ร่างบางขยับเข้าไปใกล้ชายหนุ่มอีกเล็กน้อย เพื่อให้คุยกันได้ยินขึ้นอีกหน่อย หากก็ทำให้เธอต้องเงยหน้ามองเขา
“เกรงใจซันออก จะชวนได้ยังไง”
“แล้วนี่คุณมากับใคร”
“มากับเพื่อนน่ะ”
“คนที่เลี้ยงเด็กน่ะเหรอ”
“อืม”
ชายหนุ่มส่ายหน้า คิ้วเข้มขมวด เขาดูหงุดหงิดจนพนิดาอดแปลกใจไม่ได้
“เขาอาจจะเป็นเหมือนเด็กของเขา คุณไว้ใจได้ยังไง”
“แหม รู้จักกันมาตั้งนานแล้ว เขาออกจะเป็นสาวหวาน”
เธอบอกพร้อมยิ้มบางให้อีกฝ่ายเลิกคิดมาก
“จะกลับหรือยังครับ”
ถามไปแล้วก็ยกนาฬิกาที่ข้อมือตัวเอง แล้วก็ยิ่งแปลกใจที่เห็นว่าเลยห้าทุ่มมาแล้ว
“คุณไม่ต้องรีบกลับก่อนห้าทุ่มเหรอครับ”
“คุณพ่อคุณแม่ไปเที่ยวฮ่องกง ฉันแอบหนีเที่ยวได้”
พนิดายิ้มหวานขึ้นอีก ตาคู่งามพราวขึ้นราวเด็กขี้เล่น แต่คนมองกลับไม่ชอบใจกับท่าทางนั้น เธอก็ดูน่ารักเป็นมิตรกว่าเจ้านายที่วางสีหน้านิ่งในที่ทำงานอยู่หรอก แต่เขาคิดว่ามันอันตรายเกินไปหากเธอจะอยู่ดึกกว่านี้
ในมุมมองของภาสกร หากเพื่อนของเธอคบเด็กแบบที่เหยียบเรือสองแคมได้ เขาก็อาจจะเป็นสไตล์เดียวกัน แม้จะเหมือนคิดมากไป เพื่อนเธออาจจะไม่เป็นแบบนั้น ทว่าคนตรงหน้าเขานี่ก็ดูโลกสวยเกินไปจนอดนึกเป็นห่วงไม่ได้
“ผมว่าคุณวุ้นกลับเถอะครับ ผมจะไปส่ง”
“ไม่ต้องหรอกจ้ะ ซันมาเที่ยวกับเพื่อนนี่”
เจ้านายคนสวยส่ายหน้ายิ้มๆ มือบางจับแขนเขาเบาๆ ก่อนจะสำทับ
“ไปสนุกกับเพื่อนต่อเถอะ บายนะจ๊ะ เจอกันวันจันทร์”
พูดจบหญิงสาวก็เดินหลบเขาเพื่อจะกลับไปหาเพื่อน ทว่าภาสกรคว้ามือบางเอาไว้
พนิดาหันกลับมามองชายหนุ่ม คิ้วเรียวสวยขมวด ตาคู่งามมองเขาอย่างสงสัย
“มีอะไรจ๊ะ”
“กลับเถอะครับ”
“โธ่ ไปส่งแล้วก็กลับมาเหมือนครั้งที่แล้วน่ะเหรอ หมดสนุกกันพอดี”
“ผมไม่กลับมาแล้ว ขี้เกียจ”
เขาพูดง่ายๆ ไม่ยอมปล่อยมือเธอ ทั้งยังรั้งเบาๆ ให้เดินตามอีกด้วย
“อุ๊ย...ซัน...บอกแล้วไงว่าไม่ต้อง”
ชายหนุ่มดึงให้เธอก้าวตามและมุ่งหน้าไปทางออกไม่หันกลับมาพูดกับเธออีก พนิดาได้แต่ลำบากใจ ทำอะไรไม่ได้กระทั่งออกมาข้างนอกอีกฝ่ายก็หันมาถาม
“รถคุณวุ้นอยู่ไหนครับ”
“เพื่อนไปรับน่ะ เดี๋ยวเขาจะไปส่ง”
นั่นยิ่งน่าห่วงเข้าไปอีก ภาสกรส่ายหัว
“บอกเพื่อนคุณว่าคุณจะกลับแล้ว แล้วผมจะเป็นคนไปส่งคุณเอง”
“เอ๊...ซัน ทำไมต้องทำให้มันวุ่นวาย”
คนที่ยอมเดินตามออกมาข้างนอกชักหงุดหงิดขึ้นมาบ้างที่ชายหนุ่มสั่งให้เธอทำตามที่เขาต้องการ ทั้งที่เธออายุมากกว่าเขา แล้วยังเป็นเจ้านายของเขาอีกด้วย
“คุณจะกลับหรือไม่กลับ”
ภาสกรถามเสียงนิ่ง ทว่าสายตาของเขาไม่นิ่งไปด้วย พนิดารับรู้ได้ถึงแววคุกรุ่นในนั้น และแม้จะพยายามดึงมือออกนิดๆ ก็ไม่สำเร็จ เธอไม่ได้กระชากเพราะไม่อยากทะเลาะกับเขา แถมโดยพื้นฐานแล้วก็ไม่ใช่คนใจร้อนอะไร เธอเป็นพวกรักสงบไม่ชอบมีเรื่อง ไม่พาตัวเองเข้าไปอยู่ในปัญหา
“งั้นบอกหน่อยสิ ว่าทำไมต้องอยากไปส่งฉัน แทนที่จะอยู่สนุกกับเพื่อน”
ตาคู่คมกวาดมองคนถามอย่างไม่ปิดบังสายตา เรือนร่างงามในชุดกระโปรงน่ารักตัวสั้นเลยเข่าขึ้นมาสูงถึงโคนขาสีดำ ตรงเอวมีเข็มขัดรัดเข้ารูป ทว่ามีส่วนทึบแค่เพียงช่วงอก บ่าไหล่กับแขนเป็นผ้าเนื้อบางซีทรู แขนสั้นพองนิดๆ ทำให้คืนนี้อีกฝ่ายดูเป็นสาวหวานหากก็ยังแฝงความเซ็กซี่อยู่ดี
คนถูกมองด้วยสายตาชวนหวิวหวั่นใจสะดุด ไม่คิดว่าลูกน้องหนุ่มจะกล้ามองตนเองแบบนี้
“ซัน”
เธอเรียกเขาด้วยเสียงที่ดูดุ มองสบตากลับไปอย่างต้องการให้รู้ว่าไม่พอใจเขา หากอีกฝ่ายกลับยกยิ้มมุมปาก ขยับก้มลงมากระซิบในระยะใกล้
“คุณน่าฟัดเกินไป ผมปล่อยคุณกลับกับเพื่อนที่ไม่รู้เพศแน่ชัดของคุณไม่ได้”
มือบางยกขึ้นผลักอกหนาทันที ดวงหน้าสวยกับแววตาเริ่มกรุ่นโกรธ
“นี่ ระวังคำพูดกับฉันด้วย แล้วก็อย่าพูดถึงเพื่อนฉันแบบนี้”
ถึงแม้จะไม่พอใจที่อีกฝ่ายพูดถึงเพื่อนตนอย่างหยาบคาย หากก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าหน้าเธอร้อนวูบขึ้นกับคำพูดของลูกน้องหนุ่ม
“ผมไม่พูดก็ได้ แต่คุณต้องกลับกับผม”
“เธอนี่เอาแต่ใจจริงๆ”
“ครับ”
เขายักไหล่อย่างไม่แคร์คำต่อว่า แล้วยังพูดหน้าตาเฉย
“แล้วถ้าคุณไม่ยอมตามไปดีๆ ผมจะอุ้มไปรถผมเลย”
พนิดาถึงกับเผยอปากค้างกับคำบอกของอีกฝ่าย เธอได้แต่มองหน้าเขาอย่างงุนงงความคิดของอีกฝ่าย ถึงจะพอเข้าใจได้ว่าเขาเป็นห่วงสวัสดิภาพของเธอ แต่เพื่อนของเธอก็ไว้ใจได้
“ว่าไงครับ”
เมื่อเห็นท่าทางอีกฝ่ายดูจะเอาจริงเธอจึงถอนหายใจด้วยความเซ็ง
“กลับก็กลับ”
ภาสกรยิ้มบางอย่างพอใจ แล้วดึงให้เธอเดินต่อทันทีโดยไม่ปล่อย พนิดาอยากจะแย้งหากก็ได้ยินเสียงมือถือในกระเป๋าที่สะพายอยู่แว่วๆ คิดว่าเพื่อนคงโทรตามเมื่อเห็นว่าเธอออกมาเข้าห้องน้ำนานแล้ว
“ซัน ฉันจะรับโทรศัพท์”
“ขึ้นรถก่อนก็ได้ครับ”
อีกฝ่ายพูดโดยร่างสูงกำยำไม่ได้หันมามองเธอด้วยซ้ำ
คนเดินตามได้แต่ขมวดคิ้วฉับ หน้างออยู่คนเดียว ก่อนจะบ่น
“ทำอย่างกับฉันจะวิ่งหนีเธอได้”
ชายหนุ่มไม่พูดอะไร กระทั่งมาถึงรถเขาก็กดรีโมตแล้วเปิดประตูให้เธอเข้าไปนั่งด้านข้างคนขับ ส่วนตัวเองเดินอ้อมไปอีกฝั่ง
มือถือพนิดาดังขึ้นมาอีกเธอจึงหยิบออกมารับ เป็นเพื่อนเธอโทรมาจริงๆ
“ขอโทษทีจ้ะ ฉันจะกลับแล้ว”
หญิงสาวหยุดฟังปลายสายครู่หนึ่ง
“ฉันง่วง กลับดีกว่า”
ขณะฟังเพื่อนถามไถ่สายตาก็เหลือบมองชายหนุ่มที่กำลังหยิบมือถือของเขาออกมากดไล่หาเบอร์เช่นกัน ก่อนจะตอบกลับไป
“ไม่ต้องห่วงนะ ฉันกลับแท็กซี่ เกรงใจเธอ ไม่อยากขัดตอนกำลังสนุกได้ที่ กลับถึงบ้านแล้วจะไลน์บอกแล้วกัน แค่นี้ก่อนนะจ๊ะ บ๊ายบาย”
เธอรีบตัดบทเมื่อเห็นว่าภาสกรยกมือถือของเขาขึ้นแนบหู กลัวเสียงชายหนุ่มเข้าไปแล้วเพื่อนจะสงสัยขึ้นมา
“กูกลับแล้วนะ”
‘อ้าว ทำไมรีบวะ’
“มีธุระด่วน”
ภาสกรตอบสั้นๆ ไม่อยากให้เพื่อนซักไซ้เรื่องของตน
‘แล้วสองสาวที่เขารอมึงอยู่เนี่ย เอาไง’
“มึงสองคนก็แซนด์วิชดิ จะไปยากอะไร แค่นี้นะ”
พูดจบก็วางสายแล้วสตาร์ตรถทันที
คนที่เพิ่งได้ยินคำพูดล่อแหลมที่ไม่ชินนักถึงกับตัวแข็ง กะพริบตาปริบๆ ทว่าก็พยายามทำตัวเหมือนไม่รู้สึกอะไร
==============
สองคนที่ไลฟ์สไตล์แตกต่างมาเจอกัน จะเป็นยังไงต่อไปนะ ^-^
มือบางดันแว่นยกขึ้นปาดน้ำตาที่ไหลรินอย่างรวดเร็ว เมื่อก้าวขาออกจากห้องประชุมอย่างไม่ต้องการให้ใครเห็นว่าตนอ่อนแอ ดวงหน้าสวยงามเชิดขึ้นพร้อมสูดลมหายใจเข้า กะพริบตาถี่ไล่น้ำที่เอ่อขึ้นขังขอบตา เธอพยายามฝืนทนกลั้นไว้มานานแล้ว ไม่แปลกที่มันจะหยาดลงมาทันทีที่หันหลังให้ทุกคนขาสวยในกางเกงผ้ากับรองเท้าส้นสูงก้าวฉับๆ อย่างมั่นคง ราวไม่หวั่นไหวกับสิ่งใดทั้งที่ใจข้างในแหลกเหลวจนในอกอัดแน่นไปหมดคนของเธอ สำนักพิมพ์ของเธอ ถูกตัดทิ้งอย่างไม่ไยดีราวไม่มีคุณค่า เพราะไม่ได้ทำกำไรได้มากพออย่างที่ควรเป็น“ดึกแล้ววุ้นกลับกับพี่ไหม”เสียงเข้มของพศินดังขึ้นด้านหลังแผ่นหลังบางเกร็งในทันใด หากเท้าหยุดอยู่กับที่ นอกจากร่างสูงของพี่ชายเธอแล้วยังมีน้องชายด้วย สองหนุ่มก้าวขึ้นมาดักตรงหน้าเธอ มองด้วยสายตาเห็นใจ พนิดาแทบไม่อยากสบตากับพี่และน้องชายกลัวตัวเองจะร้องออกมาทำให้ทั้งสองคนลำบากใจ“ไม่เป็นไรค่ะ อนงค์กับอรรออยู่ คงอยากคุยด้วย”“ตีสามแล้วนะครับ ไว้คุยทีหลังไม่ดีกว่าเหรอ”พริษฐ์เอ่ยขึ้น“นั่นสิ แล้วพี่ก็ไม่อยากให้วุ้นขับรถ”“วุ้นให้เพื่อนไปส่งก็ได้”“จะดีเหรอ พี่ว่า...”“พี่วีคะ...”เสียงสั่นของน้องสาวที่เอ
ร่างสูงกำยำเดินมาใกล้เธอด้วยท่าทางล้วงกระเป๋าสบายๆ ใบหน้าขาวคมระบายยิ้ม ทำให้รู้ว่าเขาเพียงแค่แซวเธอเท่านั้น“ดีใจต่างหาก”“ดีใจ?”คิ้วเข้มขมวดดูไม่ค่อยพอใจนักที่เธอตอบแบบนั้น“หมายถึง ดีใจที่พวกเราอยู่พร้อมหน้า รู้สึกตื้นตันน่ะ”“แต่ผมต้องออกนี่”คำพูดของเขาทำให้หญิงสาวชะงัก หน้าเสียไปเล็กน้อย ดวงตาคู่สวยภายใต้แว่นใสจ้องเขาราวต้องการสำรวจว่ามีร่องรอยขุ่นใจหรือไม่“ซันไม่โอเคเหรอ นึกว่าเธอไม่มีปัญหาเสียอีก”น้ำเสียงหวานเศร้าลง แววตาที่เป็นประกายก่อนหน้านี้หม่นหมองทำให้ร่างสูงกำยำขยับเข้ามาใกล้อีกนิดก่อนบอก“ผมโอเคดีครับ คุณวุ้นไม่ต้องคิดมาก”พอเขาบอกไปแบบนั้นอีกฝ่ายก็ยิ้มหวาน คนเห็นใจกระตุก ไม่เคยเห็นเจ้าตัวยิ้มแบบนี้กับเขาสักครั้ง“โธ่ พี่ก็นึกว่าซันไม่ชอบหรือผิดใจอะไรกับวินเสียอีก ไปทำงานทางนั้นมีอนาคตนะ มีโอกาสก้าวหน้า ยิ่งเก่งอย่างซัน ทำงานกับวินไปสักพัก ผลงานดีวินก็จะได้สนับสนุนทั้งเรื่องเงินเดือน ทั้งตำแหน่ง อยู่ที่นี่ขยับขึ้นไม่ได้ ยกเว้นพริกลาออก แต่เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว พี่ชอบพริกมากคงไม่ให้เขาออกหรอก อีกอย่างก็ยังมีนิ้งกับโจ๊กที่เข้ามาก่อนซันด้วย”ภาสกรจ้องคนที่คิดเผื่อเขาอย่
“ตอบผมมาก่อน”“ปล่อยมือก่อน”อีกฝ่ายต่อรองมาอย่างไม่ยอมเหมือนกัน หลังจากชั่งใจดูแล้วมั่นใจว่าพนิดาคงหนีเขาไม่ได้ภาสกรจึงยอมปล่อยมือ“ตอบสิครับ”“เธอจะให้ตอบอะไร”ดวงตาคู่สวยมองเขาด้วยแววของความลำบากใจ“เลิกเซ้าซี้ เลิกแกล้งกันได้แล้ว”หญิงสาวหลบตาตัดบทอีกครั้ง ไม่อยากผิดใจกับชายหนุ่ม อย่างน้อยเธอก็ชื่นชมในความสามารถและความรับผิดชอบในการทำงานของเขาถึงได้สนับสนุน อีกฝ่ายเองก็เป็นคนดีคนหนึ่ง ดูได้จากการที่เจอเธอในที่เที่ยวกลางคืนเขาก็อาสาไปส่งเธอถึงบ้านทั้งสองครั้ง เธอไม่เห็นเหตุผลที่ต้องขุ่นเคืองใจกันด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่องทว่าแทนที่อีกฝ่ายจะฟังเขากลับโน้มร่างสูงกำยำลงหา มือหนาข้างหนึ่งจับพนักเบาะด้านบน อีกข้างวางลงที่เบาะใกล้สะโพกเธอ ทำเอาพนิดาต้องเอนหนีจนสุดตัว“เธอจะทำอะไร”“ทำให้คุณวุ้นรู้ว่าผมไม่ได้แกล้ง”ใบหน้าคนตอบเลื่อนลงมาจนใกล้ เพราะกลัวขึ้นมามือบางจึงยกขึ้นผลักอกหนาห้ามไว้เบาๆ“ทำไมอยู่ๆ ก็คิดเรื่องแผลงๆ ขึ้นมา”“จะจีบสาว ไม่เห็นแผลงตรงไหน”“แล้วทำไมต้องเป็นพี่”หญิงสาวยังใจเย็นถามไถ่หาเหตุผล ทว่าคนตอบกลับรู้สึกสนุกที่ได้โต้คำกับอีกฝ่าย ไม่นึกรำคาญ หากเป็นสาวอื่นเซ้าซี้เขาคง
“ทำไงได้ ผมอยากอยู่กับคุณวุ้นนานๆ นี่นา”ตาคมที่มองมาทำให้เธออึดอัด ไม่ใช่ไม่พอใจ แต่เป็นความรู้สึกหวาดหวั่น ใจสั่นจนผิดปกติอีกฝ่ายออกรถแล้ว ทว่าพนิดาไม่อยากให้เขาไปส่งไกลถึงบ้านเธอเลยจริงๆ หญิงสาวนั่งเงียบอยู่ครู่หนึ่ง กระทั่งถึงจุดที่คุ้นตาและมีทางเลี้ยวเธอก็บอกชายหนุ่ม“ซันเลี้ยวซ้ายซอยข้างหน้าจ้ะ”“ทำไมเข้าซอยล่ะครับ”“ไปคอนโดพี่”“ครับ?”เสียงทุ้มกึ่งอุทานกึ่งงุนงง ทว่าเขาก็เลี้ยวรถตามที่หญิงสาวบอก“คอนโดข้างหน้านี่แหละจ้ะ”พนิดาบอกเสียงเรียบก่อนจะหยิบมือถือในกระเป๋าออกมาโทรหาอนงค์นาง“อนงค์ วุ้นจะบอกที่บ้านว่าพักที่คอนโดกับอนงค์นะ”‘อ้าว ทำไมล่ะจ๊ะ ขับรถไม่ไหวเหรอ’“อืม ดื่มเยอะเหมือนกันก็เลยไม่อยากขับน่ะ”‘โธ่ งั้นน่าจะบอกแต่แรก จะได้อยู่ด้วย กลับวันเสาร์ตอนเช้าๆ ก็ยังได้ หนูนิดกับพ่อเขาตื่นสาย’“เพิ่งขี้เกียจตอนขับออกมาแล้วนี่แหละ ยังไงวุ้นก็พักคอนโดอยู่แล้ว ไม่ได้ไปไหนต่อ แค่ไม่อยากให้คุณพ่อห่วง เลยต้องอ้างชื่ออนงค์น่ะ”‘จ้า ถึงห้องแล้วบอกด้วยนะจ๊ะ’“จ้ะ”หลังจากวางสายพนิดาก็บอกทางขึ้นลานจอดรถกับภาสกรและให้ชายหนุ่มขับไปจอดในพื้นที่ของตนเองแล้วเอ่ยขึ้น“พี่ไม่อยากให้ซันต้องไป
เสียงอึกทึกจังหวะเร้าอารมณ์ชวนสนุกสนานดังกลบเสียงพูดคุยจนต้องขยับเข้าใกล้เพื่อเอ่ยชิดติดหู ทว่าคนถูกกระซิบกลับขมวดคิ้วมุ่น นึกหงุดหงิดที่คนข้างตัวเข้ามาเบียดตนมากจนเกินเหตุ“เป็นไงครับคุณพี่ ชอบไหมครับ”คนถูกถามยิ้มบางราวไม่ยินดียินร้าย หากสายตาก็กวาดมองไปทั่วด้วยความสนใจ มือบางยกแก้วพั้นช์ในมือจิบเป็นระยะ หลายคนโชว์สเต็ปเพื่อดึงดูดเพศตรงข้าม ถูกใจก็ดื่มด้วยกันแล้วไปต่อ ไม่ถูกใจก็มองหาคนใหม่“คุณพี่อยากดูอะไรอีกไหมครับ มีอีกหลายแบบครับ ที่เงียบกว่านี้ก็มี หรือจะเป็นแบบโจ๋งครึ่มกว่านี้?”อีกฝ่ายขยับเข้ามากระซิบถามอีกครั้งเธอส่ายหน้า ยังไม่แน่ใจว่าตนเองอยากเห็นแบบไหนอีก ในนี้เหมาะกับคนชอบเสียงดัง ชอบเต้นชอบเด่น ชอบความครึกครื้น แต่สำหรับเธอแล้วมันออกจะวุ่นวายชวนปวดหัวไปหน่อย หญิงสาวเหลือบมองนาฬิกาข้อมือ“ฉันกลับดีกว่า”“อ้าว จะกลับแล้วเหรอครับ มายังไม่ถึงชั่วโมงเลย หรือจะไปดูที่อื่นก็ได้นะครับ ผมพาไป”หญิงสาวเรียกบริกรเพื่อคิดเงินในขณะที่อีกฝ่ายเหมือนอยากอยู่ต่อ“ยังไม่รู้เลยว่าอยากดูแบบไหนเพิ่มหรือเปล่า ขอคิดดูก่อนก็แล้วกัน ถ้าจะไปจะติดต่อไปอีกทีแล้วกันนะจ๊ะ ส่วนเธออยากอยู่ต่อก็ได้”พ
“แล้วนี่ซันเจ็บตัวหรือเปล่า เตะต่อยกับเขาเมื่อกี้น่ะ”พนิดาหันมองคนที่ขับรถอย่างสังเกต ไม่สบายหากใจอีกฝ่ายต้องมาเจ็บตัวเพราะตนเอง“ไม่หรอกครับ”“แต่เขาต่อยเธอกลับอยู่นะ”ชายหนุ่มยิ้มมุมปากทำให้เธอขมวดคิ้ว“ไอ้หมอนั่นมันอ่อนกว่าผมเยอะ”หญิงสาวได้แต่ถอนหายใจพลางส่ายหน้า“เอาเถอะ เจ็บไม่เจ็บเดี๋ยวไปที่ทำงานก็เห็น”เธอบอกออกไปอีกฝ่ายก็เพียงแค่หัวเราะในลำคอ วันนี้เป็นคืนวันศุกร์ที่หลายคนมักจะเที่ยวผ่อนคลาย เธอไม่แปลกใจเท่าไรที่เห็นลูกน้องหนุ่ม แต่ก็ถือว่าโชคดีไม่น้อยที่บังเอิญเขามาที่เดียวกับเธอ แล้วเข้ามาช่วยเธอได้ทันต่างฝ่ายต่างเงียบไปครู่หนึ่งชายหนุ่มก็ถาม“ว่าแต่ทำไมคุณมาเที่ยวคนเดียว มันอันตรายนะครับ”“เปล่า มากับหมอนั่นนั่นแหละ”“หืม? อย่าบอกนะครับว่าไอ้หื่นกามนั่น เด็กคุณ?”คำว่า ‘เด็ก’ ทำเอาคนได้ยินถึงกับสะอึก แม้ชายหนุ่มจะเข้าใจผิดไปหลายขุม ทว่าเธอก็ไม่โทษเขาหรอก เรื่องแบบนี้ก็เป็นไปได้ แถมเธอยังบอกเองว่ามากับผู้ชายคนนั้น“เด็กของเพื่อนน่ะ”“อะไรนะครับ แล้วคุณมากับเขาได้ยังไง ไว้ใจเขาได้ยังไง แล้วเพื่อนคุณล่ะ”ภาสกรเหลือบมามองเธอด้วยสีหน้างุนงงสุดขีด“มาทำงานน่ะ หาข้อมูลนิดหน่อย
“ทำไงได้ ผมอยากอยู่กับคุณวุ้นนานๆ นี่นา”ตาคมที่มองมาทำให้เธออึดอัด ไม่ใช่ไม่พอใจ แต่เป็นความรู้สึกหวาดหวั่น ใจสั่นจนผิดปกติอีกฝ่ายออกรถแล้ว ทว่าพนิดาไม่อยากให้เขาไปส่งไกลถึงบ้านเธอเลยจริงๆ หญิงสาวนั่งเงียบอยู่ครู่หนึ่ง กระทั่งถึงจุดที่คุ้นตาและมีทางเลี้ยวเธอก็บอกชายหนุ่ม“ซันเลี้ยวซ้ายซอยข้างหน้าจ้ะ”“ทำไมเข้าซอยล่ะครับ”“ไปคอนโดพี่”“ครับ?”เสียงทุ้มกึ่งอุทานกึ่งงุนงง ทว่าเขาก็เลี้ยวรถตามที่หญิงสาวบอก“คอนโดข้างหน้านี่แหละจ้ะ”พนิดาบอกเสียงเรียบก่อนจะหยิบมือถือในกระเป๋าออกมาโทรหาอนงค์นาง“อนงค์ วุ้นจะบอกที่บ้านว่าพักที่คอนโดกับอนงค์นะ”‘อ้าว ทำไมล่ะจ๊ะ ขับรถไม่ไหวเหรอ’“อืม ดื่มเยอะเหมือนกันก็เลยไม่อยากขับน่ะ”‘โธ่ งั้นน่าจะบอกแต่แรก จะได้อยู่ด้วย กลับวันเสาร์ตอนเช้าๆ ก็ยังได้ หนูนิดกับพ่อเขาตื่นสาย’“เพิ่งขี้เกียจตอนขับออกมาแล้วนี่แหละ ยังไงวุ้นก็พักคอนโดอยู่แล้ว ไม่ได้ไปไหนต่อ แค่ไม่อยากให้คุณพ่อห่วง เลยต้องอ้างชื่ออนงค์น่ะ”‘จ้า ถึงห้องแล้วบอกด้วยนะจ๊ะ’“จ้ะ”หลังจากวางสายพนิดาก็บอกทางขึ้นลานจอดรถกับภาสกรและให้ชายหนุ่มขับไปจอดในพื้นที่ของตนเองแล้วเอ่ยขึ้น“พี่ไม่อยากให้ซันต้องไป
“ตอบผมมาก่อน”“ปล่อยมือก่อน”อีกฝ่ายต่อรองมาอย่างไม่ยอมเหมือนกัน หลังจากชั่งใจดูแล้วมั่นใจว่าพนิดาคงหนีเขาไม่ได้ภาสกรจึงยอมปล่อยมือ“ตอบสิครับ”“เธอจะให้ตอบอะไร”ดวงตาคู่สวยมองเขาด้วยแววของความลำบากใจ“เลิกเซ้าซี้ เลิกแกล้งกันได้แล้ว”หญิงสาวหลบตาตัดบทอีกครั้ง ไม่อยากผิดใจกับชายหนุ่ม อย่างน้อยเธอก็ชื่นชมในความสามารถและความรับผิดชอบในการทำงานของเขาถึงได้สนับสนุน อีกฝ่ายเองก็เป็นคนดีคนหนึ่ง ดูได้จากการที่เจอเธอในที่เที่ยวกลางคืนเขาก็อาสาไปส่งเธอถึงบ้านทั้งสองครั้ง เธอไม่เห็นเหตุผลที่ต้องขุ่นเคืองใจกันด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่องทว่าแทนที่อีกฝ่ายจะฟังเขากลับโน้มร่างสูงกำยำลงหา มือหนาข้างหนึ่งจับพนักเบาะด้านบน อีกข้างวางลงที่เบาะใกล้สะโพกเธอ ทำเอาพนิดาต้องเอนหนีจนสุดตัว“เธอจะทำอะไร”“ทำให้คุณวุ้นรู้ว่าผมไม่ได้แกล้ง”ใบหน้าคนตอบเลื่อนลงมาจนใกล้ เพราะกลัวขึ้นมามือบางจึงยกขึ้นผลักอกหนาห้ามไว้เบาๆ“ทำไมอยู่ๆ ก็คิดเรื่องแผลงๆ ขึ้นมา”“จะจีบสาว ไม่เห็นแผลงตรงไหน”“แล้วทำไมต้องเป็นพี่”หญิงสาวยังใจเย็นถามไถ่หาเหตุผล ทว่าคนตอบกลับรู้สึกสนุกที่ได้โต้คำกับอีกฝ่าย ไม่นึกรำคาญ หากเป็นสาวอื่นเซ้าซี้เขาคง
ร่างสูงกำยำเดินมาใกล้เธอด้วยท่าทางล้วงกระเป๋าสบายๆ ใบหน้าขาวคมระบายยิ้ม ทำให้รู้ว่าเขาเพียงแค่แซวเธอเท่านั้น“ดีใจต่างหาก”“ดีใจ?”คิ้วเข้มขมวดดูไม่ค่อยพอใจนักที่เธอตอบแบบนั้น“หมายถึง ดีใจที่พวกเราอยู่พร้อมหน้า รู้สึกตื้นตันน่ะ”“แต่ผมต้องออกนี่”คำพูดของเขาทำให้หญิงสาวชะงัก หน้าเสียไปเล็กน้อย ดวงตาคู่สวยภายใต้แว่นใสจ้องเขาราวต้องการสำรวจว่ามีร่องรอยขุ่นใจหรือไม่“ซันไม่โอเคเหรอ นึกว่าเธอไม่มีปัญหาเสียอีก”น้ำเสียงหวานเศร้าลง แววตาที่เป็นประกายก่อนหน้านี้หม่นหมองทำให้ร่างสูงกำยำขยับเข้ามาใกล้อีกนิดก่อนบอก“ผมโอเคดีครับ คุณวุ้นไม่ต้องคิดมาก”พอเขาบอกไปแบบนั้นอีกฝ่ายก็ยิ้มหวาน คนเห็นใจกระตุก ไม่เคยเห็นเจ้าตัวยิ้มแบบนี้กับเขาสักครั้ง“โธ่ พี่ก็นึกว่าซันไม่ชอบหรือผิดใจอะไรกับวินเสียอีก ไปทำงานทางนั้นมีอนาคตนะ มีโอกาสก้าวหน้า ยิ่งเก่งอย่างซัน ทำงานกับวินไปสักพัก ผลงานดีวินก็จะได้สนับสนุนทั้งเรื่องเงินเดือน ทั้งตำแหน่ง อยู่ที่นี่ขยับขึ้นไม่ได้ ยกเว้นพริกลาออก แต่เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว พี่ชอบพริกมากคงไม่ให้เขาออกหรอก อีกอย่างก็ยังมีนิ้งกับโจ๊กที่เข้ามาก่อนซันด้วย”ภาสกรจ้องคนที่คิดเผื่อเขาอย่
มือบางดันแว่นยกขึ้นปาดน้ำตาที่ไหลรินอย่างรวดเร็ว เมื่อก้าวขาออกจากห้องประชุมอย่างไม่ต้องการให้ใครเห็นว่าตนอ่อนแอ ดวงหน้าสวยงามเชิดขึ้นพร้อมสูดลมหายใจเข้า กะพริบตาถี่ไล่น้ำที่เอ่อขึ้นขังขอบตา เธอพยายามฝืนทนกลั้นไว้มานานแล้ว ไม่แปลกที่มันจะหยาดลงมาทันทีที่หันหลังให้ทุกคนขาสวยในกางเกงผ้ากับรองเท้าส้นสูงก้าวฉับๆ อย่างมั่นคง ราวไม่หวั่นไหวกับสิ่งใดทั้งที่ใจข้างในแหลกเหลวจนในอกอัดแน่นไปหมดคนของเธอ สำนักพิมพ์ของเธอ ถูกตัดทิ้งอย่างไม่ไยดีราวไม่มีคุณค่า เพราะไม่ได้ทำกำไรได้มากพออย่างที่ควรเป็น“ดึกแล้ววุ้นกลับกับพี่ไหม”เสียงเข้มของพศินดังขึ้นด้านหลังแผ่นหลังบางเกร็งในทันใด หากเท้าหยุดอยู่กับที่ นอกจากร่างสูงของพี่ชายเธอแล้วยังมีน้องชายด้วย สองหนุ่มก้าวขึ้นมาดักตรงหน้าเธอ มองด้วยสายตาเห็นใจ พนิดาแทบไม่อยากสบตากับพี่และน้องชายกลัวตัวเองจะร้องออกมาทำให้ทั้งสองคนลำบากใจ“ไม่เป็นไรค่ะ อนงค์กับอรรออยู่ คงอยากคุยด้วย”“ตีสามแล้วนะครับ ไว้คุยทีหลังไม่ดีกว่าเหรอ”พริษฐ์เอ่ยขึ้น“นั่นสิ แล้วพี่ก็ไม่อยากให้วุ้นขับรถ”“วุ้นให้เพื่อนไปส่งก็ได้”“จะดีเหรอ พี่ว่า...”“พี่วีคะ...”เสียงสั่นของน้องสาวที่เอ
ร่างบางขยับเข้าไปใกล้ชายหนุ่มอีกเล็กน้อย เพื่อให้คุยกันได้ยินขึ้นอีกหน่อย หากก็ทำให้เธอต้องเงยหน้ามองเขา“เกรงใจซันออก จะชวนได้ยังไง”“แล้วนี่คุณมากับใคร”“มากับเพื่อนน่ะ”“คนที่เลี้ยงเด็กน่ะเหรอ”“อืม”ชายหนุ่มส่ายหน้า คิ้วเข้มขมวด เขาดูหงุดหงิดจนพนิดาอดแปลกใจไม่ได้“เขาอาจจะเป็นเหมือนเด็กของเขา คุณไว้ใจได้ยังไง”“แหม รู้จักกันมาตั้งนานแล้ว เขาออกจะเป็นสาวหวาน”เธอบอกพร้อมยิ้มบางให้อีกฝ่ายเลิกคิดมาก“จะกลับหรือยังครับ”ถามไปแล้วก็ยกนาฬิกาที่ข้อมือตัวเอง แล้วก็ยิ่งแปลกใจที่เห็นว่าเลยห้าทุ่มมาแล้ว“คุณไม่ต้องรีบกลับก่อนห้าทุ่มเหรอครับ”“คุณพ่อคุณแม่ไปเที่ยวฮ่องกง ฉันแอบหนีเที่ยวได้”พนิดายิ้มหวานขึ้นอีก ตาคู่งามพราวขึ้นราวเด็กขี้เล่น แต่คนมองกลับไม่ชอบใจกับท่าทางนั้น เธอก็ดูน่ารักเป็นมิตรกว่าเจ้านายที่วางสีหน้านิ่งในที่ทำงานอยู่หรอก แต่เขาคิดว่ามันอันตรายเกินไปหากเธอจะอยู่ดึกกว่านี้ในมุมมองของภาสกร หากเพื่อนของเธอคบเด็กแบบที่เหยียบเรือสองแคมได้ เขาก็อาจจะเป็นสไตล์เดียวกัน แม้จะเหมือนคิดมากไป เพื่อนเธออาจจะไม่เป็นแบบนั้น ทว่าคนตรงหน้าเขานี่ก็ดูโลกสวยเกินไปจนอดนึกเป็นห่วงไม่ได้“ผมว่าคุ
“แล้วนี่ซันเจ็บตัวหรือเปล่า เตะต่อยกับเขาเมื่อกี้น่ะ”พนิดาหันมองคนที่ขับรถอย่างสังเกต ไม่สบายหากใจอีกฝ่ายต้องมาเจ็บตัวเพราะตนเอง“ไม่หรอกครับ”“แต่เขาต่อยเธอกลับอยู่นะ”ชายหนุ่มยิ้มมุมปากทำให้เธอขมวดคิ้ว“ไอ้หมอนั่นมันอ่อนกว่าผมเยอะ”หญิงสาวได้แต่ถอนหายใจพลางส่ายหน้า“เอาเถอะ เจ็บไม่เจ็บเดี๋ยวไปที่ทำงานก็เห็น”เธอบอกออกไปอีกฝ่ายก็เพียงแค่หัวเราะในลำคอ วันนี้เป็นคืนวันศุกร์ที่หลายคนมักจะเที่ยวผ่อนคลาย เธอไม่แปลกใจเท่าไรที่เห็นลูกน้องหนุ่ม แต่ก็ถือว่าโชคดีไม่น้อยที่บังเอิญเขามาที่เดียวกับเธอ แล้วเข้ามาช่วยเธอได้ทันต่างฝ่ายต่างเงียบไปครู่หนึ่งชายหนุ่มก็ถาม“ว่าแต่ทำไมคุณมาเที่ยวคนเดียว มันอันตรายนะครับ”“เปล่า มากับหมอนั่นนั่นแหละ”“หืม? อย่าบอกนะครับว่าไอ้หื่นกามนั่น เด็กคุณ?”คำว่า ‘เด็ก’ ทำเอาคนได้ยินถึงกับสะอึก แม้ชายหนุ่มจะเข้าใจผิดไปหลายขุม ทว่าเธอก็ไม่โทษเขาหรอก เรื่องแบบนี้ก็เป็นไปได้ แถมเธอยังบอกเองว่ามากับผู้ชายคนนั้น“เด็กของเพื่อนน่ะ”“อะไรนะครับ แล้วคุณมากับเขาได้ยังไง ไว้ใจเขาได้ยังไง แล้วเพื่อนคุณล่ะ”ภาสกรเหลือบมามองเธอด้วยสีหน้างุนงงสุดขีด“มาทำงานน่ะ หาข้อมูลนิดหน่อย
เสียงอึกทึกจังหวะเร้าอารมณ์ชวนสนุกสนานดังกลบเสียงพูดคุยจนต้องขยับเข้าใกล้เพื่อเอ่ยชิดติดหู ทว่าคนถูกกระซิบกลับขมวดคิ้วมุ่น นึกหงุดหงิดที่คนข้างตัวเข้ามาเบียดตนมากจนเกินเหตุ“เป็นไงครับคุณพี่ ชอบไหมครับ”คนถูกถามยิ้มบางราวไม่ยินดียินร้าย หากสายตาก็กวาดมองไปทั่วด้วยความสนใจ มือบางยกแก้วพั้นช์ในมือจิบเป็นระยะ หลายคนโชว์สเต็ปเพื่อดึงดูดเพศตรงข้าม ถูกใจก็ดื่มด้วยกันแล้วไปต่อ ไม่ถูกใจก็มองหาคนใหม่“คุณพี่อยากดูอะไรอีกไหมครับ มีอีกหลายแบบครับ ที่เงียบกว่านี้ก็มี หรือจะเป็นแบบโจ๋งครึ่มกว่านี้?”อีกฝ่ายขยับเข้ามากระซิบถามอีกครั้งเธอส่ายหน้า ยังไม่แน่ใจว่าตนเองอยากเห็นแบบไหนอีก ในนี้เหมาะกับคนชอบเสียงดัง ชอบเต้นชอบเด่น ชอบความครึกครื้น แต่สำหรับเธอแล้วมันออกจะวุ่นวายชวนปวดหัวไปหน่อย หญิงสาวเหลือบมองนาฬิกาข้อมือ“ฉันกลับดีกว่า”“อ้าว จะกลับแล้วเหรอครับ มายังไม่ถึงชั่วโมงเลย หรือจะไปดูที่อื่นก็ได้นะครับ ผมพาไป”หญิงสาวเรียกบริกรเพื่อคิดเงินในขณะที่อีกฝ่ายเหมือนอยากอยู่ต่อ“ยังไม่รู้เลยว่าอยากดูแบบไหนเพิ่มหรือเปล่า ขอคิดดูก่อนก็แล้วกัน ถ้าจะไปจะติดต่อไปอีกทีแล้วกันนะจ๊ะ ส่วนเธออยากอยู่ต่อก็ได้”พ