Share

Episode 5

Author: Storytellers
last update Last Updated: 2024-12-01 16:12:15

เสาร์อาทิตย์ที่ผ่านมา

ผมรู้สึกเหมือนตัวเองเปราะบางมากกกกก ไม่ใช่ในทางด้านร่างกายหรอกนะแต่เป็นทางด้านจิตใจของผมต่างหาก ก็คุณเจ้านายคนใหม่ของผมนี่สิ ไม่รู้ว่าตั้งใจอ่อยกันหรือว่ามันยังไงกันแน่ ทำไมเขาถึงชอบอาบน้ำเวลาที่ผมขึ้นทำเก็บกวาดห้องให้เขานัก แล้วชอบเดินออกมาทั้งที่ตัวเปียกๆ มีเพียงผ้าเช็ดตัวผืนเดียวพันอยู่รอบเอวที่น่าโอบกอดนั่น กล้ามเนื้อน่าขยำ น่าลูบ น่าคลำ น่าซบไซ้

แต่หยุดก่อน...ผมก็ไม่ได้อยากจะมองนักหรอก แต่จะให้ทำยังไงได้อะก็ตาของผมมันเหลือบไปมองเอง

ผมพยายามห้ามตาตัวเองแล้ว แต่ว่าหัวใจกับสมองของผมนี่สิมันไม่เชื่อฟังผมเลย

ดีหน่อยที่วันนี้เขาออกไปทำงาน ผมเลยไม่ต้องทนหายใจลำบากเพราะเขาคอยจะยั่ว (?) อารมณ์ผมอยู่บ่อยๆ

เรื่องยั่วไม่ใช่ว่าผมคิดเอาเองเหมือนที่ผ่านๆ มาแล้วนะ ผมว่าเขาตั้งใจยั่วตั้งใจอ่อยผมจริงๆ นั่นแหละ อย่างเช่นเมื่อวานตอนเย็นเขาชวนผมออกไปซูเปอร์มาร์เก็ตเพื่อซื้อของสดมาไว้ เผื่อว่าผมจะทำกับข้าวกับปลาให้เขากินไม่ต้องกดแอปสั่งฟู้ดมาส่งบ่อยๆ

เอาจริงเรื่องทำกับข้าวผมก็พอทำได้แหละ แต่ก็ไม่ได้อร่อยเว่อร์วังขนาดนั้น อย่างที่บอกว่าผมอยู่ตัวคนเดียวตั้งแต่ที่พ่อแม่เสีย ดังนั้นแล้วถ้าไม่หัดทำกินเองก็คงต้องพึ่งอาหารถุงหรือไม่ก็สั่งฟู้ดต่างๆ แต่ผมว่ามันค่อนข้างสิ้นเปลืองอยู่นะ ถึงแม้ว่าผมจะมีปากเดียวท้องเดียว แต่วันหนึ่งๆ มันก็ต้องกินสามมื้อใช่ไหมล่ะ ไหนจะกาฟงกาแฟที่ไม่ต่ำกว่าวันละสองแก้วอีก สองแก้วก็ปาไปหลักร้อยแล้ว ไหนจะค่ารถไฟฟ้าไปทำงาน ค่าวิน ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าจิปาถะอีก นับรวมๆ แล้วเดือนหนึ่งก็หลักหมื่น

เพราะงั้นแล้ว เรื่องอาหารทำได้ก็ทำ ถึงไม่ได้ทำทุกวันแต่ถ้าทำวันหยุดหรือหลังเลิกงาน มันก็ช่วยประหยัดไปได้มากอยู่เหมือนกัน

เอาล่ะ วันนี้ที่บ้านหลังนี้มีเพียงผมอยู่คนเดียว เพราะงั้นบ้านทั้งหลังก็ตกเป็นของผม (?) ผมหมายถึงในตอนนี้อะนะ

ผมหอบแมคบุ๊คออกมาจากห้องที่ทั้งเล็กและอุดอู้ เพื่อมายึดพื้นที่ในห้องรับแขกที่กว้างขวางและปลอดโปล่ง วางแมคบุ๊คไว้บนโต๊ะกระจกหน้าโซฟา ก่อนจะเดินไปเอาน้ำทับทิมกับขนมมานั่งกินระหว่างเล่นโซเชี่ยล ผมเข้าออกแอปนั้นแอปนี้เป็นว่าเล่นเพื่อหาสิ่งที่น่าสนใจ ทว่ามันก็ไม่มีอันไหนที่ดึงดูดความสนใจของผมไปได้เลย สุดท้ายก็ต้องมาจบที่เน็ตฟลิกซ์ ดูซีรีส์ตาแฉะอีกตามเคย

ผมเลือกซีรีส์ฝรั่งซึ่งเป็นซีซั่นสองของช่วงนี้ ดูๆ ไปมันก็สนุกดี แต่ว่าผมเบื่อตัวเอก ไม่รู้ว่าอวดเก่งหรืออะไร สุดท้ายก็ตกหลุมพรางตัวร้ายอยู่ดี แต่ก็นั่นแหละ ในเมื่อได้ดูแล้วจะเลิกดูก็ไม่ได้ ก็ตามมันมาจากซีซั่นแรกนี่เนอะ

ขณะที่กำลังเพลินๆ กับการดูซีรีส์ โทรศัพท์มือถือที่วางอยู่ข้างๆ แมคบุ๊คก็ส่งเสียงร้องเตือนขัดจังหวะ ผมจำต้องเอื้อมมือไปหยิบมันขึ้นมาดู พอเห็นเป็นแจ้งเตือนจากแอปสีเขียวๆ ซึ่งมีชื่อของคนที่ผมบันทึกเอาไว้ว่า ‘คุณกฤษณ์’ มุมปากของผมมันก็ยกโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มอัตโนมัติ

เราแลกคอนแทคกันเมื่อวานตอนที่ออกไปซูเปอร์มาร์เก็ตด้วยกัน แล้วเขาก็เป็นคนขอแลกกับผมก่อนด้วยนะ โดยที่ให้เหตุผลว่าเวลามีเรื่องอะไรเร่งด่วนจะได้ติดต่อผมได้ อย่างเช่นลืมเอานั่นเอานี่ไป แล้วจะไลน์มาบอกให้ผมเป็นคนเอาไปให้ แม้ไม่อยากคิดบ้าๆ เข้าข้างตัวเอง แต่ก็ขอคิดหน่อยเถอะ นี่เขาอยากคุยกับผมใช่หรือเปล่า...?

ผมเม้มปากระหว่างที่กดเข้าไปในแอป เนี่ยแค่ขนาดรูปโพรไฟล์ของเขาก็ทำให้ผมใจสั่นหวั่นไหวได้แล้ว

นิ้วโป้งของผมจิ้มเข้าไปอ่านข้อความของเขาทันที หลังจากที่ชื่นชมรูปโพรไฟล์ที่ยิ้มกระชากน้ำลายนั้นแล้ว

Krit คุณโยตอนเย็นไม่ต้องทำอาหารเผื่อผมนะ คุณทำแค่ของคุณก็พอวันนี้ผมกลับดึก

อ่า...ทำไมรู้สึกโหวงๆ ในอกแปลกๆ

ผมกดจิ้มสติ๊กเกอร์โอเคตอบกลับไปตัวเดียว ถึงแม้ว่าในใจอยากถามว่าจะไปไหนเหรอ ทำไมถึงต้องกลับดึกด้วย แต่ว่าผมไม่มีสิทธิ์ไปถามอะไรซอกแซกเขาแบบนั้นนี่นะ

ถอนหายใจออกมาด้วยความเซ็งอย่างไม่รู้ว่าทำไมต้องเซ็ง จากนั้นออกจากเน็ตฟลิกซ์ ปิดแมคบุ๊คเมื่อดูเวลาแล้วเห็นว่านี่มันบ่ายสามโมงกว่าๆ เข้าไปแล้ว

“เฮ้อออออ บ้านหลังใหญ่ขนาดนี้เขาอยู่คนเดียวได้ยังไงเนี่ย” ขนาดผมอยู่คนเดียวแค่ไม่กี่ชั่วโมง ผมก็รู้สึกเหงาแล้วอะ เพราะแบบนี้ไงผมถึงได้ขายบ้านเก่าของพ่อแม่เพื่อไปซื้อคอนโดฯ อยู่ ถึงแม้ว่าคอนโดฯ ของผมจะไม่ได้กว้างไม่ได้ใหญ่โตอะไรมากมาย แต่มันก็เหมาะกับคนที่อยู่คนเดียวอย่างผมล่ะนะ แถมยังมีลูกบ้านคนอื่นๆ อยู่เป็นเพื่อนด้วยก็เลยไม่ค่อยเหงาเท่าไหร่ วันดีคืนดีห้องข้างๆ ก็ครางเสียงดังชวนให้รู้สึกสยิวกิ้วตาม

ผมลุกจากโซฟาในมือหอบแมคบุ๊คกับโทรศัพท์ หลังจากที่เอาแก้วน้ำกับจานขนมไปเก็บไว้ในครัวแล้ว และกำลังจะเดินกลับห้อง โทรศัพท์ที่เป็นเหมือนเจ้ากรรมนายเวรของผมก็กรีดร้องขึ้นมาอีก คราวนี้ผมไม่ได้ใจเต้นหรือยิ้มมุมปากอีกแล้ว เพราะคนที่โทรเข้ามาไม่ใช่เจ้านายคนใหม่ผู้ชอบทำให้หัวใจของผมเต้นรัว หากแต่เป็นไอ้ฟูจิเพื่อนเลิฟเพียงหนึ่งเดียวของผมนั่นเอง

“ว่าไงจิ” ผมกดรับแล้วกรอกเสียงลงไป ขณะขาก็ก้าวเดินกลับห้องของตัวเอง

[ทำไมเสียงหงอยเป็นหมาเหงา ที่ถูกทิ้งเฝ้าบ้านแบบนั้นอะโย] เบื่อจริงพวกที่ฟังแค่เสียงแล้วรู้ได้ถึงอารมณ์ของผมเนี่ย

“เบื่ออะจิ อยากออกไปทำงาน อยากไปลั้ลลาอะ” ความจริงผมไม่ใช่คนชอบเที่ยวกลางคืนหรอก แต่ก็มีบ้างเวลาที่เบื่อหรือเซ็งจริงๆ

[แน่ะเพิ่งวันจันทร์เองนะอีโย อยากเมาแล้วเหรอ มีอะไรไม่สบายใจหรือเปล่าเล่าได้นะ]

“คืนนี้มารับไปร้านพี่ย้งหน่อยดิ แล้วจะเล่าให้ฟัง” ร้านพี่ย้งเป็นร้านเหล้ากึ่งผับแถวอารีย์ แต่ยุคโควิดระบาดแบบนี้โซนผับเลยปิด เปิดแค่โซนนั่งกินนั่งดื่มธรรมดาแถมยังถูกจำกัดเวลาเมาอีกต่างหาก

[ร้านพี่ย้ง? โย มันไกลมากเลยนะนั่น] ฟูจิถอนหายใจใส่หูผม

“น่านะ มารับหน่อย อยากเมาอะ” ก็ไม่รู้หรอกว่าทำไมตัวเองถึงอยากเมาจนต้องอ้อนวอนเพื่อนขนาดนี้

สงสัยกูจะเหงา…? เหงาเป็นหมาเฝ้าบ้านอย่างที่มันพูดจริงๆ

[เออๆ ส่งโลฯ มา แต่อย่ากวนตีนส่งรูปปลาโลมามาให้กูนะอีโย มุกนี้คนเล่นดาษดื่นแล้ว]

อ่า...ถ้ามันไม่ดักคอไว้ก่อน ผมกะว่าจะเสิร์ชหารูปปลาโลมาแล้วส่งไปให้มันจริงๆ นะ

“บ้า ใครเขาจะไปทำแบบนั้น”

[ไม่ทำก็ดี งั้นแค่นี้นะใกล้เลิกงานแล้ว กูเก็บของสแกนบัตรกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่คอนโดฯ ก่อน]

ไอ้ฟูจิลูกครึ่งไทยญี่ปุ่น ไม่ใช่ญี่ปุ่นดินแดงนะครับ แต่เป็นประเทศญี่ปุ่นจริงๆ พ่อของมันเป็นคนญี่ปุ่นแต่มาทำงานอยู่ที่สาขาในไทยเลยทำให้ได้เจอกับแม่ของมัน แล้วก็รักกันจนให้กำเนิดทายาทเกิดมาเป็นเด็กชายโคจิมะฟูจิขึ้นมา

หลังวางสายจากไอ้ฟูจิเพื่อนเลิฟ ผมก็จัดการส่งโลเคชั่นไปให้มันในทันที ก่อนจะส่งข้อความเข้าไปในห้องแชทของผมกับคุณเจ้าของบ้าน บอกเขาว่าผมขออนุญาตออกไปเจอเพื่อนและขออนุญาตกลับดึก หรือบางทีอาจจะไม่กลับคืนนี้แต่จะกลับพรุ่งนี้เช้าเลย

ผมวางโทรศัพท์ไว้บนที่นอนเพื่อจะพาตัวเองไปอาบน้ำ แต่ขายังก้าวไปไม่ถึงไหนเสียงแจ้งเตือนจากแอปสีเขียวก็ดึงรั้งผมไว้ ผมหมุนตัวกลับมาแล้วคว้ามันขึ้นมาจากที่นอน เจ้านายคนใหม่ของผมส่งข้อความมาแหละ ผมแอบขมวดคิ้ว ใจเต้นนิดหน่อยกับข้อความของเขา

Krit จะไปก็ได้แต่อย่าค้างที่อื่นเลย กลับมานอนบ้านเถอะคุณ

ข้อความสั้นๆ ที่ทำให้นอกจากจะงงแล้ว ยังทำให้ใจสั่นอีกต่างหาก

ผมยังไม่ได้ตอบเขาในทันทีเพราะมัวแต่กลอกตาไปมาอยู่ ในอกมันรู้สึกแปลกและไม่เข้าใจ

“อุ๊ย!” ขณะที่คิดๆ อยู่นั้นโทรศัพท์ในมือดันสั่นขึ้นมาดื้อ ผมตกใจจนอุทานออกมาแล้วเอามือลูบอก

แม่ม...อยากจะด่า แต่พอเห็นเบอร์ที่โทรมาแล้วด่าไม่ลง แล้วไม่ได้โทรเฉยๆ ด้วยนะ แต่โทรแบบวิดีโอคอลมา

แล้วผมต้องทำหน้ายังไงอะ ต้องทำหน้าแบบไหนไม่ให้เขารู้ว่าผมเขิน

“สะ สวัสดีครับ” ทำไมต้องเสียงสั่น ไม่กล้าแม้แต่จะมองคนในโทรศัพท์ตรงๆ ด้วยซ้ำ ผมทำตัวกระแดะมากนะตอนนี้ ทำอย่างกับว่าไม่เคยเจอหน้าเขาอย่างนั้นแหละ ทั้งๆ ที่ก็อยู่บ้านหลังเดียวกัน เจอหน้ากันทุกวันเช้าเย็น

[จะไปเที่ยวไหนเหรอคุณถึงต้องค้างที่อื่น]

“เอ่อ...” ผมกะพริบตาปริบๆ มองใบหน้าหล่อเหลาตาละห้อยเพราะเขาถามเสียงดุ

[ความลับเหรอครับคุณ ทำไมบอกกันไม่ได้] อ้าว แล้วทำไมต้องมาถามอะไรเอาแต่ใจแบบนี้กับผมล่ะ ผมยิ่งใจง่ายๆ อยู่

“มะ มันก็ไม่ใช่ความลับอะไรหรอกครับ” เรามองสบตากันผ่านกล้อง ผมเลยต้องเม้มปากอย่างเขินๆ “คือว่าเพื่อนผมชวนไปกินเหล้าน่ะ” โกหก ผมโกหก เพื่อนไม่ได้ชวนแต่ผมนี่แหละชวนเพื่อน

[อืม ที่ไหนเหรอคุณ] ผมต้องบอกเขาสินะ

“แถวอารีย์ครับ”

[ร้าน?] ต้องบอกชื่อร้านอีกเหรอ

“90’s Lism” บอกไปแล้วว่ะครับ

[โอเค ผมต้องวางแล้ว เที่ยวให้สนุกนะคุณ]

อ่า...สายตัดไปพร้อมกับใบหน้าหล่อเหลาที่หายไปจากหน้าจอ ผมยืนอึ้งอยู่สักพักก่อนจะออกไปอาบน้ำแบบงงๆ

หนึ่งชั่วโมงนิดๆ ไอ้ฟูจิก็มาถึง ผมเดินออกมายืนรอมันที่ทางเข้าโครงการ เพราะคนนอกไม่สามารถเข้าไปข้างในได้หากไม่ได้รับอนุญาต

“ไกลฉิบหาย” ขึ้นมานั่งบนรถได้ไอ้ฟูจิก็สาดคำหยาบคายใส่ผมทันที

“อย่าบ่นน่า ขับรถไป” ผมบอกอย่างไม่ใส่ใจสีหน้าหงุดหงิดของเพื่อนเลิฟ

นานพอควรกว่าเราจะมาถึงร้านพี่ย้งได้ ผมกับฟูจิแวะทักทายเจ้าของร้านที่หน้าตารกรุงรังไปด้วยหนวดเครานิดหน่อย พอหอมปากหอมคอก่อนไปยังโต๊ะที่จองไว้หน้าเวที ที่โต๊ะนั้นเวลานี้มีชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่และหน้าตาเคร่งขรึมมีหนวดเคราเป็นทรงนั่งอยู่ก่อนแล้ว นั่นก็คือพี่แดนไทยสุดที่รักของไอ้ฟูจิมันนั่นเองครับ

ผมยิ้มกว้างเมื่อพี่แดนไทยโบกมือให้ด้วยรอยยิ้ม ผมโบกมือตอบจากนั้นเดินไปนั่งลงฝั่งตรงข้ามกับไอ้ฟูจิที่ตอนนี้แทบจะนั่งเกยอยู่บนตักพี่แดนไทยแล้ว ทำอย่างกับว่ากลัวใครจะไม่รู้อย่างนั้นแหละว่านี่คือผัวกู!

บนโต๊ะมีกับแกล้มสองสามอย่าง ยำสามกรอบ ถั่วต่างๆ และเฟรนช์ฟรายส์กับแจ็คแดเนียลอีกหนึ่งขวดที่พร่องลงไปนิดหน่อย

“สวัสดีครับพี่ไทย”

“กันเองน่าไม่ต้องไหว้หรอกคนสวย” พี่แดนไทยพูดยิ้มๆ ชมผมอย่างที่เคยชมมาตลอด จากนั้นจัดการชงเหล้าให้ผมกับฟูจิด้วยท่าทางคุ้นชินและเชี่ยวชาญ

ผมยิ้มเขินเพราะถูกชมว่าสวยถึงแม้จะได้ฟังอยู่บ่อยแล้วก็ตาม จากนั้นรับแก้วเหล้ามาจากพี่แดนไทยที่ให้เกียรติชงให้มาจิบดื่มแก้กระหาย ตาก็มองไปรอบๆ ร้าน ในเวลาทุ่มเศษๆ แบบนี้ ไม่น่าเชื่อว่าโต๊ะจะเกือบเต็มหมดทุกโต๊ะ ผู้คนมากมายนั่งพูดคุยกินดื่มกันอย่างเฮฮาสนุกสนาน แต่ว่าแผ่นหลังของใครบางคนทำไมมันดูคุ้นตาผมจัง

แต่ว่าคงไม่ใช่หรอกมั้ง...หรือว่าจะใช่วะ?

“มองอะไรอยู่ เหม่ออะไรโย กินเหล้าสิ ไหนมึงบอกว่าอยากเมาไง”

ผมละสายตาจากผู้ชายคนนั้นที่นั่งหันหลังให้ มาสนใจไอ้เพื่อนเลิฟที่ค่อนขอดผมด้วยคำพูดของผมเอง จากนั้นก็ยกแก้วเหล้าขึ้นชนกับเพื่อนร่วมโต๊ะ มองตากันอย่างรู้ใจแล้วกระดกรวดเดียวหมดแก้วภายในเวลาอันรวดเร็ว

“อ่า แม่ง! บาดคอฉิบหายเลยครับ” ผมพูดยิ้มๆ ขนลุกนิดหน่อยเวลาที่แอลกอฮอล์วิ่งปราดไปทั่วร่างกาย

แก้วแรกหมดไป แก้วที่สองตามมาติดๆ แล้วก็ยกแก้วชนกันติดๆ หมดไปอีกแก้วสำหรับค่ำคืนนี้

ไอ้เหี้ย! ถึงผมบอกว่าอยากจะเมาแต่ก็ไม่อยากมอมตัวเองปะวะ

“ขอบคุณครับ ไม่หมดแก้วนะ ข้าวยังไม่แดก” พอเหล้าเข้าปากก็เริ่มพูดจาไม่สุภาพใส่พี่แดนไทยไปอีก

“แหมอีโย สองแก้วไม่เมาง่ายขนาดนั้นหรอกไหมดอก” นี่ก็อีกคน ผัวชงเหล้า เมียก็พูดชงให้กูแดกจัง เข้ากันดีเหลือเกินนะพวกมึง

“ไม่เมาง่าย แต่ท้องกูว่างไหมล่ะ แดกตอนท้องว่าง เดี๋ยวเมาอ้วกตายห่ากันพอดี” ผมเถียงเพราะร่างกายของผมมันเป็นแบบนั้นจริงๆ ถ้ากินเหล้าตอนท้องว่าง แม่งนอกจากจะเมาง่ายแล้วยังเสือกอ้วกง่ายอีกต่างหาก

“เออๆ งั้นจะแดก’ไร เดี๋ยวเดินไปสั่งให้” ไอ้ฟูจิถามเสียงดัง เพราะเสียงเพลงเริ่มดังขึ้นกว่าเดิมแล้ว

เพลงยุคเก้าศูนย์เหมือนชื่อร้านนั่นแหละ เพลงเก่าเพลงเก็บ แต่แม่งเสือกกินใจยิ่งกว่าเพลงสมัยใหม่อีกต่างหาก

“อีโยอย่าเบะปาก ฮึบไว้ อย่าร้องไห้”

นี่ผมกำลังจะร้องไห้เหรอครับ ไม่รู้ตัวเลย นี่กูเมาแล้วเหรอวะ เพลงแม่งก็ไม่รู้จะเศร้าไปไหน แล้วกูแม่งก็เสือกอิน มรสุมชีวิตช่วงนี้แม่งห่าเหวมากพูดเลย ไม่อยากเศร้าแต่พอเหล้าเข้าปากก็พร้อมจะเศร้าได้ง่ายๆ

“ที่รักดูอีโยด้วยนะ เดี๋ยวเดินไปสั่งข้าวให้มันแดกแป๊บ”

ไอ้ฟูจิเดินลิ่วๆ ไปหาพนักงานที่บาร์เหล้าซึ่งรู้จักและคุ้นเคยกันดี ตอนนี้ผมจึงต้องอยู่ในความดูแลของพี่แดนไทย แล้วพี่มันก็แม่งดูแลกูดีม๊ากกกกกกกมากกกกกกก ชงเหล้าให้กูแดกถี่ไม่พอ คะยั้นคะยอให้กูแดกหมดแก้วอีกแล้วครับ

แดกเหล้าตอนท้องว่างหมดแก้วสามแก้วติด กูคงอ้วกแบบไม่ต้องสืบหาสาเหตุ

ข้าวผัดง่อยๆ มาเสิร์ฟหลังจากที่ผมนั่งมองไอ้ฟูจิตะแง้วๆ กับพี่แดนไทยจนรู้สึกอิจฉาตาร้อนผ่าว ข้าวผัดถูกผมซัดเรียบภายในเวลาอันรวดเร็ว มันก็ไม่ได้อร่อยมากมายหรอกแต่ที่กินก็เพราะหิว แล้วก็ต้องกินเพื่อไม่ให้ท้องว่าง แต่ว่าแดกข้าวตอนนี้มันจะไปหักล้างกับแอลกอฮอล์ที่วิ่งอยู่ในเส้นเลือดทันปะวะ

“สวัสดีครับ ขอชนแก้วหน่อยดิ” ใครวะเนี่ย

ผมเงยหน้าขึ้นมองผู้ชายที่มาขอชนแก้ว เขาตัวสูง ผิวขาว ย้อมผมสีน้ำตาลทอง ใส่เสื้อยืดสีดำกางเกงสีเดียวกัน รองเท้าไม่รู้ ไม่ได้มองลงไปถึงขนาดนั้น เขายิ้มให้ผมอย่างเป็นมิตรดูสีหน้าของเขาแล้วเหมือนว่าเขาอยากผูกมิตรกับผมมากเลยนะ ผมเลยหยิบแก้วเหล้าที่เพิ่งถูกเติมจนเกือบล้นแก้วขึ้นมาชนกับเขา แล้วเราก็ดื่มเหล้าพร้อมกัน

“ขอนั่งด้วยได้ไหมครับ”

“อ่า...จิ เขานั่งด้วยได้ไหม” ก็ต้องหันไปถามผู้ปกครองก่อนอะนะ

“เชิญตามสบายเลยครับ” ฟูจิตอบรับยิ้มๆ แล้วหันไปซุกซบกับพี่แดนไทยต่อ

ไม่สนใจกูเลยนะพวกมึงสองคน ถ้าจะนัวกันแต่หัววันแบบนี้ก็ไม่น่ารับนัดกูไหมเล่า เอ่อ…แต่จะว่าไปแล้ว เป็นผมเองนี่แหละที่วอแวให้มันมารับ เป็นผมเองสินะที่ผิด

“อยากรู้จักชื่อจัง ถามได้ไหมครับ” มึงก็ถามกูอยู่นี่แล้วไง

“เอ่อ โยครับ”

“ผมนัทครับ ยินดีที่รู้จัก” ว่าแล้วก็ยื่นแก้วมากระทบแก้วผมจนเกิดเสียงดังแกร๊งงงง

เออ กูต้องแดกอีกแล้วสินะ สมพรปากกูเหลือเกิน อยากเมา...ก็ได้เมา

ไอ้สัดหมา! ยังไม่ทันสามทุ่มดีด้วยซ้ำ แต่ทำไมกูรู้สึกเมาเร็วจังวะ รู้สึกเหมือนร้านมันโคลงๆ เหมือนอยู่กลางทะเลเลยอะ

“โยมีแฟนไหม?” เดี๋ยวนะ ถามกันโต้งๆ แบบนี้เลยเหรอ

ผมหันไปมองคนถามที่นั่งอยู่ข้างๆ เขาเองก็มองผมตาไม่กะพริบแถมยังยิ้มกว้างอีกต่างหาก แววตาอยากได้ผมอย่างไม่ปิดบังจนผมรู้สึกขนลุกเกรียวกราวไปทั้งตัว

“โสด” ผมตอบไปตามตรง ก็โสดอะ ไม่อยากปิดกั้นตัวเอง ไม่โสดธรรมดาๆ นะ โสดแล้วก็จนด้วย

“ว้าว!” เขายิ้มกว้างกว่าเดิม แววตาระยิบระยับราวกับดวงดาวบนท้องฟ้ายามค่ำคืน “ไม่น่าเชื่อ”

“ทำไมถึงไม่เชื่อล่ะครับ” ผมถามเขาแล้วจิบเหล้าเบาๆ ไปด้วย

“ก็คุณหน้าตาดีขนาดนี้ บอกว่าโสดใครจะเชื่อล่ะครับ”

“โสดจริงๆ ครับ” ก็ยอมรับแหละว่าตัวเองก็เป็นคนที่หน้าตาดีมากคนหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้ตอแหลครับ โสดก็บอกโสด ไม่โสดก็บอกไม่โสดจะมาโกหกทำไม โกหกแล้วได้งาน ได้ตังค์หรือไง

“งั้น...ผมขอจีบโยได้ไหม?”

“เอ่อ...” เอาง่ายๆ แบบนี้เลยเหรอ เพิ่งเจอกันเองนะ แถมเจอในร้านเหล้าด้วยเนี่ยนะ

“ไม่ได้เหรอครับ” แล้วดูทำหน้าเหมือนหมาที่เจ้าของไม่รักเลยอะ

“ก็ไม่เชิง แต่ว่าผม...” ยังพูดไม่ทันจบ อีกฝ่ายก็ยื่นโทรศัพท์ตัวเองมาให้ผมแล้ว

“ถ้างั้นขอเบอร์หน่อยดิ หรือจะเป็นไลน์ก็ได้นะ”

“โอเค” ก็ไม่รู้จะปฏิเสธไปทำไม ผมเอาโทรศัพท์ของเขามากดเบอร์ตัวเองลงไป จากนั้นกดโทรออกมายังเครื่องของผมก่อนส่งคืนเจ้าของ

“นัทแอดไลน์โยได้ปะ”

“ได้ดิ”

“งั้นแอดเลยนะ”

“อืมมมม”

แล้วเราก็ไม่ได้คุยกันอีก นัทก้มหน้าก้มตาแอดเฟรนด์ผมส่วนผมตั้งหน้าตั้งตากินเหล้าต่อ ตาก็มองไปรอบๆ ดูคนนั้นคนนี้ไปเรื่อย โยกตัวตามเพลงบ้างอะไรบ้าง ก่อนที่สายตาจะไปหยุดอยู่ที่ใครบางคนซึ่งกำลังมองมาที่ผมพอดี

ผมตาโตอ้าปากค้าง ไอ้แผ่นหลังที่ว่าคุ้นๆ น่ะ มันใช่เขาจริงๆ ด้วยแฮะ

‘ทำไมมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะ’ ผมขยับปากถามขณะที่เราจ้องตากันอยู่

‘อยากมา ทำไม? ผมมาไม่ได้เหรอ?’

อ่า...ถ้าผมแปลไม่ผิด เขาพูดว่าอยากมาทำไมจะมาไม่ได้ประมาณนี้ แล้วมันก็ถูกของเขาอะนะ อยากมาก็มา

แต่ว่าทำไมต้องมาร้านนี้ล่ะ ร้านเหล้ามีเป็นร้อยเป็นพัน ทำไมมาร้านเดียวกันกับผมล่ะ ที่ถามผมตอนวิดีโอคอลมาก็เพราะจะตามผมมาใช่หรือเปล่า

ก็ไม่ได้อยากจะคิดเข้าข้างตัวเองหรอกนะ แต่ว่าอะไรมันจะประจวบเหมาะนั้นกันล่ะ

ผมว่านะ…เขาต้องตามผมมาชัวร์ๆ เลย

Related chapters

  • Maid เมดจำเป็น   Episode 6

    นัทขอตัวกลับไปหาเพื่อนที่โต๊ะหลังจากได้ทุกอย่างที่ต้องการแล้ว ยกเว้นตัวผมน่ะนะ ผมเลยได้มีจังหวะนั่งคิดและสงสัยอะไรบางอย่างกับตัวเองเงียบๆ สงสัยที่บังเอิญได้เจอเจ้าของบ้านที่นี่ในเวลานี้ สายตาก็สบประสานกับคนที่นั่งอยู่ห่างไปประมาณสองโต๊ะ มันไม่ได้ไกลแต่ก็ไม่ใกล้ เรามองตากันเงียบๆ อยู่อย่างนั้นโดยไม่ได้พูดอะไรอีก ก็แน่สิ จะให้พูดอะไรได้ล่ะก็ในเมื่อพูดไปก็ไม่ได้ยินเสียงกันและกันอยู่ดี นอกจากว่าจะตะโกนคุยกันแข่งกับเพลงแววตาของพี่เจ เจตรินอะ“อีโยมองห่าอะไรอยู่ มาชนแก้วเร็วๆ เข้า รีบกินรีบเมา ร้านจะปิดแล้วเนี่ย” แล้วก็เป็นฟูจิที่ใช้เสียงยานคางนิดๆ สะกิดผมให้ออกจากภวังค์ความคิด ตอนนี้เราอยู่กันสองคนเพราะว่าพี่แดนไทยไปเข้าห้องน้ำผมละสายตาจากคุณกฤษณ์เพื่อหันมาให้ความสนใจกับเพื่อนตัวเอง แล้วก็ได้เห็นว่ามันเองก็มองมาที่ผมด้วยสายตาเยิ้มๆ ปะปนไปกับมีคำถามอยู่ในนั้น แต่ว่ามันก็ไม่ถามออกมา ไอ้ฟูจิหันขวับไปตามสายตาของผมที่เมื่อกี้เผลอมองไปยังโต๊ะของเจ้านายคนใหม่นานพอสมควร แล้วทางนั้นก็มองมาแบบไม่หลบอีกต่างหาก“มึงรู้จักเขาเหรอ?” ฟูจิหันมาถามอย่างใคร่รู้ พูดง่ายๆ ก็คืออยากเสือกมากนั่นแหละ“

    Last Updated : 2024-12-01
  • Maid เมดจำเป็น   Episode 7

    ปวดหัว...!!!เพียงแค่ลืมตาขึ้นมาผมก็ต้องหลับตาลงอีกครั้ง ข้างในหัวมันเต้นตุบๆ คล้ายๆ ว่ามันกำลังจะระเบิดออกเป็นเสี่ยงๆ เมื่อคืนผมเมาหนักมากขนาดนั้นเลยเหรอวะ แต่ก็จำได้ว่าดื่มไปมากอยู่เหมือนกันนะ แล้วก็จำได้ว่าถูกไอ้เพื่อนรักมันทิ้งไว้ที่ร้านกับนายจ้างผู้หล่อเหลาของผม เฮ้อ...สรุปแล้วคือเมื่อคืนเขาคงพาผมกลับบ้านสินะ แล้วนี่มันกี่โมงกี่ยามกันแล้วครับเนี่ย ผมคิดว่าผมควรลุกไปอาบน้ำได้แล้ว จะได้รีบไปทำงานบ้านให้เสร็จ แต่เพียงแค่ขยับตัวผมก็ต้องร้องโอดครวญออกมา “โอยยย หัวกูกำลังจะแตก” ผมเอามือกุมขมับทั้งสองข้างขณะที่พยุงตัวลุกขึ้นนั่ง หลับตาลงพลางถอนหายใจออกมาเพื่อเรียกสติสตังของตัวเองให้คงที่ แต่มันไม่ง่ายเลยเพราะแค่เพียงลุกขึ้นนั่งผมก็รู้สึกเวียนหัวแล้ว ลืมตาขึ้นมาก็เหมือนๆ ว่าบ้านจะหมุนด้วยเนี่ย แต่เดี๋ยวก่อนนะ? นี่มันไม่ใช่ห้องพักของผมนี่หว่าผมกะพริบตาถี่ๆ พร้อมๆ กับมองไปรอบๆ ห้อง ห้องนี้มัน...คุ้นๆ เตียงนี้มัน...ก็คุ้น แล้ว…แล้วคนที่นอนหันหลังให้อยู่ข้างๆ ผมโดยไม่ใส่เสื้อนี่มัน...ก็คุ้น “เฮ้ย!!!” ผมร้องอุทานออกมาด้วยความตกใจ เมื่อคืนมันเกิดอะไรขึ้นกับผมวะเนี่ย แล้วก็ไม่ต้อ

    Last Updated : 2024-12-01
  • Maid เมดจำเป็น   Episode 8

    ผมติดอยู่กับความรู้สึกอึดอัดที่ยากอธิบายมาหลายวัน แต่ทุกวันที่ผ่านมาก็ยังต้องทำตัวเองให้ปกติเหมือนเดิม เหมือนก่อนหน้าที่ผมกับเขายังไม่ได้แนบเนื้อกัน แต่มันก็ทำยากอะ ก็คนมันเคยๆ กันไปแล้วปะ จะให้ทำตัวเหมือนเดิมมันก็ยากอยู่นะ ผมยังคงทำหน้าที่ของตัวเองเป็นอย่างดี เป็นเมดที่ดี ทำงานให้คุ้มกับค่าจ้างที่เขาให้ และพยายามไม่สนใจเรื่องส่วนตัวของนายจ้าง ไม่ว่าเขาจะพาใครต่อใครกลับมาด้วยก็ตามแต่บางครั้งบางทีผมก็สงสัยนะสงสัยว่าเขาต้องเป็นคนที่คงจะชอบกินเด็กนักศึกษาหนุ่มๆ เอ๊าะๆ มากแน่ๆ เพราะแต่ละครั้งแต่ละทีที่เขาพากลับมาด้วยนั้น มันก็ไม่พ้นพวกเด็กนักศึกษาหาค่าเทอม ที่ผมคิดแบบนี้ ไม่ใช่ว่าผมบูลลี่ใครนะ เพียงแค่มันคิดเป็นอื่นไปไม่ได้ เพราะแต่ละคนที่มาก็ไม่เคยที่จะซ้ำหน้ากันเลยสักหน“หงุดหงิดอะไรอีโย ดูทำหน้าเข้าสิ ทำหน้าอย่างกับว่ามึงจะกินหัวใครอย่างนั้นแหละ” ฟูจิค้ำคางอยู่ฝั่งตรงข้าม เอ่ยถามออกมาด้วยสีหน้าสงสัยใคร่รู้ ก่อนคีบชาบูในหม้อร้อนๆ ขึ้นมาเป่าแล้วส่งเข้าปาก เคี้ยวกินอย่างเอร็ดอร่อยซึ่งต่างจากผมที่เป็นฝ่ายชวนแต่กลับไม่อยากอาหารเท่าที่ควรวันนี้เป็นวันหยุดของฟูจิ ผมเลยชวนมันออกม

    Last Updated : 2024-12-01
  • Maid เมดจำเป็น   Episode 9

    ผมยืนเอามือกุมแก้ม หลังจากที่พาตัวเองเข้ามาหลบภัยความเขินในห้องพัก วางกระเป๋าลงบนเตียง ยืนสูดหายใจพักใหญ่ให้จิตใจสงบเลิกฟุ้งซ่าน แต่ยังไม่ทันจะได้รูดซิบเปิดกระเป๋า เพื่อรื้อของออกมาจัดวางให้เข้าที่ โทรศัพท์มือถือที่อยู่ในกระเป๋าด้านหลังของกางเกงก็ส่งเสียงร้อง พร้อมกับสั่นครืดๆ จนรู้สึกจั๊กจี้ที่ตูดเบาๆ“ใครโทรมาวะ” พอเอาออกมาดูก็เป็นอันต้องขมวดคิ้ว เพราะเบอร์ที่โชว์อยู่หน้าจอมันไม่คุ้นตาผมเลยจริงๆ เบอร์แปลกเบอร์นี้เป็นของใคร? มันเป็นเบอร์ที่ผมไม่ได้เมมไว้ในเครื่อง และไม่มีอยู่ในโทรศัพท์แน่ๆ ผมมั่นใจมาก หรือว่าจะเป็นเบอร์มิจฉาชีพที่กำลังระบาดหนักพอๆ กับโรคโควิด19 อยู่ตอนนี้กันนะ ผมถอนหายใจพลางขมวดคิ้ว นึกในใจว่า พวกมึงไม่ต้องโทรมาหลอกอะไรกูหรอก กูไม่มีเงินให้มึงหรอกโว้ย! แล้วอีกอย่างนะ ถึงกูมีกูก็ไม่โง่เชื่อพวกมึงหรอกเพราะว่ากูน่ะนะ เป็นคนฉลาดติดตามข่าวสารของพวกลวงโลกแบบนี้มึงตลอดแหละ อย่ามาหลอกแดกคนจนๆ อย่างกูให้ยาก หึ!ผมปล่อยให้สายตัดไปเพราะตั้งใจที่จะไม่กดรับอยู่แล้ว แต่ไม่นานมันก็โชว์เบอร์ขึ้นมาอีกรอบ แล้วรอบนี้ผมตัดสินใจรับเพราะว่าคันปากยุบยิบอยากจะต่อล้อต่อเถียงด้วย“ท

    Last Updated : 2024-12-01
  • Maid เมดจำเป็น   Episode 10

    ฝ่ามืออุ่นที่วางทาบบนหน้าอกที่กระเพื่อมขึ้นลง เขาออกแรงดันจนผมต้องเอนตัวไปด้านหลัง โดยมีร่างกำยำกับแผ่นอกกว้างแน่นตึงของร่างสูงเคลื่อนกายคร่อมอยู่ด้านบน และในขณะที่แผ่นหลังของผมกำลังจะแตะเบาะ ผมก็เอาศอกยันที่นอนต้านแรงของอีกฝ่ายไว้จ้องลึกเข้าไปในดวงตาวาววับที่มีความต้องการฉายชัดอยู่ในนั้นเขาเลิกคิ้วเป็นเชิงถามในการที่ผมยับยั้งเขาไว้ ไม่ปล่อยตัวเลยตามเลยทั้งๆ ที่ผมเองก็มีความต้องการไม่ต่างจากเขา ผมเม้มปากกะพริบตาถี่ๆ ตื่นเต้นนิดหน่อยที่เขาบอกว่าจะจองผมทั้งตัว แต่ว่าแบบนี้มันไม่ถูกต้องหรือเปล่า จู่ๆ จะมาจงมาจองกันง่ายๆ แบบนี้เลยได้ไง“ทำไม?” เขาถามเสียงอ่อน ทำหน้าทำตาหงอยเหมือนหมาเศร้า แต่มือไม้ลูบไล้ต้นขาของผม แล้วบีบเค้นเบาๆ อย่างยั่วยวน“ก็ คุณมั่ว…” พูดออกไปแล้วผมก็มองหน้าอีกฝ่ายอย่างหวาดหวั่น กลัวทำให้เขาโกรธแล้วเขาอาจจะทุบตีผมเอาได้ ผมยังไม่อยากโดนใครตี มันเจ็บ...ผมเคยโดนมาแล้ว โดนตบหน้าเจ็บมาก หน้าบวมตั้งหลายวัน โดนตบทั้งๆ ที่ตัวเองไม่ผิดเลยสักนิด ก็แค่จับได้ที่แฟนเก่าพาชู้มานอนในบ้าน นอนบนเตียงของตัวเองเท่านั้นเอง “ผมตรวจโรคทุกปี ตรวจโควิดทุกเช้า ไม่ได้เป็นโรคอะไร

    Last Updated : 2024-12-01
  • Maid เมดจำเป็น   Episode 11

    เช้านี้หรรษาหรรษามากมั้ง ไข้แดก ลุกไม่ขึ้น ขยับตัวทีน้ำตาซึมอย่างกับตั้งระบบออโต้เอาไว้ เป็นเหตุการณ์ที่ผมไม่เคยพบเจอมาก่อนเลยในชีวิต มันเป็นประสบการณ์การมีเซ็กส์ที่สุดโต่งมากจริงๆ ที่ผมทนให้ไม้ตะบองยักษ์เคี่ยวกรำสี่ห้าชั่วโมงไม่หยุดพัก มันร้าวไปทั้งตัว ปวดระบมไปหมดทุกส่วนของร่างกาย ช่องทางด้านหลังยังเต้นตุบๆ เพราะค่ำคืนแสนเร่าร้อนที่ผ่านมาถูกไม้ตะบองยักษ์รุกรานอย่างหนักหน่วง“อื้อ ฮึก!” เจ็บจนเบะปากร้องไห้ ในขณะที่นอนนิ่งไม่กล้าขยับตัวมาก เพราะขยับมากๆ แล้วมันสะเทือน ผมควานมือหาคนที่กกกอดตลอดทั้งคืนก็ไม่พบใจแป้ว ถึงกับเคว้ง…ถูกฟันแล้วทิ้งจริงๆ สินะกู“คุณโย ตื่นแล้วเหรอ? รู้สึกเป็นยังไงบ้างครับ” แต่แล้วเสียงทุ้มๆ ของคนที่เฝ้านึกถึงก็ดังมาจากที่ไกลๆ ผมใจชื้นขึ้นมากเพราะไม่ได้ถูกปู้ยี่ปู้ยำ แล้วถูกทิ้งไว้ให้รับชะตากรรมเพียงคนเดียว ฝืนลืมตาขึ้นมองก็เห็นว่าเจ้าของใบหน้าหล่อเหลาที่คลุกวงในผมเมื่อคืน เดินมานั่งที่ขอบเตียง ในมือของเขามีผ้าผืนเล็กเปียกๆ อยู่ด้วย “เจ็บ…” ผมบอกเขาแค่นี้แล้วพยายามพาตัวเองลุกขึ้นนั่ง แต่ว่าก็ถูกห้ามไว้“ไม่ต้องลุกๆ นอนอยู่เฉยๆ คุณเป็นไข้น่ะ ต้องนอน

    Last Updated : 2024-12-01
  • Maid เมดจำเป็น   Episode 12

    ผมรู้สึกตัวตื่นขึ้นมา ก็พบว่าห้องทั้งห้องตกอยู่ในความมืดมิด ต้องปรับสายตาอยู่ชั่วครู่กว่าจะชินกับความมืดได้ พอเหลือบตามองออกไปด้านนอก ท้องฟ้าที่เคยสว่างสดใสก็ดับแสงลงไปแล้ว ขยับตัวดูก็พบว่าตัวเองอาการดีขึ้นกว่าเดิมเยอะมากๆ ไม่ต้องร้องโอดโอยเหมือนเมื่อเช้านี้แล้ว แต่ถึงอย่างนั้น ผมก็ยังลุกขึ้นในทันทีไม่ได้เพราะมีแขนหนักๆ วางพาดอยู่บนตัวพอเอี้ยวหน้าไปมองด้านข้าง ก็พบว่ามีใครบางคนนอนหลับสนิทอยู่ข้างๆ ใบหน้าของเขาซุกอยู่ตรงช่วงไหล่ของผม ระดับการหายใจเป็นไปอย่างสม่ำเสมอ เพราะอีกคนคงหลับสนิทจริงๆ ผมขยับพลิกตัวเบาๆ เพื่อหันหน้ามาทางคนหลับทั้งตัว และไม่รู้อะไรดลใจ ผมถึงได้ยกมือขึ้นมาลูบแก้มเขา ใบหน้าของเขาตอนหลับเหมือนเด็กตัวเล็กๆ ไร้เดียงสา แต่พอนึกถึงเวลาที่เขาคร่อมอยู่บนร่างผมแล้ว ผมก็ต้องหน้าร้อนวูบวาบ เพราะสีหน้าแววตาของเขามันหื่น มันน่ากลัวเหมือนโรคจิตติดเซ็กส์“อุ๊ย!” ผมสะดุ้ง เมื่อข้อถูกรวบไว้ด้วยฝ่ามืออุ่น ตกใจเพราะว่าคนที่ผมคิดว่าหลับอยู่เงยหน้าขึ้นมา ดวงตาคมมองผมที่นอนอยู่สูงกว่าเพียงแค่เล็กน้อย“รู้สึกเป็นยังไงบ้างคุณโย” เขาถามเสียงแหบแห้ง คลายมือที่รวบข้อมือผมไว้ออก ชั่วอึด

    Last Updated : 2024-12-01
  • Maid เมดจำเป็น   Episode 13

    [อีโย หายหัวไปไหนมาเนี่ย] เสียงแว้ดสูงของฟูจิดังเข้ามาในหูทันทีที่อีกฝ่ายกดรับสาย ผมจำต้องดึงโทรศัพท์ออกห่างจากหู เพราะเสียงแว้ดๆ ของอีกฝ่ายดังทะลุออกมาจนแก้วหูเต้นตุบๆ ก็ทำใจไว้แล้วแหละ ว่าจะต้องโดนแว้ดใส่มาแบบนี้ เพราะผมเล่นหายไปสามสี่วันที่ไม่ได้ติดต่อมันเลย แต่ว่ามันก็ไม่ใช่ว่าผมไม่อยากติดต่อนะ แต่มันเป็นเพราะว่าพอผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่น คนเฝ้าไข้ผมก็แย่งมันไปวางห่างตัวผมอย่างรวดเร็ว โดยที่อีกฝ่ายให้เหตุผลว่าผมป่วยอยู่ควรนอนพักผ่อนเยอะๆ อืม…พักผ่อนก็เล่นโทรศัพท์ได้ปะแต่ก็นั่นแหละ คร้านที่จะเถียง เพราะเถียงไปผมก็ไม่ชนะ สรุปแล้วที่หอบสารร่างตัวเองลงไปเอามานั้นก็เปล่าประโยชน์“กูไม่สบายนิดหน่อยน่ะ ก็เลยไม่ได้สนใจโทรศัพท์” ผมตอบเสียงเรียบ เอียงคอหนีบโทรศัพท์ไว้กับไหล่เพราะมือไม่ว่างหายป่วยปุ๊บผมก็ทำงานบ้านปั๊บ ไม่ได้ปัดกวาดมาหลายวัน ฝุ่นบนพื้นไม่ใช่น้อยๆ เลย เสื้อผ้าของคุณกฤษณ์ก็ล้นตะกร้า ทำงานตรงนี้เสร็จเดี๋ยวก็ต้องไปซักผ้า รีดผ้าต่ออีก [มึงป่วย?]“อืม” ครางรับคำในลำคอ เพราะเสียงของฟูจิเหมือนมีนัยยะแอบแฝง และสิ่งนั้นมันต้องทำให้ผมลำบากในการตอบคำถามแน่ๆ[เดี๋ยวก่อนนะ สา

    Last Updated : 2024-12-01

Latest chapter

  • Maid เมดจำเป็น   Special 3

    ในวันที่ฝนตกพรำๆ ในวันที่ตื่นมาในตอนเช้าแล้วพบว่าสายฝนกำลังกระหน่ำเทลงมาอย่างหนักหน่วงแบบนี้ สำหรับคนส่วนมากแล้ว ถ้าต้องออกไปทำงานมันคงเป็นอะไรที่แย่สุดๆ เพราะไหนจะสภาพอากาศที่ชื้นขึ้นจนอบอ้าว ไหนจะเสี่ยงต่อการโดนฝนแล้วเจ็บป่วยอีกแต่…แต่สำหรับผมแล้ว ผมไม่ห่วงเรื่องนั้นหรอกครับ เพราะเรื่องที่ผมห่วงตอนนี้มีแค่เรื่องเดียวเท่านั้น นั่นก็คือตอนไหน? เมื่อไหร่!? ผมถึงจะได้ลุกไปอาบน้ำล้างตัว ล้างคราบคาวกามออกไปจากตัวสักที!!ไอ้บ้าเอ้ย…นี่จะล่อผมจนตายคาเตียงจริงๆ ใช่ไหม ก็แค่ไม่เรียกที่รักคะ ที่รักขา ตอนคร่อมขี่กันเนี่ย กะจะเอาจนผมตาเหลือกคางเหลืองตายเลยหรือไง ฮือออออ กูอยากจะบ้าตายรายวันจริงๆ ทำไมถึงได้เอาแต่ใจตัวเองและมีกำลังหื่นกามได้ถึงขนาดนี้“อ๊ะ อือ พะ พอแล้ว ฮื้อออ พอก่อน ผมจะตายแล้ว” ผมอ้อนวอนครวญครางออกมาด้วยเสียงอันผะแผ่ว เพื่อร้องขอให้อีกฝ่ายไว้ชีวิต ถ้าหากเขายังทำต่อไปแบบนี้เรื่อยๆ ผมต้องตายแน่“อืม…อะไรกันคุณโย ทำไมคุณถึงร่างกายอ่อนแอแบบนี้ล่ะ หืม?”“อ๊า! บะ เบาๆ หน่อย แล้วผมก็ไม่ได้อ่อนแอ คุณต่างหากที่ไม่…ไม่รู้จักพอ อื้อ! นี่มัน…รอบที่เท่าไหร่แล้ว เจลหล่อลื่น…หมดไปกี่ขวด…แล้

  • Maid เมดจำเป็น   Special 2

    แขกที่ไม่ได้เชิญเย็นวันนี้บ้านผมจะมีแขกล่ะ ซึ่งมันเป็นแขกที่จู่ๆ ตัวมันก็อัญเชิญตัวเองมาเป็นแขก โดยที่ผมเองก็เพิ่งทราบเหมือนกันว่า เย็นนี้ผมกับคุณกฤษณ์จะมีแขกมาร่วมรับประทานอาหารเย็นด้วย จากที่คิดว่าจะสั่งอาหารเมนูง่ายๆ มากินกันสองคนแบบผัวๆ เมียๆ นั่งดูซีรีส์ คุยหยอกเอินกันเรื่อยเปื่อย แล้วก็จบลงที่เราทั้งคู่เปลือยเปล่าล่อนจ้อน แต่ผมกลับต้องมาทำเมนูตามสิ่งที่แขกที่ไม่ได้เชิญมาบอกซะอย่างนั้นมันบอกว่าอยากกินอาหารอิตาเลียน ฉิบหาย! กูคงทำเป็นมั้ง เชฟมือทองเลยมั้งกูอะ แค่อาหารไทยบางอย่างที่ง่ายๆ ผมยังทำไม่ค่อยจะอร่อยเลยครับ ส่วนคนที่บอกว่าอร่อยนั่นน่ะ เขามันคงลิ้นจระเข้แล้ว อย่างเช่น…สามีสุดหล่อของผมเอง ที่พอผมทำอะไรให้กินก็บอกว่าอร่อยอย่างนั้น อร่อยอย่างนี้ แต่ผมว่านะ อีกหน่อยแก่ตัวไป ไม่ได้ตัดขาก็ได้ไปนอนฟอกไตอยู่เตียงข้างๆ กันอะ คิกคิก ถึงแม้ว่าตอนที่ได้อ่านสาส์นจากเพื่อนรัก แล้วอยากพิมพ์ด่ากลับไปมากๆ แต่ด้วยความที่ผมเองก็เป็นคนมีมโนธรรมอยู่บ้างคนหนึ่ง เพราะงั้น…จะเห็นแก่คุณงามความดีของมัน ที่มันคอยช่วยซัพพอร์ต คอยให้การช่วยเหลือคุณกฤษณ์ ในการซุ่มจัดเตรียมงานแต่งงานของเ

  • Maid เมดจำเป็น   Special 1

    ฝึกเอาใจใส่สามีนี่ก็ผ่านวันแต่งงานมาแล้วเกือบหนึ่งอาทิตย์ ผมกับคุณกฤษณ์พักกันอยู่ที่เรือนเล็กทรงไทยทันสมัย ให้ความรู้สึกเหมือนมาพักที่รีสอร์ทมากกว่าพักอยู่บ้านซะอีก เรือนเล็กหลังนี้ตั้งอยู่ภายในอาณาเขตรั้วของคฤหาสน์หลังใหญ่ของหม่อมแม่คุณกฤษณ์ เดิมทีผมเองก็ไม่ได้อยากจะอยู่ค้างที่นี่หรอก เพราะว่ามันให้ความรู้สึกแปลกๆ มันไม่คุ้นชินที่ต้องมาอยู่ในบ้านหลังใหญ่อย่างนี้ แต่ว่าผมก็ไม่อยากหักหน้าผู้ใหญ่ท่าน ในเมื่อท่านแสดงความเมตตาต่อผม ผมที่เป็นเด็กกว่า แถมยังหลงรักลูกชายท่านหัวปักหัวปำขนาดนี้จะกล้าขัดได้อย่างไรผู้ใหญ่ว่ายังไง ผมก็ว่าแบบนั้น เพราะที่ผ่านมาก็ถือว่าท่านเมตตาเด็กที่ไม่มีอะไรติดตัวอย่างผมมากๆ แล้ว ที่ยอมให้เด็กตัวคนเดียวแถมยังจนอีกอย่างผม คบหาและแต่งงานกับลูกชายเพียงคนเดียวของท่าน แทนที่จะได้แต่งงานมีลูกหลานไว้สืบสกุล แถมวันงานท่านยังเดินยิ้มแย้ม เชิดหน้าชูตา ไม่สน ไม่แคร์ว่าจะมีกลุ่มคนที่ได้รับเชิญมาเป็นแขกในงานมงคล จะแอบซุบซิบนินทา ว่าร้ายอะไรให้ระคายหูบ้าง ที่ลูกชายเพียงคนเดียวของท่านแต่งงานกับผู้ชายด้วยกันเอง แถมผู้ชายคนนั้นยังเป็นแค่คนธรรมดาๆ อีกด้วยวันนั้น หลังจากที่พิ

  • Maid เมดจำเป็น   Episode 29

    วันนี้ผมนัดเจอกับฟูจิที่ห้างสรรพสินค้าใกล้ๆ ที่ทำงานของฟูจิ เพื่อที่จะเอาของฝากที่ซื้อมาให้มันกับพี่แดนไทย คุณกฤษณ์แวะมาส่งผมที่หน้าห้างก่อนที่เขาจะเลยไปทำธุระส่วนตัวต่อร้านกาแฟชื่อดังภายในห้างสรรพสินค้า คือสถานที่นัดพบของผมกับเพื่อนเลิฟที่มีอยู่เพียงคนเดียวบนโลกใบนี้ คือพอดีว่าผมเน้นเพื่อนที่คุณภาพไม่ได้เน้นปริมาณ เพราะงั้นก็เลยมีเพื่อนเพียงคนเดียวที่สนิทกันจริงๆ น่ะผมเข้ามารอในร้านและสั่งเครื่องดื่มมานั่งรอ เนื่องจากอากาศข้างนอกค่อนข้างร้อนจัดจนแทบเดือด นั่งจิบกาแฟที่สั่งมาได้ไม่นาน เพื่อนรักของผมก็ปรากฏตัวขึ้นด้วยสภาพที่เรียกว่าตัวแทบเปื่อยจนแทบจะเหลวเป็นน้ำได้ “จิ ทางนี้” ผมเรียกเบาๆ พลางโบกมือไปมา ส่งยิ้มทักทายให้ด้วยความดีใจที่ได้เจอหลังจากที่ไม่ได้เจอกันนานพอสมควร“โทษทีวะมึง รถแม่งโคตรติด ข้างนอกร้อนฉิบหายเลย” มาถึงฟูจิมันบ่นๆ พลางกระพือเสื้อเชิ้ตสีชมพูอ่อนระบายความร้อน พร้อมกับนั่งลงฝั่งตรงข้ามผมก่อนที่มันจะโบกลมใส่หน้าตัวเอง ด้วยท่าทางมีจริตจะกร้าน เห็นแล้วชวนให้น่าหมั่นไส้มากกกก“เออๆ ไม่เป็นไร กูต่างหากที่ต้องเป็นฝ่ายขอโทษ ที่นัดมึงตอนเวลาพักเที่ยงแบบนี้ จะกินน้ำอะไรด

  • Maid เมดจำเป็น   Episode 28

    แสงแดดยามเช้า สาดส่องผ่านหน้าต่างกระจกบานใสเข้ามาในห้อง แสงตกกระทบลงบนใบหน้าของผมที่นอนฝั่งใกล้หน้าต่างเข้าพอดี ทำให้ผมต้องลืมตาขึ้นมารับแสงอรุณของเช้าวันใหม่ ไกลถึงประเทศสิงคโปร์ หันมองข้างตัวก็เจอความว่างเปล่าอีกแล้ว แต่หูก็ได้ยินเสียงน้ำไหลจากฝักบัวในห้องน้ำ ก็เลยรู้ว่าคุณกฤษณ์กำลังอาบน้ำอยู่ ผมลุกขึ้นมานั่งเอามือยีหัวตัวเองเล็กน้อยเพื่อเรียกพลัง บิดแขนเอี้ยวตัวไปมาอีกนิดหน่อย อืม...ผมว่าผมหายเป็นปกติแล้วล่ะ ไม่ปวดเมื่อยตัว ไม่มึนหัว ไม่ง่วงนอนเหมือนเมื่อวานนี้แล้ว และพอจะก้าวขาลงจากเตียงคนที่อยู่ในห้องน้ำก็เดินออกมาพอดี ทั้งเนื้อทั้งตัวของเขายังมีหยดน้ำเกาะอยู่เล็กน้อย ดูบนแผงอกกว้างกำยำนั่นสิ มีหยดน้ำเม็ดเล็กๆ เกาะพราวอยู่ด้วย แล้วตรงหัวนมสีน้ำตาลเข้มของเขามันก็ตั้งชันสู้อากาศเย็นฉ่ำภายในห้องด้วย มันช่างท้าทายผมซะเหลือเกิน…ฮึ่ม!! อึก! ผมลอบกลืนน้ำลายลงคอที่แห้งผากอึกใหญ่ เลื่อนสายตาจากแผงอกและหัวนมของเขาลงไปที่หน้าท้องซึ่งมีกล้ามสวยเป็นลอนงามๆ ก่อนจะไปหยุดอยู่ที่ปมผ้าขนหนูสีขาวผืนหนาที่พันอยู่รอบเอวสอบที่ผมชอบกอด ชอบเอาขาเกาะเกี่ยวด้วยใบหน้าเห่อร้อนอา...เซ็กซี่เป็น

  • Maid เมดจำเป็น   Episode 27

    เกือบหนึ่งทุ่มผมกับคุณกฤษณ์ถึงได้พากันออกจากบ้าน รถติดตลอดทาง ซึ่งกว่าจะไปถึงร้านพี่ย้งที่อยู่อารีย์ก็เรียกว่าไปสายมากพอสมควร ตอนที่อยู่ในรถไอ้ฟูจิก็ไลน์มาเร่งผมยิกๆ ไม่รู้จะรีบอะไรนักหนา กลัวเหล้าที่ร้านพี่ย้งหมดร้านหรือว่ากลัวร้านพี่ย้งจะหายไปในอากาศหรือยังไงก็ไม่รู้และเพียงก้าวเท้าเข้าไปข้างในร้าน นอกจากลูกค้าที่มาใช้บริการกันอย่างหนาแน่นตั้งแต่ช่วงหัวค่ำแล้ว ผมยังปะหน้ากับพี่ย้งที่ในมือถือแก้วเหล้าเป็นปกติของแกเข้าพอดี ผมคาดเดาว่าคงเป็นลูกค้าสาวๆ กลุ่มนั้นนั่นแหละ ที่จัดการแบ่งปันเครื่องดื่มที่พวกตัวเองเป็นจ่ายเงินให้กับเจ้าของร้านได้เมาเกือบหัวราน้ำตั้งแต่หัวค่ำ“โอ้โห ไอ้คุณโยครับ กว่าจะโผล่หัวมาให้พี่ให้เชื้อเจอตัวได้นะ กูนึกว่าดาราดัง!” พี่ย้งเอ่ยแกมประชด แซวผมด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ ก่อนเบนสายตาไปยังคนที่ยืนอยู่ข้างหลังผมซึ่งก็คือคุณกฤษณ์ จากนั้นก็ดึงสายตากลับมาที่ผมพลางเบ้ปากหน่อยๆ หนวดที่ขึ้นหรอมแหรมอยู่เหนือริมฝีปากบนนี่กระดิกยิกๆ เลย ราวกับว่าความอยากเสือกและความช่างกระแนะกระแหน มันพุ่งพล่านอยู่ในกระแสเลือดแข่งกับแอลกอฮอล์ที่แกดื่มอยู่ทุกคืน“พี่ย้ง สวัสดีครับ” ผมรีบเ

  • Maid เมดจำเป็น   Episode 26

    หลังกลับมาจากนครนายก นี่ก็ผ่านไปหนึ่งเดือนแล้ว ทุกคนก็อยู่กันอย่างสงบสุขจนน่าหวั่นเกรงหน่อยๆ เส้นทางมันราบรื่นมากเกินไปจนน่ากลัว ทางบ้านของคุณกฤษณ์ก็ไม่มีการโทรมาตามผมไปต่อว่าต่อขาน ไม่มีการเรียกตัวคุณกฤษณ์ไปพบ ไม่มีการสร้างเรื่องราวมาให้ชวนปวดใจและปวดหัวเหมือนในละครหลังข่าวแต่ว่าวันนี้มันก็มีข่าวหนึ่งที่ผมเห็นผ่านตาจากโซเชียลแล้วมันก็ทำให้ผมตกใจมากเช่นกัน ตกใจจนตาค้างเลยล่ะครับระหว่างที่ผมกำลังไถเฟซบุ๊กเล่นอยู่นั้น หน้าฟีดจากสำนักข่าวซุบซิบเซเลปคนดังก็ขึ้นข่าวของคุณริตา ผมจำเธอได้เพราะรูปเธอขึ้นเด่นหราขณะที่กำลังก้าวขาขึ้นรถคันหรูไปกับผู้ชายหนึ่งคน หัวข้อข่าวเขียนว่าทั้งคู่กำลังจะจัดงานแต่งงานกันเร็วๆ นี้ และฝ่ายชายก็เป็นถึงทายาทเศรษฐีนักธุรกิจในแวดวงธุรกิจอสังหาริมทรัพย์“เชี่ย!” ผมรีบถือโทรศัพท์วิ่งไปยังห้องทำงานของคุณกฤษณ์ทันที ไม่สนใจเรื่องมารยาทที่ว่าต้องเคาะประตูก่อน ผมถือวิสาสะเปิดประตูเข้าไป คนในห้องก็เงยหน้าขึ้นมามองอย่างงุนงง “มีอะไรหรือเปล่าครับคุณโย หน้าตาตื่นมาเชียว” คุณกฤษณ์ถาม พลางวางปากกาที่อยู่ในมือลงบนสมุดตรวจงาน พลางมองมาที่ผมด้วยสีหน้าใคร่รู้“คุณ คุณเห

  • Maid เมดจำเป็น   Episode 25

    “คุยอะไรกับพี่หญิงครับคุณโย” เสียงทุ้มเอ่ยถามพร้อมกับร่างกายสูงใหญ่นั่งลงข้างๆ ผม ผมมองเขาแวบหนึ่งแล้วเหลือบมองไปยังผู้หญิงอีกคนที่ยืนทำหน้าสวยอยู่ข้างๆ เจ้าของคำถาม ก่อนที่จะตอบคำถามของเขาด้วยเสียงเรียบเรื่อย “คุยเรื่องทั่วไปๆ แหละครับ ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ” และถึงแม้ว่าตอนนี้ผมจะแสดงสีหน้าปกติ แต่ว่าภายในใจของผมก็นึกอยากจะถามเขากลับไปอยู่เหมือนกัน ว่าเขาหายหัวไปไหนมาตั้งนานสองนาน ทำไมไม่ตามผมออกมาตั้งแต่ที่รู้ตัวว่าผมหนีมาจากดงผู้ดีนั้นแล้ว แต่มาคิดๆ ดูอีกทีให้มันดีๆ แล้ว หากว่าเขาทำแบบนั้นขึ้นมาจริงๆ ผมคงจะดูเป็นคนที่แย่มากในสายตาของผู้ใหญ่ โดยเฉพาะหม่อมแม่ของเขา แล้วเสียงหวานๆ ของผู้หญิงอีกคนก็ดังขึ้นมาขัดจังหวะการพูดคุย การมองตาของผมกับคนข้างๆ เหมือนว่าเธอตั้งใจที่จะแทรกเข้ามาระหว่างเราสองคนอยู่แล้ว“น้ำเย็นมากไหมคะคุณโย ริตากลัวหนาวจังเลยค่ะ” เธอถามด้วยน้ำเสียงหวานหยดย้อยอ่า...แต่ว่าดูจากชุดที่คุณริตาเธอใส่มาแล้ว ไม่น่าถามคำถามนี้ออกมาเลยนะครับ ดูคุณริตาเธอก็เตรียมตัวมาเล่นน้ำอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ เสื้อสายเดี่ยวสีหวานๆ รัดๆ ขับเน้นหน้าอกหน้าใจให้เห็นกันจะๆ แบบไม่ปิดบังสายตา

  • Maid เมดจำเป็น   Episode 24

    ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปกี่วันความสัมพันธ์ระหว่างผมกับคุณกฤษณ์ก็ยังคงดำเนินไปอย่างราบรื่น มันราบรื่นดีจนน่าตกใจเลยล่ะครับ วันจันทร์ถึงวันศุกร์เขาก็ออกไปทำงาน ไปสอนหนังสือ ส่วนเสาร์อาทิตย์ก็ขลุกอยู่กับผมทั้งวันทั้งคืนโดยที่ไม่มีใครมากวนใจ เราสองคนยังคงมีค่ำคืนที่เร่าร้อนด้วยกันอยู่ทุกค่ำทุกคืน แล้วก็มีบ่อยครั้งที่ผมถามว่าเขาออกไปว่า ‘เคยคิดที่จะเบื่อเซ็กส์ของผมบ้างไหม?’ คำตอบที่ได้ก็คือผมโดนจัดหนักจัดเต็มจนร่างแทบร่วงเป็นมะม่วงถูกสอยลงมาจากต้น แล้วจากนั้นเป็นต้นมาผมก็เลิกถาม เพราะว่าผมต่อกรกับคนหื่นกามอย่างคุณกฤษณ์ไม่ไหวจริงๆ “คุณโย พรุ่งนี้พี่หญิงชวนไปปิกนิก คุณโยคิดว่าไงครับ อยากไปไหม?” คำถามจากคนที่นั่งทานข้าวเย็นด้วยกันกับผมซึ่งเขานั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม ทำให้ผมเบิกตาโตเล็กน้อย รีบเคี้ยวข้าวในปากให้หมดก่อนถามออกไป “ปิกนิกเหรอครับ?”เขาพยักหน้ารับ พูดด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อย “ใช่ครับ ไปน้ำตกที่นครนายก ครอบครัวของผมเรามีบ้านพักอยู่ที่นั่นด้วย” พูดมาแบบนี้คงไม่คิดที่จะไปค้างคืนหรอกใช่ไหม?“พี่หญิงชวนค้างที่นั่น คงต้องค้างสักคืน” นั่นไง กูว่าแล้วเชียว“ต้องค้างด้วยเหรอครับ” ผมกะพริบตาป

DMCA.com Protection Status