หญิงสาวในชุดเดรสสีดำสั้นเว้าโชว์แผ่นหลังเนียน ผมยาวสลวยปล่อยตรงกลางหลังพลิ้วไหวไปตามจังหวะก้าวเดิน ชุดและผมสีดำของเธอขับให้ผิวขาวเนียนผ่องเด่นชัดยิ่งขึ้น
สายตาของผู้ชายมากมายต่างจับจ้องมองเธอเป็นตาเดียว ใบหน้าสวยมองผ่านพวกเขาไปอย่างไม่สนใจ ไม่ใช่แค่ผู้ชายที่สนใจเธอ กลุ่มผู้หญิงก็ต่างหันมาสนใจผู้ชายที่เธอคล้องแขนเข้างานมาด้วย
"ทำไมต้องควงแขน" คินหันมาถามฉันที่เกาะแขนมันไว้แน่น มองตาเป็นมันเลยนะยะพวกนี้ ฮึ! ถึงฉันจะเป็นพี่สาวที่สวยและใจดีแต่ก็หวงน้องชายมาก
"แกเห็นสายตาหิวกระหายพวกนั้นไหม ฉันหวงน้องตัวเองมันผิดหรือไง"
"แม่ซื้อเข้าร่างเหรอ เป็นบ้าอะไรมาหวง" ไอ้นี่ปากร้าย
จริง ๆ
"หรือแกอยากได้ยัยพวกนั้น ฉันอ่านสายตาออกนะ ดูสายตานั่นสิอย่างกับจะกลืนกินแกไปทั้งตัว" ฉันสะกิดให้คินมองไปยังรอบ ๆ
"พี่คิม" คินเรียกชื่อฉันด้วยน้ำเสียงนิ่งเฉย
"อะไร"
"น่ารำคาญ ถ้ายังไม่ปล่อยจะกลับแล้วนะ" ฉันรีบปล่อยมืออกจากแขนทันที
"ดุจังโว้ย นึกว่าหมา" ฉันแยกเขี้ยวใส่น้องตัวเอง ซึ่งมันก็ไม่สนใจตามเคย เราทั้งคู่เดินตรงมาหยุดที่โต๊ะของกลุ่มเพื่อน สาว ๆ ต่างหันมองเราพร้อมกับแต่สายตาต่างรวมไปที่คินคนเดียว
แปะ!
ฉันปรบมือใส่ตรงหน้าพวกเธอเพื่อเรียกสติ ยัยพวกนั้นหันมามองฉันเหมือนจะขย้ำหัว ก่อนที่จะหันกลับไปยิ้มทำหน้าสวยใส่คิน
"Hi~" พวกเธอทักทายขึ้นพร้อมกัน สนใจฉันกันซะทีไหนพวกนี้ คินส่งยิ้มให้พวกเธอก็ต่างพากันยิ้มอย่างเขินอาย
"หยุดความคิดพวกแก" ฉันที่ทนเห็นน้องตัวเองต้องมาเจอฝูงชะนีแทะโลมแบบนี้ไม่ไหวต้องออกตัวปกป้อง
"ยัยคิม แกเอาน้องชายไปแอบไว้ส่วนไหนของมุมโลกมาทำไมฉันเพิ่งเคยเห็น" เคท ดีกรีดีไซเนอร์เจ้าของแบรนด์ดังขยับเข้ามากระซิบถามฉัน
"หยุดความคิดไงเตือนแล้วนะ" ยัยนี่ตัวอันตรายที่สวยเพราะความสวยและความแซ่บของเธอทำให้ไม่เคยพลาดผู้ชายที่เธอสนใจ แต่คงใช้ไม่ได้กับคินเพราะมันมีสีหน้านิ่งเฉยอย่างกับรูปปั้น
"ทำไม การที่มีฉันเป็นแฟนน้องชายมันก็ดีนี่" ยัยเพื่อนคนนี้ไปเอาความมั่นใจผิด ๆ แบบนี้มาจากไหน
"ฟังนะเคท...ฉันกับคินเรามีดีเอ็นเอเดียวกัน เพราะฉะนั้น...นิสัยไม่ต่างกัน" เคทส่งเสียงขัดใจอย่างหงุดหงิดและมองคินด้วยสายตาที่เสียดาย
"ชิ! ยัยปีศาจ" ยัยเคทผ่านไปหนึ่งคนแต่ก็ยังมีรอบตัวอีกหลายคนที่ต่างนั่งจ้องน้องฉัน เห้อ~ ยัยพวกนี้นิไม่รู้น้องชายนางมารของฉันซะแล้ว
"ฉันไม่อยากมีน้องสะใภ้แบบพวกแกหยุดมองน้องฉันเดี๋ยวนี้!"
ฉันกดเสียงให้ต่ำและไล่มองพวกเพื่อนสาวทีละคน ซึ่งยัยพวกนั้นก็มีท่าทีไม่พอใจอย่างชัดเจน ส่วนพวกที่เจอคินแล้วเมื่องานช่วงเช้าก็ต่างเคยเห็นความบ้าระหว่างเราสองคนพี่น้องมาแล้ว จึงไม่ได้มีท่าทีที่ตื่นเต้นแต่อย่างใด
"อ๊ะ!" ฉันยกมือเรียกบริกรที่กำลังเดินมาทางนี้ พูดมากแล้วก็คอแห้ง ฉันเอื้อมมือไปหยิบแก้วไวน์บนถาด แต่ก็ถูกมือของน้องตัวเองจับไว้
"บอกไว้ว่าไง" คินเอียงหน้าเข้ามากระซิบถามข้างหู ฉันหันกับไปทำหน้าอ้อนวอนให้เขา
"แก้วเดียวนะ" คินมีท่าทีชั่งใจแต่ก็ยังคงไม่อนุญาตเช่นเดิม
"ไม่"
"นะพ่อนะ" ไม่ใช่น้องแล้วนี่มันพ่อคนที่สองของฉันชัด ๆ
"ไม่" คินดึงแก้วไวน์ในมือออกแล้วหยิบแก้วน้ำส้มยัดใส่มือให้ฉันแทน ฉันก้มมองแก้วในมือด้วยตาละห้อย
"อุ๊ย! แม่คิมอดเมาเหรอคะวันนี้" กลุ่มเพื่อนของฉันต่างพากันหัวเราะกับคำพูดของเฮเลนที่เดินเข้ามาพอดี
"อย่าพูดเลย..." พูดจบก็ยกแก้วน้ำส้มขึ้นดื่มจนหมด
"เมาน้ำส้มไปแล้วกันวันนี้" คินพูดขึ้นพร้อมกับปราดหางตามองฉัน
"ปล่อยยัยนี่นั่งเมาน้ำส้มอยู่นี่แหละ จะได้ไม่ไปสร้างเรื่องที่ไหนได้อีก ดีนะรอบนั้นการ์เนทไม่ถือสามาก"
สิ้นเสียงของเฮเลนทุกคนต่างหันมามองที่ฉันเป็นตาเดียวรวมถึงคินด้วย แต่น้องฉันก็ชินกับอะไรแบบนี้มากแล้วแหละเพราะงั้นเวลาไปไหนมาไหนกับคินถึงโดนห้ามเรื่องเมาตลอด เพราะมันขี้เกียจตามเก็บ
"จริงด้วยที่แกทำเรื่องไว้ครั้งนั้นน่ะ รอดมาได้ไง" เสียงของเพื่อนสาวในกลุ่มถามขึ้นด้วยความอยากรู้ พูดอะไรมากก็ไม่ได้ซะด้วยเรื่องทุกอย่างมันผ่านไปได้ก็ดีแล้ว สิ่งที่เกิดขึ้นในห้องนั้นปล่อยให้มันตายไปกับฉันแล้วกันนะ
"รอดมาได้เพราะ...ความสวย" ทุกคนต่างทำหน้าจะอ้วกเมื่อฉันพูดจบ แต่ยังมีน้องฉันที่เข้าข้างกันเสมอ
"ไร้สาระ" คินพูดขึ้นลอย ๆ พร้อมกับยกแก้วบรั่นดีขึ้นจิบ ฉันมองแก้วในมือตาวาวแต่ก็ทำได้แค่มอง
"ปล่อยให้ยัยนี่หลงตัวเองไปอยู่ตรงนี้แหละ คินไปกับพี่หน่อยสิพวกผู้ใหญ่เขาอยากเจอทายาทคนเล็กของเจทีกรุ๊ปสักหน่อย" แค่มางานแรกผู้ใหญ่ก็พากันสนใจในตัวมันเลยเหรอ แต่...ถ้าไอ้คินไม่อยู่ตรงนี้ฉันก็ ฮึ ๆ ๆ
"ไปทำความรู้จักกับผู้ใหญ่เขาไว้เยอะ ๆ นาน ๆ เลยนะ
คิน~" ฉันรีบพูดอย่างอารมณ์ดี ก็ถ้าคินไม่อยู่ก็เป็นการเปิดทางให้ฉันน่ะสิ จะจิบแค่เบา ๆ เดี๋ยวน้องจับได้
"ดูดีใจเกินหน้าเกินตานะ" คินหันมามองฉันอย่างจับผิด
"ไม่นิ" ฉันส่งยิ้มกว้างให้น้องตัวเอง
"ถ้าพี่เมา...ผมจะจับพี่มัดไว้กับรถแล้วลากกลับบ้าน" คิน
ขยับเข้ามาใกล้แล้วพูดกับฉันเป็นสำเนียงไทย ไอ้นี่! ทำจริงสินะรอยยิ้มนั่นน่ะ
"รับทราบจ้าพ่อ~"
ฉันขานรับอย่างว่าง่ายแต่ดูเหมือนว่าคินจะไม่เชื่อ ไม่ใช่แค่คินหรอกเพื่อนฉันก็ด้วย ทุกคนต่างมองตามหลังคินที่เดินไปพร้อมเฮเลน เมื่อพ้นทางเพื่อนทุกคนก็เรียกบริกรอย่างพร้อมเพรียง
"ฉันชอบเวลาแกเมาคิม" เคทพูดพร้อมกับส่งแก้วไวน์มาให้
"มันดีเหรอเคท" ฉันแกล้งถามพร้อมกับมองไปยังทิศทางที่คินเดินไป
"เอาแค่จิบ ๆ น้องชายแกไม่ว่าหรอก" เพื่อนอีกคนต่างส่งเสริมและส่งแก้วมาให้อีกใบ
"มันจะดีใช่ปะล่ะ" ทุกคนพยักหน้าพร้อมกัน แล้วก็ยื่นแก้วมาชนกันกลางโต๊ะ
หนึ่งชั่วโมงผ่านไป
ร่างบางเดินเซไปตามทางเดินริมระเบียง ในมือถือแก้วไวน์ อีกข้างจับโทรศัพท์แนบหู สายตาจ้องมองไปยังแสงไฟจากสวนข้างโรงแรม
"แค่มางานวันแรกก็มีผู้ใหญ่สนใจแล้วค่ะพ่อ" เธอกำลังคุยโทรศัพท์กับผู้เป็นพ่อ ตอนนี้ยอมรับว่าเริ่มมึนนิดหน่อย ไวน์นี่แรงใช้ได้เลยนะ แป๊บเดียวทำฉันเซได้
(อยู่ด้วยกัน ทะเลาะกันหรือเปล่า) พ่อถามกลับมาอย่างรู้ทัน
"แค่วันละสามเวลาเองค่ะพ่อ เมื่อก่อนทะเลาะหกเวลาตอนนี้ดีขึ้นแล้วค่ะ รักกันดี" จริง ๆ นะ ยังไงฉันก็รักน้องมาก
(ก็ยังดี)
"พ่อคะ...คิมถามอะไรหน่อยสิ" จู่ ๆ ฉันก็นึกถึงเรื่องที่ตัวเองสงสัยมาตลอด แต่ไม่มีความกล้าพอที่จะถาม ตอนนี้ความกล้ามันเริ่มทำงานแล้ว
(ถามมาสิ) พ่อน่าจะตอบเรื่องนี้ได้ดีที่สุด เพราะท่านทำงานร่วมกับคนกลุ่มนี้มานานแล้ว
"มาเฟียเนี่ยเขาเป็นยังไงเหรอคะ" ถ้าในหนังที่รู้จักต้องโหด ดิบ เถื่อน ใช่มั้ยล่ะ แต่ที่ฉันเจอกับสุขุม นิ่ง เยือกเย็นแต่ก็รับรู้ได้ถึงอำนาจและความน่ากลัว
(อยู่ ๆ ทำไมอยากรู้เรื่องนี้ขึ้นมาล่ะ) นั่นสินะ อยากรู้ไว้รับมือล่ะมั้ง เผื่อเกิดอะไรขึ้นอีกจะตั้งหลักได้ทัน
"ก็...ถือซะว่าเป็นความรู้รอบตัวค่ะพ่อ ที่นี่คิมต้องทำธุรกิจกับคนมากมาย ก็อยากศึกษาเอาไว้เตรียมรับมือค่ะ" ฉันจะอยากมามีความรู้รอบตัวอะไรในตอนที่สติมีเพียงห้าสิบเปอร์เซ็นต์แบบนี้
(งั้นเหรอ...มาเฟียของอิตาลี พวกเขาไม่เหมือนในละครที่ลูกเคยดูหรือในหนังสือที่ลูกเคยอ่าน พวกเขามีเกียรติ เงิน อำนาจที่อยู่เหนือกฎหมาย)
"...." ฉันยกแก้วไวน์ขึ้นดื่มพร้อมกับฟังพ่ออย่างตั้งใจ
(พวกเขาทำธุรกิจแค่บังหน้า จริง ๆ แล้วเขาทำงานให้รัฐบาลและราชวงศ์ ไม่แปลกอะไรเลยที่พวกเขาจะสามารถควบคุมกฎหมายได้ตามใจตัวเอง แม้แต่รัฐบาลก็ยังต้องเกรงใจ)
"...." ที่ผ่านมาฉัน...มีเรื่องกับคนที่อยู่เหนือกฎหมายงั้นเหรอ
(มาเฟียแต่ละกลุ่มมีอำนาจที่แตกต่างกัน แต่การจัดลำดับคือจัดตามอำนาจในมือที่แท้จริง อย่างลำดับที่หนึ่งในตอนนี้ พวกเขาน่าจะมีกลุ่มลูกน้องในมือราว ๆ หลักหมื่นคนขึ้นไปนะ...เท่าที่พ่อรู้มาก็ประมาณนี้) การดูแลคนมากขนาดนั้นต้องใช้เงินมหาศาลขนาดไหนกันนะ
"...ดูน่ากลัวมากเลยนะคะพ่อ" ที่ผ่านฉันมีเรื่องกับทายาทมาเฟียที่ปกครองคนหลักหมื่นงั้นเหรอ
(แต่ถึงลูกจะไปทะเลาะกับพวกเขา ยังไงซะพวกเขาก็จะไม่ทำร้ายผู้หญิงขี้เมาตัวเล็ก ๆ อย่างคิมภัทรชาของพ่อหรอก...)
"โธ่ ! พ่อคะ"
(แต่...อย่าทำให้มาเฟียมาตกหลุมพรางของลูกล่ะ เพราะมันจะไม่มีโอกาสให้ลูกได้หนีเขาเลย)
"พ่อเมาหรือเปล่า พ่อพูดอะไร" พ่อพูดอะไรแปลก ๆ ไม่มีใครเหมาะสมกับฉันหรอก
(พ่อก็พูดกับลม พูดกับหลอดไฟ...อย่าไปทำให้มาเฟียที่ไหนมารักล่ะ ลูกจะไม่มีทางหนีเขาพ้น) พ่อนี่ อยู่ ๆ ก็พูดอะไรแปลก ๆ อีกแล้ว
"รับทราบค่ะพ่อ ลูกสาวของพ่อสวยและเพอร์เฟ็กต์ขนาดนี้ จะมีใครที่ไหนเหมาะสมกับหนูได้คะ"
(ฮ่า ๆ ๆ โอเค ลูกสาวพ่อสวยที่สุดอยู่แล้ว ดูแลน้องดี ๆ ระวังน้องชายตัวแสบด้วยล่ะ นั่นก็ใช่ย่อย นิ่งก็น่ากลัวขยับก็น่ากลัว) พ่อนี่รู้ทุกอย่างที่เป็นลูกตัวเองจริง ๆ เลย
"ค่ะพ่อ คิมก็ไม่รู้ว่าใครจะดูแลใครนะคะ"
(มีกันอยู่แค่สองคน ถึงจะทะเลาะกันทุกวันแต่พ่อก็รู้ว่าคิมรักน้องมาก)
"แต่เหมือนน้องจะไม่รักนะพ่อ"
(ไม่หรอก ไม่มีใครมาทำอะไรคิมได้ถ้าอยู่กับน้อง) คินเป็นผู้ชายคนที่สองรองจากพ่อที่ฉันอยู่ด้วยแล้วรู้สึกปลอดภัยจากคนอื่น แต่มากลัวมันแทน
"มีแต่มันนั่นแหละจะฆ่าคิม"
(ฮ่า ๆ อยู่ด้วยกันดี ๆ บอกคินด้วยว่าว่างเมื่อไหร่โทร. มาหาพ่อหน่อย แค่นี้นะลูกพ่อวางแล้ว ปาร์ตี้ให้สนุก)
"ค่ะพ่อ"
ติ๊ด!
แล้วพ่อก็วางสายจากฉันไป ข้างนอกอากาศดีจัง ลมเย็นพัดผ่านตัวฉันไป แต่กับไม่รู้สึกหนาวเพราะฤทธิ์ความร้อนจากภายในของแอลกอฮอล์
"อยากรู้เรื่องมาเฟียไปทำไม" เสียงทุ้มต่ำกระซิบถามข้างหูจากด้านหลัง ทำให้ฉันสะดุ้งสุดตัวด้วยคความตกใจ หันหลังกลับไปก็เจอกับใบหน้าเนียนของการ์เนทที่อยู่กันไม่ถึงคืบ
"แอบฟังฉันคุยโทรศัพท์เหรอ"
"เปล่า" เขาปฏิเสธพร้อมกับยกบุหรี่สีดำในมือให้ดู
"เขาก็เรียกว่าแอบฟัง ถ้าไม่คิดจะแอบฟังก็ต้องทำอะไรเสียงดัง ๆ ให้ฉันรู้ตัวสิว่ามีคนมา"
"ฉันมีมารยาทนะ ทำไมต้องทำอะไรแบบนั้นในขณะที่ก็รู้ว่าเธอกำลังคุยโทรศัพท์อยู่" การ์เนทเดินผ่านฉันไปยืนพิงที่ราวเหล็ก ฉันมองค้อนใส่เขาก่อนจะเดินไปทางประตู เพื่อจะออกไปจากตรงนี้
กึก ๆ
ประตูถูกล็อกจากด้านใน ฉันมองไปตามกระจกก็เห็นเงาผู้ชายยืนเฝ้าอยู่หน้าประตู
"นี่ ช่วยบอกให้คนของคุณเปิดประตูด้วยค่ะ"
"..." เขายังคงยืนนิ่งและสูบบุหรี่ต่อ
"ได้ยินหรือเปล่าคะที่พูด" แต่ยิ่งพูดดีด้วยเขาก็ยิ่งทำเป็นไม่ได้ยิน
"..." ได้! ฉันเดินตรงเข้าไปใกล้เขา แก้วไวน์ในมือถูกยกดื่มจนหมดในทีเดียวแล้ววางลงบนโต๊ะ
"ไม่มีหูหรือไง หา!" สิ่งที่ไม่ชอบสำหรับฉันคือการโดนเมิน
"มีอะไร" การ์เนทหันกลับมามองฉัน สายตาไล่มองไปตามร่างกายตั้งแต่หัวจรดเท้า
"เปิดประตู"
"นี่สวยที่สุดแล้วเหรอ ยัยขี้เหร่" นอกจากจะไม่ฟังฉันแล้ว ยังจะกล้าว่าฉันอีก ไอ้เด็กนี่!
"มีหูไว้กั้นหัวหรือไงถึงไม่ได้ยินที่ฉันพูด"
"อยากให้เปิดประตู" การ์เนทถามย้ำอีกครั้ง
"ก็ได้ยินที่พูดนี่ เปิดประตู" ฉันชี้ไปทางประตูเพื่อย้ำกับเขาอีกครั้ง
"ได้...เปิด" สิ้นเสียงคำสั่งของเขาประตูก็ถูกเปิดออก หางตาฉันเห็นผู้หญิงคนหนึ่งเดินเข้ามาแล้วหลังจากนั้นฉันก็ถูกจับให้หันกลับมาหาการ์เนท
มือหนาของเขาโอบหลังและดึงตัวฉันให้หันกลับมาทางเขา มืออีกครั้งทิ้งบุหรี่ลงพื้นและยกอุดปากฉันไว้แน่นไม่ให้ส่งเสียงใด ๆ ออก
ริมฝีปากร้อนทาบทับลงต้นคอขาว ก่อนจะขยับพรมจูบอย่างเน้นย้ำช้า ๆ ฉันดันอกเขาไว้แต่ก็สู้แรงไม่ไว้ มือของเขาลูบวนไปทั่วแผ่นหลังเปลือยเปล่า ลำพังเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ก็จะทำให้ยืนไม่ต้องอยู่แล้ว แต่นี่ยังมาเจอเรื่องบ้าอะไรขึ้นมาอีก
"การ์...เนท ฮึก" ฉันไม่สามารถหันกับไปอธิบายอะไรได้เลย จึงได้ยินแต่เสียงของผู้หญิงคนนั้นพึมพำปนสะอึกสะอื้น
"ช่วยออกไปด้วย อย่ารบกวนครับ" เสียงผู้ชายอีกคนดังขึ้นจากด้านหลัง แต่คนตรงหน้าฉันก็ยังคงไม่หยุด
"ฮึก ฮือ!" เสียงผู้หญิงคนนั้นร้องไห้ ก่อนจะตามมาด้วยเสียงฝีเท้าและเสียงประตูที่ปิดลง
ปึง!
"อา" เมื่อประตูปิดลง การ์เนทก็ปล่อยมือจากฉันที ตอนนี้ได้ยืนนิ่งด้วยความตกใจและงงกับเรื่องที่มันเกิดขึ้น
"..."
"ยังหายใจอยู่หรือเปล่า" เสียงของเขาทำให้ดึงสติฉันกลับมาได้
"ทำบ้าอะไรลงไป.." ฉันพยายามกดเสียงให้นิ่งที่สุด แต่การ์เนทกับไม่มีท่าทีรู้ร้อนรู้หนาว เขายังคงจุดบุหรี่สูบอีกมวนด้วยสีหน้าที่เรียบเฉย
"ก็บอกเองว่าให้เปิดประตู"
"แล้วการเปิดประตูมันเกี่ยวอะไรกับเรื่อง...หา!" ตอนนี้คือพร้อมระเบิดมาก แต่เขาก็ยังคงมีท่าทีที่เรียบเฉย
"ไม่เกี่ยว...แค่อยากทำ" การพูดด้วยสีหน้าที่เรียบเฉยแบบนั้นมันคืออะไร
"ไอ้เด็ก...เวร"
"ฉันเข้าใจความหมายของคำว่าเด็กเวรดีเลย...อยากรู้จักเด็กเวรให้มากกว่านี้มั้ย" เขาไม่ได้พูดเปล่า แต่เดินเข้ามาใกล้ฉันด้วย
"คิดว่าทำแค่นี้แล้วฉันกลัวเหรอ" ฉันเป็นฝ่ายขยับเข้าไปหาเขาเองฉันว่าฉันพอจะรู้จุดอ่อนของเด็กบ้านี่ดี ถ้าฉันทำตัวว่าเหนือกว่าเขาจะไม่พอใจทันที
"หึ" เขาจ้องหน้าฉันก่อนจะปล่อยควันบุหรี่ออกจากปาก
"ยอมรับแล้วสิว่าสนใจฉัน" ฉันยื่นหน้าเข้าไปใกล้ เขาเองก็ไม่มีท่าทีหลบหรือดันฉันออก
"เธอจะเสนอตัวให้ฉันเหรอ"
"ต้องเสียใจด้วยนะ เพราะฉันไม่ชอบแย่งของ ๆ คนอื่น" ผู้หญิงคนเมื่อกี้ฉันต้องไปอธิบายให้เธอฟัง เพราะฉันบริสุทธิ์ใจจริง
"แต่ฉันไม่สนเรื่องนั้นนะ ถ้าเธอโอเคฉันก็โอเค" การ์เนท
พูดด้วยสีหน้านิ่งเฉย คนอะไรจะนิ่งได้ขนาดนี้
"แต่ฉันไม่โอเค ฉันไม่เอาความสวยของตัวเองไปแรกกับเรื่องอะไรแบบนี้หรอกนะ เสียใจด้วย" ฉันส่งยิ้มหวานให้เขา
การ์เนทดับบุหรี่ในมือแล้วมองฉันอย่างตั้งใจ
"นี่สวยเหรอ...แต่มีอย่างหนึ่งที่ชัดกว่าความสวยคือความไม่ฉลาด" แล้วเขาก็เดินผ่านฉันไปทันที ปล่อยให้ฉันยืนอ้าปากค้างอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง
"การ์เนท...ไอ้เด็กเวร" ฉันยืนกำมือแน่นด้วยความโมโห พยายามระงับอารมณ์ตัวเองให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
ฉันเดินกลับเข้ามางานแล้วตรงไปยังบาร์เครื่องดื่มทันที
"อะไรก็ได้จัดมาแรง ๆ" ฉันเกาะบาร์เคาน์เตอร์แน่น สายตากวาดมองไปรอบเพื่อหาตัวของคนที่เพิ่งว่าฉันไป
"นี่ครับคุณผู้หญิง" บาร์เทนเดอร์ทยอยส่งแก้วเครื่องดื่มมาให้ฉันไม่ขาดสาย ให้ขณะที่ฉันก็ยกดื่มไม่พักเช่นกัน นอกจากจะว่าฉันว่าไม่สวยแล้วยังกล้าว่าฉันโง่อีก
"เอามาอีก เอามาเรื่อย ๆ จนกว่าฉันจะบอกว่าพอ"
"ดะ ได้ครับ" บาร์เทนเดอร์มองฉันอย่างหวาดกลัว และผสมเหล้ามาให้ฉันไม่ขาดช่วง
"ขอโทษนะคะ" เสียงผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้นจากด้านหลังทำเอาขัดจังหวะการดื่มของฉัน
"หา!" ฉันหันกลับไปมองเธอ ที่มองฉันด้วยสายตาดูถูกก่อนจะปรับเปลี่ยนมาเป็นสีหน้าใสซื่อ
"คุณ...ที่อยู่กับการ์เนทเมื่อกี้ใช่มั้ยคะ" อ่อ เธอต้องเป็นผู้หญิงคนเมื่อกี้แน่ ๆ
"ใช่คะ เรื่องเมื่อกี้ฉะ!"
"ไม่ต้องพูด...ร่าน"
"อะไร...นะ" เมื่อกี้ฉันไม่ได้หูแว่วใช่มั้ย
"บอกว่าร่านค่ะ" ครั้งนี้เธอพูดอย่างชัดถอยชัดดำและยืนยิ้มให้ฉัน ฉันมองข้ามไปด้านหลังของเธอก็พบกับกลุ่มเพื่อนของเธอที่เดินเข้ามาและยังมีกลุ่มผู้ชายที่คาดว่าจะเป็นลูกน้องของเธออยู่ด้วย
"ฮึ! ไม่แปลกใจเลยนะคะที่ผู้ชายเขาไม่เลือก แล้วยังล็อกประตูมาอยู่กับฉันอีก" ที่บอกว่าจะอธิบายขอถอนคำพูดแล้วกันนะคะ
"ต้องแรดขนาดไหนคะ ถึงจะกล้าเอาเรื่องแบบนี้มาพูดได้ดังขนาดนี้" ดูท่าเธอก็เอาเรื่องเหมือนกัน
ปึก! แก้วในมือถูกกระดกเข้ามาจนหมด ฉันหันตัวกลับมาเผชิญหน้า แต่ก็ไม่ลืมที่จะหยิบแก้วไวน์ติดมือมาด้วย เผื่อด่าแล้วคอแห้ง
"แล้วต้องโง่ขนาดไหนคะที่ไม่คิดจะถามความเป็นจริงจากคนอื่นสักหน่อย เข้าใจค่ะว่าอยากได้ผู้ชายแค่ไหน แต่ฉันไม่ใช่ประเภทเดียวกันกับคุณนะคะที่จะต้องเข้ามาหาเรื่องคนอื่นเพราะผู้ชาย"
"นี่เธอด่าฉันว่าโง่แล้วไม่มีสมอง น่าสมเพชงั้นเหรออีร่าน" ยัยนี่ตีความหมายได้เร็วดีนี่ แต่คำสุดท้ายเนี่ยด่าบ่อยจังนะ
"ฉันยังไม่ได้พูดอะไรแบบนั้นสักคำเลย~" ฉันส่งยิ้มให้กับผู้หญิงตรงหน้า เธอกำมือแน่นเหมือนพยายามระงับอารมณ์
"งั้นเหรอ...คะ"
"อา~ หวงผู้ชายคนนั้นขนาดต้องเข้ามาหาเรื่องคนอื่นขนาดนี้เลยเหรอ" เรื่องบ้าอะไรก็ไม่รู้ แต่ฉันไม่ชอบให้ใครที่ไม่สนิทมาเรียกจิกหัวเลย ตอนนี้ก็เริ่มกรึ่ม ๆ แล้วด้วย น้องฉันหายไปไหนนะ ฉันกวาดสายตามองหาคิน แต่กับพบกลุ่มคนที่ยืมล้อมพวกเราไว้ ดูท่าจะเป็นคนของยัยนี่สินะ
"ไม่ได้แค่เรียกว่าหวง แต่ฉันกับเขาเรากำลังคบกันมันก็ไม่แปลกใช่มั้ยคะที่ฉันจะเข้ามาตักเตือนคุณ" ยัยนี่พูดเพ้อเจ้ออะไร
"อ่อ! หวงกระดูกสินะ" ผู้หญิงคนนั้นหันกับมามองฉันทันที มือของเธอเอื้อมไปคว้าแก้วจากคนข้าง ๆ เพื่อจะสาดใส่ฉัน
ซ่า!
แต่ฉันที่อ่านเกมได้ไวกว่า แก้วไวน์สีแดงเข้มในมือถูกสาดใส่เธอในจังหวะที่เธอหันกลับมาพอดี ทุกเหตุการณ์เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ยัยนั่นตัวสั่นด้วยความโกรธ เพื่อนของเธอล้อมกันเข้ามา แต่ฉันที่ตัวคนเดียวยืนมองเธอด้วยสายตาเรียบนิ่ง
"ทุเรศดีนะคะ ทั้งนิสัยและ...สารรูป"
"คุณ!!" กลุ่มชายด้านหลังจะตรงเข้ามาหาฉันแต่ก็โดนผู้หญิงคนนั้นห้ามไว้ก่อน
"อย่าเข้ามายุ่ง! ห้ามบอกพ่อเรื่องนี้" เธอหันกลับไปสั่งพวกคนของตัวเอง พวกเขาล้อมเข้ามาให้แคบขึ้นเพื่ิอกันสายตาจากคนด้านนอก ที่นี่ก็ถิ่นมาเฟียดี ๆ นี่เองแหละ แต่ทำกร่างขนาดนี้เด็กเพิ่งโตสินะ
"บอกคุณพ่อดีกว่าค่ะ เวลาตายท่านจะได้รับรู้" ฉันเหยียดยิ้มและจ้องมองผู้หญิงตรงหน้า แกนี่นะคิม ช่วยกลัวคนอื่นบ้างได้ไหม เบื่อตัวเองที่เป็นแบบนี้
"คิดว่าการ์เนทจะมาช่วยผู้หญิงแบบเธอเหรอคะ จะตายแล้วยังปากดี" เอาเหอะ ๆ ก็แค่เรื่องผู้ชายเสียเวลากินเหล้าของฉันหมด
ฉันหันไปยกแก้วไวน์ขึ้นกระดกอีกครั้ง สายตาเหลือบมองไปยังผู้หญิงตรงหน้า เธอใช้จังหวะที่ฉันเผลอเดินเข้ามาหา แก้วไวน์ที่หมดแล้วถูกยกขึ้นเหนือหัวแล้วปาลงบนพื้นตรงเท้าของเธอ แม่นอย่างกับจับวาง
เพล้ง!
"ถ้าเดินเข้าใกล้กว่านี้ ฉันจะปาใส่หน้าเธอ...รับรองว่าฉันน่ะแม่นมาก" ยัยนี่แค่มาขัดจังหวะการดื่มเหล้าที่ต้องทำเวลาแข่งกับน้องฉันจะมา แล้วยังจะมาหาเรื่องให้หงุดหงิดเพิ่มอีก