@Code Bar (19.45 น.)
ร้านนั่งชิลล์ใกล้เคียงกับมหาวิทยาลัย เป็นสถานที่นัดพบระหว่างสายรหัส ‘Angel’ ของเพลงขิม และสายรหัส ‘Devil’ ของน้ำมนต์ ทุกปีรุ่นพี่จะนัดกินเลี้ยงสายรหัสเพื่อความแน่นแฟ้นสองถึงสามครั้ง แม้ว่าจะจบการศึกษากันไปแล้วก็ตาม
ต่อให้ตอนนี้เพลงขิมจะเป็นรุ่นพี่สูงสุดของสาย แต่ก็ยังเหมือนเด็กน้อยในสายตารุ่นพี่คนอื่นอยู่ดี
“พี่ดีฟอย่าชงให้ขิมเข้มมากดิ ขิมไม่อยากอ้วกนะ”
“แกก็อ้วกทุกรอบอยู่แล้วป้ะ คิดจะอายตอนนี้ไม่ทันแล้ว”
“พี่ดีฟให้ขิมมันกินเพียวเลย” น้ำมนต์ยุ
“เออว่ะ วันนี้ยังไม่ได้ยกจอกร่วมสาบานเลย”
“มึงรอยกดึกๆ หน่อย เดี๋ยววันนี้มีรุ่นพี่มาอีกสองคน”
“ใครอะพี่ดีฟ นอกจากคนที่นั่งอยู่ตรงนี้ยังมีรุ่นพี่คนอื่นอีกเหรอ” เพลงขิมถามปู่รหัสของตนเองด้วยความสงสัย เพราะเวลามากินเลี้ยงสายรหัสจะมีสูงสุดไปจนถึงปู่รหัสของเธอก็คือดีฟเท่านั้น
“เป็นปู่รหัสของพี่เอง กลับมาเรียน MBA ที่มหา’ ลัยเรา พี่ก็เลยชวนมาดื่มด้วยกัน พวกแกจะได้ทำความรู้จัก” ดีฟว่าพลางใช้นิ้วคนแก้วเหล้าของตนเอง
“หล่อไหม” น้ำมนต์ถามตาเป็นประกาย
“หล่อ รวย เป็นเจ้าของธุรกิจส่วนตัว”
“แล้วมีเมียยัง?”
“เหมือนจะเคยมี แต่เลิกไปแล้วมั้ง”
“เอาล่ะ น้ำเตรียมจีบเลย อยากกลายเป็นหนูตกถังข้าวสาร”
“แกก็น่ารักนะ แต่ดูจืดไปหน่อย ไม่ใช่สเป็กพี่เขาว่ะ ถ้าอย่างไอ้ขิมอะได้อยู่” เจมส์หันมองหน้าเพลงขิมอย่างพิจารณา ก่อนจะพยักหน้าเบาๆ สมทบความคิดของตน “ถ้าแกจีบต้องติดแน่”
“ขิมเนี่ยนะ” เธอชี้นิ้วเข้าตนเอง “ขิมจะไปกล้าจีบใครอะพี่เจมส์”
“อย่างแกไม่ต้องจีบด้วยซ้ำ แค่มองหน้าผู้ชายก็เข้ามาจีบเองแล้ว”
“ไม่เอาหรอก ขิมไม่ชอบผู้ชายหล่อ”
ช่วงเขามหาวิทยาลัยแรกๆ เพลงขิมมีผู้ชายหน้าตาหล่อเหลามาจีบ ได้รับการเทกแคร์อย่างดี แต่สุดท้ายความจริงก็ปรากฏว่าผู้ชายคนนั้นแค่พนันกับเพื่อนไว้ว่าต้อง ‘ปิดจ็อบ’ เธอให้ได้ภายในหนึ่งเดือน จึงเป็นเหตุว่าทำไมเธอถึงไม่เห็นความจริงใจของผู้ชายหน้าตาดีเลย
“แปลกคน” ดีฟหัวเราะแผ่วเบา
“ขิมโอเคกับผู้ชายหน้าตากลางๆ ที่จริงใจมากกว่า”
“ถ้าแกได้เจอปู่รหัสพี่ แกจะเปลี่ยนคำพูด”
เพลงขิมยักไหล่ตอบกลับไป พลางหยิบเครื่องดื่มสีเข้มของตนขึ้นมาจีบอย่างละเมียดละไม ดื่มด่ำบรรยากาศกับเพลงสบายหูในร้านครู่ใหญ่
“กูออกไปรับพี่ไคท์หน้าร้านก่อนแล้วกัน ส่งข้อความมาบอกว่าถึงแล้ว” เพราะเสียงเพลงมันดังมากจนกลบเสียงพูดคุยของรุ่นพี่ ทำให้เพลงขิมไม่ได้ยินบทสนทนาบางส่วน
“พี่ดีฟไปไหนอะพี่เจมส์”
“ไปรับรุ่นพี่หน้าร้าน”
เพลงขิมพยักหน้ารับเป็นเชิงเข้าใจ ก่อนจะหยิบลูกอมคาราเมลในกระเป๋าสะพายสานรูปดอกไม้ขึ้นมากิน มันช่วยลดความขมของเหล้าได้เป็นอย่างดี แล้วนำอีกสิบกว่าเม็ดใส่ในถ้วยถั่วคั่วที่กินหมดไปแล้ว เพื่อแบ่งให้คนอื่นให้โต๊ะบ้าง
“แกยังกินลูกอมนี่อยู่อีกเหรอ”
“ก็ขิมชอบนี่”
“สมกับฉายานางฟ้ากลิ่นคาราเมล”
“ฉายาบ้าบอมาก ขิมโคตรอยากรู้ว่าใครเป็นคนตั้ง” จริงอยู่ที่ว่าเพลงขิมชอบกินลูกอมคาราเมล กลิ่นน้ำหอมที่เธอคัสตอมจากช็อปน้ำหอมก็เป็นกลิ่นคาราเมล แต่ไม่คิดว่าเอกลักษณ์ของเธอจะกลายเป็นชื่อฉายาที่คนชอบเอามาเรียกจนทั่วคณะ
“พี่กันย์”
“โห! พี่กันย์นี่เอง ขิมสงสัยมาตั้งนานว่าเป็นใคร แถมวันนี้ไม่ยอมมาด้วยอีก” เจ้าของชื่อดังกล่าวเป็นสายรหัสของเพลงขิมที่เคยเจอไม่กี่ครั้งเวลาเลี้ยงสังสรรค์ เพราะเขาเป็นรุ่นพี่ที่จบไปแล้วก่อนที่เธอจะเข้ามาเรียนที่นี่มหาวิทยาลัยนี้อีก
“พี่กันย์ไม่มา แต่พี่ชายพี่ชายพี่กันย์มา”
“ใครอะ” น้ำมนต์เป็นคนถามคำถามนั้น
“ชื่อเฮียธันวาเป็นปู่รหัสของพี่เอง”
“อ้อ เฮียธันนี่เอง”
“แกเคยเจอพี่ธันวาอะไรนี่ด้วยเหรอน้ำ” เพลงขิมถาม
“เคยดิ แต่จำไม่ได้แล้วว่าเพราะอะไร”
“กูพาพี่ไคท์กับพี่ธันมาแล้ว” บทสนทนาภายในโต๊ะถูกหยุดลง ทำให้เพลงขิมเงยหน้าไปมองคนที่มาพร้อมกับปู่รหัสของตน
“…” ทั้งที่มีสองคน แต่เธอกลับมองเจ้าของดวงตาสีดำสนิทเพียงคนเดียว แวบแรกที่เห็นให้ความรู้สึกคุ้นเคยอย่างบอกไม่ถูก ผ่านไปหลายวินาทีก็ยังหาคำตอบไม่ได้ว่าทำไมถึงรู้สึกเช่นนั้น
เพราะถูกมองอย่างไม่หลบซ่อน ทำให้เจ้าของร่างสูงผินหน้ามาสบตากัน หากแต่สายตาของเขายังคงเรียบเฉย ด้วยเหตุนั้นจึงมีคนหนึ่งที่เบนสายตาหนี และคนนั้นก็คือ ‘เพลงขิม’พอกลายเป็นฝ่ายถูกมองบ้างก็ทำตัวไม่ถูก ครั้นจะหยิบแก้วเหล้าบนโต๊ะมาดื่มก็ไม่อยากขยับตัวมาก จึงทำได้แค่ล้วงลูกอมในกระเป๋าสะพายมากินแทนตอนแรกหญิงสาวไม่เชื่อคำบอกเล่าเต็มร้อยที่บอกว่า ‘รุ่นพี่’ คนนี้หล่อจนพานทำให้หัวใจกระตุก ทว่าตอนนี้เธอเชื่อสนิทใจแล้วว่ามันเป็นเรื่องจริง“พวกเฮียนั่งเลย เดี๋ยวผมแนะนำน้องให้รู้จัก”เนื่องด้วยเป็นร้านนั่งชิลล์ธรรมดาทั่วไป โต๊ะที่ทุกคนนั่งจึงไม่ได้กว้างมากเท่าที่ควร และเก้าอี้ก็ยังว่างอยู่ก็เหลือแค่สองที่ตามจำนวนคนไคท์กล่าวว่า “กูนั่งตรงนี้แล้วกัน” และนั่งลงที่เก้าอี้ข้างเพลงขิม โดยที่ปล่อยให้เพื่อนสนิทไปนั่งข้างรุ่นน้องของตนเอง “มึงไปนั่งข้างไอ้เจมส์”“ไอ้เด็กสองคนนี้เป็นหลานรหัสผมกับไอ้เจมส์ ผมสั้นชื่อน้ำมนต์ ส่วนผมยาวชื่อเพลงขิม”ขยับริมฝีปากอย่างไร้ซึ่งเสียงว่า “เพลงขิม” ก่อนจะเหลือบมองใบหน้าหวานชัดๆ อีกรอบ“ไอ้น้ำ ไอ้ขิม นี่เฮียไคท์กับเฮียธันวา”“สวัสดีค่ะพี่” น้ำมนต์กล่าวทักทายเป็นคำพูด ส่วนเพ
วันต่อมา…เพลงขิมกำลังนั่งอยู่ต่อหน้าผู้จัดการคลับหน้าตาสะสวย ซึ่งในคราแรกรู้สึกประหม่าที่ต้องเผชิญหน้าตามลำพัง แต่เมื่อเห็นรอยยิ้มสดใสอันแสนเป็นมิตรของเธอก็รู้สึกใจชื้น“ต้องการทำเป็นพาร์ตไทม์หรือทำเต็มเวลาเลยคะ”“ทำเต็มเวลาค่ะ”“จะทำไหวเหรอคะ อยู่ปีสี่คงเรียนหนักน่าดูเลย”ด้วยกลัวว่าถ้าไม่ตอบว่าไหว อีกฝ่ายอาจจะไม่รับเธอเข้าทำงาน “ขิมทำไหวค่ะ”“ไม่ต้องกลัวว่าพี่จะไม่รับเราเข้าทำงานหรอก พี่รับอยู่แล้ว”“ขอโทษค่ะ”“ไม่ใช่เรื่องที่ต้องซีเรียสขนาดนั้น” พันดาวคลี่ยิ้มให้หญิงสาวอายุน้อยกว่าอย่างใจดี “เอาเป็นว่าพี่รับเพลงขิมเข้าทำงานนะ ส่วนเรื่องการทำงานพี่จะให้น้ำมนต์ช่วยแนะนำเรา แต่ถ้ามีตรงไหนที่คิดว่าทำไม่ได้หรือทำไม่ไหวก็บอกพี่ได้ตามตรงเลย”“ขอบคุณพี่พันดาวมากนะคะที่รับขิมเข้าทำงาน” สองมือเรียวประนมไหว้อย่างอ่อนน้อม ซึ่งอีกฝ่ายก็ยกมือรับไหว้เธอ“ช่วงแรกงานอาจจะหนักนิดหน่อยนะ ถ้าปรับตัวได้ก็คงสบาย”แกร๊ก~“ทำอะไรอยู่ ทำไมส่งข้อความมาแล้วไม่ตอบ” เสียงเปิดประตูที่มาพร้อมกับคำถามของชายแปลกหน้าคนหนึ่ง ทำให้เพลงขิมหันมองด้วยความสงสัย“เค้าสัมภาษณ์พนักงานใหม่อยู่ มาร์คไปรอที่ห้องทำงานวิวก่อนก็
“ฮึก!” เสียงสะอื้นไห้ที่ดังมาตามสายลมเย็นฉ่ำช่วงเวลาโพล้เพล้ ทำให้เด็กหนุ่มวัยสิบสองปีถึงกับหยุดฝีเท้าของตนเอง ไรขนอ่อนทั้งร่างลุกเกลียวพร้อมกัน“ฮือออ~”ดวงตาสีนิลพยายามมองหาที่มาของเสียง จนกระทั่งเห็นปลายเท้าเรียวเล็กยื่นออกมาจากใต้สไลด์เดอร์กลางสนามเด็กเล่น เขาจึงค่อยๆ เดินเข้าไปดูว่าเจ้าของเสียงนั้นคือใครเป็นเด็กผู้หญิงตัวเล็กผิวขาวจัดนั่งก้มหน้ากอดเข่า ร่างกายสั่นเทาหนักจากการสะอึกสะอื้น เด็กหนุ่มเกิดความสงสัยว่าทำไมเด็กตัวเล็กแค่นี้ถึงมานั่งร้องไห้คนเดียว“ทำไมถึงร้องไห้ล่ะ”“ฮึก! ฮึก!” ใบหน้าจิ้มลิ้มนองน้ำตาเงยมองเจ้าของเสียงนุ่มทุ้มด้วยความตื่นตระหนก เธอพยายามขยับตัวออกห่างคนแปลกหน้า “ยะ…อย่ามายุ่งกับขิมนะ”ท่าทางกลัวคนแปลกหน้าของเด็กน้อยเรียกความเอ็นดูจากเด็กชายได้ไม่ยาก เขาย่อตัวนั่งลงแต่ยังคงเว้นระยะห่างจากเธอ“ให้พี่นั่งเป็นเพื่อนไหม”“…”“พี่มีลูกอมนะ” ว่าจบก็หยิบลูกอมคาราเมลจากกระเป๋าเสื้อส่งให้อีกฝ่าย แววตาสั่นไหวของเด็กหญิงเริ่มคล้อยตามลูกอมในมือของเขา “รับไปสิ พี่มีหลายเม็ดเลย”“ให้จริงเหรอคะ” เธออ้อมแอ้มพร้อมใช้มือเล็กปาดน้ำตาบนพวงแก้ม“ใช่สิ ลูกอมนี้จะทำให้หายเศร้
เพลงขิมขยับตัวลุกจากที่นอน พลางชะโงกหน้าลงไปมองเพื่อนสนิทร่วมหอพักที่นอนอยู่บนเตียงชั้นล่าง เพราะผมยาวสยายลงเป็นเงา ทำให้อีกฝ่ายถึงกับสะดุ้งตกใจจนขวัญแทบกระเจิง“ว๊าย! แม่มึงร่วง”“ตกใจอะไรขนาดนั้น”“นึกว่าผีหลอกกลางวันแสกๆ อย่าห้อยหัวลงมาแบบนี้ดิวะ” น้ำมนต์ยกมือทาบอก ก่อนจะยื่นมือไปกระตุกผมเพื่อนเบาๆ ด้วยความหมั่นไส้ “มีอะไร”“แกบอกว่าที่คลับของแกรับสมัครพนักงานเพิ่มใช่ไหม”“เออดิ ถามทำไม แกจะไปทำงานกับฉันเหรอ”“อือ อีกปีเดียวก็เรียนจบแล้ว ฉันว่าจะหางานพาร์ตไทม์ทำเพิ่ม กลัวเงินไม่พอช่วงที่เดินสายสมัครงานประจำ”“จะไม่ชนกับงานล้านแปดอย่างที่แกทำเหรอ?”“ฉันจัดสรรเวลาได้อยู่แล้ว” แค่ต้องนอนน้อยกว่าเดิมเท่านั้นเอง เพลงขิมได้แต่คิดในใจ“งั้นแกก็มาสมัครเลย เดี๋ยวฉันบอกพี่พันดาวให้”“พี่พันดาว? คือใคร?”“เป็นผู้จัดการร้านแล้วก็เป็นแฟนเจ้าของคลับนั่นแหละ ใจดีมาก ยังไงพี่เขาก็ต้องรับแกเข้าทำงานแน่”“จะให้ฉันไปสมัครวันไหนล่ะ”“พรุ่งนี้ก็ได้ เพราะวันนี้พี่ดีฟกับพี่เจมส์นัดพวกเราไป Code bar อีกอย่างฉันจะได้ส่งข้อความบอกผู้จัดการร้านก่อนด้วย“ก็เอาตามที่แกว่านั่นแหละ”“ฉันว่าแกลงมานั่งคุยดีๆ เหอะ
วันต่อมา…เพลงขิมกำลังนั่งอยู่ต่อหน้าผู้จัดการคลับหน้าตาสะสวย ซึ่งในคราแรกรู้สึกประหม่าที่ต้องเผชิญหน้าตามลำพัง แต่เมื่อเห็นรอยยิ้มสดใสอันแสนเป็นมิตรของเธอก็รู้สึกใจชื้น“ต้องการทำเป็นพาร์ตไทม์หรือทำเต็มเวลาเลยคะ”“ทำเต็มเวลาค่ะ”“จะทำไหวเหรอคะ อยู่ปีสี่คงเรียนหนักน่าดูเลย”ด้วยกลัวว่าถ้าไม่ตอบว่าไหว อีกฝ่ายอาจจะไม่รับเธอเข้าทำงาน “ขิมทำไหวค่ะ”“ไม่ต้องกลัวว่าพี่จะไม่รับเราเข้าทำงานหรอก พี่รับอยู่แล้ว”“ขอโทษค่ะ”“ไม่ใช่เรื่องที่ต้องซีเรียสขนาดนั้น” พันดาวคลี่ยิ้มให้หญิงสาวอายุน้อยกว่าอย่างใจดี “เอาเป็นว่าพี่รับเพลงขิมเข้าทำงานนะ ส่วนเรื่องการทำงานพี่จะให้น้ำมนต์ช่วยแนะนำเรา แต่ถ้ามีตรงไหนที่คิดว่าทำไม่ได้หรือทำไม่ไหวก็บอกพี่ได้ตามตรงเลย”“ขอบคุณพี่พันดาวมากนะคะที่รับขิมเข้าทำงาน” สองมือเรียวประนมไหว้อย่างอ่อนน้อม ซึ่งอีกฝ่ายก็ยกมือรับไหว้เธอ“ช่วงแรกงานอาจจะหนักนิดหน่อยนะ ถ้าปรับตัวได้ก็คงสบาย”แกร๊ก~“ทำอะไรอยู่ ทำไมส่งข้อความมาแล้วไม่ตอบ” เสียงเปิดประตูที่มาพร้อมกับคำถามของชายแปลกหน้าคนหนึ่ง ทำให้เพลงขิมหันมองด้วยความสงสัย“เค้าสัมภาษณ์พนักงานใหม่อยู่ มาร์คไปรอที่ห้องทำงานวิวก่อนก็
เพราะถูกมองอย่างไม่หลบซ่อน ทำให้เจ้าของร่างสูงผินหน้ามาสบตากัน หากแต่สายตาของเขายังคงเรียบเฉย ด้วยเหตุนั้นจึงมีคนหนึ่งที่เบนสายตาหนี และคนนั้นก็คือ ‘เพลงขิม’พอกลายเป็นฝ่ายถูกมองบ้างก็ทำตัวไม่ถูก ครั้นจะหยิบแก้วเหล้าบนโต๊ะมาดื่มก็ไม่อยากขยับตัวมาก จึงทำได้แค่ล้วงลูกอมในกระเป๋าสะพายมากินแทนตอนแรกหญิงสาวไม่เชื่อคำบอกเล่าเต็มร้อยที่บอกว่า ‘รุ่นพี่’ คนนี้หล่อจนพานทำให้หัวใจกระตุก ทว่าตอนนี้เธอเชื่อสนิทใจแล้วว่ามันเป็นเรื่องจริง“พวกเฮียนั่งเลย เดี๋ยวผมแนะนำน้องให้รู้จัก”เนื่องด้วยเป็นร้านนั่งชิลล์ธรรมดาทั่วไป โต๊ะที่ทุกคนนั่งจึงไม่ได้กว้างมากเท่าที่ควร และเก้าอี้ก็ยังว่างอยู่ก็เหลือแค่สองที่ตามจำนวนคนไคท์กล่าวว่า “กูนั่งตรงนี้แล้วกัน” และนั่งลงที่เก้าอี้ข้างเพลงขิม โดยที่ปล่อยให้เพื่อนสนิทไปนั่งข้างรุ่นน้องของตนเอง “มึงไปนั่งข้างไอ้เจมส์”“ไอ้เด็กสองคนนี้เป็นหลานรหัสผมกับไอ้เจมส์ ผมสั้นชื่อน้ำมนต์ ส่วนผมยาวชื่อเพลงขิม”ขยับริมฝีปากอย่างไร้ซึ่งเสียงว่า “เพลงขิม” ก่อนจะเหลือบมองใบหน้าหวานชัดๆ อีกรอบ“ไอ้น้ำ ไอ้ขิม นี่เฮียไคท์กับเฮียธันวา”“สวัสดีค่ะพี่” น้ำมนต์กล่าวทักทายเป็นคำพูด ส่วนเพ
@Code Bar (19.45 น.) ร้านนั่งชิลล์ใกล้เคียงกับมหาวิทยาลัย เป็นสถานที่นัดพบระหว่างสายรหัส ‘Angel’ ของเพลงขิม และสายรหัส ‘Devil’ ของน้ำมนต์ ทุกปีรุ่นพี่จะนัดกินเลี้ยงสายรหัสเพื่อความแน่นแฟ้นสองถึงสามครั้ง แม้ว่าจะจบการศึกษากันไปแล้วก็ตามต่อให้ตอนนี้เพลงขิมจะเป็นรุ่นพี่สูงสุดของสาย แต่ก็ยังเหมือนเด็กน้อยในสายตารุ่นพี่คนอื่นอยู่ดี“พี่ดีฟอย่าชงให้ขิมเข้มมากดิ ขิมไม่อยากอ้วกนะ”“แกก็อ้วกทุกรอบอยู่แล้วป้ะ คิดจะอายตอนนี้ไม่ทันแล้ว”“พี่ดีฟให้ขิมมันกินเพียวเลย” น้ำมนต์ยุ“เออว่ะ วันนี้ยังไม่ได้ยกจอกร่วมสาบานเลย”“มึงรอยกดึกๆ หน่อย เดี๋ยววันนี้มีรุ่นพี่มาอีกสองคน”“ใครอะพี่ดีฟ นอกจากคนที่นั่งอยู่ตรงนี้ยังมีรุ่นพี่คนอื่นอีกเหรอ” เพลงขิมถามปู่รหัสของตนเองด้วยความสงสัย เพราะเวลามากินเลี้ยงสายรหัสจะมีสูงสุดไปจนถึงปู่รหัสของเธอก็คือดีฟเท่านั้น“เป็นปู่รหัสของพี่เอง กลับมาเรียน MBA ที่มหา’ ลัยเรา พี่ก็เลยชวนมาดื่มด้วยกัน พวกแกจะได้ทำความรู้จัก” ดีฟว่าพลางใช้นิ้วคนแก้วเหล้าของตนเอง“หล่อไหม” น้ำมนต์ถามตาเป็นประกาย“หล่อ รวย เป็นเจ้าของธุรกิจส่วนตัว”“แล้วมีเมียยัง?”“เหมือนจะเคยมี แต่เลิกไปแล้วมั้ง
เพลงขิมขยับตัวลุกจากที่นอน พลางชะโงกหน้าลงไปมองเพื่อนสนิทร่วมหอพักที่นอนอยู่บนเตียงชั้นล่าง เพราะผมยาวสยายลงเป็นเงา ทำให้อีกฝ่ายถึงกับสะดุ้งตกใจจนขวัญแทบกระเจิง“ว๊าย! แม่มึงร่วง”“ตกใจอะไรขนาดนั้น”“นึกว่าผีหลอกกลางวันแสกๆ อย่าห้อยหัวลงมาแบบนี้ดิวะ” น้ำมนต์ยกมือทาบอก ก่อนจะยื่นมือไปกระตุกผมเพื่อนเบาๆ ด้วยความหมั่นไส้ “มีอะไร”“แกบอกว่าที่คลับของแกรับสมัครพนักงานเพิ่มใช่ไหม”“เออดิ ถามทำไม แกจะไปทำงานกับฉันเหรอ”“อือ อีกปีเดียวก็เรียนจบแล้ว ฉันว่าจะหางานพาร์ตไทม์ทำเพิ่ม กลัวเงินไม่พอช่วงที่เดินสายสมัครงานประจำ”“จะไม่ชนกับงานล้านแปดอย่างที่แกทำเหรอ?”“ฉันจัดสรรเวลาได้อยู่แล้ว” แค่ต้องนอนน้อยกว่าเดิมเท่านั้นเอง เพลงขิมได้แต่คิดในใจ“งั้นแกก็มาสมัครเลย เดี๋ยวฉันบอกพี่พันดาวให้”“พี่พันดาว? คือใคร?”“เป็นผู้จัดการร้านแล้วก็เป็นแฟนเจ้าของคลับนั่นแหละ ใจดีมาก ยังไงพี่เขาก็ต้องรับแกเข้าทำงานแน่”“จะให้ฉันไปสมัครวันไหนล่ะ”“พรุ่งนี้ก็ได้ เพราะวันนี้พี่ดีฟกับพี่เจมส์นัดพวกเราไป Code bar อีกอย่างฉันจะได้ส่งข้อความบอกผู้จัดการร้านก่อนด้วย“ก็เอาตามที่แกว่านั่นแหละ”“ฉันว่าแกลงมานั่งคุยดีๆ เหอะ
“ฮึก!” เสียงสะอื้นไห้ที่ดังมาตามสายลมเย็นฉ่ำช่วงเวลาโพล้เพล้ ทำให้เด็กหนุ่มวัยสิบสองปีถึงกับหยุดฝีเท้าของตนเอง ไรขนอ่อนทั้งร่างลุกเกลียวพร้อมกัน“ฮือออ~”ดวงตาสีนิลพยายามมองหาที่มาของเสียง จนกระทั่งเห็นปลายเท้าเรียวเล็กยื่นออกมาจากใต้สไลด์เดอร์กลางสนามเด็กเล่น เขาจึงค่อยๆ เดินเข้าไปดูว่าเจ้าของเสียงนั้นคือใครเป็นเด็กผู้หญิงตัวเล็กผิวขาวจัดนั่งก้มหน้ากอดเข่า ร่างกายสั่นเทาหนักจากการสะอึกสะอื้น เด็กหนุ่มเกิดความสงสัยว่าทำไมเด็กตัวเล็กแค่นี้ถึงมานั่งร้องไห้คนเดียว“ทำไมถึงร้องไห้ล่ะ”“ฮึก! ฮึก!” ใบหน้าจิ้มลิ้มนองน้ำตาเงยมองเจ้าของเสียงนุ่มทุ้มด้วยความตื่นตระหนก เธอพยายามขยับตัวออกห่างคนแปลกหน้า “ยะ…อย่ามายุ่งกับขิมนะ”ท่าทางกลัวคนแปลกหน้าของเด็กน้อยเรียกความเอ็นดูจากเด็กชายได้ไม่ยาก เขาย่อตัวนั่งลงแต่ยังคงเว้นระยะห่างจากเธอ“ให้พี่นั่งเป็นเพื่อนไหม”“…”“พี่มีลูกอมนะ” ว่าจบก็หยิบลูกอมคาราเมลจากกระเป๋าเสื้อส่งให้อีกฝ่าย แววตาสั่นไหวของเด็กหญิงเริ่มคล้อยตามลูกอมในมือของเขา “รับไปสิ พี่มีหลายเม็ดเลย”“ให้จริงเหรอคะ” เธออ้อมแอ้มพร้อมใช้มือเล็กปาดน้ำตาบนพวงแก้ม“ใช่สิ ลูกอมนี้จะทำให้หายเศร้