Chapter 4
“พี่ไม่ไป ?” “ฉันไม่ชอบ ถ้าไปเท่ากับใส่ใจ” เฟยหลงกล่าวด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น ราวกับไม่ใส่ใจความรู้สึกของคนชวนสักนิด แต่ที่พูดมาก็มีเหตุผล จิ้นฝูรู้ดีว่าซูลี่คิดยังไงกับเฟยหลง แม้จะหลายปีมาแล้วแต่ดูเหมือนไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเลยสักนิด “แล้วจะให้ผมไปแทน ?” จิ้นฝูถาม ซึ่งเขาเองก็ไม่มีปัญหาอะไรอยู่แล้ว เพราะทุกคืนก็ออกไปเที่ยวที่ผับประจำหรือไม่ก็จัดปาร์ตี้ที่คอนโด ฯ แต่ถ้าทำแบบนี้เท่ากับหักน้ำใจของซูลี่เป็นอย่างมาก “แบบนี้เธอจะเสียใจนะ” “เธอโทรมาชวนแต่ฉันบอกซูลี่ไปแล้วว่าไม่ไป ก่อนที่จะได้บัตรเชิญอีก” เฟยหลงกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ พร้อมกับลุกขึ้นจากโซฟา จิ้นฝูลุกขึ้นตาม “แล้วถ้าผมไม่ไปล่ะ” “ก็แล้วแต่นาย ยังไงฉันก็ไม่ไปอยู่แล้ว” ประธานหนุ่มตอบโดยที่ไม่คิดมากสักนิด เล่นทำจิ้นฝูทึ่งเหมือนกัน “โอเค ผมจะไปให้แล้วกัน และจะบอกเธอว่าพี่ติดงานด่วน อย่างน้อยก็รักษาน้ำใจเธอหน่อย” จิ้นฝูพูดก่อนที่เอื้อมมือไปหยิบซองการ์ดเชิญแล้วเปิดออกอ่าน “แล้วพี่ไม่คิดมองผู้หญิงคนไหนบ้างหรือ” เฟยหลงหันมามองจิ้นฝูพร้อมกับส่ายหน้า “นายไม่จำเป็นต้องยุ่ง” หนุ่มเจ้าสำราญหัวเราะ “งั้นผมไปทำงานต่อก่อนนะ” เฟยหลงเพียงแค่พยักรับเท่านั้น ก่อนเดินมานั่งที่ทำงานต่อ ทว่าคำถามของจิ้นฝูยังคงวนอยู่ในหัว ทำให้เขาหัวเราะขึ้นมา... ความรักน่ะเหรอ…จะไปสนทำไมกัน ? เหนื่อย ! ! เหม่ยอี้ถอนหายใจพร้อมเอนแผ่นหลังพิงกับพนักเก้าอี้เพื่อพักสายตา เธอบิดตัวซ้ายขวาขจัดความเมื่อยล้าทางกาย ก่อนที่จะเหลือบมองฮุ่ยลี่ที่นั่งเท้าคางบนโต๊ะทำงานด้วยสีหน้าเซ็งๆ “ใกล้ปีใหม่แล้ว” ฮุ่ยลี่บ่นพึมพำพลางถอนหายใจออกมา “เฮ้อ ! ปีนี้ก็จะผ่านไปแล้วเร็วจัง นี่เหม่ยอี้ เธอเคยมีแฟนบ้างมั้ย” หญิงสาวมองเพื่อนร่วมงานก่อนที่จะส่ายหน้าเป็นคำตอบ ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเจ็บปวดจริง ๆ อย่าว่าแต่แฟนเลย เธอไม่เคยมีผู้ชายคนไหนเข้ามาจีบเลยสักครั้ง ฮุ่ยลี่ขยับตัวเข้ามาใกล้ “จริงๆ น่ะหรือ ?” เหม่ยอี้พยักหน้าเป็นคำตอบ “ไม่เห็นต้องสนใจเลย !” นั่นเป็นคำพูดปลอบตัวเองมากกว่าปลอบฮุ่ยลี่เสียอีก ก็ในเมื่อเธอสนใจสิ...แต่เมื่อไม่มีความรักเดินเข้ามาหาจะให้เธอทำยังไง นอกเสียจากทำใจให้กับโชคชะตา “เหงาแย่เลย” เพื่อนร่วมงานสาวพูดเบา ๆ “เธอรู้มั้ย อีกไม่กี่เดือนก็ถึงฤดูความรักแล้ว ฉันอยากมีวันวาเลนไทน์ที่โรแมนติก !” เหม่ยอี้ยิ้มเจื่อนๆ แน่นอนว่าเธอไม่ค่อยอยากจะได้ยินสักเท่าไหร่ “เอ่อ...ฮุ่ยลี่ นี่ก็เที่ยงแล้ว ไปหาอะไรกินกันดีมั้ย” “ไปสิ” เมื่อพูดฮุ่ยลี่จึงเอื้อมมือไปบันทึกงานในคอมพร้อมกับกดปิดพักหน้าจอ ในขณะที่เหม่ยอี้จัดกองเอกสารบนโต๊ะของเธอให้เรียบร้อย “พี่จะไปด้วยกันมั้ย” เสียงของฮุ่ยลี่เอ่ยถามรุ่นพี่ที่นั่งอยู่โต๊ะฝั่งตรงข้ามเธอ “เธอไปก่อนเลย” เมื่อได้คำตอบเช่นนั้นเหม่ยอี้จึงเดินออกจากห้องทำงานไปพร้อมกับฮุ่ยลี่ ซึ่งระหว่างทางเดินเจ้าตัวนั้นเอาแต่บ่นเรื่องความรักในสมัยเรียนให้ฟัง ส่วนเธอเองไม่เคยสัมผัสว่ามีความรักสุขใจยังไง...บางครั้งเธอคิดจะปลงแล้วด้วยซ้ำไป ความรักน่ะเหรอ...อีกนานมั้ยจะมาหาเธอ! หลังจากที่ทานอาหารมื้อเย็นกับเพื่อนร่วมงานเสร็จ กว่าจะกลับถึงห้องก็สี่ทุ่ม เหม่ยอี้เดินเข้ามาพร้อมกับทิ้งตัวลงบนโซฟาด้วยความเหนื่อยล้า พลางถอนหายใจออกมาอย่างหนัก หนิงเหอนั่งอ่านหนังสืออยู่บนโซฟาตัวข้าง ๆ เงยหน้าขึ้นแล้วปิดหนังสือลง ก่อนจะหันมองเพื่อนสาวแล้วหัวเราะออกมาเบา ๆ “เฮ้อ...” “เป็นอะไร นี่แค่วันแรกเองนะ เธอก็ถอนหายใจขนาดนี้” หญิงสาวหันไปมองหนิงเหอที่ยิ้มขำ ๆ ก่อนที่จะเด้งตัวขึ้นและเอื้อมมือหยิบหมอนขึ้นกอดด้วยท่าทางงอแง “งานหนักก็จริงนะ แต่ฉันกำลังหนักใจ...โอ๊ยยยย...ทำไมชีวิตฉันถึงไม่มีความรักกับเขาบ้างเลย ! !” เธอยกมือขึ้นขยี้เส้นผมสีน้ำตาลพร้อมสีหน้าแสดงถึงอารมณ์บูดบึ้ง แต่คนที่มองได้เพียงแค่หัวเราะออกมาเท่านั้น “หนิงเหอรู้มั้ย ! ไปที่ทำงานทุกคนก็พูดเรื่องความรักกัน ฉันเนี่ยได้แค่ฟัง...ฟัง และฟัง ! อิจฉาที่สุดเลย ! !” เมื่อได้ยินหนิงเหอถึงกับต้องหัวเราะออกมาเสียงดัง นั่นไม่แปลกเลยเพราะเรื่องความรักเป็นเรื่องปกติที่เวลาผู้หญิงอยู่ด้วยกันมักพูดกันบ่อยรองจากเรื่องความสวยความงาม คงจะมีเหม่ยอี้เท่านั้นล่ะมั้งที่ไม่อยากจะฟังทั้งสองเรื่องนี้ “เหม่ยอี้...ฉันว่าเธอคิดมากเกินไปนะ” หนิงเหอกล่าว “คิดมาก ?” เหม่ยอี้ทวนคำพูดก่อนที่จะหันมาสบตาเพื่อนสาว “ใช่แล้ว” “เฮ้อ...” หญิงสาวถอนหายใจออกมา ในใจยอมรับว่าคิดมากและเริ่มอยากที่จะสัมผัสความรักสักครั้งในชีวิต เธออิจฉาผู้หญิงที่มีความรักกันแต่กับตัวเองไม่เคยมีสักนิด “ฉันคิดว่า ฉันทำใจกับเรื่องนี้ดีกว่า !” “ทำใจ ?” หนิงเหอหัวเราะส่ายหน้า จำได้ว่าตั้งแต่รู้จักกับเหม่ยอี้มา เจ้าตัวนั้นพูดทำใจหลายครั้งจนนับไม่ถ้วน แต่สุดท้ายก็ยังหวังอยู่ดีว่าตัวเองอยากจะมีความรักกับคนอื่นเข้าบ้าง เธอพยักหน้าแทนคำตอบทั้งที่ใจยังแอบหวังอยู่ หากถามว่าตอนนี้มีใครในใจก็คงต้องเป็นจิ้นฝู ! ! เขาดูหล่อและอัธยาศัยดีมาก ๆ “พรุ่งนี้เธอก็เปลี่ยนใจ” หนิงเหอพูดก่อนที่จะเอื้อมมือหยิบหนังสือแล้วลุกขึ้น “ฉันไปนอนก่อนนะ ฝันดี” เหม่ยอี้พยักหน้า “อืม ฝันดี” หลังจากที่หนิงเหอเข้าห้องไปแล้ว คราวนี้เธอก็ได้แค่เดินหยิบกระเป๋าและเดินเข้าห้องของตัวเองไป ทิ้งตัวลงเตียงก่อนที่จะดิ้น ๆ และ ร้องโวยวายออกมา “ความรัก ! น่าเบื่อที่สุด !” ปากบอกแบบนั้นแต่ใจของเธอกลับโหยหายิ่งเสียกว่าอะไร... พระเจ้า ! ได้โปรดส่งเจ้าชายมารักฉันทีเถอะ ! เสียงพูดคุยของเพื่อนพนักงานในช่วงเช้าดังเช่นทุกวันซึ่งแต่ละเวลามีเรื่องให้คุยกันไม่ซ้ำ เหม่ยอี้ถอนหายใจกับเรื่องที่อยู่ในหัวตั้งแต่เมื่อวานจนถึงวันนี้ จนกระทั่งเสียงของผู้จัดการเย่วดังขึ้น ทุกคนก็ต่างรีบขยับตัวเข้านั่งประจำที่ทันที “เหม่ยอี้คุณเอาเอกสารตรงนี้ ไปถ่ายเอกสารให้ผมที” เมื่อได้ยินเสียงเรียกหญิงสาวเงยหน้าพร้อมกับลุกขึ้นเดินไปหา ก่อนที่จะเอื้อมมือรับแฟ้มพลาสติกเอสี่มา “ค่ะ” ขานรับในขณะที่ผู้จัดการเย่วเดินออกไป เธอจึงเดินกอดเอกสารที่ตัวไปยังจุดถ่ายเอกสาร มือเรียวเล็กเริ่มงมกับเครื่องตรงหน้าที่ไม่เคยใช้มาก่อน มันใช้ยังไง ! ! แม้ว่าเธอจะเคยฝึกงานมาแต่เธอไม่เคยเดินมาถ่ายเอกสารมีเพียงแค่ถูกสั่งให้คีย์ข้อมูลหรือเดินส่งเอกสารตามห้องประชุมของแผนกต่าง ๆ “ให้สอนดีกว่ามั้ย?” เสียงทุ้มของใครบางคนทำให้เธอหันไปมอง ผอ. จิ้นฝู เจ้าชายของเธอนั่นเอง ! ! เหม่ยอี้ยิ้มหวานให้พร้อมกับสบตามองชายหนุ่ม “ให้ผมสอนดีกว่า ดูท่าวันนี้คุณคงถ่ายเอกสารไม่เสร็จ” จิ้นฝูเดินเข้ามาก่อนที่จะเริ่มสอนโดยการบอกว่าเมื่อเริ่มถ่ายเธอควรกดปุ่มไหนและทำอย่างไรบ้าง ดูเหมือนประโยคที่เขาพูดหลัง ๆ จะไม่เข้าหูของเหม่ยอี้เสียแล้ว เมื่อเธอเอาแต่จ้องหน้าของเขาด้วยความหลงใหล คนอะไรหล่อเว่อร์ ! แถมยังใจดีอีกด้วย ! “เหม่ยอี้ !” ชายหนุ่มเรียก ทำให้เธอสะดุ้งขึ้นพร้อมกับมองด้วยท่าทางงุนงงเล็กน้อย “เสร็จแล้วละ” เขาส่งเอกสารที่ออกมาจากเครื่องและต้นฉบับให้กับเธอ หญิงสาวเอื้อมมือรับพร้อมยิ้มหวานรับด้วยท่าทางดีใจ “ขอบคุณค่ะ” “ทีนี้ก็ต้องฝึกใช้ให้คล่องละ อย่าช้าล่ะ เอกสารในที่ประชุมช้าไม่ได้” จิ้นฝูกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ “ผมไปละ” “อ่า...ค่ะ” มองชายหนุ่มเดินใจไปด้วยหัวใจที่เต้นไม่เป็นจังหวะ แค่นี้เธอก็ยิ้มจนหุบไม่ลงแล้ว ! ! เหม่ยอี้เดินกลับมาด้วยสีหน้าที่ยิ้มจนแก้มทั้งสองข้างที่กลม ๆ ของเธอเปล่งออกมาได้ชัด เธอเดินเข้ามาในห้องทำงาน ก่อนที่จะส่งเอกสารให้ผู้จัดการเย่วแล้วกลับมานั่งลงที่ตามเดิม ยิ้มไม่หุบจนฮุ่ยลี่ที่นั่งทำงานอยู่ข้าง ๆ สังเกตขึ้นมา “เหม่ยอี้เป็นอะไรไปน่ะ ทำไมแก้มเธอแดงขนาดนั้น” Desire of love เพียงรักที่ปรารถนาChapter 5เหม่ยอี้เดินกลับมาด้วยสีหน้าที่ยิ้มจนแก้มทั้งสองข้างที่กลม ๆ ของเธอเปล่งออกมาได้ชัด เธอเดินเข้ามาในห้องทำงาน ก่อนที่จะส่งเอกสารให้ผู้จัดการเย่วแล้วกลับมานั่งลงที่ตามเดิมยิ้มไม่หุบจนฮุ่ยลี่ที่นั่งทำงานอยู่ข้าง ๆ สังเกตขึ้นมา “เหม่ยอี้เป็นอะไรไปน่ะ ทำไมแก้มเธอแดงขนาดนั้น”“ไม่ ๆ...ไม่มีอะไร” เธอปัดบอกก่อนที่จะก้มหน้าลงมองเอกสารตรงหน้า โดยซ่อนรอยยิ้มไว้ภายใต้ที่ใบหน้านิ่งของเธอ ทั้งที่จริงแล้วอยากจะกระโดดและร้องตะโกนออกมาดัง ๆความรัก...แบบนี้คือความรักใช่มั้ย !“พี่ทำร้ายฉัน !” นักดนตรีสาวกล่าวด้วยน้ำเสียงตัดพ้อหลังจากที่งานเมื่อคืนตั้งใจไว้ว่าเขาจะมาตามคำเชิญ แต่สุดท้ายเเล้วกลับเป็นจิ้นฝูที่มาเเทน วันนี้เธอจึงมาหาเฟยหลงเพื่อคุยกันให้รู้เรื่อง เพราะเขาทำให้ต้องเสียหน้ากับเพื่อน ๆ มากมาย อุตส่าห์คุยไว้อย่างดีว่าถังเฟยหลงจะมางานเลี้ยง...เเต่สุดท้ายเขาก็ไม่มา ! !เฟยหลงทำท่าทางนิ่ง ๆ ราวกับว่าเรื่องที่ได้ฟังอยู่นั้นเป็นเรื่องปกติ ไม่เดือดร้อนหรือสำคัญอะไร เเม้ท่าทางของซูลี่จะไม่พอใจมากนักก็ตาม เขาไม่จำเป็นต้องเเคร์ความรู้สึกของซูลี่มากมายขนาดนั้น เพราะอีกฝ่ายก็เป็นเพียงรุ่นน้องท
Chapter 6“เข้ามาสิ” เขาเป็นฝ่ายที่พูดขึ้นเมื่อเห็นพนักงานสาวไม่กล้าเดินเข้ามา เมื่อได้ยินเหม่ยอี้จึงรีบก้าวเข้ามาในลิฟต์ เธอยืนห่างจากประธานหนุ่มในระยะที่พอสมควร ช่างเงียบเละอึดอัดดีจังเลย นี่เป็นครั้งแรกที่หญิงสาวรู้สึกกดดันตัวเอง คงเป็นเพราะบอสเงียบขรึมมากเกินไปเเบบที่ฮุ่ยลี่พูดให้ฟัง จริง ๆ นั่นแหละจนกระทั่งประตูลิฟต์เปิด ชายหนุ่มก้าวออกไปโดยที่เธอก้าวตามพร้อมกับถอนหายใจออกมา แต่เหม่ยอี้ไม่ใช่คนคิดมากกังวลเรื่องไร้สาระที่เล็ก ๆ น้อย ๆ หญิงสาวยิ้มจนแก้มทั้งสองข้างป่องขึ้นเมื่อนึกถึงอาหารมื้อเย็นเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เหม่ยอี้หยุดเดินแล้วกดรับ“ฮัลโหล”[เหม่ยอี้! เธอจะไม่มาจริงๆ เหรอ คนขาดนะ!]นั่นเป็นคำชวนของฮุ่ยลี่ที่ชวนเธอไปทานอาหารมื้อเย็นกับหนุ่ม ๆ ที่นัดบอดด้วยกัน“ไม่ ๆ” ปฏิเสธเช่นเดิม[อ่า...งั้นโอเค เจอกันวันจันทร์นะ]“อืม” เหม่ยอี้กดวางสายลงก่อนที่จะเดินไปตามถนนเรื่อย ๆ อย่างไร้จุดหมาย แต่ก็เดินได้ไม่นานนักหนิงเหอโทร. เข้ามาหาพร้อมกับบอกให้เธอกินมื้อเย็นมาเลยเพราะวันนี้จะกลับดึก แน่นอนว่าเป็นที่เปลี่ยวเหงาหัวใจเมื่อต้องรับประทานอาหารมื้อเย็นคนเดียวอีกเช่นเคย ใครว่าเธอไม่เห
Chapter 7จนกระทั่งโทรศัพท์ที่กระเป๋ากางเกงดังขึ้น เขาจึงสะดุ้งจากภวังค์ก่อนเอื้อมมือไปหยิบแล้วกดรับ“ว่าไง” เฟยหลงเอ่ยถามปลายสาย[เป็นยังไงบ้างพี่ กินอิ่มมั้ย ?] น้ำเสียงของจิ้นฝูดูอารมณ์ดีผิดปกติ จนชายหนุ่มอดสงสัยไม่ได้“หมายความว่ายังไง”[เปล่า ผมแค่ถามเพราะคงเป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่พี่กินข้าวร่วมโต๊ะกับผู้หญิงไง]เมื่อได้ยินอีกฝ่ายตอบเฟยหลงจึงเงียบลง อาจจะใช่เพราะเป็นรอบหลายปีเลยทีเดียวที่เขาไม่เคยทานข้าวหรือออกเดทกับผู้หญิงคนไหน และเหม่ยอี้เองเขาก็ไม่ได้เป็นคนชวนด้วย“แล้วยังไง ?” ชายหนุ่มตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบๆ[เปล๊า]“มีอะไรอีกมั้ย ? ถ้าไม่มีฉันวางสายแล้วนะ”เฟยหลงถามและรอคำตอบก่อนจะวางสายลงในขณะที่เดินไปตามทางถนนจนกระทั่งถึงที่จอดรถหลังจากทานอาหารอีกชามเสร็จเหม่ยอี้จึงขึ้นรถแท็กซี่ไปที่ซุปเปอร์—มาร์เก็ตเพื่อชื้อของสดรวมถึงเครื่องใช้กลับมา เธอใช้เวลาซื้อของทั้งหมดไม่นานเกินสามชั่วโมง ก่อนที่จะถึงอาพาร์ทเม้นท์ตอนบ่ายสี่โมงนิด ๆ และเริ่มเก็บของรวมถึงเตรียมทำอาหารมื
Chapter 8“ฉันแค่มาดูความเรียบร้อยเฉย ๆ” เฟยหลงกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง “ทำไมยังไม่กลับ ?”เหม่ยอี้ยิ้มเจื่อน ๆ พร้อมกับตอบว่า “งานเพิ่งเสร็จค่ะ”เฟยหลงพยักหน้าอย่างเข้าใจ เป็นครั้งแรกด้วยซ้ำที่เขารู้สึกว่า เหม่ยอี้ดูน่าสนใจและอยากจะทำความรู้จักกับเธอ ชายหนุ่มหัวเราะให้ตัวเองในใจ ราวกับว่าความคิดของตนนั้นตลกสิ้นดี อย่างเขาเนี่ยนะจะเดินเข้าไปทักผู้หญิงก่อน ! ! แต่ก็ทักไปแล้วนี่...“กินอะไรหรือยัง ?” จู่ ๆ ปากของเขาก็ถามไปโดยสมองยังไม่ทันตรอง จนรู้ตัวอีกทีก็พูดออกไปแล้ว เหม่ยอี้ยืนอึ้งแต่ก็ยิ้มให้เจ้านายหนุ่ม“อ่า...ยังค่ะ”เหม่ยอี้ตอบสั้น ๆ และรู้สึกหวาดกลัวเขาอยู่ในใจ“ไปสิ” เขาพูดขึ้น“คะ ?” เหม่ยอี้ยังงุนงงกับคำพูดของเขาว่าหมายถึงอะไร“ผมก็หิวอยู่ว่าจะไปทานอยู่เหมือนกัน ไปด้วยกันสิ”เป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่เฟยหลงเป็นฝ่ายชวนผู้หญิงไปทานข้าวด้วย เพราะก่อนหน้านั้นมีแต่สาว ๆ เข้ามาชวนเขาและโดนปฏิเสธไปทุกราย อาจเป็นเพราะยังอยากเห็นรอยยิ้ม
Chapter 9เหม่ยอี้สนใจกับเอกสารตรงหน้าที่กำลังคีย์ข้อมูลใส่จอคอมพิวเตอร์ จนกระทั่งเกือบเที่ยงหญิงสาวจึงบิดคลายเมื่อยพร้อมทั้งบันทึกงานก่อนที่จะลุกขึ้นสั่งปริ๊นต์เอกสารแล้วเก็บใส่แฟ้มแล้วนำไปให้ฮุ่ยลี่ ก่อนจะกลับมานั่งที่เดิมมองเวลาอีกครั้งพร้อมกับเตรียมท่าได้เวลาทานอาหารมื้อเที่ยงแล้ว“ฮุ่ยลี่ ไปกินข้าวเที่ยงกัน” เหม่ยอี้เอ่ยปากชวนเพื่อนร่วมงานสาวแต่...ทว่าทุกคนกลับหยุดลงเมื่อผอ. จิ้นฝูเดินเข้ามาในแผนก“เหม่ยอี้” ชายหนุ่มเรียกหญิงสาว พร้อมกับเดินเข้ามาหา “มานี่ หน่อย ผมมีเรื่องจะคุยด้วย”สายตามองชายหนุ่มด้วยความหลงใหลพร้อมกับที่มองเหม่ยอี้ด้วยความอิจฉา หญิงสาวเดินออกมาข้างนอกห้องในระยะที่ห่างพอสมควร แม้เพื่อนร่วมงานในห้องจะต่างเดินออกมาแนบที่ประตูเอียงหูฟัง“เอ่อ...มีอะไรหรือคะ” หญิงสาวเอ่ยถามชายหนุ่มจิ้นฝูยิ้มออกมาเพราะเขาคิดว่าสิ่งที่ได้ยินจากรปภ. ไม่ผิดแน่ ๆ ดีที่สั่งให้ปิดปากเงียบ เพราะไม่อย่างงั้นแล้วเหม่ยอี้อาจจะทนต่อแรงกดดันจากพนักงานไม่ได้“จริงหรือที่เฟยหลงไปส่งคุณที่บ้าน”เ
Chapter 10เหม่ยอี้มองเขาพลางขมวดคิ้ว เธอตั้งตัวไม่ทันและที่สำคัญไม่เชื่อว่าเขาพูดจริง จะมีที่ไหนผู้ชายแสนเพอร์เฟคเช่นเขาเดินมากอดและบอกชอบเธอ โอ๊ยยยย...ยิ่งกว่าซีรีย์ที่เธอดูสักอีก !หญิงสาวยิ้มเจื่อน ๆ ออกมาทำท่าทางไม่ถูกเธอคิดว่าบอสคงล้อเล่นล่ะมั้ง ผู้ชายรวยอย่างเขาต้องเลือกผู้หญิงที่ดีกว่าเธออย่างแน่นอน สงสัยวันนี้อาจจะทำงานจนเพี้ยน“กินข้าวเย็นหรือยัง ?” เขาเอ่ยถามขึ้น“เอ่อ...ยังค่ะ แต่นัดกับเพื่อนเอาไว้แล้ว” เหม่ยอี้รีบตอบทันที เธอกลัวเขาจะมาชวนไปด้วยกันอีก “ว่าแต่...บอสมาหาฉันมีอะไรเหรอคะ”“ไม่มีอะไร” เฟยหลงพูดด้วยน้ำเสียงนิ่ง ๆ “ฉันแค่มาหาคำตอบให้ตัวเอง ตอนนี้ได้แล้ว”“อ้อ ค่ะ” เหม่ยอี้ขานรับอย่างงง ๆเฟยหลงนิ่งสักพัก ดูท่าแล้ววันนี้เขาคงไม่ได้รับประทานอาหารกับเธอ ชายหนุ่มจึงยิ้มพร้อมกับพูดขึ้น “พรุ่งนี้เจอกันที่ทำงาน”เมื่อพูดจบก็เดินจากไป...เหม่ยอี้ได้แค่ยืนงงตาค้างทำอะไรไม่ถูก เธอไม่ได้ตื่นเต้นเลยแต่เธอกำลังตกใจและช็อกอยู่ต่างหากล่ะ !หญิ
Chapter 11 ช่อดอกไม้ ! ! เหม่ยอี้ยืนมองช่อดอกไม้ขนาดใหญ่ที่วางอยู่บนโต๊ะของเธอหลังกลับมาจากรับประทานอาหารมื้อเที่ยง ดวงตากลมมองช่อดอกไม้ตรงหน้าทั้งแปลกใจสงสัย และความตะลึง ก่อนเดินถอยหลังออกห่างกลับไปตั้งหลัก ของใคร ? เอามาว่างผิดโต๊ะใช่มั้ยเนี่ย ! ! ทุกคนต่างรุมมองเหม่ยอี้เป็นทางเดียว เพราะใช่ว่าช่อดอกไม้ที่วางอยู่จะราคาถูก ๆ อย่างน้อยก็แพงพอที่จะเป็นอาหารสักห้ามื้อให้เหม่ยอี้ได้เลย หญิงสาวค่อย ๆ ย่องเดินเข้าไปที่ทำงานตัวเองพร้อมกับเอื้อมมือหยิบช่อดอกไม้ขึ้นมา ฮุ่ยลี่มองตาโตพร้อมกับพูดขึ้น “เปิดอ่านการ์ดดูสิ” เหม่ยอี้วางช่อดอกไม่ลงตรงโต๊ะอีกครั้ง ก่อนที่จะหาการ์ดข้างในแล้วหยิบออกมา ทุกคนต่างลุ้นเป็นตาเดียวว่าใครเป็นคนส่งมา แต่เจ้าตัวยังไม่ยอมเปิดพร้อมกับเงยหน้าขึ้นมองฮุ่ยลี่ “บางทีอาจจะไม่ใช่ของฉันก็ได้” เธอพูดด้วยน้ำเสียงแผ่ว ๆ เพราะ ทั้งชีวิตของเธอไม่เคยได้รับดอกไม้จากใคร “ถ้าไม่ใช่ของเธอแล้วจะมาวางอยู่บนโต๊ะทำงานได้ยังไง” ฮุ่ยลี่ กล่าวด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น เหม่ยอี้จึงตัดสินใจที่จะเปิดการ์ดออกอ่านทันที เธอถึงกับขมวดคิ้วทันทีเมื่ออ่านข้อความข
Chapter 12เฟยหลงรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นบ้าที่ทำอะไรแบบนี้ เขาขับรถตามเธอจนกระทั่งเหม่ยอี้ลงจากรถเมล์ป้ายสุดท้ายที่เธอมาถึง ชายหนุ่มขับรถแนบไปข้างทางไล่ตามหลังของเธอ ตั้งใจให้เหมือนกับว่าบังเอิญผ่านมาเจอพอดี เขากดแตรไล่หลังเธอพร้อมกับขับรถมาจอดอยู่ที่ข้าง ๆ หญิงสาว พร้อมกับเปิดกระจกลงเหม่ยอี้ตกใจเล็กน้อยเมื่ออยู่ ๆ มีคนบีบแตรไล่หลัง เธอหันไปมองรถพร้อมกับขมวดคิ้วอย่างสงสัย รถคันนี้เธอจำได้ว่าเป็นรถของใคร บอส ! ตกใจและแปลกใจว่าเจ้านายนั้นมาทำอะไร“บอส !” เหม่ยอี้อุทานออกมา“ขึ้นรถมาสิ”เขากล่าวสั้น ๆ โดยที่ไม่สนท่าทางตกใจของอีกฝ่ายเลยแม้แต่น้อย เหม่ยอี้งุนงงกับคำพูดของบอสใหญ่ เธอหันไปมองข้างหลังไม่มีรถจึงโน้มตัวลงมาหาเขาเพื่อถามอีกครั้ง “บอสมาทำอะไรที่นี่คะ ?”“ทางผ่านน่ะ ฉันมาทำธุระ” เขาโกหกเหม่ยอี้พยักหน้าตอบพร้อมกับยิ้มให้ เธอยังไม่ยอมขึ้นรถเพราะรู้สึกไม่เหมาะสม “เอ่อ...ไม่เป็นไรค่ะ”เฟยหลงหรี่ตามองหญิงสาวที่ปฏิเสธเขา“ขึ้นมาสิ” เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่ง คนฟังดู
หานมี่อาสาขับรถของเขามาส่งชายหนุ่มที่คอนโด ดูแล้วเห็นท่าเขาคงขับกลับมาเองไม่ไหวแน่ๆ สภาพของเขาในตอนนี้หน้าซีดแทบไม่มีเลือด เพราะอาเจียนไปหลายรอบหญิงสาวพยุงจิ้นฝูไปส่งถึงห้อง ซึ่งทำให้ชายหนุ่มทั้งรู้สึกผิดและเกรงใจที่ต้องรบกวนเธอ เขาตั้งใจว่าวันนี้จะทำให้เธอมีความสุข แต่แล้วเขาเองกลับเป็นฝ่ายที่ต้องมาป่วยเอาซะได้หานมี่พาจิ้นฝูมานั่งลงที่เตียง“ขอบคุณนะ” จิ้นฝูเอ่ยขึ้น “จริงแล้ววันนี้เราสองคนควรจะ...”“พี่พักเถอะ” หานมี่ตอบ“ขอโทษนะ” ชายหนุ่มกล่าวด้วยน้ำเสียงรู้สึกผิด “จริง ๆ แล้วฉันควรเป็นคนดูแลเธอมากกว่า”“ช่างเถอะ ฉันไม่ได้ใส่ใจเรื่องนี้แล้ว พี่พักเถอะ” หญิงสาวบอกเขาก่อนที่จะเดินถอยออก ทว่าจิ้นฝูกลับเอื้อมมือไปคว้าข้อมือเธอไว้“เธอจะเดทกับฉันอีกมั้ย ? ฉันหมายถึงวันอื่นน่ะ”“ไม่รู้สิ” หญิงสาวตอบโดยที่ไม่สบตามองเขา แค่นี้เธอก็รู้สึกผิดแค่นี้เธอก็เกลียดหัวใจตัวเองมากพอแล้ว “พี่ต้องการเดทกับฉันอีกเหรอ ? อยู่กับฉันพี่มีความสุขอย่างงั้นเหรอ?&rdqu
Desire of love เพียงรักที่ปรารถนาChapter 38กว่าจะได้รับคำตอบจากปากหานมี่ว่ายอมไปเดทกับเขาจริง ๆ วันนั้นก็ผ่านมาร่วมสองเดือนเลยทีเดียว แต่จิ้นฝูก็ไม่ได้ทิ้งความพยายามที่ตนเองตั้งใจเลยสักนิด เขาไปหาเธอทุกเย็นหลังจากเคลียร์งานที่บริษัทเสร็จเรียบร้อยแล้ว เขาพยายามทำทุกทางทั้งที่หญิงสาวเองก็เหมือนจงใจไม่ตอบรับการเดทของเขาว่าไปวันไหนสุดท้ายแล้ว...วันนี้ก็มาถึงเขารอมาตลอดสองเดือน แต่มันก็คุ้มค่ากับการรอทีแรกเขาไม่รู้ว่าควรจะเดทยังไงดี ก็นานแล้วที่ไม่ได้ออกเดทกับผู้หญิงที่ชอบ ส่วนมากแค่เจอตามคลับแล้วคุยกันเฉย ๆ หรือไม่ก็ชวนมาจัดปาร์ตี้ที่คอนโด แต่เดทนี้ทำให้เขารู้สึกตื่นเต้นเหมือนครั้งแรกในชีวิตสวนสนุก...เขาตัดสินใจพาเธอมาเดทที่นี่จริงๆ แล้วเขาตั้งใจย้อนความหลังเหมือนหลายปีก่อนด้วย เขาเคยพาเธอมาเดทที่สวนสนุก ตอนนั้นทั้งเขาและเธอมีความสุขมากที่สุด“ทำไมพี่ถึงพาฉันมาที่นี่” หานมี่เอ่ยถามขึ้น“ไม่รู้สิ แต่ฉันคิดว่ามาย้อนความหลังหน่อยกันดีมั้ย ?” จิ้นฝูยิ้มก่อนที่จะลากหญิงสาวเข้าไปข้างในทันทีอ้วก !หลังจากลงเ
Desire of love เพียงรักที่ปรารถนาChapter 37ตกเย็น...เฟยหลงมาหาเหม่ยอี้ที่ห้อง เขามองหนิงเหอที่ทำสัญญาณว่าเธอยังอยู่ในห้องนอนเช่นเดิม“เข้าไปเถอะ แต่...ห้ามทำอะไรเหม่ยอี้นะ !”หนิงเหอพูดขึ้นเป็นนัย เพราะถ้าง้อกับแบบนี้มีประกบปากจูบแน่ ๆ ตามฉบับในนิยายเลย !“อืม” เฟยหลงแค่ขานรับ แต่เขาก็ไม่ได้บอกว่ารับปากเสียหน่อย ชายหนุ่มเดินตรงไปแล้วเคาะประตูก่อนที่จะเปิดเข้าไป เขามองหญิงสาวที่นั่งหันหลังอยู่บนเตียง หันหน้ามองออกไปนอกหน้าต่าง“หนิงเหอไม่ต้องมาชวนฉันออกนอกห้องเลยนะ ฉันไม่อยากไป” หญิงสาวพูดขึ้นโดยที่ไม่หันไปมอง“ฉันอยากอยู่คนเดียว ไม่อยากคุยกับใคร”“รวมถึงฉันด้วยใช่มั้ย ?” น้ำเสียงเข้มเอ่ยถามขึ้น ทำให้คนฟังชะงักลงแล้วรีบลุกขึ้นหันมามองทันที“เฟยหลง !”เหม่ยอี้มองเขาแล้วอยากจะแทรกแผ่นดินหนีลงไปเลย เธอในตอนนี้ดูไม่ต่างจากซอมบี้เท่าไหร่เลย เขามาเห็นเธอในสภาพแบบนี้ ! หนิงเหอเพื่อนบ้า ให้เฟยหลงเข้ามาได้ยังไงกัน !“ไม่คิดจะออกไปไหนเลยหรือไง” เขาเ
Desire of love เพียงรักที่ปรารถนาChapter 36ตกเย็นของวัน เฟยหลงมาหาเหม่ยอี้ที่ห้องเพื่อรับออกไปทานมื้อเย็น แต่หนิงเหอบอกว่าเธอไม่สบาย เขาจึงบอกว่าจะเข้าไปเยี่ยมเธอ หญิงสาวไม่ยอมให้ชายหนุ่มเข้ามาพร้อมทั้งบอกว่าเหม่ยอี้ต้องการเวลาพักผ่อน คงเป็นครั้งแรกที่หนิงเหอเห็นเพื่อนตัวเองเศร้าแบบนี้ ทว่าเฟยหลงก็ยังยืนยันคำเดิมว่าจะเข้าไปพบเหม่ยอี้ให้ได้สุดท้ายแล้วหนิงเหอก็ยอมให้เข้ามานั่งรอในห้องเพียงแต่ยังไม่ให้เข้าไปหาเหม่ยอี้ เฟยหลงเห็นท่าทางของหนิงเหอดูแปลก เขาจึงเป็นฝ่ายเอ่ยถามขึ้นในขณะที่เธอนำน้ำมาเสิร์ฟให้เขา“เหม่ยอี้เป็นยังไงบ้าง” ถามด้วยน้ำเสียงที่เป็นห่วง“ก็...” หนิงเหอไม่อยากจะพูดออกมา เพราะคิดว่าถ้าเฟยหลงชอบซูลี่ด้วย แล้วนั่นไม่เป็นผลดีกับเหม่ยอี้เลยสักนิด“แค่ไม่สบาย...”ใจเท่านั้นเฟยหลงหรี่ตามอง “มีเรื่องอะไรหรือเปล่า”“ไม่มีค่ะ !” หนิงเหอยิ้มเจื่อนๆ แต่อีกใจหนิงเหอก็อยากจะถามเขาอยู่เหมือนกันว่าซูลี่เป็นอะไรกับเขาหรือไม่?คิดแล้วก็อดสงสารเหม่ยอี้ไม่ได้&l
Desire of love เพียงรักที่ปรารถนาChapter 35“คือ เรื่องความรักระหว่างเธอกับลู่เพ่ย” เหม่ยอี้ถามด้วยน้ำเสียงแผ่ว “ฉันถามได้ใช่มั้ย กลัวว่าเธอจะ...”สีหน้าของหนิงเหอดูเศร้าลง แต่เธอก็ยังยิ้มสู้แล้วพูดขึ้น “ถามได้สิ!! ฉันไม่สนใจหมอนั่นตั้งนานแล้ว !”เหม่ยอี้พยักหน้าและรอฟังคำตอบจากปากของเพื่อนสาวอย่างใจจดใจจ่อ เพราะเธอเองก็เพิ่งจะย้ายเข้ามาหลังจากที่หนิงเหอคบกับลู่เพ่ยแล้ว เพื่อนสาวเล่าให้ฟังคราว ๆ โดยไม่บอกอะไรมากมาย แต่วันนี้เธอก็อยากรู้เพื่อจะได้ศึกษาเอาไว้ก่อน“ตอนแรกฉันก็แชทไปเรื่อย ๆ จนสนิทกัน ลู่เพ่ยเลยอยากเจอฉัน เราสองคนก็เลยนัดสถานที่กันเพื่อเจอ ตอนนั้นฉันก็รู้สึกตื่นเต้นนะ แต่ก็รู้สึกระแวงที่ต้องเจอคนแปลกหน้าด้วย ถึงจะคุยกันสนิทผ่านแชทแต่ฉันก็ยังกลัว...ตอนนั้นฉันจำได้ว่าครั้งแรกที่เจอเขาทำตัวสบาย ๆ และที่สำคัญฉันอยู่ใกล้เขาแล้วรู้สึกอบอุ่นมีความสุขมากเลยละ ฉันเลยคิดว่าเขาใช่สำหรับฉัน... ลู่เพ่ยดูแลฉันดีทุกอย่างนะ เพียงแต่เขาออกจะเจ้าชู้ไปหน่อย ตอนแรกฉันก็ไม่ได้สังเกตหรอก แต่พอคบกันไปนานฉันก็รู้สึกแบบนั้น มันเ
Desire of love เพียงรักที่ปรารถนาChapter 34เช้ารุ่งขึ้น เหม่ยอี้ตื่นตั้งแต่นาฬิกาที่เธอตั้งเอาไว้ยังไม่ปลุกด้วยซ้ำ เธอลุกขึ้นอาบน้ำแต่งตัวทำผมเตรียมตัวไปสัมภาษณ์ ความตื่นเต้นจนมือไม้แทบสั่นทำอะไรไม่ถูกกลับมาอีกครั้งหนึ่ง เธอไม่รู้ว่าบริษัทจะรับเธอหรือไม่ ก็แน่ละเป็นบริษัทที่มีชื่อเสียงขนาดนี้เธอใช้เวลาเดินทางเกือบชั่วโมง ซึ่งโชคดีที่เธอตื่นมาก่อนไม่อย่างงั้นเธอจะมาไม่ทันเวลาสัมภาษณ์ เมื่อมาถึงหน้าบริษัทหญิงสาวสังเกตเห็นคนมากมายต่างเดินเข้าไปในตึกสูงตรงหน้าของเธอ และที่สำคัญ เธอไม่ได้มาสัมภาษณ์เพียงคนเดียว แต่วันนี้เป็นวันนัดสัมภาษณ์ ซึ่งมีอีกหลายคนก็มาด้วย แล้วคราวนี้เธอจะติดมั้ยล่ะเนี่ยความเงียบแทรกซึมเข้ามาแต่เหม่ยอี้ก็ต้องกัดฟันสู้จนกระทั่งสัมภาษณ์เสร็จ ซึ่งกว่าจะรอถึงเวลานั้นบางทีความรู้สึกของเธอคงจะแย่กว่าเดิม หญิงสาวเดินมาที่หน้าห้องสัมภาษณ์ เธอยืนรออย่างเงียบๆ จนกระทั่งถึงเวลาเรียกตัวซึ่งเหลืออยู่กลุ่มสุดท้ายเข้าพร้อมกันเหม่ยอี้รู้สึกว่าช่วงเวลาที่สัมภาษณ์นั้นรวดเร็วเกินไป ทั้งๆ ที่จริงแล้ว ใช้เวลาเกือบครึ่งชั่วโมงด้วยซ้ำไป อ่า...เธอโล่งใจแล้วในต
Desire of love เพียงรักที่ปรารถนาChapter 33กำลังจะทาน...แล้วคุณล่ะคะ ?ตอบกลับไปพร้อมกับวางโทรศัพท์ลงตรงหน้า รอข้อความตอบกลับมาอย่างใจจดใจจ่อด้วยความตื่นเต้น ไม่ถึงสองนาทีมีข้อความส่งเข้ามา เหม่ยอี้รีบเปิดอ่านทันทีกินเยอะ ๆ ละ ฉันต้องไปทำงานก่อนแล้ว ตอนเย็นเจอกันหญิงสาวอ่านแต่ไม่ได้ตอบกลับอะไรทั้งสิ้น เธอเพียงแค่อมยิ้มออกมาอย่างมีความสุขเท่านั้นความรักตอนนี้เธอเข้าใจแล้วว่ามีความสุขขนาดไหน มีความสุขแบบที่คนอื่นไม่สามารถเข้าใจได้โฆษณาและนางแบบที่ถ่ายชุดประจำต้นปีออกมาสู่ตลาดสร้างความไม่พอใจให้กับซูลี่เป็นอย่างมาก เธอถูกเรียกตัวไปทำงานนี้แต่กลับถูกยกเลิกจากทางบริษัท หนำซ้ำยังเป็นคำสั่งของเฟยหลงอีกด้วย เท่านั้นไม่พอเมื่อจะเข้าไปคุยกับเขาให้รู้เรื่อง เฟยหลงก็ปฏิเสธที่จะพบเธอ บ้าที่สุด นอกจากเขาไม่สนใจเธอแล้วยังเย็นชาใส่ด้วยซูลี่ไม่คิดจะสนใจกับคำเมินของเขาอีกต่อไป เธอได้ส่งนักสืบตามรอยเขาวันนี้ทั้งวันจนรู้ว่าเขามาทานอาหารมื้อเย็นที่ร้านหรูแห่งหนึ่งซึ่งห่างจากบริษัทมากพอสมควร เธอไม่สนและไม่รอช้าที่อยากจะเดินเข้าไปและคุยกับเข
Desire of love เพียงรักที่ปรารถนาChapter 32หลังจากที่เฟยหลงกลับไปได้ไม่นาน หนิงเหอก็กลับมาถึงห้องสีหน้าดูไม่สดใสเท่าที่ควรมากนัก อาหารมื้อเย็นบนโต๊ะถูกแบ่งเก็บไว้ให้รูมเมตสาวที่เพิ่งกลับมา เหม่ยอี้เดินเข้ามาหาพร้อมกับเอ่ยถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง“เธอดูไม่โอเคเลย เป็นอะไรมั้ย ?”“ก็สบายดี เพียงแต่วันนี้ที่ร้านต้องเช็กสต็อกหนังสือน่ะ เลยเหนื่อยทั้งวันเลย” หนิงเหอตอบพร้อมกับเดินมานั่งที่โซฟา เสียงถอนหายใจของเธอดังขึ้นบ่งบอกถึงความอ่อนล้าในวันนี้“แล้ววันนี้ทำงานเป็นไง ได้เป็นพนักงานประจำหรือยัง”ทันทีที่ได้ยินสีหน้าของเหม่ยอี้ก็ดูเปลี่ยนไปจากเดิม หญิงสาวทิ้งตัวนั่งลงที่โซฟาข้างด้วยท่าทางหงุดหงิด พร้อมกับตะโกนขึ้นมาอย่างเสียงดังจนหนิงเหอแทบหลบไม่ทัน“ได้งานที่ไหนกันล่ะ !” น้ำเสียงบอกถึงความไม่พอใจ “เพราะเขาคนเดียวเลย ฉันเลยกลายเป็นคนว่างงานอีกแล้ว”หนิงเหอขมวดคิ้วมองเพื่อนสาวอย่างไม่เข้าใจ“เธอหมายความว่ายังไง”หญิงสาวถอนหายใจออกมา “ก็จะอะไรได้ซะล่ะ บอสไม่ให้ฉ
Desire of love เพียงรักที่ปรารถนาChapter 31หานมี่ส่ายหน้า “ฉันลืม...”นิ้วชี้ของชายหนุ่มยกขึ้นทาบปากเธอเบา ๆ เขาส่ายหน้าพร้อมกับมองเธอ “อย่าลืม...เพราะที่ผ่านมาฉันไม่เคยลืมเธอเลย ฉันไม่ควรปล่อยไว้นานแบบนี้ เรากลับมาเริ่มต้นกันใหม่ได้มั้ย ? ฉันรู้ว่ามันคงยากสำหรับเธอ”ใช่แล้ว...ยากมากจริง ๆ“ฉันทำไม่ได้” เธอพูด “ทุกอย่างผ่านไปแล้ว พี่อย่าพยายามรื้อให้กลับมาเหมือนเดิมอีกเลย” หญิงสาวเดินถอยหลังออกห่างจากเขา“ต้องให้ฉันทำยังไง”“พี่ไม่ต้องทำอะไร แค่อย่ายุ่งกับฉันอีก”จิ้นฝูมองหานมี่ที่หันหลังเดินจากไปอย่างเงียบๆ หัวใจของเขาตอนนี้ไม่ต่างกับถูกขยี้แหลกด้วยมือของเธอ ทว่า...คนที่เสียใจที่สุดก็คือหานมี่ เธอยังรักเขา และจะทำใจได้อย่างงั้นเหรอ? ถ้าหากเขาจากเธอไปจริงๆ‘จริง ๆ พี่ก็แค่รู้สึกผิด...ความรู้สึกนี้ฉันไม่ต้องการจากพี่เลยสักนิด’จิ้นฝูกลับมาที่คอนโดของตนเองเพียงลำพังหลังจากที่คุยกับหานมี่เสร็จ เขาพบกับความโดดเดี่ยวอีกครั้งหนึ่ง หัวใจที่ว่างเปล่าและเปลี