ร่างบางขยับเข้าไปใกล้ชายหนุ่มอีกเล็กน้อย เพื่อให้คุยกันได้ยินขึ้นอีกหน่อย หากก็ทำให้เธอต้องเงยหน้ามองเขา
“เกรงใจซันออก จะชวนได้ยังไง”
“แล้วนี่คุณมากับใคร”
“มากับเพื่อนน่ะ”
“คนที่เลี้ยงเด็กน่ะเหรอ”
“อืม”
ชายหนุ่มส่ายหน้า คิ้วเข้มขมวด เขาดูหงุดหงิดจนพนิดาอดแปลกใจไม่ได้
“เขาอาจจะเป็นเหมือนเด็กของเขา คุณไว้ใจได้ยังไง”
“แหม รู้จักกันมาตั้งนานแล้ว เขาออกจะเป็นสาวหวาน”
เธอบอกพร้อมยิ้มบางให้อีกฝ่ายเลิกคิดมาก
“จะกลับหรือยังครับ”
ถามไปแล้วก็ยกนาฬิกาที่ข้อมือตัวเอง แล้วก็ยิ่งแปลกใจที่เห็นว่าเลยห้าทุ่มมาแล้ว
“คุณไม่ต้องรีบกลับก่อนห้าทุ่มเหรอครับ”
“คุณพ่อคุณแม่ไปเที่ยวฮ่องกง ฉันแอบหนีเที่ยวได้”
พนิดายิ้มหวานขึ้นอีก ตาคู่งามพราวขึ้นราวเด็กขี้เล่น แต่คนมองกลับไม่ชอบใจกับท่าทางนั้น เธอก็ดูน่ารักเป็นมิตรกว่าเจ้านายที่วางสีหน้านิ่งในที่ทำงานอยู่หรอก แต่เขาคิดว่ามันอันตรายเกินไปหากเธอจะอยู่ดึกกว่านี้
ในมุมมองของภาสกร หากเพื่อนของเธอคบเด็กแบบที่เหยียบเรือสองแคมได้ เขาก็อาจจะเป็นสไตล์เดียวกัน แม้จะเหมือนคิดมากไป เพื่อนเธออาจจะไม่เป็นแบบนั้น ทว่าคนตรงหน้าเขานี่ก็ดูโลกสวยเกินไปจนอดนึกเป็นห่วงไม่ได้
“ผมว่าคุณวุ้นกลับเถอะครับ ผมจะไปส่ง”
“ไม่ต้องหรอกจ้ะ ซันมาเที่ยวกับเพื่อนนี่”
เจ้านายคนสวยส่ายหน้ายิ้มๆ มือบางจับแขนเขาเบาๆ ก่อนจะสำทับ
“ไปสนุกกับเพื่อนต่อเถอะ บายนะจ๊ะ เจอกันวันจันทร์”
พูดจบหญิงสาวก็เดินหลบเขาเพื่อจะกลับไปหาเพื่อน ทว่าภาสกรคว้ามือบางเอาไว้
พนิดาหันกลับมามองชายหนุ่ม คิ้วเรียวสวยขมวด ตาคู่งามมองเขาอย่างสงสัย
“มีอะไรจ๊ะ”
“กลับเถอะครับ”
“โธ่ ไปส่งแล้วก็กลับมาเหมือนครั้งที่แล้วน่ะเหรอ หมดสนุกกันพอดี”
“ผมไม่กลับมาแล้ว ขี้เกียจ”
เขาพูดง่ายๆ ไม่ยอมปล่อยมือเธอ ทั้งยังรั้งเบาๆ ให้เดินตามอีกด้วย
“อุ๊ย...ซัน...บอกแล้วไงว่าไม่ต้อง”
ชายหนุ่มดึงให้เธอก้าวตามและมุ่งหน้าไปทางออกไม่หันกลับมาพูดกับเธออีก พนิดาได้แต่ลำบากใจ ทำอะไรไม่ได้กระทั่งออกมาข้างนอกอีกฝ่ายก็หันมาถาม
“รถคุณวุ้นอยู่ไหนครับ”
“เพื่อนไปรับน่ะ เดี๋ยวเขาจะไปส่ง”
นั่นยิ่งน่าห่วงเข้าไปอีก ภาสกรส่ายหัว
“บอกเพื่อนคุณว่าคุณจะกลับแล้ว แล้วผมจะเป็นคนไปส่งคุณเอง”
“เอ๊...ซัน ทำไมต้องทำให้มันวุ่นวาย”
คนที่ยอมเดินตามออกมาข้างนอกชักหงุดหงิดขึ้นมาบ้างที่ชายหนุ่มสั่งให้เธอทำตามที่เขาต้องการ ทั้งที่เธออายุมากกว่าเขา แล้วยังเป็นเจ้านายของเขาอีกด้วย
“คุณจะกลับหรือไม่กลับ”
ภาสกรถามเสียงนิ่ง ทว่าสายตาของเขาไม่นิ่งไปด้วย พนิดารับรู้ได้ถึงแววคุกรุ่นในนั้น และแม้จะพยายามดึงมือออกนิดๆ ก็ไม่สำเร็จ เธอไม่ได้กระชากเพราะไม่อยากทะเลาะกับเขา แถมโดยพื้นฐานแล้วก็ไม่ใช่คนใจร้อนอะไร เธอเป็นพวกรักสงบไม่ชอบมีเรื่อง ไม่พาตัวเองเข้าไปอยู่ในปัญหา
“งั้นบอกหน่อยสิ ว่าทำไมต้องอยากไปส่งฉัน แทนที่จะอยู่สนุกกับเพื่อน”
ตาคู่คมกวาดมองคนถามอย่างไม่ปิดบังสายตา เรือนร่างงามในชุดกระโปรงน่ารักตัวสั้นเลยเข่าขึ้นมาสูงถึงโคนขาสีดำ ตรงเอวมีเข็มขัดรัดเข้ารูป ทว่ามีส่วนทึบแค่เพียงช่วงอก บ่าไหล่กับแขนเป็นผ้าเนื้อบางซีทรู แขนสั้นพองนิดๆ ทำให้คืนนี้อีกฝ่ายดูเป็นสาวหวานหากก็ยังแฝงความเซ็กซี่อยู่ดี
คนถูกมองด้วยสายตาชวนหวิวหวั่นใจสะดุด ไม่คิดว่าลูกน้องหนุ่มจะกล้ามองตนเองแบบนี้
“ซัน”
เธอเรียกเขาด้วยเสียงที่ดูดุ มองสบตากลับไปอย่างต้องการให้รู้ว่าไม่พอใจเขา หากอีกฝ่ายกลับยกยิ้มมุมปาก ขยับก้มลงมากระซิบในระยะใกล้
“คุณน่าฟัดเกินไป ผมปล่อยคุณกลับกับเพื่อนที่ไม่รู้เพศแน่ชัดของคุณไม่ได้”
มือบางยกขึ้นผลักอกหนาทันที ดวงหน้าสวยกับแววตาเริ่มกรุ่นโกรธ
“นี่ ระวังคำพูดกับฉันด้วย แล้วก็อย่าพูดถึงเพื่อนฉันแบบนี้”
ถึงแม้จะไม่พอใจที่อีกฝ่ายพูดถึงเพื่อนตนอย่างหยาบคาย หากก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าหน้าเธอร้อนวูบขึ้นกับคำพูดของลูกน้องหนุ่ม
“ผมไม่พูดก็ได้ แต่คุณต้องกลับกับผม”
“เธอนี่เอาแต่ใจจริงๆ”
“ครับ”
เขายักไหล่อย่างไม่แคร์คำต่อว่า แล้วยังพูดหน้าตาเฉย
“แล้วถ้าคุณไม่ยอมตามไปดีๆ ผมจะอุ้มไปรถผมเลย”
พนิดาถึงกับเผยอปากค้างกับคำบอกของอีกฝ่าย เธอได้แต่มองหน้าเขาอย่างงุนงงความคิดของอีกฝ่าย ถึงจะพอเข้าใจได้ว่าเขาเป็นห่วงสวัสดิภาพของเธอ แต่เพื่อนของเธอก็ไว้ใจได้
“ว่าไงครับ”
เมื่อเห็นท่าทางอีกฝ่ายดูจะเอาจริงเธอจึงถอนหายใจด้วยความเซ็ง
“กลับก็กลับ”
ภาสกรยิ้มบางอย่างพอใจ แล้วดึงให้เธอเดินต่อทันทีโดยไม่ปล่อย พนิดาอยากจะแย้งหากก็ได้ยินเสียงมือถือในกระเป๋าที่สะพายอยู่แว่วๆ คิดว่าเพื่อนคงโทรตามเมื่อเห็นว่าเธอออกมาเข้าห้องน้ำนานแล้ว
“ซัน ฉันจะรับโทรศัพท์”
“ขึ้นรถก่อนก็ได้ครับ”
อีกฝ่ายพูดโดยร่างสูงกำยำไม่ได้หันมามองเธอด้วยซ้ำ
คนเดินตามได้แต่ขมวดคิ้วฉับ หน้างออยู่คนเดียว ก่อนจะบ่น
“ทำอย่างกับฉันจะวิ่งหนีเธอได้”
ชายหนุ่มไม่พูดอะไร กระทั่งมาถึงรถเขาก็กดรีโมตแล้วเปิดประตูให้เธอเข้าไปนั่งด้านข้างคนขับ ส่วนตัวเองเดินอ้อมไปอีกฝั่ง
มือถือพนิดาดังขึ้นมาอีกเธอจึงหยิบออกมารับ เป็นเพื่อนเธอโทรมาจริงๆ
“ขอโทษทีจ้ะ ฉันจะกลับแล้ว”
หญิงสาวหยุดฟังปลายสายครู่หนึ่ง
“ฉันง่วง กลับดีกว่า”
ขณะฟังเพื่อนถามไถ่สายตาก็เหลือบมองชายหนุ่มที่กำลังหยิบมือถือของเขาออกมากดไล่หาเบอร์เช่นกัน ก่อนจะตอบกลับไป
“ไม่ต้องห่วงนะ ฉันกลับแท็กซี่ เกรงใจเธอ ไม่อยากขัดตอนกำลังสนุกได้ที่ กลับถึงบ้านแล้วจะไลน์บอกแล้วกัน แค่นี้ก่อนนะจ๊ะ บ๊ายบาย”
เธอรีบตัดบทเมื่อเห็นว่าภาสกรยกมือถือของเขาขึ้นแนบหู กลัวเสียงชายหนุ่มเข้าไปแล้วเพื่อนจะสงสัยขึ้นมา
“กูกลับแล้วนะ”
‘อ้าว ทำไมรีบวะ’
“มีธุระด่วน”
ภาสกรตอบสั้นๆ ไม่อยากให้เพื่อนซักไซ้เรื่องของตน
‘แล้วสองสาวที่เขารอมึงอยู่เนี่ย เอาไง’
“มึงสองคนก็แซนด์วิชดิ จะไปยากอะไร แค่นี้นะ”
พูดจบก็วางสายแล้วสตาร์ตรถทันที
คนที่เพิ่งได้ยินคำพูดล่อแหลมที่ไม่ชินนักถึงกับตัวแข็ง กะพริบตาปริบๆ ทว่าก็พยายามทำตัวเหมือนไม่รู้สึกอะไร
==============
สองคนที่ไลฟ์สไตล์แตกต่างมาเจอกัน จะเป็นยังไงต่อไปนะ ^-^
มือบางดันแว่นยกขึ้นปาดน้ำตาที่ไหลรินอย่างรวดเร็ว เมื่อก้าวขาออกจากห้องประชุมอย่างไม่ต้องการให้ใครเห็นว่าตนอ่อนแอ ดวงหน้าสวยงามเชิดขึ้นพร้อมสูดลมหายใจเข้า กะพริบตาถี่ไล่น้ำที่เอ่อขึ้นขังขอบตา เธอพยายามฝืนทนกลั้นไว้มานานแล้ว ไม่แปลกที่มันจะหยาดลงมาทันทีที่หันหลังให้ทุกคนขาสวยในกางเกงผ้ากับรองเท้าส้นสูงก้าวฉับๆ อย่างมั่นคง ราวไม่หวั่นไหวกับสิ่งใดทั้งที่ใจข้างในแหลกเหลวจนในอกอัดแน่นไปหมดคนของเธอ สำนักพิมพ์ของเธอ ถูกตัดทิ้งอย่างไม่ไยดีราวไม่มีคุณค่า เพราะไม่ได้ทำกำไรได้มากพออย่างที่ควรเป็น“ดึกแล้ววุ้นกลับกับพี่ไหม”เสียงเข้มของพศินดังขึ้นด้านหลังแผ่นหลังบางเกร็งในทันใด หากเท้าหยุดอยู่กับที่ นอกจากร่างสูงของพี่ชายเธอแล้วยังมีน้องชายด้วย สองหนุ่มก้าวขึ้นมาดักตรงหน้าเธอ มองด้วยสายตาเห็นใจ พนิดาแทบไม่อยากสบตากับพี่และน้องชายกลัวตัวเองจะร้องออกมาทำให้ทั้งสองคนลำบากใจ“ไม่เป็นไรค่ะ อนงค์กับอรรออยู่ คงอยากคุยด้วย”“ตีสามแล้วนะครับ ไว้คุยทีหลังไม่ดีกว่าเหรอ”พริษฐ์เอ่ยขึ้น“นั่นสิ แล้วพี่ก็ไม่อยากให้วุ้นขับรถ”“วุ้นให้เพื่อนไปส่งก็ได้”“จะดีเหรอ พี่ว่า...”“พี่วีคะ...”เสียงสั่นของน้องสาวที่เอ
ร่างสูงกำยำเดินมาใกล้เธอด้วยท่าทางล้วงกระเป๋าสบายๆ ใบหน้าขาวคมระบายยิ้ม ทำให้รู้ว่าเขาเพียงแค่แซวเธอเท่านั้น“ดีใจต่างหาก”“ดีใจ?”คิ้วเข้มขมวดดูไม่ค่อยพอใจนักที่เธอตอบแบบนั้น“หมายถึง ดีใจที่พวกเราอยู่พร้อมหน้า รู้สึกตื้นตันน่ะ”“แต่ผมต้องออกนี่”คำพูดของเขาทำให้หญิงสาวชะงัก หน้าเสียไปเล็กน้อย ดวงตาคู่สวยภายใต้แว่นใสจ้องเขาราวต้องการสำรวจว่ามีร่องรอยขุ่นใจหรือไม่“ซันไม่โอเคเหรอ นึกว่าเธอไม่มีปัญหาเสียอีก”น้ำเสียงหวานเศร้าลง แววตาที่เป็นประกายก่อนหน้านี้หม่นหมองทำให้ร่างสูงกำยำขยับเข้ามาใกล้อีกนิดก่อนบอก“ผมโอเคดีครับ คุณวุ้นไม่ต้องคิดมาก”พอเขาบอกไปแบบนั้นอีกฝ่ายก็ยิ้มหวาน คนเห็นใจกระตุก ไม่เคยเห็นเจ้าตัวยิ้มแบบนี้กับเขาสักครั้ง“โธ่ พี่ก็นึกว่าซันไม่ชอบหรือผิดใจอะไรกับวินเสียอีก ไปทำงานทางนั้นมีอนาคตนะ มีโอกาสก้าวหน้า ยิ่งเก่งอย่างซัน ทำงานกับวินไปสักพัก ผลงานดีวินก็จะได้สนับสนุนทั้งเรื่องเงินเดือน ทั้งตำแหน่ง อยู่ที่นี่ขยับขึ้นไม่ได้ ยกเว้นพริกลาออก แต่เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว พี่ชอบพริกมากคงไม่ให้เขาออกหรอก อีกอย่างก็ยังมีนิ้งกับโจ๊กที่เข้ามาก่อนซันด้วย”ภาสกรจ้องคนที่คิดเผื่อเขาอย่
“ตอบผมมาก่อน”“ปล่อยมือก่อน”อีกฝ่ายต่อรองมาอย่างไม่ยอมเหมือนกัน หลังจากชั่งใจดูแล้วมั่นใจว่าพนิดาคงหนีเขาไม่ได้ภาสกรจึงยอมปล่อยมือ“ตอบสิครับ”“เธอจะให้ตอบอะไร”ดวงตาคู่สวยมองเขาด้วยแววของความลำบากใจ“เลิกเซ้าซี้ เลิกแกล้งกันได้แล้ว”หญิงสาวหลบตาตัดบทอีกครั้ง ไม่อยากผิดใจกับชายหนุ่ม อย่างน้อยเธอก็ชื่นชมในความสามารถและความรับผิดชอบในการทำงานของเขาถึงได้สนับสนุน อีกฝ่ายเองก็เป็นคนดีคนหนึ่ง ดูได้จากการที่เจอเธอในที่เที่ยวกลางคืนเขาก็อาสาไปส่งเธอถึงบ้านทั้งสองครั้ง เธอไม่เห็นเหตุผลที่ต้องขุ่นเคืองใจกันด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่องทว่าแทนที่อีกฝ่ายจะฟังเขากลับโน้มร่างสูงกำยำลงหา มือหนาข้างหนึ่งจับพนักเบาะด้านบน อีกข้างวางลงที่เบาะใกล้สะโพกเธอ ทำเอาพนิดาต้องเอนหนีจนสุดตัว“เธอจะทำอะไร”“ทำให้คุณวุ้นรู้ว่าผมไม่ได้แกล้ง”ใบหน้าคนตอบเลื่อนลงมาจนใกล้ เพราะกลัวขึ้นมามือบางจึงยกขึ้นผลักอกหนาห้ามไว้เบาๆ“ทำไมอยู่ๆ ก็คิดเรื่องแผลงๆ ขึ้นมา”“จะจีบสาว ไม่เห็นแผลงตรงไหน”“แล้วทำไมต้องเป็นพี่”หญิงสาวยังใจเย็นถามไถ่หาเหตุผล ทว่าคนตอบกลับรู้สึกสนุกที่ได้โต้คำกับอีกฝ่าย ไม่นึกรำคาญ หากเป็นสาวอื่นเซ้าซี้เขาคง
“ทำไงได้ ผมอยากอยู่กับคุณวุ้นนานๆ นี่นา”ตาคมที่มองมาทำให้เธออึดอัด ไม่ใช่ไม่พอใจ แต่เป็นความรู้สึกหวาดหวั่น ใจสั่นจนผิดปกติอีกฝ่ายออกรถแล้ว ทว่าพนิดาไม่อยากให้เขาไปส่งไกลถึงบ้านเธอเลยจริงๆ หญิงสาวนั่งเงียบอยู่ครู่หนึ่ง กระทั่งถึงจุดที่คุ้นตาและมีทางเลี้ยวเธอก็บอกชายหนุ่ม“ซันเลี้ยวซ้ายซอยข้างหน้าจ้ะ”“ทำไมเข้าซอยล่ะครับ”“ไปคอนโดพี่”“ครับ?”เสียงทุ้มกึ่งอุทานกึ่งงุนงง ทว่าเขาก็เลี้ยวรถตามที่หญิงสาวบอก“คอนโดข้างหน้านี่แหละจ้ะ”พนิดาบอกเสียงเรียบก่อนจะหยิบมือถือในกระเป๋าออกมาโทรหาอนงค์นาง“อนงค์ วุ้นจะบอกที่บ้านว่าพักที่คอนโดกับอนงค์นะ”‘อ้าว ทำไมล่ะจ๊ะ ขับรถไม่ไหวเหรอ’“อืม ดื่มเยอะเหมือนกันก็เลยไม่อยากขับน่ะ”‘โธ่ งั้นน่าจะบอกแต่แรก จะได้อยู่ด้วย กลับวันเสาร์ตอนเช้าๆ ก็ยังได้ หนูนิดกับพ่อเขาตื่นสาย’“เพิ่งขี้เกียจตอนขับออกมาแล้วนี่แหละ ยังไงวุ้นก็พักคอนโดอยู่แล้ว ไม่ได้ไปไหนต่อ แค่ไม่อยากให้คุณพ่อห่วง เลยต้องอ้างชื่ออนงค์น่ะ”‘จ้า ถึงห้องแล้วบอกด้วยนะจ๊ะ’“จ้ะ”หลังจากวางสายพนิดาก็บอกทางขึ้นลานจอดรถกับภาสกรและให้ชายหนุ่มขับไปจอดในพื้นที่ของตนเองแล้วเอ่ยขึ้น“พี่ไม่อยากให้ซันต้องไป
เสียงมือถือของพนิดาแว่วขึ้นเบาๆ ร่างบางจึงขยับตัวเล็กน้อย“มีคนโทรมา สงสัยคุณพ่อน่ะ”ชายหนุ่มยอมปล่อยโดยง่ายเมื่อเธอเอ่ยถึงบิดา หญิงสาวรีบเลี่ยงอีกฝ่ายหันหลังกลับเข้าไปในห้องรับแขกโดยไม่มองหน้าเขา กลัวสีหน้ากับแววตาของตัวเองจะทำให้ภาสกรรู้สึกแย่ เพราะสงสารอีกชายหนุ่มจนไม่อาจเอ่ยปากบอกให้เขากลับไปได้ ขณะที่สมองบอกว่าการอยู่ในห้องกันสองต่อสองกับผู้ชายในเวลากลางคืนมันอันตรายแม้ผู้ชายคนนั้นจะอายุน้อยกว่าเธอเจ็ดปีก็ตามเมื่อหยิบมือถือในกระเป๋าแล้วก็เห็นว่าเป็นสายของบิดาจริง หญิงสาวก็รีบรับทันที“ค่ะคุณพ่อ”‘หนูกลับหรือยังวุ้น กินเลี้ยงกันเสร็จหรือยัง เห็นว่าเลี้ยงใกล้ๆ ที่ทำงาน เดี๋ยวจะดึกไปนะลูก พ่อห่วง’พนิดาไม่สบายใจนักเมื่อได้ยินเสียงของท่าน เหมือนแอบซ่อนเรื่องที่ทำผิดเอาไว้แล้วถูกถามเข้า เธออยากโทรกลับบ้านทันทีที่ถึงห้องแต่เพราะภาสกรตามมาทำให้ยังไม่ได้โทร“คุณพ่อคะ วุ้นขอโทษค่ะที่โทรบอกช้า วุ้นเห็นว่าดึกแล้ว ไม่อยากขับรถไกลก็เลยจะขออนุญาตพักคอนโดน่ะค่ะ”‘อ้าว อย่างนั้นเหรอ’“อนงค์พักกับวุ้นด้วย คุณพ่อไม่ต้องห่วงนะคะ นี่ก็มาถึงคอนโดแล้วล่ะค่ะ”พูดไปแล้วก็กัดริมฝีปาก รู้สึกผิดที่โกหกบิด
“ครับแม่...แม่คุณทูนหัว”พูดจบปากอุ่นก็ประกบลงมาหาปากอิ่มแต่หญิงสาวเบนหน้าหนีอย่างรวดเร็ว เพราะชายหนุ่มเท้ามือบนโซฟา ไม่ได้ล็อกหน้าเธอเอาไว้จึงพอหลบเขาได้บ้าง หากอีกฝ่ายก็ไล่จูบแก้ม คาง ลำคอ ซุกไซ้ปากกับจมูกในทุกจุดที่สามารถประทับจูบแล้วสูดดมความหอมบนเนื้อสาวได้“อื้อ อย่านะซัน อย่ามือไวใจเร็วกับพี่นะ ไม่อย่างนั้นพี่จะไม่คุยกับซันอีก”ภาสกรชะงัก หักห้ามใจจากกลิ่นหอมละมุนน่าหลงใหล ในใจยังก้ำกึ่งระหว่างเดินหน้าต่อกับยอมถอย เพราะรู้ดีว่าหากเขาจะก้าวต่อไปพนิดาไม่มีทางหลุดรอดมือแน่ ทว่าเขาไม่อยากหักหาญเจ้าของร่างบางที่ให้ความรู้สึกอบอุ่นกับหัวใจของเขา ฉะนั้นสิ่งที่ต้องทำก็คือสะกดอารมณ์ของตัวเองในเมื่อบอกว่าจะจีบเขาก็จะทำตามนั้นพนิดาอ่อนด้อยประสบการณ์รัก ห่างไกลจากเขาชนิดที่เดินคนละเส้นทางเลยก็ว่าได้ ในขณะที่เขารู้จักโลกของกามารมณ์ตั้งแต่แตกเนื้อหนุ่ม ทว่าหญิงสาวกลับเพิ่งก้าวออกจากอ้อมอกของพ่อไปเที่ยวกลางคืนในคืนที่เขาบังเอิญช่วยเธอเอาไว้ หญิงสาวบริสุทธิ์เกินไปสำหรับเขาด้วยซ้ำทว่าความผุดผ่องของเธอกลับให้ความอบอุ่นอ่อนโยนกับจิตใจเขา แค่เขากอดพนิดาเพียงนิดเดียวเมื่อครู่ ยังอุ่นใจกว่านอนกอดส
“เด็กอนามัยจัดอย่างคุณวุ้นง่วงแล้วสินะครับ”ภาสกรเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นหญิงสาวปิดปากหาว หลังจากตกลงกันได้เธอก็ให้เขาขยับไปนั่งห่างอีกหน่อย“อนามัย?”คิ้วเรียวสวยขมวดเข้าหากัน พร้อมพึมพำอย่างสงสัย“ก็เห็นต้องกลับก่อนห้าทุ่ม แถมนี่เพิ่งห้าทุ่มครึ่งคุณก็หาวตาโรยแล้ว”เขาพูดพร้อมยิ้มบางราวเอ็นดูเธอทำเอาพนิดาหน้างอแล้วลุกขึ้นขณะบอก“ใช่ พี่ง่วงแล้ว ซันก็กลับได้แล้วล่ะ”อีกฝ่ายฉุดข้อมือเธอไว้ทันทีที่จบประโยค พอมองแล้วก็ต้องถอนหายใจยาว แววตากับสีหน้าคนตัวโตเห็นชัดว่าพยายามอ้อนสุดฤทธิ์“ผมยังไม่อยากกลับเลย”“ซันก็เห็นว่าพี่ง่วงแล้ว”“แต่ผมเหงาคุณวุ้นก็รู้”“จะให้พี่ทำยังไงล่ะจ๊ะ ซันจะอยู่กับพี่ทั้งคืนหรือไง”พูดออกไปแล้วก็พลันใจวูบวาบ เมื่ออีกฝ่ายเงียบแต่แววตาแสดงความต้องการออกมาอย่างชัดเจน ทำเอาคนมองต้องส่ายหน้าช้าๆ“ไม่ได้”“นะครับ”“ไม่”“โธ่ คุณวุ้นครับ”ครั้งนี้พนิดาบิดข้อมืออกจากมือหนา รู้สึกว่าชายหนุ่มได้ใจมากไปแล้ว หากเธอไม่ใจแข็งเขาก็ได้คืบจะเอาศอก“พี่ยอมซันถึงขนาดนี้แล้ว วันนี้น่าจะพอแค่นี้ได้แล้วนะ”เธอเอ่ยอย่างใจเย็น น้ำเสียงหวานอ่อนโยนไม่มีความฉุนเฉียวแต่อย่างใด“แต่ผมอยากอยู่กับคุณวุ
ในตอนแรกพนิดาตั้งใจเอาผ้าห่มกับหมอนออกไปให้ชายหนุ่มในระหว่างที่เขาอาบน้ำอยู่ที่ห้องน้ำด้านนอก คอนโดเธอมีสองห้องน้ำ แขกสามารถใช้ห้องน้ำด้านนอกได้เลย ส่วนห้องนอนก็มีห้องน้ำในตัว หญิงสาวเลือกที่นี่เพราะชอบตรงนี้ แต่อนงค์นางโทรมาก็เลยคุยกันอยู่ครู่หนึ่ง หากเธอก็ไม่ได้พูดเรื่องภาสกร กลัวเพื่อนจะเข้าใจผิดและเป็นห่วงเมื่อหอบของออกมามองซ้ายมองขวาไม่เห็นอีกฝ่ายจึงโล่งใจ คิดว่าเขายังอยู่ในห้องน้ำ ร่างบางเอาของไปวางเรียบร้อยก็หันกลับจะเข้าห้องแล้วกลับต้องสะดุ้งเพราะเจอเข้ากับร่างสูงกำยำที่มาอยู่ด้านหลังตนตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้“อุ๊ย ซัน”พนิดาอุทานเสียงเบาหวิว อุตส่าห์พยายามเลี่ยงที่จะเผชิญหน้ากันในตอนชายหนุ่มอยู่ในสภาพที่ไม่เรียบร้อยนัก แต่ก็ยังพลาดอยู่ดี“ออกจากห้องน้ำตั้งแต่เมื่อไร ไม่เห็นได้ยินเลย”“ผมเอาเสื้อผ้าไปซักครับ”เดินผ่านห้องครัวไปจะเป็นระเบียงส่วนซักล้าง คงเพราะอย่างนี้เธอถึงไม่ได้ยินเสียงประตู“พี่เอาหมอนกับผ้าห่มมาให้”หลังจากบอกไปแล้วแทนที่ชายหนุ่มจะเลี่ยงหลบให้เธอ เขากลับก้าวเข้ามาช้าๆ ทำเอาพนิดาต้องถอยหลังก้าวหนึ่ง“ซันหลบหน่อยสิ พี่จะกลับห้อง”ร่างสูงกำยำขยับตัวเล็กน้อย เธอจ
“อยากทำแบบนี้กับคุณวุ้นตั้งแต่วันที่แอบจูบแน่ะ”เสียงทุ้มดูสนุกตื่นเต้น ทว่าคนได้ยินอายจนตัวแทบม้วน“ใครจะยอม”“รู้ว่าวันนั้นไม่ยอม แต่วันนี้ยอมนะครับ”คุยไปด้วยมือหนาก็ดึงชายเสื้อที่อยู่ในขอบเอวกระโปรงหญิงสาวขึ้น สอดมือเข้ามาเคล้นคลึงอกอวบภายใน ปลุกเร้าอารมณ์สาวไปด้วยอย่างไม่ยอมเสียเวลา สะโพกสวยถูกบดเบียดรุมร้อน เร่งความปรารถนาให้กับคนทั้งคู่ พนิดารับรู้ถึงกายแกร่งชัดเจน“อื้อ ใจร้อนไปไหม เร็วจัง”“กับคุณวุ้นก็เร็วตลอดอยู่แล้วนี่ครับ”ชายหนุ่มยิ้มมุมปากทั้งยังขยับสะโพกเข้าหาไม่หยุด กับพนิดาแล้วเขาไม่เคยรู้สึกตัวช้าเลย หากก็รั้งตัวเองให้เวลาหญิงสาวเสมอ“นะครับ ขอนะ”เสียงทุ้มครางพร่าชิดซอกคอนุ่มบ่งบอกว่าเจ้าตัวมาถึงจุดที่ฝืนไม่ไหวแล้ว นอกจากเขาจะตั้งใจเร่งร้อนแล้วน้ำตาของหญิงสาวก็ทำให้เขายิ่งอยากกอดเธอ ภาสกรแพ้น้ำตาอีกฝ่ายเห็นเมื่อไรทนไม่ได้ทุกที อยากกอดอยากคลุกเคล้ากระโปรงบานพอดีเข่าไม่ยากที่จะรั้งขึ้นสูง มือหนาโลมเล้าผ่านผ้าเนื้อบางแนบสัดส่วนอ่อนไหว ปากก็เม้มผิวเนื้ออ่อนข้างลำคอ ได้ยินเจ้าของร่างบางหอบแรงและไม่มีเสียงห้ามปรามอีกแล้ว เขาจึงเดินหน้าดูแลให้ หญิงสาวพร้อมก้าวขั้นต่อไป ซ
1 ปีผ่านไป...ภาสกรไปส่งพนิดาทุกบ่ายวันเสาร์ตามคำสั่งของคุณไพศาลหลังจากหญิงสาวอยู่กับเขาที่คอนโดในคืนวันศุกร์ และอยู่กินข้าวเย็นที่นั่นทุกวัน ชายหนุ่มไม่ได้เป็นที่ชื่นชอบของบิดาหญิงสาวนัก หากท่านก็ยอมรับในตัวเขา เพราะถือว่าทำมาหากินดูแลตัวเองมาตั้งแต่เรียนจบ ค่อนข้างมีความมั่นคงในหน้าที่การงาน และเป็นคนเก่งคนหนึ่ง โดยข้อนี้พศินกับพริษฐ์ยืนยันเสียงเดียวกัน ถือว่าอนาคตไกล ส่วนกับคุณดารณีนั้นท่านถูกใจ ชายหนุ่ม เพราะเขาเอาใจเก่งปากหวานกับท่านเหมือนกับพนิดา และเอาอกเอาใจท่านกับหญิงสาว ต่างจากคุณไพศาลที่ชายหนุ่มไม่เข้าหาหรือตีสนิท เขาวางตัวปกติ ตอบคำถามอย่างเป็นการเป็นงานข้อนี้พนิดาบอกกับมารดาว่าน่าจะเพราะภาสกรไม่ได้รับการเลี้ยงดูที่อบอุ่นจากบิดาของเขา เขาอยู่กับมารดา เมื่อสูญเสียมารดาก็โหยหาความรักความทะนุถนอมอ่อนโยนแบบที่เคยได้รับ จึงชินกับการเข้าหาผู้หญิงและทำให้รักเอ็นดูตนเองมากกว่าผู้ชาย สังเกตได้จากที่ชายหนุ่มสนิทกับผู้หญิงหลายคนในที่ทำงาน รวมทั้งอนงค์นางกับนิอรด้วยตอนนี้ภาสกรมีคีย์การ์ดสำรองเข้าห้องของพนิดาได้โดยที่หญิงสาวไม่ต้องลงไปรับอีกแล้ว หลังจากล้างหน้าล้างตาก็มาหาเจ้าของร่าง
“อือ ซัน”เสียงหวานพึมพำเมื่อชายหนุ่มเร่งมือก่อนจะตัวสั่นเล็กน้อย ทว่าเพียงเท่านั้นยังไม่พอ อีกฝ่ายปล่อยให้หน้าอกเธอเป็นอิสระ ใบหน้าขาวคมซุกไซ้ลงเรื่อยไป หากก็ไม่ลืมพาเธอลงไปนอนแล้วเปิดเปลือยร่างงามไปด้วยเมื่อหญิงสาวไร้ซึ่งเสื้อผ้า เขาก็ปลดเปลื้องตนเองเช่นกันอย่างไม่ให้น้อยหน้า พาร่างสูงกำยำแทรกกลางเรียวขาสวย หากเมื่อเคลื่อนใบหน้าลงต่ำก็ได้ยินทักแผ่วหวิว“ซันจ๊ะ”พนิดาอายที่เขาจะทำแบบนี้กับเธออีก เพราะเวลานี้ร่างกายเธอตอบสนองว่าตนเองพร้อมแล้ว ทว่าชายหนุ่มส่งยิ้มอ่อนโยนพร้อมบอก“ผมอยากทำครับ”หน้าที่ร้อนผ่าวอยู่แล้วของเธอร้อนราวกำลังไหม้เมื่อตามองใบหน้าขาวคมฝังลงกลางกาย สัมผัสนุ่มนวลอ่อนโยน หากก็ประชิดทุกซอกมุมทำให้เธอเขินสุดขีด แต่ก็ต้องยอมรับว่าปลายลิ้นร้อนชื้นกับปากอุ่นทำให้เธอรู้สึกดีอย่างเหลือแสน สุขสมเต็มอิ่มล้นอกภาสกรไล้ปากกับปลายลิ้นอย่างพึงพอใจ ความงามตรงหน้าเชิญชวนให้ลิ้มชิมไม่รู้เบื่อ ยิ่งเห็นสะโพกสวยขยับ เขาก็ยิ่งปรนเปรอหญิงสาว หากมือหนาก็ไม่ลืมเตรียมตนเองไปด้วย ใช่ว่าเขาไม่ลุกเพราะพนิดา แต่เพราะอยากตื่นตัวถึงขีดสุดเพื่อจัดเต็มในทันทีที่ชิดใกล้ต่างหาก แน่นอนว่าครั้งนี้เขา
พนิดาไม่ยอมให้ภาสกรอาบน้ำด้วยแม้เขาจะอ้อนแค่ไหนก็ตาม ขณะกินข้าวด้วยกันเจ้าตัวก็ส่งสายตาคมวาบหวามให้เธออย่างมีความนัยตลอดเวลาจนเธอต้องถอนหายใจให้รู้ว่าอ่อนใจกับเขาแค่ไหน ทว่าแทนที่ชายหนุ่มจะสลดกลับหัวเราะกรุ้มกริ่มในลำคอเสียอย่างนั้น“ซันล้างจานแล้วกันนะ”หญิงสาวบอกแล้วก็ลุกขึ้นเดินหนีไปทันที ทั้งที่ปกติเธอจะช่วยเขา แม้ชายหนุ่มจะอาสาทำเองก็ตาม ทำเอาภาสกรได้แต่เกาหัว“สงสัยแสดงออกมากเกินไปแฮะเรา”หลังจากจัดการในครัวเรียบร้อย ภาสกรก็ไปยังห้องทำงานของพนิดาเพราะคิดว่าหญิงสาวน่าจะอยู่ในนั้น ร่างสูงกำยำชะงักเมื่อเห็นอีกฝ่ายยืนหันหลังหาอะไรสักอย่างบนชั้นหนังสือขณะคุยโทรศัพท์“หึๆ ไม่ต้องอ้อนเลยอ้น ไม่ได้ผล”คิ้วเข้มขมวด พยายามตีความกับสิ่งที่ได้ยิน“ไม่...ไม่เล่า”พนิดาเสียงแข็งแต่ก็เจือความขำ“หาเอาเองสิจ๊ะ ผู้ชายแซบๆ น่ะ ไม่ได้เก็บได้ตามถนนสักหน่อย”ภาสกรเริ่มย่องเบาๆ เข้าไปใกล้ร่างบาง เหมือนเธอจะได้หนังสือเล่มที่ต้องการแล้ว“ไม่ให้ลูบ หวง...เด็กใครเด็กมัน วุ้นยังไม่สนใจจะยุ่งกับเด็กอ้นเลย”คราวนี้เขาหยุดไม่ห่างจากหญิงสาวนักแล้วเกาหัว“เดี๋ยวจะกระซิบบอกซันว่าเจอกันอ้นจะแอบลูบกล้าม เขาจะได้ร
“ตอนนี้มีแต่กลิ่นกับข้าวมั้งจ๊ะ”เธอแย้งเสียงเบาหวิวอารมณ์ใคร่ตีตื้นวนเวียนเพราะมืออีกฝ่ายไม่ได้อยู่นิ่ง“ไม่ครับ หอม”ชายหนุ่มย้ำแล้วจูบซ้ำมาอีก คลอเคลียปากกับจมูกจนผิวอ่อนเริ่มแดงเพราะไรเครา ก่อนจะเปลี่ยนเป็นเม้มแล้วจูบแรงขึ้น ร่างบางสะดุ้งนิดๆ ขณะที่มือหนาไล้วนช่วงท้องน้อยไม่ห่าง“ซันจ๊ะ ขาวุ้น...”พนิดาชักจะยืนไม่ไหวแล้ว เธออ่อนเปลี้ยไปทั้งตัว เมื่อบอกไปแล้วอีกฝ่ายก็ช้อนอุ้มเธอขึ้นพาเดินมายังโซฟา ทิ้งกระเป๋าเป้ของเขาไว้ที่พื้นหน้าประตูห้องอย่างนั้นชายหนุ่มวางคนตัวเล็กให้นั่งบนโซฟา ส่วนตนคุกเข่าข้างหนึ่งคร่อมข้างสะโพกสวยโน้มหน้าลงไปหาปากอิ่มแสนหวาน ขณะเดียวกันก็ถอดสูทของหญิงสาวออก ลูบผะแผ่วไปบนบ่าบอบบาง ทรวงอวบงดงาม หน้าท้องขาวผ่องแล้วกลับมากอบกุมบีบกระชับหน้าอกหน้าใจที่เสื้อตัวสั้นลูกไม้สีขาวโอบอยู่ สิ่งที่รับรู้ทำให้ภาสกรถอนจูบ ตาคมหลุบลงมองแฟชั่นแสนเซ็กซี่ของคนรักแล้วยิ้มมุมปาก มีเสื้อสูทคลุมก็ดูเรียบร้อยดี ใครจะไปคิดว่าด้านในจะทั้งหวานทั้งเซ็กซี่ขนาดนี้ เขารู้มาบ้างว่าบางครั้งสาวๆ ก็ใส่เพียงเสื้อชั้นในด้านในสูท ทว่าผิวขาวนวลกับเสื้อลูกไม้ขาวตัวสั้นบนเรือนร่างงามลออของพนิดาก็เห
ร่างสูงกำยำที่ยืนล้วงกระเป๋ากางเกงหน้าประตูแผนกทำให้คนที่เพิ่งก้าวออกมาเห็นรีบเดินเข้าไปตบไหล่หนา“เฮ้ย มาทำอะไรถึงนี่ หรือมาหาเพื่อนกินข้าว”จักรินทร์ถามเจ้าตัวก็หันมายกมือไหว้เขา“พี่โจ๊ก สวัสดีครับ”ภาสกรทักทาย ขณะนั้นหลายคนในแผนกเริ่มออกมาแล้วมองเขาอย่างสนใจและทักเช่นกัน เพราะไม่ได้เห็นหน้าเท่าไรนัก รวมทั้งญาดาด้วย“ว่าแต่ ทำไมหน้าเหมือนไปกินยำตีนมาวะ”คนถูกถามยิ้มขื่น ญาดาซึ่งเดินมาใกล้จึงเอ่ยแทน“ซันมันไปสะดุดตอใหญ่มาก”“สะดุดตอก็น่าจะล้ม ทำไมไม่หัวแตก แต่ดันปากแตกหน้าช้ำ”จักรินทร์ยิ่งสงสัย หลายคนขมวดคิ้วไปตามๆ กัน“นั่นสิคะพี่พริก”นัชชาสาวกราฟิกคนสนิทของญาดาพูดพร้อมพยักหน้า“น่า บอกว่าสะดุดตอก็สะดุดตอสิ แล้วนี่...อย่าบอกนะว่ามา...”ดวงตาคู่กลมโตของญาดาเหลือบเข้าไปข้างในแวบหนึ่งโดยไม่พูดอะไร ขณะที่ภาสกรยกยิ้มมุมปาก ทำเอาคนอื่นยิ่งสงสัย แล้วสามสาวเพื่อนซี้รุ่นใหญ่ในแผนกก็ออกมาพอดี“มายืนมุงอะไรกันตรงนี้จ๊ะ ไม่รีบไปกินข้าวเหรอ”เสียงอนงค์นางดังขึ้นทำให้หลายคนเริ่มขยับตัว ทว่าเมื่อปรากฏร่างสูงกำยำท่ามกลางผู้คนหญิงสาวก็ถอนหายใจ ทว่าเสียงที่ทักขึ้นเป็นนิอร“แหม มารอเร็วจังนะพ่อคุณ”
“นายตามฉันมาที่ห้องทำงาน”ทั้งที่คิดว่าเรื่องจบแล้วแต่คุณไพศาลยังเคลียร์ไม่จบ พูดเสร็จก็เดินนำไปก่อน เมื่อภาสกรจะก้าวตามไปพนิดาก็สอดมือเข้าประสานนิ้วมือตนกับชายหนุ่มเขาจึงชะงัก แต่หญิงสาวยิ้มบางและเป็นฝ่ายเดินนำเอง บอกให้รู้ว่าเธอจะอยู่กับเขาไม่ปล่อยให้คุยกับบิดาตามลำพังคุณดารณีมองตามลูกสาวด้วยสายตาเอ็นดู ขณะที่พศินกับพริษฐ์มองหน้ากันแล้วถอนหายใจ ส่วนญาดายังมองตามพนิดากับภาสกรด้วยสายตาห่วงใย“ไม่มีอะไรแล้วล่ะ เชื่อสิ”พริษฐ์กระซิบบอกคนรัก หญิงสาวจึงพยักหน้าทั้งที่คิ้วยังขมวดอยู่“พ่อจะคุยกับมัน...กับเขาแค่สองคน”คุณไพศาลเปิดประตูห้องทำงานเอาไว้ แล้วไปนั่งรอบนโซฟาตัวใหญ่ ทว่าพอเห็นบุตรสาวก้าวเข้ามากับชายหนุ่มก็ขมวดคิ้ว“วุ้นขอคุยด้วยค่ะ”“วุ้นไม่เคยขัดคำสั่งพ่อ”แม้เสียงของบิดาจะไม่ได้ดุ หากก็ราบเรียบจนเย็นวาบ แต่พนิดาดูออกว่าท่านไม่ได้โกรธเธอ“เรื่องนี้พูดกันตามจริงแล้ววุ้นเป็นคนผิด วุ้นบอกคุณพ่อไปแล้วว่ากลัวที่บ้านรู้ วุ้นปิดบังทุกคน กลัวคุณพ่อคุณแม่จะผิดหวัง”หญิงสาวเอ่ยเสียงเครือสั่น“ซันไม่ได้อยากไห้วุ้นปกปิดเรื่องของเราเลยค่ะ เขาพร้อมจะแสดงออกกับทุกคนว่าเรารักกัน พร้อมจะมาหาคุณพ
“คุณจะเข้าใจยังไงก็เรื่องของคุณ ผมมายืนยันความจริงใจที่มีต่อ ลูกสาวคุณไพศาลจริงๆ ใครจะไปรู้ล่วงหน้าได้ครับว่าคุณจะมา”ภาสกรยืนยันเหมือนเดิม ตอนนี้สายตาเขาอยู่ที่คุณภานุแทนคุณไพศาลแล้ว“แต่ถ้าไปกระทบคุณเข้าก็ต้องขอโทษครับ”คุณภานุกัดฟันกรอด ก่อนจะยกยิ้มมุมปาก“หึ แกคิดว่าแค่ลำพังตัวแก ไพศาลจะยกลูกเขาให้เหรอ อย่างแกถ้าไม่มีนามสกุลฉันแกก็ไปไหนไม่รอดหรอก”ชายหนุ่มตาวาววับ แล้วเอ่ยในสิ่งที่เขาอยากพูดมานานแล้วแต่ไม่เคยได้พูด“ผมเปลี่ยนไปใช้นามสกุลแม่ก็ได้ครับ”“ซัน มีมารยาทหน่อย ทำไมพูดกับคุณพ่อแบบนี้”“ก็มันจริง ไม่ได้อยากใช้สักหน่อยนามสกุลของคุณน่ะ...”“ไอ้ซัน!”เพี้ยะ!!เมื่อทนฟังไม่ได้คุณภานุก็ลงไม้ลงมืออีก คนถูกตบได้แต่ขบกรามกำมือแน่นเพียงเท่านั้น ไม่คิดตอบโต้ผู้บังเกิดเกล้า“มันจะมากไปแล้วนะ”คนเป็นพ่อเสียงเข้มขณะที่ภาวัตรีบก้าวมายืนข้างพ่อ เมื่อคิดว่าน้องชายคนละแม่ของตนพูดสิ่งไม่ควร“นี่นายยังเห็นคุณพ่อเป็นพ่ออยู่ไหม”“จำได้ว่าไม่เคยมีใครในบ้านนั้นเห็นผมเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวนี่ครับ”“ไอ้...”มือหนายกขึ้นพร้อมกับเสียงเข้มเข่นเขี้ยวอีกครั้ง ทว่าเสียงหวานห้วนดังแทรกขึ้น“อย่าค่ะ”ร่า
“คุณวุ้นเป็นเมียผม ท่านพรากเราสองคนจากกันได้แค่ตัวกับลมหายใจ ยังไงหัวใจของเราก็อยู่ด้วยกัน”ภาสกรเอ่ยอย่างมั่นใจ ได้ยินหญิงสาวพึมพำชื่อเขา แต่เขาไม่ได้มองเธอ ต้องการสื่อสารกับบิดาเธอว่าเขาจริงจังจริงใจแค่ไหน เขารู้ว่าควรอ่อนน้อมถ่อมตนแต่ก็อยากให้ท่านเห็นนิสัยของเขาที่ไม่ใช่การเสแสร้งแกล้งทำดี สงบเสงี่ยมเจียมตัวตอนนี้คุณไพศาลยืนนิ่ง หายใจดังฟืดฟาด จ้องตากับคนที่ท่านไม่อยากเห็นหน้าอยู่นาน หากมันก็จ้องกลับไม่ยอมลดราวาศอกจนท่านหงุดหงิดในใจ ท่านเห็นโลกเห็นคนมาเยอะ ผู้ชายตรงหน้าถือว่าเป็นคนจริงคนหนึ่ง แถมยังตรงขวานผ่าซาก ตั้งแต่ก้าวเข้ามามันไม่พูดคำหวานเลยสักคำ นอกจากยกย่องชื่นชมลูกสาวท่าน ทีท่าชัดเจนว่าไม่ใช่คนที่ยอมก้มหัวให้ใครง่ายๆ แต่ถ้ารักใครก็รักจริง ทุ่มสุดตัวเพื่อคนคนนั้น ดูจากที่เดินเข้ามาในบ้านของท่านอย่างไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหม ที่สำคัญ มันไม่กลัวท่าน“แกบอกว่าฉันพรากได้แค่ตัวกับลมหายใจใช่ไหม”ถึงไม่ตอบหากสีหน้าชายหนุ่มก็ย้ำชัดว่าเขาไม่เปลี่ยนคำพูด“ได้...”พูดแล้วคุณไพศาลก็จ้ำอ้าวไปยังถุงกอล์ฟที่ท่านเอาออกมาพัตค่าเวลาระหว่างรอแขกเมื่อครู่ใหญ่ซึ่งยังไม่ได้เก็บ ดึงไม้ออกมาไม้หนึ่