Chapter 6
“เข้ามาสิ” เขาเป็นฝ่ายที่พูดขึ้นเมื่อเห็นพนักงานสาวไม่กล้าเดินเข้ามา เมื่อได้ยินเหม่ยอี้จึงรีบก้าวเข้ามาในลิฟต์ เธอยืนห่างจากประธานหนุ่มในระยะที่พอสมควร ช่างเงียบเละอึดอัดดีจังเลย นี่เป็นครั้งแรกที่หญิงสาวรู้สึกกดดันตัวเอง คงเป็นเพราะบอสเงียบขรึมมากเกินไปเเบบที่ฮุ่ยลี่พูดให้ฟัง จริง ๆ นั่นแหละ จนกระทั่งประตูลิฟต์เปิด ชายหนุ่มก้าวออกไปโดยที่เธอก้าวตามพร้อมกับถอนหายใจออกมา แต่เหม่ยอี้ไม่ใช่คนคิดมากกังวลเรื่องไร้สาระที่เล็ก ๆ น้อย ๆ หญิงสาวยิ้มจนแก้มทั้งสองข้างป่องขึ้นเมื่อนึกถึงอาหารมื้อเย็น เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เหม่ยอี้หยุดเดินแล้วกดรับ “ฮัลโหล” [เหม่ยอี้! เธอจะไม่มาจริงๆ เหรอ คนขาดนะ!] นั่นเป็นคำชวนของฮุ่ยลี่ที่ชวนเธอไปทานอาหารมื้อเย็นกับหนุ่ม ๆ ที่นัดบอดด้วยกัน “ไม่ ๆ” ปฏิเสธเช่นเดิม [อ่า...งั้นโอเค เจอกันวันจันทร์นะ] “อืม” เหม่ยอี้กดวางสายลงก่อนที่จะเดินไปตามถนนเรื่อย ๆ อย่างไร้จุดหมาย แต่ก็เดินได้ไม่นานนักหนิงเหอโทร. เข้ามาหาพร้อมกับบอกให้เธอกินมื้อเย็นมาเลยเพราะวันนี้จะกลับดึก แน่นอนว่าเป็นที่เปลี่ยวเหงาหัวใจเมื่อต้องรับประทานอาหารมื้อเย็นคนเดียวอีกเช่นเคย ใครว่าเธอไม่เหงา จริง ๆ แล้วเหงาจะตาย แต่แค่รอเจ้าชายขี่ม้าขาวมาบอกรักเธอ... ร้านอาหารริมทางไม่ห่างจากอพาร์ทเม้นท์ของเธอมากนัก แต่ไม่ใช่ร้านประจำที่เธอกินบ่อย ๆ เหม่ยอี้เดินเข้าไปนั่งพร้อมกับสั่งอาหารก่อนที่จะทานด้วยอารมณ์เหงา ๆ เพียงลำพัง ถึงวันหยุดแล้ว ! ! เหม่ยอี้นอนตื่นสายในรอบหลายวันที่ผ่านมาอีกครั้งหนึ่ง สิบโมงเช้าแล้วกว่าที่เธอจะลุกขึ้นมาอาบน้ำล้างหน้าและเปลี่ยนเสื้อผ้า ก่อนจะออกมาทานอาหารในขณะที่หนิงเหอนั่งดูทีวีแก้เซ็ง “หนิงเหอ ขนมในตู้เย็นหมดแล้วเหรอ ?” สิ่งแรกที่ถามคือของกิน ! ! รูมเมตสาวหันมามองแล้วพูดขึ้นทันทีว่า “เธอก็ทำงาน ฉันก็ทำงาน เลยไม่ว่างได้เข้าซุปเปอร์มาร์เก็ตกัน” หญิงสาวพยักหน้าพร้อมเอ่ยปากชวนขึ้นทันที “งั้นวันนี้ไปซื้อของข้างนอกกันนะ” “ไม่ได้หรอก” หนิงเหอพูดขึ้นก่อนที่จะลุกเดินมาหา “วันนี้ฉันมีนัดตอนบ่ายกันลู่เพ่ยน่ะ” ลู่เพ่ยเป็นแฟนหนุ่มของหนิงเหอที่คบกันมาเกือบสองปี รู้จักกันผ่านทางแชทของเว็บหนึ่ง ซึ่งทั้งสองคนก็เข้ากันได้ดีและไปด้วยกันได้จนน่าอิจฉา หญิงสาวมองอย่างน้อยใจแต่ก็ยิ้มสู้ “อ่า...ไม่เป็นไร ๆ” เหม่ยอี้ยกมือขึ้นโบกพร้อมกับยิ้มให้หนิงเหอ “งั้นฉันไปเปลี่ยนชุดก่อนนะ อ๊ะ ! แล้ววันนี้เธอจะกลับมากินข้าวเย็นมั้ย ?” เมื่อเห็นหนิงเหอส่ายหน้า เธอจึงใจแป้วไปอีกแต่ก็ยิ้มตอบกลับเช่นเดิม “งั้นขอให้เที่ยวให้สนุกนะ” เมื่อพูดจบก็เดินเข้าไปในห้องด้วยสีหน้าสุดเซ็ง ใจของเหม่ยอี้ร้องตะโกนออกมาดังๆ ว่า เซ็งที่สุด ! ! เหม่ยอี้เลือกที่จะมาเดินเล่นที่สวนสาธารณะเพียงลำพังโดยที่ยังไม่ไปซื้อของใช้ สวนขนาดกว้างที่ไม่ค่อยมีคนและที่สำคัญตรงนี้เหมาะแก่การนั่งพักมากที่สุด “เบื่อ ๆ เบื่อที่สุด !” เหม่ยอี้ร้องตะโกนขึ้นด้วยน้ำเสียงที่หงุดหงิด แต่ดูเหมือนว่าจะลืมไปเสียแล้วที่นี่สวนสาธารณะไม่ใช่ห้องนอน เมื่อนึกขึ้นได้ก็รีบยกมือขึ้นปิดปากและหันไปมองรอบ ๆ ตัวเธอแล้วถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก โชคดีที่ไม่มีใครได้ยินเข้า แต่..ก็ไม่ใช่เธอคนเดียว “อ้าว ! เหม่ยอี้” เสียงของจิ้นฝูเดินเข้ามาทักทาย หญิงสาวรีบหันไปมองทางต้นเสียงและยิ้มรับ พร้อมส่งสายตามองชายหนุ่มที่อยู่ในชุดสบาย ๆ แต่เธอนึกกังวลเรื่องที่เขาจะได้ยินเธอตะโกน ก่อนที่จะเหลือบมองไปยังบอสใหญ่ที่เดินออกมาจากหลังต้นไม้ด้วยใบหน้านิ่ง ๆ “พี่มาอยู่นี่เอง” หนุ่มเจ้าสำราญเอ่ยถามเฟยหลง “แค่นั่งพัก” เขาตอบ เอ๋ ! เดี๋ยวนะ งั้นก็แสดงว่าเขาได้ยินเธอตะโกนน่ะสิ ! เหม่ยอี้ ! เธอรู้มั้ยว่าจะขายหน้ามากแค่ไหน หญิงสาวก้มหน้าลงไม่สบตามองชายหนุ่มทั้งสอง “มาทำอะไรล่ะ” จิ้นฝูเป็นฝ่ายเอ่ยถามขึ้น “มานั่งเล่นเฉย ๆ ค่ะ” เหม่ยอี้ยิ้มตอบพลางเหลือบมองบอสใหญ่ที่ยิ้มมุมปากเหมือนหัวเราะเยาะ โธ่ ! เหม่ยอี้ เธอลืมตัวไปอีกแล้ว ช่างน่าอายเสียจริง ! “แล้วคุณ...” “สาว ๆ ขอมาพบเฟยหลงสารภาพรักน่ะ แต่ดูท่าล้มเหลว ผมเลยทำหน้าที่ปลอบใจและส่งเธอกลับ” จิ้นฝูพูดด้วยน้ำเสียงติดตลก เพราะว่าหญิงสาวคนนี้ขอร้องให้เขาช่วยจึงต้องรับปากมา แต่จะใช่ผู้หญิงที่ไหนไกล ก็เป็นลูกสาวของลูกค้ารายหนึ่งที่ร่วมธุรกิจด้วย ทว่าเฟยหลงไม่สนใจใครเลยไม่จำเป็นต้องใส่ใจความรู้สึกของอีกฝ่ายมากนัก แค่บอกปฏิเสธไปเท่านั้น...แล้วก็อกหักไปอีกราย เหม่ยอี้พยักหน้าเข้าใจพร้อมกับชำเลืองมองบอสแล้วยิ้มเจื่อน ๆ ให้ “จริงสิ จะบ่ายแล้วไปหาอะไรกินกันดีมั้ย ?” จิ้นฝูกล่าวขึ้นก่อนที่จะยิ้มให้เหม่ยอี้ “ไปด้วยกันนะ” เหม่ยอี้รีบพยักหน้าอย่างไม่ปฏิเสธเลยสักนิด เจ้าชายชวนเธอทานอาหารมื้อกลางวัน ! ! “แถวนี้มีร้านอร่อย ๆ เยอะไปกันเถอะ” จิ้นฝูชวนก่อนที่จะเดินนำไปแต่สมองน้อย ๆ ของหญิงสาวเพิ่งคิดได้ว่าบอสใหญ่ก็ไปทานด้วย ครั้นจะล้มเลิกความคิดแต่คงไม่ทันเสียแล้ว ไม่เป็นไรเหม่ยอี้ เธอได้ทานอาหารกับเจ้าชายเลยนะ ! ! สุดท้ายแล้วอาหารมื้อนี้เธอก็ไม่ได้ทานร่วมกับจิ้นฝู เพราะอยู่ ๆ กำลังจะสั่งอาหารแต่มีโทรศัพท์จากสาว ๆ เข้ามาเสียก่อน ส่วนเจ้าตัวเองก็ลืมไปสนิทว่านัดกับสาวเอาไว้ ตอนนี้จึงเหลือเพียงแค่เธอและบอสใหญ่เท่านั้น ใจของเหม่ยอี้อยากจะให้มีโทรศัพท์ดังขึ้นเหมือนว่าตัวเองมีธุระด่วน จริง ๆ เธอไม่ได้รังเกียจเจ้านายนะ เพียงแต่ว่าบางทีก็รู้สึกอายและเกรงใจ เขาเป็นถึงประธานบริษัท แต่กับเธอพนักงานชั้นเล็ก ๆ ที่ยังอยู่ในช่วงทดลองงานอยู่ เหม่ยอี้เงยหน้าขึ้นมองเขาพร้อมกับฉีกยิ้มให้ ก่อนจะหลบสายตาไปทางอื่น มันคงยากสำหรับเธอแล้วในตอนนี้ที่จะทำให้อาหารมื้อนี้เป็นมื้อที่แสนอร่อย เมื่ออาหารที่สั่งถูกเสิร์ฟลงบนโต๊ะ เหม่ยอี้ก็ได้เพียงแค่ก้มหน้าทาน ไม่คิดจะเงยหน้าขึ้นมองเฟยหลงเลยแม้แต่นิดเดียว อาหารตรงหน้าแสนจะอร่อย...ถ้าเธออยู่คนเดียวแล้วละก็เธอคงจะกินแบบมีความสุข นั่งทานอยู่แบบนี้กับเขาก็เกรงจนกลืนไม่ลงเลย เฟยหลงทานอาหารตรงหน้าด้วยท่าทางนิ่ง ๆ เขาพร้อมกับปรายตาชำเลืองมองหญิงสาวตรงหน้าที่ไม่คิดจะสนใจสิ่งอื่น เธอสนใจเพียงแค่การกินอาหารตรงหน้าที่แสนอร่อย เหม่ยอี้ใช้เวลาทานอาหารมื้อนี้นานที่สุดร่วมเกือบสี่สิบนาที ทั้งที่พยายามแล้วแต่ความกดดันลึก ๆ ก็ยังคงอยู่ เป็นมื้อที่เธอกินไม่อิ่มเลย ! ! มื้อนี้บอสใหญ่เลี้ยงแต่เหม่ยอี้รีบปฏิเสธทันทีเพราะความเกรงใจจนเขาต้องหรี่ตามองประมาณว่า เขาเลี้ยงเอง...เธอจึงได้แค่ก้มหัวและยิ้ม ออกมา หญิงสาวกล่าวขอบคุณชายหนุ่มที่เลี้ยงอาหารมื้อนี้ ก่อนจะขอแยกตัวออกมาเมื่อนึกขึ้นได้ว่าเธอต้องไปซื้อของ แต่ก่อนจะไปซื้อของขอหา ร้านอร่อย ๆ กินเพิ่มอีกสักหน่อยเถอะ ! ! เหม่ยอี้เดินหาร้านอาหารไม่ไกลจากร้านเดิมมากนัก เธอเดินเข้าไปพร้อมกับสั่งทันที ในขณะที่เฟยหลงต้องเดินกลับไปยังรถที่จอดไว้แต่เขากลับมองสะดุดอะไรบางอย่างในร้านอาหาร ชายหนุ่มถึงกับต้องขมวดคิ้วมองเหม่ยอี้ด้วยความแปลกใจ เธอกินไม่อิ่ม ? แต่เมื่อได้เห็นรอยยิ้มที่มีความสุขเวลาเธอกินคนเดียวกับนั่งทานกับเขาแตกต่างกันอย่างชัดเจน เฟยหลงกำลังมองท่าทางของหญิงสาวจนลืมตัวว่าเขามองเธอนานไปเท่าไหร่แล้ว จนกระทั่งโทรศัพท์ที่กระเป๋ากางเกงดังขึ้น เขาจึงสะดุ้งจากภวังค์ก่อนเอื้อมมือไปหยิบแล้วกดรับ Desire of love เพียงรักที่ปรารถนาChapter 7จนกระทั่งโทรศัพท์ที่กระเป๋ากางเกงดังขึ้น เขาจึงสะดุ้งจากภวังค์ก่อนเอื้อมมือไปหยิบแล้วกดรับ“ว่าไง” เฟยหลงเอ่ยถามปลายสาย[เป็นยังไงบ้างพี่ กินอิ่มมั้ย ?] น้ำเสียงของจิ้นฝูดูอารมณ์ดีผิดปกติ จนชายหนุ่มอดสงสัยไม่ได้“หมายความว่ายังไง”[เปล่า ผมแค่ถามเพราะคงเป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่พี่กินข้าวร่วมโต๊ะกับผู้หญิงไง]เมื่อได้ยินอีกฝ่ายตอบเฟยหลงจึงเงียบลง อาจจะใช่เพราะเป็นรอบหลายปีเลยทีเดียวที่เขาไม่เคยทานข้าวหรือออกเดทกับผู้หญิงคนไหน และเหม่ยอี้เองเขาก็ไม่ได้เป็นคนชวนด้วย“แล้วยังไง ?” ชายหนุ่มตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบๆ[เปล๊า]“มีอะไรอีกมั้ย ? ถ้าไม่มีฉันวางสายแล้วนะ”เฟยหลงถามและรอคำตอบก่อนจะวางสายลงในขณะที่เดินไปตามทางถนนจนกระทั่งถึงที่จอดรถหลังจากทานอาหารอีกชามเสร็จเหม่ยอี้จึงขึ้นรถแท็กซี่ไปที่ซุปเปอร์—มาร์เก็ตเพื่อชื้อของสดรวมถึงเครื่องใช้กลับมา เธอใช้เวลาซื้อของทั้งหมดไม่นานเกินสามชั่วโมง ก่อนที่จะถึงอาพาร์ทเม้นท์ตอนบ่ายสี่โมงนิด ๆ และเริ่มเก็บของรวมถึงเตรียมทำอาหารมื
Chapter 8“ฉันแค่มาดูความเรียบร้อยเฉย ๆ” เฟยหลงกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง “ทำไมยังไม่กลับ ?”เหม่ยอี้ยิ้มเจื่อน ๆ พร้อมกับตอบว่า “งานเพิ่งเสร็จค่ะ”เฟยหลงพยักหน้าอย่างเข้าใจ เป็นครั้งแรกด้วยซ้ำที่เขารู้สึกว่า เหม่ยอี้ดูน่าสนใจและอยากจะทำความรู้จักกับเธอ ชายหนุ่มหัวเราะให้ตัวเองในใจ ราวกับว่าความคิดของตนนั้นตลกสิ้นดี อย่างเขาเนี่ยนะจะเดินเข้าไปทักผู้หญิงก่อน ! ! แต่ก็ทักไปแล้วนี่...“กินอะไรหรือยัง ?” จู่ ๆ ปากของเขาก็ถามไปโดยสมองยังไม่ทันตรอง จนรู้ตัวอีกทีก็พูดออกไปแล้ว เหม่ยอี้ยืนอึ้งแต่ก็ยิ้มให้เจ้านายหนุ่ม“อ่า...ยังค่ะ”เหม่ยอี้ตอบสั้น ๆ และรู้สึกหวาดกลัวเขาอยู่ในใจ“ไปสิ” เขาพูดขึ้น“คะ ?” เหม่ยอี้ยังงุนงงกับคำพูดของเขาว่าหมายถึงอะไร“ผมก็หิวอยู่ว่าจะไปทานอยู่เหมือนกัน ไปด้วยกันสิ”เป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่เฟยหลงเป็นฝ่ายชวนผู้หญิงไปทานข้าวด้วย เพราะก่อนหน้านั้นมีแต่สาว ๆ เข้ามาชวนเขาและโดนปฏิเสธไปทุกราย อาจเป็นเพราะยังอยากเห็นรอยยิ้ม
Chapter 9เหม่ยอี้สนใจกับเอกสารตรงหน้าที่กำลังคีย์ข้อมูลใส่จอคอมพิวเตอร์ จนกระทั่งเกือบเที่ยงหญิงสาวจึงบิดคลายเมื่อยพร้อมทั้งบันทึกงานก่อนที่จะลุกขึ้นสั่งปริ๊นต์เอกสารแล้วเก็บใส่แฟ้มแล้วนำไปให้ฮุ่ยลี่ ก่อนจะกลับมานั่งที่เดิมมองเวลาอีกครั้งพร้อมกับเตรียมท่าได้เวลาทานอาหารมื้อเที่ยงแล้ว“ฮุ่ยลี่ ไปกินข้าวเที่ยงกัน” เหม่ยอี้เอ่ยปากชวนเพื่อนร่วมงานสาวแต่...ทว่าทุกคนกลับหยุดลงเมื่อผอ. จิ้นฝูเดินเข้ามาในแผนก“เหม่ยอี้” ชายหนุ่มเรียกหญิงสาว พร้อมกับเดินเข้ามาหา “มานี่ หน่อย ผมมีเรื่องจะคุยด้วย”สายตามองชายหนุ่มด้วยความหลงใหลพร้อมกับที่มองเหม่ยอี้ด้วยความอิจฉา หญิงสาวเดินออกมาข้างนอกห้องในระยะที่ห่างพอสมควร แม้เพื่อนร่วมงานในห้องจะต่างเดินออกมาแนบที่ประตูเอียงหูฟัง“เอ่อ...มีอะไรหรือคะ” หญิงสาวเอ่ยถามชายหนุ่มจิ้นฝูยิ้มออกมาเพราะเขาคิดว่าสิ่งที่ได้ยินจากรปภ. ไม่ผิดแน่ ๆ ดีที่สั่งให้ปิดปากเงียบ เพราะไม่อย่างงั้นแล้วเหม่ยอี้อาจจะทนต่อแรงกดดันจากพนักงานไม่ได้“จริงหรือที่เฟยหลงไปส่งคุณที่บ้าน”เ
Desire of love เพียงรักที่ปรารถนาChapter 0‘ขอโทษนะ ฉันไม่ได้ชอบเธอ’กี่ครั้งแล้ว ! ! ที่โดนปฏิเสธ บางทีอาจจะจำไม่ด้วยซ้ำไปเพราะว่าเยอะเกินที่จะนับ ทุกครั้งที่เดินเข้าไปหาผู้ชายที่แอบชอบหรือว่าหลงใหล แต่ก็ต้องเจอคำนี้ตอบกลับมาทุกที เธอ..ไม่สวยอย่างนั้นเหรอเหม่ยอี้ถอนหายใจออกมาพร้อมกับลุกขึ้นเดินมาส่องกระจกดูตัวเอง บางทีเธอก็คิดว่าควรเลิกโหยหาความรักเสียที“โอ๊ย!! ทำไมนะ!!” หญิงสาวกัดริมฝีปากล่างของตัวเองพลางส่งสายตามองในกระจกทรงยาวแล้วหมุนซ้ายขวามองตั้งแต่หัวจรดเท้าอีกครั้ง“ความรัก มันหายากนักหรือไง!”หญิงสาวบ่นพร้อมกับเดินมานั่งลงที่โซฟาอีกครั้ง สีหน้าบูดบึ้งมองไปที่โต๊ะ กองหนังสือนิตยสารเสริมความงามที่อ่านแล้วก็ไม่เข้าใจว่า ทำไมนางแบบดัง ๆ ถึงมีชายหนุ่มหลงใหลกันมากมาย เธอก็ไม่ได้ดูน่าเกลียด(ใช่มั้ย ?) แต่...ไม่เคยมีความรักสักครั้ง อาภัพแท้ที่สุด ! !ประตูห้องเปิดออก หนิงเหอรูมเมตที่เพิ่งกลับมาจากการทำงานเดินเข้ามาแล้วหันไปประตูปิด ก่อนจะเดินมานั่งลงที่โซฟาตัวข้าง ๆ พลางถอนหายใจออกมา สายตาหันไปมองเหม่ยอี้ที่ทำหน้าราวกับหมดสิ้นทุกอย่างก็ไม่ปาน“เป็นอะไรไปน่ะ” หนิงเหอเอ่ยถามขึ้นเหม
Chapter 1 ความเงียบครอบคลุมภายในห้องประชุมของตึกสูงใจกลางเมืองปักกิ่งของบริษัทหลวนเฉินกรุ๊ป ผู้ผลิตเสื้อผ้าและส่งออกจนได้รับการยอมรับเป็นแนวหน้าของวงการแฟชั่น “คุณคิดว่าควรทำยังไง ?” เสียงเข้มของประธานหนุ่มถังเฟยหลงอายุราว ๆ สามสิบปีเอ่ยถามขึ้น หลังจากที่ดูข้อมูลการตลาดเมื่อเดือนที่ผ่านมา เมื่อเสื้อผ้าแบบใหม่จากแบรนด์ deluxe (ดีลักซ์) ที่เพิ่งออกวางจำหน่ายเมื่อเดือนก่อน ปรากฏว่าความชอบของผู้ซื้อยังไม่ประสบผลสำเร็จเท่าที่ควร ทั้งยังไม่สามารถตีตลาดออกนอกประเทศได้อีกด้วย นับเป็นความล้มเหลวอย่างหนึ่งของบริษัท เงียบ...ไม่มีเสียงตอบรับจากผู้จัดการจากทุกแผนกที่ประสานกันทำงาน เว้นกระทั่งเฉินจิ้นฝูผู้อำนวยการของบริษัทและเป็น ญาติผู้น้องของเฟยหลงกล่าวขึ้น “ผมคิดว่าบางทีอาจเพราะผู้บริโภคอาจไม่ได้รับแหล่งข่าวสาร อีกอย่างเราเพิ่งวางจำหน่ายได้แค่เดือนเดียวด้วย” “นายคิดว่าอย่างนั้นเหรอ ?” เฟยหลงหรี่ตามองก่อนที่จะก้มหน้าลงแล้วเอื้อมมือปิดแฟ้มสีดำที่วางอยู่บนโต๊ะ “เอาเป็นว่า ฉันจะรอดูยอดขายเดือนนี้” จิ้นฝูยิ้มพร้อมกับกล่าวขึ้น “เอาเป็นว่าการประชุมวันนี้แค่นี้ ผมอยากให้พวกคุณทำงานอย่างเต็มที่เพื่
Chapter 2“ผู้จัดการเย่วหาพนักงานที่จะมาทำงานแทนหลิ่งฟางหรือยัง” ผอ. จิ้นฝูเอ่ยถามผู้จัดการแผนกฝ่ายบัญชีขึ้นหลังจากที่คุยงานกันเสร็จ เพราะหลิ่งฟางลาออกไป จึงต้องหาพนักงานใหม่เข้ามาเพิ่ม เพื่อไม่ให้งานของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งล่าช้าไป“ผมให้เธอเข้ามาสัมภาษณ์ในวันนี้ตอนสิบโมงเช้า” ซือเหลินตอบจิ้นฝูพยักหน้าอย่างเข้าใจ ก่อนที่จะพูดขึ้น “งั้นให้มาสัมภาษณ์งานกับผมละกัน ผมมีเรื่องที่อยากลองถามพนักงานเข้าใหม่หน่อย”“ครับ” เมื่อคุยตกลงกันเสร็จแล้วผู้จัดการเย่วจึงเดินออกจากห้องของผอ. ไป ชายหนุ่มเอนตัวลงพิงพนัก พร้อมกับหันไปมองนาฬิกาที่เป็นเวลาเก้าโมงสามสิบห้านาที อีกเพียงยี่สิบห้านาทีเขาต้องสัมภาษณ์งานพนักงานใหม่ที่จะมาแทนหลิ่งฟางด้วยจิ้นฝูก้มหน้าสนใจกับเอกสารตรงหน้ารวมถึงฝ่ายออกแบบที่เสนอแบบสินค้าชุดใหม่มาให้เขาตามหัวข้อที่สั่งไป ชายหนุ่มมองอย่างครุ่นคิดราวกับว่าสิ่งที่อยู่ตรงหน้ายังไม่ถูกใจพอ แต่ก็ต้องดูคำตัดสินจากเฟยหลงอีกครั้ง ว่าจะสั่งแก้หรือให้ทำใหม่ทั้งหมดไปเลยเมื่อมองเวลาอีกเพียงแค่สิบห้านาทีเขาคงไม่ทันที่จะเดินไปคุยงานกับเฟยหลงแล้ว จึงต่อสายโทรหาเลขาที่หน้าห้องทันที“ชิงเซียน เข้ามาพบผมหน่
Chapter 3เดินมาถึงร้านอาหารไม่ห่างจากห้องพักของเหม่ยอี้มากนัก นั่นคือร้านก๋วยเตี๋ยวเนื้อที่โปรดมากที่สุด ตั้งอยู่ริมข้างทางในซอยแห่งหนึ่ง ผู้คนนั้นเดินผ่านไปมาวันนี้ก็คนเยอะอีกเช่นเคย“เหมือนเดิมเลยจ้ะป้า”หญิงสาวสั่งเหมือนทุกครั้งที่หนิงเหอไม่กลับมาทานข้าวมื้อเย็นไม่นานนักเกินสิบนาทีก๋วยเตี๋ยวเนื้อชามพิเศษได้วางลงบนโต๊ะตรงหน้า เหม่ยอี้ไม่รอช้าที่จะหยิบตะเกียบขึ้นทานทันที รสชาติอาหารยังถูกปากเสมอ หญิงสาวใช้เวลาไม่ถึงยี่สิบนาทีอาหารจานพิเศษจนหมดเกลี้ยงเธอหันไปเรียกจ่ายเงิน ก่อนที่จะเดินออกจากร้านไปเหม่ยอี้ยังไม่อยากกลับบ้าน เธอจึงตัดสินใจที่จะเดินเล่นในสวนสาธารณะตอนกลางคืน ความรู้สึกเปลี่ยวเหงาหัวใจแทรกซึมเข้ามา ทุกทีเมื่อเดินมองคู่รักจับมือกัน หญิงสาวจึงเลี่ยงเดินจากไปโดยเร็วที่จะไม่มอง ครั้นเมื่อหยุดเดินลงส่งสายตามองชายหญิงคู่หนึ่งที่ดูเหมือนกำลังทะเลาะกันอยู่อ่า...สุดท้ายแล้วคบกันก็ต้องถูกทิ้งอยู่ดีสินะ ไม่ต่างจากตอนที่ขอคบกันเลย เรื่องแบบนี้ต้องใช้โชคช่วยชัด ๆ เหม่ยอี้มองอย่างทำใจก่อนที่จะเดินกลับมาที่ห้องพักซึ่งก็เป็นเวลาเกือบสองทุ่มแล้ว แต่ไม่มีท่าทีที่หนิงเหอจะ กลับมา เธอจึ
Chapter 4“พี่ไม่ไป ?”“ฉันไม่ชอบ ถ้าไปเท่ากับใส่ใจ” เฟยหลงกล่าวด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น ราวกับไม่ใส่ใจความรู้สึกของคนชวนสักนิด แต่ที่พูดมาก็มีเหตุผล จิ้นฝูรู้ดีว่าซูลี่คิดยังไงกับเฟยหลง แม้จะหลายปีมาแล้วแต่ดูเหมือนไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเลยสักนิด“แล้วจะให้ผมไปแทน ?” จิ้นฝูถาม ซึ่งเขาเองก็ไม่มีปัญหาอะไรอยู่แล้ว เพราะทุกคืนก็ออกไปเที่ยวที่ผับประจำหรือไม่ก็จัดปาร์ตี้ที่คอนโด ฯ แต่ถ้าทำแบบนี้เท่ากับหักน้ำใจของซูลี่เป็นอย่างมาก“แบบนี้เธอจะเสียใจนะ”“เธอโทรมาชวนแต่ฉันบอกซูลี่ไปแล้วว่าไม่ไป ก่อนที่จะได้บัตรเชิญอีก” เฟยหลงกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ พร้อมกับลุกขึ้นจากโซฟาจิ้นฝูลุกขึ้นตาม “แล้วถ้าผมไม่ไปล่ะ”“ก็แล้วแต่นาย ยังไงฉันก็ไม่ไปอยู่แล้ว” ประธานหนุ่มตอบโดยที่ไม่คิดมากสักนิด เล่นทำจิ้นฝูทึ่งเหมือนกัน“โอเค ผมจะไปให้แล้วกัน และจะบอกเธอว่าพี่ติดงานด่วน อย่างน้อยก็รักษาน้ำใจเธอหน่อย”จิ้นฝูพูดก่อนที่เอื้อมมือไปหยิบซองการ์ดเชิญแล้วเปิดออกอ่าน “แล้วพี่ไม่คิดมองผู้หญิงคนไหนบ้างหรือ”เฟยหลงหันมามองจิ้นฝูพร้อมกับส่ายหน้า“นายไม่จำเป็นต้องยุ่ง”หนุ่มเจ้าสำราญหัวเราะ “งั้นผมไปทำงานต่อก่อนนะ”เฟยหลงเพี