แชร์

Episode 2

ผู้เขียน: Storytellers
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-12-03 14:45:30

ยี่สิบนาที

หลังจากคุยกันไม่ลงตัวและเขากับผมก็จ้องตากันอยู่เนิ่นนาน จู่ๆ เขาก็พูดขึ้นมาว่าให้เวลาผมในการเตรียมตัวยี่สิบนาที หลังจากที่ผมดื้อดึงบอกว่าตัวเองไม่มีที่ไป เขาทำหน้าเบื่อหน่ายแล้วออกคำสั่งนั้นออกมา ถึงแม้ว่าผมจะงงๆ แต่ก็ยังคงทำตามที่เขาสั่งอย่างมีความหวัง รีบวิ่งแจ้นกลับเข้าไปในห้องนอน เก็บเสื้อผ้ากับของใช้ส่วนตัวที่จำเป็นใส่ลงในกระเป๋าเสื้อผ้า แต่ถึงแม้ว่าผมจะเลือกแล้วว่าอันไหนจำเป็นต้องเอาไปด้วย ทว่ามันก็ดูจะล้นกระเป๋าเดินทางใบเล็กๆ ของผมอยู่ดี

ผมจัดการรูดซิปปิดกระเป๋าเมื่อตรวจทานทุกอย่างถี่ถ้วนดีแล้ว จากนั้นก็รีบคว้าผ้าเช็ดตัววิ่งเข้าไปในห้องน้ำ ใช้เวลาไม่นานผมก็วิ่งออกมาจากห้องน้ำ ทั้งๆ ที่ตัวเปียกหมาดๆ เพราะเช็ดยังไม่แห้งสนิทดี เพียงไม่กี่นาทีผมก็แต่งตัวเสร็จเรียบร้อย ผมใส่เสื้อเชิ้ตคอจีนสีฟ้าอ่อนกับกางเกงขายาวสีครีมและลากกระเป๋าเสื้อผ้าออกมาจากห้อง

“เรียบร้อยแล้วครับ” ผมบอกเขาแบบนั้น ทั้งๆ ที่เขาไม่ได้มองผมด้วยซ้ำ เพราะเขาเอาแต่ก้มหน้าเล่นโทรศัพท์ แต่จริงๆ เขาจะทำอะไรมันก็เรื่องของเขานั่นแหละ ไม่เกี่ยวอะไรกับผมอยู่แล้ว

ทว่าพอเขาได้ยินเสียงของผม เขาก็ยอมเงยหน้าขึ้นมาให้ความสนใจ เขามองผมตั้งแต่หัวจดเท้า มองผมเหมือนที่เขามองตอนที่ผมเปิดประตูให้เมื่อเช้า เห็นเขามองแบบนั้นผมเลยก้มมองตัวเองบ้าง ก็ไม่เห็นจะมีอะไรแปลกตรงไหน ผมก็แต่งตัวเรียบร้อยดีนี่นา ซิปก็รูด กระดุมก็ติดทุกเม็ด

ผมเงยหน้าขึ้นมองเขาอีกครั้ง เราเลยประสานสายตากัน จากนั้นเขาก็กระแอมออกมาเบาๆ แล้วลุกจากโซฟา เดินออกไปที่ประตูโดยไม่ได้พูดอะไร

ผมยังไม่รู้ว่าเขาจะพาผมไปทิ้งไว้ไหน แต่ก็ยอมลากกระเป๋าเดินตามเขาออกไปอย่างง่ายๆ เพราะรู้สึกว่าเขาเป็นเพียงคนเดียวที่ให้แสงสว่างกับผมในตอนนี้ได้ ในช่วงที่ชีวิตของผมมืดมน ถึงแม้ว่าผมกับเขาจะเพิ่งรู้จักและพบเจอกันเป็นครั้งแรกก็เถอะ

ผมเดินตามเขาออกมาจากลิฟต์หลังจากที่มันพาเราสองคนมาถึงชั้นล่าง เขาเดินนำโดยที่ผมหอบกระเป๋าเดินตามต้อยๆ โดยไม่ปริปากบ่น เรื่องมันมาเป็นแบบนี้ได้ยังไงผมเองก็ไม่เข้าใจนัก แต่ที่แน่ๆ คือผมไม่มีที่จะซุกหัวนอน เพราะบ้านถูกขายแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัวมาก่อน

“เอ่อ คุณครับ เรากำลังจะไปไหนกันเหรอ?” ผมถามเขาขณะที่เดินตามเขาไปยังลานจอดรถที่อยู่ใต้คอนโดฯ

เขาหันมามองผมแล้วส่ายหน้า จากนั้นก็สาวเท้าเดินต่อไปจนกระทั่งเขาไปหยุดอยู่ที่รถหรูคันหนึ่ง

“อ่า...คงรวยจริงๆ สินะ”

เขายืนอยู่ข้างรถซูเปอร์คาร์สีดำมันปราบ จ้องมาทางผมที่ยืนนิ่งอยู่ที่เดิมไม่ได้เดินตามไป ก็คนมันตื่นเต้นนี่นา เกิดมายังไม่เคยนั่งรถราคาแพง ยี่ห้อหรูแบบนี้มาก่อน

“มาสิคุณ ผมมีธุระต้องไปที่อื่นอีกนะ”

“อ่า ครับ ขอโทษครับ จะไปเดี๋ยวนี้แล้วครับ” ผมตอบรับแล้วกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปหาคนเรียก

พอผมเข้าไปใกล้ตัวรถเขาก็เปิดประตูแล้วก้มตัวเข้าไปในรถ ก่อนจะยืดตัวออกมาพร้อมกับหน้ากากอนามัยสีดำ มันถูกยื่นส่งมาให้ผม ผมมองแบบงงๆ ไม่ได้รับมาในทันที แต่พอเขาเลิกคิ้วพร้อมกับสายตาทิ่มแทงผมเลยร้องอ๋อในใจ

ช่วงนี้โรคโควิดกำลังระบาดแต่ผมแม่งรีบร้อนจนลืมใส่แมส แถมยังเดินชิลๆ เข้าไปในลิฟต์ เดินเฉิดฉายออกมาจากลิฟต์โต้งๆ

อ่า แต่ไม่เป็นไรนะ ผมฉีดวัคซีนครบสองเข็มแล้ว

“ขอบคุณครับ ผมลืมไปเลย” ผมว่าแบบนั้นพร้อมยิ้มแห้งๆ ก่อนรับแมสสีดำมาใส่เอาไว้ แต่จังหวะที่จะเปิดประตูเข้าไปนั่งในรถ เขาก็ทำในสิ่งที่ผมคาดไม่ถึง

สเปรย์ฆ่าเชื้อถูกฉีดพ่นมาอย่างไม่ให้ตั้งตัว จนผมหน้าเหวออยู่ภายใต้หน้ากากสีดำ โชคดีหน่อยที่เขายังใจดี ไม่ฉีดสเปรย์มาตอนที่ผมยังไม่มีอะไรป้องกันใบหน้าและจมูกกับปาก

“ขอโทษที แต่คุณไม่ป้องกันตัวเองเลย” เขาว่าเสียงเรียบแล้วแทรกตัวเข้าไปในรถ ผมได้แต่กะพริบตาปริบๆ ครู่หนึ่งถึงได้แทรกตัวเข้าไปนั่งในรถของเขาบ้าง

อืม…รถหรู ออฟชั่นมันเจ๋งดีจริงๆ

คาดเข็มขัดนิรภัยแล้วนั่งตัวเกร็ง กวาดตามองรอบๆ รถขณะที่รถเคลื่อนตัวออกไปจากที่จอดรถใต้คอนโดฯ

“เอ่อ จะพาผมไปไหนเหรอครับ” ผมถามหลังจากที่นั่งรถมาได้สักพัก แล้วรถก็ขับพาออกมาจากแหล่งแออัด ถนนโล่งขึ้นเรื่อยๆ เพราะกำลังมุ่งหน้าสู่เขตปริมณฑล

“ไปบ้านผม ผมจะให้คุณไปอยู่ที่นั่นกับผมก่อนก็แล้วกัน ระหว่างที่ผมให้คนเข้าไปรีโนเวทห้องใหม่”

ผมกลืนน้ำลายลงคอหลังจากได้ยินคำตอบ ความรู้สึกของผมตอนนี้มันบอกไม่ถูกว่ารู้สึกยังไงบ้าง ความรู้สึกสับสน วุ่นวายตีกันยุ่งไปหมด แต่การที่เขาจะให้ผมไปอยู่ที่บ้านของเขามันจะดีเหรอ

ผมหันไปมองหน้าเขาแล้วถามออกไป “ให้ผมไปอยู่ด้วยมันจะดีเหรอครับ”

“ทำไมล่ะ คุณบอกเองนี่ว่าไม่มีที่ไปไม่ใช่เหรอ?” เขาตอบโดยที่ไม่ได้หันมามองหน้าผม เพราะกำลังตั้งใจขับรถ รถของเขามันพุ่งมาก พุ่งจนผมนึกกลัว กลัวว่าจะได้ไปเจอหน้ายมบาลก่อนจะได้ไปถึงบ้านของเขา

ผมกำสายเบลท์ที่อกเอาไว้แน่น “แต่ว่า...ผมเกรงใจ ความจริงคุณให้ผมอยู่ที่คอนโดฯ ก็ได้นะ แล้วถ้าช่างจะเข้าไปก็แค่โทรบอกผม เดี๋ยวผมจะออกไปอยู่ข้างนอกเอง ถ้าพวกเขากลับไปแล้ว ผมค่อยกลับห้องก็ได้”

เอาจริงๆ ตอนนี้ผมเริ่มกลัวเขาขึ้นมาแล้วนะ ก่อนหน้านี้ที่เออออตามเขาก็เพราะว่าผมสติแตกอยู่ แต่พอเวลาผ่านไปสักระยะหนึ่งผมก็เริ่มคิดได้แล้ว คิดได้ว่าผมไม่ควรมากับคนแปลกหน้าง่ายๆ แบบนี้ แล้วที่บอกว่าจะพาผมไปอยู่ที่บ้านน่ะ เอาจริงๆ ไม่มีใครที่ไหนใจดีกับคนแปลกหน้าแบบนี้หรอกถ้าไม่หวังผลประโยชน์ และผมก็คิดว่าผมไม่มีประโยชน์อะไรจะให้เขาด้วย นอกจากว่าเขาจะเอาผมไปขาย

คิดมาแล้วผมก็เบิกตาโพลง หันไปมองหน้าเขาด้วยความกระวนกระวาย คงไม่ใช่ว่าเขาจะเอาผมไปขายจริงๆ หรอกใช่ไหม...?

“มองหน้าผมแบบนั้นทำไมครับ คิดอะไรแปลกๆ อยู่หรือไง”

“อ่า...ปะ เปล่าครับ ผมไม่ได้คิดอะไรแปลกๆ นะ!”

ผมกลับมานั่งเครียดต่อหลังจากที่ตอบเขาไปแบบนั้น แล้วความเงียบก็เกิดขึ้นระหว่างผมกับเขา จนกระทั่งรถเลี้ยวเข้ามาในหมู่บ้านจัดสรร ผ่านประตูอลังการของโครงการและป้อมยามเข้ามาลึกพอควร คะเนด้วยสายตาแล้ว ในหมู่บ้านแห่งนี้น่าจะมีบ้านไม่เกินยี่สิบหลัง แล้วแต่ละหลังก็อยู่ห่างกันมากพอประมาณ บ้านเดี่ยวหลังใหญ่ทรงโมเดิร์น มีรั้วรอบขอบชิดและมีพื้นที่ใช้สอยส่วนตัวกว้างขวาง

รถจอดนิ่งสนิทหลังจากเลี้ยวเข้ามาภายในเขตตัวบ้าน บ้านของเขาต้นไม้เยอะชะมัด

เขานำลงไปก่อนหลังจากดับเครื่องยนต์เรียบร้อยแล้ว ผมที่ชั่งใจอยู่ว่าจะเอายังไงดี สุดท้ายแล้วก็ต้องตามลงไปเพราะว่าเขามาเคาะกระจกเรียก

กระเป๋าเสื้อผ้าของผม ผมกอดมันเอาไว้แน่นขณะที่เดินตามเจ้าของบ้านเข้ามาด้านใน ผมกวาดตามองไปรอบๆ บ้านอย่างอยากรู้อยากเห็น มันเอ่อ...แบบว่า ดูหรูหราสมฐานะของเขามากๆ ให้ตายเหอะ แล้วพอมาคิดๆ ดูแล้ว บ้านของเขาก็หลังใหญ่และสวยขนาดนี้ แล้วเขาไปซื้อบ้านขนาดกะทัดรัดของผมทำไมกันนะ

“นั่งสิคุณ กระเป๋าเสื้อผ้าน่ะวางลงก่อนก็ได้” เขาบอกหลังจากที่พาเดินมาถึงห้องรับแขก ผมได้แต่กะพริบตาปริบๆ แต่ก็ยอมทำตามที่เขาบอกอย่างว่าง่าย

ผมเดินไปนั่งที่โซฟาตัวใหญ่ยาวอย่างกล้าๆ กลัวๆ แต่เบาะมันนิ่มก้นมากๆ แค่นั่งลงไปก็รู้สึกสบายแล้ว จนผมลืมความกลัวและปล่อยใจให้เพลิดเพลินไปกับความนุ่มของมันชั่วขณะ

ผมวางกระเป๋าไว้ที่พื้นข้างๆ เท้า ขณะที่เจ้าของบ้านเดินหายเข้าไปในครัว แล้วกลับออกมาพร้อมน้ำเปล่าสองแก้ว เขายื่นหนึ่งในสองแก้วนั้นให้ผม จากนั้นก็นั่งลงที่โซฟาฝั่งตรงข้าม ยกขาขึ้นมาไขว่ห้าง ก่อนจะถอดแมสสีดำที่ปิดบังใบหน้าและป้องกันเชื้อโรคออก ผมเลยทำตามเขาบ้าง ถอดแมสสีดำออกพับเก็บใส่กระเป๋าเสื้อที่อกด้านซ้ายแล้วเงยหน้าขึ้นมา

อ่า...แสบตาจัง

ผมกะพริบตาถี่รัว ริมฝีปากขบเม้มเข้าหากันอัตโนมัติ ลมหายใจของผมมันติดขัดขึ้นมาอย่างกะทันหัน จนต้องแอบสูดหายใจเข้าลึกๆ สองสามครั้ง แล้วตั้งสติไม่ให้หลงเตลิดไปกับภาพลวงตาที่อยู่เบื้องหน้า

ต้องขอบอกตามตรงเลยว่า ผู้ชายคนนี้หล่อมากจริงๆ หล่อลากไส้อย่างกับดารานายแบบ

“มองอะไรขนาดนั้นครับ ดื่มน้ำก่อนสิ”

“…” ผมไม่รู้จะตอบยังไงเพราะถูกจับได้ซึ่งๆ หน้าว่าเสียมารยาท เลยได้แต่ก้มหน้าก้มตาดื่มน้ำในแก้วอึกๆ จนหมดแก้วภายในเวลาอันรวดเร็ว จะบ้าตาย ทำไมใจผมต้องเต้นแรงด้วยเนี่ย ไม่ใช่ว่าเพิ่งจะเคยเจอคนหน้าตาดีระดับพระเอกเป็นครั้งแรกซะหน่อย

“ที่ผมให้คุณมาอยู่ที่นี่ กรุณาอย่าคิดเป็นอื่นนะ ผมก็แค่สงสารเห็นว่าคุณไม่มีที่ไป”

“อ๋อครับ ผมไม่คิดอะไรอยู่แล้ว” ผมตอบกลับในทันทีหลังจากเขาพูดจบ

เขายักไหล่ มองหน้าผมแล้วยิ้มมุมปาก “อ้อเหรอครับ ผมแค่กลัวว่าคุณอาจจะคิดว่าผมพาคุณมาทำมิดีมิร้าย หรืออาจจะถึงขั้นพามาขายน่ะ”

ผมหน้าแดง หูร้อนเพราะความอาย ทำไมเขาถึงรู้ล่ะว่าผมคิดอะไรอยู่ หรือว่าตอนนั้นหน้าผมมันฟ้องว่าผมคิดแบบนั้นจริงๆ แต่ถึงผมจะคิด ผมก็จะไม่ยอมรับหรอกนะและจะเถียงออกไปอย่างข้างๆ คูๆ ด้วย

“ผมไม่ได้คิดแบบนั้นซะหน่อย”

“หึหึ ไม่ได้คิดก็ดีแล้วล่ะครับ เพราะผมไม่ได้มีอาชีพนั้นอยู่แล้ว” เขาขยับตัวปรับท่านั่ง เอาขายาวๆ ที่ยกขึ้นไขว่ห้างลง แล้วเอนตัวพิงพนักโซฟาด้วยท่าทางสบายๆ 

“อ่า…” เขาหล่อเป็นบ้าเลยให้ตายสิครับ

เขาเลิกคิ้วเมื่อเห็นว่าผมมองตาไม่กะพริบ ทำให้ผมได้สติแล้วกระแอมออกมาเบาๆ เก้อเขิน จะหยิบแก้วน้ำขึ้นมาจิบแก้กระดากก็ไม่ได้ เพราะว่าผมกินหมดแล้ว จะขอใหม่ก็อายเลยได้แต่กะพริบตาปริบๆ เหมือนคนโง่อยู่อย่างนั้น เอาจริงๆ ผมเป็นคนนิสัยเสียอย่างหนึ่งนะ

คือผมน่ะแพ้ทางให้คนหล่อ...!!!

“ที่ผมให้คุณมาอยู่ที่นี่ ผมไม่ได้ให้คุณมาอยู่เฉยๆ หรอกนะ แต่ผมมีเงื่อนไขอย่างหนึ่ง ผมจะให้คุณมาทำงานเป็นเมดให้ผม มาคอยดูแลบ้าน ทำความสะอาด รดน้ำต้นไม้ ตัดหญ้า ทิ้งขยะ คุณต้องซักเสื้อผ้า รีดผ้าเอง เพราะผมไม่ชอบส่งซัก ไม่ชอบให้เสื้อผ้าไปปะปนกับเสื้อผ้าของคนอื่น ว่าไง คุณโอเคกับข้อเสนอของผมไหม?”

“หา? อะ อะไรนะครับ” ก็รู้อยู่แล้วแหละว่าไม่ได้ให้มาอยู่ฟรีๆ ถึงมันจะเกินความคาดหมายไปหน่อย เกินกว่าสิ่งที่ผมเดาสุ่มมั่วๆ ไปมากก็เหอะ แต่ให้ผมมาเป็นแม่บ้านเนี่ยนะ จะบ้าเหรอ!!!

“ก็ตามที่ผมบอกนั่นแหละ พอดีว่าเมดคนก่อนหน้านี้เขาติดโควิด รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล แต่กว่าจะกลับออกมาก็คงอีกนาน แล้วผมก็คงไม่มีเวลาไปรอเขาขนาดนั้น ดังนั้นก็เลยต้องหาคนใหม่ คุณก็อยู่ที่นี่ไปก่อนระหว่างที่คุณหาที่ไป ผมมีค่าจ้างให้เป็นรายเดือน ที่พักฟรี ส่วนอาหารการกิน คุณก็ทำเอาเองหรือจะออกไปซื้อก็ได้แล้วแต่คุณเลย แต่ถ้าคุณทำก็อย่าลืมทำเผื่อผมด้วย แล้วถ้าจะซื้อก็ซื้อมาเผื่อผมด้วย แต่ไม่ต้องทำมื้อเช้าเผื่อผมนะ ผมไม่กินข้าวเช้า”

ผมฟังสิ่งที่เขาสาธยายออกมายาวเหยียดพลางกลืนน้ำลายลงคอ 

สรุปแล้วทั้งหมดทั้งมวลคือผมได้งานใหม่แล้ว คือแม่บ้านเหรอครับ

“ดะ เดี๋ยวก่อนนะ ผมยังไม่ได้บอกเลยว่าผมจะทำ”

เขาหัวเราะในลำคอ มองหน้าผมด้วยแววตาเรียบนิ่ง “อันนั้นก็แล้วแต่คุณนะ ผมไม่บังคับเพราะผมคงช่วยคุณได้แค่นี้ ถ้าคุณไม่ทำงานนี้ก็มีคนอื่นทำ คนตกงานเยอะแยะนะคุณที่อยากได้งานทำ คิดดูให้ดีๆ ล่ะ”

แล้วเขาก็ลุกไปจากโซฟา หายเข้าไปในห้องห้องหนึ่งทางปีกขวาของบ้าน ทิ้งผมไว้กับความมึนงงที่ไม่รู้จะเอายังไงกับชีวิตต่อดี

“ไอ้ฟูจิ ฟูจิช่วยกูด้วย” ผมพึมพำถึงเพื่อนสนิทคนเดียวที่มี แล้วเอาโทรศัพท์ออกมากดโทรหามันในทันที

รออยู่นานกว่าคนปลายสายจะยอมรับสายของผมได้

[เออ ว่าไงมึง โทรมามี’ไร รีบๆ พูดเลยทำงานอยู่]

“ฟูจิมึงช่วยกูด้วยนะ ช่วยกูด้วย” ผมกรอกเสียงลนลานไปตามสาย ไอ้ฟูจิเงียบไปพักหนึ่งเหมือนกำลังทำอะไรสักอย่างกว่าจะตอบกลับมา

[ช่วยอะไร เรื่องงานน่ะ กูกำลังให้พี่ไทยเขาดูให้อยู่ ตำแหน่งมันยังไม่ว่าง มึงช่วยรออย่างใจเย็นได้ไหมเนี่ยโย]

“ไม่ ไม่ใช่เรื่องนั้น” ผมตอบไปพลางสั่นขาด้วยอาการร้อนรนไปด้วย ตอนนี้มันสับสนไปหมด

[ไม่ใช่เรื่องนี้ แล้วเรื่องไหนอีกล่ะโย] ฟูจิมันทำเสียงเหนื่อยหน่ายใจ ผมก็พอจะเข้าใจมันแหละ

“ไอ้ฟลุ๊คมันเอาบ้านกูไปขาย จิ ไอ้เหี้ยนั่น มันเอาบ้านกูไปขายแล้ว ฮึก!” ผมร้องไห้ออกมาอีกแล้ว

ไอ้ฟูจิมันนิ่งไป ก่อนถอนหายใจออกมาเสียงดังจนก้องอยู่ในหู [กูเคยบอกมึงแล้วใช่ไหม ว่าไอ้เหี้ยนั่นมันไว้ใจไม่ได้ มึงเคยฟังกูบ้างไหมโย เคยฟังกูไหม?]

อ่า...ใช่แล้ว ผมไม่เคยฟังสิ่งที่เพื่อนเตือนเลย เพราะหลงมัวเมาไปกับคำพูดหวานๆ ของคนที่บอกรักผมผ่านโทรศัพท์อยู่ทุกวัน

“ฮึก ขอโทษ กูก็ไม่คิดว่าแม่งจะเหี้ยขนาดนี้”

[แล้วนี่มึงอยู่ไหน? บอกมากูจะไปรับ ยังอยู่คอนโดฯ ใช่ไหม?] น้ำเสียงห่วงใยของฟูจิทำให้ผมน้ำตาร่วงหนักยิ่งกว่าเดิม รู้สึกขอบคุณแต่ก็ไม่อยากเป็นภาระให้เพื่อนอยู่ดี เพราะว่าฟูจิมันอยู่กับพี่แดนไทย แล้วห้องที่อยู่ด้วยกันก็เป็นห้องของพี่แดนไทย ผมไม่อยากเข้าไปยุ่งวุ่นวายกับพวกเขาขนาดนั้น

“เอ่อ กู คือว่ากูย้ายออกมาแล้ว เจ้าของคนใหม่เขาจะให้คนเข้าไปรีโนเวท” ผมบอกเสียงแผ่ว

[เฮ้อ แล้วนี่มึงอยู่ไหน? มีที่ไปหรือไง แล้วเงินค่าขายบ้านล่ะ ได้แบ่งมาหรือเปล่า]

ผมส่ายหน้า ตอบกลับไปแค่เสียงร้องไห้

[เหี้ยเอ้ย แล้วแบบนี้จะทำยังไงล่ะโย ให้กูไปรับไหม? บอกมาสิวะว่าอยู่ที่ไหน?]

“เอ่อ มะ ไม่ต้องๆ ไม่ต้องมารับหรอก พอดีว่ากูได้งานทำแล้ว และเขาก็มีที่อยู่ที่กินให้ มึงไม่ต้องเป็นห่วงนะ” ผมพูดไปร้องไห้ไป แต่ก็ต้องกลั้นเสียงสะอื้นเอาไว้ “จะ จิ ถ้าแบบว่า…ถ้ากูอยากร้องไห้ กูโทรหามึงได้ไหม?”

[...เฮ้อ โย กูเพื่อนมึงไหม? มึงอยากร้องไห้ อยากหัวเราะ อยากด่าใคร หรือว่ามึงชอบใคร อยากระบายอะไรก็โทรมาได้ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง เข้าใจไหมหมาน้อยโย]

“ฮืออออ ฟูจิ กูรักมึงนะฮึก!”

ผมกดวางสายพลางเช็ดน้ำตาออกลวกๆ แล้วพอเงยหน้าขึ้นมา เจ้าของบ้านก็เข้ามาอยู่ในกรอบสายตาของผมแล้ว

“มะ มาอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่เหรอครับ” ผมถามเขาแล้วรีบเช็ดน้ำตาให้แห้ง

เขาไม่ได้ตอบคำถาม แต่ยืนกอดอกพิงสะโพกกับพนักโซฟาแล้วจ้องหน้าผมนิ่งๆ “คุณชอบร้องไห้เหรอ?”

ผมขมวดคิ้วพลางส่ายหน้า “ผมเปล่า ใครที่ไหนจะชอบร้องไห้ล่ะ”

“เหรอ? แต่ผมเห็นคุณร้องอยู่ตลอดเลยนะ อย่างน้อยๆ วันนี้ก็สองครั้งแล้วที่ผมเห็น”

ผมได้แต่เม้มปากเมื่อเขาพูดความจริง

“สรุปแล้วคุณจะทำงานที่นี่ใช่ไหม?”

ผมพยักหน้าเพราะปฏิเสธอะไรไม่ได้แล้ว หนึ่งเลยคือไม่มีที่ไป สองก็คือไม่มีที่ไปอีกนั่นแหละ

“ถ้างั้นก็ตามผมมา ผมจะพาไปดูห้องพัก” เขาไม่ได้หมุนตัวออกไปในทันที แต่จ้องผมไม่ว่างตาจนผมต้องรีบคว้ากระเป๋าเสื้อผ้ามาถือไว้ แล้วลุกขึ้นยืนนั่นแหละเขาถึงได้ก้าวขายาวๆ นั้นออกเดิน

เจ้าของบ้านหรือก็คือนายจ้างคนใหม่ของผม เขาพาผมเดินมาที่หลังบ้านซึ่งถัดมาจากห้องครัวและห้องซักรีด

“นี่เป็นห้องพักของคนงานคนก่อนๆ ข้าวของข้างในคุณใช้ได้ทั้งหมด เพราะเป็นของที่ผมซื้อ ส่วนห้องน้ำ คุณต้องออกไปใช้ข้างนอก เพราะที่นี่ไม่มีห้องน้ำในตัวให้ คุณพอใจไหม?”

ผมมองไปรอบๆ ห้องพลางถอนหายใจ มันก็พออยู่ได้แหละถึงมันจะเล็กและดูคับแคบไปหน่อย แต่ก็มีของใช้ให้ครบครัน ไม่ว่าจะตู้เสื้อผ้า โต๊ะเครื่องแป้ง เตียงนอนและ เอ่อ...พัดลมเพดานหนึ่งตัว

“ครับ” ผมตอบไปแค่นั้น เพราะไม่รู้จะตอบอะไรอีก ถึงแม้จะอยากขอแอร์สักตัวแต่มันคงเป็นไปไม่ได้

“ดี ถ้างั้นมาคุยเรื่องค่าจ้างกัน” เขายืนอยู่หน้าประตูห้อง ส่วนผมเดินมาวางกระเป๋าเสื้อผ้าลงบนเตียงนอนขนาดสามฟุตครึ่ง ที่ไม่มีอะไรเลยนอกจากฟูกและหมอนเก่าๆ หนึ่งใบ

“เอ่อ ไม่ต้องก็ได้ครับ คุณเคยให้คนเก่าเท่าไหร่ก็ให้ผมเท่านั้นแหละ แต่ว่าผม...” ผมเงียบไปครู่หนึ่ง มองหน้าหล่อๆ ของเขาแล้วเม้มปาก

“คุณติดปัญหาอะไรงั้นเหรอ?”

“เอ่อ ไม่ๆ ผมไม่ได้มีปัญหา เพียงแต่ว่าผมอยากได้ผ้าปูที่นอน ผ้าห่มกับหมอนใบใหม่ ใบนี้มันเหลืองแล้ว ผมคงเอาหัวไปหนุนไม่ลง”

สีหน้าของเขาเหมือนอยากจะหัวเราะแต่ก็เรียบเฉยในเวลาต่อมา

“ก็ได้ เดี๋ยวผมจะพาออกไปซื้อ จัดกระเป๋าเสื้อผ้าเสร็จก็ออกไปหาผมก็แล้วกัน” พูดจบเขาก็ทำท่าจะผละจากไป แต่ผมก็ไวกว่ารีบวิ่งไปดักหน้าของเขาเอาไว้ เพราะกลัวว่าเขาจะเปลี่ยนใจ หรือลืมว่านัดกับผมไว้แล้วออกไปข้างนอก

“ไปตอนนี้เลยก็ได้ครับ เสื้อผ้าค่อยกลับมาจัดทีหลังก็ได้”

บทที่เกี่ยวข้อง

  • Maid เมดจำเป็น   Episode 3

    ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งไม่ใกล้ไม่ไกล เขาพาผมมาที่นี่หลังจากที่เราตกลงกันเรียบร้อยแล้ว ผมจึงมุ่งหน้าไปยังแผนกที่ต้องการ ทันทีที่เดินเข้ามาในโซนขายสินค้าพวกเครื่องนอน เลือกอยู่นานสองนาน สุดท้ายแล้วผมก็ได้ชุดเครื่องนอนที่มีทุกอย่างครบจบในเซ็ทเดียวมาหนึ่งชุด นั่นก็คือผ้าปู ปลอกหมอนและผ้าห่ม ส่วนหมอนไม่ต้องห่วงหรอกมันอยู่ใกล้ๆ กันนี่เอง ถึงแม้ว่าราคาของมันจะค่อนข้างแพงอยู่สักหน่อย แต่ยังไงผมก็คงต้องซื้อ เพราะถ้าไม่มีผ้าปู ผ้าห่มกับหมอนใบใหม่ ผมก็ไม่รู้ว่าคืนนี้จะนอนหลับลงไหม?แต่จังหวะที่ผมจะหยิบเงินออกมาจ่ายกับพนักงานหน้าเคาน์เตอร์ ก็มีคนชิงตัดหน้าจ่ายไปซะก่อน ผมหันไปมองเจ้านายคนใหม่ซึ่งยืนกอดอกนิ่งๆ อยู่ข้างๆ แล้วก็ได้แต่เม้มปาก คนบ้าอะไรเนี่ย ทั้งหล่อทั้งใจดี ขนาดใส่แมสสีดำปิดหน้าดูเป็นบุคคลลึกลับ ทว่าเขาก็ยังหล่อทะลุแมสออกมาได้อยู่ดี ผมได้แต่อมยิ้มภายใต้หน้ากากป้องกันเชื้อโรคสีเดียวกันกับเขา เหมือนคนบ้าที่คลั่ง…รัก!“อะแฮ่ม!” แล้วเขาก็กระแอมออกมา ในขณะที่ผมยังคงจ้องเขาอยู่ไม่วางตาแบบนั้น จนเขาก้มหน้าลงมาใกล้ๆ นี่แหละ ผมถึงได้เบิกตากว้าง “จ้องขนาดนี้ จับผมกลืนลงท้องไปเลยไหมครับ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-03
  • Maid เมดจำเป็น   Episode 4

    โอ๊ย! สายแล้ว!!แค่วันแรกผมก็ตื่นสายซะแล้ว เมื่อคืนผมดูซีรีส์เพลินไปหน่อย ก็ดูต่อจากเรื่องที่ดูค้างไว้เมื่อวานนั่นแหละ ซึ่งผมมัวไปทำอย่างอื่นก่อน หลังจากตัวเปื้อนผมก็ออกไปอาบน้ำใส่เสื้อผ้าเสร็จ จากนั้นก็กลับมานอนดูต่อเพราะคงออกไปข้างนอกไม่ได้แล้ว และพอเรื่องนั้นมันจบผมก็ดูเรื่องใหม่ อารมณ์ประมาณว่าดูเน็ตฟลิกซ์อยู่บ้านตัวเองอะ ลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าตัวเองอยู่ที่ไหนแล้วมาอยู่ทำไม เพราะอะไรถึงต้องมาอาศัยอยู่บ้านคนอื่นเขาแบบนี้ตอนที่ลืมตาขึ้นมาผมก็เบิกตาโพลง ไม่มีเวลาให้ตั้งสติด้วยซ้ำ ตื่นแล้วก็รีบลงจากเตียงวิ่งออกไปอาบน้ำ จากนั้นก็วิ่งกลับมาแต่งตัวเพื่อออกมาทำงานบ้าน ผมค่อยๆ ย่องออกมาที่ห้องรับแขกเพราะกลัวว่าจะมารบกวนอะไรใครเข้า แต่พอออกมาก็ไม่มีใครอยู่ตรงนั้นแล้ว พอมองไปรอบๆ มองไปที่โซฟา...มันก็แปลกๆ “ทำไมเรียบร้อยแบบนี้ล่ะ” ผมมองนิ่งๆ พลางใช้ความคิด มันจะเป็นไปได้เหรอที่โซฟาจะไม่มีรอยเปื้อนของคราบใดๆ เลย แถมถุงยางกับซองถุงยางก็ไม่มีบนพื้นเลยสักชิ้น หรือแม้แต่ในถังขยะเล็กๆ ที่อยู่ใกล้ๆ ก็ไม่มี “เอ๊ะ หรือว่าเขาจะเสียบกันสดๆ เลย” ผมเอามือลูบแขนเพราะรู้สึกขนลุก จังหวะการหายใจก็ผิด

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-03
  • Maid เมดจำเป็น   Episode 5

    เสาร์อาทิตย์ที่ผ่านมา ผมรู้สึกเหมือนตัวเองเปราะบางมากกกกก ไม่ใช่ในทางด้านร่างกายหรอกนะแต่เป็นทางด้านจิตใจของผมต่างหาก ก็คุณเจ้านายคนใหม่ของผมนี่สิ ไม่รู้ว่าตั้งใจอ่อยกันหรือว่ามันยังไงกันแน่ ทำไมเขาถึงชอบอาบน้ำเวลาที่ผมขึ้นทำเก็บกวาดห้องให้เขานัก แล้วชอบเดินออกมาทั้งที่ตัวเปียกๆ มีเพียงผ้าเช็ดตัวผืนเดียวพันอยู่รอบเอวที่น่าโอบกอดนั่น กล้ามเนื้อน่าขยำ น่าลูบ น่าคลำ น่าซบไซ้ แต่หยุดก่อน...ผมก็ไม่ได้อยากจะมองนักหรอก แต่จะให้ทำยังไงได้อะก็ตาของผมมันเหลือบไปมองเอง ผมพยายามห้ามตาตัวเองแล้ว แต่ว่าหัวใจกับสมองของผมนี่สิมันไม่เชื่อฟังผมเลย ดีหน่อยที่วันนี้เขาออกไปทำงาน ผมเลยไม่ต้องทนหายใจลำบากเพราะเขาคอยจะยั่ว (?) อารมณ์ผมอยู่บ่อยๆ เรื่องยั่วไม่ใช่ว่าผมคิดเอาเองเหมือนที่ผ่านๆ มาแล้วนะ ผมว่าเขาตั้งใจยั่วตั้งใจอ่อยผมจริงๆ นั่นแหละ อย่างเช่นเมื่อวานตอนเย็นเขาชวนผมออกไปซูเปอร์มาร์เก็ตเพื่อซื้อของสดมาไว้ เผื่อว่าผมจะทำกับข้าวกับปลาให้เขากินไม่ต้องกดแอปสั่งฟู้ดมาส่งบ่อยๆ เอาจริงเรื่องทำกับข้าวผมก็พอทำได้แหละ แต่ก็ไม่ได้อร่อยเว่อร์วังขนาดนั้น อย่างที่บอกว่าผมอยู่ตัวคนเดียวตั้งแต่ที่พ่อ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-03
  • Maid เมดจำเป็น   Episode 6

    นัทขอตัวกลับไปหาเพื่อนที่โต๊ะหลังจากได้ทุกอย่างที่ต้องการแล้ว ยกเว้นตัวผมน่ะนะ ผมเลยได้มีจังหวะนั่งคิดและสงสัยอะไรบางอย่างกับตัวเองเงียบๆ สงสัยที่บังเอิญได้เจอเจ้าของบ้านที่นี่ในเวลานี้ สายตาก็สบประสานกับคนที่นั่งอยู่ห่างไปประมาณสองโต๊ะ มันไม่ได้ไกลแต่ก็ไม่ใกล้ เรามองตากันเงียบๆ อยู่อย่างนั้นโดยไม่ได้พูดอะไรอีก ก็แน่สิ จะให้พูดอะไรได้ล่ะก็ในเมื่อพูดไปก็ไม่ได้ยินเสียงกันและกันอยู่ดี นอกจากว่าจะตะโกนคุยกันแข่งกับเพลงแววตาของพี่เจ เจตรินอะ“อีโยมองห่าอะไรอยู่ มาชนแก้วเร็วๆ เข้า รีบกินรีบเมา ร้านจะปิดแล้วเนี่ย” แล้วก็เป็นฟูจิที่ใช้เสียงยานคางนิดๆ สะกิดผมให้ออกจากภวังค์ความคิด ตอนนี้เราอยู่กันสองคนเพราะว่าพี่แดนไทยไปเข้าห้องน้ำผมละสายตาจากคุณกฤษณ์เพื่อหันมาให้ความสนใจกับเพื่อนตัวเอง แล้วก็ได้เห็นว่ามันเองก็มองมาที่ผมด้วยสายตาเยิ้มๆ ปะปนไปกับมีคำถามอยู่ในนั้น แต่ว่ามันก็ไม่ถามออกมา ไอ้ฟูจิหันขวับไปตามสายตาของผมที่เมื่อกี้เผลอมองไปยังโต๊ะของเจ้านายคนใหม่นานพอสมควร แล้วทางนั้นก็มองมาแบบไม่หลบอีกต่างหาก“มึงรู้จักเขาเหรอ?” ฟูจิหันมาถามอย่างใคร่รู้ พูดง่ายๆ ก็คืออยากเสือกมากนั่นแหละ“

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-03
  • Maid เมดจำเป็น   Episode 7

    ปวดหัว...!!!เพียงแค่ลืมตาขึ้นมาผมก็ต้องหลับตาลงอีกครั้ง ข้างในหัวมันเต้นตุบๆ คล้ายๆ ว่ามันกำลังจะระเบิดออกเป็นเสี่ยงๆ เมื่อคืนผมเมาหนักมากขนาดนั้นเลยเหรอวะ แต่ก็จำได้ว่าดื่มไปมากอยู่เหมือนกันนะ แล้วก็จำได้ว่าถูกไอ้เพื่อนรักมันทิ้งไว้ที่ร้านกับนายจ้างผู้หล่อเหลาของผม เฮ้อ...สรุปแล้วคือเมื่อคืนเขาคงพาผมกลับบ้านสินะ แล้วนี่มันกี่โมงกี่ยามกันแล้วครับเนี่ย ผมคิดว่าผมควรลุกไปอาบน้ำได้แล้ว จะได้รีบไปทำงานบ้านให้เสร็จ แต่เพียงแค่ขยับตัวผมก็ต้องร้องโอดครวญออกมา “โอยยย หัวกูกำลังจะแตก” ผมเอามือกุมขมับทั้งสองข้างขณะที่พยุงตัวลุกขึ้นนั่ง หลับตาลงพลางถอนหายใจออกมาเพื่อเรียกสติสตังของตัวเองให้คงที่ แต่มันไม่ง่ายเลยเพราะแค่เพียงลุกขึ้นนั่งผมก็รู้สึกเวียนหัวแล้ว ลืมตาขึ้นมาก็เหมือนๆ ว่าบ้านจะหมุนด้วยเนี่ย แต่เดี๋ยวก่อนนะ? นี่มันไม่ใช่ห้องพักของผมนี่หว่าผมกะพริบตาถี่ๆ พร้อมๆ กับมองไปรอบๆ ห้อง ห้องนี้มัน...คุ้นๆ เตียงนี้มัน...ก็คุ้น แล้ว…แล้วคนที่นอนหันหลังให้อยู่ข้างๆ ผมโดยไม่ใส่เสื้อนี่มัน...ก็คุ้น “เฮ้ย!!!” ผมร้องอุทานออกมาด้วยความตกใจ เมื่อคืนมันเกิดอะไรขึ้นกับผมวะเนี่ย แล้วก็ไม่ต้อ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-03
  • Maid เมดจำเป็น   Episode 8

    ผมติดอยู่กับความรู้สึกอึดอัดที่ยากอธิบายมาหลายวัน แต่ทุกวันที่ผ่านมาก็ยังต้องทำตัวเองให้ปกติเหมือนเดิม เหมือนก่อนหน้าที่ผมกับเขายังไม่ได้แนบเนื้อกัน แต่มันก็ทำยากอะ ก็คนมันเคยๆ กันไปแล้วปะ จะให้ทำตัวเหมือนเดิมมันก็ยากอยู่นะ ผมยังคงทำหน้าที่ของตัวเองเป็นอย่างดี เป็นเมดที่ดี ทำงานให้คุ้มกับค่าจ้างที่เขาให้ และพยายามไม่สนใจเรื่องส่วนตัวของนายจ้าง ไม่ว่าเขาจะพาใครต่อใครกลับมาด้วยก็ตามแต่บางครั้งบางทีผมก็สงสัยนะสงสัยว่าเขาต้องเป็นคนที่คงจะชอบกินเด็กนักศึกษาหนุ่มๆ เอ๊าะๆ มากแน่ๆ เพราะแต่ละครั้งแต่ละทีที่เขาพากลับมาด้วยนั้น มันก็ไม่พ้นพวกเด็กนักศึกษาหาค่าเทอม ที่ผมคิดแบบนี้ ไม่ใช่ว่าผมบูลลี่ใครนะ เพียงแค่มันคิดเป็นอื่นไปไม่ได้ เพราะแต่ละคนที่มาก็ไม่เคยที่จะซ้ำหน้ากันเลยสักหน“หงุดหงิดอะไรอีโย ดูทำหน้าเข้าสิ ทำหน้าอย่างกับว่ามึงจะกินหัวใครอย่างนั้นแหละ” ฟูจิค้ำคางอยู่ฝั่งตรงข้าม เอ่ยถามออกมาด้วยสีหน้าสงสัยใคร่รู้ ก่อนคีบชาบูในหม้อร้อนๆ ขึ้นมาเป่าแล้วส่งเข้าปาก เคี้ยวกินอย่างเอร็ดอร่อยซึ่งต่างจากผมที่เป็นฝ่ายชวนแต่กลับไม่อยากอาหารเท่าที่ควรวันนี้เป็นวันหยุดของฟูจิ ผมเลยชวนมันออกม

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-03
  • Maid เมดจำเป็น   Episode 9

    ผมยืนเอามือกุมแก้ม หลังจากที่พาตัวเองเข้ามาหลบภัยความเขินในห้องพัก วางกระเป๋าลงบนเตียง ยืนสูดหายใจพักใหญ่ให้จิตใจสงบเลิกฟุ้งซ่าน แต่ยังไม่ทันจะได้รูดซิบเปิดกระเป๋า เพื่อรื้อของออกมาจัดวางให้เข้าที่ โทรศัพท์มือถือที่อยู่ในกระเป๋าด้านหลังของกางเกงก็ส่งเสียงร้อง พร้อมกับสั่นครืดๆ จนรู้สึกจั๊กจี้ที่ตูดเบาๆ“ใครโทรมาวะ” พอเอาออกมาดูก็เป็นอันต้องขมวดคิ้ว เพราะเบอร์ที่โชว์อยู่หน้าจอมันไม่คุ้นตาผมเลยจริงๆ เบอร์แปลกเบอร์นี้เป็นของใคร? มันเป็นเบอร์ที่ผมไม่ได้เมมไว้ในเครื่อง และไม่มีอยู่ในโทรศัพท์แน่ๆ ผมมั่นใจมาก หรือว่าจะเป็นเบอร์มิจฉาชีพที่กำลังระบาดหนักพอๆ กับโรคโควิด19 อยู่ตอนนี้กันนะ ผมถอนหายใจพลางขมวดคิ้ว นึกในใจว่า พวกมึงไม่ต้องโทรมาหลอกอะไรกูหรอก กูไม่มีเงินให้มึงหรอกโว้ย! แล้วอีกอย่างนะ ถึงกูมีกูก็ไม่โง่เชื่อพวกมึงหรอกเพราะว่ากูน่ะนะ เป็นคนฉลาดติดตามข่าวสารของพวกลวงโลกแบบนี้มึงตลอดแหละ อย่ามาหลอกแดกคนจนๆ อย่างกูให้ยาก หึ!ผมปล่อยให้สายตัดไปเพราะตั้งใจที่จะไม่กดรับอยู่แล้ว แต่ไม่นานมันก็โชว์เบอร์ขึ้นมาอีกรอบ แล้วรอบนี้ผมตัดสินใจรับเพราะว่าคันปากยุบยิบอยากจะต่อล้อต่อเถียงด้วย“ท

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-03
  • Maid เมดจำเป็น   Episode 10

    ฝ่ามืออุ่นที่วางทาบบนหน้าอกที่กระเพื่อมขึ้นลง เขาออกแรงดันจนผมต้องเอนตัวไปด้านหลัง โดยมีร่างกำยำกับแผ่นอกกว้างแน่นตึงของร่างสูงเคลื่อนกายคร่อมอยู่ด้านบน และในขณะที่แผ่นหลังของผมกำลังจะแตะเบาะ ผมก็เอาศอกยันที่นอนต้านแรงของอีกฝ่ายไว้จ้องลึกเข้าไปในดวงตาวาววับที่มีความต้องการฉายชัดอยู่ในนั้นเขาเลิกคิ้วเป็นเชิงถามในการที่ผมยับยั้งเขาไว้ ไม่ปล่อยตัวเลยตามเลยทั้งๆ ที่ผมเองก็มีความต้องการไม่ต่างจากเขา ผมเม้มปากกะพริบตาถี่ๆ ตื่นเต้นนิดหน่อยที่เขาบอกว่าจะจองผมทั้งตัว แต่ว่าแบบนี้มันไม่ถูกต้องหรือเปล่า จู่ๆ จะมาจงมาจองกันง่ายๆ แบบนี้เลยได้ไง“ทำไม?” เขาถามเสียงอ่อน ทำหน้าทำตาหงอยเหมือนหมาเศร้า แต่มือไม้ลูบไล้ต้นขาของผม แล้วบีบเค้นเบาๆ อย่างยั่วยวน“ก็ คุณมั่ว…” พูดออกไปแล้วผมก็มองหน้าอีกฝ่ายอย่างหวาดหวั่น กลัวทำให้เขาโกรธแล้วเขาอาจจะทุบตีผมเอาได้ ผมยังไม่อยากโดนใครตี มันเจ็บ...ผมเคยโดนมาแล้ว โดนตบหน้าเจ็บมาก หน้าบวมตั้งหลายวัน โดนตบทั้งๆ ที่ตัวเองไม่ผิดเลยสักนิด ก็แค่จับได้ที่แฟนเก่าพาชู้มานอนในบ้าน นอนบนเตียงของตัวเองเท่านั้นเอง “ผมตรวจโรคทุกปี ตรวจโควิดทุกเช้า ไม่ได้เป็นโรคอะไร

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-03

บทล่าสุด

  • Maid เมดจำเป็น   Special 3

    ในวันที่ฝนตกพรำๆ ในวันที่ตื่นมาในตอนเช้าแล้วพบว่าสายฝนกำลังกระหน่ำเทลงมาอย่างหนักหน่วงแบบนี้ สำหรับคนส่วนมากแล้ว ถ้าต้องออกไปทำงานมันคงเป็นอะไรที่แย่สุดๆ เพราะไหนจะสภาพอากาศที่ชื้นขึ้นจนอบอ้าว ไหนจะเสี่ยงต่อการโดนฝนแล้วเจ็บป่วยอีกแต่…แต่สำหรับผมแล้ว ผมไม่ห่วงเรื่องนั้นหรอกครับ เพราะเรื่องที่ผมห่วงตอนนี้มีแค่เรื่องเดียวเท่านั้น นั่นก็คือตอนไหน? เมื่อไหร่!? ผมถึงจะได้ลุกไปอาบน้ำล้างตัว ล้างคราบคาวกามออกไปจากตัวสักที!!ไอ้บ้าเอ้ย…นี่จะล่อผมจนตายคาเตียงจริงๆ ใช่ไหม ก็แค่ไม่เรียกที่รักคะ ที่รักขา ตอนคร่อมขี่กันเนี่ย กะจะเอาจนผมตาเหลือกคางเหลืองตายเลยหรือไง ฮือออออ กูอยากจะบ้าตายรายวันจริงๆ ทำไมถึงได้เอาแต่ใจตัวเองและมีกำลังหื่นกามได้ถึงขนาดนี้“อ๊ะ อือ พะ พอแล้ว ฮื้อออ พอก่อน ผมจะตายแล้ว” ผมอ้อนวอนครวญครางออกมาด้วยเสียงอันผะแผ่ว เพื่อร้องขอให้อีกฝ่ายไว้ชีวิต ถ้าหากเขายังทำต่อไปแบบนี้เรื่อยๆ ผมต้องตายแน่“อืม…อะไรกันคุณโย ทำไมคุณถึงร่างกายอ่อนแอแบบนี้ล่ะ หืม?”“อ๊า! บะ เบาๆ หน่อย แล้วผมก็ไม่ได้อ่อนแอ คุณต่างหากที่ไม่…ไม่รู้จักพอ อื้อ! นี่มัน…รอบที่เท่าไหร่แล้ว เจลหล่อลื่น…หมดไปกี่ขวด…แล้

  • Maid เมดจำเป็น   Special 2

    แขกที่ไม่ได้เชิญเย็นวันนี้บ้านผมจะมีแขกล่ะ ซึ่งมันเป็นแขกที่จู่ๆ ตัวมันก็อัญเชิญตัวเองมาเป็นแขก โดยที่ผมเองก็เพิ่งทราบเหมือนกันว่า เย็นนี้ผมกับคุณกฤษณ์จะมีแขกมาร่วมรับประทานอาหารเย็นด้วย จากที่คิดว่าจะสั่งอาหารเมนูง่ายๆ มากินกันสองคนแบบผัวๆ เมียๆ นั่งดูซีรีส์ คุยหยอกเอินกันเรื่อยเปื่อย แล้วก็จบลงที่เราทั้งคู่เปลือยเปล่าล่อนจ้อน แต่ผมกลับต้องมาทำเมนูตามสิ่งที่แขกที่ไม่ได้เชิญมาบอกซะอย่างนั้นมันบอกว่าอยากกินอาหารอิตาเลียน ฉิบหาย! กูคงทำเป็นมั้ง เชฟมือทองเลยมั้งกูอะ แค่อาหารไทยบางอย่างที่ง่ายๆ ผมยังทำไม่ค่อยจะอร่อยเลยครับ ส่วนคนที่บอกว่าอร่อยนั่นน่ะ เขามันคงลิ้นจระเข้แล้ว อย่างเช่น…สามีสุดหล่อของผมเอง ที่พอผมทำอะไรให้กินก็บอกว่าอร่อยอย่างนั้น อร่อยอย่างนี้ แต่ผมว่านะ อีกหน่อยแก่ตัวไป ไม่ได้ตัดขาก็ได้ไปนอนฟอกไตอยู่เตียงข้างๆ กันอะ คิกคิก ถึงแม้ว่าตอนที่ได้อ่านสาส์นจากเพื่อนรัก แล้วอยากพิมพ์ด่ากลับไปมากๆ แต่ด้วยความที่ผมเองก็เป็นคนมีมโนธรรมอยู่บ้างคนหนึ่ง เพราะงั้น…จะเห็นแก่คุณงามความดีของมัน ที่มันคอยช่วยซัพพอร์ต คอยให้การช่วยเหลือคุณกฤษณ์ ในการซุ่มจัดเตรียมงานแต่งงานของเ

  • Maid เมดจำเป็น   Special 1

    ฝึกเอาใจใส่สามีนี่ก็ผ่านวันแต่งงานมาแล้วเกือบหนึ่งอาทิตย์ ผมกับคุณกฤษณ์พักกันอยู่ที่เรือนเล็กทรงไทยทันสมัย ให้ความรู้สึกเหมือนมาพักที่รีสอร์ทมากกว่าพักอยู่บ้านซะอีก เรือนเล็กหลังนี้ตั้งอยู่ภายในอาณาเขตรั้วของคฤหาสน์หลังใหญ่ของหม่อมแม่คุณกฤษณ์ เดิมทีผมเองก็ไม่ได้อยากจะอยู่ค้างที่นี่หรอก เพราะว่ามันให้ความรู้สึกแปลกๆ มันไม่คุ้นชินที่ต้องมาอยู่ในบ้านหลังใหญ่อย่างนี้ แต่ว่าผมก็ไม่อยากหักหน้าผู้ใหญ่ท่าน ในเมื่อท่านแสดงความเมตตาต่อผม ผมที่เป็นเด็กกว่า แถมยังหลงรักลูกชายท่านหัวปักหัวปำขนาดนี้จะกล้าขัดได้อย่างไรผู้ใหญ่ว่ายังไง ผมก็ว่าแบบนั้น เพราะที่ผ่านมาก็ถือว่าท่านเมตตาเด็กที่ไม่มีอะไรติดตัวอย่างผมมากๆ แล้ว ที่ยอมให้เด็กตัวคนเดียวแถมยังจนอีกอย่างผม คบหาและแต่งงานกับลูกชายเพียงคนเดียวของท่าน แทนที่จะได้แต่งงานมีลูกหลานไว้สืบสกุล แถมวันงานท่านยังเดินยิ้มแย้ม เชิดหน้าชูตา ไม่สน ไม่แคร์ว่าจะมีกลุ่มคนที่ได้รับเชิญมาเป็นแขกในงานมงคล จะแอบซุบซิบนินทา ว่าร้ายอะไรให้ระคายหูบ้าง ที่ลูกชายเพียงคนเดียวของท่านแต่งงานกับผู้ชายด้วยกันเอง แถมผู้ชายคนนั้นยังเป็นแค่คนธรรมดาๆ อีกด้วยวันนั้น หลังจากที่พิ

  • Maid เมดจำเป็น   Episode 29

    วันนี้ผมนัดเจอกับฟูจิที่ห้างสรรพสินค้าใกล้ๆ ที่ทำงานของฟูจิ เพื่อที่จะเอาของฝากที่ซื้อมาให้มันกับพี่แดนไทย คุณกฤษณ์แวะมาส่งผมที่หน้าห้างก่อนที่เขาจะเลยไปทำธุระส่วนตัวต่อร้านกาแฟชื่อดังภายในห้างสรรพสินค้า คือสถานที่นัดพบของผมกับเพื่อนเลิฟที่มีอยู่เพียงคนเดียวบนโลกใบนี้ คือพอดีว่าผมเน้นเพื่อนที่คุณภาพไม่ได้เน้นปริมาณ เพราะงั้นก็เลยมีเพื่อนเพียงคนเดียวที่สนิทกันจริงๆ น่ะผมเข้ามารอในร้านและสั่งเครื่องดื่มมานั่งรอ เนื่องจากอากาศข้างนอกค่อนข้างร้อนจัดจนแทบเดือด นั่งจิบกาแฟที่สั่งมาได้ไม่นาน เพื่อนรักของผมก็ปรากฏตัวขึ้นด้วยสภาพที่เรียกว่าตัวแทบเปื่อยจนแทบจะเหลวเป็นน้ำได้ “จิ ทางนี้” ผมเรียกเบาๆ พลางโบกมือไปมา ส่งยิ้มทักทายให้ด้วยความดีใจที่ได้เจอหลังจากที่ไม่ได้เจอกันนานพอสมควร“โทษทีวะมึง รถแม่งโคตรติด ข้างนอกร้อนฉิบหายเลย” มาถึงฟูจิมันบ่นๆ พลางกระพือเสื้อเชิ้ตสีชมพูอ่อนระบายความร้อน พร้อมกับนั่งลงฝั่งตรงข้ามผมก่อนที่มันจะโบกลมใส่หน้าตัวเอง ด้วยท่าทางมีจริตจะกร้าน เห็นแล้วชวนให้น่าหมั่นไส้มากกกก“เออๆ ไม่เป็นไร กูต่างหากที่ต้องเป็นฝ่ายขอโทษ ที่นัดมึงตอนเวลาพักเที่ยงแบบนี้ จะกินน้ำอะไรด

  • Maid เมดจำเป็น   Episode 28

    แสงแดดยามเช้า สาดส่องผ่านหน้าต่างกระจกบานใสเข้ามาในห้อง แสงตกกระทบลงบนใบหน้าของผมที่นอนฝั่งใกล้หน้าต่างเข้าพอดี ทำให้ผมต้องลืมตาขึ้นมารับแสงอรุณของเช้าวันใหม่ ไกลถึงประเทศสิงคโปร์ หันมองข้างตัวก็เจอความว่างเปล่าอีกแล้ว แต่หูก็ได้ยินเสียงน้ำไหลจากฝักบัวในห้องน้ำ ก็เลยรู้ว่าคุณกฤษณ์กำลังอาบน้ำอยู่ ผมลุกขึ้นมานั่งเอามือยีหัวตัวเองเล็กน้อยเพื่อเรียกพลัง บิดแขนเอี้ยวตัวไปมาอีกนิดหน่อย อืม...ผมว่าผมหายเป็นปกติแล้วล่ะ ไม่ปวดเมื่อยตัว ไม่มึนหัว ไม่ง่วงนอนเหมือนเมื่อวานนี้แล้ว และพอจะก้าวขาลงจากเตียงคนที่อยู่ในห้องน้ำก็เดินออกมาพอดี ทั้งเนื้อทั้งตัวของเขายังมีหยดน้ำเกาะอยู่เล็กน้อย ดูบนแผงอกกว้างกำยำนั่นสิ มีหยดน้ำเม็ดเล็กๆ เกาะพราวอยู่ด้วย แล้วตรงหัวนมสีน้ำตาลเข้มของเขามันก็ตั้งชันสู้อากาศเย็นฉ่ำภายในห้องด้วย มันช่างท้าทายผมซะเหลือเกิน…ฮึ่ม!! อึก! ผมลอบกลืนน้ำลายลงคอที่แห้งผากอึกใหญ่ เลื่อนสายตาจากแผงอกและหัวนมของเขาลงไปที่หน้าท้องซึ่งมีกล้ามสวยเป็นลอนงามๆ ก่อนจะไปหยุดอยู่ที่ปมผ้าขนหนูสีขาวผืนหนาที่พันอยู่รอบเอวสอบที่ผมชอบกอด ชอบเอาขาเกาะเกี่ยวด้วยใบหน้าเห่อร้อนอา...เซ็กซี่เป็น

  • Maid เมดจำเป็น   Episode 27

    เกือบหนึ่งทุ่มผมกับคุณกฤษณ์ถึงได้พากันออกจากบ้าน รถติดตลอดทาง ซึ่งกว่าจะไปถึงร้านพี่ย้งที่อยู่อารีย์ก็เรียกว่าไปสายมากพอสมควร ตอนที่อยู่ในรถไอ้ฟูจิก็ไลน์มาเร่งผมยิกๆ ไม่รู้จะรีบอะไรนักหนา กลัวเหล้าที่ร้านพี่ย้งหมดร้านหรือว่ากลัวร้านพี่ย้งจะหายไปในอากาศหรือยังไงก็ไม่รู้และเพียงก้าวเท้าเข้าไปข้างในร้าน นอกจากลูกค้าที่มาใช้บริการกันอย่างหนาแน่นตั้งแต่ช่วงหัวค่ำแล้ว ผมยังปะหน้ากับพี่ย้งที่ในมือถือแก้วเหล้าเป็นปกติของแกเข้าพอดี ผมคาดเดาว่าคงเป็นลูกค้าสาวๆ กลุ่มนั้นนั่นแหละ ที่จัดการแบ่งปันเครื่องดื่มที่พวกตัวเองเป็นจ่ายเงินให้กับเจ้าของร้านได้เมาเกือบหัวราน้ำตั้งแต่หัวค่ำ“โอ้โห ไอ้คุณโยครับ กว่าจะโผล่หัวมาให้พี่ให้เชื้อเจอตัวได้นะ กูนึกว่าดาราดัง!” พี่ย้งเอ่ยแกมประชด แซวผมด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ ก่อนเบนสายตาไปยังคนที่ยืนอยู่ข้างหลังผมซึ่งก็คือคุณกฤษณ์ จากนั้นก็ดึงสายตากลับมาที่ผมพลางเบ้ปากหน่อยๆ หนวดที่ขึ้นหรอมแหรมอยู่เหนือริมฝีปากบนนี่กระดิกยิกๆ เลย ราวกับว่าความอยากเสือกและความช่างกระแนะกระแหน มันพุ่งพล่านอยู่ในกระแสเลือดแข่งกับแอลกอฮอล์ที่แกดื่มอยู่ทุกคืน“พี่ย้ง สวัสดีครับ” ผมรีบเ

  • Maid เมดจำเป็น   Episode 26

    หลังกลับมาจากนครนายก นี่ก็ผ่านไปหนึ่งเดือนแล้ว ทุกคนก็อยู่กันอย่างสงบสุขจนน่าหวั่นเกรงหน่อยๆ เส้นทางมันราบรื่นมากเกินไปจนน่ากลัว ทางบ้านของคุณกฤษณ์ก็ไม่มีการโทรมาตามผมไปต่อว่าต่อขาน ไม่มีการเรียกตัวคุณกฤษณ์ไปพบ ไม่มีการสร้างเรื่องราวมาให้ชวนปวดใจและปวดหัวเหมือนในละครหลังข่าวแต่ว่าวันนี้มันก็มีข่าวหนึ่งที่ผมเห็นผ่านตาจากโซเชียลแล้วมันก็ทำให้ผมตกใจมากเช่นกัน ตกใจจนตาค้างเลยล่ะครับระหว่างที่ผมกำลังไถเฟซบุ๊กเล่นอยู่นั้น หน้าฟีดจากสำนักข่าวซุบซิบเซเลปคนดังก็ขึ้นข่าวของคุณริตา ผมจำเธอได้เพราะรูปเธอขึ้นเด่นหราขณะที่กำลังก้าวขาขึ้นรถคันหรูไปกับผู้ชายหนึ่งคน หัวข้อข่าวเขียนว่าทั้งคู่กำลังจะจัดงานแต่งงานกันเร็วๆ นี้ และฝ่ายชายก็เป็นถึงทายาทเศรษฐีนักธุรกิจในแวดวงธุรกิจอสังหาริมทรัพย์“เชี่ย!” ผมรีบถือโทรศัพท์วิ่งไปยังห้องทำงานของคุณกฤษณ์ทันที ไม่สนใจเรื่องมารยาทที่ว่าต้องเคาะประตูก่อน ผมถือวิสาสะเปิดประตูเข้าไป คนในห้องก็เงยหน้าขึ้นมามองอย่างงุนงง “มีอะไรหรือเปล่าครับคุณโย หน้าตาตื่นมาเชียว” คุณกฤษณ์ถาม พลางวางปากกาที่อยู่ในมือลงบนสมุดตรวจงาน พลางมองมาที่ผมด้วยสีหน้าใคร่รู้“คุณ คุณเห

  • Maid เมดจำเป็น   Episode 25

    “คุยอะไรกับพี่หญิงครับคุณโย” เสียงทุ้มเอ่ยถามพร้อมกับร่างกายสูงใหญ่นั่งลงข้างๆ ผม ผมมองเขาแวบหนึ่งแล้วเหลือบมองไปยังผู้หญิงอีกคนที่ยืนทำหน้าสวยอยู่ข้างๆ เจ้าของคำถาม ก่อนที่จะตอบคำถามของเขาด้วยเสียงเรียบเรื่อย “คุยเรื่องทั่วไปๆ แหละครับ ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ” และถึงแม้ว่าตอนนี้ผมจะแสดงสีหน้าปกติ แต่ว่าภายในใจของผมก็นึกอยากจะถามเขากลับไปอยู่เหมือนกัน ว่าเขาหายหัวไปไหนมาตั้งนานสองนาน ทำไมไม่ตามผมออกมาตั้งแต่ที่รู้ตัวว่าผมหนีมาจากดงผู้ดีนั้นแล้ว แต่มาคิดๆ ดูอีกทีให้มันดีๆ แล้ว หากว่าเขาทำแบบนั้นขึ้นมาจริงๆ ผมคงจะดูเป็นคนที่แย่มากในสายตาของผู้ใหญ่ โดยเฉพาะหม่อมแม่ของเขา แล้วเสียงหวานๆ ของผู้หญิงอีกคนก็ดังขึ้นมาขัดจังหวะการพูดคุย การมองตาของผมกับคนข้างๆ เหมือนว่าเธอตั้งใจที่จะแทรกเข้ามาระหว่างเราสองคนอยู่แล้ว“น้ำเย็นมากไหมคะคุณโย ริตากลัวหนาวจังเลยค่ะ” เธอถามด้วยน้ำเสียงหวานหยดย้อยอ่า...แต่ว่าดูจากชุดที่คุณริตาเธอใส่มาแล้ว ไม่น่าถามคำถามนี้ออกมาเลยนะครับ ดูคุณริตาเธอก็เตรียมตัวมาเล่นน้ำอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ เสื้อสายเดี่ยวสีหวานๆ รัดๆ ขับเน้นหน้าอกหน้าใจให้เห็นกันจะๆ แบบไม่ปิดบังสายตา

  • Maid เมดจำเป็น   Episode 24

    ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปกี่วันความสัมพันธ์ระหว่างผมกับคุณกฤษณ์ก็ยังคงดำเนินไปอย่างราบรื่น มันราบรื่นดีจนน่าตกใจเลยล่ะครับ วันจันทร์ถึงวันศุกร์เขาก็ออกไปทำงาน ไปสอนหนังสือ ส่วนเสาร์อาทิตย์ก็ขลุกอยู่กับผมทั้งวันทั้งคืนโดยที่ไม่มีใครมากวนใจ เราสองคนยังคงมีค่ำคืนที่เร่าร้อนด้วยกันอยู่ทุกค่ำทุกคืน แล้วก็มีบ่อยครั้งที่ผมถามว่าเขาออกไปว่า ‘เคยคิดที่จะเบื่อเซ็กส์ของผมบ้างไหม?’ คำตอบที่ได้ก็คือผมโดนจัดหนักจัดเต็มจนร่างแทบร่วงเป็นมะม่วงถูกสอยลงมาจากต้น แล้วจากนั้นเป็นต้นมาผมก็เลิกถาม เพราะว่าผมต่อกรกับคนหื่นกามอย่างคุณกฤษณ์ไม่ไหวจริงๆ “คุณโย พรุ่งนี้พี่หญิงชวนไปปิกนิก คุณโยคิดว่าไงครับ อยากไปไหม?” คำถามจากคนที่นั่งทานข้าวเย็นด้วยกันกับผมซึ่งเขานั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม ทำให้ผมเบิกตาโตเล็กน้อย รีบเคี้ยวข้าวในปากให้หมดก่อนถามออกไป “ปิกนิกเหรอครับ?”เขาพยักหน้ารับ พูดด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อย “ใช่ครับ ไปน้ำตกที่นครนายก ครอบครัวของผมเรามีบ้านพักอยู่ที่นั่นด้วย” พูดมาแบบนี้คงไม่คิดที่จะไปค้างคืนหรอกใช่ไหม?“พี่หญิงชวนค้างที่นั่น คงต้องค้างสักคืน” นั่นไง กูว่าแล้วเชียว“ต้องค้างด้วยเหรอครับ” ผมกะพริบตาป

DMCA.com Protection Status