลารินทร์กับน้องชายก็ขอตัวกลับบ้านเพาะห้องไอซียูไม่อนุญาตให้อยู่เฝ้า แต่สามารถมาเยี่ยมได้ตามเวลาที่กำหนดเท่านั้น ระหว่างทางกลับบ้านมาลารินทร์นั่งเงียบมาตลอดทาง หล่อนกำลังใช้ความคิดอย่างหนักว่าจะทำอย่างไรเกี่ยวกับเรื่องค่าใช้จ่ายในการผ่าตัดของแม่ เงินมากถึงหนึ่งล้านบาท ที่สำคัญคือเธอจะหามันได้จากที่ไหนภายในระยะเวลาเร่งด่วนแบบนี้ปริณได้แต่ขับรถเงียบ ๆ ส่วนสายป่านก็ไม่ได้เอ่ยอะไรขึ้นมาอีกจนกระทั่งถึงบ้าน มาลารินทร์ออกมานั่งที่ซุ้มกระดังงาหน้าบ้าน ใบหน้าสวยซีดเซียว เรียวปากสีชมพูอ่อนขบเม้มเป็นเส้นตรง ดวงตากลมโตสีดำขลับมีแววหม่นหมองและสุดท้ายน้ำตาก็ไหลลงมาอาบแก้มจนเธอต้องยกมือขึ้นปาดมันลวก ๆ ก่อนที่สายป่านจะหย่อนกายลงนั่งข้าง ๆ แล้วกุมมือของมาลารินทร์มาบีบเบา ๆ“รินทร์ แกกำลังกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายในการผ่าตัดแม่อยู่ใช่ไหม ตอนนี้ฉันมีเงินเก็บอยู่ห้าหมื่น แกเอาไปรักษาแม่ก่อนนะ เดี๋ยวเราค่อยช่วยกันหาส่วนที่เหลือ” มาลารินทร์ส่ายหน้าแล้วหันไปมองเพื่อนด้วยความซาบซึ้งใจ“ขอบใจแกมากนะป่าน แต่ฉันรับเงินแกไว้ไม่ได้หรอก เงินนี่แกต้องใช้กินอยู่ ไหนจะค่าเทอมท
“รินทร์ เดี๋ยวก่อนแก รอฉันด้วย แฮ่กๆๆ” สายป่านวิ่งกระหืดกระหอบตามมาลารินทร์ออกมาจากห้องหรูของโรงแรม ปากก็ร้องตะโกนเรียกเพื่อนสาวจนอีกฝ่ายหยุดยืนรอเพื่อนสนิทหน้าลิฟท์และกดลิฟท์เพื่อจะลงไปยังชั้นล่างของโรงแรม“เกิดอะไรขึ้นวะแก ทำไมอยู่ถึงออกมาจากงานแบบนั้นล่ะแกมีปัญหาอะไรกับคุณเซดริกเหรอ” สายป่านละล่ำละลักถามทั้งที่ยังหายใจหอบเหนื่อย“เขาคิดว่าฉันขายตัว แถมยังบอกว่าที่ฉันปฏิเสธข้อเสนอของเขาเพราะจงใจโก่งราคาค่าตัว แกคิดดูเองก็แล้วกัน เขาพูดออกมาแบบนี้ได้ยังงัย งานเอ็นฯ ไม่จำเป็นจะต้องขายตัวสักหน่อย รูปร่างหน้าตาฐานะทางสังคมก็ดีไม่น่าเป็นคนที่มีความคิดน่ารังเกียจและดูถูกคนอื่นขนาดนี้เลย ถึงฉันจะอับจนหนทางถึงขนาดต้องขายตัวกิน ฉันก็จะไม่มีวันขายให้กับผู้ชายเฮงซวยแบบนั้นเด็ดขาด”มาลารินทร์ปากคอสั่นด้วยความโกรธ สายป่านถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วลูบหลังลูบไหล่เพื่อนเป็นการปลอบใจ ไม่ใช่เพื่อนเธอคนเดียวหรอกที่โดนดูถูกเพราะสายป่านก็เคยถูกลูกค้าหลายคนมองแบบนั้นเหมือนกัน หญิงสาวนึกสงสารมาลารินทร์จับใจ ส่วนตัวเธอเองก็เสียความรู้สึกมากเช่นเดียวกัน“ช่างมันเถอะเอาแก อย่าไปให้ค่ากับคำพูดพล่อย ๆ นั่นเลย เรากล
มาลารินทร์เดินทอดน่องอยู่บริเวณสวนหย่อมหน้าบ้านได้สักพักก็มานั่งเล่นอยู่ตรงโต๊ะม้าหินอ่อนใต้ซุ้มกระดังงาที่เลื้อยคลุมระแนงหลังคา ที่กำลังออกดอกสีเหลืองปลั่งส่งกลิ่นหอมฟุ้งกระจาย หญิงสาวรู้สึกว่ากลิ่นหอมของมันช่วยบำบัดความเครียดได้เป็นอย่างดีหญิงสาวนึกถึงคำพูดของสายป่านที่ชวนเธอให้ลองรับงานเอ็นเตอร์เทน หรือเป็นเด็กเอ็นฯ อย่างที่ใคร ๆ เขาเรียกกัน จริงอยู่ที่มันก็เป็นงานสุจริตแต่ด้วยอุปนิสัยของเธอดูจะไม่เหมาะกับงานนี้เหมือนกับสายป่านที่ทั้งคุยเก่ง ยิ้มแย้มแจ่มใส เฮอา และเฟรนลี่ ที่สำคัญอีกอย่างคือเรื่องการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ ปกติเธอเป็นคนไม่ดื่มถึงแม้จะเคยลองมาบ้างแต่เมาง่ายมากเรียกว่าคออ่อนแบบสุด ๆ อย่าว่าแต่ดื่มเลยบางทีแค่ได้กลิ่นก็แทบจะเมาแล้ว และแบบนี้เธอจะรับงานเอ็นเตอร์เทนได้อย่างไรแต่ก็นะ...ชีวิตคนเรามันไม่ได้มีทางให้เลือกมากนักหรอก โดยเฉพาะคนป่วยที่ต้องดูแลและนักศึกษามหาวิทยาลัยที่ต้องรอค่าเทอม และนั่นก็เป็นเหตุผลให้มาลารินทร์ตัดสินใจลองทำงานนี้ Line รินทร์ : ป่าน..เรื่องงานที่คุยกันเมื่อวาน ฉันตกลงจะลองทำดูนะฝากแกช่วยแนะนำด้วย สายป่าน : ได้เลยแ
@คลับหรูแห่งหนึ่งค่ำคืนนี้เซดริกกับแอลตันมีนัดสังสรรค์กันที่ผับหรูใจกลางเมือง หลังจากที่ไม่ได้มาดื่มด้วยกันนานพอสมควร เนื่องจากช่วงหลังมาร์ตินกรุ๊ป มีโครงการเปิดโรงแรมในเครือใหม่อีกแห่งหนึ่งที่พัทยา แอลตันในฐานะหุ้นส่วนใหญ่จึงต้องบินไปมาระหว่างกรุงเทพฯกับพัทยาเป็นว่าเล่น วันนี้สบโอกาสจึงนัดแฮงก์เอาท์กันตามประสาเพื่อนสนิท โดยแอลตันได้จองห้อง VVIP เอาไว้ เพราะรู้ดีว่าเซดริกไม่ค่อยชอบอยู่ร่วมกับคนเยอะ หลังจากเดินทางมาถึง การ์ดของผับก็เชิญเซดริกก็มายังห้อง VVIP แอลตันนั่งดื่มรอเขาอยู่ โดยมีสาวสวยหุ่นเซ็กซี่ขนาบข้างอีกสองคน ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติที่เจอแอลตันที่ไหนก็ต้องมีสาวข้างกายที่นั่น“มาแล้วเหรอมึง มาๆ นั่งๆ เดี๋ยวกูเรียกน้อง ๆ มานั่งเป็นเพื่อน” แอลตันบอกเพื่อนรักแล้วทำท่าจะเรียกสาวๆ ให้เซดริก แต่เจ้าตัวรีบปฏิเสธ“ไม่ล่ะ วันนี้กูไม่มีอารมณ์”“เฮ้ย!!! อะไรวะ หนุ่มหล่อร้อยแรงม้าอย่างมึงนี่นะไม่มีอารมณ์ เป็นอะไรของมึงวะโดนใครขัดใจมารึไง” แอลตันกล่าวหยอกเย้าเพื่อนรักเซดริกยกแก้วไวน์ขึ้นดื่มแล้วส่งกล่องของขวัญที่อยู่ในถุงกระดาษแบรนด์หรูให้แอลตัน เจ้าตัวรับมาด้วยความงุนงง เมื่
วันนี้มาลารินทร์มีงานเปิดตัวสินค้าใหม่ที่ห้างสรรพสินค้าใหญ่ใจกลางเมือง ร่างระหงอยู่ในชุดเดรสเกาะอกสีชมพูหวาน ตัวกระโปรงสั้นเหนือเข่าอวดเรียวขาสวย ผมหยักศกเป็นลอนใหญ่ถูกรวบขึ้นเป็นหางม้าใบหน้าจิ้มลิ้มถูกแต่งเติมด้วยเครื่องสำอางราคาแพง ปากกระจับถูกเคลือบด้วยลิปสติกสีเดียวกันกับชุด ไหล่มนและท่อนแขนเรียวถูกทาด้วยกลิตเตอร์เป็นประกายระยับเมื่อต้องกับแสงไฟผลิตภัณฑ์ตัวใหม่ที่จะเปิดตัวในวันนี้เป็นน้ำหอมของสุภาพบุรุษยี่ห้อดังที่นำเข้าจากฝรั่งเศส และจัดโปรโมชั่นลดราคาสูงสุดถึงห้าสิบเปอร์เซนต์ ทำให้มีลูกค้าและผู้ที่สนใจแวะเข้ามาชมกันเป็นอย่างมาก ลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นสุภาพบุรุษมากกว่าสุภาพสตรี จึงทำให้บริเวณบูธมีแต่ลูกค้าผู้ชายเนืองแน่น โดยไม่รู้ว่าหนุ่ม ๆ ทั้งหลายที่เข้ามาจะมาด้วยความสนใจในสินค้าหรือสนใจพริตตี้ที่เสนอผลิตภัณฑ์นี้ก็ไม่อาจทราบได้หลังจากมาลารินทร์ได้แนะนำความพิเศษของสินค้าและให้ลูกค้าได้ลองเทสกลิ่นน้ำหอม จนลูกค้าตัดสินใจเลือกซื้อกลิ่นที่ถูกใจแล้ว มาลารินทร์ก็เดินนำลูกค้าท่านนั้นไปที่เคาท์เตอร์บูธเพื่อชำระเงิน หลังจากบริการลูกค้าเรียบร้อยแล้ว จึงหันหลังกลับเพื่อเดินไปยังบูธอีกครั้งแต
@โรงแรม Mหลังจากปุ๊กกี้เดินทางมาถึงโรงแรม พนักงานต้อนรับได้เชิญให้เธอไปรอที่ห้องอาหาร VVIP ของทางโรงแรม บรรยากาศในห้องอาหารถูกตกแต่งอย่างดีและหรูหราสวยงาม หล่อนนั่งรอเพียงครู่เดียว นักธุรกิจหนุ่มก็เดินทางมาถึง เจ้าของนัยน์ตาสีฟ้าหม่นนั่งลงที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกับปุ๊กกี้“สวัสดีครับคุณปุ๊กกี้ ขอบคุณมากนะครับที่ให้เกียรติมาพบผม เดี๋ยวเราทานอาหารแล้วคุยกันไปดีกว่านะครับ”ชายหนุ่มยิ้มมุมปากมีด้วยท่าทางเป็นมิตร เขายกมือให้สัญญาณพนักงาน เพียงครู่เดียวอาหารก็ถูกนำมาเสริฟทันที บรรยากาศในการทานอาหารเป็นไปได้ด้วยดี มีการพูดคุยในเรื่องทั่วๆ และเรื่องส่วนตัวบ้างประปรายปุ๊กกี้ลอบมองชายหนุ่มตรงหน้า เขาเป็นชายหนุ่มรูปหล่อและดูดีมาก ดวงตาสีฟ้าหม่นน่าค้นหา แต่งกายภูมิฐาน น้ำเสียงทุ้มดูน่าฟัง ไม่แปลกใจเลยที่สาวๆ พากันเสนอตัวเข้าหากันเป็นทิวแถว หล่อครบเครื่องขนาดนี้แถมยังรวยติดอันดับหนึ่งในห้าของประเทศ ใครได้ไปเรียกว่าสบายทั้งชาติหลังจากรับประทานอาหารเสร็จเรียบร้อย ชายหนุ่มก็เริ่มพูดเข้าประเด็นตามที่ตั้งใจไว้ทันที“อันที่จริงวันนี้ ผมมีอีกเรื่องที่อยากจะรบกวนคุณปุ๊กกี้ด้วยครับ”“เชิญคุณเซดริกได้เลยค่ะ
@ปุ๊กกี้โมเดลลิ่งมาลารินทร์เดินทางมาที่โมเดลลิ่งทันทีหลังจากได้อ่านไลน์ที่พี่ปุ๊กกี้ส่งมาบอกให้เข้ามาพบด่วน ร่างระหงในชุดเดรสสีเขียวสดใสก้าวเข้ามาแล้วเดินตรงไปยังห้องทำงานของรุ่นพี่ ด้วยความสงสัยใคร่รู้ว่ามีเรื่องด่วนอะไรเพราะเธอพยายามถามแล้วแต่พี่ปุ๊กกี้ไม่ยอมตอบ ได้แต่เน้นย้ำว่าให้เธอรีบมาพบด่วนเท่านั้นประตูห้องทำงานพี่ปุ๊กกี้ถูกเคาะ แล้วเปิดออกอย่างช้าๆ ก่อนที่มาลารินทร์จะเดินเข้าไปด้านใน“มาแล้วเหรอรินทร์ นั่งลงก่อนสิ” พี่ปุ๊กกี้เชื้อเชิญให้มาลารินทร์นั่งลงที่เก้าอี้ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับตนเอง“พี่ปุ๊กกี้มีงานอะไรด่วนหรือเปล่าคะ ถึงได้ตามรินทร์มา” เธอยิงคำถามที่ค้างคาในใจโดยไม่เยิ่นเย้อให้เสียเวลา“พี่มีเรื่องบางอย่างที่ต้องบอก รินทร์ยังจำคุณเซดริกได้ไหม คุณเซดริก มาร์ติน ประธานบริษัทมาร์ตินกรุ๊ป เจ้าของโรงแรม M ที่เราไปทำงานเมื่ออาทิตย์ก่อนน่ะ” ปุ๊กกี้ถามเด็กสาวที่นั่งทำตากลมโตอยู่ฝั่งตรงกันข้าม ใบหน้าเรียวงามพยักขึ้นลงน้อย ๆ เป็นการตอบรับ“จำได้ค่ะ มีอะไรหรือเปล่าคะพี่ปุ๊กกี้ หรือว่ารินทร์ไปทำอะไรผิดพลาดตรงไหนคะ”มาลารินทร์พาลนึกไปถึงเรื่องราวในวันนั้น หรือว่าจะเป็นเพราะเหตุการณ
กว่าพายุสวาทจะพัดผ่านไปก็กินเวลาหลายชั่วโมง ขณะนี้เป็นเวลาดึกมากแล้วเซดริกหันไปมองนางแบบสาวที่ยังนอนเหยียดยาว หอบหายใจถี่อย่างกับเพิ่งไปออกรบมาก็ไม่ปาน“เจซี่ ลุกขึ้นเถอะ ผมจะกลับแล้ว” ร่างสูงที่แต่งตัวเรียบร้อยแล้วยืนอยู่ที่ข้างเตียง พูดกับเธอด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นไม่แสดงอารมณ์ความรู้สึกใดๆ“อื้ออออ.. เซดริกขา คืนนี้เราค้างกันที่นี่ไม่ได้เหรอ คุณจับเจซี่กินแล้วกินอีกตั้งหลายรอบแบบนี้ เจซี่ไม่ไหวนะคะ” เสียงนางแบบสาวทำเสียงออดอ้อน“คุณก็รู้ข้อตกลงของเราดีนะเจซี่ อย่าให้ผมต้องพูดซ้ำ” เจ้าของแววตาสีฟ้าหม่นกล่าวขึ้น พร้อมกับจ้องหน้านางแบบสาว แววตาของเขาดุดันจนทำให้เจซี่ถึงกับขนลุก“เอ่อ..กะ ก็ได้ค่ะ เจซี่ขอเวลาสักครู่นะคะ”นางแบบสาวลุกจากเตียงเดินเปลือยกายเข้าห้องน้ำแล้วจัดการตัวเองโดยด่วน เพราะหล่อนรู้ดีว่าเซดริกจะไม่ยอมนอนค้างกับหล่อนหรือให้หล่อนนอนค้างกับเขาอย่างเด็ดขาด ไม่ว่าจะเหตุผลใดก็ตาม มันเป็นเงื่อนไขของเขาตั้งแต่แรกที่เริ่มมีความสัมพันธ์กันและก็เป็นแบบนั้นมาโดยตลอด ไม่ว่าหล่อนจะพยายามใช้มารยาออดอ้อนแค่ไหนก็ไม่เคยสำเร็จ แม้กระทั่งการได้เข้ามาใช้ห้องนี้ หล่อนก็พยายามอยู่หลายครั้งและ
@ห้องทำงานเซดริกเสียงเคาะประตูดังขึ้นที่หน้าห้องและถูกเปิดออกแทบจะทันที ร่างระหงของเจซี่ในชุดเดรสผ้าซาตินสายเดี่ยวสั้นเหนือเข่ากำลังเดินเยื้องย่างเข้ามาในห้องทำงานของประธานหนุ่มอย่างมีจริต หล่อนถือวิสาสะนั่งลงบนตักแกร่งเจ้าของนัยน์ตาสีฟ้าหม่น สองมือโอบรอบคอหนาของบุรุษเพศตรงหน้าแล้วบรรจงกดจูบเบาๆ ตรงคางเขียวครึ้มของชายหนุ่ม“เซดริกขา งานยุ่งมากเลยเหรอคะ ตั้งแต่งานเปิดโรงแรมใหม่วันนั้นคุณก็หายไปเลย เจซี่คิดถึ้งงง คิดถึงงงงง”หล่อนพูดพลางใช้มือลูบไปที่อกแกร่ง ไล้ข้อนิ้วลงไประหว่างร่องรังดุมใช้ปลายนิ้วเรียวสะกิดไปที่ยอดอกของชายหนุ่มจนมันแข็งเป็นไต พลางส่งแววตาหวานหยดย้อยไปให้เจ้าของดวงตาสีฟ้าหม่นเซดริกกัดฟันกรอด พยายามสะกดอารมณ์ไม่ให้ถูกชักจูงไปตามความต้องการของเจซี่ เขามักจะหลีกเลี่ยงการมีเซ็กซ์ในที่ทำงานเพราะไม่ชอบความเร่งรีบ และไม่อยากให้ใครมาขัดจังหวะเวลาที่เขาทำรัก แต่เจอนางแบบสาวยั่วเย้าเชิญชวนถึงขนาดนี้ใครมันจะไปทนไหว ยังงัยก็ต้องฉลองศรัทธากันให้สาสมใจสักหน่อย เขากอดเอวนางแบบสาวเอาไว้แล้วยกหูโทรศัพท์ต่อสายถึงเลขาหน้าห้องทันที“คุณเปมิกา ผมไม่รับสายใครและห้ามให้ใครเข้ามาหาจนกว่าผมจ