คนตัวสูงตรงหน้าจ้องมองด้วยสายตานิ่งเฉย มือหนากำข้อมือเล็กแรงขึ้นจนแขนขาวเริ่มขึ้นรอยแดง แต่เธอยังคงยืนนิ่งไม่ขยับและไม่แสดงอาการหวาดกลัวใด ๆ
"ที่เรียกฉันมาก็เพราะโมโหที่ฉันไม่รบกวนพื้นที่ส่วนตัวของคุณเหรอคะ ขอโทษนะคะ ตอนนั้นฉันคงเมามาก" ฉันส่งยิ้มบางให้กับผู้ชายตรงหน้า แต่มันกลับยิ่งเหมือนปลุกเชื้อไฟให้กับเขา
"นี่สีหน้าที่สำนึกแล้วเหรอ" สายตาเรียบเฉยหลุบต่ำมองคนตัวเล็กกว่า เธอเลิกคิ้วช้อนสายตามองเขาอีกครั้ง ใบหน้าสวยยิ้มกว้างขึ้นกว่าเดิม
ฉันคิดว่าทุกอย่างมันจะจบลงง่าย ถ้าขอโทษนี่ ไป ๆ
มา ๆ ก็นึกถึงคำขอของยัยเฮเลนขึ้นมา แต่ดูท่าว่าจะเป็นเขาต่างหากที่ไม่ควรมายั่วโมโหฉัน
"ดูท่าทางจะจบยากสินะ ก็แค่อยากได้เงินหรือไง ยุ่งยากจริง" ฉันพึมพำกับตัวเองเป็นสำเนียงไทย แล้วล้วงหยิบสมุดเช็คขึ้นมาเขียนตัวเลขลงในนั้น
"..." เขายืนนิ่งและจ้องมองการกระทำของฉันทุกอย่าง จนกระทั่งเช็คหนึ่งใบถูกยื่นไปตรงหน้าเขา
"ฉันจำไม่ได้หรอกนะคะว่าทำอะไรไปบ้าง แต่อย่าถือคนเมาเลยค่ะคุณมาเฟีย นี่เป็นค่าเสียหายที่ฉันก็คิดว่ามันน่าจะมากพอให้เราจบเรื่องนี้" เขาก้มมองเช็คตรงหน้า ก่อนที่จะหยิบมันไปอ่านอย่างตั้งใจ หึ! ก็แค่อยากได้ค่าเสียหายสินะ
แคว่ก!
ฉันจ้องมองภาพตรงหน้าด้วยความตกใจ เช็คใบนั้นที่ฉันเขียนเองกับมือถูกฉีกแยกออกจากกันแล้วปล่อยร่วงหล่นลงบนพื้น เท้าของผู้ชายตรงหน้าก้าวเหยียบมันอย่างไม่ไยดี ใบหน้าหล่อก้มเข้าใกล้ในระดับสายตา ริมฝีปากแดงคล้ำยิ้มมุมปาก นั่นยิ่งทำให้ฉันโมโหขึ้นไปอีกระดับ
"เงินแค่นี้ชดใช้ไม่ได้หรอก" เขากระซิบพูดด้วยน้ำเสียงสำเนียงภาษาไทยที่ชัดกว่าฉันซะอีก
"...!" งั้นที่ฉันบ่นเมื่อกี้ก็
"ฉันไม่ได้อยากได้เงินเธอ ของแบบนั้นฉันใช้มันซื้อเธอยังได้" หึ! ใหญ่โตมากหรือไงไอ้เด็กบ้า
"คิดว่าเงินของนายมันใหญ่กว่าของชาวบ้านหรือไง คิดว่าตัวเองเหนือกว่าคนอื่นเหรอ ก็แค่...เด็ก" สิ้นเสียงของฉันสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป มือหนาคว้าข้อมือเล็กแล้วลากไปตามทางที่เขาเดินไป
"กรี๊ด! ปล่อยฉันนะไอ้เด็กนี่ คิดว่าตัวเองเป็นใคร กล้ามาทำกับฉันแบบนี้!" เขากระชากตัวเธออย่างไม่สนใจว่าคนรอบข้างจะหันมามองยังไง ถึงฉันจะตัวเล็กกว่าแต่ก็ไม่ยอมให้ใครมาทำอะไรแบบนี้ง่าย ๆ
ปึก!
ขาเรียวบนรองเท้าส้นสูงยันไปกับผนังข้างประตูหน้าห้องไว้ เขาหันกลับมามองฉันที่ยื้อตัวเองไว้อย่างสุดตัว
"คิดว่ามันจะช่วยได้มั้ย" เราทั้งคู่ต่างสาดสำเนียงภาษาไทยใส่กัน ยิ่งทำให้คนรอบตัวพากันสงสัย
"แค่ฉันเมาแล้วขึ้นไปในที่ของนายแค่นี้มันโมโหมากเลยหรือไง ฉันก็ขอโทษแล้ว ที่ฉันมาวันนี้เพราะไม่อยากให้เพื่อนของฉันมีปัญหา แต่ไม่นึกเลยว่าจะมาเจอเด็กนิสัยแบบนี้ ฉันอายุมากกว่านายนะไอ้เด็กบ้า คิดว่าเป็นมาเฟียแล้วจะทำอะไรกับชีวิตของใครก็ได้หรือไง!" ฉันหอบหายใจด้วยความเหนื่อย เพราะใส่เป็นชุดม้วนเดียวจบ
"เธอไม่ได้ทำแค่ขึ้นไปในที่ของฉันไง เธออยากได้ฉันไม่ใช่เหรอ" ครั้งนี้เขาตั้งใจพูดภาษาอิตาลีที่ทำให้คนรอบตัวเข้าใจในสิ่งที่เขาพูด กลุ่มชายลูกน้องของเขาต่างยืนหันหลังล้อมพวกเราไว้ ทำให้คนอื่น ๆ จะไม่สามารถมองเห็นเหตุการณ์ระหว่างฉันและเขาได้
"หึ!" ฉันเหยียดยิ้มมุมปาก จ้องมองผู้ชายที่กำลังฉุดกระชากฉันอยู่ ขาเรียวยกลงแล้วยืนเต็มความสูงทั้งสองข้าง ร่างบางขยับตัวเข้าไปใกล้อย่างท้าทาย นิ้วเรียวเชิดปลายคางของคนตรงหน้าขึ้น
"..." เขามองการกระทำของเธอด้วยสายตาเรียบเฉย ปล่อยให้ผู้หญิงตรงหน้าแตะต้องร่างกายของเขาอย่างตามใจชอบ
"จริง ๆ แล้วนายสนใจฉันใช่ไหมล่ะ" และครั้งนี้ฉันเองก็ตั้งใจพูดให้ทุกคนเข้าใจไปแบบนั้น กลุ่มชายที่ล้อมเราอยู่ต่างหันมองหน้ากันด้วยความตกใจ แต่เขากลับไม่ท่าทีอะไรแสดงออกมา
"..." เขายังคงยืนนิ่งปล่อยให้ฉันลูบไล้นิ้วเรียวไปที่ใบหน้าและลำคอ
"ที่ขมขู่เพื่อนฉันเพราะอยากเจอฉันใช่หรือเปล่า"
"..."
"เร่งให้มาเจอภายในสามสามวัน เพราะอยากเจอฉันอีกครั้งใจจะขาดเลยล่ะสิ"
"..." ไม่มีการแสดงออกทางสีหน้าใด ๆ ออกมา
"เพิ่งเคยเจอคนสวยขนาดนี้สินะ ฉันชินแล้วแหละ แต่ขอโทษด้วยนะ ฉันไม่ชอบเด็ก เรื่องของเราคงเป็นไปไม่ได้" ฉันส่งยิ้มให้เขาพร้อมกับตบบ่าเบา ๆ นายก็หล่อมากเลยนะแต่ฉันไม่เคยคิดว่าการมีแฟนมันจำเป็นกับชีวิตขนาดนั้น
"พูดจบยัง" ในที่สุดเข้าก็เปิดปากพูด
"จบแล้ว แต่ไม่ต้องเสียใจไปนะ ฉะ!"
"พูดมาก...นอกจากขี้เหร่แล้วยังพูดมาก" ฉันยังพูดไม่จบก็ถูกขัดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชาของเขา สายตาดูถูกจ้องมองหน้าฉัน เป็นครั้งแรกที่ฉันถูกมองด้วยสายตาแบบนี้
"..." ฉันยืนกำมือแน่น จ้องมองเขาตาไม่กะพริบก่อนจะสูดลมหายใจเข้าปอดลึก ๆ กล้ามากไอ้เด็กนี่!
"ที่เรียกมาเนี่ยแค่อยากถามว่าเข้าไปได้ยังไง ฉันจะได้จัดการคนที่ปล่อยเธอหลุดเข้ามาถูกคน ไม่ได้สนใจอะไรเธอหรอก...เธอไม่ได้สวยอะไรสำหรับฉัน" เป็นอีกครั้งที่ถูกด่าว่าไม่สวย
"ไม่...สวย...งั้นเหรอ" เสียงบ่นพึมพำของฉันทำเอาเขาหัวเราะในลำคอ
"หึ! ถ้าแบบนี้สวย..." เขาหยุดพูดก่อนที่จะขยับตัวเข้ามาใกล้ มือหนาจับปลายผมฉันม้วนเล่น ดวงตาคมและเย็นชาจ้องมองลึกเข้ามาในดวงตา
"...." ฉันข้องใจกับคำว่าไม่สวยมาก จะว่าอะไรก็ได้แต่คำว่าไม่สวยนี่...เด็กบ้านี่กำลังทำฉันระเบิดแล้ว
"อยากรู้มาตรฐานของเธอจังว่าวัดที่อะไร หน้าหรือนี่..." เขาจิ้มไปที่หน้าผากของฉันเบา ๆ
เพียะ! ฉันปัดมือเขาออกแล้วจ้องหน้าเขาไม่ละสายตา
"ไอ้เด็กเวร..." สำเนียงที่มีเราสองคนเท่านั้นรู้ เขาเหยียดยิ้มมุมปากก่อนจะกระชากแขนฉันลากเข้าไปในห้อง
ข้อมือทั้งสองข้างถูกรวบไว้ในมือของเขาเพียงข้างเดียว และมืออีกข้างโอบเข้าที่เอว ก่อนออกแรงอุ้มตัวฉันไปอย่างง่ายดาย ถึงจะแหกปากแค่ไหนก็ไม่มีใครกล้าเข้ามายุ่ง
"กรี๊ด! ไอ้เด็กบ้า บอกว่าฉันไม่สวยแล้วโง่เหรอ!"
พึ่บ! ปึง!
ฉันถูกเหวี่ยงลงไปกองที่พื้นทันทีที่ประตูห้องถูกปิดลง เขาไม่สนใจสักนิดว่าฉันจะกลิ้งอยู่ในสภาพไหน ร่างสูงเดินไปนั่งลงบนโซฟาแล้วไขว่ห้างมองด้วยสายตาสมเพช ฉันลุกขึ้นจากพื้นพร้อมกับปากระเป๋าในมือไปใส่เขาโดยไม่สนใจว่าราคาของกระเป๋ามันจะแพงมากแค่ไหน
ปึง!
เขาเอียงตัวหลบมันได้อย่างง่ายดาย กระเป๋าของฉันที่ถูกปาไปกระทบเข้ากับผนังห้อง
"ไม่เก็บให้นะ เชิญพาความสวยของตัวเองไปเก็บเอาเอง" เขายังคงพูดย้ำเรื่องจี้จุดฉันซ้ำ ๆ
"จะเอายังไงพูดมา" ฉันต้องการออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุดแล้ว ก่อนที่ร่างมารจะเข้า
"คุกเข่าขอโทษดีมั้ย...หรือใช้อย่างอื่นขอโทษดี" เขาไล่สายตามองไปทั่วร่างกายของฉัน
"เพ้อเจ้อ" พูดจบก็ต้องเดินวนไปหยิบกระเป๋าที่ปาไปเองด้านหลังเขา ฉันก้มลงหยิบกระเป๋าที่พื้นพร้อมกับแอบมองคนที่นั่งหันหลังให้อยู่ แล้วยืนขึ้นพร้อมกับเหวี่ยงกระเป๋าในมือหมุนตัวกลับมาด้วยความตั้งใจที่จะให้โดนคนที่นั่งอยู่สักนิด แต่เขาก็หลบได้อีกครั้งอย่างสบาย ๆ ฉันมองเขาด้วยความตกใจก่อนที่สายตาจะชำเลืองไปพบกับภาพสะท้อนในโทรทัศน์ที่ติดอยู่ผนังห้อง รอยยิ้มของคนที่นั่งหันหลังให้ฉันกำลังยิ้มเยาะเย้ยอยู่สะท้อนให้เห็น ที่เขาหลบได้เพราะภาพสะท้อนบนจอดำนั่น
เขาเอื้อมมือมาดึงแขนฉันอย่างไม่ทันตั้งตัวแล้วกระชากเข้ามาใกล้ หน้าท้องของฉันชิดกับพนักพิงโซฟา แขนเล็กถูกกระชากให้เอนตัวลงมา เขายื่นหน้าเข้ามาใกล้ลมหายใจร้อนเป่ารดหน้า รอยยิ้มของเขาปรากฏขึ้นอีกครั้งก่อนที่ใบหน้านั้นจะหายไปจากระยะสายตา แต่สัมผัสได้ถึงความนุ่มที่ริมฝีปากแทน
"...!" ดวงตากลมเบิกกว้างด้วยความตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น
ริมฝีปากร้อนกดทับอย่างหนักหน่วง ก่อนที่จะขยับรุกเร้าอย่างดูดดื่ม มือเล็กพยายามดันตัวเองไว้กับพนักพิงแต่ก็โดนมือหนาของเขากดท้ายทอยไม่ให้ขยับหนี ฉันเอื้อมมืออีกข้างไปจับแขนของเขาและดึงออกแต่ก็ไม่เป็นผล
ลิ้นร้อนรุกเร้าดันสอดเข้ามาในริมฝีปากอย่างยากลำบาก เพราะเธอเม้มไว้แน่นแต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่สามารถหยุดเขาได้ เขาขบริมฝีปากล่างเบา ๆ ก่อนจะถอนริมฝีปากออก เขามองผู้หญิงตรงหน้าที่ยืนนิ่งไม่ขยับ
"ยังไม่ตายใช่ไหม" เขาปล่อยมือออกจากท้ายทอยของเธอพร้อมกับเอ่ยปาากถาม
"ไอ้เด็ก...เวร" เสียงเล็กพึมพำกับตัวเอง มือของเธอกำโซฟาไว้แน่น
"หื้อ...เมื่อคืนเธอเป็นฝ่ายเริ่มก่อนฉันยังไม่ว่าอะไรเลยนะ"
"อะไรนะ..." ผู้ชายภาพในหัวฉันตอนนั้นคือหมอนี่เหรอ
"เธอเริ่มก่อน ใครกันแน่ที่สนใจใคร"
"..." ฉันยืนกุมหัวตัวเองแล้วพยายามนึกเรื่องราวที่มันเกิดขึ้น แต่ทำยังไงก็นึกไม่ออก
"ถือว่าเราหายกัน ฉันไม่ทำอะไรผู้หญิงแบบเธอหรอกนะ ทำไปก็ตายเปล่า" ฉันหันขวับกับไปมองที่เขาทันที ในชีวิตไม่เคยมีใครมองฉันด้วยสายตาสมเพชได้มากขนาดนี้เลย
"หึ...สรุปว่าสนใจฉันก็ยอมรับเถอะ อยู่ ๆ จะมาจูบฉันทำไม" ฉันยังไม่เลิกปั่นประสาทเขา
"ถ้าสนใจ...แล้วจะเลิกกับแฟนมาเป็นของฉันไหมล่ะ" แฟน? ฉันมีแฟนตอนไหน อ่อ! ยัยเฮเลนคงโกหกไว้สินะ อาจจะเป็นแผนกันเขาให้ไม่ทำอะไรฉันมากกว่านี้ก็ได้
"อยากได้ฉัน..."
"หึ" เขาหัวเราะในลำคอ
"ยอมรับสินะว่าสนใจฉันจริง ๆ" ฉันยิ้มเยาะเย้ยเขาบ้าง
"ฉันชอบผู้หญิงสวย แล้วก็ฉลาดนะ"
"อื้อ~" นี่มันฉันนี่ มันไม่ใช่ฉันตรงไหน
"ซึ่งตรงกันข้ามกับเธอหมดเลย ถ้าเอาเธอมาคงเอามาเป็นคนให้อาหารงูบ้านฉัน ดูจะมีประโยชน์แค่นี้" สายตาช่างดูแคลนอะไรฉันขนาดนี้ ได้เลย...ฉันจะจำชื่อเขาไว้ การ์เนท
"แต่ถ้าฉันเอานายมา..." ฉันพูดขึ้นพร้อมเดินผ่านเขาไปยังหน้าประตู การ์เนทนั่งมองฉันด้วยสีหน้าเรียบเฉย ดูเขาจะยอมปล่อยให้ฉันไปอย่างง่ายดาย
"...."
"ฉันยอมเอาของฉันถูพื้นดีกว่า ดูท่าจะมีประโยชน์แค่นี้" พูดจบฉันก็เดินออกจากห้องไปทันที โดยไม่หันไปสนใจผู้ชายในห้องจะมีอาการยังไง คนของเขาต่างหันมองฉันเป็นตาเดียว สภาพฉันเหมือนไปสู้สงครามโลกครั้งที่สามมายังไงยังงั้น หมดอารมณ์ชอปปิงแล้วโว้ย!
"กรี๊ด!" ฉันแหกปากมาอย่างทนไม่ไหว ภาพเหตุการณ์ในห้องยังคงวนเวียนอยู่ในหัวฉัน ไอ้เด็กเวร คนรอบข้างต่างพากกันตกใจกับความบ้าของฉันที่เกิดขึ้น
ภายในห้อง
หลังจากที่เธอออกจากห้องไป คำพูดของผู้หญิงคนนั้นยังคงวนเวียนในหูเขา ผู้หญิงคนนี้เป็นคนแรกที่กล้าท้าทายเขาในทุก ๆ เรื่องขนาดนี้ สายตาหนักแน่นที่ไม่อ่อนไหวกับอะไรง่าย ๆ แบบนั้น มันกำลังทำให้เขาเริ่มสนใจขึ้นมาทีละนิด แต่ยัยนั่นมีแฟนแล้วงั้นสินะ เขากดโทรศัพท์โทร. ออกหาคนของตัวเอง
ตู๊ด ตู๊ด!
(ครับ) ปลายสายตอบกลับด้วยน้ำเสียงตกใจไม่น้อยที่เขาโทร. ไป
"รู้เรื่องที่มีผู้หญิงมาหาฉันแล้วใช่มั้ย" ยังไงคนสนิทของปู่ก็ต้องรู้เรื่องนี้แน่นอน
(รู้แล้วครับ)
"ฉันอยากรู้เรื่องของผู้หญิงคนนั้นทั้งหมด"
(อยากรู้หรืออยากได้ครับ) ปลายสายถ้ากล้าแหย่เขาขนาดนี้แสดงว่าคุณปู่อยู่ด้วย
"ไม่ต้องพูดมาก" พูดจบเขาก็วางสายทันที เขาจ้องมองไปยังจอมืดบนโทรทัศน์แล้วนึกถึงสิ่งที่เขาทำลงไป เขาทำตามใจที่ตัวเองอยากทำโดยไม่คิดไตร่ตรองเป็นครั้งแรก จู่ ๆ ก็อยากสัมผัสยัยนั่นขึ้นมาจนห้ามตัวเองไม่อยู่งั้นเหรอ แต่ติดตรงที่ผู้หญิงแฟนแล้ว
"ใครเขาสนใจเรื่องนั้นกัน..." รอยยิ้มมุมปากปรากฏขึ้น พร้อมกับเลียริมฝีปากตัวเองเบา ๆ
ณ บ้านของคิม
ฉันขับรถเข้ามาจอดในตัวบ้านเทียบข้างกับรถมาเซราติของน้องชายตัวเอง มันอยู่บ้านด้วยงั้นเหรอ ฉันมองรถสีขาวด้วยความไม่เชื่อสายตาตัวเองก่อนจะก้าวลงจากรถแล้วเดินเข้าไปในตัวบ้าน
เมื่อเดินเข้ามาก็พบกับร่างสูงของน้องชายตัวเองคุยโทรศัพท์อยู่ในห้องนั่งเล่น คินเหยียดเท้าวางบนโต๊ะด้วยท่าทางที่ผ่อนคลาย ฉันเดินผ่านไปยังห้องตัวเอง แต่ก็ต้องหยุดชะงักแล้วหมุนตัวกลับมาแนบหูแอบฟัง เมื่อได้ยินชื่อของบุคคลปริศนา
"โซเหมาขนมไปทำอะไร" ชื่อผู้หญิงงั้นเหรอ
"..." ฉันก้มลงที่พื้นแล้วคลานเข่าเข้าไปใกล้
"แจกคนในบริษัทเหรอ แล้วทำอะไรอีก" คินยังคงคุณโทรศัพท์ต่อโดยที่ไม่ทันได้สังเกตว่าฉันคลานมาจากด้านหลัง
"..." น้องฉันตามเฝ้าใครอยู่หรือไง
"มีคนตามจีบ...เป็นใคร" จับใจความไม่ได้สรุปมันคุยกับใครวะเนี่ย
"เอาประวัติแบบละเอียด แค่นี้แหละ" มันวางสายแล้ว ฉันยังจับใจความไม่ได้เลยนะ
"..." ฉันคุกเข่าอยู่บนพื้นพร้อมกับพยายามคิดว่าชื่อที่ได้ยินเป็นใคร
"ทำตัวเหมือนไม่อยากมีวันพรุ่งนี้เลยนะพี่คิม" เสียงทุ้มเอ่ยพูดขึ้นมาทำเอาฉันสะดุ้งสุดตัว ก่อนจะลุกขึ้นยืนเพราะถูกจับได้
"เห็นได้ไง"
"ตัวอย่างกับตึก ใครเขาจะมองไม่เห็น" ฉันเดินกระแทกเท้าอย่างหงุดหงิดไปนั่งลงฝั่งตรงข้ามกับคิน น้องชายสุดที่รักมองฉันด้วยสายตาสมเพชก่อนจะเอ่ยปากถาม
"ไปไล่กัดคนที่ไหนทำไมสภาพเป็นแบบนี้"
"แกว่าฉันเป็นกระต่ายเหรอ"
"หมา"
"ไอ้น้องเลว..มีเรื่องนิดหน่อย" คินหันมามองฉันและขมวดคิ้ว
"ทำไมล่ะ เขาไม่ยอมให้อาหารเม็ดเหรอ" ไม่ว่าจะยังไง คินยังคงปากร้ายกับทุกคนเสมอ
"เออ พอใจยัง!"
"มากเลยล่ะ" คินกดโทรศัพท์ในมือและไม่สนใจฉัน ต่อมความอยากรู้ทำงานอะว่าเมื่อกี้มันคุยเรื่องอะไร
"เมื่อกี้...แกตามเฝ้าใครอยู่เหรอ" คำถามของฉันทำเอาคินหยุดชะงักทันที ก่อนจะมองฉันด้วยด้วยตาดุ
"ยุ่ง..." เรียบเฉย แต่เจ็บ
"แกเฝ้าผู้หญิงที่ไหนเหรอ ฉันได้ยินชื่อไม่ชัด ชื่ออะไรนะ...โท โส หรืออะไรนะ โซ" คินถอนหายใจออกมาเบา ๆ แล้ววางโทรศัพท์ในมือลง
"อยากรู้เหรอ"
"อื้อ~" ฉันพยักหน้าและขยับตัวเข้าไปนั่งข้าง ๆ
"ถ้าบอกว่าแฟนล่ะ"
"...!" คำตอบของมันทำเอาฉันตกใจอ้าปากค้าง ไอ้คินใช้คำว่าแฟนกับผู้หญิงเหรอ
"แฟนน่ะ ถ้าน้องของพี่จะมีแฟน" คินยังคงย้ำคำเดิมอีกครั้ง คำว่าแฟนที่ออกมาจากปากคนอย่างน้องชายฉันเนี่ยนะ
"เป็นคำพูดที่น่าสยดสยองอะไรขนาดนี้...ผู้หญิงแบบไหนจะมาทนแกได้ น้องเลวของพี่" ฉันตบบ่าน้องตัวเองด้วยความเห็นใจ คินปราดหางตามองและปัดมืออกอย่างรำคาญ
"ผู้หญิงคนนั้นเป็นแบบที่...ตรงข้ามกับพี่ทุกอย่าง ไม่กินอาหารเม็ด และไม่วิ่งไล่กัดคน"
"ไอ้คิน ไอ้เวร!"
ฉันกระโจนเข้าบีบคอคินทันที ไอ้น้องเวรแต่ละคำที่มันพูดออกมา ไม่เคยมีใครหยุดมันอยู่เลย เมื่อไหร่วันนั้นจะมาถึง...วันที่มันจะเป็นลูกหมา วันที่จะมีคนจัดการมันได้ ไอ้ลูกหมาคิน