Chapter 2
“ผู้จัดการเย่วหาพนักงานที่จะมาทำงานแทนหลิ่งฟางหรือยัง” ผอ. จิ้นฝูเอ่ยถามผู้จัดการแผนกฝ่ายบัญชีขึ้นหลังจากที่คุยงานกันเสร็จ เพราะหลิ่งฟางลาออกไป จึงต้องหาพนักงานใหม่เข้ามาเพิ่ม เพื่อไม่ให้งานของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งล่าช้าไป “ผมให้เธอเข้ามาสัมภาษณ์ในวันนี้ตอนสิบโมงเช้า” ซือเหลินตอบ จิ้นฝูพยักหน้าอย่างเข้าใจ ก่อนที่จะพูดขึ้น “งั้นให้มาสัมภาษณ์งานกับผมละกัน ผมมีเรื่องที่อยากลองถามพนักงานเข้าใหม่หน่อย” “ครับ” เมื่อคุยตกลงกันเสร็จแล้วผู้จัดการเย่วจึงเดินออกจากห้องของผอ. ไป ชายหนุ่มเอนตัวลงพิงพนัก พร้อมกับหันไปมองนาฬิกาที่เป็นเวลาเก้าโมงสามสิบห้านาที อีกเพียงยี่สิบห้านาทีเขาต้องสัมภาษณ์งานพนักงานใหม่ที่จะมาแทนหลิ่งฟางด้วย จิ้นฝูก้มหน้าสนใจกับเอกสารตรงหน้ารวมถึงฝ่ายออกแบบที่เสนอแบบสินค้าชุดใหม่มาให้เขาตามหัวข้อที่สั่งไป ชายหนุ่มมองอย่างครุ่นคิดราวกับว่าสิ่งที่อยู่ตรงหน้ายังไม่ถูกใจพอ แต่ก็ต้องดูคำตัดสินจากเฟยหลงอีกครั้ง ว่าจะสั่งแก้หรือให้ทำใหม่ทั้งหมดไปเลย เมื่อมองเวลาอีกเพียงแค่สิบห้านาทีเขาคงไม่ทันที่จะเดินไปคุยงานกับเฟยหลงแล้ว จึงต่อสายโทรหาเลขาที่หน้าห้องทันที “ชิงเซียน เข้ามาพบผมหน่อย” ไม่นานนักร่างของเลขาสาวเดินเข้ามาหาเจ้านายหนุ่ม “คุณช่วยเอาเอกสารตรงนี้ส่งให้ที่ชั้นยี่สิบเก้าที” ชั้นยี่สิบเก้า เป็นที่รู้กันนั้นคือชั้นของท่านประธานบริษัทหลวนเฉินที่ทั้งเก่งและหล่อ แต่ทว่าใคร ๆ ก็ไม่กล้าที่จะเดินเข้าไปโปรยเสน่ห์ให้ ถ้าทำรับรองทางเดียว คือโดนไล่ออกทันที “ค่ะ” เลขาสาวขานรับก่อนที่จะพูดขึ้น “ผู้จัดการเย่วโทร. มาเมื่อครู่ ว่าพนักงานที่จะมาสัมภาษณ์ได้มาพบแล้ว ไม่ทราบว่าจะให้ผู้จัดการเย่วพามาที่ห้องหรือไม่คะ” จิ้นฝูเงียบครู่หนึ่งก่อนที่จะพูดขึ้น “พามาเลย แล้วส่งประวัติของเธอมาให้ผมด้วย” “ค่ะ” ชิงเซียนตอบก่อนที่จะเดินออกจากห้องไป พร้อมทำตามคำสั่งคือต่อสายหาผู้จัดการแผนกบัญชีทันที เธอกำลังจะเข้าไปสัมภาษณ์แล้ว ! ! เหม่ยอี้ยืนอยู่หน้าห้องพร้อมกับสูดหายใจเข้าลึก ๆ ขอให้เธอทำใจ สักสิบวินาทีก่อนจะเดินเปิดประตูเข้าไป “เธอทำได้เหม่ยอี้ ! ” บอกกับตัวเองก่อนที่จะค่อย ๆ เอื้อมมือไป บิดกลอนประตูแง้มออก ดวงตากลมกะพริบมองไปยังชายหนุ่มที่นั่งก้มหน้าอ่านเอกสารอยู่บนโต๊ะ เท้าขวาก้าวนำเข้าไปในห้องอย่างสั่น ๆ จนกระทั่งปิดประตูลง หญิงสาวก็ยังยืนอยู่ที่เดิมพร้อมกับส่งสายตามองชายหนุ่มที่จะสัมภาษณ์เธอ ก้าวเข้าไปยืนตรงหน้าเขา “นั่งลงสิ” จิ้นฝูพูดในขณะที่เขาเงยหน้าขึ้นมอง รอยยิ้มโปรยเสน่ห์ของชายหนุ่มยังคงเหมือนเดิมที่จะทำให้สาว ๆ ตกหลุมรัก ไม่ต่างจากเหม่ยอี้ในตอนนี้เลย เธอกำลังมองเขาตาค้าง ! ! คนอะไรหล่อจัง ! ! จิ้นฝูก้มหน้าลงอ่านชื่อของหญิงสาว “ฟางเหม่ยอี้” คนที่นั่งอยู่แทบจะได้ยินเสียงของชายหนุ่มเล็ดลอดผ่านหูน้อยมาก เพราะเธอกำลังหลงในความหล่อของคนตรงหน้าอย่างจังๆ “ทำไมคุณถึงมาสมัครงานที่นี่” คำถามแรกที่เขายิงมาเล่นทำให้เหม่ยอี้หยุดชะงักลง หญิงสาวอ้ำอึ้งตอบไม่ถูก พลางคิดทวนคำถามของเขาในใจ ทำไมน่ะเหรอ...ก็เธอสมัครไปทุกที่น่ะสิ ที่ไหนรับก็เอาไว้ก่อน ! ! “ฉันคิดว่า....” “อยากทำงานที่บริษัทนี้ค่ะ” ตอบเหมือนจะไม่ค่อยตรงสักเท่าไหร่เลย จิ้นฝูยิ้มออกมา มองหญิงสาวแก้มป่องตรงหน้าก็อดที่จะขำออกมาไม่ได้ “ผมขอถามอีกคุณข้อเดียว” เหม่ยอี้มองหน้าชายหนุ่มที่ยิ้มให้ แต่เธอกลับรู้สึกว่ารอยยิ้มนี้ดูน่ากลัวที่สุด คำถามจะเป็นแบบไหนกันนะ ! หัวใจเต้นแรงสุดๆ ทั้งลุ้นกับคำถามและเต้นเพราะความหล่อของคนตรงหน้า “คุณเคยใช้เสื้อผ้าจากแบรนด์บริษัทของเรามั้ย ?” ฉึก ! เหม่ยอี้ทำหน้าหนักใจขึ้นทันที จะตอบโกหกว่า เคยใช้ค่ะ ! แต่เธอโกหกไม่เป็น ถึงโกหกก็โกหกไม่เนียน โดนจับได้ทุกครั้ง ! “เอ่อ...” หญิงสาวอ้ำอึ้งตอบไม่ถูก แต่สีหน้าแสดงออกมาจนจิ้นฝูรู้ทันทีว่าแทนคำตอบว่าไม่เคยใช้...เขาจึงรอดูท่าทีของเธอ “ฉัน...ไม่เคยซื้อเลยค่ะ...สักครั้ง” ตอบไปแล้ว ! ตอบไปจนได้... เหม่ยอี้ก้มหน้าลงอย่างหมดหวังกับโอกาสที่จะได้งานทันที จิ้นฝูยิ้มที่มุมปาก ก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงสบาย ๆ “เพราะอะไร ?” ไหนว่าคำถามสุดท้ายไงเล่า...คำถามนี้ตอบยากกว่าอีก เหม่ยอี้ฉีกยิ้มให้เขาพร้อมกับท่าทางของเธอยังหนักใจที่จะตอบอยู่ “เอ่อ...คือว่า...” “ตอบเลย ผมอยากรู้” จิ้นฝูยิ้มให้ แต่กลับไม่ได้ปลอบใจของ เหม่ยอี้เลยหนำซ้ำยังกลายเป็นแรงกดดันอย่างสูง “คำถามนี้ต้องตอบจริง ๆ ใช่มั้ยคะ” ดูยากสำหรับเธอไปเลย เหตุผลน่ะมีแน่ แต่ใครจะกล้าพูดออกไปล่ะว่าเพราะอะไร ?! เพียงแค่จิ้นฝูพยักหน้าเหม่ยอี้ก็ฉีกยิ้มหวานให้ แล้วเบี่ยงสายตาหันไปมองทางอื่น “ที่ไม่ใช้เพราะ” เธอกัดฟันตอบเขา “ฉันคิดว่า...”เหม่ยอี้มองหน้าของชายหนุ่มที่ยังรอฟังคำตอบจากเธอ หญิงสาวก้มหน้าลงก่อนที่จะสูดหายใจเข้าลึกๆ “ฉันคิดว่า...ราคาแพงเกินไปค่ะ บางทีก็เสียดายเงินเลยไม่อยากซื้อ แต่อยากได้นะ...” “แพง ?” จิ้นฝูทวนคำทันทีโดยที่ไม่ถามอะไรต่อนอกเสียจาก เอื้อมมือหยิบปากกาเซ็นที่แฟ้มเอกสารแล้วปิดลงทันที เหม่ยอี้มองเขาที่ปิดแฟ้มประวัติของเธอ หญิงสาวก้มหน้าสลดทันที หมดแล้ว...งานของเธอ คงต้องหางานที่อื่นใหม่หรือรอบริษัทอื่นเรียกตัวมาสัมภาษณ์ แล้วจะเมื่อไหร่กัน ! รู้แบบนี้ไม่น่าตอบแต่แรกว่าไม่เคย โธ่! เหม่ยอี้เธอช่างโง่เสียจริง ! “คุณพร้อมเข้ามาทดลองงานใช่มั้ย ?” คำถามนี้หยุดความคิดไร้สาระของเหม่ยอี้ทันที เธอเงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่มแล้วกะพริบตาอย่างงุนงงและตกใจ เธอไม่ได้หูฝาดไปใช่หรือไม่ ? “พร้อม ?” เหม่ยอี้ทวนถามอีกครั้ง จิ้นฝูพยักหน้า “ใช่” “จริงๆ ใช่มั้ยคะ ?” เหม่ยอี้ทวนคำอีกรอบ ชายหนุ่มจึงพยักหน้าแทนคำตอบ ดูท่าทีของหญิงสาวที่เหมือนจะเก็บความดีใจไม่อยู่ “พรุ่งนี้เริ่มงานแปดโมงเช้า” จิ้นฝูกล่าว “เอาละผมมีงานต้องทำต่อ พรุ่งนี้เจอกัน สาวน้อย” เหม่ยอี้ยิ้มรับอย่างมีความสุข วันนี้คือวันโชคดีของเธอที่สุด ได้ทั้งงานได้ทั้งมองคนหล่อใกล้ ๆ ไม่มีอะไรที่ทำให้เธอฟินได้แบบนี้อีกแล้ว ! มีงานทำแล้ว ! ! เหม่ยอี้ตะโกนอยู่ในใจ ยิ้มออกมาราวกับว่าวันนี้สรรค์เป็นใจที่สุด พรุ่งนี้จะต้องเริ่มทำงานและเป็นวันแรกหลังจากที่นั่งว่างมานานหลายเดือน หญิงสาวเดินมานั่งลงที่โซฟาภายในห้องทั้งที่ยังยิ้มไม่หุบตั้งแต่ออกจากห้องตอนสัมภาษณ์ ในสมองของเธอนึกถึงภาพใบหน้าของชายหนุ่มที่สัมภาษณ์ ซึ่งยังไม่รู้ชื่อด้วยซ้ำ วันพรุ่งนี้เธอจะต้องรู้ชื่อเขาให้ได้ ! ความสนใจของเธอหันไปมองนิตยสารที่วางอยู่ตรงหน้า เหมือนเป็นแผลใจอยู่ลึกที่ ๆ จะกลัวการบอกรักใครสักคนอีกครั้ง ไม่เอาแล้ว ! ! เธอจะไม่บอกความรู้สึกของตัวเองให้ผู้ชายคนไหนอีกเด็ดขาด บอกทีไรจำเป็นต้องพบกับความผิดหวังตลอดแค่เธออยู่ใกล้ ๆ เขาก็พอ เหม่ยอี้หยิบหมอนข้างที่อยู่ข้างตัวขึ้นกอด มีคนบอกเสมอเลยว่าเวลามีความรักจะมีความสุขที่สุด...แต่เธอไม่เคยมีและคงไม่หวังแล้ว หญิงสาวทำหน้าบึ้งพร้อมกับลุกขึ้นเดินไปหยิบน้ำดื่มในตู้เย็นออกมาพร้อมกับถุงขนม แล้วเดินกลับมานั่งที่โซฟาเหมือนเดิม การกินสามารถทำให้เธอหายเครียดลงได้ แต่ก็ไม่ดีเท่าไหร่..เพราะสักวันเธออาจจะกลิ้งได้ !เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เหม่ยอี้เอื้อมไปหยิบพร้อมกับมองเบอร์ก่อนที่จะกดรับ “ฮัลโหล” [เหม่ยอี้วันนี้ฉันกลับดึกนะ เธอหาอะไรกินไปก่อนเลยไม่ต้องรอ] เสียงปลายสายของหนิงเหอบอกอย่างรีบร้อน หญิงสาวจึงถามต่อไปทันที “แล้วเธอล่ะ” [วันนี้ที่รานมีหนังสือเข้าใหม่ ฉันต้องตรวจของน่ะ] “อ้อ” เธอขานตอบ [งั้นแค่นี้ก่อนนะ] เมื่อพูดจบหนิงเหอวางสายไปทันที ขณะที่เหม่ยอี้ถอนหายใจออกมา เพราะวันนี้ต้องออกไปกินอาหารมื้อเย็นข้างนอกคนเดียว วางโทรศัพท์ลงที่บนโต๊ะก่อนที่จะเข้าห้องหยิบเงินจำนวนหนึ่งรวมถึงเดินไปส่องกระจกจัดแต่งทรงผมให้เรียบร้อย กลับมาที่โซฟาหยิบโทรศัพท์กับกระเป๋าขึ้นมา พลางคิดถึงเมนูอาหารมื้อเย็นที่ถึง Desire of love เพียงรักที่ปรารถนาChapter 3เดินมาถึงร้านอาหารไม่ห่างจากห้องพักของเหม่ยอี้มากนัก นั่นคือร้านก๋วยเตี๋ยวเนื้อที่โปรดมากที่สุด ตั้งอยู่ริมข้างทางในซอยแห่งหนึ่ง ผู้คนนั้นเดินผ่านไปมาวันนี้ก็คนเยอะอีกเช่นเคย“เหมือนเดิมเลยจ้ะป้า”หญิงสาวสั่งเหมือนทุกครั้งที่หนิงเหอไม่กลับมาทานข้าวมื้อเย็นไม่นานนักเกินสิบนาทีก๋วยเตี๋ยวเนื้อชามพิเศษได้วางลงบนโต๊ะตรงหน้า เหม่ยอี้ไม่รอช้าที่จะหยิบตะเกียบขึ้นทานทันที รสชาติอาหารยังถูกปากเสมอ หญิงสาวใช้เวลาไม่ถึงยี่สิบนาทีอาหารจานพิเศษจนหมดเกลี้ยงเธอหันไปเรียกจ่ายเงิน ก่อนที่จะเดินออกจากร้านไปเหม่ยอี้ยังไม่อยากกลับบ้าน เธอจึงตัดสินใจที่จะเดินเล่นในสวนสาธารณะตอนกลางคืน ความรู้สึกเปลี่ยวเหงาหัวใจแทรกซึมเข้ามา ทุกทีเมื่อเดินมองคู่รักจับมือกัน หญิงสาวจึงเลี่ยงเดินจากไปโดยเร็วที่จะไม่มอง ครั้นเมื่อหยุดเดินลงส่งสายตามองชายหญิงคู่หนึ่งที่ดูเหมือนกำลังทะเลาะกันอยู่อ่า...สุดท้ายแล้วคบกันก็ต้องถูกทิ้งอยู่ดีสินะ ไม่ต่างจากตอนที่ขอคบกันเลย เรื่องแบบนี้ต้องใช้โชคช่วยชัด ๆ เหม่ยอี้มองอย่างทำใจก่อนที่จะเดินกลับมาที่ห้องพักซึ่งก็เป็นเวลาเกือบสองทุ่มแล้ว แต่ไม่มีท่าทีที่หนิงเหอจะ กลับมา เธอจึ
Chapter 4“พี่ไม่ไป ?”“ฉันไม่ชอบ ถ้าไปเท่ากับใส่ใจ” เฟยหลงกล่าวด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น ราวกับไม่ใส่ใจความรู้สึกของคนชวนสักนิด แต่ที่พูดมาก็มีเหตุผล จิ้นฝูรู้ดีว่าซูลี่คิดยังไงกับเฟยหลง แม้จะหลายปีมาแล้วแต่ดูเหมือนไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเลยสักนิด“แล้วจะให้ผมไปแทน ?” จิ้นฝูถาม ซึ่งเขาเองก็ไม่มีปัญหาอะไรอยู่แล้ว เพราะทุกคืนก็ออกไปเที่ยวที่ผับประจำหรือไม่ก็จัดปาร์ตี้ที่คอนโด ฯ แต่ถ้าทำแบบนี้เท่ากับหักน้ำใจของซูลี่เป็นอย่างมาก“แบบนี้เธอจะเสียใจนะ”“เธอโทรมาชวนแต่ฉันบอกซูลี่ไปแล้วว่าไม่ไป ก่อนที่จะได้บัตรเชิญอีก” เฟยหลงกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ พร้อมกับลุกขึ้นจากโซฟาจิ้นฝูลุกขึ้นตาม “แล้วถ้าผมไม่ไปล่ะ”“ก็แล้วแต่นาย ยังไงฉันก็ไม่ไปอยู่แล้ว” ประธานหนุ่มตอบโดยที่ไม่คิดมากสักนิด เล่นทำจิ้นฝูทึ่งเหมือนกัน“โอเค ผมจะไปให้แล้วกัน และจะบอกเธอว่าพี่ติดงานด่วน อย่างน้อยก็รักษาน้ำใจเธอหน่อย”จิ้นฝูพูดก่อนที่เอื้อมมือไปหยิบซองการ์ดเชิญแล้วเปิดออกอ่าน “แล้วพี่ไม่คิดมองผู้หญิงคนไหนบ้างหรือ”เฟยหลงหันมามองจิ้นฝูพร้อมกับส่ายหน้า“นายไม่จำเป็นต้องยุ่ง”หนุ่มเจ้าสำราญหัวเราะ “งั้นผมไปทำงานต่อก่อนนะ”เฟยหลงเพี
Chapter 5เหม่ยอี้เดินกลับมาด้วยสีหน้าที่ยิ้มจนแก้มทั้งสองข้างที่กลม ๆ ของเธอเปล่งออกมาได้ชัด เธอเดินเข้ามาในห้องทำงาน ก่อนที่จะส่งเอกสารให้ผู้จัดการเย่วแล้วกลับมานั่งลงที่ตามเดิมยิ้มไม่หุบจนฮุ่ยลี่ที่นั่งทำงานอยู่ข้าง ๆ สังเกตขึ้นมา “เหม่ยอี้เป็นอะไรไปน่ะ ทำไมแก้มเธอแดงขนาดนั้น”“ไม่ ๆ...ไม่มีอะไร” เธอปัดบอกก่อนที่จะก้มหน้าลงมองเอกสารตรงหน้า โดยซ่อนรอยยิ้มไว้ภายใต้ที่ใบหน้านิ่งของเธอ ทั้งที่จริงแล้วอยากจะกระโดดและร้องตะโกนออกมาดัง ๆความรัก...แบบนี้คือความรักใช่มั้ย !“พี่ทำร้ายฉัน !” นักดนตรีสาวกล่าวด้วยน้ำเสียงตัดพ้อหลังจากที่งานเมื่อคืนตั้งใจไว้ว่าเขาจะมาตามคำเชิญ แต่สุดท้ายเเล้วกลับเป็นจิ้นฝูที่มาเเทน วันนี้เธอจึงมาหาเฟยหลงเพื่อคุยกันให้รู้เรื่อง เพราะเขาทำให้ต้องเสียหน้ากับเพื่อน ๆ มากมาย อุตส่าห์คุยไว้อย่างดีว่าถังเฟยหลงจะมางานเลี้ยง...เเต่สุดท้ายเขาก็ไม่มา ! !เฟยหลงทำท่าทางนิ่ง ๆ ราวกับว่าเรื่องที่ได้ฟังอยู่นั้นเป็นเรื่องปกติ ไม่เดือดร้อนหรือสำคัญอะไร เเม้ท่าทางของซูลี่จะไม่พอใจมากนักก็ตาม เขาไม่จำเป็นต้องเเคร์ความรู้สึกของซูลี่มากมายขนาดนั้น เพราะอีกฝ่ายก็เป็นเพียงรุ่นน้องท
Chapter 6“เข้ามาสิ” เขาเป็นฝ่ายที่พูดขึ้นเมื่อเห็นพนักงานสาวไม่กล้าเดินเข้ามา เมื่อได้ยินเหม่ยอี้จึงรีบก้าวเข้ามาในลิฟต์ เธอยืนห่างจากประธานหนุ่มในระยะที่พอสมควร ช่างเงียบเละอึดอัดดีจังเลย นี่เป็นครั้งแรกที่หญิงสาวรู้สึกกดดันตัวเอง คงเป็นเพราะบอสเงียบขรึมมากเกินไปเเบบที่ฮุ่ยลี่พูดให้ฟัง จริง ๆ นั่นแหละจนกระทั่งประตูลิฟต์เปิด ชายหนุ่มก้าวออกไปโดยที่เธอก้าวตามพร้อมกับถอนหายใจออกมา แต่เหม่ยอี้ไม่ใช่คนคิดมากกังวลเรื่องไร้สาระที่เล็ก ๆ น้อย ๆ หญิงสาวยิ้มจนแก้มทั้งสองข้างป่องขึ้นเมื่อนึกถึงอาหารมื้อเย็นเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เหม่ยอี้หยุดเดินแล้วกดรับ“ฮัลโหล”[เหม่ยอี้! เธอจะไม่มาจริงๆ เหรอ คนขาดนะ!]นั่นเป็นคำชวนของฮุ่ยลี่ที่ชวนเธอไปทานอาหารมื้อเย็นกับหนุ่ม ๆ ที่นัดบอดด้วยกัน“ไม่ ๆ” ปฏิเสธเช่นเดิม[อ่า...งั้นโอเค เจอกันวันจันทร์นะ]“อืม” เหม่ยอี้กดวางสายลงก่อนที่จะเดินไปตามถนนเรื่อย ๆ อย่างไร้จุดหมาย แต่ก็เดินได้ไม่นานนักหนิงเหอโทร. เข้ามาหาพร้อมกับบอกให้เธอกินมื้อเย็นมาเลยเพราะวันนี้จะกลับดึก แน่นอนว่าเป็นที่เปลี่ยวเหงาหัวใจเมื่อต้องรับประทานอาหารมื้อเย็นคนเดียวอีกเช่นเคย ใครว่าเธอไม่เห
Chapter 7จนกระทั่งโทรศัพท์ที่กระเป๋ากางเกงดังขึ้น เขาจึงสะดุ้งจากภวังค์ก่อนเอื้อมมือไปหยิบแล้วกดรับ“ว่าไง” เฟยหลงเอ่ยถามปลายสาย[เป็นยังไงบ้างพี่ กินอิ่มมั้ย ?] น้ำเสียงของจิ้นฝูดูอารมณ์ดีผิดปกติ จนชายหนุ่มอดสงสัยไม่ได้“หมายความว่ายังไง”[เปล่า ผมแค่ถามเพราะคงเป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่พี่กินข้าวร่วมโต๊ะกับผู้หญิงไง]เมื่อได้ยินอีกฝ่ายตอบเฟยหลงจึงเงียบลง อาจจะใช่เพราะเป็นรอบหลายปีเลยทีเดียวที่เขาไม่เคยทานข้าวหรือออกเดทกับผู้หญิงคนไหน และเหม่ยอี้เองเขาก็ไม่ได้เป็นคนชวนด้วย“แล้วยังไง ?” ชายหนุ่มตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบๆ[เปล๊า]“มีอะไรอีกมั้ย ? ถ้าไม่มีฉันวางสายแล้วนะ”เฟยหลงถามและรอคำตอบก่อนจะวางสายลงในขณะที่เดินไปตามทางถนนจนกระทั่งถึงที่จอดรถหลังจากทานอาหารอีกชามเสร็จเหม่ยอี้จึงขึ้นรถแท็กซี่ไปที่ซุปเปอร์—มาร์เก็ตเพื่อชื้อของสดรวมถึงเครื่องใช้กลับมา เธอใช้เวลาซื้อของทั้งหมดไม่นานเกินสามชั่วโมง ก่อนที่จะถึงอาพาร์ทเม้นท์ตอนบ่ายสี่โมงนิด ๆ และเริ่มเก็บของรวมถึงเตรียมทำอาหารมื
Chapter 8“ฉันแค่มาดูความเรียบร้อยเฉย ๆ” เฟยหลงกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง “ทำไมยังไม่กลับ ?”เหม่ยอี้ยิ้มเจื่อน ๆ พร้อมกับตอบว่า “งานเพิ่งเสร็จค่ะ”เฟยหลงพยักหน้าอย่างเข้าใจ เป็นครั้งแรกด้วยซ้ำที่เขารู้สึกว่า เหม่ยอี้ดูน่าสนใจและอยากจะทำความรู้จักกับเธอ ชายหนุ่มหัวเราะให้ตัวเองในใจ ราวกับว่าความคิดของตนนั้นตลกสิ้นดี อย่างเขาเนี่ยนะจะเดินเข้าไปทักผู้หญิงก่อน ! ! แต่ก็ทักไปแล้วนี่...“กินอะไรหรือยัง ?” จู่ ๆ ปากของเขาก็ถามไปโดยสมองยังไม่ทันตรอง จนรู้ตัวอีกทีก็พูดออกไปแล้ว เหม่ยอี้ยืนอึ้งแต่ก็ยิ้มให้เจ้านายหนุ่ม“อ่า...ยังค่ะ”เหม่ยอี้ตอบสั้น ๆ และรู้สึกหวาดกลัวเขาอยู่ในใจ“ไปสิ” เขาพูดขึ้น“คะ ?” เหม่ยอี้ยังงุนงงกับคำพูดของเขาว่าหมายถึงอะไร“ผมก็หิวอยู่ว่าจะไปทานอยู่เหมือนกัน ไปด้วยกันสิ”เป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่เฟยหลงเป็นฝ่ายชวนผู้หญิงไปทานข้าวด้วย เพราะก่อนหน้านั้นมีแต่สาว ๆ เข้ามาชวนเขาและโดนปฏิเสธไปทุกราย อาจเป็นเพราะยังอยากเห็นรอยยิ้ม
Chapter 9เหม่ยอี้สนใจกับเอกสารตรงหน้าที่กำลังคีย์ข้อมูลใส่จอคอมพิวเตอร์ จนกระทั่งเกือบเที่ยงหญิงสาวจึงบิดคลายเมื่อยพร้อมทั้งบันทึกงานก่อนที่จะลุกขึ้นสั่งปริ๊นต์เอกสารแล้วเก็บใส่แฟ้มแล้วนำไปให้ฮุ่ยลี่ ก่อนจะกลับมานั่งที่เดิมมองเวลาอีกครั้งพร้อมกับเตรียมท่าได้เวลาทานอาหารมื้อเที่ยงแล้ว“ฮุ่ยลี่ ไปกินข้าวเที่ยงกัน” เหม่ยอี้เอ่ยปากชวนเพื่อนร่วมงานสาวแต่...ทว่าทุกคนกลับหยุดลงเมื่อผอ. จิ้นฝูเดินเข้ามาในแผนก“เหม่ยอี้” ชายหนุ่มเรียกหญิงสาว พร้อมกับเดินเข้ามาหา “มานี่ หน่อย ผมมีเรื่องจะคุยด้วย”สายตามองชายหนุ่มด้วยความหลงใหลพร้อมกับที่มองเหม่ยอี้ด้วยความอิจฉา หญิงสาวเดินออกมาข้างนอกห้องในระยะที่ห่างพอสมควร แม้เพื่อนร่วมงานในห้องจะต่างเดินออกมาแนบที่ประตูเอียงหูฟัง“เอ่อ...มีอะไรหรือคะ” หญิงสาวเอ่ยถามชายหนุ่มจิ้นฝูยิ้มออกมาเพราะเขาคิดว่าสิ่งที่ได้ยินจากรปภ. ไม่ผิดแน่ ๆ ดีที่สั่งให้ปิดปากเงียบ เพราะไม่อย่างงั้นแล้วเหม่ยอี้อาจจะทนต่อแรงกดดันจากพนักงานไม่ได้“จริงหรือที่เฟยหลงไปส่งคุณที่บ้าน”เ
Chapter 10เหม่ยอี้มองเขาพลางขมวดคิ้ว เธอตั้งตัวไม่ทันและที่สำคัญไม่เชื่อว่าเขาพูดจริง จะมีที่ไหนผู้ชายแสนเพอร์เฟคเช่นเขาเดินมากอดและบอกชอบเธอ โอ๊ยยยย...ยิ่งกว่าซีรีย์ที่เธอดูสักอีก !หญิงสาวยิ้มเจื่อน ๆ ออกมาทำท่าทางไม่ถูกเธอคิดว่าบอสคงล้อเล่นล่ะมั้ง ผู้ชายรวยอย่างเขาต้องเลือกผู้หญิงที่ดีกว่าเธออย่างแน่นอน สงสัยวันนี้อาจจะทำงานจนเพี้ยน“กินข้าวเย็นหรือยัง ?” เขาเอ่ยถามขึ้น“เอ่อ...ยังค่ะ แต่นัดกับเพื่อนเอาไว้แล้ว” เหม่ยอี้รีบตอบทันที เธอกลัวเขาจะมาชวนไปด้วยกันอีก “ว่าแต่...บอสมาหาฉันมีอะไรเหรอคะ”“ไม่มีอะไร” เฟยหลงพูดด้วยน้ำเสียงนิ่ง ๆ “ฉันแค่มาหาคำตอบให้ตัวเอง ตอนนี้ได้แล้ว”“อ้อ ค่ะ” เหม่ยอี้ขานรับอย่างงง ๆเฟยหลงนิ่งสักพัก ดูท่าแล้ววันนี้เขาคงไม่ได้รับประทานอาหารกับเธอ ชายหนุ่มจึงยิ้มพร้อมกับพูดขึ้น “พรุ่งนี้เจอกันที่ทำงาน”เมื่อพูดจบก็เดินจากไป...เหม่ยอี้ได้แค่ยืนงงตาค้างทำอะไรไม่ถูก เธอไม่ได้ตื่นเต้นเลยแต่เธอกำลังตกใจและช็อกอยู่ต่างหากล่ะ !หญิ
หานมี่อาสาขับรถของเขามาส่งชายหนุ่มที่คอนโด ดูแล้วเห็นท่าเขาคงขับกลับมาเองไม่ไหวแน่ๆ สภาพของเขาในตอนนี้หน้าซีดแทบไม่มีเลือด เพราะอาเจียนไปหลายรอบหญิงสาวพยุงจิ้นฝูไปส่งถึงห้อง ซึ่งทำให้ชายหนุ่มทั้งรู้สึกผิดและเกรงใจที่ต้องรบกวนเธอ เขาตั้งใจว่าวันนี้จะทำให้เธอมีความสุข แต่แล้วเขาเองกลับเป็นฝ่ายที่ต้องมาป่วยเอาซะได้หานมี่พาจิ้นฝูมานั่งลงที่เตียง“ขอบคุณนะ” จิ้นฝูเอ่ยขึ้น “จริงแล้ววันนี้เราสองคนควรจะ...”“พี่พักเถอะ” หานมี่ตอบ“ขอโทษนะ” ชายหนุ่มกล่าวด้วยน้ำเสียงรู้สึกผิด “จริง ๆ แล้วฉันควรเป็นคนดูแลเธอมากกว่า”“ช่างเถอะ ฉันไม่ได้ใส่ใจเรื่องนี้แล้ว พี่พักเถอะ” หญิงสาวบอกเขาก่อนที่จะเดินถอยออก ทว่าจิ้นฝูกลับเอื้อมมือไปคว้าข้อมือเธอไว้“เธอจะเดทกับฉันอีกมั้ย ? ฉันหมายถึงวันอื่นน่ะ”“ไม่รู้สิ” หญิงสาวตอบโดยที่ไม่สบตามองเขา แค่นี้เธอก็รู้สึกผิดแค่นี้เธอก็เกลียดหัวใจตัวเองมากพอแล้ว “พี่ต้องการเดทกับฉันอีกเหรอ ? อยู่กับฉันพี่มีความสุขอย่างงั้นเหรอ?&rdqu
Desire of love เพียงรักที่ปรารถนาChapter 38กว่าจะได้รับคำตอบจากปากหานมี่ว่ายอมไปเดทกับเขาจริง ๆ วันนั้นก็ผ่านมาร่วมสองเดือนเลยทีเดียว แต่จิ้นฝูก็ไม่ได้ทิ้งความพยายามที่ตนเองตั้งใจเลยสักนิด เขาไปหาเธอทุกเย็นหลังจากเคลียร์งานที่บริษัทเสร็จเรียบร้อยแล้ว เขาพยายามทำทุกทางทั้งที่หญิงสาวเองก็เหมือนจงใจไม่ตอบรับการเดทของเขาว่าไปวันไหนสุดท้ายแล้ว...วันนี้ก็มาถึงเขารอมาตลอดสองเดือน แต่มันก็คุ้มค่ากับการรอทีแรกเขาไม่รู้ว่าควรจะเดทยังไงดี ก็นานแล้วที่ไม่ได้ออกเดทกับผู้หญิงที่ชอบ ส่วนมากแค่เจอตามคลับแล้วคุยกันเฉย ๆ หรือไม่ก็ชวนมาจัดปาร์ตี้ที่คอนโด แต่เดทนี้ทำให้เขารู้สึกตื่นเต้นเหมือนครั้งแรกในชีวิตสวนสนุก...เขาตัดสินใจพาเธอมาเดทที่นี่จริงๆ แล้วเขาตั้งใจย้อนความหลังเหมือนหลายปีก่อนด้วย เขาเคยพาเธอมาเดทที่สวนสนุก ตอนนั้นทั้งเขาและเธอมีความสุขมากที่สุด“ทำไมพี่ถึงพาฉันมาที่นี่” หานมี่เอ่ยถามขึ้น“ไม่รู้สิ แต่ฉันคิดว่ามาย้อนความหลังหน่อยกันดีมั้ย ?” จิ้นฝูยิ้มก่อนที่จะลากหญิงสาวเข้าไปข้างในทันทีอ้วก !หลังจากลงเ
Desire of love เพียงรักที่ปรารถนาChapter 37ตกเย็น...เฟยหลงมาหาเหม่ยอี้ที่ห้อง เขามองหนิงเหอที่ทำสัญญาณว่าเธอยังอยู่ในห้องนอนเช่นเดิม“เข้าไปเถอะ แต่...ห้ามทำอะไรเหม่ยอี้นะ !”หนิงเหอพูดขึ้นเป็นนัย เพราะถ้าง้อกับแบบนี้มีประกบปากจูบแน่ ๆ ตามฉบับในนิยายเลย !“อืม” เฟยหลงแค่ขานรับ แต่เขาก็ไม่ได้บอกว่ารับปากเสียหน่อย ชายหนุ่มเดินตรงไปแล้วเคาะประตูก่อนที่จะเปิดเข้าไป เขามองหญิงสาวที่นั่งหันหลังอยู่บนเตียง หันหน้ามองออกไปนอกหน้าต่าง“หนิงเหอไม่ต้องมาชวนฉันออกนอกห้องเลยนะ ฉันไม่อยากไป” หญิงสาวพูดขึ้นโดยที่ไม่หันไปมอง“ฉันอยากอยู่คนเดียว ไม่อยากคุยกับใคร”“รวมถึงฉันด้วยใช่มั้ย ?” น้ำเสียงเข้มเอ่ยถามขึ้น ทำให้คนฟังชะงักลงแล้วรีบลุกขึ้นหันมามองทันที“เฟยหลง !”เหม่ยอี้มองเขาแล้วอยากจะแทรกแผ่นดินหนีลงไปเลย เธอในตอนนี้ดูไม่ต่างจากซอมบี้เท่าไหร่เลย เขามาเห็นเธอในสภาพแบบนี้ ! หนิงเหอเพื่อนบ้า ให้เฟยหลงเข้ามาได้ยังไงกัน !“ไม่คิดจะออกไปไหนเลยหรือไง” เขาเ
Desire of love เพียงรักที่ปรารถนาChapter 36ตกเย็นของวัน เฟยหลงมาหาเหม่ยอี้ที่ห้องเพื่อรับออกไปทานมื้อเย็น แต่หนิงเหอบอกว่าเธอไม่สบาย เขาจึงบอกว่าจะเข้าไปเยี่ยมเธอ หญิงสาวไม่ยอมให้ชายหนุ่มเข้ามาพร้อมทั้งบอกว่าเหม่ยอี้ต้องการเวลาพักผ่อน คงเป็นครั้งแรกที่หนิงเหอเห็นเพื่อนตัวเองเศร้าแบบนี้ ทว่าเฟยหลงก็ยังยืนยันคำเดิมว่าจะเข้าไปพบเหม่ยอี้ให้ได้สุดท้ายแล้วหนิงเหอก็ยอมให้เข้ามานั่งรอในห้องเพียงแต่ยังไม่ให้เข้าไปหาเหม่ยอี้ เฟยหลงเห็นท่าทางของหนิงเหอดูแปลก เขาจึงเป็นฝ่ายเอ่ยถามขึ้นในขณะที่เธอนำน้ำมาเสิร์ฟให้เขา“เหม่ยอี้เป็นยังไงบ้าง” ถามด้วยน้ำเสียงที่เป็นห่วง“ก็...” หนิงเหอไม่อยากจะพูดออกมา เพราะคิดว่าถ้าเฟยหลงชอบซูลี่ด้วย แล้วนั่นไม่เป็นผลดีกับเหม่ยอี้เลยสักนิด“แค่ไม่สบาย...”ใจเท่านั้นเฟยหลงหรี่ตามอง “มีเรื่องอะไรหรือเปล่า”“ไม่มีค่ะ !” หนิงเหอยิ้มเจื่อนๆ แต่อีกใจหนิงเหอก็อยากจะถามเขาอยู่เหมือนกันว่าซูลี่เป็นอะไรกับเขาหรือไม่?คิดแล้วก็อดสงสารเหม่ยอี้ไม่ได้&l
Desire of love เพียงรักที่ปรารถนาChapter 35“คือ เรื่องความรักระหว่างเธอกับลู่เพ่ย” เหม่ยอี้ถามด้วยน้ำเสียงแผ่ว “ฉันถามได้ใช่มั้ย กลัวว่าเธอจะ...”สีหน้าของหนิงเหอดูเศร้าลง แต่เธอก็ยังยิ้มสู้แล้วพูดขึ้น “ถามได้สิ!! ฉันไม่สนใจหมอนั่นตั้งนานแล้ว !”เหม่ยอี้พยักหน้าและรอฟังคำตอบจากปากของเพื่อนสาวอย่างใจจดใจจ่อ เพราะเธอเองก็เพิ่งจะย้ายเข้ามาหลังจากที่หนิงเหอคบกับลู่เพ่ยแล้ว เพื่อนสาวเล่าให้ฟังคราว ๆ โดยไม่บอกอะไรมากมาย แต่วันนี้เธอก็อยากรู้เพื่อจะได้ศึกษาเอาไว้ก่อน“ตอนแรกฉันก็แชทไปเรื่อย ๆ จนสนิทกัน ลู่เพ่ยเลยอยากเจอฉัน เราสองคนก็เลยนัดสถานที่กันเพื่อเจอ ตอนนั้นฉันก็รู้สึกตื่นเต้นนะ แต่ก็รู้สึกระแวงที่ต้องเจอคนแปลกหน้าด้วย ถึงจะคุยกันสนิทผ่านแชทแต่ฉันก็ยังกลัว...ตอนนั้นฉันจำได้ว่าครั้งแรกที่เจอเขาทำตัวสบาย ๆ และที่สำคัญฉันอยู่ใกล้เขาแล้วรู้สึกอบอุ่นมีความสุขมากเลยละ ฉันเลยคิดว่าเขาใช่สำหรับฉัน... ลู่เพ่ยดูแลฉันดีทุกอย่างนะ เพียงแต่เขาออกจะเจ้าชู้ไปหน่อย ตอนแรกฉันก็ไม่ได้สังเกตหรอก แต่พอคบกันไปนานฉันก็รู้สึกแบบนั้น มันเ
Desire of love เพียงรักที่ปรารถนาChapter 34เช้ารุ่งขึ้น เหม่ยอี้ตื่นตั้งแต่นาฬิกาที่เธอตั้งเอาไว้ยังไม่ปลุกด้วยซ้ำ เธอลุกขึ้นอาบน้ำแต่งตัวทำผมเตรียมตัวไปสัมภาษณ์ ความตื่นเต้นจนมือไม้แทบสั่นทำอะไรไม่ถูกกลับมาอีกครั้งหนึ่ง เธอไม่รู้ว่าบริษัทจะรับเธอหรือไม่ ก็แน่ละเป็นบริษัทที่มีชื่อเสียงขนาดนี้เธอใช้เวลาเดินทางเกือบชั่วโมง ซึ่งโชคดีที่เธอตื่นมาก่อนไม่อย่างงั้นเธอจะมาไม่ทันเวลาสัมภาษณ์ เมื่อมาถึงหน้าบริษัทหญิงสาวสังเกตเห็นคนมากมายต่างเดินเข้าไปในตึกสูงตรงหน้าของเธอ และที่สำคัญ เธอไม่ได้มาสัมภาษณ์เพียงคนเดียว แต่วันนี้เป็นวันนัดสัมภาษณ์ ซึ่งมีอีกหลายคนก็มาด้วย แล้วคราวนี้เธอจะติดมั้ยล่ะเนี่ยความเงียบแทรกซึมเข้ามาแต่เหม่ยอี้ก็ต้องกัดฟันสู้จนกระทั่งสัมภาษณ์เสร็จ ซึ่งกว่าจะรอถึงเวลานั้นบางทีความรู้สึกของเธอคงจะแย่กว่าเดิม หญิงสาวเดินมาที่หน้าห้องสัมภาษณ์ เธอยืนรออย่างเงียบๆ จนกระทั่งถึงเวลาเรียกตัวซึ่งเหลืออยู่กลุ่มสุดท้ายเข้าพร้อมกันเหม่ยอี้รู้สึกว่าช่วงเวลาที่สัมภาษณ์นั้นรวดเร็วเกินไป ทั้งๆ ที่จริงแล้ว ใช้เวลาเกือบครึ่งชั่วโมงด้วยซ้ำไป อ่า...เธอโล่งใจแล้วในต
Desire of love เพียงรักที่ปรารถนาChapter 33กำลังจะทาน...แล้วคุณล่ะคะ ?ตอบกลับไปพร้อมกับวางโทรศัพท์ลงตรงหน้า รอข้อความตอบกลับมาอย่างใจจดใจจ่อด้วยความตื่นเต้น ไม่ถึงสองนาทีมีข้อความส่งเข้ามา เหม่ยอี้รีบเปิดอ่านทันทีกินเยอะ ๆ ละ ฉันต้องไปทำงานก่อนแล้ว ตอนเย็นเจอกันหญิงสาวอ่านแต่ไม่ได้ตอบกลับอะไรทั้งสิ้น เธอเพียงแค่อมยิ้มออกมาอย่างมีความสุขเท่านั้นความรักตอนนี้เธอเข้าใจแล้วว่ามีความสุขขนาดไหน มีความสุขแบบที่คนอื่นไม่สามารถเข้าใจได้โฆษณาและนางแบบที่ถ่ายชุดประจำต้นปีออกมาสู่ตลาดสร้างความไม่พอใจให้กับซูลี่เป็นอย่างมาก เธอถูกเรียกตัวไปทำงานนี้แต่กลับถูกยกเลิกจากทางบริษัท หนำซ้ำยังเป็นคำสั่งของเฟยหลงอีกด้วย เท่านั้นไม่พอเมื่อจะเข้าไปคุยกับเขาให้รู้เรื่อง เฟยหลงก็ปฏิเสธที่จะพบเธอ บ้าที่สุด นอกจากเขาไม่สนใจเธอแล้วยังเย็นชาใส่ด้วยซูลี่ไม่คิดจะสนใจกับคำเมินของเขาอีกต่อไป เธอได้ส่งนักสืบตามรอยเขาวันนี้ทั้งวันจนรู้ว่าเขามาทานอาหารมื้อเย็นที่ร้านหรูแห่งหนึ่งซึ่งห่างจากบริษัทมากพอสมควร เธอไม่สนและไม่รอช้าที่อยากจะเดินเข้าไปและคุยกับเข
Desire of love เพียงรักที่ปรารถนาChapter 32หลังจากที่เฟยหลงกลับไปได้ไม่นาน หนิงเหอก็กลับมาถึงห้องสีหน้าดูไม่สดใสเท่าที่ควรมากนัก อาหารมื้อเย็นบนโต๊ะถูกแบ่งเก็บไว้ให้รูมเมตสาวที่เพิ่งกลับมา เหม่ยอี้เดินเข้ามาหาพร้อมกับเอ่ยถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง“เธอดูไม่โอเคเลย เป็นอะไรมั้ย ?”“ก็สบายดี เพียงแต่วันนี้ที่ร้านต้องเช็กสต็อกหนังสือน่ะ เลยเหนื่อยทั้งวันเลย” หนิงเหอตอบพร้อมกับเดินมานั่งที่โซฟา เสียงถอนหายใจของเธอดังขึ้นบ่งบอกถึงความอ่อนล้าในวันนี้“แล้ววันนี้ทำงานเป็นไง ได้เป็นพนักงานประจำหรือยัง”ทันทีที่ได้ยินสีหน้าของเหม่ยอี้ก็ดูเปลี่ยนไปจากเดิม หญิงสาวทิ้งตัวนั่งลงที่โซฟาข้างด้วยท่าทางหงุดหงิด พร้อมกับตะโกนขึ้นมาอย่างเสียงดังจนหนิงเหอแทบหลบไม่ทัน“ได้งานที่ไหนกันล่ะ !” น้ำเสียงบอกถึงความไม่พอใจ “เพราะเขาคนเดียวเลย ฉันเลยกลายเป็นคนว่างงานอีกแล้ว”หนิงเหอขมวดคิ้วมองเพื่อนสาวอย่างไม่เข้าใจ“เธอหมายความว่ายังไง”หญิงสาวถอนหายใจออกมา “ก็จะอะไรได้ซะล่ะ บอสไม่ให้ฉ
Desire of love เพียงรักที่ปรารถนาChapter 31หานมี่ส่ายหน้า “ฉันลืม...”นิ้วชี้ของชายหนุ่มยกขึ้นทาบปากเธอเบา ๆ เขาส่ายหน้าพร้อมกับมองเธอ “อย่าลืม...เพราะที่ผ่านมาฉันไม่เคยลืมเธอเลย ฉันไม่ควรปล่อยไว้นานแบบนี้ เรากลับมาเริ่มต้นกันใหม่ได้มั้ย ? ฉันรู้ว่ามันคงยากสำหรับเธอ”ใช่แล้ว...ยากมากจริง ๆ“ฉันทำไม่ได้” เธอพูด “ทุกอย่างผ่านไปแล้ว พี่อย่าพยายามรื้อให้กลับมาเหมือนเดิมอีกเลย” หญิงสาวเดินถอยหลังออกห่างจากเขา“ต้องให้ฉันทำยังไง”“พี่ไม่ต้องทำอะไร แค่อย่ายุ่งกับฉันอีก”จิ้นฝูมองหานมี่ที่หันหลังเดินจากไปอย่างเงียบๆ หัวใจของเขาตอนนี้ไม่ต่างกับถูกขยี้แหลกด้วยมือของเธอ ทว่า...คนที่เสียใจที่สุดก็คือหานมี่ เธอยังรักเขา และจะทำใจได้อย่างงั้นเหรอ? ถ้าหากเขาจากเธอไปจริงๆ‘จริง ๆ พี่ก็แค่รู้สึกผิด...ความรู้สึกนี้ฉันไม่ต้องการจากพี่เลยสักนิด’จิ้นฝูกลับมาที่คอนโดของตนเองเพียงลำพังหลังจากที่คุยกับหานมี่เสร็จ เขาพบกับความโดดเดี่ยวอีกครั้งหนึ่ง หัวใจที่ว่างเปล่าและเปลี