Chapter 5
เหม่ยอี้เดินกลับมาด้วยสีหน้าที่ยิ้มจนแก้มทั้งสองข้างที่กลม ๆ ของเธอเปล่งออกมาได้ชัด เธอเดินเข้ามาในห้องทำงาน ก่อนที่จะส่งเอกสารให้ผู้จัดการเย่วแล้วกลับมานั่งลงที่ตามเดิม ยิ้มไม่หุบจนฮุ่ยลี่ที่นั่งทำงานอยู่ข้าง ๆ สังเกตขึ้นมา “เหม่ยอี้เป็นอะไรไปน่ะ ทำไมแก้มเธอแดงขนาดนั้น” “ไม่ ๆ...ไม่มีอะไร” เธอปัดบอกก่อนที่จะก้มหน้าลงมองเอกสารตรงหน้า โดยซ่อนรอยยิ้มไว้ภายใต้ที่ใบหน้านิ่งของเธอ ทั้งที่จริงแล้วอยากจะกระโดดและร้องตะโกนออกมาดัง ๆ ความรัก...แบบนี้คือความรักใช่มั้ย ! “พี่ทำร้ายฉัน !” นักดนตรีสาวกล่าวด้วยน้ำเสียงตัดพ้อหลังจากที่งานเมื่อคืนตั้งใจไว้ว่าเขาจะมาตามคำเชิญ แต่สุดท้ายเเล้วกลับเป็นจิ้นฝูที่มาเเทน วันนี้เธอจึงมาหาเฟยหลงเพื่อคุยกันให้รู้เรื่อง เพราะเขาทำให้ต้องเสียหน้ากับเพื่อน ๆ มากมาย อุตส่าห์คุยไว้อย่างดีว่าถังเฟยหลงจะมางานเลี้ยง...เเต่สุดท้ายเขาก็ไม่มา ! ! เฟยหลงทำท่าทางนิ่ง ๆ ราวกับว่าเรื่องที่ได้ฟังอยู่นั้นเป็นเรื่องปกติ ไม่เดือดร้อนหรือสำคัญอะไร เเม้ท่าทางของซูลี่จะไม่พอใจมากนักก็ตาม เขาไม่จำเป็นต้องเเคร์ความรู้สึกของซูลี่มากมายขนาดนั้น เพราะอีกฝ่ายก็เป็นเพียงรุ่นน้องที่เคยรู้จักกัน ไม่ได้รู้สึกพิเศษใด ๆ ด้วย “พี่ก็รู้ว่า...ฉันขายหน้ามากเเค่ไหน” น้ำเสียงของเธอดูเเผ่วลงเเละรู้ว่าถ้าหากโวยวายมากเกินไป ผลที่ได้จะทำให้เขารำคาญจนออกปากไล่อีก “ฉันไม่ว่าง” คงเป็นคำตอบที่คลาสสิกมากที่สุดสำหรับการปฏิเสธ ท่าทางของชายหนุ่มนิ่ง ๆ ดูออกจะเบื่อด้วยซ้ำไป ซูลี่ข่มอารมณ์ขุ่นเคืองเอาไว้พร้อมกับยิ้มหวานสู้ “งั้นเพื่อเป็นการขอโทษ พี่ไปทานมื้อกลางวันกับฉันนะ” นิ่งและไม่มีคำตอบจากปากของชายหนุ่ม เขาถอนหายใจก่อนที่จะลุกขึ้นจากโซฟา “ไม่ว่าง ฉันมีประชุม” คำตอบเดิมถึงกับทำให้นักดนตรีสาวชักสีหน้าออกมาอย่างไม่พอใจ “ฉันถามเลขาของพี่แล้ว วันนี้ช่วงบ่ายพี่ไม่มีประชุม” ซูลี่ยิ้มก่อนที่จะลุกขึ้นเดินเข้ามาหาชายหนุ่ม “แล้วยังไง ?” เฟยหลงอย่างไม่สนใจด้วยซ้ำ ถามเลขาไปแล้วไงถ้าเขาไม่ไปสักอย่างจะทำอะไรได้ “ฉันจะทำงาน กลับไปเถอะ” ไล่กันเห็น ๆ ! ! ซูลี่ยิ้มสู้พร้อมกับเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ “แล้วพี่ไม่หิวเหรอ? ” “หิว แต่ไม่อยากไปกินกับเธอ” เฟยหลงตอบไม่อ้อมค้อมจนหน้าของหญิงสาวชาไปข้าง “พี่ !” เพื่อตัดความรำคาญเฟยหลงจึงไม่คิดที่จะถนอมน้ำใจของหญิงสาวมากเท่าไหร่ “ทีนี้จะกลับไปได้แล้วใช่มั้ย ?” ใครจะทนอยู่ต่อ ! ! ซูลี่มองชายหนุ่มด้วยความไม่พอใจ หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าลึกๆ พร้อมกับหมุนตัวเดินออกจากห้องไปโดยที่ไม่พูดอะไร ทว่าใจเธอก็ตัดพ้อเขาด้วยความน้อยใจ เฟยหลงหันมองประตูห้องทำงานปิดลง ความสงบของการทำงานได้กลับมาอีกครั้งหนึ่ง เขาลุกขึ้นเดินมายังโต๊ะทำงานเพื่อเซ็นเอกสารที่ค้างให้เสร็จแล้วออกไปทานอาหารกลางวัน เกือบบ่ายสามโมง ฮุ่ยลี่ชวนเหม่ยอี้ออกมาหากาแฟชงทานพร้อมกับพูดคุยเรื่องเดิม ๆ ที่ทำให้เธอสะอิดสะเอียนจนแทบอ้วก หญิงสาวยืนพิงกับขอบโต๊ะเท่าอก มือเธอเท้าวางอยู่ข้างบน พร้อมกับใช้มือสองข้างกุมแก้วน้ำอยู่ เหม่ยอี้ยกแก้วกาแฟขึ้นดื่มในขณะที่ฟังฮุ่ยลี่พูดไปเรื่อยๆ จนกระทั่งอีกฝ่ายเปลี่ยนเรื่องคุย “เหม่ยอี้เย็นนี้พี่ ๆ ที่แผนกมีนัดบอดไปทานข้าวเย็นกับผู้ชายน่ะ” ฮุ่ยลี่เปรยขึ้น “เธอจะไปด้วยกันมั้ย ?” หญิงสาวมองรีบส่ายหน้าเป็นคำตอบทันที เธอไม่ได้ต้องการหาคู่ถึงขนาดกับต้องไปนัดบอดหาแฟน “ไม่ไปจริง ๆ เหรอ ?” ฮุ่ยลี่โน้มน้าว “พอดีขาดคนอยู่นะ บางทีงานนี้เธออาจจะมีแฟนกลับมาก็ได้ไง” มีแฟนกลับมา...เหม่ยอี้กะพริบตารัว พร้อมกับยิ้มเจื่อน ๆ “ไม่ดีกว่า ฉันคิดว่า...เรื่องความรักปล่อยมันไปเถอะ !” “ปล่อยได้ที่ไหนกัน เรื่องแบบนี้เป็นสิ่งที่ผู้หญิงฝันเลยรู้มั้ย ?” ฮุ่ยลี่กล่าวด้วยสีหน้าตื่นเต้น ทว่าเหม่ยอี้กลับรู้สึกว่ามันไม่ใช่ เธอจึงส่ายหน้าเป็นคำตอบอีกครั้ง จนคนชวนนั้นทำหน้าเซ็ง ๆ ขึ้นมาทันที หญิงสาวรู้ว่าการนัดบอดคือหาแฟนด่วนแต่ถึงเธอจะไม่มีใครมาจีบก็อยากจะให้เรื่องนี้เป็นธรรมชาติ...ถ้าไม่มีอย่างมากก็แค่ขึ้นคานเท่านั้น “เธออยากจะอยู่คนเดียวไร้คู่ไปจนแก่เหรอ ! ฉันน่ะยังอยากมีคนรักนะ ถึงแม้ว่าจะมาจากการนัดบอดก็ตาม แต่ถ้าเราไปด้วยกันได้ละก็...บางที...อาจจะแต่งงานกันก็ได้ !” เหม่ยอี้ยิ้มแหยๆ ออกมา แต่งงานน่ะเหรอเป็นคำไกลห่างจากความคิดของเธอไปมาก ๆ เลย “เรื่องนั้นฉันไม่เคยคิดเลย” “โธ่ ! เหม่ยอี้ ต้องคิดได้แล้ว” ฮุ่ยลี่กล่าวพร้อมกับเอื้อมมือตีแขนของเพื่อนร่วมงานเบา ๆ ครั้นเมื่อกำลังอ้าปากพูดขึ้น สายตาของเธอกลับมองไปเห็นชายหนุ่มสองคนที่กำลังเดินผ่านมา “บอสกับผอ. จิ้นฝู!” ได้ยินคำว่า ผอ. จิ้นฝูเท่านั้นแหละ เหม่ยอี้รีบหันไปมองทันที เธอยิ้มหวานมองเจ้าชายในฝันด้วยความหลงใหล...โอ๊ยยยย แค่มองเธอก็ฟินแล้ว “สวัสดีเหม่ยอี้” จิ้นฝูเอ่ยทักทายหญิงสาวด้วยน้ำเสียงปกติ ทำเอาคนฟังถึงกับยิ้มออกมาอย่างอารมณ์ดี แทบเรียกได้ว่าตัวลอยขึ้นอากาศเลย “อ่า...ค่ะ” เธอแค่ขานรับสั้น ๆ น้ำเสียงเต็มไปด้วยความตื่นเต้นแม้ในขณะที่ชายอีกคนหล่อไม่แพ้กัน แค่สายตาของเหม่ยอี้โฟกัสอยู่เพียงแค่ จิ้นฝูเท่านั้น ส่วนทางฮุ่ยลี่นั้นยิ้มออกมาและมองชายหนุ่มทั้งสองจนกระทั่งเดินจากไป “หล่อที่สุด !” ฮุ่ยลี่เพ้อออกมา “ฉันอิจฉาจริงๆ ที่ผอ. จิ้นฝูทักเธอ แต่ปกติเขาก็ทักพนักงานทุกคนแบบนี้อยู่แล้วแหละ” เหม่ยอี้ได้แค่ยิ้มตอบเท่านั้น ก่อนจะถามขึ้นว่า “แล้วอีกคนคือ...” “คนนั้นน่ะบอสใหญ่ของบริษัทเราเลย เขาหล่อใช่มั้ยล่ะ? แต่ก็นะ ฉันไม่เคยเห็นว่าเขาควงสาว ๆ คนไหนออกงานเลย แถมยังเป็นคนนิ่งๆ ต่างจากผอ. จิ้นฝูด้วย” ฮุ่ยลี่กล่าว “พวกเขาเป็นพี่น้องกัน ?” เหม่ยอี้เอ่ยถามด้วยความสงสัย “ลูกพี่ลูกน้องกันน่ะ พ่อของเขาทั้งสองคนเป็นพี่น้องกัน...” ฮุ่ยลี่เริ่มเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับชายหนุ่มทั้งสองคนให้เหม่ยอี้ฟัง แต่ดูท่าแล้ววันนี้ก็คงไม่จบง่าย ๆ เมื่ออีกฝ่ายข้อมูลแน่เอี้ยด ! ! และแล้วสุดท้าย...เจ้าชายของเธอก็อยู่ไกลเกินจะเอื้อมถึง กลับบ้าน ! ! นี่คือเวลาที่หญิงสาวรอมานานแล้ว มือเรียวจัดเก็บเอกสารบนโต๊ะให้เข้าที่ ก่อนที่จะรับคำสั่งจากหัวหน้าชงซานให้นำเอกสารขึ้นไปส่งที่ชั้นยี่สิบเก้าแล้วค่อยกลับบ้านได้ เนื่องจากคนที่แผนกได้ต่างติดงานกันทุกคน เหม่ยอี้ไม่เคยขึ้นไป เมื่อขึ้นลิฟต์ไปถึงก็เริ่มเดินงมไปตามทางจนกระทั่งอยู่หน้าห้องประตูใหญ่สีน้ำตาล ตรงข้างหน้าห้องมีโต๊ะของเลขาและผู้ช่วยอยู่ เธอจึงก้าวเข้าไปอย่างช้า ๆ พร้อมกับยื่นเอกสารส่งให้เลขาสาวที่อยู่หน้าห้อง “เอ่อ..ฉันเอาเอกสารมาส่งค่ะ” ซูเจินเลขาของเฟยหลงเงยหน้าขึ้นมองพร้อมกับยิ้มรับ “ค่ะ” เอื้อมมือไปรับ ในขณะที่เหม่ยอี้ยิ้มให้อีกครั้งหนึ่งแล้วรีบหันหลังเดินจากไป พอดีกับประตูห้องเปิดออก เฟยหลงเดินออกมาพร้อมกับส่งสายตามองหญิงสาวที่คิดว่าเคยพบหน้าเมื่อตอนบ่าย คงเป็นคนเดียวกับที่จิ้นฝูทักทาย “บอสคะ เอกสารที่ต้องเซ็นค่ะ” ซูเจินกล่าวพร้อมกับยืนแฟ้มในมือให้เจ้านาย “เอาไว้ในห้อง เดี๋ยวพรุ่งนี้ฉันจะมาดู” เขาพูดด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ ก่อนที่จะเดินจากไป เมื่อเดินมาถึงลิฟต์จึงเห็นว่าหญิงสาวยังคงยืนรออยู่ เธอหันมามองพร้อมกับก้มหัวเดินถอยห่างเล็กน้อย ๆ เฟยหลงมองแวบหนึ่งก่อนที่จะหันกลับมา ทันทีที่ประตูลิฟต์เปิดออก เขาก้าวเข้าไปพร้อมกับกดรอ แต่เหม่ยอี้ยังคงยืนอยู่ข้างนอก เธอไม่กล้าที่จะเดินเข้าไป เพราะคิดว่ารอบใหม่ดีกว่าแค่ไม่ถึงสิบนาทีเอง “เข้ามาสิ” เขาเป็นฝ่ายที่พูดขึ้นเมื่อเห็นพนักงานสาวไม่กล้าเดินเข้ามา เมื่อได้ยินเหม่ยอี้จึงรีบก้าวเข้ามาในลิฟต์ เธอยืนห่างจากประธานหนุ่มในระยะที่พอสมควร ช่างเงียบเละอึดอัดดีจังเลย นี่เป็นครั้งแรกที่หญิงสาวรู้สึกกดดันตัวเอง คงเป็นเพราะบอสเงียบขรึมมากเกินไปเเบบที่ฮุ่ยลี่พูดให้ฟัง จริง ๆ นั่นแหละ Desire of love เพียงรักที่ปรารถนาChapter 6“เข้ามาสิ” เขาเป็นฝ่ายที่พูดขึ้นเมื่อเห็นพนักงานสาวไม่กล้าเดินเข้ามา เมื่อได้ยินเหม่ยอี้จึงรีบก้าวเข้ามาในลิฟต์ เธอยืนห่างจากประธานหนุ่มในระยะที่พอสมควร ช่างเงียบเละอึดอัดดีจังเลย นี่เป็นครั้งแรกที่หญิงสาวรู้สึกกดดันตัวเอง คงเป็นเพราะบอสเงียบขรึมมากเกินไปเเบบที่ฮุ่ยลี่พูดให้ฟัง จริง ๆ นั่นแหละจนกระทั่งประตูลิฟต์เปิด ชายหนุ่มก้าวออกไปโดยที่เธอก้าวตามพร้อมกับถอนหายใจออกมา แต่เหม่ยอี้ไม่ใช่คนคิดมากกังวลเรื่องไร้สาระที่เล็ก ๆ น้อย ๆ หญิงสาวยิ้มจนแก้มทั้งสองข้างป่องขึ้นเมื่อนึกถึงอาหารมื้อเย็นเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เหม่ยอี้หยุดเดินแล้วกดรับ“ฮัลโหล”[เหม่ยอี้! เธอจะไม่มาจริงๆ เหรอ คนขาดนะ!]นั่นเป็นคำชวนของฮุ่ยลี่ที่ชวนเธอไปทานอาหารมื้อเย็นกับหนุ่ม ๆ ที่นัดบอดด้วยกัน“ไม่ ๆ” ปฏิเสธเช่นเดิม[อ่า...งั้นโอเค เจอกันวันจันทร์นะ]“อืม” เหม่ยอี้กดวางสายลงก่อนที่จะเดินไปตามถนนเรื่อย ๆ อย่างไร้จุดหมาย แต่ก็เดินได้ไม่นานนักหนิงเหอโทร. เข้ามาหาพร้อมกับบอกให้เธอกินมื้อเย็นมาเลยเพราะวันนี้จะกลับดึก แน่นอนว่าเป็นที่เปลี่ยวเหงาหัวใจเมื่อต้องรับประทานอาหารมื้อเย็นคนเดียวอีกเช่นเคย ใครว่าเธอไม่เห
Chapter 7จนกระทั่งโทรศัพท์ที่กระเป๋ากางเกงดังขึ้น เขาจึงสะดุ้งจากภวังค์ก่อนเอื้อมมือไปหยิบแล้วกดรับ“ว่าไง” เฟยหลงเอ่ยถามปลายสาย[เป็นยังไงบ้างพี่ กินอิ่มมั้ย ?] น้ำเสียงของจิ้นฝูดูอารมณ์ดีผิดปกติ จนชายหนุ่มอดสงสัยไม่ได้“หมายความว่ายังไง”[เปล่า ผมแค่ถามเพราะคงเป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่พี่กินข้าวร่วมโต๊ะกับผู้หญิงไง]เมื่อได้ยินอีกฝ่ายตอบเฟยหลงจึงเงียบลง อาจจะใช่เพราะเป็นรอบหลายปีเลยทีเดียวที่เขาไม่เคยทานข้าวหรือออกเดทกับผู้หญิงคนไหน และเหม่ยอี้เองเขาก็ไม่ได้เป็นคนชวนด้วย“แล้วยังไง ?” ชายหนุ่มตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบๆ[เปล๊า]“มีอะไรอีกมั้ย ? ถ้าไม่มีฉันวางสายแล้วนะ”เฟยหลงถามและรอคำตอบก่อนจะวางสายลงในขณะที่เดินไปตามทางถนนจนกระทั่งถึงที่จอดรถหลังจากทานอาหารอีกชามเสร็จเหม่ยอี้จึงขึ้นรถแท็กซี่ไปที่ซุปเปอร์—มาร์เก็ตเพื่อชื้อของสดรวมถึงเครื่องใช้กลับมา เธอใช้เวลาซื้อของทั้งหมดไม่นานเกินสามชั่วโมง ก่อนที่จะถึงอาพาร์ทเม้นท์ตอนบ่ายสี่โมงนิด ๆ และเริ่มเก็บของรวมถึงเตรียมทำอาหารมื
Chapter 8“ฉันแค่มาดูความเรียบร้อยเฉย ๆ” เฟยหลงกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง “ทำไมยังไม่กลับ ?”เหม่ยอี้ยิ้มเจื่อน ๆ พร้อมกับตอบว่า “งานเพิ่งเสร็จค่ะ”เฟยหลงพยักหน้าอย่างเข้าใจ เป็นครั้งแรกด้วยซ้ำที่เขารู้สึกว่า เหม่ยอี้ดูน่าสนใจและอยากจะทำความรู้จักกับเธอ ชายหนุ่มหัวเราะให้ตัวเองในใจ ราวกับว่าความคิดของตนนั้นตลกสิ้นดี อย่างเขาเนี่ยนะจะเดินเข้าไปทักผู้หญิงก่อน ! ! แต่ก็ทักไปแล้วนี่...“กินอะไรหรือยัง ?” จู่ ๆ ปากของเขาก็ถามไปโดยสมองยังไม่ทันตรอง จนรู้ตัวอีกทีก็พูดออกไปแล้ว เหม่ยอี้ยืนอึ้งแต่ก็ยิ้มให้เจ้านายหนุ่ม“อ่า...ยังค่ะ”เหม่ยอี้ตอบสั้น ๆ และรู้สึกหวาดกลัวเขาอยู่ในใจ“ไปสิ” เขาพูดขึ้น“คะ ?” เหม่ยอี้ยังงุนงงกับคำพูดของเขาว่าหมายถึงอะไร“ผมก็หิวอยู่ว่าจะไปทานอยู่เหมือนกัน ไปด้วยกันสิ”เป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่เฟยหลงเป็นฝ่ายชวนผู้หญิงไปทานข้าวด้วย เพราะก่อนหน้านั้นมีแต่สาว ๆ เข้ามาชวนเขาและโดนปฏิเสธไปทุกราย อาจเป็นเพราะยังอยากเห็นรอยยิ้ม
Chapter 9เหม่ยอี้สนใจกับเอกสารตรงหน้าที่กำลังคีย์ข้อมูลใส่จอคอมพิวเตอร์ จนกระทั่งเกือบเที่ยงหญิงสาวจึงบิดคลายเมื่อยพร้อมทั้งบันทึกงานก่อนที่จะลุกขึ้นสั่งปริ๊นต์เอกสารแล้วเก็บใส่แฟ้มแล้วนำไปให้ฮุ่ยลี่ ก่อนจะกลับมานั่งที่เดิมมองเวลาอีกครั้งพร้อมกับเตรียมท่าได้เวลาทานอาหารมื้อเที่ยงแล้ว“ฮุ่ยลี่ ไปกินข้าวเที่ยงกัน” เหม่ยอี้เอ่ยปากชวนเพื่อนร่วมงานสาวแต่...ทว่าทุกคนกลับหยุดลงเมื่อผอ. จิ้นฝูเดินเข้ามาในแผนก“เหม่ยอี้” ชายหนุ่มเรียกหญิงสาว พร้อมกับเดินเข้ามาหา “มานี่ หน่อย ผมมีเรื่องจะคุยด้วย”สายตามองชายหนุ่มด้วยความหลงใหลพร้อมกับที่มองเหม่ยอี้ด้วยความอิจฉา หญิงสาวเดินออกมาข้างนอกห้องในระยะที่ห่างพอสมควร แม้เพื่อนร่วมงานในห้องจะต่างเดินออกมาแนบที่ประตูเอียงหูฟัง“เอ่อ...มีอะไรหรือคะ” หญิงสาวเอ่ยถามชายหนุ่มจิ้นฝูยิ้มออกมาเพราะเขาคิดว่าสิ่งที่ได้ยินจากรปภ. ไม่ผิดแน่ ๆ ดีที่สั่งให้ปิดปากเงียบ เพราะไม่อย่างงั้นแล้วเหม่ยอี้อาจจะทนต่อแรงกดดันจากพนักงานไม่ได้“จริงหรือที่เฟยหลงไปส่งคุณที่บ้าน”เ
Desire of love เพียงรักที่ปรารถนาChapter 0‘ขอโทษนะ ฉันไม่ได้ชอบเธอ’กี่ครั้งแล้ว ! ! ที่โดนปฏิเสธ บางทีอาจจะจำไม่ด้วยซ้ำไปเพราะว่าเยอะเกินที่จะนับ ทุกครั้งที่เดินเข้าไปหาผู้ชายที่แอบชอบหรือว่าหลงใหล แต่ก็ต้องเจอคำนี้ตอบกลับมาทุกที เธอ..ไม่สวยอย่างนั้นเหรอเหม่ยอี้ถอนหายใจออกมาพร้อมกับลุกขึ้นเดินมาส่องกระจกดูตัวเอง บางทีเธอก็คิดว่าควรเลิกโหยหาความรักเสียที“โอ๊ย!! ทำไมนะ!!” หญิงสาวกัดริมฝีปากล่างของตัวเองพลางส่งสายตามองในกระจกทรงยาวแล้วหมุนซ้ายขวามองตั้งแต่หัวจรดเท้าอีกครั้ง“ความรัก มันหายากนักหรือไง!”หญิงสาวบ่นพร้อมกับเดินมานั่งลงที่โซฟาอีกครั้ง สีหน้าบูดบึ้งมองไปที่โต๊ะ กองหนังสือนิตยสารเสริมความงามที่อ่านแล้วก็ไม่เข้าใจว่า ทำไมนางแบบดัง ๆ ถึงมีชายหนุ่มหลงใหลกันมากมาย เธอก็ไม่ได้ดูน่าเกลียด(ใช่มั้ย ?) แต่...ไม่เคยมีความรักสักครั้ง อาภัพแท้ที่สุด ! !ประตูห้องเปิดออก หนิงเหอรูมเมตที่เพิ่งกลับมาจากการทำงานเดินเข้ามาแล้วหันไปประตูปิด ก่อนจะเดินมานั่งลงที่โซฟาตัวข้าง ๆ พลางถอนหายใจออกมา สายตาหันไปมองเหม่ยอี้ที่ทำหน้าราวกับหมดสิ้นทุกอย่างก็ไม่ปาน“เป็นอะไรไปน่ะ” หนิงเหอเอ่ยถามขึ้นเหม
Chapter 1 ความเงียบครอบคลุมภายในห้องประชุมของตึกสูงใจกลางเมืองปักกิ่งของบริษัทหลวนเฉินกรุ๊ป ผู้ผลิตเสื้อผ้าและส่งออกจนได้รับการยอมรับเป็นแนวหน้าของวงการแฟชั่น “คุณคิดว่าควรทำยังไง ?” เสียงเข้มของประธานหนุ่มถังเฟยหลงอายุราว ๆ สามสิบปีเอ่ยถามขึ้น หลังจากที่ดูข้อมูลการตลาดเมื่อเดือนที่ผ่านมา เมื่อเสื้อผ้าแบบใหม่จากแบรนด์ deluxe (ดีลักซ์) ที่เพิ่งออกวางจำหน่ายเมื่อเดือนก่อน ปรากฏว่าความชอบของผู้ซื้อยังไม่ประสบผลสำเร็จเท่าที่ควร ทั้งยังไม่สามารถตีตลาดออกนอกประเทศได้อีกด้วย นับเป็นความล้มเหลวอย่างหนึ่งของบริษัท เงียบ...ไม่มีเสียงตอบรับจากผู้จัดการจากทุกแผนกที่ประสานกันทำงาน เว้นกระทั่งเฉินจิ้นฝูผู้อำนวยการของบริษัทและเป็น ญาติผู้น้องของเฟยหลงกล่าวขึ้น “ผมคิดว่าบางทีอาจเพราะผู้บริโภคอาจไม่ได้รับแหล่งข่าวสาร อีกอย่างเราเพิ่งวางจำหน่ายได้แค่เดือนเดียวด้วย” “นายคิดว่าอย่างนั้นเหรอ ?” เฟยหลงหรี่ตามองก่อนที่จะก้มหน้าลงแล้วเอื้อมมือปิดแฟ้มสีดำที่วางอยู่บนโต๊ะ “เอาเป็นว่า ฉันจะรอดูยอดขายเดือนนี้” จิ้นฝูยิ้มพร้อมกับกล่าวขึ้น “เอาเป็นว่าการประชุมวันนี้แค่นี้ ผมอยากให้พวกคุณทำงานอย่างเต็มที่เพื่
Chapter 2“ผู้จัดการเย่วหาพนักงานที่จะมาทำงานแทนหลิ่งฟางหรือยัง” ผอ. จิ้นฝูเอ่ยถามผู้จัดการแผนกฝ่ายบัญชีขึ้นหลังจากที่คุยงานกันเสร็จ เพราะหลิ่งฟางลาออกไป จึงต้องหาพนักงานใหม่เข้ามาเพิ่ม เพื่อไม่ให้งานของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งล่าช้าไป“ผมให้เธอเข้ามาสัมภาษณ์ในวันนี้ตอนสิบโมงเช้า” ซือเหลินตอบจิ้นฝูพยักหน้าอย่างเข้าใจ ก่อนที่จะพูดขึ้น “งั้นให้มาสัมภาษณ์งานกับผมละกัน ผมมีเรื่องที่อยากลองถามพนักงานเข้าใหม่หน่อย”“ครับ” เมื่อคุยตกลงกันเสร็จแล้วผู้จัดการเย่วจึงเดินออกจากห้องของผอ. ไป ชายหนุ่มเอนตัวลงพิงพนัก พร้อมกับหันไปมองนาฬิกาที่เป็นเวลาเก้าโมงสามสิบห้านาที อีกเพียงยี่สิบห้านาทีเขาต้องสัมภาษณ์งานพนักงานใหม่ที่จะมาแทนหลิ่งฟางด้วยจิ้นฝูก้มหน้าสนใจกับเอกสารตรงหน้ารวมถึงฝ่ายออกแบบที่เสนอแบบสินค้าชุดใหม่มาให้เขาตามหัวข้อที่สั่งไป ชายหนุ่มมองอย่างครุ่นคิดราวกับว่าสิ่งที่อยู่ตรงหน้ายังไม่ถูกใจพอ แต่ก็ต้องดูคำตัดสินจากเฟยหลงอีกครั้ง ว่าจะสั่งแก้หรือให้ทำใหม่ทั้งหมดไปเลยเมื่อมองเวลาอีกเพียงแค่สิบห้านาทีเขาคงไม่ทันที่จะเดินไปคุยงานกับเฟยหลงแล้ว จึงต่อสายโทรหาเลขาที่หน้าห้องทันที“ชิงเซียน เข้ามาพบผมหน่
Chapter 3เดินมาถึงร้านอาหารไม่ห่างจากห้องพักของเหม่ยอี้มากนัก นั่นคือร้านก๋วยเตี๋ยวเนื้อที่โปรดมากที่สุด ตั้งอยู่ริมข้างทางในซอยแห่งหนึ่ง ผู้คนนั้นเดินผ่านไปมาวันนี้ก็คนเยอะอีกเช่นเคย“เหมือนเดิมเลยจ้ะป้า”หญิงสาวสั่งเหมือนทุกครั้งที่หนิงเหอไม่กลับมาทานข้าวมื้อเย็นไม่นานนักเกินสิบนาทีก๋วยเตี๋ยวเนื้อชามพิเศษได้วางลงบนโต๊ะตรงหน้า เหม่ยอี้ไม่รอช้าที่จะหยิบตะเกียบขึ้นทานทันที รสชาติอาหารยังถูกปากเสมอ หญิงสาวใช้เวลาไม่ถึงยี่สิบนาทีอาหารจานพิเศษจนหมดเกลี้ยงเธอหันไปเรียกจ่ายเงิน ก่อนที่จะเดินออกจากร้านไปเหม่ยอี้ยังไม่อยากกลับบ้าน เธอจึงตัดสินใจที่จะเดินเล่นในสวนสาธารณะตอนกลางคืน ความรู้สึกเปลี่ยวเหงาหัวใจแทรกซึมเข้ามา ทุกทีเมื่อเดินมองคู่รักจับมือกัน หญิงสาวจึงเลี่ยงเดินจากไปโดยเร็วที่จะไม่มอง ครั้นเมื่อหยุดเดินลงส่งสายตามองชายหญิงคู่หนึ่งที่ดูเหมือนกำลังทะเลาะกันอยู่อ่า...สุดท้ายแล้วคบกันก็ต้องถูกทิ้งอยู่ดีสินะ ไม่ต่างจากตอนที่ขอคบกันเลย เรื่องแบบนี้ต้องใช้โชคช่วยชัด ๆ เหม่ยอี้มองอย่างทำใจก่อนที่จะเดินกลับมาที่ห้องพักซึ่งก็เป็นเวลาเกือบสองทุ่มแล้ว แต่ไม่มีท่าทีที่หนิงเหอจะ กลับมา เธอจึ