“แล้วนี่ซันเจ็บตัวหรือเปล่า เตะต่อยกับเขาเมื่อกี้น่ะ”
พนิดาหันมองคนที่ขับรถอย่างสังเกต ไม่สบายหากใจอีกฝ่ายต้องมาเจ็บตัวเพราะตนเอง
“ไม่หรอกครับ”
“แต่เขาต่อยเธอกลับอยู่นะ”
ชายหนุ่มยิ้มมุมปากทำให้เธอขมวดคิ้ว
“ไอ้หมอนั่นมันอ่อนกว่าผมเยอะ”
หญิงสาวได้แต่ถอนหายใจพลางส่ายหน้า
“เอาเถอะ เจ็บไม่เจ็บเดี๋ยวไปที่ทำงานก็เห็น”
เธอบอกออกไปอีกฝ่ายก็เพียงแค่หัวเราะในลำคอ วันนี้เป็นคืนวันศุกร์ที่หลายคนมักจะเที่ยวผ่อนคลาย เธอไม่แปลกใจเท่าไรที่เห็นลูกน้องหนุ่ม แต่ก็ถือว่าโชคดีไม่น้อยที่บังเอิญเขามาที่เดียวกับเธอ แล้วเข้ามาช่วยเธอได้ทัน
ต่างฝ่ายต่างเงียบไปครู่หนึ่งชายหนุ่มก็ถาม
“ว่าแต่ทำไมคุณมาเที่ยวคนเดียว มันอันตรายนะครับ”
“เปล่า มากับหมอนั่นนั่นแหละ”
“หืม? อย่าบอกนะครับว่าไอ้หื่นกามนั่น เด็กคุณ?”
คำว่า ‘เด็ก’ ทำเอาคนได้ยินถึงกับสะอึก แม้ชายหนุ่มจะเข้าใจผิดไปหลายขุม ทว่าเธอก็ไม่โทษเขาหรอก เรื่องแบบนี้ก็เป็นไปได้ แถมเธอยังบอกเองว่ามากับผู้ชายคนนั้น
“เด็กของเพื่อนน่ะ”
“อะไรนะครับ แล้วคุณมากับเขาได้ยังไง ไว้ใจเขาได้ยังไง แล้วเพื่อนคุณล่ะ”
ภาสกรเหลือบมามองเธอด้วยสีหน้างุนงงสุดขีด
“มาทำงานน่ะ หาข้อมูลนิดหน่อย จริงๆ เพื่อนจะมาด้วย แต่มีเรื่องด่วนพอดี แล้วอีกอย่างเพื่อนฉันเขาก็...เอ่อ...ไม่ใช่ผู้ชายแบบแมนๆ ก็เลยไม่คิดว่าเด็กของเขาจะเป็นแบบนี้”
พนิดามีสีหน้าลำบากใจ ขณะที่คนฟังยิ่งขมวดคิ้วมุ่น ทว่าเมื่อเริ่มตีความได้เขาก็ส่ายหน้า
“คนที่ได้ทั้งสองอย่างก็มีเยอะครับ ยังดีที่ผมเห็นคุณเข้า”
เขาเพิ่งมาถึงจอดรถไว้อีกฝั่งแล้วกำลังจะเข้าไปข้างในก็ได้ยินเสียงเลยเดินมาดู ตอนแรกยังไม่รู้ว่าเป็นใคร หากก็เลือกจะเข้าไปช่วยก่อนเพราะเห็นว่าผู้หญิงกำลังจะถูกทำร้าย พอเห็นทะเบียนรถเขาก็จำได้ว่าเป็นของเจ้านายสาว จึงปรี่เข้าไปกระชากไหล่ของไอ้ผู้ชายคนนั้น
“นั่นสิ ต้องขอบใจซันมากเลย ไม่งั้นคงแย่”
หากไม่ได้เขาเธอก็คงเอาตัวไม่รอด
“ที่น่าโมโหก็คือ ทั้งให้เงินค่าจ้าง ค่ารับเอนฯ ของเขา จ่ายค่าเครื่องดื่ม แถมอุตส่าห์ขับรถไปรับที่สถานีรถไฟฟ้าด้วย ยังมาทำกันได้ เสียดายเงิน”
คนบ่นหน้ามุ่ย กอดอกฉับ
ภาสกรเหลือบมองคนบ่นแล้วก็เห็นแขนเรียวเสลาดันอยู่ใต้หน้าอกอวบที่ไซส์ไม่ทำธรรมดาของเจ้าตัว แถมขาเรียวงามในถุงน่องดำยังขยับไขว่ห้างพอดีกระโปรงรัดรึงที่สั้นอยู่แล้วยิ่งสูงขึ้นเหลือเพียงคลุมสะโพก เขาถึงกับต้องรีบหันมองถนนในทันใด แอบนึกในใจว่า ก็แม่คุณเล่นแต่งตัวเซ็กซี่ยั่วใจแบบนี้ไอ้หมอนั่นตบะแตกก็ไม่แปลก มันคงหวังเคลมตั้งแต่แรกเห็นเลยนั่นแหละ
“ว่าแต่มาเก็บข้อมูลอะไรครับ”
เขาชวนคุยไปเรื่องอื่น พยายามไม่ให้หัวสมองตนเองคิดถึงเจ้าของหุ่นแซบที่ทำเหมือนไม่รู้ว่าตัวเองมีรูปลักษณ์ยั่วอารมณ์หนุ่มแค่ไหน จะว่าไปเขาเองก็เพิ่งเห็นเจ้านายสาวในมุมนี้เช่นกัน เพราะเจออีกฝ่ายเพียงแค่เวลาทำงานที่แต่งตัวสุภาพภูมิฐานน่านับถือ และวันนี้เจ้าตัวก็ไม่มีแว่นมาบดบังดวงหน้าสวยเฉิดฉายกับนัยน์ตาคู่เรียวคมงดงาม
“เขียนนิยายจ้ะ”
พูดไปแล้วหันมองชายหนุ่มเพราะเพิ่งนึกขึ้นได้
“ซันคงไม่รู้ ว่าฉันก็เขียนนิยายนะ ถึงได้ทำสำนักพิมพ์ไง แต่งานยุ่งก็ไม่ค่อยได้ให้เวลากับงานเขียนเท่าไร ทำเป็นงานอดิเรกน่ะ”
“อ๋อ อย่างนี้นี่เอง แล้วได้อะไรไหมล่ะครับ”
“ยังไม่รู้เหมือนกัน จริงๆ ก็อยากดูหลายที่หน่อย แต่มาเกิดเรื่องกับหมอนี่ก็ยังไม่รู้ว่าจะเอายังไงดี อยากหาไอเดียน่ะ แต่ก็ต้องคิดก่อนว่าที่เพิ่งมาดูนี่ถูกใจไหม เข้ากับเรื่องที่คิดไว้หรือเปล่า ตั้งใจจะให้พระเอกเป็นเจ้าของผับ บาร์ หรือไม่ก็ไนต์คลับอะไรทำนองนี้ แต่ไม่เคยเห็น ไม่เคยเที่ยว น่าอายจังแก่จนป่านนี้แล้ว”
พอได้พูดในสิ่งที่ชอบหญิงสาวก็อธิบายยาว ทั้งที่เวลาพบหน้าในที่ทำงานก็ไม่เคยคุยกันเพราะเธอเป็นเจ้านาย หากก็แอบอายลูกน้องหนุ่มอยู่เหมือนกันที่ตนเองเหมือนป้าโบ (ราณ)
“ถ้ายังไม่รู้สึกว่าใช่ อาจจะคุยกับเพื่อนอีกที ให้พาไปดูที่ใกล้เคียงกับพล็อตเรื่องที่คิด แต่ก่อนอื่น ต้องโทรไปเฉ่งก่อน คบเด็กไม่ได้เรื่องเลย”
แม้จะทำน้ำเสียงฉุนเฉียว ทว่าคิดว่าอย่างน้อยเธอก็ต้องเตือนเพื่อนเกี่ยวกับเด็กคนนั้น
“ผมพาไปก็ได้นะครับ ถ้าคุณอยากดูจริงๆ”
อยู่ๆ อีกฝ่ายก็เสนอตัวขึ้นมา
“ไม่เป็นไร ไม่รบกวนซันดีกว่าจ้ะ”
พนิดาเกรงใจเพราะเขาเป็นลูกน้องในบริษัท เธอไม่อยากวุ่นวายกับเขานอกเหนือเวลางาน
“ผมยินดีครับ น่าสนุกดีออก ได้ไปเที่ยว แถมมีคนเลี้ยงด้วย”
น้ำเสียงกับท่าทางที่ดูอารมณ์ดีของชายหนุ่มทำให้เธอหันมองอย่างจริงจัง แปลกใจว่าทำไมเขาถึงได้เสนอตัว ขณะที่อีกฝ่ายหันมายิ้มให้แว่บหนึ่งก่อนจะมองตรงเช่นเดิม
“ถ้าจะไปเก็บข้อมูลอีก ก็บอกผม ผมยินดีรับใช้”
เมื่อหญิงสาวไม่พูดอะไรเขาก็ย้ำอีกครั้งอย่างต้องการบอกว่ายินดีช่วยเหลือจริงๆ
“พี่ซันขา คืนนี้ไปกับมิลค์นะ”
สาวร่างแน่งน้อยในชุดเกาะอก โชว์หน้าท้องเนียน กระโปรงสั้นแค่คืบ เบียดหน้าอกหน้าใจคัพซีกับต้นแขนเขาพร้อมกระซิบคุยด้วย มือบางลูบต้นขาแกร่งเงยหน้าขึ้นมายิ้มหวานออดอ้อน สายตาบ่งบอกความนัยที่ไม่จำเป็นต้องพูดก็รู้กันดี
ริมฝีปากได้รูปยกยิ้ม ภาสกรไม่รังเกียจหรอก ก็เขาออกจะชอบหุ่นเธอ ตัวเล็ก เอวบาง หน้าอกใหญ่เบิ้มสมชื่อ สะโพกกลมงอนทีเดียว
“อะไรกัน อาทิตย์ที่แล้วพี่ซันรับปากว่าศุกร์นี้จะไปกับแคทนะ”
สาวเปรี้ยวจี๊ดในกลุ่มอีกคนขยับมาเกาะแขนอีกข้างพร้อมทำหน้างอ แล้วส่งสายตาให้เพื่อนร่วมกลุ่มเดียวกันอย่างไม่พอใจ
“เธอจะเบิ้ลสองอาทิตย์ติดอย่างนี้คนอื่นก็อดสิ”
น้องมิลค์ไม่ยอมเพื่อนง่ายๆ
“แต่พี่ซันโอเคกับแคทแล้วนะ”
เจ้าของร่างสูงกำยำที่นั่งอยู่ระหว่างสองสาวเหล่มองทั้งคู่ก่อนจะยกแก้วเหล้าในมือขึ้นดื่มพร้อมใช้ความคิดว่าจะตอบอย่างไรดี เพราะจะให้เลือกเขาก็ตัดสินใจไม่ได้เหมือนกัน เขากับเพื่อนเที่ยวกับสาวกลุ่มนี้มาพักหนึ่งแล้ว พวกเธอมีสี่คนขณะที่กลุ่มเขามีสาม แน่นอนว่าหลังจากดื่มเต้นกันสนุกสนานก็จบลงด้วยการจับคู่แยกย้าย เขารู้มาว่าเพื่อนบางคนก็ควงสองแต่ตนขี้เกียจวุ่นวายจึงมักเลือกไปกับสาวคนเดียวที่ชวนเขาก่อน หากจำได้ว่าเขายังไม่เคยไปกับมิลค์ ทว่าแคทก็เด็ดดวงไม่น้อย
หรือว่าคืนนี้จะเล่นคู่ดี?
ชายหนุ่มเหลือบมองเพื่อนก็เห็นว่าประกบคู่เต้นนัวเนียเรียบร้อย คงไปกันต่อตามนั้น เขาเคยควงสองมาบ้างแล้วก็ไม่ได้รังเกียจพวกเธอ ในเมื่อก็ป้องกันตัวเองอย่างดีทุกครั้ง อีกอย่างภาสกรไม่ต้องการยึดติดกับสาวคนเดียวให้ใครมีความหวัง คิดดูแล้วก็ไม่ควรทำให้ใครคนใดคนหนึ่งเสียน้ำใจน่าจะดีกว่า
“ถ้างั้นพี่ว่า...”
เสียงเข้มเงียบไปเมื่อเรือนร่างงดงามที่สะดุดตาเดินผ่านไป คิ้วเข้มขมวดเข้าหากัน คิดว่าตัวเองมองไม่ผิด
บังเอิญอีกแล้วหรือ? แล้วนี่เธอมากับใคร หรือมาคนเดียว?
“พี่ขอตัวแป๊บนะ”
พูดจบเขาก็ลุกขึ้นเดินเบียดผู้คนที่ดื่มเต้นกันตามความพอใจ โดยสายตาจ้องเพียงคนคนเดียวไม่วางตา เห็นว่าอีกฝ่ายเข้าห้องน้ำเขาก็ยืนรอแถวนั้น ครู่หนึ่งหญิงสาวจึงออกมา
พนิดาชะงักเมื่อเห็นคนที่ยืนกอดอกมองเธอนิ่ง ไม่คิดว่าจะเจอเขาที่นี่ เพราะไม่ใช่ที่เดิมที่เธอไปครั้งที่แล้ว
“คุณไม่เห็นชวนผมเลย”
ชายหนุ่มพูดแทรกเสียงดนตรีทำให้เธอได้ยินที่เขาพูดไม่ชัดเจนหากก็พอฟังออก
==============
บังเอิญมาเจอกันอีกแล้ว ^-^
ร่างบางขยับเข้าไปใกล้ชายหนุ่มอีกเล็กน้อย เพื่อให้คุยกันได้ยินขึ้นอีกหน่อย หากก็ทำให้เธอต้องเงยหน้ามองเขา“เกรงใจซันออก จะชวนได้ยังไง”“แล้วนี่คุณมากับใคร”“มากับเพื่อนน่ะ”“คนที่เลี้ยงเด็กน่ะเหรอ”“อืม”ชายหนุ่มส่ายหน้า คิ้วเข้มขมวด เขาดูหงุดหงิดจนพนิดาอดแปลกใจไม่ได้“เขาอาจจะเป็นเหมือนเด็กของเขา คุณไว้ใจได้ยังไง”“แหม รู้จักกันมาตั้งนานแล้ว เขาออกจะเป็นสาวหวาน”เธอบอกพร้อมยิ้มบางให้อีกฝ่ายเลิกคิดมาก“จะกลับหรือยังครับ”ถามไปแล้วก็ยกนาฬิกาที่ข้อมือตัวเอง แล้วก็ยิ่งแปลกใจที่เห็นว่าเลยห้าทุ่มมาแล้ว“คุณไม่ต้องรีบกลับก่อนห้าทุ่มเหรอครับ”“คุณพ่อคุณแม่ไปเที่ยวฮ่องกง ฉันแอบหนีเที่ยวได้”พนิดายิ้มหวานขึ้นอีก ตาคู่งามพราวขึ้นราวเด็กขี้เล่น แต่คนมองกลับไม่ชอบใจกับท่าทางนั้น เธอก็ดูน่ารักเป็นมิตรกว่าเจ้านายที่วางสีหน้านิ่งในที่ทำงานอยู่หรอก แต่เขาคิดว่ามันอันตรายเกินไปหากเธอจะอยู่ดึกกว่านี้ในมุมมองของภาสกร หากเพื่อนของเธอคบเด็กแบบที่เหยียบเรือสองแคมได้ เขาก็อาจจะเป็นสไตล์เดียวกัน แม้จะเหมือนคิดมากไป เพื่อนเธออาจจะไม่เป็นแบบนั้น ทว่าคนตรงหน้าเขานี่ก็ดูโลกสวยเกินไปจนอดนึกเป็นห่วงไม่ได้“ผมว่าคุ
มือบางดันแว่นยกขึ้นปาดน้ำตาที่ไหลรินอย่างรวดเร็ว เมื่อก้าวขาออกจากห้องประชุมอย่างไม่ต้องการให้ใครเห็นว่าตนอ่อนแอ ดวงหน้าสวยงามเชิดขึ้นพร้อมสูดลมหายใจเข้า กะพริบตาถี่ไล่น้ำที่เอ่อขึ้นขังขอบตา เธอพยายามฝืนทนกลั้นไว้มานานแล้ว ไม่แปลกที่มันจะหยาดลงมาทันทีที่หันหลังให้ทุกคนขาสวยในกางเกงผ้ากับรองเท้าส้นสูงก้าวฉับๆ อย่างมั่นคง ราวไม่หวั่นไหวกับสิ่งใดทั้งที่ใจข้างในแหลกเหลวจนในอกอัดแน่นไปหมดคนของเธอ สำนักพิมพ์ของเธอ ถูกตัดทิ้งอย่างไม่ไยดีราวไม่มีคุณค่า เพราะไม่ได้ทำกำไรได้มากพออย่างที่ควรเป็น“ดึกแล้ววุ้นกลับกับพี่ไหม”เสียงเข้มของพศินดังขึ้นด้านหลังแผ่นหลังบางเกร็งในทันใด หากเท้าหยุดอยู่กับที่ นอกจากร่างสูงของพี่ชายเธอแล้วยังมีน้องชายด้วย สองหนุ่มก้าวขึ้นมาดักตรงหน้าเธอ มองด้วยสายตาเห็นใจ พนิดาแทบไม่อยากสบตากับพี่และน้องชายกลัวตัวเองจะร้องออกมาทำให้ทั้งสองคนลำบากใจ“ไม่เป็นไรค่ะ อนงค์กับอรรออยู่ คงอยากคุยด้วย”“ตีสามแล้วนะครับ ไว้คุยทีหลังไม่ดีกว่าเหรอ”พริษฐ์เอ่ยขึ้น“นั่นสิ แล้วพี่ก็ไม่อยากให้วุ้นขับรถ”“วุ้นให้เพื่อนไปส่งก็ได้”“จะดีเหรอ พี่ว่า...”“พี่วีคะ...”เสียงสั่นของน้องสาวที่เอ
ร่างสูงกำยำเดินมาใกล้เธอด้วยท่าทางล้วงกระเป๋าสบายๆ ใบหน้าขาวคมระบายยิ้ม ทำให้รู้ว่าเขาเพียงแค่แซวเธอเท่านั้น“ดีใจต่างหาก”“ดีใจ?”คิ้วเข้มขมวดดูไม่ค่อยพอใจนักที่เธอตอบแบบนั้น“หมายถึง ดีใจที่พวกเราอยู่พร้อมหน้า รู้สึกตื้นตันน่ะ”“แต่ผมต้องออกนี่”คำพูดของเขาทำให้หญิงสาวชะงัก หน้าเสียไปเล็กน้อย ดวงตาคู่สวยภายใต้แว่นใสจ้องเขาราวต้องการสำรวจว่ามีร่องรอยขุ่นใจหรือไม่“ซันไม่โอเคเหรอ นึกว่าเธอไม่มีปัญหาเสียอีก”น้ำเสียงหวานเศร้าลง แววตาที่เป็นประกายก่อนหน้านี้หม่นหมองทำให้ร่างสูงกำยำขยับเข้ามาใกล้อีกนิดก่อนบอก“ผมโอเคดีครับ คุณวุ้นไม่ต้องคิดมาก”พอเขาบอกไปแบบนั้นอีกฝ่ายก็ยิ้มหวาน คนเห็นใจกระตุก ไม่เคยเห็นเจ้าตัวยิ้มแบบนี้กับเขาสักครั้ง“โธ่ พี่ก็นึกว่าซันไม่ชอบหรือผิดใจอะไรกับวินเสียอีก ไปทำงานทางนั้นมีอนาคตนะ มีโอกาสก้าวหน้า ยิ่งเก่งอย่างซัน ทำงานกับวินไปสักพัก ผลงานดีวินก็จะได้สนับสนุนทั้งเรื่องเงินเดือน ทั้งตำแหน่ง อยู่ที่นี่ขยับขึ้นไม่ได้ ยกเว้นพริกลาออก แต่เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว พี่ชอบพริกมากคงไม่ให้เขาออกหรอก อีกอย่างก็ยังมีนิ้งกับโจ๊กที่เข้ามาก่อนซันด้วย”ภาสกรจ้องคนที่คิดเผื่อเขาอย่
“ตอบผมมาก่อน”“ปล่อยมือก่อน”อีกฝ่ายต่อรองมาอย่างไม่ยอมเหมือนกัน หลังจากชั่งใจดูแล้วมั่นใจว่าพนิดาคงหนีเขาไม่ได้ภาสกรจึงยอมปล่อยมือ“ตอบสิครับ”“เธอจะให้ตอบอะไร”ดวงตาคู่สวยมองเขาด้วยแววของความลำบากใจ“เลิกเซ้าซี้ เลิกแกล้งกันได้แล้ว”หญิงสาวหลบตาตัดบทอีกครั้ง ไม่อยากผิดใจกับชายหนุ่ม อย่างน้อยเธอก็ชื่นชมในความสามารถและความรับผิดชอบในการทำงานของเขาถึงได้สนับสนุน อีกฝ่ายเองก็เป็นคนดีคนหนึ่ง ดูได้จากการที่เจอเธอในที่เที่ยวกลางคืนเขาก็อาสาไปส่งเธอถึงบ้านทั้งสองครั้ง เธอไม่เห็นเหตุผลที่ต้องขุ่นเคืองใจกันด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่องทว่าแทนที่อีกฝ่ายจะฟังเขากลับโน้มร่างสูงกำยำลงหา มือหนาข้างหนึ่งจับพนักเบาะด้านบน อีกข้างวางลงที่เบาะใกล้สะโพกเธอ ทำเอาพนิดาต้องเอนหนีจนสุดตัว“เธอจะทำอะไร”“ทำให้คุณวุ้นรู้ว่าผมไม่ได้แกล้ง”ใบหน้าคนตอบเลื่อนลงมาจนใกล้ เพราะกลัวขึ้นมามือบางจึงยกขึ้นผลักอกหนาห้ามไว้เบาๆ“ทำไมอยู่ๆ ก็คิดเรื่องแผลงๆ ขึ้นมา”“จะจีบสาว ไม่เห็นแผลงตรงไหน”“แล้วทำไมต้องเป็นพี่”หญิงสาวยังใจเย็นถามไถ่หาเหตุผล ทว่าคนตอบกลับรู้สึกสนุกที่ได้โต้คำกับอีกฝ่าย ไม่นึกรำคาญ หากเป็นสาวอื่นเซ้าซี้เขาคง
“ทำไงได้ ผมอยากอยู่กับคุณวุ้นนานๆ นี่นา”ตาคมที่มองมาทำให้เธออึดอัด ไม่ใช่ไม่พอใจ แต่เป็นความรู้สึกหวาดหวั่น ใจสั่นจนผิดปกติอีกฝ่ายออกรถแล้ว ทว่าพนิดาไม่อยากให้เขาไปส่งไกลถึงบ้านเธอเลยจริงๆ หญิงสาวนั่งเงียบอยู่ครู่หนึ่ง กระทั่งถึงจุดที่คุ้นตาและมีทางเลี้ยวเธอก็บอกชายหนุ่ม“ซันเลี้ยวซ้ายซอยข้างหน้าจ้ะ”“ทำไมเข้าซอยล่ะครับ”“ไปคอนโดพี่”“ครับ?”เสียงทุ้มกึ่งอุทานกึ่งงุนงง ทว่าเขาก็เลี้ยวรถตามที่หญิงสาวบอก“คอนโดข้างหน้านี่แหละจ้ะ”พนิดาบอกเสียงเรียบก่อนจะหยิบมือถือในกระเป๋าออกมาโทรหาอนงค์นาง“อนงค์ วุ้นจะบอกที่บ้านว่าพักที่คอนโดกับอนงค์นะ”‘อ้าว ทำไมล่ะจ๊ะ ขับรถไม่ไหวเหรอ’“อืม ดื่มเยอะเหมือนกันก็เลยไม่อยากขับน่ะ”‘โธ่ งั้นน่าจะบอกแต่แรก จะได้อยู่ด้วย กลับวันเสาร์ตอนเช้าๆ ก็ยังได้ หนูนิดกับพ่อเขาตื่นสาย’“เพิ่งขี้เกียจตอนขับออกมาแล้วนี่แหละ ยังไงวุ้นก็พักคอนโดอยู่แล้ว ไม่ได้ไปไหนต่อ แค่ไม่อยากให้คุณพ่อห่วง เลยต้องอ้างชื่ออนงค์น่ะ”‘จ้า ถึงห้องแล้วบอกด้วยนะจ๊ะ’“จ้ะ”หลังจากวางสายพนิดาก็บอกทางขึ้นลานจอดรถกับภาสกรและให้ชายหนุ่มขับไปจอดในพื้นที่ของตนเองแล้วเอ่ยขึ้น“พี่ไม่อยากให้ซันต้องไป
เสียงมือถือของพนิดาแว่วขึ้นเบาๆ ร่างบางจึงขยับตัวเล็กน้อย“มีคนโทรมา สงสัยคุณพ่อน่ะ”ชายหนุ่มยอมปล่อยโดยง่ายเมื่อเธอเอ่ยถึงบิดา หญิงสาวรีบเลี่ยงอีกฝ่ายหันหลังกลับเข้าไปในห้องรับแขกโดยไม่มองหน้าเขา กลัวสีหน้ากับแววตาของตัวเองจะทำให้ภาสกรรู้สึกแย่ เพราะสงสารอีกชายหนุ่มจนไม่อาจเอ่ยปากบอกให้เขากลับไปได้ ขณะที่สมองบอกว่าการอยู่ในห้องกันสองต่อสองกับผู้ชายในเวลากลางคืนมันอันตรายแม้ผู้ชายคนนั้นจะอายุน้อยกว่าเธอเจ็ดปีก็ตามเมื่อหยิบมือถือในกระเป๋าแล้วก็เห็นว่าเป็นสายของบิดาจริง หญิงสาวก็รีบรับทันที“ค่ะคุณพ่อ”‘หนูกลับหรือยังวุ้น กินเลี้ยงกันเสร็จหรือยัง เห็นว่าเลี้ยงใกล้ๆ ที่ทำงาน เดี๋ยวจะดึกไปนะลูก พ่อห่วง’พนิดาไม่สบายใจนักเมื่อได้ยินเสียงของท่าน เหมือนแอบซ่อนเรื่องที่ทำผิดเอาไว้แล้วถูกถามเข้า เธออยากโทรกลับบ้านทันทีที่ถึงห้องแต่เพราะภาสกรตามมาทำให้ยังไม่ได้โทร“คุณพ่อคะ วุ้นขอโทษค่ะที่โทรบอกช้า วุ้นเห็นว่าดึกแล้ว ไม่อยากขับรถไกลก็เลยจะขออนุญาตพักคอนโดน่ะค่ะ”‘อ้าว อย่างนั้นเหรอ’“อนงค์พักกับวุ้นด้วย คุณพ่อไม่ต้องห่วงนะคะ นี่ก็มาถึงคอนโดแล้วล่ะค่ะ”พูดไปแล้วก็กัดริมฝีปาก รู้สึกผิดที่โกหกบิด
“ครับแม่...แม่คุณทูนหัว”พูดจบปากอุ่นก็ประกบลงมาหาปากอิ่มแต่หญิงสาวเบนหน้าหนีอย่างรวดเร็ว เพราะชายหนุ่มเท้ามือบนโซฟา ไม่ได้ล็อกหน้าเธอเอาไว้จึงพอหลบเขาได้บ้าง หากอีกฝ่ายก็ไล่จูบแก้ม คาง ลำคอ ซุกไซ้ปากกับจมูกในทุกจุดที่สามารถประทับจูบแล้วสูดดมความหอมบนเนื้อสาวได้“อื้อ อย่านะซัน อย่ามือไวใจเร็วกับพี่นะ ไม่อย่างนั้นพี่จะไม่คุยกับซันอีก”ภาสกรชะงัก หักห้ามใจจากกลิ่นหอมละมุนน่าหลงใหล ในใจยังก้ำกึ่งระหว่างเดินหน้าต่อกับยอมถอย เพราะรู้ดีว่าหากเขาจะก้าวต่อไปพนิดาไม่มีทางหลุดรอดมือแน่ ทว่าเขาไม่อยากหักหาญเจ้าของร่างบางที่ให้ความรู้สึกอบอุ่นกับหัวใจของเขา ฉะนั้นสิ่งที่ต้องทำก็คือสะกดอารมณ์ของตัวเองในเมื่อบอกว่าจะจีบเขาก็จะทำตามนั้นพนิดาอ่อนด้อยประสบการณ์รัก ห่างไกลจากเขาชนิดที่เดินคนละเส้นทางเลยก็ว่าได้ ในขณะที่เขารู้จักโลกของกามารมณ์ตั้งแต่แตกเนื้อหนุ่ม ทว่าหญิงสาวกลับเพิ่งก้าวออกจากอ้อมอกของพ่อไปเที่ยวกลางคืนในคืนที่เขาบังเอิญช่วยเธอเอาไว้ หญิงสาวบริสุทธิ์เกินไปสำหรับเขาด้วยซ้ำทว่าความผุดผ่องของเธอกลับให้ความอบอุ่นอ่อนโยนกับจิตใจเขา แค่เขากอดพนิดาเพียงนิดเดียวเมื่อครู่ ยังอุ่นใจกว่านอนกอดส
“เด็กอนามัยจัดอย่างคุณวุ้นง่วงแล้วสินะครับ”ภาสกรเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นหญิงสาวปิดปากหาว หลังจากตกลงกันได้เธอก็ให้เขาขยับไปนั่งห่างอีกหน่อย“อนามัย?”คิ้วเรียวสวยขมวดเข้าหากัน พร้อมพึมพำอย่างสงสัย“ก็เห็นต้องกลับก่อนห้าทุ่ม แถมนี่เพิ่งห้าทุ่มครึ่งคุณก็หาวตาโรยแล้ว”เขาพูดพร้อมยิ้มบางราวเอ็นดูเธอทำเอาพนิดาหน้างอแล้วลุกขึ้นขณะบอก“ใช่ พี่ง่วงแล้ว ซันก็กลับได้แล้วล่ะ”อีกฝ่ายฉุดข้อมือเธอไว้ทันทีที่จบประโยค พอมองแล้วก็ต้องถอนหายใจยาว แววตากับสีหน้าคนตัวโตเห็นชัดว่าพยายามอ้อนสุดฤทธิ์“ผมยังไม่อยากกลับเลย”“ซันก็เห็นว่าพี่ง่วงแล้ว”“แต่ผมเหงาคุณวุ้นก็รู้”“จะให้พี่ทำยังไงล่ะจ๊ะ ซันจะอยู่กับพี่ทั้งคืนหรือไง”พูดออกไปแล้วก็พลันใจวูบวาบ เมื่ออีกฝ่ายเงียบแต่แววตาแสดงความต้องการออกมาอย่างชัดเจน ทำเอาคนมองต้องส่ายหน้าช้าๆ“ไม่ได้”“นะครับ”“ไม่”“โธ่ คุณวุ้นครับ”ครั้งนี้พนิดาบิดข้อมืออกจากมือหนา รู้สึกว่าชายหนุ่มได้ใจมากไปแล้ว หากเธอไม่ใจแข็งเขาก็ได้คืบจะเอาศอก“พี่ยอมซันถึงขนาดนี้แล้ว วันนี้น่าจะพอแค่นี้ได้แล้วนะ”เธอเอ่ยอย่างใจเย็น น้ำเสียงหวานอ่อนโยนไม่มีความฉุนเฉียวแต่อย่างใด“แต่ผมอยากอยู่กับคุณวุ
“อยากทำแบบนี้กับคุณวุ้นตั้งแต่วันที่แอบจูบแน่ะ”เสียงทุ้มดูสนุกตื่นเต้น ทว่าคนได้ยินอายจนตัวแทบม้วน“ใครจะยอม”“รู้ว่าวันนั้นไม่ยอม แต่วันนี้ยอมนะครับ”คุยไปด้วยมือหนาก็ดึงชายเสื้อที่อยู่ในขอบเอวกระโปรงหญิงสาวขึ้น สอดมือเข้ามาเคล้นคลึงอกอวบภายใน ปลุกเร้าอารมณ์สาวไปด้วยอย่างไม่ยอมเสียเวลา สะโพกสวยถูกบดเบียดรุมร้อน เร่งความปรารถนาให้กับคนทั้งคู่ พนิดารับรู้ถึงกายแกร่งชัดเจน“อื้อ ใจร้อนไปไหม เร็วจัง”“กับคุณวุ้นก็เร็วตลอดอยู่แล้วนี่ครับ”ชายหนุ่มยิ้มมุมปากทั้งยังขยับสะโพกเข้าหาไม่หยุด กับพนิดาแล้วเขาไม่เคยรู้สึกตัวช้าเลย หากก็รั้งตัวเองให้เวลาหญิงสาวเสมอ“นะครับ ขอนะ”เสียงทุ้มครางพร่าชิดซอกคอนุ่มบ่งบอกว่าเจ้าตัวมาถึงจุดที่ฝืนไม่ไหวแล้ว นอกจากเขาจะตั้งใจเร่งร้อนแล้วน้ำตาของหญิงสาวก็ทำให้เขายิ่งอยากกอดเธอ ภาสกรแพ้น้ำตาอีกฝ่ายเห็นเมื่อไรทนไม่ได้ทุกที อยากกอดอยากคลุกเคล้ากระโปรงบานพอดีเข่าไม่ยากที่จะรั้งขึ้นสูง มือหนาโลมเล้าผ่านผ้าเนื้อบางแนบสัดส่วนอ่อนไหว ปากก็เม้มผิวเนื้ออ่อนข้างลำคอ ได้ยินเจ้าของร่างบางหอบแรงและไม่มีเสียงห้ามปรามอีกแล้ว เขาจึงเดินหน้าดูแลให้ หญิงสาวพร้อมก้าวขั้นต่อไป ซ
1 ปีผ่านไป...ภาสกรไปส่งพนิดาทุกบ่ายวันเสาร์ตามคำสั่งของคุณไพศาลหลังจากหญิงสาวอยู่กับเขาที่คอนโดในคืนวันศุกร์ และอยู่กินข้าวเย็นที่นั่นทุกวัน ชายหนุ่มไม่ได้เป็นที่ชื่นชอบของบิดาหญิงสาวนัก หากท่านก็ยอมรับในตัวเขา เพราะถือว่าทำมาหากินดูแลตัวเองมาตั้งแต่เรียนจบ ค่อนข้างมีความมั่นคงในหน้าที่การงาน และเป็นคนเก่งคนหนึ่ง โดยข้อนี้พศินกับพริษฐ์ยืนยันเสียงเดียวกัน ถือว่าอนาคตไกล ส่วนกับคุณดารณีนั้นท่านถูกใจ ชายหนุ่ม เพราะเขาเอาใจเก่งปากหวานกับท่านเหมือนกับพนิดา และเอาอกเอาใจท่านกับหญิงสาว ต่างจากคุณไพศาลที่ชายหนุ่มไม่เข้าหาหรือตีสนิท เขาวางตัวปกติ ตอบคำถามอย่างเป็นการเป็นงานข้อนี้พนิดาบอกกับมารดาว่าน่าจะเพราะภาสกรไม่ได้รับการเลี้ยงดูที่อบอุ่นจากบิดาของเขา เขาอยู่กับมารดา เมื่อสูญเสียมารดาก็โหยหาความรักความทะนุถนอมอ่อนโยนแบบที่เคยได้รับ จึงชินกับการเข้าหาผู้หญิงและทำให้รักเอ็นดูตนเองมากกว่าผู้ชาย สังเกตได้จากที่ชายหนุ่มสนิทกับผู้หญิงหลายคนในที่ทำงาน รวมทั้งอนงค์นางกับนิอรด้วยตอนนี้ภาสกรมีคีย์การ์ดสำรองเข้าห้องของพนิดาได้โดยที่หญิงสาวไม่ต้องลงไปรับอีกแล้ว หลังจากล้างหน้าล้างตาก็มาหาเจ้าของร่าง
“อือ ซัน”เสียงหวานพึมพำเมื่อชายหนุ่มเร่งมือก่อนจะตัวสั่นเล็กน้อย ทว่าเพียงเท่านั้นยังไม่พอ อีกฝ่ายปล่อยให้หน้าอกเธอเป็นอิสระ ใบหน้าขาวคมซุกไซ้ลงเรื่อยไป หากก็ไม่ลืมพาเธอลงไปนอนแล้วเปิดเปลือยร่างงามไปด้วยเมื่อหญิงสาวไร้ซึ่งเสื้อผ้า เขาก็ปลดเปลื้องตนเองเช่นกันอย่างไม่ให้น้อยหน้า พาร่างสูงกำยำแทรกกลางเรียวขาสวย หากเมื่อเคลื่อนใบหน้าลงต่ำก็ได้ยินทักแผ่วหวิว“ซันจ๊ะ”พนิดาอายที่เขาจะทำแบบนี้กับเธออีก เพราะเวลานี้ร่างกายเธอตอบสนองว่าตนเองพร้อมแล้ว ทว่าชายหนุ่มส่งยิ้มอ่อนโยนพร้อมบอก“ผมอยากทำครับ”หน้าที่ร้อนผ่าวอยู่แล้วของเธอร้อนราวกำลังไหม้เมื่อตามองใบหน้าขาวคมฝังลงกลางกาย สัมผัสนุ่มนวลอ่อนโยน หากก็ประชิดทุกซอกมุมทำให้เธอเขินสุดขีด แต่ก็ต้องยอมรับว่าปลายลิ้นร้อนชื้นกับปากอุ่นทำให้เธอรู้สึกดีอย่างเหลือแสน สุขสมเต็มอิ่มล้นอกภาสกรไล้ปากกับปลายลิ้นอย่างพึงพอใจ ความงามตรงหน้าเชิญชวนให้ลิ้มชิมไม่รู้เบื่อ ยิ่งเห็นสะโพกสวยขยับ เขาก็ยิ่งปรนเปรอหญิงสาว หากมือหนาก็ไม่ลืมเตรียมตนเองไปด้วย ใช่ว่าเขาไม่ลุกเพราะพนิดา แต่เพราะอยากตื่นตัวถึงขีดสุดเพื่อจัดเต็มในทันทีที่ชิดใกล้ต่างหาก แน่นอนว่าครั้งนี้เขา
พนิดาไม่ยอมให้ภาสกรอาบน้ำด้วยแม้เขาจะอ้อนแค่ไหนก็ตาม ขณะกินข้าวด้วยกันเจ้าตัวก็ส่งสายตาคมวาบหวามให้เธออย่างมีความนัยตลอดเวลาจนเธอต้องถอนหายใจให้รู้ว่าอ่อนใจกับเขาแค่ไหน ทว่าแทนที่ชายหนุ่มจะสลดกลับหัวเราะกรุ้มกริ่มในลำคอเสียอย่างนั้น“ซันล้างจานแล้วกันนะ”หญิงสาวบอกแล้วก็ลุกขึ้นเดินหนีไปทันที ทั้งที่ปกติเธอจะช่วยเขา แม้ชายหนุ่มจะอาสาทำเองก็ตาม ทำเอาภาสกรได้แต่เกาหัว“สงสัยแสดงออกมากเกินไปแฮะเรา”หลังจากจัดการในครัวเรียบร้อย ภาสกรก็ไปยังห้องทำงานของพนิดาเพราะคิดว่าหญิงสาวน่าจะอยู่ในนั้น ร่างสูงกำยำชะงักเมื่อเห็นอีกฝ่ายยืนหันหลังหาอะไรสักอย่างบนชั้นหนังสือขณะคุยโทรศัพท์“หึๆ ไม่ต้องอ้อนเลยอ้น ไม่ได้ผล”คิ้วเข้มขมวด พยายามตีความกับสิ่งที่ได้ยิน“ไม่...ไม่เล่า”พนิดาเสียงแข็งแต่ก็เจือความขำ“หาเอาเองสิจ๊ะ ผู้ชายแซบๆ น่ะ ไม่ได้เก็บได้ตามถนนสักหน่อย”ภาสกรเริ่มย่องเบาๆ เข้าไปใกล้ร่างบาง เหมือนเธอจะได้หนังสือเล่มที่ต้องการแล้ว“ไม่ให้ลูบ หวง...เด็กใครเด็กมัน วุ้นยังไม่สนใจจะยุ่งกับเด็กอ้นเลย”คราวนี้เขาหยุดไม่ห่างจากหญิงสาวนักแล้วเกาหัว“เดี๋ยวจะกระซิบบอกซันว่าเจอกันอ้นจะแอบลูบกล้าม เขาจะได้ร
“ตอนนี้มีแต่กลิ่นกับข้าวมั้งจ๊ะ”เธอแย้งเสียงเบาหวิวอารมณ์ใคร่ตีตื้นวนเวียนเพราะมืออีกฝ่ายไม่ได้อยู่นิ่ง“ไม่ครับ หอม”ชายหนุ่มย้ำแล้วจูบซ้ำมาอีก คลอเคลียปากกับจมูกจนผิวอ่อนเริ่มแดงเพราะไรเครา ก่อนจะเปลี่ยนเป็นเม้มแล้วจูบแรงขึ้น ร่างบางสะดุ้งนิดๆ ขณะที่มือหนาไล้วนช่วงท้องน้อยไม่ห่าง“ซันจ๊ะ ขาวุ้น...”พนิดาชักจะยืนไม่ไหวแล้ว เธออ่อนเปลี้ยไปทั้งตัว เมื่อบอกไปแล้วอีกฝ่ายก็ช้อนอุ้มเธอขึ้นพาเดินมายังโซฟา ทิ้งกระเป๋าเป้ของเขาไว้ที่พื้นหน้าประตูห้องอย่างนั้นชายหนุ่มวางคนตัวเล็กให้นั่งบนโซฟา ส่วนตนคุกเข่าข้างหนึ่งคร่อมข้างสะโพกสวยโน้มหน้าลงไปหาปากอิ่มแสนหวาน ขณะเดียวกันก็ถอดสูทของหญิงสาวออก ลูบผะแผ่วไปบนบ่าบอบบาง ทรวงอวบงดงาม หน้าท้องขาวผ่องแล้วกลับมากอบกุมบีบกระชับหน้าอกหน้าใจที่เสื้อตัวสั้นลูกไม้สีขาวโอบอยู่ สิ่งที่รับรู้ทำให้ภาสกรถอนจูบ ตาคมหลุบลงมองแฟชั่นแสนเซ็กซี่ของคนรักแล้วยิ้มมุมปาก มีเสื้อสูทคลุมก็ดูเรียบร้อยดี ใครจะไปคิดว่าด้านในจะทั้งหวานทั้งเซ็กซี่ขนาดนี้ เขารู้มาบ้างว่าบางครั้งสาวๆ ก็ใส่เพียงเสื้อชั้นในด้านในสูท ทว่าผิวขาวนวลกับเสื้อลูกไม้ขาวตัวสั้นบนเรือนร่างงามลออของพนิดาก็เห
ร่างสูงกำยำที่ยืนล้วงกระเป๋ากางเกงหน้าประตูแผนกทำให้คนที่เพิ่งก้าวออกมาเห็นรีบเดินเข้าไปตบไหล่หนา“เฮ้ย มาทำอะไรถึงนี่ หรือมาหาเพื่อนกินข้าว”จักรินทร์ถามเจ้าตัวก็หันมายกมือไหว้เขา“พี่โจ๊ก สวัสดีครับ”ภาสกรทักทาย ขณะนั้นหลายคนในแผนกเริ่มออกมาแล้วมองเขาอย่างสนใจและทักเช่นกัน เพราะไม่ได้เห็นหน้าเท่าไรนัก รวมทั้งญาดาด้วย“ว่าแต่ ทำไมหน้าเหมือนไปกินยำตีนมาวะ”คนถูกถามยิ้มขื่น ญาดาซึ่งเดินมาใกล้จึงเอ่ยแทน“ซันมันไปสะดุดตอใหญ่มาก”“สะดุดตอก็น่าจะล้ม ทำไมไม่หัวแตก แต่ดันปากแตกหน้าช้ำ”จักรินทร์ยิ่งสงสัย หลายคนขมวดคิ้วไปตามๆ กัน“นั่นสิคะพี่พริก”นัชชาสาวกราฟิกคนสนิทของญาดาพูดพร้อมพยักหน้า“น่า บอกว่าสะดุดตอก็สะดุดตอสิ แล้วนี่...อย่าบอกนะว่ามา...”ดวงตาคู่กลมโตของญาดาเหลือบเข้าไปข้างในแวบหนึ่งโดยไม่พูดอะไร ขณะที่ภาสกรยกยิ้มมุมปาก ทำเอาคนอื่นยิ่งสงสัย แล้วสามสาวเพื่อนซี้รุ่นใหญ่ในแผนกก็ออกมาพอดี“มายืนมุงอะไรกันตรงนี้จ๊ะ ไม่รีบไปกินข้าวเหรอ”เสียงอนงค์นางดังขึ้นทำให้หลายคนเริ่มขยับตัว ทว่าเมื่อปรากฏร่างสูงกำยำท่ามกลางผู้คนหญิงสาวก็ถอนหายใจ ทว่าเสียงที่ทักขึ้นเป็นนิอร“แหม มารอเร็วจังนะพ่อคุณ”
“นายตามฉันมาที่ห้องทำงาน”ทั้งที่คิดว่าเรื่องจบแล้วแต่คุณไพศาลยังเคลียร์ไม่จบ พูดเสร็จก็เดินนำไปก่อน เมื่อภาสกรจะก้าวตามไปพนิดาก็สอดมือเข้าประสานนิ้วมือตนกับชายหนุ่มเขาจึงชะงัก แต่หญิงสาวยิ้มบางและเป็นฝ่ายเดินนำเอง บอกให้รู้ว่าเธอจะอยู่กับเขาไม่ปล่อยให้คุยกับบิดาตามลำพังคุณดารณีมองตามลูกสาวด้วยสายตาเอ็นดู ขณะที่พศินกับพริษฐ์มองหน้ากันแล้วถอนหายใจ ส่วนญาดายังมองตามพนิดากับภาสกรด้วยสายตาห่วงใย“ไม่มีอะไรแล้วล่ะ เชื่อสิ”พริษฐ์กระซิบบอกคนรัก หญิงสาวจึงพยักหน้าทั้งที่คิ้วยังขมวดอยู่“พ่อจะคุยกับมัน...กับเขาแค่สองคน”คุณไพศาลเปิดประตูห้องทำงานเอาไว้ แล้วไปนั่งรอบนโซฟาตัวใหญ่ ทว่าพอเห็นบุตรสาวก้าวเข้ามากับชายหนุ่มก็ขมวดคิ้ว“วุ้นขอคุยด้วยค่ะ”“วุ้นไม่เคยขัดคำสั่งพ่อ”แม้เสียงของบิดาจะไม่ได้ดุ หากก็ราบเรียบจนเย็นวาบ แต่พนิดาดูออกว่าท่านไม่ได้โกรธเธอ“เรื่องนี้พูดกันตามจริงแล้ววุ้นเป็นคนผิด วุ้นบอกคุณพ่อไปแล้วว่ากลัวที่บ้านรู้ วุ้นปิดบังทุกคน กลัวคุณพ่อคุณแม่จะผิดหวัง”หญิงสาวเอ่ยเสียงเครือสั่น“ซันไม่ได้อยากไห้วุ้นปกปิดเรื่องของเราเลยค่ะ เขาพร้อมจะแสดงออกกับทุกคนว่าเรารักกัน พร้อมจะมาหาคุณพ
“คุณจะเข้าใจยังไงก็เรื่องของคุณ ผมมายืนยันความจริงใจที่มีต่อ ลูกสาวคุณไพศาลจริงๆ ใครจะไปรู้ล่วงหน้าได้ครับว่าคุณจะมา”ภาสกรยืนยันเหมือนเดิม ตอนนี้สายตาเขาอยู่ที่คุณภานุแทนคุณไพศาลแล้ว“แต่ถ้าไปกระทบคุณเข้าก็ต้องขอโทษครับ”คุณภานุกัดฟันกรอด ก่อนจะยกยิ้มมุมปาก“หึ แกคิดว่าแค่ลำพังตัวแก ไพศาลจะยกลูกเขาให้เหรอ อย่างแกถ้าไม่มีนามสกุลฉันแกก็ไปไหนไม่รอดหรอก”ชายหนุ่มตาวาววับ แล้วเอ่ยในสิ่งที่เขาอยากพูดมานานแล้วแต่ไม่เคยได้พูด“ผมเปลี่ยนไปใช้นามสกุลแม่ก็ได้ครับ”“ซัน มีมารยาทหน่อย ทำไมพูดกับคุณพ่อแบบนี้”“ก็มันจริง ไม่ได้อยากใช้สักหน่อยนามสกุลของคุณน่ะ...”“ไอ้ซัน!”เพี้ยะ!!เมื่อทนฟังไม่ได้คุณภานุก็ลงไม้ลงมืออีก คนถูกตบได้แต่ขบกรามกำมือแน่นเพียงเท่านั้น ไม่คิดตอบโต้ผู้บังเกิดเกล้า“มันจะมากไปแล้วนะ”คนเป็นพ่อเสียงเข้มขณะที่ภาวัตรีบก้าวมายืนข้างพ่อ เมื่อคิดว่าน้องชายคนละแม่ของตนพูดสิ่งไม่ควร“นี่นายยังเห็นคุณพ่อเป็นพ่ออยู่ไหม”“จำได้ว่าไม่เคยมีใครในบ้านนั้นเห็นผมเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวนี่ครับ”“ไอ้...”มือหนายกขึ้นพร้อมกับเสียงเข้มเข่นเขี้ยวอีกครั้ง ทว่าเสียงหวานห้วนดังแทรกขึ้น“อย่าค่ะ”ร่า
“คุณวุ้นเป็นเมียผม ท่านพรากเราสองคนจากกันได้แค่ตัวกับลมหายใจ ยังไงหัวใจของเราก็อยู่ด้วยกัน”ภาสกรเอ่ยอย่างมั่นใจ ได้ยินหญิงสาวพึมพำชื่อเขา แต่เขาไม่ได้มองเธอ ต้องการสื่อสารกับบิดาเธอว่าเขาจริงจังจริงใจแค่ไหน เขารู้ว่าควรอ่อนน้อมถ่อมตนแต่ก็อยากให้ท่านเห็นนิสัยของเขาที่ไม่ใช่การเสแสร้งแกล้งทำดี สงบเสงี่ยมเจียมตัวตอนนี้คุณไพศาลยืนนิ่ง หายใจดังฟืดฟาด จ้องตากับคนที่ท่านไม่อยากเห็นหน้าอยู่นาน หากมันก็จ้องกลับไม่ยอมลดราวาศอกจนท่านหงุดหงิดในใจ ท่านเห็นโลกเห็นคนมาเยอะ ผู้ชายตรงหน้าถือว่าเป็นคนจริงคนหนึ่ง แถมยังตรงขวานผ่าซาก ตั้งแต่ก้าวเข้ามามันไม่พูดคำหวานเลยสักคำ นอกจากยกย่องชื่นชมลูกสาวท่าน ทีท่าชัดเจนว่าไม่ใช่คนที่ยอมก้มหัวให้ใครง่ายๆ แต่ถ้ารักใครก็รักจริง ทุ่มสุดตัวเพื่อคนคนนั้น ดูจากที่เดินเข้ามาในบ้านของท่านอย่างไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหม ที่สำคัญ มันไม่กลัวท่าน“แกบอกว่าฉันพรากได้แค่ตัวกับลมหายใจใช่ไหม”ถึงไม่ตอบหากสีหน้าชายหนุ่มก็ย้ำชัดว่าเขาไม่เปลี่ยนคำพูด“ได้...”พูดแล้วคุณไพศาลก็จ้ำอ้าวไปยังถุงกอล์ฟที่ท่านเอาออกมาพัตค่าเวลาระหว่างรอแขกเมื่อครู่ใหญ่ซึ่งยังไม่ได้เก็บ ดึงไม้ออกมาไม้หนึ่