Chapter 6
“เข้ามาสิ” เขาเป็นฝ่ายที่พูดขึ้นเมื่อเห็นพนักงานสาวไม่กล้าเดินเข้ามา เมื่อได้ยินเหม่ยอี้จึงรีบก้าวเข้ามาในลิฟต์ เธอยืนห่างจากประธานหนุ่มในระยะที่พอสมควร ช่างเงียบเละอึดอัดดีจังเลย นี่เป็นครั้งแรกที่หญิงสาวรู้สึกกดดันตัวเอง คงเป็นเพราะบอสเงียบขรึมมากเกินไปเเบบที่ฮุ่ยลี่พูดให้ฟัง จริง ๆ นั่นแหละ จนกระทั่งประตูลิฟต์เปิด ชายหนุ่มก้าวออกไปโดยที่เธอก้าวตามพร้อมกับถอนหายใจออกมา แต่เหม่ยอี้ไม่ใช่คนคิดมากกังวลเรื่องไร้สาระที่เล็ก ๆ น้อย ๆ หญิงสาวยิ้มจนแก้มทั้งสองข้างป่องขึ้นเมื่อนึกถึงอาหารมื้อเย็น เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เหม่ยอี้หยุดเดินแล้วกดรับ “ฮัลโหล” [เหม่ยอี้! เธอจะไม่มาจริงๆ เหรอ คนขาดนะ!] นั่นเป็นคำชวนของฮุ่ยลี่ที่ชวนเธอไปทานอาหารมื้อเย็นกับหนุ่ม ๆ ที่นัดบอดด้วยกัน “ไม่ ๆ” ปฏิเสธเช่นเดิม [อ่า...งั้นโอเค เจอกันวันจันทร์นะ] “อืม” เหม่ยอี้กดวางสายลงก่อนที่จะเดินไปตามถนนเรื่อย ๆ อย่างไร้จุดหมาย แต่ก็เดินได้ไม่นานนักหนิงเหอโทร. เข้ามาหาพร้อมกับบอกให้เธอกินมื้อเย็นมาเลยเพราะวันนี้จะกลับดึก แน่นอนว่าเป็นที่เปลี่ยวเหงาหัวใจเมื่อต้องรับประทานอาหารมื้อเย็นคนเดียวอีกเช่นเคย ใครว่าเธอไม่เหงา จริง ๆ แล้วเหงาจะตาย แต่แค่รอเจ้าชายขี่ม้าขาวมาบอกรักเธอ... ร้านอาหารริมทางไม่ห่างจากอพาร์ทเม้นท์ของเธอมากนัก แต่ไม่ใช่ร้านประจำที่เธอกินบ่อย ๆ เหม่ยอี้เดินเข้าไปนั่งพร้อมกับสั่งอาหารก่อนที่จะทานด้วยอารมณ์เหงา ๆ เพียงลำพัง ถึงวันหยุดแล้ว ! ! เหม่ยอี้นอนตื่นสายในรอบหลายวันที่ผ่านมาอีกครั้งหนึ่ง สิบโมงเช้าแล้วกว่าที่เธอจะลุกขึ้นมาอาบน้ำล้างหน้าและเปลี่ยนเสื้อผ้า ก่อนจะออกมาทานอาหารในขณะที่หนิงเหอนั่งดูทีวีแก้เซ็ง “หนิงเหอ ขนมในตู้เย็นหมดแล้วเหรอ ?” สิ่งแรกที่ถามคือของกิน ! ! รูมเมตสาวหันมามองแล้วพูดขึ้นทันทีว่า “เธอก็ทำงาน ฉันก็ทำงาน เลยไม่ว่างได้เข้าซุปเปอร์มาร์เก็ตกัน” หญิงสาวพยักหน้าพร้อมเอ่ยปากชวนขึ้นทันที “งั้นวันนี้ไปซื้อของข้างนอกกันนะ” “ไม่ได้หรอก” หนิงเหอพูดขึ้นก่อนที่จะลุกเดินมาหา “วันนี้ฉันมีนัดตอนบ่ายกันลู่เพ่ยน่ะ” ลู่เพ่ยเป็นแฟนหนุ่มของหนิงเหอที่คบกันมาเกือบสองปี รู้จักกันผ่านทางแชทของเว็บหนึ่ง ซึ่งทั้งสองคนก็เข้ากันได้ดีและไปด้วยกันได้จนน่าอิจฉา หญิงสาวมองอย่างน้อยใจแต่ก็ยิ้มสู้ “อ่า...ไม่เป็นไร ๆ” เหม่ยอี้ยกมือขึ้นโบกพร้อมกับยิ้มให้หนิงเหอ “งั้นฉันไปเปลี่ยนชุดก่อนนะ อ๊ะ ! แล้ววันนี้เธอจะกลับมากินข้าวเย็นมั้ย ?” เมื่อเห็นหนิงเหอส่ายหน้า เธอจึงใจแป้วไปอีกแต่ก็ยิ้มตอบกลับเช่นเดิม “งั้นขอให้เที่ยวให้สนุกนะ” เมื่อพูดจบก็เดินเข้าไปในห้องด้วยสีหน้าสุดเซ็ง ใจของเหม่ยอี้ร้องตะโกนออกมาดังๆ ว่า เซ็งที่สุด ! ! เหม่ยอี้เลือกที่จะมาเดินเล่นที่สวนสาธารณะเพียงลำพังโดยที่ยังไม่ไปซื้อของใช้ สวนขนาดกว้างที่ไม่ค่อยมีคนและที่สำคัญตรงนี้เหมาะแก่การนั่งพักมากที่สุด “เบื่อ ๆ เบื่อที่สุด !” เหม่ยอี้ร้องตะโกนขึ้นด้วยน้ำเสียงที่หงุดหงิด แต่ดูเหมือนว่าจะลืมไปเสียแล้วที่นี่สวนสาธารณะไม่ใช่ห้องนอน เมื่อนึกขึ้นได้ก็รีบยกมือขึ้นปิดปากและหันไปมองรอบ ๆ ตัวเธอแล้วถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก โชคดีที่ไม่มีใครได้ยินเข้า แต่..ก็ไม่ใช่เธอคนเดียว “อ้าว ! เหม่ยอี้” เสียงของจิ้นฝูเดินเข้ามาทักทาย หญิงสาวรีบหันไปมองทางต้นเสียงและยิ้มรับ พร้อมส่งสายตามองชายหนุ่มที่อยู่ในชุดสบาย ๆ แต่เธอนึกกังวลเรื่องที่เขาจะได้ยินเธอตะโกน ก่อนที่จะเหลือบมองไปยังบอสใหญ่ที่เดินออกมาจากหลังต้นไม้ด้วยใบหน้านิ่ง ๆ “พี่มาอยู่นี่เอง” หนุ่มเจ้าสำราญเอ่ยถามเฟยหลง “แค่นั่งพัก” เขาตอบ เอ๋ ! เดี๋ยวนะ งั้นก็แสดงว่าเขาได้ยินเธอตะโกนน่ะสิ ! เหม่ยอี้ ! เธอรู้มั้ยว่าจะขายหน้ามากแค่ไหน หญิงสาวก้มหน้าลงไม่สบตามองชายหนุ่มทั้งสอง “มาทำอะไรล่ะ” จิ้นฝูเป็นฝ่ายเอ่ยถามขึ้น “มานั่งเล่นเฉย ๆ ค่ะ” เหม่ยอี้ยิ้มตอบพลางเหลือบมองบอสใหญ่ที่ยิ้มมุมปากเหมือนหัวเราะเยาะ โธ่ ! เหม่ยอี้ เธอลืมตัวไปอีกแล้ว ช่างน่าอายเสียจริง ! “แล้วคุณ...” “สาว ๆ ขอมาพบเฟยหลงสารภาพรักน่ะ แต่ดูท่าล้มเหลว ผมเลยทำหน้าที่ปลอบใจและส่งเธอกลับ” จิ้นฝูพูดด้วยน้ำเสียงติดตลก เพราะว่าหญิงสาวคนนี้ขอร้องให้เขาช่วยจึงต้องรับปากมา แต่จะใช่ผู้หญิงที่ไหนไกล ก็เป็นลูกสาวของลูกค้ารายหนึ่งที่ร่วมธุรกิจด้วย ทว่าเฟยหลงไม่สนใจใครเลยไม่จำเป็นต้องใส่ใจความรู้สึกของอีกฝ่ายมากนัก แค่บอกปฏิเสธไปเท่านั้น...แล้วก็อกหักไปอีกราย เหม่ยอี้พยักหน้าเข้าใจพร้อมกับชำเลืองมองบอสแล้วยิ้มเจื่อน ๆ ให้ “จริงสิ จะบ่ายแล้วไปหาอะไรกินกันดีมั้ย ?” จิ้นฝูกล่าวขึ้นก่อนที่จะยิ้มให้เหม่ยอี้ “ไปด้วยกันนะ” เหม่ยอี้รีบพยักหน้าอย่างไม่ปฏิเสธเลยสักนิด เจ้าชายชวนเธอทานอาหารมื้อกลางวัน ! ! “แถวนี้มีร้านอร่อย ๆ เยอะไปกันเถอะ” จิ้นฝูชวนก่อนที่จะเดินนำไปแต่สมองน้อย ๆ ของหญิงสาวเพิ่งคิดได้ว่าบอสใหญ่ก็ไปทานด้วย ครั้นจะล้มเลิกความคิดแต่คงไม่ทันเสียแล้ว ไม่เป็นไรเหม่ยอี้ เธอได้ทานอาหารกับเจ้าชายเลยนะ ! ! สุดท้ายแล้วอาหารมื้อนี้เธอก็ไม่ได้ทานร่วมกับจิ้นฝู เพราะอยู่ ๆ กำลังจะสั่งอาหารแต่มีโทรศัพท์จากสาว ๆ เข้ามาเสียก่อน ส่วนเจ้าตัวเองก็ลืมไปสนิทว่านัดกับสาวเอาไว้ ตอนนี้จึงเหลือเพียงแค่เธอและบอสใหญ่เท่านั้น ใจของเหม่ยอี้อยากจะให้มีโทรศัพท์ดังขึ้นเหมือนว่าตัวเองมีธุระด่วน จริง ๆ เธอไม่ได้รังเกียจเจ้านายนะ เพียงแต่ว่าบางทีก็รู้สึกอายและเกรงใจ เขาเป็นถึงประธานบริษัท แต่กับเธอพนักงานชั้นเล็ก ๆ ที่ยังอยู่ในช่วงทดลองงานอยู่ เหม่ยอี้เงยหน้าขึ้นมองเขาพร้อมกับฉีกยิ้มให้ ก่อนจะหลบสายตาไปทางอื่น มันคงยากสำหรับเธอแล้วในตอนนี้ที่จะทำให้อาหารมื้อนี้เป็นมื้อที่แสนอร่อย เมื่ออาหารที่สั่งถูกเสิร์ฟลงบนโต๊ะ เหม่ยอี้ก็ได้เพียงแค่ก้มหน้าทาน ไม่คิดจะเงยหน้าขึ้นมองเฟยหลงเลยแม้แต่นิดเดียว อาหารตรงหน้าแสนจะอร่อย...ถ้าเธออยู่คนเดียวแล้วละก็เธอคงจะกินแบบมีความสุข นั่งทานอยู่แบบนี้กับเขาก็เกรงจนกลืนไม่ลงเลย เฟยหลงทานอาหารตรงหน้าด้วยท่าทางนิ่ง ๆ เขาพร้อมกับปรายตาชำเลืองมองหญิงสาวตรงหน้าที่ไม่คิดจะสนใจสิ่งอื่น เธอสนใจเพียงแค่การกินอาหารตรงหน้าที่แสนอร่อย เหม่ยอี้ใช้เวลาทานอาหารมื้อนี้นานที่สุดร่วมเกือบสี่สิบนาที ทั้งที่พยายามแล้วแต่ความกดดันลึก ๆ ก็ยังคงอยู่ เป็นมื้อที่เธอกินไม่อิ่มเลย ! ! มื้อนี้บอสใหญ่เลี้ยงแต่เหม่ยอี้รีบปฏิเสธทันทีเพราะความเกรงใจจนเขาต้องหรี่ตามองประมาณว่า เขาเลี้ยงเอง...เธอจึงได้แค่ก้มหัวและยิ้ม ออกมา หญิงสาวกล่าวขอบคุณชายหนุ่มที่เลี้ยงอาหารมื้อนี้ ก่อนจะขอแยกตัวออกมาเมื่อนึกขึ้นได้ว่าเธอต้องไปซื้อของ แต่ก่อนจะไปซื้อของขอหา ร้านอร่อย ๆ กินเพิ่มอีกสักหน่อยเถอะ ! ! เหม่ยอี้เดินหาร้านอาหารไม่ไกลจากร้านเดิมมากนัก เธอเดินเข้าไปพร้อมกับสั่งทันที ในขณะที่เฟยหลงต้องเดินกลับไปยังรถที่จอดไว้แต่เขากลับมองสะดุดอะไรบางอย่างในร้านอาหาร ชายหนุ่มถึงกับต้องขมวดคิ้วมองเหม่ยอี้ด้วยความแปลกใจ เธอกินไม่อิ่ม ? แต่เมื่อได้เห็นรอยยิ้มที่มีความสุขเวลาเธอกินคนเดียวกับนั่งทานกับเขาแตกต่างกันอย่างชัดเจน เฟยหลงกำลังมองท่าทางของหญิงสาวจนลืมตัวว่าเขามองเธอนานไปเท่าไหร่แล้ว จนกระทั่งโทรศัพท์ที่กระเป๋ากางเกงดังขึ้น เขาจึงสะดุ้งจากภวังค์ก่อนเอื้อมมือไปหยิบแล้วกดรับ Desire of love เพียงรักที่ปรารถนาChapter 7จนกระทั่งโทรศัพท์ที่กระเป๋ากางเกงดังขึ้น เขาจึงสะดุ้งจากภวังค์ก่อนเอื้อมมือไปหยิบแล้วกดรับ“ว่าไง” เฟยหลงเอ่ยถามปลายสาย[เป็นยังไงบ้างพี่ กินอิ่มมั้ย ?] น้ำเสียงของจิ้นฝูดูอารมณ์ดีผิดปกติ จนชายหนุ่มอดสงสัยไม่ได้“หมายความว่ายังไง”[เปล่า ผมแค่ถามเพราะคงเป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่พี่กินข้าวร่วมโต๊ะกับผู้หญิงไง]เมื่อได้ยินอีกฝ่ายตอบเฟยหลงจึงเงียบลง อาจจะใช่เพราะเป็นรอบหลายปีเลยทีเดียวที่เขาไม่เคยทานข้าวหรือออกเดทกับผู้หญิงคนไหน และเหม่ยอี้เองเขาก็ไม่ได้เป็นคนชวนด้วย“แล้วยังไง ?” ชายหนุ่มตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบๆ[เปล๊า]“มีอะไรอีกมั้ย ? ถ้าไม่มีฉันวางสายแล้วนะ”เฟยหลงถามและรอคำตอบก่อนจะวางสายลงในขณะที่เดินไปตามทางถนนจนกระทั่งถึงที่จอดรถหลังจากทานอาหารอีกชามเสร็จเหม่ยอี้จึงขึ้นรถแท็กซี่ไปที่ซุปเปอร์—มาร์เก็ตเพื่อชื้อของสดรวมถึงเครื่องใช้กลับมา เธอใช้เวลาซื้อของทั้งหมดไม่นานเกินสามชั่วโมง ก่อนที่จะถึงอาพาร์ทเม้นท์ตอนบ่ายสี่โมงนิด ๆ และเริ่มเก็บของรวมถึงเตรียมทำอาหารมื
Chapter 8“ฉันแค่มาดูความเรียบร้อยเฉย ๆ” เฟยหลงกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง “ทำไมยังไม่กลับ ?”เหม่ยอี้ยิ้มเจื่อน ๆ พร้อมกับตอบว่า “งานเพิ่งเสร็จค่ะ”เฟยหลงพยักหน้าอย่างเข้าใจ เป็นครั้งแรกด้วยซ้ำที่เขารู้สึกว่า เหม่ยอี้ดูน่าสนใจและอยากจะทำความรู้จักกับเธอ ชายหนุ่มหัวเราะให้ตัวเองในใจ ราวกับว่าความคิดของตนนั้นตลกสิ้นดี อย่างเขาเนี่ยนะจะเดินเข้าไปทักผู้หญิงก่อน ! ! แต่ก็ทักไปแล้วนี่...“กินอะไรหรือยัง ?” จู่ ๆ ปากของเขาก็ถามไปโดยสมองยังไม่ทันตรอง จนรู้ตัวอีกทีก็พูดออกไปแล้ว เหม่ยอี้ยืนอึ้งแต่ก็ยิ้มให้เจ้านายหนุ่ม“อ่า...ยังค่ะ”เหม่ยอี้ตอบสั้น ๆ และรู้สึกหวาดกลัวเขาอยู่ในใจ“ไปสิ” เขาพูดขึ้น“คะ ?” เหม่ยอี้ยังงุนงงกับคำพูดของเขาว่าหมายถึงอะไร“ผมก็หิวอยู่ว่าจะไปทานอยู่เหมือนกัน ไปด้วยกันสิ”เป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่เฟยหลงเป็นฝ่ายชวนผู้หญิงไปทานข้าวด้วย เพราะก่อนหน้านั้นมีแต่สาว ๆ เข้ามาชวนเขาและโดนปฏิเสธไปทุกราย อาจเป็นเพราะยังอยากเห็นรอยยิ้ม
Chapter 9เหม่ยอี้สนใจกับเอกสารตรงหน้าที่กำลังคีย์ข้อมูลใส่จอคอมพิวเตอร์ จนกระทั่งเกือบเที่ยงหญิงสาวจึงบิดคลายเมื่อยพร้อมทั้งบันทึกงานก่อนที่จะลุกขึ้นสั่งปริ๊นต์เอกสารแล้วเก็บใส่แฟ้มแล้วนำไปให้ฮุ่ยลี่ ก่อนจะกลับมานั่งที่เดิมมองเวลาอีกครั้งพร้อมกับเตรียมท่าได้เวลาทานอาหารมื้อเที่ยงแล้ว“ฮุ่ยลี่ ไปกินข้าวเที่ยงกัน” เหม่ยอี้เอ่ยปากชวนเพื่อนร่วมงานสาวแต่...ทว่าทุกคนกลับหยุดลงเมื่อผอ. จิ้นฝูเดินเข้ามาในแผนก“เหม่ยอี้” ชายหนุ่มเรียกหญิงสาว พร้อมกับเดินเข้ามาหา “มานี่ หน่อย ผมมีเรื่องจะคุยด้วย”สายตามองชายหนุ่มด้วยความหลงใหลพร้อมกับที่มองเหม่ยอี้ด้วยความอิจฉา หญิงสาวเดินออกมาข้างนอกห้องในระยะที่ห่างพอสมควร แม้เพื่อนร่วมงานในห้องจะต่างเดินออกมาแนบที่ประตูเอียงหูฟัง“เอ่อ...มีอะไรหรือคะ” หญิงสาวเอ่ยถามชายหนุ่มจิ้นฝูยิ้มออกมาเพราะเขาคิดว่าสิ่งที่ได้ยินจากรปภ. ไม่ผิดแน่ ๆ ดีที่สั่งให้ปิดปากเงียบ เพราะไม่อย่างงั้นแล้วเหม่ยอี้อาจจะทนต่อแรงกดดันจากพนักงานไม่ได้“จริงหรือที่เฟยหลงไปส่งคุณที่บ้าน”เ
Chapter 10เหม่ยอี้มองเขาพลางขมวดคิ้ว เธอตั้งตัวไม่ทันและที่สำคัญไม่เชื่อว่าเขาพูดจริง จะมีที่ไหนผู้ชายแสนเพอร์เฟคเช่นเขาเดินมากอดและบอกชอบเธอ โอ๊ยยยย...ยิ่งกว่าซีรีย์ที่เธอดูสักอีก !หญิงสาวยิ้มเจื่อน ๆ ออกมาทำท่าทางไม่ถูกเธอคิดว่าบอสคงล้อเล่นล่ะมั้ง ผู้ชายรวยอย่างเขาต้องเลือกผู้หญิงที่ดีกว่าเธออย่างแน่นอน สงสัยวันนี้อาจจะทำงานจนเพี้ยน“กินข้าวเย็นหรือยัง ?” เขาเอ่ยถามขึ้น“เอ่อ...ยังค่ะ แต่นัดกับเพื่อนเอาไว้แล้ว” เหม่ยอี้รีบตอบทันที เธอกลัวเขาจะมาชวนไปด้วยกันอีก “ว่าแต่...บอสมาหาฉันมีอะไรเหรอคะ”“ไม่มีอะไร” เฟยหลงพูดด้วยน้ำเสียงนิ่ง ๆ “ฉันแค่มาหาคำตอบให้ตัวเอง ตอนนี้ได้แล้ว”“อ้อ ค่ะ” เหม่ยอี้ขานรับอย่างงง ๆเฟยหลงนิ่งสักพัก ดูท่าแล้ววันนี้เขาคงไม่ได้รับประทานอาหารกับเธอ ชายหนุ่มจึงยิ้มพร้อมกับพูดขึ้น “พรุ่งนี้เจอกันที่ทำงาน”เมื่อพูดจบก็เดินจากไป...เหม่ยอี้ได้แค่ยืนงงตาค้างทำอะไรไม่ถูก เธอไม่ได้ตื่นเต้นเลยแต่เธอกำลังตกใจและช็อกอยู่ต่างหากล่ะ !หญิ
Chapter 11 ช่อดอกไม้ ! ! เหม่ยอี้ยืนมองช่อดอกไม้ขนาดใหญ่ที่วางอยู่บนโต๊ะของเธอหลังกลับมาจากรับประทานอาหารมื้อเที่ยง ดวงตากลมมองช่อดอกไม้ตรงหน้าทั้งแปลกใจสงสัย และความตะลึง ก่อนเดินถอยหลังออกห่างกลับไปตั้งหลัก ของใคร ? เอามาว่างผิดโต๊ะใช่มั้ยเนี่ย ! ! ทุกคนต่างรุมมองเหม่ยอี้เป็นทางเดียว เพราะใช่ว่าช่อดอกไม้ที่วางอยู่จะราคาถูก ๆ อย่างน้อยก็แพงพอที่จะเป็นอาหารสักห้ามื้อให้เหม่ยอี้ได้เลย หญิงสาวค่อย ๆ ย่องเดินเข้าไปที่ทำงานตัวเองพร้อมกับเอื้อมมือหยิบช่อดอกไม้ขึ้นมา ฮุ่ยลี่มองตาโตพร้อมกับพูดขึ้น “เปิดอ่านการ์ดดูสิ” เหม่ยอี้วางช่อดอกไม่ลงตรงโต๊ะอีกครั้ง ก่อนที่จะหาการ์ดข้างในแล้วหยิบออกมา ทุกคนต่างลุ้นเป็นตาเดียวว่าใครเป็นคนส่งมา แต่เจ้าตัวยังไม่ยอมเปิดพร้อมกับเงยหน้าขึ้นมองฮุ่ยลี่ “บางทีอาจจะไม่ใช่ของฉันก็ได้” เธอพูดด้วยน้ำเสียงแผ่ว ๆ เพราะ ทั้งชีวิตของเธอไม่เคยได้รับดอกไม้จากใคร “ถ้าไม่ใช่ของเธอแล้วจะมาวางอยู่บนโต๊ะทำงานได้ยังไง” ฮุ่ยลี่ กล่าวด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น เหม่ยอี้จึงตัดสินใจที่จะเปิดการ์ดออกอ่านทันที เธอถึงกับขมวดคิ้วทันทีเมื่ออ่านข้อความข
Chapter 12เฟยหลงรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นบ้าที่ทำอะไรแบบนี้ เขาขับรถตามเธอจนกระทั่งเหม่ยอี้ลงจากรถเมล์ป้ายสุดท้ายที่เธอมาถึง ชายหนุ่มขับรถแนบไปข้างทางไล่ตามหลังของเธอ ตั้งใจให้เหมือนกับว่าบังเอิญผ่านมาเจอพอดี เขากดแตรไล่หลังเธอพร้อมกับขับรถมาจอดอยู่ที่ข้าง ๆ หญิงสาว พร้อมกับเปิดกระจกลงเหม่ยอี้ตกใจเล็กน้อยเมื่ออยู่ ๆ มีคนบีบแตรไล่หลัง เธอหันไปมองรถพร้อมกับขมวดคิ้วอย่างสงสัย รถคันนี้เธอจำได้ว่าเป็นรถของใคร บอส ! ตกใจและแปลกใจว่าเจ้านายนั้นมาทำอะไร“บอส !” เหม่ยอี้อุทานออกมา“ขึ้นรถมาสิ”เขากล่าวสั้น ๆ โดยที่ไม่สนท่าทางตกใจของอีกฝ่ายเลยแม้แต่น้อย เหม่ยอี้งุนงงกับคำพูดของบอสใหญ่ เธอหันไปมองข้างหลังไม่มีรถจึงโน้มตัวลงมาหาเขาเพื่อถามอีกครั้ง “บอสมาทำอะไรที่นี่คะ ?”“ทางผ่านน่ะ ฉันมาทำธุระ” เขาโกหกเหม่ยอี้พยักหน้าตอบพร้อมกับยิ้มให้ เธอยังไม่ยอมขึ้นรถเพราะรู้สึกไม่เหมาะสม “เอ่อ...ไม่เป็นไรค่ะ”เฟยหลงหรี่ตามองหญิงสาวที่ปฏิเสธเขา“ขึ้นมาสิ” เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่ง คนฟังดู
Chapter 13ระหว่างทางเดินเหม่ยอี้ถูกเรียกตัวทำให้เธอต้องหันไปมอง ซูเจินเลขาของบอสใหญ่ ฮุ่ยลี่ถึงกับกลืนน้ำลายลงคอ เมื่อเห็นว่าเพื่อนร่วมงานถูกบอสเรียกตัวไปพบสีหน้าของเหม่ยอี้ก็ไม่ต่างกันซีดจนแทบตัวขาวเดินไม่ออกไปทีเดียว เธอก้มหน้าลงเดินตามซูเจินไปเงียบ ๆ โดยไม่ปริปากพูดหรือถามสักคำ เดาว่าต้องโดนติเรื่องงานแน่นอน หรือว่าเมื่อเช้าเธอส่งเอกสารช้าทำให้การประชุมล่าช้าไปหมด โธ่ ! เหม่ยอี้ เธอไม่น่าตื่นสายเลยเดินจนมาถึงหน้าประตูห้อง...หญิงสาวหันไปมองซูเจินพร้อมกับส่งสายตาเชิงถาม เลขาส่วนตัวของบอสยิ้มออกมาและพยักหน้าส่งสัญญาณให้เธอเปิดประตูเพื่อเดินเข้าไป หญิงสาวสูดหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อปลอบตัวเอง อาจจะไม่ได้ร้ายแรงแบบที่เธอคิดเหม่ยอี้เอื้อมมือผลักประตูเข้าไปพร้อมกับส่งสายตามองเจ้านายที่ก้มหน้าอ่านเอกสารสารอยู่ ตอนนี้ขาของเธอสั่นจนก้าวไม่ออกหญิงสาวใจสู้เดินเข้ามาจนถึงกลางห้อง พอดีกับที่เขาเงยหน้าขึ้นมอง เฟยหลงยังคงนิ่งเงียบไม่พูดอะไร เขาลุกขึ้นจากโต๊ะทำงานเดินเข้ามาหาเธอ เหม่ยอี้รู้ตัวเองแล้วว่าเธอต้องโดนติจึงก้มหน้าพูดโดยทันที“บอสคะ ? จริง ๆ แล้
Chapter 14“เดี๋ยวนะ !” เหม่ยอี้แทรกขึ้นพร้อมกับชี้ไปยังของตรงหน้า“...ทั้งหมดนี่ของฉัน ?”“ก็ใช่น่ะสิ ! ของฉันซะที่ไหนกัน ลู่เพ่ยไม่เคยซื้ออะไรให้เยอะมากมายขนาดนี้หรอก อีกอย่างเสียดายเงินจะตายไป...” หนิงเหอบอกเมื่อได้ยินเหม่ยอี้ถึงกับอยากจะล้มเป็นลมทันที ช่วยบอกเธออีกครั้ง กุหลาบมากมายขนาดนี้มีผู้ชายส่งให้เธอ !“ไม่ใช่หรอกมั้ง...” เหม่ยอี้ส่ายหน้ารัว จะมีผู้ชายคนไหนซื้อให้เธอ บ้าไปกันใหญ่แล้ว “ส่งผิดหรือเปล่า ?”“ไม่ผิดแน่ !” หนิงเหอพูดพร้อมกับส่งจดหมายหนึ่งฉบับให้เพื่อนสาวซึ่งหน้าซองก็จ่าถึงเหม่ยอี้อยู่แล้ว เธอไม่รอช้าที่จะเปิดอ่านทันทีถึง ฟางเหม่ยอี้กุหลาบ 999 ดอกสำหรับเธอ แทนความรักภายในใจที่ฉันมี ถ้าอยากรู้ว่าฉันเป็นใคร วันเสาร์ตอนสามทุ่มครึ่งมาหาฉันที่....แล้วเธอจะรู้หวังว่าเธอจะรับหัวใจของฉันจาก...คนที่แอบมองกุหลาบ 999 ดอก ! ให้ตายสิ แล้วเธอจะเอาไปเก็บไว้ไหนกันเหม่ยอี้เงยหน้ามองหนิงเหอด้วยความหนักใจ“หนิงเหอ...คือว่า...”
หานมี่อาสาขับรถของเขามาส่งชายหนุ่มที่คอนโด ดูแล้วเห็นท่าเขาคงขับกลับมาเองไม่ไหวแน่ๆ สภาพของเขาในตอนนี้หน้าซีดแทบไม่มีเลือด เพราะอาเจียนไปหลายรอบหญิงสาวพยุงจิ้นฝูไปส่งถึงห้อง ซึ่งทำให้ชายหนุ่มทั้งรู้สึกผิดและเกรงใจที่ต้องรบกวนเธอ เขาตั้งใจว่าวันนี้จะทำให้เธอมีความสุข แต่แล้วเขาเองกลับเป็นฝ่ายที่ต้องมาป่วยเอาซะได้หานมี่พาจิ้นฝูมานั่งลงที่เตียง“ขอบคุณนะ” จิ้นฝูเอ่ยขึ้น “จริงแล้ววันนี้เราสองคนควรจะ...”“พี่พักเถอะ” หานมี่ตอบ“ขอโทษนะ” ชายหนุ่มกล่าวด้วยน้ำเสียงรู้สึกผิด “จริง ๆ แล้วฉันควรเป็นคนดูแลเธอมากกว่า”“ช่างเถอะ ฉันไม่ได้ใส่ใจเรื่องนี้แล้ว พี่พักเถอะ” หญิงสาวบอกเขาก่อนที่จะเดินถอยออก ทว่าจิ้นฝูกลับเอื้อมมือไปคว้าข้อมือเธอไว้“เธอจะเดทกับฉันอีกมั้ย ? ฉันหมายถึงวันอื่นน่ะ”“ไม่รู้สิ” หญิงสาวตอบโดยที่ไม่สบตามองเขา แค่นี้เธอก็รู้สึกผิดแค่นี้เธอก็เกลียดหัวใจตัวเองมากพอแล้ว “พี่ต้องการเดทกับฉันอีกเหรอ ? อยู่กับฉันพี่มีความสุขอย่างงั้นเหรอ?&rdqu
Desire of love เพียงรักที่ปรารถนาChapter 38กว่าจะได้รับคำตอบจากปากหานมี่ว่ายอมไปเดทกับเขาจริง ๆ วันนั้นก็ผ่านมาร่วมสองเดือนเลยทีเดียว แต่จิ้นฝูก็ไม่ได้ทิ้งความพยายามที่ตนเองตั้งใจเลยสักนิด เขาไปหาเธอทุกเย็นหลังจากเคลียร์งานที่บริษัทเสร็จเรียบร้อยแล้ว เขาพยายามทำทุกทางทั้งที่หญิงสาวเองก็เหมือนจงใจไม่ตอบรับการเดทของเขาว่าไปวันไหนสุดท้ายแล้ว...วันนี้ก็มาถึงเขารอมาตลอดสองเดือน แต่มันก็คุ้มค่ากับการรอทีแรกเขาไม่รู้ว่าควรจะเดทยังไงดี ก็นานแล้วที่ไม่ได้ออกเดทกับผู้หญิงที่ชอบ ส่วนมากแค่เจอตามคลับแล้วคุยกันเฉย ๆ หรือไม่ก็ชวนมาจัดปาร์ตี้ที่คอนโด แต่เดทนี้ทำให้เขารู้สึกตื่นเต้นเหมือนครั้งแรกในชีวิตสวนสนุก...เขาตัดสินใจพาเธอมาเดทที่นี่จริงๆ แล้วเขาตั้งใจย้อนความหลังเหมือนหลายปีก่อนด้วย เขาเคยพาเธอมาเดทที่สวนสนุก ตอนนั้นทั้งเขาและเธอมีความสุขมากที่สุด“ทำไมพี่ถึงพาฉันมาที่นี่” หานมี่เอ่ยถามขึ้น“ไม่รู้สิ แต่ฉันคิดว่ามาย้อนความหลังหน่อยกันดีมั้ย ?” จิ้นฝูยิ้มก่อนที่จะลากหญิงสาวเข้าไปข้างในทันทีอ้วก !หลังจากลงเ
Desire of love เพียงรักที่ปรารถนาChapter 37ตกเย็น...เฟยหลงมาหาเหม่ยอี้ที่ห้อง เขามองหนิงเหอที่ทำสัญญาณว่าเธอยังอยู่ในห้องนอนเช่นเดิม“เข้าไปเถอะ แต่...ห้ามทำอะไรเหม่ยอี้นะ !”หนิงเหอพูดขึ้นเป็นนัย เพราะถ้าง้อกับแบบนี้มีประกบปากจูบแน่ ๆ ตามฉบับในนิยายเลย !“อืม” เฟยหลงแค่ขานรับ แต่เขาก็ไม่ได้บอกว่ารับปากเสียหน่อย ชายหนุ่มเดินตรงไปแล้วเคาะประตูก่อนที่จะเปิดเข้าไป เขามองหญิงสาวที่นั่งหันหลังอยู่บนเตียง หันหน้ามองออกไปนอกหน้าต่าง“หนิงเหอไม่ต้องมาชวนฉันออกนอกห้องเลยนะ ฉันไม่อยากไป” หญิงสาวพูดขึ้นโดยที่ไม่หันไปมอง“ฉันอยากอยู่คนเดียว ไม่อยากคุยกับใคร”“รวมถึงฉันด้วยใช่มั้ย ?” น้ำเสียงเข้มเอ่ยถามขึ้น ทำให้คนฟังชะงักลงแล้วรีบลุกขึ้นหันมามองทันที“เฟยหลง !”เหม่ยอี้มองเขาแล้วอยากจะแทรกแผ่นดินหนีลงไปเลย เธอในตอนนี้ดูไม่ต่างจากซอมบี้เท่าไหร่เลย เขามาเห็นเธอในสภาพแบบนี้ ! หนิงเหอเพื่อนบ้า ให้เฟยหลงเข้ามาได้ยังไงกัน !“ไม่คิดจะออกไปไหนเลยหรือไง” เขาเ
Desire of love เพียงรักที่ปรารถนาChapter 36ตกเย็นของวัน เฟยหลงมาหาเหม่ยอี้ที่ห้องเพื่อรับออกไปทานมื้อเย็น แต่หนิงเหอบอกว่าเธอไม่สบาย เขาจึงบอกว่าจะเข้าไปเยี่ยมเธอ หญิงสาวไม่ยอมให้ชายหนุ่มเข้ามาพร้อมทั้งบอกว่าเหม่ยอี้ต้องการเวลาพักผ่อน คงเป็นครั้งแรกที่หนิงเหอเห็นเพื่อนตัวเองเศร้าแบบนี้ ทว่าเฟยหลงก็ยังยืนยันคำเดิมว่าจะเข้าไปพบเหม่ยอี้ให้ได้สุดท้ายแล้วหนิงเหอก็ยอมให้เข้ามานั่งรอในห้องเพียงแต่ยังไม่ให้เข้าไปหาเหม่ยอี้ เฟยหลงเห็นท่าทางของหนิงเหอดูแปลก เขาจึงเป็นฝ่ายเอ่ยถามขึ้นในขณะที่เธอนำน้ำมาเสิร์ฟให้เขา“เหม่ยอี้เป็นยังไงบ้าง” ถามด้วยน้ำเสียงที่เป็นห่วง“ก็...” หนิงเหอไม่อยากจะพูดออกมา เพราะคิดว่าถ้าเฟยหลงชอบซูลี่ด้วย แล้วนั่นไม่เป็นผลดีกับเหม่ยอี้เลยสักนิด“แค่ไม่สบาย...”ใจเท่านั้นเฟยหลงหรี่ตามอง “มีเรื่องอะไรหรือเปล่า”“ไม่มีค่ะ !” หนิงเหอยิ้มเจื่อนๆ แต่อีกใจหนิงเหอก็อยากจะถามเขาอยู่เหมือนกันว่าซูลี่เป็นอะไรกับเขาหรือไม่?คิดแล้วก็อดสงสารเหม่ยอี้ไม่ได้&l
Desire of love เพียงรักที่ปรารถนาChapter 35“คือ เรื่องความรักระหว่างเธอกับลู่เพ่ย” เหม่ยอี้ถามด้วยน้ำเสียงแผ่ว “ฉันถามได้ใช่มั้ย กลัวว่าเธอจะ...”สีหน้าของหนิงเหอดูเศร้าลง แต่เธอก็ยังยิ้มสู้แล้วพูดขึ้น “ถามได้สิ!! ฉันไม่สนใจหมอนั่นตั้งนานแล้ว !”เหม่ยอี้พยักหน้าและรอฟังคำตอบจากปากของเพื่อนสาวอย่างใจจดใจจ่อ เพราะเธอเองก็เพิ่งจะย้ายเข้ามาหลังจากที่หนิงเหอคบกับลู่เพ่ยแล้ว เพื่อนสาวเล่าให้ฟังคราว ๆ โดยไม่บอกอะไรมากมาย แต่วันนี้เธอก็อยากรู้เพื่อจะได้ศึกษาเอาไว้ก่อน“ตอนแรกฉันก็แชทไปเรื่อย ๆ จนสนิทกัน ลู่เพ่ยเลยอยากเจอฉัน เราสองคนก็เลยนัดสถานที่กันเพื่อเจอ ตอนนั้นฉันก็รู้สึกตื่นเต้นนะ แต่ก็รู้สึกระแวงที่ต้องเจอคนแปลกหน้าด้วย ถึงจะคุยกันสนิทผ่านแชทแต่ฉันก็ยังกลัว...ตอนนั้นฉันจำได้ว่าครั้งแรกที่เจอเขาทำตัวสบาย ๆ และที่สำคัญฉันอยู่ใกล้เขาแล้วรู้สึกอบอุ่นมีความสุขมากเลยละ ฉันเลยคิดว่าเขาใช่สำหรับฉัน... ลู่เพ่ยดูแลฉันดีทุกอย่างนะ เพียงแต่เขาออกจะเจ้าชู้ไปหน่อย ตอนแรกฉันก็ไม่ได้สังเกตหรอก แต่พอคบกันไปนานฉันก็รู้สึกแบบนั้น มันเ
Desire of love เพียงรักที่ปรารถนาChapter 34เช้ารุ่งขึ้น เหม่ยอี้ตื่นตั้งแต่นาฬิกาที่เธอตั้งเอาไว้ยังไม่ปลุกด้วยซ้ำ เธอลุกขึ้นอาบน้ำแต่งตัวทำผมเตรียมตัวไปสัมภาษณ์ ความตื่นเต้นจนมือไม้แทบสั่นทำอะไรไม่ถูกกลับมาอีกครั้งหนึ่ง เธอไม่รู้ว่าบริษัทจะรับเธอหรือไม่ ก็แน่ละเป็นบริษัทที่มีชื่อเสียงขนาดนี้เธอใช้เวลาเดินทางเกือบชั่วโมง ซึ่งโชคดีที่เธอตื่นมาก่อนไม่อย่างงั้นเธอจะมาไม่ทันเวลาสัมภาษณ์ เมื่อมาถึงหน้าบริษัทหญิงสาวสังเกตเห็นคนมากมายต่างเดินเข้าไปในตึกสูงตรงหน้าของเธอ และที่สำคัญ เธอไม่ได้มาสัมภาษณ์เพียงคนเดียว แต่วันนี้เป็นวันนัดสัมภาษณ์ ซึ่งมีอีกหลายคนก็มาด้วย แล้วคราวนี้เธอจะติดมั้ยล่ะเนี่ยความเงียบแทรกซึมเข้ามาแต่เหม่ยอี้ก็ต้องกัดฟันสู้จนกระทั่งสัมภาษณ์เสร็จ ซึ่งกว่าจะรอถึงเวลานั้นบางทีความรู้สึกของเธอคงจะแย่กว่าเดิม หญิงสาวเดินมาที่หน้าห้องสัมภาษณ์ เธอยืนรออย่างเงียบๆ จนกระทั่งถึงเวลาเรียกตัวซึ่งเหลืออยู่กลุ่มสุดท้ายเข้าพร้อมกันเหม่ยอี้รู้สึกว่าช่วงเวลาที่สัมภาษณ์นั้นรวดเร็วเกินไป ทั้งๆ ที่จริงแล้ว ใช้เวลาเกือบครึ่งชั่วโมงด้วยซ้ำไป อ่า...เธอโล่งใจแล้วในต
Desire of love เพียงรักที่ปรารถนาChapter 33กำลังจะทาน...แล้วคุณล่ะคะ ?ตอบกลับไปพร้อมกับวางโทรศัพท์ลงตรงหน้า รอข้อความตอบกลับมาอย่างใจจดใจจ่อด้วยความตื่นเต้น ไม่ถึงสองนาทีมีข้อความส่งเข้ามา เหม่ยอี้รีบเปิดอ่านทันทีกินเยอะ ๆ ละ ฉันต้องไปทำงานก่อนแล้ว ตอนเย็นเจอกันหญิงสาวอ่านแต่ไม่ได้ตอบกลับอะไรทั้งสิ้น เธอเพียงแค่อมยิ้มออกมาอย่างมีความสุขเท่านั้นความรักตอนนี้เธอเข้าใจแล้วว่ามีความสุขขนาดไหน มีความสุขแบบที่คนอื่นไม่สามารถเข้าใจได้โฆษณาและนางแบบที่ถ่ายชุดประจำต้นปีออกมาสู่ตลาดสร้างความไม่พอใจให้กับซูลี่เป็นอย่างมาก เธอถูกเรียกตัวไปทำงานนี้แต่กลับถูกยกเลิกจากทางบริษัท หนำซ้ำยังเป็นคำสั่งของเฟยหลงอีกด้วย เท่านั้นไม่พอเมื่อจะเข้าไปคุยกับเขาให้รู้เรื่อง เฟยหลงก็ปฏิเสธที่จะพบเธอ บ้าที่สุด นอกจากเขาไม่สนใจเธอแล้วยังเย็นชาใส่ด้วยซูลี่ไม่คิดจะสนใจกับคำเมินของเขาอีกต่อไป เธอได้ส่งนักสืบตามรอยเขาวันนี้ทั้งวันจนรู้ว่าเขามาทานอาหารมื้อเย็นที่ร้านหรูแห่งหนึ่งซึ่งห่างจากบริษัทมากพอสมควร เธอไม่สนและไม่รอช้าที่อยากจะเดินเข้าไปและคุยกับเข
Desire of love เพียงรักที่ปรารถนาChapter 32หลังจากที่เฟยหลงกลับไปได้ไม่นาน หนิงเหอก็กลับมาถึงห้องสีหน้าดูไม่สดใสเท่าที่ควรมากนัก อาหารมื้อเย็นบนโต๊ะถูกแบ่งเก็บไว้ให้รูมเมตสาวที่เพิ่งกลับมา เหม่ยอี้เดินเข้ามาหาพร้อมกับเอ่ยถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง“เธอดูไม่โอเคเลย เป็นอะไรมั้ย ?”“ก็สบายดี เพียงแต่วันนี้ที่ร้านต้องเช็กสต็อกหนังสือน่ะ เลยเหนื่อยทั้งวันเลย” หนิงเหอตอบพร้อมกับเดินมานั่งที่โซฟา เสียงถอนหายใจของเธอดังขึ้นบ่งบอกถึงความอ่อนล้าในวันนี้“แล้ววันนี้ทำงานเป็นไง ได้เป็นพนักงานประจำหรือยัง”ทันทีที่ได้ยินสีหน้าของเหม่ยอี้ก็ดูเปลี่ยนไปจากเดิม หญิงสาวทิ้งตัวนั่งลงที่โซฟาข้างด้วยท่าทางหงุดหงิด พร้อมกับตะโกนขึ้นมาอย่างเสียงดังจนหนิงเหอแทบหลบไม่ทัน“ได้งานที่ไหนกันล่ะ !” น้ำเสียงบอกถึงความไม่พอใจ “เพราะเขาคนเดียวเลย ฉันเลยกลายเป็นคนว่างงานอีกแล้ว”หนิงเหอขมวดคิ้วมองเพื่อนสาวอย่างไม่เข้าใจ“เธอหมายความว่ายังไง”หญิงสาวถอนหายใจออกมา “ก็จะอะไรได้ซะล่ะ บอสไม่ให้ฉ
Desire of love เพียงรักที่ปรารถนาChapter 31หานมี่ส่ายหน้า “ฉันลืม...”นิ้วชี้ของชายหนุ่มยกขึ้นทาบปากเธอเบา ๆ เขาส่ายหน้าพร้อมกับมองเธอ “อย่าลืม...เพราะที่ผ่านมาฉันไม่เคยลืมเธอเลย ฉันไม่ควรปล่อยไว้นานแบบนี้ เรากลับมาเริ่มต้นกันใหม่ได้มั้ย ? ฉันรู้ว่ามันคงยากสำหรับเธอ”ใช่แล้ว...ยากมากจริง ๆ“ฉันทำไม่ได้” เธอพูด “ทุกอย่างผ่านไปแล้ว พี่อย่าพยายามรื้อให้กลับมาเหมือนเดิมอีกเลย” หญิงสาวเดินถอยหลังออกห่างจากเขา“ต้องให้ฉันทำยังไง”“พี่ไม่ต้องทำอะไร แค่อย่ายุ่งกับฉันอีก”จิ้นฝูมองหานมี่ที่หันหลังเดินจากไปอย่างเงียบๆ หัวใจของเขาตอนนี้ไม่ต่างกับถูกขยี้แหลกด้วยมือของเธอ ทว่า...คนที่เสียใจที่สุดก็คือหานมี่ เธอยังรักเขา และจะทำใจได้อย่างงั้นเหรอ? ถ้าหากเขาจากเธอไปจริงๆ‘จริง ๆ พี่ก็แค่รู้สึกผิด...ความรู้สึกนี้ฉันไม่ต้องการจากพี่เลยสักนิด’จิ้นฝูกลับมาที่คอนโดของตนเองเพียงลำพังหลังจากที่คุยกับหานมี่เสร็จ เขาพบกับความโดดเดี่ยวอีกครั้งหนึ่ง หัวใจที่ว่างเปล่าและเปลี