“ฮึก!”
เสียงสะอื้นไห้ที่ดังมาตามสายลมเย็นฉ่ำช่วงเวลาโพล้เพล้ ทำให้เด็กหนุ่มวัยสิบสองปีถึงกับหยุดฝีเท้าของตนเอง ไรขนอ่อนทั้งร่างลุกเกลียวพร้อมกัน
“ฮือออ~”
ดวงตาสีนิลพยายามมองหาที่มาของเสียง จนกระทั่งเห็นปลายเท้าเรียวเล็กยื่นออกมาจากใต้สไลด์เดอร์กลางสนามเด็กเล่น เขาจึงค่อยๆ เดินเข้าไปดูว่าเจ้าของเสียงนั้นคือใคร
เป็นเด็กผู้หญิงตัวเล็กผิวขาวจัดนั่งก้มหน้ากอดเข่า ร่างกายสั่นเทาหนักจากการสะอึกสะอื้น เด็กหนุ่มเกิดความสงสัยว่าทำไมเด็กตัวเล็กแค่นี้ถึงมานั่งร้องไห้คนเดียว
“ทำไมถึงร้องไห้ล่ะ”
“ฮึก! ฮึก!” ใบหน้าจิ้มลิ้มนองน้ำตาเงยมองเจ้าของเสียงนุ่มทุ้มด้วยความตื่นตระหนก เธอพยายามขยับตัวออกห่างคนแปลกหน้า “ยะ…อย่ามายุ่งกับขิมนะ”
ท่าทางกลัวคนแปลกหน้าของเด็กน้อยเรียกความเอ็นดูจากเด็กชายได้ไม่ยาก เขาย่อตัวนั่งลงแต่ยังคงเว้นระยะห่างจากเธอ
“ให้พี่นั่งเป็นเพื่อนไหม”
“…”
“พี่มีลูกอมนะ” ว่าจบก็หยิบลูกอมคาราเมลจากกระเป๋าเสื้อส่งให้อีกฝ่าย แววตาสั่นไหวของเด็กหญิงเริ่มคล้อยตามลูกอมในมือของเขา “รับไปสิ พี่มีหลายเม็ดเลย”
“ให้จริงเหรอคะ” เธออ้อมแอ้มพร้อมใช้มือเล็กปาดน้ำตาบนพวงแก้ม
“ใช่สิ ลูกอมนี้จะทำให้หายเศร้าด้วยนะ พี่ชอบกินบ่อยๆ เวลาเศร้าน่ะ”
“ขอบคุณค่ะ” เด็กหญิงรับลูกอมมาจากมือของคนโตกว่า แล้วแกะมันใส่ปากตนเอง ความหวานของมันฉุดรั้งให้เธอโผล่ขึ้นมาจากห้วงความเศร้าหมอง
“เป็นไง อร่อยใช่ไหม”
“อร่อยค่ะ ขิมชอบ”
“ชื่อขิมเหรอ”
“ชื่อเพลงขิมค่ะ”
“พี่ชื่อไคท์นะ” เมื่อเห็นว่าเพลงขิมบอกชื่อของตนแล้ว ไคท์จึงแนะนำตนเองบ้าง ก่อนจะทิ้งตัวนั่งขัดสมาธิลงข้างเธอ
“ค่ะ”
“ไปนั่งเล่นชิงช้ากับพี่ไหม นั่งตรงนี้เดี๋ยวยุงกัดนะ” ไคท์ชักชวน ด้วยกลัวว่าเด็กน้อยจะโดนยุงกัด เพราะตอนนี้ท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนสีเป็นมืดครึ้มแล้ว
“ขิม…ไม่อยากไปค่ะ” เพลงขิมสั่นส่ายหัวปฏิเสธ แล้วเหลือบมองไปรอบๆ ราวกับกลัวว่าจะมีใครบางคนผ่านมาเจอเธอตรงนี้ สายตาหวาดระแวงทำให้ไคท์จ้องมองด้วยความสงสัย
เด็กชายไม่ถามเซ้าซี้ต่อ แต่เลือกจะลุกเดินไปหาลูกน้องของผู้เป็นพ่อที่ตามมาดูแล เพื่อขอยาทากันยุงที่พกติดตัวไว้ทุกครั้งเวลาไคท์มานั่งเล่นบริเวณสนามเด็กเล่น แล้วเดินกลับมาหาเพลงขิม
“เอาขามาสิ เดี๋ยวพี่ทายากันยุงให้” ด้วยกลัวว่าเด็กน้อยจะเผลอเอามือเข้าปาก เลยเป็นฝ่ายอาสาทายากันยุงให้เธอแทน
ไคท์มองรอยช้ำเป็นทางยาวบริเวณ เมื่อเพลงขิมยืนขามาตรงหน้าของเขา มันคล้ายกับรอยถูกไม้เรียวตี แต่ก็ไม่แน่ใจว่าเป็นเช่นนั้นจริงหรือไม่
เขาเก็บความสงสัยไว้ในใจ แล้วทาครีมสีขาวลงบนเรียวขาเล็กของเธอ “เสร็จแล้ว”
“ขอบคุณค่ะ”
“เอาลูกเอาอีกไหม”
“ขิมขออีกหนึ่งเม็ดได้ไหมคะ ขิมชอบ”
“พี่ให้ทั้งหมดเลย แต่คราวหน้าอย่าร้องไห้อีกนะ” ไคท์ยกลูกอมทั้งหมดในกระเป๋าเสื้อให้เพลงขิม ซึ่งเธอก็ใช้เสื้อยืดรับมันไว้ แล้วยกมือไหว้แทนการขอบคุณ
“มันคือรสชาติอะไรเหรอคะ”
“คาราเมล”
“คาราเมล…ขิมจะจำไว้ค่ะ” เด็กหญิงพึมพำกับตนเอง แล้วพูดต่อ “คราวหน้าขิมจะซื้อมาแบ่งพี่ไคท์บ้าง”
“เพลงขิม!” เสียงแหลมของใครบางคนอื่นสร้างความตระหนกให้เพลงขิมจนเธอตัวสั่นเทา “ใครบอกให้แกหนีออกมาจากบ้านแบบนี้!”
“แม่เหรอ”
“…” เพลงขิมส่ายหัวปฏิเสธ แล้วทำท่าจะลุกจากพื้นหญ้าเพื่อวิ่งหนีไปให้ไกล แต่ยังก็ถูกหญิงสาวคนหนึ่งฉุดกระชากไว้ด้วยแรงมหาศาลจนตัวเธอปลิวล้มลงบนพื้น
เพียะ!
“โอ๊ย! ขะ…ขิมเจ็บ” ต้นแขนของเพลงขิมถูกฝ่ามือฟาดโดยไม่สนใจว่าเธอจะเจ็บปวดแค่ไหน เธอยกมือไหว้คนตรงหน้าแล้วสะอึกสะอื้นขอร้องอ้อนวอน “ฮึก! มะ…แม่อย่าตีขิม”
“ฉันบอกกี่ครั้งแล้วว่าไม่ให้แกออกมาข้างนอก ทำไมไม่ฟัง!” หญิงสาวยังคงตะคอกใส่ด้วยความโมโห ทำท่าจะทุบตีเพลงขิมอีกหน
หมับ!
“ทำแบบนี้มันไม่เกินไปหน่อยเหรอ” ไคท์รับฝ่ามือของคนโตกว่าไว้ แล้วถามด้วยความไม่พอใจ
“อย่ามายุ่ง แกไม่เกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้”
“เป็นผู้ใหญ่ยังไงถึงทำร้ายเด็กตัวแค่นี้” เด็กชายบิดข้อมือของอีกฝ่ายอย่างแรง พร้อมสะบัดจนเธอล้มลงกับพื้น นั่นยิ่งทำเธอเดือดดาลจนรีบลุกขึ้นมาเอาคืนเขา แต่ไคท์กลับเบี่ยงตัวหลบ แล้วรีบดึงเพลงขิมมาอยู่ในอ้อมกอดของเขา
“แกมายุ่งกับเรื่องครอบครัวคนอื่นทำไม ไม่เกี่ยวกับแก!”
“มันไม่เกี่ยวกับผม แต่ผมทนเห็นผู้ใหญ่รังแกเด็กไม่ได้”
“ฉันเป็นแม่มัน”
ไคท์ไม่เชื่อว่าผู้หญิงตรงหน้าคือแม่ของเพลงขิม แต่เขาเลือกจะไม่พูดมันออกไป ด้วยกลัวว่าถ้าเพลงขิมกลับไปที่บ้าน อาจถูกเธอบันดาลโทสะใส่อีกรอบ
“ถ้าเป็นแม่ก็ไม่ควรทำร้ายลูกตัวเองแบบนี้ ขนาดหมายังรักลูกของมันเลย แล้วเป็นคนแท้ๆ ทำไมถึงทำตัวทรามแบบนี้กับลูก”
“นี่แกเอาฉันไปเปรียบเทียบกับหมาเหรอไอ้เด็กเวร!”
“อย่าปากดีกับคุณชาย ฉันขอเตือน” ชายหนุ่มออกปากเตือนด้วยความหวังดี หากอีกฝ่ายพูดจาไร้มารยาทกับเจ้านายของเขาอีกรอบ เขาจะจัดการกับเธอด้วยตนเอง
“เหอะ!” เธอสบถในลำคอ ก่อนจะเดินเข้ามากระชากเพลงขิมไปหาตัวเอง “ถึงบ้านแกเจอฉันแน่!”
ไคท์เตรียมจะก้าวขาเดินตามเพลงขิมไป แต่ถูกลูกน้องใช้แขนบังไว้เสียก่อน “อาห้ามผมทำไม”
“มันไม่ใช่เรื่องของคุณชาย ถ้าเกิดคุณชายเข้าไปยุ่ง เด็กผู้หญิงคนนั้นอาจจะต้องเจ็บตัวมากกว่านี้”
“…” ไคท์กำหมัดแน่นด้วยความไม่พอใจ แต่ก็ต้องยอมรับว่ามันไม่ใช่เรื่องของเขา และสิ่งที่ลูกน้องเตือนมันก็เป็นความจริง เขาจึงทำได้แค่มองเพลงขิมเดินห่างออกไปเรื่อยๆ
และหลังจากวันนั้น…เขาก็ไม่ได้พบเจอกับเธออีกเลย
เพลงขิมขยับตัวลุกจากที่นอน พลางชะโงกหน้าลงไปมองเพื่อนสนิทร่วมหอพักที่นอนอยู่บนเตียงชั้นล่าง เพราะผมยาวสยายลงเป็นเงา ทำให้อีกฝ่ายถึงกับสะดุ้งตกใจจนขวัญแทบกระเจิง“ว๊าย! แม่มึงร่วง”“ตกใจอะไรขนาดนั้น”“นึกว่าผีหลอกกลางวันแสกๆ อย่าห้อยหัวลงมาแบบนี้ดิวะ” น้ำมนต์ยกมือทาบอก ก่อนจะยื่นมือไปกระตุกผมเพื่อนเบาๆ ด้วยความหมั่นไส้ “มีอะไร”“แกบอกว่าที่คลับของแกรับสมัครพนักงานเพิ่มใช่ไหม”“เออดิ ถามทำไม แกจะไปทำงานกับฉันเหรอ”“อือ อีกปีเดียวก็เรียนจบแล้ว ฉันว่าจะหางานพาร์ตไทม์ทำเพิ่ม กลัวเงินไม่พอช่วงที่เดินสายสมัครงานประจำ”“จะไม่ชนกับงานล้านแปดอย่างที่แกทำเหรอ?”“ฉันจัดสรรเวลาได้อยู่แล้ว” แค่ต้องนอนน้อยกว่าเดิมเท่านั้นเอง เพลงขิมได้แต่คิดในใจ“งั้นแกก็มาสมัครเลย เดี๋ยวฉันบอกพี่พันดาวให้”“พี่พันดาว? คือใคร?”“เป็นผู้จัดการร้านแล้วก็เป็นแฟนเจ้าของคลับนั่นแหละ ใจดีมาก ยังไงพี่เขาก็ต้องรับแกเข้าทำงานแน่”“จะให้ฉันไปสมัครวันไหนล่ะ”“พรุ่งนี้ก็ได้ เพราะวันนี้พี่ดีฟกับพี่เจมส์นัดพวกเราไป Code bar อีกอย่างฉันจะได้ส่งข้อความบอกผู้จัดการร้านก่อนด้วย“ก็เอาตามที่แกว่านั่นแหละ”“ฉันว่าแกลงมานั่งคุยดีๆ เหอะ
@Code Bar (19.45 น.) ร้านนั่งชิลล์ใกล้เคียงกับมหาวิทยาลัย เป็นสถานที่นัดพบระหว่างสายรหัส ‘Angel’ ของเพลงขิม และสายรหัส ‘Devil’ ของน้ำมนต์ ทุกปีรุ่นพี่จะนัดกินเลี้ยงสายรหัสเพื่อความแน่นแฟ้นสองถึงสามครั้ง แม้ว่าจะจบการศึกษากันไปแล้วก็ตามต่อให้ตอนนี้เพลงขิมจะเป็นรุ่นพี่สูงสุดของสาย แต่ก็ยังเหมือนเด็กน้อยในสายตารุ่นพี่คนอื่นอยู่ดี“พี่ดีฟอย่าชงให้ขิมเข้มมากดิ ขิมไม่อยากอ้วกนะ”“แกก็อ้วกทุกรอบอยู่แล้วป้ะ คิดจะอายตอนนี้ไม่ทันแล้ว”“พี่ดีฟให้ขิมมันกินเพียวเลย” น้ำมนต์ยุ“เออว่ะ วันนี้ยังไม่ได้ยกจอกร่วมสาบานเลย”“มึงรอยกดึกๆ หน่อย เดี๋ยววันนี้มีรุ่นพี่มาอีกสองคน”“ใครอะพี่ดีฟ นอกจากคนที่นั่งอยู่ตรงนี้ยังมีรุ่นพี่คนอื่นอีกเหรอ” เพลงขิมถามปู่รหัสของตนเองด้วยความสงสัย เพราะเวลามากินเลี้ยงสายรหัสจะมีสูงสุดไปจนถึงปู่รหัสของเธอก็คือดีฟเท่านั้น“เป็นปู่รหัสของพี่เอง กลับมาเรียน MBA ที่มหา’ ลัยเรา พี่ก็เลยชวนมาดื่มด้วยกัน พวกแกจะได้ทำความรู้จัก” ดีฟว่าพลางใช้นิ้วคนแก้วเหล้าของตนเอง“หล่อไหม” น้ำมนต์ถามตาเป็นประกาย“หล่อ รวย เป็นเจ้าของธุรกิจส่วนตัว”“แล้วมีเมียยัง?”“เหมือนจะเคยมี แต่เลิกไปแล้วมั้ง
เพราะถูกมองอย่างไม่หลบซ่อน ทำให้เจ้าของร่างสูงผินหน้ามาสบตากัน หากแต่สายตาของเขายังคงเรียบเฉย ด้วยเหตุนั้นจึงมีคนหนึ่งที่เบนสายตาหนี และคนนั้นก็คือ ‘เพลงขิม’พอกลายเป็นฝ่ายถูกมองบ้างก็ทำตัวไม่ถูก ครั้นจะหยิบแก้วเหล้าบนโต๊ะมาดื่มก็ไม่อยากขยับตัวมาก จึงทำได้แค่ล้วงลูกอมในกระเป๋าสะพายมากินแทนตอนแรกหญิงสาวไม่เชื่อคำบอกเล่าเต็มร้อยที่บอกว่า ‘รุ่นพี่’ คนนี้หล่อจนพานทำให้หัวใจกระตุก ทว่าตอนนี้เธอเชื่อสนิทใจแล้วว่ามันเป็นเรื่องจริง“พวกเฮียนั่งเลย เดี๋ยวผมแนะนำน้องให้รู้จัก”เนื่องด้วยเป็นร้านนั่งชิลล์ธรรมดาทั่วไป โต๊ะที่ทุกคนนั่งจึงไม่ได้กว้างมากเท่าที่ควร และเก้าอี้ก็ยังว่างอยู่ก็เหลือแค่สองที่ตามจำนวนคนไคท์กล่าวว่า “กูนั่งตรงนี้แล้วกัน” และนั่งลงที่เก้าอี้ข้างเพลงขิม โดยที่ปล่อยให้เพื่อนสนิทไปนั่งข้างรุ่นน้องของตนเอง “มึงไปนั่งข้างไอ้เจมส์”“ไอ้เด็กสองคนนี้เป็นหลานรหัสผมกับไอ้เจมส์ ผมสั้นชื่อน้ำมนต์ ส่วนผมยาวชื่อเพลงขิม”ขยับริมฝีปากอย่างไร้ซึ่งเสียงว่า “เพลงขิม” ก่อนจะเหลือบมองใบหน้าหวานชัดๆ อีกรอบ“ไอ้น้ำ ไอ้ขิม นี่เฮียไคท์กับเฮียธันวา”“สวัสดีค่ะพี่” น้ำมนต์กล่าวทักทายเป็นคำพูด ส่วนเพ
วันต่อมา…เพลงขิมกำลังนั่งอยู่ต่อหน้าผู้จัดการคลับหน้าตาสะสวย ซึ่งในคราแรกรู้สึกประหม่าที่ต้องเผชิญหน้าตามลำพัง แต่เมื่อเห็นรอยยิ้มสดใสอันแสนเป็นมิตรของเธอก็รู้สึกใจชื้น“ต้องการทำเป็นพาร์ตไทม์หรือทำเต็มเวลาเลยคะ”“ทำเต็มเวลาค่ะ”“จะทำไหวเหรอคะ อยู่ปีสี่คงเรียนหนักน่าดูเลย”ด้วยกลัวว่าถ้าไม่ตอบว่าไหว อีกฝ่ายอาจจะไม่รับเธอเข้าทำงาน “ขิมทำไหวค่ะ”“ไม่ต้องกลัวว่าพี่จะไม่รับเราเข้าทำงานหรอก พี่รับอยู่แล้ว”“ขอโทษค่ะ”“ไม่ใช่เรื่องที่ต้องซีเรียสขนาดนั้น” พันดาวคลี่ยิ้มให้หญิงสาวอายุน้อยกว่าอย่างใจดี “เอาเป็นว่าพี่รับเพลงขิมเข้าทำงานนะ ส่วนเรื่องการทำงานพี่จะให้น้ำมนต์ช่วยแนะนำเรา แต่ถ้ามีตรงไหนที่คิดว่าทำไม่ได้หรือทำไม่ไหวก็บอกพี่ได้ตามตรงเลย”“ขอบคุณพี่พันดาวมากนะคะที่รับขิมเข้าทำงาน” สองมือเรียวประนมไหว้อย่างอ่อนน้อม ซึ่งอีกฝ่ายก็ยกมือรับไหว้เธอ“ช่วงแรกงานอาจจะหนักนิดหน่อยนะ ถ้าปรับตัวได้ก็คงสบาย”แกร๊ก~“ทำอะไรอยู่ ทำไมส่งข้อความมาแล้วไม่ตอบ” เสียงเปิดประตูที่มาพร้อมกับคำถามของชายแปลกหน้าคนหนึ่ง ทำให้เพลงขิมหันมองด้วยความสงสัย“เค้าสัมภาษณ์พนักงานใหม่อยู่ มาร์คไปรอที่ห้องทำงานวิวก่อนก็
วันต่อมา…เพลงขิมกำลังนั่งอยู่ต่อหน้าผู้จัดการคลับหน้าตาสะสวย ซึ่งในคราแรกรู้สึกประหม่าที่ต้องเผชิญหน้าตามลำพัง แต่เมื่อเห็นรอยยิ้มสดใสอันแสนเป็นมิตรของเธอก็รู้สึกใจชื้น“ต้องการทำเป็นพาร์ตไทม์หรือทำเต็มเวลาเลยคะ”“ทำเต็มเวลาค่ะ”“จะทำไหวเหรอคะ อยู่ปีสี่คงเรียนหนักน่าดูเลย”ด้วยกลัวว่าถ้าไม่ตอบว่าไหว อีกฝ่ายอาจจะไม่รับเธอเข้าทำงาน “ขิมทำไหวค่ะ”“ไม่ต้องกลัวว่าพี่จะไม่รับเราเข้าทำงานหรอก พี่รับอยู่แล้ว”“ขอโทษค่ะ”“ไม่ใช่เรื่องที่ต้องซีเรียสขนาดนั้น” พันดาวคลี่ยิ้มให้หญิงสาวอายุน้อยกว่าอย่างใจดี “เอาเป็นว่าพี่รับเพลงขิมเข้าทำงานนะ ส่วนเรื่องการทำงานพี่จะให้น้ำมนต์ช่วยแนะนำเรา แต่ถ้ามีตรงไหนที่คิดว่าทำไม่ได้หรือทำไม่ไหวก็บอกพี่ได้ตามตรงเลย”“ขอบคุณพี่พันดาวมากนะคะที่รับขิมเข้าทำงาน” สองมือเรียวประนมไหว้อย่างอ่อนน้อม ซึ่งอีกฝ่ายก็ยกมือรับไหว้เธอ“ช่วงแรกงานอาจจะหนักนิดหน่อยนะ ถ้าปรับตัวได้ก็คงสบาย”แกร๊ก~“ทำอะไรอยู่ ทำไมส่งข้อความมาแล้วไม่ตอบ” เสียงเปิดประตูที่มาพร้อมกับคำถามของชายแปลกหน้าคนหนึ่ง ทำให้เพลงขิมหันมองด้วยความสงสัย“เค้าสัมภาษณ์พนักงานใหม่อยู่ มาร์คไปรอที่ห้องทำงานวิวก่อนก็
เพราะถูกมองอย่างไม่หลบซ่อน ทำให้เจ้าของร่างสูงผินหน้ามาสบตากัน หากแต่สายตาของเขายังคงเรียบเฉย ด้วยเหตุนั้นจึงมีคนหนึ่งที่เบนสายตาหนี และคนนั้นก็คือ ‘เพลงขิม’พอกลายเป็นฝ่ายถูกมองบ้างก็ทำตัวไม่ถูก ครั้นจะหยิบแก้วเหล้าบนโต๊ะมาดื่มก็ไม่อยากขยับตัวมาก จึงทำได้แค่ล้วงลูกอมในกระเป๋าสะพายมากินแทนตอนแรกหญิงสาวไม่เชื่อคำบอกเล่าเต็มร้อยที่บอกว่า ‘รุ่นพี่’ คนนี้หล่อจนพานทำให้หัวใจกระตุก ทว่าตอนนี้เธอเชื่อสนิทใจแล้วว่ามันเป็นเรื่องจริง“พวกเฮียนั่งเลย เดี๋ยวผมแนะนำน้องให้รู้จัก”เนื่องด้วยเป็นร้านนั่งชิลล์ธรรมดาทั่วไป โต๊ะที่ทุกคนนั่งจึงไม่ได้กว้างมากเท่าที่ควร และเก้าอี้ก็ยังว่างอยู่ก็เหลือแค่สองที่ตามจำนวนคนไคท์กล่าวว่า “กูนั่งตรงนี้แล้วกัน” และนั่งลงที่เก้าอี้ข้างเพลงขิม โดยที่ปล่อยให้เพื่อนสนิทไปนั่งข้างรุ่นน้องของตนเอง “มึงไปนั่งข้างไอ้เจมส์”“ไอ้เด็กสองคนนี้เป็นหลานรหัสผมกับไอ้เจมส์ ผมสั้นชื่อน้ำมนต์ ส่วนผมยาวชื่อเพลงขิม”ขยับริมฝีปากอย่างไร้ซึ่งเสียงว่า “เพลงขิม” ก่อนจะเหลือบมองใบหน้าหวานชัดๆ อีกรอบ“ไอ้น้ำ ไอ้ขิม นี่เฮียไคท์กับเฮียธันวา”“สวัสดีค่ะพี่” น้ำมนต์กล่าวทักทายเป็นคำพูด ส่วนเพ
@Code Bar (19.45 น.) ร้านนั่งชิลล์ใกล้เคียงกับมหาวิทยาลัย เป็นสถานที่นัดพบระหว่างสายรหัส ‘Angel’ ของเพลงขิม และสายรหัส ‘Devil’ ของน้ำมนต์ ทุกปีรุ่นพี่จะนัดกินเลี้ยงสายรหัสเพื่อความแน่นแฟ้นสองถึงสามครั้ง แม้ว่าจะจบการศึกษากันไปแล้วก็ตามต่อให้ตอนนี้เพลงขิมจะเป็นรุ่นพี่สูงสุดของสาย แต่ก็ยังเหมือนเด็กน้อยในสายตารุ่นพี่คนอื่นอยู่ดี“พี่ดีฟอย่าชงให้ขิมเข้มมากดิ ขิมไม่อยากอ้วกนะ”“แกก็อ้วกทุกรอบอยู่แล้วป้ะ คิดจะอายตอนนี้ไม่ทันแล้ว”“พี่ดีฟให้ขิมมันกินเพียวเลย” น้ำมนต์ยุ“เออว่ะ วันนี้ยังไม่ได้ยกจอกร่วมสาบานเลย”“มึงรอยกดึกๆ หน่อย เดี๋ยววันนี้มีรุ่นพี่มาอีกสองคน”“ใครอะพี่ดีฟ นอกจากคนที่นั่งอยู่ตรงนี้ยังมีรุ่นพี่คนอื่นอีกเหรอ” เพลงขิมถามปู่รหัสของตนเองด้วยความสงสัย เพราะเวลามากินเลี้ยงสายรหัสจะมีสูงสุดไปจนถึงปู่รหัสของเธอก็คือดีฟเท่านั้น“เป็นปู่รหัสของพี่เอง กลับมาเรียน MBA ที่มหา’ ลัยเรา พี่ก็เลยชวนมาดื่มด้วยกัน พวกแกจะได้ทำความรู้จัก” ดีฟว่าพลางใช้นิ้วคนแก้วเหล้าของตนเอง“หล่อไหม” น้ำมนต์ถามตาเป็นประกาย“หล่อ รวย เป็นเจ้าของธุรกิจส่วนตัว”“แล้วมีเมียยัง?”“เหมือนจะเคยมี แต่เลิกไปแล้วมั้ง
เพลงขิมขยับตัวลุกจากที่นอน พลางชะโงกหน้าลงไปมองเพื่อนสนิทร่วมหอพักที่นอนอยู่บนเตียงชั้นล่าง เพราะผมยาวสยายลงเป็นเงา ทำให้อีกฝ่ายถึงกับสะดุ้งตกใจจนขวัญแทบกระเจิง“ว๊าย! แม่มึงร่วง”“ตกใจอะไรขนาดนั้น”“นึกว่าผีหลอกกลางวันแสกๆ อย่าห้อยหัวลงมาแบบนี้ดิวะ” น้ำมนต์ยกมือทาบอก ก่อนจะยื่นมือไปกระตุกผมเพื่อนเบาๆ ด้วยความหมั่นไส้ “มีอะไร”“แกบอกว่าที่คลับของแกรับสมัครพนักงานเพิ่มใช่ไหม”“เออดิ ถามทำไม แกจะไปทำงานกับฉันเหรอ”“อือ อีกปีเดียวก็เรียนจบแล้ว ฉันว่าจะหางานพาร์ตไทม์ทำเพิ่ม กลัวเงินไม่พอช่วงที่เดินสายสมัครงานประจำ”“จะไม่ชนกับงานล้านแปดอย่างที่แกทำเหรอ?”“ฉันจัดสรรเวลาได้อยู่แล้ว” แค่ต้องนอนน้อยกว่าเดิมเท่านั้นเอง เพลงขิมได้แต่คิดในใจ“งั้นแกก็มาสมัครเลย เดี๋ยวฉันบอกพี่พันดาวให้”“พี่พันดาว? คือใคร?”“เป็นผู้จัดการร้านแล้วก็เป็นแฟนเจ้าของคลับนั่นแหละ ใจดีมาก ยังไงพี่เขาก็ต้องรับแกเข้าทำงานแน่”“จะให้ฉันไปสมัครวันไหนล่ะ”“พรุ่งนี้ก็ได้ เพราะวันนี้พี่ดีฟกับพี่เจมส์นัดพวกเราไป Code bar อีกอย่างฉันจะได้ส่งข้อความบอกผู้จัดการร้านก่อนด้วย“ก็เอาตามที่แกว่านั่นแหละ”“ฉันว่าแกลงมานั่งคุยดีๆ เหอะ
“ฮึก!” เสียงสะอื้นไห้ที่ดังมาตามสายลมเย็นฉ่ำช่วงเวลาโพล้เพล้ ทำให้เด็กหนุ่มวัยสิบสองปีถึงกับหยุดฝีเท้าของตนเอง ไรขนอ่อนทั้งร่างลุกเกลียวพร้อมกัน“ฮือออ~”ดวงตาสีนิลพยายามมองหาที่มาของเสียง จนกระทั่งเห็นปลายเท้าเรียวเล็กยื่นออกมาจากใต้สไลด์เดอร์กลางสนามเด็กเล่น เขาจึงค่อยๆ เดินเข้าไปดูว่าเจ้าของเสียงนั้นคือใครเป็นเด็กผู้หญิงตัวเล็กผิวขาวจัดนั่งก้มหน้ากอดเข่า ร่างกายสั่นเทาหนักจากการสะอึกสะอื้น เด็กหนุ่มเกิดความสงสัยว่าทำไมเด็กตัวเล็กแค่นี้ถึงมานั่งร้องไห้คนเดียว“ทำไมถึงร้องไห้ล่ะ”“ฮึก! ฮึก!” ใบหน้าจิ้มลิ้มนองน้ำตาเงยมองเจ้าของเสียงนุ่มทุ้มด้วยความตื่นตระหนก เธอพยายามขยับตัวออกห่างคนแปลกหน้า “ยะ…อย่ามายุ่งกับขิมนะ”ท่าทางกลัวคนแปลกหน้าของเด็กน้อยเรียกความเอ็นดูจากเด็กชายได้ไม่ยาก เขาย่อตัวนั่งลงแต่ยังคงเว้นระยะห่างจากเธอ“ให้พี่นั่งเป็นเพื่อนไหม”“…”“พี่มีลูกอมนะ” ว่าจบก็หยิบลูกอมคาราเมลจากกระเป๋าเสื้อส่งให้อีกฝ่าย แววตาสั่นไหวของเด็กหญิงเริ่มคล้อยตามลูกอมในมือของเขา “รับไปสิ พี่มีหลายเม็ดเลย”“ให้จริงเหรอคะ” เธออ้อมแอ้มพร้อมใช้มือเล็กปาดน้ำตาบนพวงแก้ม“ใช่สิ ลูกอมนี้จะทำให้หายเศร้