@โรงแรม M
เช้าวันอาทิตย์ วันงานเปิดโรงแรม
วันนี้มาลารินทร์มีหน้าที่ต้อนรับแขกในโซน VIP และ VVIP
ส่วนสายป่านรับหน้าที่เอ็นเตอร์เทนในงานแต๊งกิ้วปาร์ตี้ของทีมผู้บริหารในเครือมาร์ตินกรุ๊ป ซี่งงานจะเริ่มขึ้นในช่วงเย็น หลังจากแต่งตัวเรียบร้อยเธอก็มายืนประจำที่ตรงหน้างานเพื่อรอต้อนรับแขกผู้มีเกียรติของโรงแรมบรรยากาศภายในงานคลาคล่ำไปด้วยผู้คนมากมายหลายสายอาชีพที่เริ่มทยอยเข้ามาในงาน แต่ละคนแต่งตัวสวยสง่าและหรูหรา วันนี้มาลารินทร์เองก็สวยมากเช่นกัน เธออยู่ในชุดราตรีเกาะอกรัดรูปสีโอลด์โรส ช่วงอกปักเลื่อมระยิบระยับสวยงาม ขับผิวขาวเนียนละเอียดให้โดดเด่นน่ามอง ตัวกระโปรงยาวถึงข้อเท้า แต่ผ่าสูงขึ้นมาจนถึงหน้าขา เวลาย่างก้าวทำให้เห็นเรียวขาและปลีน่องขาวเนียนได้อย่างชัดเจน
ใบหน้างามถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางราคาแพง กลุ่มผมดกดำยาวสลวยหยักศกเป็นลอนถูกรวบหลวม ๆ ไว้ที่ด้านข้างศีรษะ และติดประดับด้วยดอกคัทลียาสีขาวบริสุทธิ์ เรียวปากกระจับเคลือบด้วยลิปสติกสีเดียวกับชุดราตรี ในงานวันนี้ เธอเห็นเหล่าดารานางแบบที่มีชื่อเสียงมาร่วมงานมากมายหลายคน ยอมรับว่าไม่เคยมีโอกาสเข้ามาในสถานที่หรูหราขนาดนี้มาก่อน
“เซดริกคะ รอเจซี่ด้วยค่ะ”
เสียงสูงแหลมของใครหนึ่งดังขึ้น ที่หมายถึงว่าดังจริง ๆ ทั้งที่เจ้าของเสียงอยู่ห่างจากเธอมากโข แต่แก้วหูมาลารินทร์แทบจะแตก ความเป็นจริงเธอไม่จำเป็นจะต้องสนใจอะไรมากนักถ้าเจ้าของชื่อที่ถูกเรียกไม่ใช่คนที่เธอกับเพื่อนสาวเม้าท์ถึงกันอย่างออกรสเมื่ออาทิตย์ก่อน เธอจึงหันหน้ามองไปตามเสียงเรียกแทบจะทันที
ภาพที่เห็นตรงหน้าคือชายหนุ่มรูปหล่อคนหนึ่ง ความสูงที่คะเนด้วยสายตาน่าจะราว ๆ 190 ซม. เขาอยู่ในชุดสูทสากลสีน้ำเงินเข้ม ดูเท่ห์และเนี๊ยบมาก ทรงผมสีน้ำตาลถูกเซทอย่างดี คิ้วดกหนา แพขนตายาวงอนจนผู้หญิงบางคนยังต้องอาย ดวงตาสีฟ้าหม่นดูมีเสน่ห์น่าค้นหา ทุกจังหวะการย่างก้าวดูมั่นคง
เธอมองดูเขาอย่างลืมตัว ไม่รู้ว่ามองนานแค่ไหนแต่ที่เห็นคือเขาหยุดการเคลื่อนไหวนานแล้ว และกำลังมองสบตากับเธออยู่ ริมฝีปากหนายกยิ้มที่มุมปาก สายตาคมของชายหนุ่มมองไปที่ดวงตาดำกลมโตและปากกระจับสีสวยที่เผยอค้างอยู่น้อย ๆ ด้วยความถูกใจ
“สวย ..สวยจริง ๆ”
เจ้าของนัยน์ตาสีฟ้าหม่นพูดออกมา แต่คล้ายว่าเด็กสาวยังไม่หลุดจากภวังค์จึงไม่ได้ยินถ้อยคำใดๆ ที่เจ้าของร่างสูงเอ่ยออกมา จนกระทั่งเสียงแหลมเล็กของหญิงสาวนามว่าเจซี่เรียกชื่อเขาอีกครั้งนั่นแหละ มาลารินทร์ถึงได้รู้สึกตัว
“สะ..สวัสดีค่ะ ยินดีต้อนรับเข้าสู่อาณาจักรของมาร์ตินกรุ๊ปค่ะ” เธอกล่าวตามสคริปอย่างตะกุกตะกักนิดหน่อย ด้วยมีความรู้สึกตื่นเต้นมากทั้งที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
“โอ้ยยยยย ... แกเป็นอะไรไปวะเนี่ยยัยรินทร์ .. สติ สติ”
เธอบอกตัวเองในใจ พยายามสูดลมหายใจเข้าปอดลึก ๆ แล้วค่อย ๆ ผ่อนออกมาเพื่อลดอาการตื่นเต้น จากนั้นจึงหยิบคอสาร์ทจัดด้วยดอกคัทลียาคละสีที่ถูกวางอยู่บนพานแก้ว เธอเลือกหยิบช่อดอกคัทลียาสีม่วงขึ้นมา แล้วเอื้อมมือเรียวงามเพื่อจะติดไปที่อกเสื้อของเจ้าของนัยน์ตาสีฟ้าหม่นนั้น แต่ต้องสะดุ้งสุดตัวเมื่อร่างสูงเอื้อมมือหนามาสัมผัสที่มือเรียวบางของเธอพร้อมกับใช้หัวแม่มือลูบวนเบา ๆ พลางกล่าวกับเธอด้วยน้ำเสียงทุ้มกังวานดูน่าฟัง
“ผมขอเป็นดอกสีขาวได้ไหม ให้เหมือนกับดอกคัทลียาที่ประดับอยู่บนผมของคุณ”
มาลารินทร์กระพริบตาถี่ ๆ ด้วยอาการตกตะลึงเล็กน้อย แต่เพียงครู่เดียวเธอก็ตั้งสติได้ รีบหยิบคอสาร์ทดอกคัทลียาสีขาว แล้วติดไปที่หน้าอกเสื้อสูทสีน้ำเงินเข้มนั้นอย่างระมัดระวัง โดยมีสายตาสีฟ้าหม่น มองสำรวจไปทั่วดวงหน้าและเรือนร่างสวยนั้นแบบไม่ละสายตา
เหตุการณ์ทุกอย่างที่เกิดขึ้นปรากฏแก่สายตาของเจซี่ นางแบบสาวซึ่งเป็นคู่ควงของชายหนุ่มในงานวันนี้ หล่อนชักสีหน้าไม่พอใจใส่มาลารินทร์ทันที และมองเธอแทบจะกินเลือดกินเนื้อ หล่อนรีบเอื้อมมือมาเพื่อคล้องแขนเซดริกคล้ายจะแสดงความเป็นเจ้าของ แล้วรีบเดินตามชายหนุ่มเข้าไปในงานทันที
“เห้อออออ ... ” มาลารินทร์ถอนหายใจโล่งอกทันทีที่สองคนนั้นเดินเข้าไปในงาน บอกกับตัวเองว่าอาการที่เกิดขึ้นกับเธอเมื่อครู่ น่าจะเป็นเพราะตื่นเต้นกับงานและสถานที่ที่มันใหญ่โตหรูหรามากก็แค่นั้น
แล้วเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้ล่ะ เขาทำแบบนั้นไปเพื่ออะไร มาลารินทร์ครุ่นคิดแล้วเอื้อมไปแตะมืออีกข้าง ในตำแหน่งที่เซดริกสัมผัสเมื่อครู่แล้วลูบไปมาเบา ๆ
งานเสร็จสิ้นลงในเวลา 14.00 น. พนักงาน และแขกเหรื่อเริ่มทยอยกลับกันจวนจะหมดแล้ว คงเหลือแต่เฉพาะผู้บริหารในเครือ บรรดาญาติสนิท และแขกพิเศษคนสำคัญที่มาร์ตินกรุ๊ปได้เชิญไว้เพื่อร่วมงานแต๊งกิ้วปาร์ตี้ต่อในช่วงเย็นเท่านั้น ที่ยังคงอยู่ โดยมีเจ้าหน้าที่ทางโรงแรม ทยอยเชิญขึ้นไปที่ห้องรับรองส่วนตัวเพื่อพักผ่อน เตรียมตัวร่วมงานต่อในช่วงค่ำ
มาลารินทร์ก็กำลังจะกลับเช่นกัน ร่างบางเดินไปที่ห้องแต่งตัวที่ถูกจัดไว้ให้เพื่อจะเปลี่ยนชุด แต่ในขณะที่เธอกำลังจะไปเสียงโทรศัพท์สมาร์ทโฟนก็ดังขึ้น เธอจึงหยิบขึ้นมาดู เมื่อเห็นเป็นชื่อของปริณนิ้วเรียวรีบกดรับสายทันที
“ว่าไงปริณ” เธอทักน้องชาย
(พี่รินทร์อยู่ไหนเลิกงานรึยัง ป้าแมวโทรหาผมบอกว่าแม่บ่นเหนื่อย และเจ็บหน้าอกเพิ่งวางสายไปผมก็รีบโทรหาพี่นี่แหละ ตอนนี้ผมยังอยู่ที่โรงเรียนรอพรีเซนต์งานกลุ่ม กลับไปไม่ได้แน่เลยพี่) ปริณพูดด้วยน้ำเสียงร้อนรน หลังจากได้รับสายป้าแมวคนที่รินทร์จ้างไว้ช่วยดูแลแม่ตอนที่เธอและปริณไม่อยู่
“เออๆ ไม่เป็นไร พี่เลิกงานแล้วกำลังจะกลับพอดี ปริณไปเรียนเถอะ ไม่ต้องห่วงแม่นะ”
มาลารินทร์วางสายรีบหยิบกระเป๋าออกไปทันที โดยไม่ได้เปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างที่ตั้งใจไว้ตอนแรก เพราะเธอเป็นห่วงแม่มาก ถึงชุดจะวาบหวิวไปสักหน่อย แต่ตอนนี้เพิ่งจะบ่ายสองโมง นั่งแท็กซี่กลับก็ไม่น่าจะอันตรายอะไรเดี๋ยวค่อยไปเอาเสื้อคลุมในกระเป๋าออกมาใส่ทับอีกทีตอนรอแท๊กซี่แล้วกัน
“ติ๊ง...”
เมื่อปุ่มบอกชั้นลิฟท์แสดง ชั้น G และทันทีที่ประตูเปิดออก มาลารินทร์ก็รีบเดินเพื่อออกจากโรงแรม เธอเลือกลงชั้น G เพราะคนจะน้อยกว่าทางออกประตูหน้าโรงแรม แต่ด้วยกระโปรงที่รัดรูปและแคบ แถมยังผ่าสูงและรองเท้าที่ใส่ส้นก็สูงมาก เธอจึงค่อย ๆ เดินเพราะกลัวว่าจะเสียหลักล้มไป ระหว่างนั้น เหมือนหูจะแว่วได้ยินเสียงคุยกันเบา ๆ คล้าย ๆ หัวร่อต่อกระซิก หรือพลอดรักกันของชายหญิง
“อะไรกันเนี่ย มาพลอดรักอะไรกันตรงนี้ แล้วฉันจะกล้าเดินผ่านมั้ยห๊ะ เผื่อเดินไปแล้วเจอฉากเลิฟซีนขึ้นมา จะทำยังงัย ปั๊ดโธ่ว คนยิ่งรีบ ๆ อยู่” เธอถอนใจมองบนอย่างเซ็ง ๆ ตัดสินใจหันหลังกลับไปอีกทางเพื่อจะเดินออกไป แต่ทว่า.....
“อื้มมมม อาห์... เซดริกคะ ทำไมวันนี้คุณดูร้อนแรงกับเจซี่จังเลยคะเนี่ย หืมม” เสียงครางอย่างเสียวซ่านดังขึ้นมาเบา ๆ พร้อมกับเสียงจุ๊บๆ จ๊วบๆ ดังมาเป็นระยะ เสียงชัดเจนขนาดนี้คือคิดเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้เลยจริง ๆ
“แต่ .. ดะ..เดี๋ยวนะ เซดริก??? ... เจซี่??? ”เธอรำพันกับตัวเอง ไวเท่าความคิด มาลารินทร์หันกลับมาในทิศทางเดิม และเดินไปยังต้นเสียงนั้นทันที ภาพที่เธอเห็นนั้นคมชัดระดับ 4K
ร่างของเจซี่ในชุดราตรีสีแดงเพลิงที่แขนและอกเสื้อเลื่อนลงมาจนเกือบจะถึงเอว หล่อนยืนพิงราบไปกับรถสปอร์ตสีน้ำเงินเข้ม โดยมีชายหนุ่มร่างสูงโน้มตัวลงมาทาบทับอยู่ด้านบน ริมฝีปากของทั้งคู่ประกบจูบกันอย่างดูดดื่ม ส่วนมือหนากำลังคลึงเคล้นไปที่สองเต้างามของนางแบบสาวที่ไม่ได้สวมบรา มีเพียงสติ๊กเกอร์สีชมพูปิดจุกไว้เท่านั้น
หลังจากมาลารินทร์ได้เห็นภาพคมชัดระดับ 4K เต็มสองตาก็ได้แต่ยืนตกตะลึง ไม่อยากเชื่อสายตาตัวเองว่าจะเห็นเจ้าของโรงแรมของที่นี่จะกล้ามาพลอดรักกับผู้หญิงทั้งที่อยู่ในลานจอดรถโดยไม่กลัวว่าจะมีใครมาเห็น ไม่อยากเชื่อว่าผู้ชายหล่อเนี๊ยบ ดูดีทุกกระเบียดนิ้วที่เธอเห็นในงาน จะเป็นคนหื่นกามแบบนี้“อะไรจะหิวโหยถึงขนาดต้องมากินกันตรงนี้เนี่ย น่าไม่อายจริง ๆ เชียว..ชิ”หล่อนบ่นพึมพำ ในขณะกำลังยืนบ่น หนุ่มสาวที่กอดกันกลมจนแทบจะสิงกันอยู่นั้นก็หันมาเห็นเธอเข้าพอดิบพอดี เธอจึงเบือนหน้าหนีแล้วรีบหันหลังกลับ แล้วก้าวยาว ๆ เดินออกจากลานจอดรถ วันนี้ดวงซวยชะมัดสงสัยต้องกลับไปล้างตาเสียแล้วเมื่อกลับมาถึงบ้าน ป้าแมวบอกกับมาลารินทร์ว่าตอนนี้อาการนางวิมาลาดีขึ้นแล้ว ตอนนี้ป้าให้แม่เธอกินข้าว ทานยา และอาบน้ำนอนเรียบร้อย เธอกล่าวขอบคุณป้าแมวแล้วรีบขึ้นไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าตรงไปยังห้องนอนของแม่ทันทีเธอนั่งลงบนเก้าอี้ข้างเตียง เห็นนางวิมาลากำลังนอนหลับตาพริ้มสีหน้าดูซีดเซียวเล็กน้อย แต่ลมหายใจสม่ำเสมอดี วันพรุ่งนี้ถึงกำหนดหมอนัดตรวจ คืนนี้เธอจะนอนเฝ้ามารดาที่นี่ มือเรียวจับมือมารดามากุมไว้แนบแก้ม หวนนึกถึงวันที่ย
@ห้องทำงานเซดริกเสียงเคาะประตูดังขึ้นที่หน้าห้องและถูกเปิดออกแทบจะทันที ร่างระหงของเจซี่ในชุดเดรสผ้าซาตินสายเดี่ยวสั้นเหนือเข่ากำลังเดินเยื้องย่างเข้ามาในห้องทำงานของประธานหนุ่มอย่างมีจริต หล่อนถือวิสาสะนั่งลงบนตักแกร่งเจ้าของนัยน์ตาสีฟ้าหม่น สองมือโอบรอบคอหนาของบุรุษเพศตรงหน้าแล้วบรรจงกดจูบเบาๆ ตรงคางเขียวครึ้มของชายหนุ่ม“เซดริกขา งานยุ่งมากเลยเหรอคะ ตั้งแต่งานเปิดโรงแรมใหม่วันนั้นคุณก็หายไปเลย เจซี่คิดถึ้งงง คิดถึงงงงง”หล่อนพูดพลางใช้มือลูบไปที่อกแกร่ง ไล้ข้อนิ้วลงไประหว่างร่องรังดุมใช้ปลายนิ้วเรียวสะกิดไปที่ยอดอกของชายหนุ่มจนมันแข็งเป็นไต พลางส่งแววตาหวานหยดย้อยไปให้เจ้าของดวงตาสีฟ้าหม่นเซดริกกัดฟันกรอด พยายามสะกดอารมณ์ไม่ให้ถูกชักจูงไปตามความต้องการของเจซี่ เขามักจะหลีกเลี่ยงการมีเซ็กซ์ในที่ทำงานเพราะไม่ชอบความเร่งรีบ และไม่อยากให้ใครมาขัดจังหวะเวลาที่เขาทำรัก แต่เจอนางแบบสาวยั่วเย้าเชิญชวนถึงขนาดนี้ใครมันจะไปทนไหว ยังงัยก็ต้องฉลองศรัทธากันให้สาสมใจสักหน่อย เขากอดเอวนางแบบสาวเอาไว้แล้วยกหูโทรศัพท์ต่อสายถึงเลขาหน้าห้องทันที“คุณเปมิกา ผมไม่รับสายใครและห้ามให้ใครเข้ามาหาจนกว่าผมจ
กว่าพายุสวาทจะพัดผ่านไปก็กินเวลาหลายชั่วโมง ขณะนี้เป็นเวลาดึกมากแล้วเซดริกหันไปมองนางแบบสาวที่ยังนอนเหยียดยาว หอบหายใจถี่อย่างกับเพิ่งไปออกรบมาก็ไม่ปาน“เจซี่ ลุกขึ้นเถอะ ผมจะกลับแล้ว” ร่างสูงที่แต่งตัวเรียบร้อยแล้วยืนอยู่ที่ข้างเตียง พูดกับเธอด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นไม่แสดงอารมณ์ความรู้สึกใดๆ“อื้ออออ.. เซดริกขา คืนนี้เราค้างกันที่นี่ไม่ได้เหรอ คุณจับเจซี่กินแล้วกินอีกตั้งหลายรอบแบบนี้ เจซี่ไม่ไหวนะคะ” เสียงนางแบบสาวทำเสียงออดอ้อน“คุณก็รู้ข้อตกลงของเราดีนะเจซี่ อย่าให้ผมต้องพูดซ้ำ” เจ้าของแววตาสีฟ้าหม่นกล่าวขึ้น พร้อมกับจ้องหน้านางแบบสาว แววตาของเขาดุดันจนทำให้เจซี่ถึงกับขนลุก“เอ่อ..กะ ก็ได้ค่ะ เจซี่ขอเวลาสักครู่นะคะ”นางแบบสาวลุกจากเตียงเดินเปลือยกายเข้าห้องน้ำแล้วจัดการตัวเองโดยด่วน เพราะหล่อนรู้ดีว่าเซดริกจะไม่ยอมนอนค้างกับหล่อนหรือให้หล่อนนอนค้างกับเขาอย่างเด็ดขาด ไม่ว่าจะเหตุผลใดก็ตาม มันเป็นเงื่อนไขของเขาตั้งแต่แรกที่เริ่มมีความสัมพันธ์กันและก็เป็นแบบนั้นมาโดยตลอด ไม่ว่าหล่อนจะพยายามใช้มารยาออดอ้อนแค่ไหนก็ไม่เคยสำเร็จ แม้กระทั่งการได้เข้ามาใช้ห้องนี้ หล่อนก็พยายามอยู่หลายครั้งและ
@ปุ๊กกี้โมเดลลิ่งมาลารินทร์เดินทางมาที่โมเดลลิ่งทันทีหลังจากได้อ่านไลน์ที่พี่ปุ๊กกี้ส่งมาบอกให้เข้ามาพบด่วน ร่างระหงในชุดเดรสสีเขียวสดใสก้าวเข้ามาแล้วเดินตรงไปยังห้องทำงานของรุ่นพี่ ด้วยความสงสัยใคร่รู้ว่ามีเรื่องด่วนอะไรเพราะเธอพยายามถามแล้วแต่พี่ปุ๊กกี้ไม่ยอมตอบ ได้แต่เน้นย้ำว่าให้เธอรีบมาพบด่วนเท่านั้นประตูห้องทำงานพี่ปุ๊กกี้ถูกเคาะ แล้วเปิดออกอย่างช้าๆ ก่อนที่มาลารินทร์จะเดินเข้าไปด้านใน“มาแล้วเหรอรินทร์ นั่งลงก่อนสิ” พี่ปุ๊กกี้เชื้อเชิญให้มาลารินทร์นั่งลงที่เก้าอี้ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับตนเอง“พี่ปุ๊กกี้มีงานอะไรด่วนหรือเปล่าคะ ถึงได้ตามรินทร์มา” เธอยิงคำถามที่ค้างคาในใจโดยไม่เยิ่นเย้อให้เสียเวลา“พี่มีเรื่องบางอย่างที่ต้องบอก รินทร์ยังจำคุณเซดริกได้ไหม คุณเซดริก มาร์ติน ประธานบริษัทมาร์ตินกรุ๊ป เจ้าของโรงแรม M ที่เราไปทำงานเมื่ออาทิตย์ก่อนน่ะ” ปุ๊กกี้ถามเด็กสาวที่นั่งทำตากลมโตอยู่ฝั่งตรงกันข้าม ใบหน้าเรียวงามพยักขึ้นลงน้อย ๆ เป็นการตอบรับ“จำได้ค่ะ มีอะไรหรือเปล่าคะพี่ปุ๊กกี้ หรือว่ารินทร์ไปทำอะไรผิดพลาดตรงไหนคะ”มาลารินทร์พาลนึกไปถึงเรื่องราวในวันนั้น หรือว่าจะเป็นเพราะเหตุการณ
@โรงแรม Mหลังจากปุ๊กกี้เดินทางมาถึงโรงแรม พนักงานต้อนรับได้เชิญให้เธอไปรอที่ห้องอาหาร VVIP ของทางโรงแรม บรรยากาศในห้องอาหารถูกตกแต่งอย่างดีและหรูหราสวยงาม หล่อนนั่งรอเพียงครู่เดียว นักธุรกิจหนุ่มก็เดินทางมาถึง เจ้าของนัยน์ตาสีฟ้าหม่นนั่งลงที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกับปุ๊กกี้“สวัสดีครับคุณปุ๊กกี้ ขอบคุณมากนะครับที่ให้เกียรติมาพบผม เดี๋ยวเราทานอาหารแล้วคุยกันไปดีกว่านะครับ”ชายหนุ่มยิ้มมุมปากมีด้วยท่าทางเป็นมิตร เขายกมือให้สัญญาณพนักงาน เพียงครู่เดียวอาหารก็ถูกนำมาเสริฟทันที บรรยากาศในการทานอาหารเป็นไปได้ด้วยดี มีการพูดคุยในเรื่องทั่วๆ และเรื่องส่วนตัวบ้างประปรายปุ๊กกี้ลอบมองชายหนุ่มตรงหน้า เขาเป็นชายหนุ่มรูปหล่อและดูดีมาก ดวงตาสีฟ้าหม่นน่าค้นหา แต่งกายภูมิฐาน น้ำเสียงทุ้มดูน่าฟัง ไม่แปลกใจเลยที่สาวๆ พากันเสนอตัวเข้าหากันเป็นทิวแถว หล่อครบเครื่องขนาดนี้แถมยังรวยติดอันดับหนึ่งในห้าของประเทศ ใครได้ไปเรียกว่าสบายทั้งชาติหลังจากรับประทานอาหารเสร็จเรียบร้อย ชายหนุ่มก็เริ่มพูดเข้าประเด็นตามที่ตั้งใจไว้ทันที“อันที่จริงวันนี้ ผมมีอีกเรื่องที่อยากจะรบกวนคุณปุ๊กกี้ด้วยครับ”“เชิญคุณเซดริกได้เลยค่ะ
วันนี้มาลารินทร์มีงานเปิดตัวสินค้าใหม่ที่ห้างสรรพสินค้าใหญ่ใจกลางเมือง ร่างระหงอยู่ในชุดเดรสเกาะอกสีชมพูหวาน ตัวกระโปรงสั้นเหนือเข่าอวดเรียวขาสวย ผมหยักศกเป็นลอนใหญ่ถูกรวบขึ้นเป็นหางม้าใบหน้าจิ้มลิ้มถูกแต่งเติมด้วยเครื่องสำอางราคาแพง ปากกระจับถูกเคลือบด้วยลิปสติกสีเดียวกันกับชุด ไหล่มนและท่อนแขนเรียวถูกทาด้วยกลิตเตอร์เป็นประกายระยับเมื่อต้องกับแสงไฟผลิตภัณฑ์ตัวใหม่ที่จะเปิดตัวในวันนี้เป็นน้ำหอมของสุภาพบุรุษยี่ห้อดังที่นำเข้าจากฝรั่งเศส และจัดโปรโมชั่นลดราคาสูงสุดถึงห้าสิบเปอร์เซนต์ ทำให้มีลูกค้าและผู้ที่สนใจแวะเข้ามาชมกันเป็นอย่างมาก ลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นสุภาพบุรุษมากกว่าสุภาพสตรี จึงทำให้บริเวณบูธมีแต่ลูกค้าผู้ชายเนืองแน่น โดยไม่รู้ว่าหนุ่ม ๆ ทั้งหลายที่เข้ามาจะมาด้วยความสนใจในสินค้าหรือสนใจพริตตี้ที่เสนอผลิตภัณฑ์นี้ก็ไม่อาจทราบได้หลังจากมาลารินทร์ได้แนะนำความพิเศษของสินค้าและให้ลูกค้าได้ลองเทสกลิ่นน้ำหอม จนลูกค้าตัดสินใจเลือกซื้อกลิ่นที่ถูกใจแล้ว มาลารินทร์ก็เดินนำลูกค้าท่านนั้นไปที่เคาท์เตอร์บูธเพื่อชำระเงิน หลังจากบริการลูกค้าเรียบร้อยแล้ว จึงหันหลังกลับเพื่อเดินไปยังบูธอีกครั้งแต
@คลับหรูแห่งหนึ่งค่ำคืนนี้เซดริกกับแอลตันมีนัดสังสรรค์กันที่ผับหรูใจกลางเมือง หลังจากที่ไม่ได้มาดื่มด้วยกันนานพอสมควร เนื่องจากช่วงหลังมาร์ตินกรุ๊ป มีโครงการเปิดโรงแรมในเครือใหม่อีกแห่งหนึ่งที่พัทยา แอลตันในฐานะหุ้นส่วนใหญ่จึงต้องบินไปมาระหว่างกรุงเทพฯกับพัทยาเป็นว่าเล่น วันนี้สบโอกาสจึงนัดแฮงก์เอาท์กันตามประสาเพื่อนสนิท โดยแอลตันได้จองห้อง VVIP เอาไว้ เพราะรู้ดีว่าเซดริกไม่ค่อยชอบอยู่ร่วมกับคนเยอะ หลังจากเดินทางมาถึง การ์ดของผับก็เชิญเซดริกก็มายังห้อง VVIP แอลตันนั่งดื่มรอเขาอยู่ โดยมีสาวสวยหุ่นเซ็กซี่ขนาบข้างอีกสองคน ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติที่เจอแอลตันที่ไหนก็ต้องมีสาวข้างกายที่นั่น“มาแล้วเหรอมึง มาๆ นั่งๆ เดี๋ยวกูเรียกน้อง ๆ มานั่งเป็นเพื่อน” แอลตันบอกเพื่อนรักแล้วทำท่าจะเรียกสาวๆ ให้เซดริก แต่เจ้าตัวรีบปฏิเสธ“ไม่ล่ะ วันนี้กูไม่มีอารมณ์”“เฮ้ย!!! อะไรวะ หนุ่มหล่อร้อยแรงม้าอย่างมึงนี่นะไม่มีอารมณ์ เป็นอะไรของมึงวะโดนใครขัดใจมารึไง” แอลตันกล่าวหยอกเย้าเพื่อนรักเซดริกยกแก้วไวน์ขึ้นดื่มแล้วส่งกล่องของขวัญที่อยู่ในถุงกระดาษแบรนด์หรูให้แอลตัน เจ้าตัวรับมาด้วยความงุนงง เมื่
มาลารินทร์เดินทอดน่องอยู่บริเวณสวนหย่อมหน้าบ้านได้สักพักก็มานั่งเล่นอยู่ตรงโต๊ะม้าหินอ่อนใต้ซุ้มกระดังงาที่เลื้อยคลุมระแนงหลังคา ที่กำลังออกดอกสีเหลืองปลั่งส่งกลิ่นหอมฟุ้งกระจาย หญิงสาวรู้สึกว่ากลิ่นหอมของมันช่วยบำบัดความเครียดได้เป็นอย่างดีหญิงสาวนึกถึงคำพูดของสายป่านที่ชวนเธอให้ลองรับงานเอ็นเตอร์เทน หรือเป็นเด็กเอ็นฯ อย่างที่ใคร ๆ เขาเรียกกัน จริงอยู่ที่มันก็เป็นงานสุจริตแต่ด้วยอุปนิสัยของเธอดูจะไม่เหมาะกับงานนี้เหมือนกับสายป่านที่ทั้งคุยเก่ง ยิ้มแย้มแจ่มใส เฮอา และเฟรนลี่ ที่สำคัญอีกอย่างคือเรื่องการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ ปกติเธอเป็นคนไม่ดื่มถึงแม้จะเคยลองมาบ้างแต่เมาง่ายมากเรียกว่าคออ่อนแบบสุด ๆ อย่าว่าแต่ดื่มเลยบางทีแค่ได้กลิ่นก็แทบจะเมาแล้ว และแบบนี้เธอจะรับงานเอ็นเตอร์เทนได้อย่างไรแต่ก็นะ...ชีวิตคนเรามันไม่ได้มีทางให้เลือกมากนักหรอก โดยเฉพาะคนป่วยที่ต้องดูแลและนักศึกษามหาวิทยาลัยที่ต้องรอค่าเทอม และนั่นก็เป็นเหตุผลให้มาลารินทร์ตัดสินใจลองทำงานนี้ Line รินทร์ : ป่าน..เรื่องงานที่คุยกันเมื่อวาน ฉันตกลงจะลองทำดูนะฝากแกช่วยแนะนำด้วย สายป่าน : ได้เลยแ
หลังจากพูดคุยเรื่องการรักษาแม่กับคุณหมอแล้ว มาลารินทร์กับน้องชายก็ขอตัวกลับบ้านเพาะห้องไอซียูไม่อนุญาตให้อยู่เฝ้า แต่สามารถมาเยี่ยมได้ตามเวลาที่กำหนดเท่านั้น ระหว่างทางกลับบ้านมาลารินทร์นั่งเงียบมาตลอดทาง หล่อนกำลังใช้ความคิดอย่างหนักว่าจะทำอย่างไรเกี่ยวกับเรื่องค่าใช้จ่ายในการผ่าตัดของแม่ เงินมากถึงหนึ่งล้านบาท ที่สำคัญคือเธอจะหามันได้จากที่ไหนภายในระยะเวลาเร่งด่วนแบบนี้ปริณได้แต่ขับรถเงียบ ๆ ส่วนสายป่านก็ไม่ได้เอ่ยอะไรขึ้นมาอีกจนกระทั่งถึงบ้าน มาลารินทร์ออกมานั่งที่ซุ้มกระดังงาหน้าบ้าน ใบหน้าสวยซีดเซียว เรียวปากสีชมพูอ่อนขบเม้มเป็นเส้นตรง ดวงตากลมโตสีดำขลับมีแววหม่นหมองและสุดท้ายน้ำตาก็ไหลลงมาอาบแก้มจนเธอต้องยกมือขึ้นปาดมันลวก ๆ ก่อนที่สายป่านจะหย่อนกายลงนั่งข้าง ๆ แล้วกุมมือของมาลารินทร์มาบีบเบา ๆ“รินทร์ แกกำลังกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายในการผ่าตัดแม่อยู่ใช่ไหม ตอนนี้ฉันมีเงินเก็บอยู่ห้าหมื่น แกเอาไปรักษาแม่ก่อนนะ เดี๋ยวเราค่อยช่วยกันหาส่วนที่เหลือ” มาลารินทร์ส่ายหน้าแล้วหันไปมองเพื่อนด้วยความซาบซึ้งใจ“ขอบใจแกมากนะป่าน แต่ฉันรับเงินแกไว้ไม่ได้หรอก เงินนี่แกต้องใช้กินอยู่ ไหนจะค่าเทอมท
“รินทร์ เดี๋ยวก่อนแก รอฉันด้วย แฮ่กๆๆ” สายป่านวิ่งกระหืดกระหอบตามมาลารินทร์ออกมาจากห้องหรูของโรงแรม ปากก็ร้องตะโกนเรียกเพื่อนสาวจนอีกฝ่ายหยุดยืนรอเพื่อนสนิทหน้าลิฟท์และกดลิฟท์เพื่อจะลงไปยังชั้นล่างของโรงแรม“เกิดอะไรขึ้นวะแก ทำไมอยู่ถึงออกมาจากงานแบบนั้นล่ะแกมีปัญหาอะไรกับคุณเซดริกเหรอ” สายป่านละล่ำละลักถามทั้งที่ยังหายใจหอบเหนื่อย“เขาคิดว่าฉันขายตัว แถมยังบอกว่าที่ฉันปฏิเสธข้อเสนอของเขาเพราะจงใจโก่งราคาค่าตัว แกคิดดูเองก็แล้วกัน เขาพูดออกมาแบบนี้ได้ยังงัย งานเอ็นฯ ไม่จำเป็นจะต้องขายตัวสักหน่อย รูปร่างหน้าตาฐานะทางสังคมก็ดีไม่น่าเป็นคนที่มีความคิดน่ารังเกียจและดูถูกคนอื่นขนาดนี้เลย ถึงฉันจะอับจนหนทางถึงขนาดต้องขายตัวกิน ฉันก็จะไม่มีวันขายให้กับผู้ชายเฮงซวยแบบนั้นเด็ดขาด”มาลารินทร์ปากคอสั่นด้วยความโกรธ สายป่านถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วลูบหลังลูบไหล่เพื่อนเป็นการปลอบใจ ไม่ใช่เพื่อนเธอคนเดียวหรอกที่โดนดูถูกเพราะสายป่านก็เคยถูกลูกค้าหลายคนมองแบบนั้นเหมือนกัน หญิงสาวนึกสงสารมาลารินทร์จับใจ ส่วนตัวเธอเองก็เสียความรู้สึกมากเช่นเดียวกัน“ช่างมันเถอะเอาแก อย่าไปให้ค่ากับคำพูดพล่อย ๆ นั่นเลย เรากล
มาลารินทร์เดินทอดน่องอยู่บริเวณสวนหย่อมหน้าบ้านได้สักพักก็มานั่งเล่นอยู่ตรงโต๊ะม้าหินอ่อนใต้ซุ้มกระดังงาที่เลื้อยคลุมระแนงหลังคา ที่กำลังออกดอกสีเหลืองปลั่งส่งกลิ่นหอมฟุ้งกระจาย หญิงสาวรู้สึกว่ากลิ่นหอมของมันช่วยบำบัดความเครียดได้เป็นอย่างดีหญิงสาวนึกถึงคำพูดของสายป่านที่ชวนเธอให้ลองรับงานเอ็นเตอร์เทน หรือเป็นเด็กเอ็นฯ อย่างที่ใคร ๆ เขาเรียกกัน จริงอยู่ที่มันก็เป็นงานสุจริตแต่ด้วยอุปนิสัยของเธอดูจะไม่เหมาะกับงานนี้เหมือนกับสายป่านที่ทั้งคุยเก่ง ยิ้มแย้มแจ่มใส เฮอา และเฟรนลี่ ที่สำคัญอีกอย่างคือเรื่องการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ ปกติเธอเป็นคนไม่ดื่มถึงแม้จะเคยลองมาบ้างแต่เมาง่ายมากเรียกว่าคออ่อนแบบสุด ๆ อย่าว่าแต่ดื่มเลยบางทีแค่ได้กลิ่นก็แทบจะเมาแล้ว และแบบนี้เธอจะรับงานเอ็นเตอร์เทนได้อย่างไรแต่ก็นะ...ชีวิตคนเรามันไม่ได้มีทางให้เลือกมากนักหรอก โดยเฉพาะคนป่วยที่ต้องดูแลและนักศึกษามหาวิทยาลัยที่ต้องรอค่าเทอม และนั่นก็เป็นเหตุผลให้มาลารินทร์ตัดสินใจลองทำงานนี้ Line รินทร์ : ป่าน..เรื่องงานที่คุยกันเมื่อวาน ฉันตกลงจะลองทำดูนะฝากแกช่วยแนะนำด้วย สายป่าน : ได้เลยแ
@คลับหรูแห่งหนึ่งค่ำคืนนี้เซดริกกับแอลตันมีนัดสังสรรค์กันที่ผับหรูใจกลางเมือง หลังจากที่ไม่ได้มาดื่มด้วยกันนานพอสมควร เนื่องจากช่วงหลังมาร์ตินกรุ๊ป มีโครงการเปิดโรงแรมในเครือใหม่อีกแห่งหนึ่งที่พัทยา แอลตันในฐานะหุ้นส่วนใหญ่จึงต้องบินไปมาระหว่างกรุงเทพฯกับพัทยาเป็นว่าเล่น วันนี้สบโอกาสจึงนัดแฮงก์เอาท์กันตามประสาเพื่อนสนิท โดยแอลตันได้จองห้อง VVIP เอาไว้ เพราะรู้ดีว่าเซดริกไม่ค่อยชอบอยู่ร่วมกับคนเยอะ หลังจากเดินทางมาถึง การ์ดของผับก็เชิญเซดริกก็มายังห้อง VVIP แอลตันนั่งดื่มรอเขาอยู่ โดยมีสาวสวยหุ่นเซ็กซี่ขนาบข้างอีกสองคน ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติที่เจอแอลตันที่ไหนก็ต้องมีสาวข้างกายที่นั่น“มาแล้วเหรอมึง มาๆ นั่งๆ เดี๋ยวกูเรียกน้อง ๆ มานั่งเป็นเพื่อน” แอลตันบอกเพื่อนรักแล้วทำท่าจะเรียกสาวๆ ให้เซดริก แต่เจ้าตัวรีบปฏิเสธ“ไม่ล่ะ วันนี้กูไม่มีอารมณ์”“เฮ้ย!!! อะไรวะ หนุ่มหล่อร้อยแรงม้าอย่างมึงนี่นะไม่มีอารมณ์ เป็นอะไรของมึงวะโดนใครขัดใจมารึไง” แอลตันกล่าวหยอกเย้าเพื่อนรักเซดริกยกแก้วไวน์ขึ้นดื่มแล้วส่งกล่องของขวัญที่อยู่ในถุงกระดาษแบรนด์หรูให้แอลตัน เจ้าตัวรับมาด้วยความงุนงง เมื่
วันนี้มาลารินทร์มีงานเปิดตัวสินค้าใหม่ที่ห้างสรรพสินค้าใหญ่ใจกลางเมือง ร่างระหงอยู่ในชุดเดรสเกาะอกสีชมพูหวาน ตัวกระโปรงสั้นเหนือเข่าอวดเรียวขาสวย ผมหยักศกเป็นลอนใหญ่ถูกรวบขึ้นเป็นหางม้าใบหน้าจิ้มลิ้มถูกแต่งเติมด้วยเครื่องสำอางราคาแพง ปากกระจับถูกเคลือบด้วยลิปสติกสีเดียวกันกับชุด ไหล่มนและท่อนแขนเรียวถูกทาด้วยกลิตเตอร์เป็นประกายระยับเมื่อต้องกับแสงไฟผลิตภัณฑ์ตัวใหม่ที่จะเปิดตัวในวันนี้เป็นน้ำหอมของสุภาพบุรุษยี่ห้อดังที่นำเข้าจากฝรั่งเศส และจัดโปรโมชั่นลดราคาสูงสุดถึงห้าสิบเปอร์เซนต์ ทำให้มีลูกค้าและผู้ที่สนใจแวะเข้ามาชมกันเป็นอย่างมาก ลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นสุภาพบุรุษมากกว่าสุภาพสตรี จึงทำให้บริเวณบูธมีแต่ลูกค้าผู้ชายเนืองแน่น โดยไม่รู้ว่าหนุ่ม ๆ ทั้งหลายที่เข้ามาจะมาด้วยความสนใจในสินค้าหรือสนใจพริตตี้ที่เสนอผลิตภัณฑ์นี้ก็ไม่อาจทราบได้หลังจากมาลารินทร์ได้แนะนำความพิเศษของสินค้าและให้ลูกค้าได้ลองเทสกลิ่นน้ำหอม จนลูกค้าตัดสินใจเลือกซื้อกลิ่นที่ถูกใจแล้ว มาลารินทร์ก็เดินนำลูกค้าท่านนั้นไปที่เคาท์เตอร์บูธเพื่อชำระเงิน หลังจากบริการลูกค้าเรียบร้อยแล้ว จึงหันหลังกลับเพื่อเดินไปยังบูธอีกครั้งแต
@โรงแรม Mหลังจากปุ๊กกี้เดินทางมาถึงโรงแรม พนักงานต้อนรับได้เชิญให้เธอไปรอที่ห้องอาหาร VVIP ของทางโรงแรม บรรยากาศในห้องอาหารถูกตกแต่งอย่างดีและหรูหราสวยงาม หล่อนนั่งรอเพียงครู่เดียว นักธุรกิจหนุ่มก็เดินทางมาถึง เจ้าของนัยน์ตาสีฟ้าหม่นนั่งลงที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกับปุ๊กกี้“สวัสดีครับคุณปุ๊กกี้ ขอบคุณมากนะครับที่ให้เกียรติมาพบผม เดี๋ยวเราทานอาหารแล้วคุยกันไปดีกว่านะครับ”ชายหนุ่มยิ้มมุมปากมีด้วยท่าทางเป็นมิตร เขายกมือให้สัญญาณพนักงาน เพียงครู่เดียวอาหารก็ถูกนำมาเสริฟทันที บรรยากาศในการทานอาหารเป็นไปได้ด้วยดี มีการพูดคุยในเรื่องทั่วๆ และเรื่องส่วนตัวบ้างประปรายปุ๊กกี้ลอบมองชายหนุ่มตรงหน้า เขาเป็นชายหนุ่มรูปหล่อและดูดีมาก ดวงตาสีฟ้าหม่นน่าค้นหา แต่งกายภูมิฐาน น้ำเสียงทุ้มดูน่าฟัง ไม่แปลกใจเลยที่สาวๆ พากันเสนอตัวเข้าหากันเป็นทิวแถว หล่อครบเครื่องขนาดนี้แถมยังรวยติดอันดับหนึ่งในห้าของประเทศ ใครได้ไปเรียกว่าสบายทั้งชาติหลังจากรับประทานอาหารเสร็จเรียบร้อย ชายหนุ่มก็เริ่มพูดเข้าประเด็นตามที่ตั้งใจไว้ทันที“อันที่จริงวันนี้ ผมมีอีกเรื่องที่อยากจะรบกวนคุณปุ๊กกี้ด้วยครับ”“เชิญคุณเซดริกได้เลยค่ะ
@ปุ๊กกี้โมเดลลิ่งมาลารินทร์เดินทางมาที่โมเดลลิ่งทันทีหลังจากได้อ่านไลน์ที่พี่ปุ๊กกี้ส่งมาบอกให้เข้ามาพบด่วน ร่างระหงในชุดเดรสสีเขียวสดใสก้าวเข้ามาแล้วเดินตรงไปยังห้องทำงานของรุ่นพี่ ด้วยความสงสัยใคร่รู้ว่ามีเรื่องด่วนอะไรเพราะเธอพยายามถามแล้วแต่พี่ปุ๊กกี้ไม่ยอมตอบ ได้แต่เน้นย้ำว่าให้เธอรีบมาพบด่วนเท่านั้นประตูห้องทำงานพี่ปุ๊กกี้ถูกเคาะ แล้วเปิดออกอย่างช้าๆ ก่อนที่มาลารินทร์จะเดินเข้าไปด้านใน“มาแล้วเหรอรินทร์ นั่งลงก่อนสิ” พี่ปุ๊กกี้เชื้อเชิญให้มาลารินทร์นั่งลงที่เก้าอี้ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับตนเอง“พี่ปุ๊กกี้มีงานอะไรด่วนหรือเปล่าคะ ถึงได้ตามรินทร์มา” เธอยิงคำถามที่ค้างคาในใจโดยไม่เยิ่นเย้อให้เสียเวลา“พี่มีเรื่องบางอย่างที่ต้องบอก รินทร์ยังจำคุณเซดริกได้ไหม คุณเซดริก มาร์ติน ประธานบริษัทมาร์ตินกรุ๊ป เจ้าของโรงแรม M ที่เราไปทำงานเมื่ออาทิตย์ก่อนน่ะ” ปุ๊กกี้ถามเด็กสาวที่นั่งทำตากลมโตอยู่ฝั่งตรงกันข้าม ใบหน้าเรียวงามพยักขึ้นลงน้อย ๆ เป็นการตอบรับ“จำได้ค่ะ มีอะไรหรือเปล่าคะพี่ปุ๊กกี้ หรือว่ารินทร์ไปทำอะไรผิดพลาดตรงไหนคะ”มาลารินทร์พาลนึกไปถึงเรื่องราวในวันนั้น หรือว่าจะเป็นเพราะเหตุการณ
กว่าพายุสวาทจะพัดผ่านไปก็กินเวลาหลายชั่วโมง ขณะนี้เป็นเวลาดึกมากแล้วเซดริกหันไปมองนางแบบสาวที่ยังนอนเหยียดยาว หอบหายใจถี่อย่างกับเพิ่งไปออกรบมาก็ไม่ปาน“เจซี่ ลุกขึ้นเถอะ ผมจะกลับแล้ว” ร่างสูงที่แต่งตัวเรียบร้อยแล้วยืนอยู่ที่ข้างเตียง พูดกับเธอด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นไม่แสดงอารมณ์ความรู้สึกใดๆ“อื้ออออ.. เซดริกขา คืนนี้เราค้างกันที่นี่ไม่ได้เหรอ คุณจับเจซี่กินแล้วกินอีกตั้งหลายรอบแบบนี้ เจซี่ไม่ไหวนะคะ” เสียงนางแบบสาวทำเสียงออดอ้อน“คุณก็รู้ข้อตกลงของเราดีนะเจซี่ อย่าให้ผมต้องพูดซ้ำ” เจ้าของแววตาสีฟ้าหม่นกล่าวขึ้น พร้อมกับจ้องหน้านางแบบสาว แววตาของเขาดุดันจนทำให้เจซี่ถึงกับขนลุก“เอ่อ..กะ ก็ได้ค่ะ เจซี่ขอเวลาสักครู่นะคะ”นางแบบสาวลุกจากเตียงเดินเปลือยกายเข้าห้องน้ำแล้วจัดการตัวเองโดยด่วน เพราะหล่อนรู้ดีว่าเซดริกจะไม่ยอมนอนค้างกับหล่อนหรือให้หล่อนนอนค้างกับเขาอย่างเด็ดขาด ไม่ว่าจะเหตุผลใดก็ตาม มันเป็นเงื่อนไขของเขาตั้งแต่แรกที่เริ่มมีความสัมพันธ์กันและก็เป็นแบบนั้นมาโดยตลอด ไม่ว่าหล่อนจะพยายามใช้มารยาออดอ้อนแค่ไหนก็ไม่เคยสำเร็จ แม้กระทั่งการได้เข้ามาใช้ห้องนี้ หล่อนก็พยายามอยู่หลายครั้งและ
@ห้องทำงานเซดริกเสียงเคาะประตูดังขึ้นที่หน้าห้องและถูกเปิดออกแทบจะทันที ร่างระหงของเจซี่ในชุดเดรสผ้าซาตินสายเดี่ยวสั้นเหนือเข่ากำลังเดินเยื้องย่างเข้ามาในห้องทำงานของประธานหนุ่มอย่างมีจริต หล่อนถือวิสาสะนั่งลงบนตักแกร่งเจ้าของนัยน์ตาสีฟ้าหม่น สองมือโอบรอบคอหนาของบุรุษเพศตรงหน้าแล้วบรรจงกดจูบเบาๆ ตรงคางเขียวครึ้มของชายหนุ่ม“เซดริกขา งานยุ่งมากเลยเหรอคะ ตั้งแต่งานเปิดโรงแรมใหม่วันนั้นคุณก็หายไปเลย เจซี่คิดถึ้งงง คิดถึงงงงง”หล่อนพูดพลางใช้มือลูบไปที่อกแกร่ง ไล้ข้อนิ้วลงไประหว่างร่องรังดุมใช้ปลายนิ้วเรียวสะกิดไปที่ยอดอกของชายหนุ่มจนมันแข็งเป็นไต พลางส่งแววตาหวานหยดย้อยไปให้เจ้าของดวงตาสีฟ้าหม่นเซดริกกัดฟันกรอด พยายามสะกดอารมณ์ไม่ให้ถูกชักจูงไปตามความต้องการของเจซี่ เขามักจะหลีกเลี่ยงการมีเซ็กซ์ในที่ทำงานเพราะไม่ชอบความเร่งรีบ และไม่อยากให้ใครมาขัดจังหวะเวลาที่เขาทำรัก แต่เจอนางแบบสาวยั่วเย้าเชิญชวนถึงขนาดนี้ใครมันจะไปทนไหว ยังงัยก็ต้องฉลองศรัทธากันให้สาสมใจสักหน่อย เขากอดเอวนางแบบสาวเอาไว้แล้วยกหูโทรศัพท์ต่อสายถึงเลขาหน้าห้องทันที“คุณเปมิกา ผมไม่รับสายใครและห้ามให้ใครเข้ามาหาจนกว่าผมจ