“พ่อว่าช่วงนี้พีร์ทำงานหนักเกินไปแล้วนะ” คุณธวัชชัยเอ่ยกับลูกชายคนโตที่กลับมาถึงบ้านแต่ละวันด้วยสภาพอิดโรยราวกับไปออกรบ
“ผมชินแล้วครับพ่อ” พีราวัชรหรือพีร์หนุ่มโสดวัย 35 ปีที่เป็นผู้บริหารระดับสูงของ TP Shopping Mall ซึ่งมีสาขาอยู่ในกรุงเทพสองแห่ง ต่างจังหวัดอีกถึงสี่แห่งและปลายปีนี้ก็จะเปิดที่เวียดนามอีกหนึ่งแห่ง
“ได้ข่าวว่าช่วงนี้ห้างปรับปรุงใช่เหรอ ทำไมไม่ใช้ช่วงนี้พักผ่อนละ ไปภูเก็ตไหมล่ะ ทะเลกำลังสวยเลย” คุณประภัสสรบอกลูกชาย
“ไม่ดีกว่าครับแม่ ผมเพิ่งให้ตั๋วเครื่องบินกับที่พักฟรีกับลูกค้าที่เช่าพื้นที่ในห้างไป ถ้าไปเที่ยวแล้วบังเอิญเจอกันผมกลัวพวกเขาจะไม่สนุก” ชายหนุ่มนั่งลงบนโซฟาข้างมารดาก่อนจะยกนำที่เด็กรับใช้เอามาเสิร์ฟเพื่อดับกระหาย
“พีร์คิดเหรอว่าคนพวกนั้นจะจำพีร์ได้ พีร์เคยเดินลงมาที่ห้างที่ไหนกันละ ไปถึงก็ขึ้นลิฟต์ไปชั้นบนสุดเลยแล้วใครที่ไหนจะจำลูกแม่ได้กัน”
“แต่จำไม่ได้ก็ดีเหมือนกันนะคุณ พวกสาวที่ห้างก็จะได้ไม่วุ่นวาย”
“พูดถึงสาว แล้วเมื่อไหร่ลูกของแม่จะหาสะใภ้ให้แม่สักทีล่ะลูก แม่รอนานแล้วนะ”
“อย่ารอเลยครับแม่ ผมยังไม่คิดเรื่องนั้น”
“แต่พีร์จะสนุกไปวันๆ ไม่ได้นะ อีกหน่อยใครจะมาสืบทอดกิจการล่ะ”
“ก็ลูกนายวินกับข้าวหอมไงครับแม่” เขาหมายถึงน้องชายกับน้องสาวที่ตอนนี้ทั้งสองนั้นแต่งงานไปแล้ว
“พูดอย่างกับสองคนนั้นมีหลายให้แม่แล้วอย่างนั้นแหละ เฮ้อ! ไม่รู้ไปทำกรรมที่ไหนมา มีลูกกับเขาตั้งสามคนแต่ยังไม่มีหลานให้อุ้ม แม่ว่าพีร์ลองมาหาคนรู้ใจไว้บ้างก็ดีนะลูก”
“แม่ครับ ผมยังไม่เคยเจอใครที่ถูกใจจนอยากจะให้มาเป็นแม่ของลูกได้เลยนะครับ”
“ก็เราเอาแต่ทำงานไงล่ะ แล้วจะเจอใครที่ไหนล่ะ ลูกสาวของเพื่อนแม่ก็แต่งงานกันไปหมดแล้ว”
“อย่าคิดมากเลยครับแม่ เนื้อคู่ผมอาจจะยังไม่เกิดก็ได้นะครับ”
“ปีนี้พีร์อายุ 35 แล้วนะ เนื้อคู่เราอาจจะเกิดแล้วและรอเราที่ไหนสักแห่งนะ”
“แล้วผมจะรู้ได้ยังไงล่ะครับพ่อว่าเขารออยู่ที่ไหน ไม่เห็นเขาจะเมลหรือไลน์มาบอกเลยนะครับ” พีราวัชพูดพลางหัวเราะร่วน ชายหนุ่มไม่เชื่อเรื่องความรักหรือเนื้อคู่เพราะเคยมีแฟนที่รักกันมา คบกับตั้งแต่เรียนปีสอง แต่พอเขาไปเรียนต่อที่ต่างประเทศเพียงสามเดือนเธอก็แต่งงานกับนักธุรกิจชาวไต้หวันและย้ายไปอยู่กับสามีสิบกว่าปีแล้ว
“อย่ามาทำเป็นตลกนะพีร์”
“ก็ผมพูดจริงนี่ครับแม่”
“แต่ก่อนพ่อก็คิดแบบนี้ แต่พอเจอแม่แค่ครั้งเดียวพ่อก็รู้เลยว่าแม่คือเนื้อคู่”
“แล้วพ่อจะรู้ได้ยังไงล่ะครับว่าแม่เป็นเนื้อคู่”
“เรื่องนี้เจอกับตัวเองแล้วก็จะรู้”
“แม่ละครับ รู้ได้ยังไง” เมื่อถามบิดาแล้วไม่ได้คำตอบเขาก็ถามมารดาบ้าง
“สำหรับแม่ต้องใช้เวลา ไม่ใช่เจอปุ๊บรู้ปั๊บหรอกนะ แม่คุยกับพ่ออยู่หลายครั้งยิ่งคุยก็รู้สึกเหมือนคนเคยที่เจอกันมานาน ทั้งที่เพิ่งได้เจอกันไม่กี่ครั้ง จังหวะหัวใจของแม่เต้นแปลกไปจากเดิม แล้วยิ่งได้อยู่ใกล้พ่อมันเหมือนกับว่ามันเต้นประสานกับจังหวะหัวใจของพ่อ”
“ผมว่าพ่อกับแม่นี่ดูละครมากไปแล้วนะครับ”
“เราถามแม่เองนะพีร์แม่ก็ตอบไปตามนั้นจริงไหมคะคุณ”เธอหันไปถามสามีเพื่อให้ช่วยยืนยัน
“จริงจ้ะ อย่างเจ้าพีร์นี่หัวใจมันคงตายด้านไปแล้วล่ะมั้ง พ่อว่าลูกชายคนโตของบ้านนี้คงจะอยู่เป็นโสดไปจนแก่แน่ๆ”
“ผมว่าพ่อกับกำลังกดดันและท้าทายผมนะครับ”
“พ่อพูดตามความจริงนี้พีร์ อายุอย่างเราควรจริงจังได้แล้ว เรื่องงานก็เข้าที่เข้าทาง เหลือแค่เรื่องครอบครัวนี่แหละที่พ่อกับแม่เป็นห่วง”
“ถ้าผมเจอคนที่ถูกใจผมแต่ไม่ถูกใจพ่อกับแม่ละครับ ประมาณว่าครอบครัวเราไม่เท่าเที่ยวกัน ฐานะเขาด้อยกว่า เขาเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวอะไรทำนองนี้พ่อกับแม่จะรับได้เหรอครับ”
“นาที่นีแม่ขอใครก็ได้ ที่รักลูกก็พอเรื่องอื่นไม่สนใจอยู่แล้ว”
“แล้วถ้าเจอคนที่ใช่ก็รีบบอกพ่อเลยจะได้ไปสู่ขอให้นะ”
“พ่อครับ จะไม่ให้เราลองคบกับหน่อยเหรอคะครับ”
“จะลองคบกันให้เสียเวลาทำไมเจอก็แต่งเลยสิ แล้วค่อยมาศึกษากันทีหลังก็ได้ ดูพ่อกับแม่สิคุยกันแค่เดือนเดียวเองนะ”
“มันคงไม่กี่คนหรอกครับที่จะเจอคนที่ใจตรงกัน ผมว่าพ่อกับแม่เป็นพรหมลิขิตหรือไปก็คงทำบุญร่วมกันมาแน่ๆ”
“พูดถึงทำบุญ วันพรุ่งนี้บ้านน้าตุ๊กจะทำบุญเลี้ยงเพลพระพีร์ไปกับแม่หน่อยนะลูก” คุณประภัสสรยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ เพราะเพื่อนรุ่นน้องคนนี้บอกว่าจะพาหลานสาวมาแนะนำให้กับพีราวัชรู้จัก
“ครับแม่” ชายหนุ่มรับคำแต่เขาก็เห็นว่ามารดาแอบยิ้ม ชายหนุ่มจึงตัดสินใจได้ทันทีว่าเขาควรหาเวลาพักผ่อนบ้าง
พอมารดาเดินขึ้นไปยังชั้นสองแล้วเขาก็มองหน้าบิดาที่กำลังกลั้นยิ้มอยู่เหมือนกัน
“ผมว่าไม่ใช่แค่ทำบุญใช่ไหมครับ แม่ต้องมีอะไรแอบแฝงแน่”
“ทำไมถึงคิดอย่างนั้นล่ะ”
“ผมเห็นแม่แอบยิ้มครับ ผมว่าพรุ่งนี้ผมไปเที่ยวดีกว่า ผมฝากพ่อบอกแม่ด้วยนะครับว่าผมอยากไปพักผ่อนสักสองสามวัน”
“ไหนว่ากลัวจะเจอคนรู้จักไง”
“ผมไม่ได้ไปภูเก็ตนี่ครับพ่อ ไปแค่เสม็ดเอง ไปวันธรรมดานักท่องเที่ยวไม่เยอะครับ บางทีจะได้หาสะใภ้ฝรั่งมาให้มา”
“ให้มันจริงเถอะพ่อก็อยากมีหลานเป็นลูกครึ่งเหมือนกัน” ธวัชชัยหัวเราะก่อนจะเดินตามภรรยาขึ้นชั้นสอง
พีราวัชรกำลังจะกดโทรออกเพื่อให้เลขาจองโรงแรมแต่ เปลี่ยนใจเพราะถ้าเลขาเป็นคนจองมารดาจะต้องรู้แน่ว่าเขาหลบไปเที่ยวที่ไหน
พอจองโรงแรมเสร็จเขาก็จัดของใช้ที่จำเป็นลงกระเป๋า ชายหนุ่มเปิดตู้เสื้อผ้าด้านริมสุดที่เป็นชุดสำหรับใส่เที่ยวทะเลซึ่งน้องสาวเคยซื้อไว้ให้ เขาเลือกแต่เสื้อเชิ้ตแขนและกางเกงผ้ายาวแค่เขากับรองเท้าแตะแบบสวมเพื่อข้ากับบรรยากาศริมทะเล
จัดของเสร็จก็ขับรถไปนอนที่คอนโดเพราะกลัวว่าถ้าออกบ้านตอนเช้ามารดาจะสงสัยที่เห็นเขาถือกระเป๋าเดินทาง
“ขอโทษนะครับแม่ แต่ผมอยากพักผ่อน ผมยังไม่พร้อมจะมีใครครับแม่” เขามองไปบนชั้นสองของตัวบ้านก่อนจะขับรถออกมาในเวลาเกือบเที่ยงคืน
พอถึงวันเดินทางพิจิกาก็ ได้รับโทรศัพท์จากพี่ญาดาว่าต้องพามารดาไปหาหมอเพราะท่านหกล้ม การเที่ยวครั้งนี้พิจิกาจึงเดินทางคนเดียว หญิงสาวนั่งรถตู้มาถึงท่าเรือตั้งแต่เที่ยงจากนั้นก็ขึ้นเรือไปยังเกาะเสม็ดที่พักของเธอเป็นพูลวิลล่าที่มองเห็นวิวทะเล ทั้งหาดสาดขาวและท้องทะเลสีฟ้าบวกกับเสียงคลื่นกระทบฝั่งทำให้หญิงสาวผ่อนคลายได้เป็นอย่างมาก หลังจากเอาของเก็บเรียบร้อยเธอก็เดินมาหน้ารีสอร์ต เช่าจักรยานยนต์คันเล็กหนึ่งคันเพื่อขี่ไปเที่ยวรอบเกาะ เธอเช่าไว้ทั้งหมดสามวันเพราะไม่อยากจะเสียเวลามาเช่าใหม่ ก่อนจะมาที่นี่พิจิกาก็ศึกษาสถานที่ท่องเที่ยวมาบ้างแล้วจึงไม่ต้องถามใครให้วุ่นวาย แดดตอนบ่ายค่อนข้างแรงหญิงสาวจึงแวะที่คาเฟ่แห่งหนึ่งนั้นจิบกาแฟและสั่งเค้กมาทานจนอิ่มก็ขับรถกลับไปที่รีสอร์ตพอแดดร่มลมตกก็สวมชุดว่ายน้ำแต่เพราะมาคนเดียวจึงไม่กล้าไปเดินที่ชายหาดจึงเลือกที่จะว่ายน้ำสระแทน ว่ายจนเหนื่อยก็อาบน้ำและเดินออกมาทางอาหารทะเลที่ทางรีสอร์ตจัดไว้ให้หลังอาหารเย็นเธอก็กลับมานอนเล่นที่ห้องพัก รอเวลาที่จะไปยังบาร์ที่เห็นเมื่อตอนกลางวัน เพราะนึก
“แม่บอกว่าไม่ให้ไปไหนกับคนแปลกหน้า”“แปลกหน้าที่ไหนล่ะ เรารู้จักกันแล้วนะ”“แต่ก็เพิ่งรู้จัก ฉันไม่ไว้ใจคุณหรอกค่ะ ผู้ชายมันก็เหมือนกันทุกคนไว้ใจไม่ได้ ชอบฉวยโอกาสเห็นผู้หญิงเป็นของเล่น ไอ้ผู้ชายเจ้าชู้ ไอ้ผู้ชายเอ็งซวย” เสียงอ้อเอ้ของคนเมาตัดพ้อ“อ้าวคุณ มาว่าผมแบบนี้ได้ยังไงเนี่ย”“ผมว่าเธอเมามากแล้วแหละ คุณรีบพาเธอกลับดีกว่านะครับ” ผู้จัดการร้านบอกเพราะหญิงสาวโวยวายจนคนอื่นเริ่มหันมามอง และเธอก็สวยสะดุดตาเกินกว่าจะปล่อยให้เมาแล้วถูกคนใครสักคนหิ้วไป“เอาล่ะ คุณผิงตั้งสติหน่อย คุณเมาแล้วนะ คุณพักที่ไหนเดี๋ยวผมไปส่ง”“นั้นสิ ฉันพักที่ไหนน้า...จำไม่ได้เลย อ้อ ในกระเป๋ามีกุญแจ” หญิงสาวเปิดกระเป๋าแล้วหยิบกุญแจขึ้นมาพอพีราวัชรเห็นก็รู้ทันทีว่าเธอพักที่ไหน“ฝากด้วยนะครับคุณพีร์ขอให้มีความสุขนะ”“มีความสุขบ้าอะไรล่ะ ผมกลัวคุกมากกว่าดูท่าทางยังไม่ยี่สิบด้วยซ้ำ”“สบายใจได้ครับเธอยี่สิบสี่แล้ว” ผู้จัดการร้านรีบบอกเพราะตอนเธอมาสั่งเครื่องดื่มเขาเห็นว่าเธอหน้าเด็กมากก็เลยขอดูบัตรประชาชนกว่าชายหนุ่มจะประคองคนเมาซึ่งโวยวายมาตลอดทางถึงบ้านพักเธอก็แทบแย่ เขาไม่รู้ว่าเธอไปโมโหหรือโกรธใครท
เสียงหวานครางประท้วงเมื่อเขาถอดนิ้วออกจากความเป็นสาวแล้วแทนที่ด้วยปลายลิ้นเปียกชื้น ส่วนมือใหญ่ก็เปลี่ยนมาเคล้นคลึงอกอวบทั้งสองข้าง ปลายนิวบีบขยี้ตุ่มไตที่แข็งชันสู้มืออย่างเมามันทกจุดกระสันถูกโจมตีจนหญิงสาวหูอื้อตาลายไปหมด เธออยากบอกให้เขาหยุด แต่ร่างกายกับตอบสนองด้วยการเบียดสะโพกงอนงามเด้งรับกับปลายลิ้น สองมือดึงรั้งผ้าปูที่นอนเพื่อระบายความเสียวซ่าน แต่มันก็ยังไม่หาย หญิงสาวปล่อยมือจากผ้าปูมากดศีรษะเข้าให้จมไปกับกลางกาย อีกคนก็ไม่ขัดขืน ยิ่งเธอกดเขาก็ยิ่งรัวลิ้นอย่างชำนาญยิ่งเขาดูดเลียอย่างกระหายพิจิกาก็ยิ่งหลงไปกับเพลิงราคะที่แผนเผา สะโพกหญิงสาวยกขึ้นจากที่นอนส่ายไปมา อย่างซ่านกระสัน กิริยาเชิญชวนแบบนี้ทำให้พีราวัชรชอบใจ เขาครางต่ำก่อนละยอมปล่อยมือจากอกอิ่มมาจับสะโพกของเธอไว้“ชอบแบบนี้เหรอผิง เดี๋ยวผมจะทำให้คุณรู้สึกดีกว่านี้อีกนะ”เขากระซิบด้วยเสียงทุ้มต่ำก่อนก้มใบหน้าหล่อลงกลางกลีบกุหลาบอีกครั้ง ปลายลิ้นพลิ้วไหวสะบัดถี่ ส่งให้เสียงหวานร้องครางดังขึ้นอย่างไม่ขาดสาย เธอทั้งเสียวทั้งทรมานเกินกว่าที่จะนอนนิ่ง“คุณพีร์ ช่วยผิงด้วย ผิงว่าผิงใจจะขาด”เสียงหวานเอ่ยขอให้เขาช
“คุณพีร์...”เธอมองหน้าคนตัวโตที่ยังขยับสะโพกอย่างไม่หยุดพัก ความเสียวซ่านที่ได้รับยังไม่จางหาย หญิงสาวหอบเหนื่อย กอดรัดเขาไว้แน่นและรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังเสียวซ่านขึ้นอีกครั้ง“เสียวอีกแล้วใช่ไหม ต่อเลยนะ”พูดจบเขาก็โจนจ้วงแรงเร็วขึ้นไปตามอารมณ์ตัณหา ความคับแน่นตอดรัดจนเขาครางแหบต่ำก่อนจะก้มลงดูดเม้มยอดดอกบัวที่ชูชันอย่างกระหาย พิจิกาก็แอ่นขึ้นตอบสนองเขาให้เขาได้ดูดกินอย่างไม่หวงตัวชายหนุ่มใช้มือดันแผ่นหลังเล็ก เพื่อให้ให้ ความอวบอิ่มพอดีกับปากของร้อน เบื้องล่างก็ยังเคลื่อนขยับอย่างไม่รู้เหนื่อย เสียงหวานที่เรียกชื่อเขาไม่ขาดปากนั้นช่างไพเราะและน่าฟังกว่าเพลงบทเพลงทุกชนิด“คุณพีร์”“ว่าไงครับ เสียวไหม ยังเจ็บอยู่หรือเปล่า”“ไม่เจบ”“ตอบไม่ครบนะ”เขาพูดพลางกดย้ำจุดกระสันอย่างไม่ปรานีจนหญิงสาวครางอีกครั้ง“สะ..เสียวค่ะคุณพีร์ผิงเสียวไปหมดแล้ว”“ผมก็เสียว คุณเอามันมาก ของคุณมันแน่นสุดๆ เร่าร้อนกว่าที่ผมเคยเจอ ผมดีใจนะทีได้เป็นคนแรกของคุณ”“คุณดีใจเหรอคะ”“แน่นอนผู้ชายทุกคนก็อยากเป็นคนแรก”“ฉันคิดว่าจะเก็บครั้งแรกให้เขา แต่เขาหักหลังฉัน”“เสียใจไหม ที่ผมเป็นคนแรก”“คุณบอกผิงเ
พีราวัชรรู้สึกตัวตื่นตั้งแต่เช้า เขานอนมองหน้าคนที่ซุกอยู่กับแผงอกของตนเองแล้วยิ้ม นานแต่ไหนแล้วที่เขาไม่เคยร่วมรักกับใครจนหมดแรงแบบนี้มาก่อน ทุกครั้งเขาไม่เคยให้ใครนอนกับเขาถึงเช้า ผู้หญิงทุกคนของเรารู้ดี หลังจากพวกเธอจะมอบความสุขให้เขาแล้วพวกเธอก็จะหยิบเช็คที่เขาวางไว้และกลับออกไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ความสัมพันธ์แบบไม่ผูกมัด มันทำให้เขาไม่เบื่อเพราะผู้หญิงแต่ละคนก็มีความหลากหลาย มีเพียงไม่กี่คนที่เขาจะเรียกใช้ซ้ำ แต่นั่นต้องเป็นคนที่เขาถูกใจจริงๆ หรือไม่ก็ตอนนั้นอยู่ใกล้กับเขาในเวลาที่เขาต้องการจนทนรอไม่ไหว “อื้อ..ปวดหัวจัง” หญิงสาวเอามือกุมขมับแต่พอขยับจะลุกก็ถูกท่อนแขนใหญ่รั้งไว้ เธอหันกลับมาก็เจอกับผู้ชายตัวโตนอนยิ้มอยู่ข้าง “คุณคงไม่เคยดื่มหนักแบบนั้นมาก่อน”“คุณ...” สมองประมวลผลอย่างรวดเร็วจากนั้นใบหน้าสวยก็แดงซ่านเมื่อนึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืนเธอมองหน้าผู้ชายแปลกหน้าที่แขนยังกอดเอวเธอไว้ด้วยแววตาตื่นตระหนก “อย่าบอกนะ ว่าเมื่อคืนเมาจนจำอะไรไม่ได้ “ พีราวัชรรู้ว่าเธอเมาแต่ก็ไม่ถึงกับจำอะไรได้คนถูกถามหน้าแดงยิ่งก
พิจิกานอนดูทีวีจนกระทั่งบ่าย นานมากแล้วที่หญิงสาวไม่ได้นอนพักแบบนี้ เพราะในแต่ละวันนอกจากจะเปิดร้านที่ห้างสรรพสินค้าแล้วเธอยังขายของผ่านช่องทางออนไลน์และช่วยมารดาขายของในตอนเช้าอีกด้วย ครอบครัวเธอมีกันแค่สองคน ญาติคนอื่นๆ ก็อยู่ต่างจังหวัดกันหมด ส่วนผู้เป็นบิดานั้น หญิงสาวไม่รู้ว่าเขาเป็นใครเพราะมารดาไม่เคยพูดถึง แม้ตอนเด็กๆ เธอจะพยายามถามแต่ก็ไม่ได้คำตอบ พอโตมาก็เข้าใจอะไรมากขึ้นจึงเลิกถามเพราะคิดว่าถ้ามารดาอยากให้เธอรู้ท่านก็คงจะบอกเอง ขณะกำลังนอนดูรายการทีวีเพลินๆ ก็ได้ยินเสียงฝนตก หญิงสาวเดินไปดูบริเวณด้านนอกตอนนี้ฝนกำลังตกลงมาอย่างหนัก ทั้งที่เมื่อเช้าท้องฟ้ายังคงแจ่มใส เสียงฝนบวกกับเสียงคลื่นจากทะเลก็ทำให้เธอรู้สึกผ่อนคลายไปอีกแบบ แต่ก็แอบเสียดายเพราะถ้าเป็นแบบนี้เธอคงอดไปดูพระอาทิตย์ตกดินแน่ๆพิจิกาเหลือเวลาอยู่ที่นี่อีกแค่คืนเดียวเท่านั้น พรุ่งนี้เช้าเธอต้องออกจากที่พักก่อนเที่ยง เพื่อขึ้นเรือก่อนจะนั่งรถตู้กลับเริ่มงานต่อในวันรุ่งขึ้น โอกาสที่จะได้มาเที่ยวแบบไม่เสียเงินแบบนี้คงไม่เกิดขึ้นอีกเป็นครั้งที่สองแน่ๆ ขณะนั่งมองสายฝนกระทบกับพื้
เรื่องราวในอดีตถูกถ่ายทอดออกมาจากปากบางสีสวยอย่างพรั่งพรู หญิงสาวเล่าไปด้วยเสียงสั่น ส่วนคนฟังก็รู้สึกเห็นใจกับความที่ผิดหวังของพิจิกาทั้งจากเพื่อนสนิทและจากคนรัก แต่เขาก็ได้แค่รับฟังเพราะตัวเองยังไม่เคยรักใครจริงจังเหมือนกับเธอมาก่อนจึงไม่ได้ให้คำแนะนำออกไป สองแขนแกร่งที่โอบกอดอยู่กระชับแน่นขึ้นเมื่อรู้สึกว่าคนตรงหน้ากำลังร้องไห้ พีราวัชรรอจนหญิงสาวหยุดร้องแล้วเขาก็พูดในสิ่งที่ตนเองคิดออกไป “ผมเสียใจด้วยนะ แต่ผมว่าคุณยังโชคดีที่รู้เรื่องของเขาก่อน มันคงดีกว่ามารู้ตอนที่ตกลงแต่งงานกันแล้ว” “แต่ผิงก็ยังเสียใจอยู่ดี” “เสียใจเพราะเขาไม่รักหรือเสียใจที่รู้ว่าเขากับเพื่อนแอบมีอะไรกัน” “คิดว่าเป็นอย่างหลังค่ะ มันเหมือนโดนหักหลังยังไงก็ไม่รู้ ถ้าเขาไปมันคนอื่นก็คงไม่เจ็บเท่านี้” “คุณกับเพื่อนคบกันมานานหรือยัง” “ตั้งแต่เรียน ม.ปลายแล้วค่ะ เกือบสิบปีแล้วค่ะ ฟางเป็นเพื่อนสนิทคนเดียวที่ยังติดต่อกันตลอด ส่วนเพื่อนคนอื่นก็นานๆ ถึงจะโทรหากันที” “ถ้าเขามาขอโ
“แม่ครับ ผมยังกลับตอนนี้ไม่ได้จริงๆ”“แต่พีร์ไปหลายวันแล้วนะ ไม่ห่วงงานเหรอลูก”“ห่วงสิครับแม่”“ห่วงแล้วทำไมรีบกลับล่ะ หรือมีใครโทรไปบอกอะไรลูก”“บอกอะไรเหรอครับแม่” เขาทำเป็นไม่รู้เรื่อง“ไม่มีก็แล้วไป แล้วตอนนี้พีร์อยู่ไหนล่ะลูก แม่ก็อยากพักผ่อนเหมือนกันเผื่อว่าพรุ่งนี้แม่จะไปหา” คุณประภัสสรถามเลขาของลูกชายแล้วแต่เธอก็ไม่รู้ว่าเจ้านายไปที่ไหน“ผมอยู่ที่เชียงใหม่ครับแม่ พอดีว่าเจอพ่อเลี้ยงอินทัช เขาชวนมาพักที่บ้าน ถ้าแม่จะมาผมเกรงว่าเราจะรบกวนเขามากเกินไป เอาไว้คราวหน้านะครับแม่”“อยู่กับพ่อเลี้ยงๆ จริงๆ นะๆไม่ใช่แอบไปเที่ยวกับสาวที่ไหนล่ะ”“ผมยังไม่มีแฟนนี่ครับ จะไปเที่ยวกับใครล่ะแม่”“เอาแต่บ่นว่าไม่มีแฟน พอแม่จะแนะนำผู้หญิงก็หนีไปตั้งแต่เช้า” เธอยังเคืองบุตรชายไม่หายที่นัดกันอย่างดิบดีแต่พอตื่นเช้ามาก็หายเข้ากลีบเมฆ“ผมจะเที่ยวกับใครได้ล่ะครับ แม่จะคุยกับพ่อเลี้ยงไหมล่ะครับ เผื่อจะสบายใจขึ้น” พีราวัชรรู้ดีว่ามารดาของตนไม่มีทางคุยเพราะเธอจะให้เกียรติลูกชายอย่างเขาเสมอ“ไม่ต้องขนาดนั้นหรอก แม่ไม่อยากให้คนอื่นมองว่าแม่เป็นแม่ที่จู้จี้”“แม่ผมไม่จู้จี้สักหน่อย ผมรู้ว่าที่ว่าแม่เป็น
เรื่องราวทุกอย่างผ่านไปอย่างรวดเร็ว ถึงตอนนี้พิจิกาและพีราวัชรก็แต่งงานกันได้หลายเดือนแล้ว คุณกิ่งแก้วที่ลาไปคลอดลูกก็ยังไม่กลับมาทำงานทำให้สองสามีภรรยามีเวลาหวานด้วยกันทั้งที่บ้านและที่ทำงาน “ไม่น่าเชื่อนะคะว่าเราจะได้แต่งงานกัน” “ถ้าคืนนั้นผมไม่มาส่งผิงที่นี่ ผมคงเสียดายไปจนตาย” “ผิงไม่คิดเลยนะคะว่าความเมาจะทำให้ผิงได้สามีที่หล่อแบบนี้” “ผิงรู้ไหม ว่าผมแอบมองผิงตั้งแต่ผิงออกไปเต้นแล้ว” “เหรอคะ” “ครับ ผิงสวยสะดุดตาผมมาก ผมดีใจมากแค่ไหนรู้ไหมที่ผิงเดินกลับมาดื่มต่อที่บาร์” “แล้วคุณคิดจะมาส่งผิงแล้วกลับหรือคิดอย่างอื่น” “ผมสารภาพเลยครับว่าผมคิดไม่ซื่อกับผิงตั้งแต่ต้น ผมเคยเจอผู้หญิงในบาร์แล้วเราก็ไปต่อกันจากนั้นทุกอย่างก็จบภายในคืนเดียว ผมแทบไม่รู้ชื่อพวกเธอด้วยซ้ำ แต่พอเจอผิง ผมกลับลืมไม่ลง” “เพราะอะไรคะ จะว่าเพราะหน้าตาก็ไม่น่าจะใช่เพราะคนสวยกว่าผิงมีเยอะไปหมด” “ผมเองก็หาเหตุผลไม่ได้ ผมรู้แค่ต้องเป็นผิง ผมรู้แค
เริ่มงานวันแรกหลังจากหยุดยาว พิจิกาไม่ค่อยมีสมาธิทำงานเท่าไหร่เพราะเย็นนี้เธอจะต้องเข้าไปทานอาหารเย็นที่บ้านของพีราวัชร แม้จะเคยเจอบิดามารดาของเขาแล้ว แต่ครั้งนี้มันต่างจากครั้งที่แล้ว เพราะเขาจะพาเธอเข้าไปในฐานะคนรักไม่ใช่ผู้ช่วยเลขาอย่างครั้งก่อน“ผิง มีอะไรไม่สบายใจหรือเปล่า”“นิดหน่อยค่ะพี่กิ่ง”“เล่าให้พี่ฟังได้นะ”“ผิงก็อยากเล่าค่ะ แต่เรื่องนี้ผิงบอกใครไม่ได้จริงๆ ค่ะ เรื่องนี้มันไม่ได้เกี่ยวกับผิงคนเดียว”“คงเป็นเรื่องสำคัญมากใช่ไหม”“ค่ะพี่กิ่ง”“พี่ไม่รู้นะว่าเรื่องไร เอาเป็นว่าพี่ให้กำลังใจผิงก็แล้วกันนะ ใช้สติให้มาก พี่ว่าปัญหาทุกอย่างจะผ่านได้ด้วยดี”“ขอบคุณค่ะพี่กิ่ง พี่กิ่งจะกลับเลยก็ได้นะคะเดี๋ยวตรงนี้ผิงทำต่อเองค่ะ”“แล้วผิงไม่รีบกลับบ้านเหรอวันนี้เจ้านายไม่อยู่น่าจะรีบกลับนะ”“กลับตอนนี้รถเมล์แน่นค่ะพี่กิ่ง ผิงรออีกนิดดีกว่าค่ะ”“งั้นพี่ไปก่อนนะ”“ค่ะพี่กิ่ง”พอเลขารุ่นพี่กลับไปแล้วพิจิกาก็จัดการงานตรงหน้าต่ออย่างไม่เร่งรีบเพราะพีราวัชรเพิ่งลงจากเครื่องเมื่อครึ่งชั่วโมงก่อน กว่าเขาจะขับรถมาถึงที่นี่ก็คงอีกนานเมื่อทำงานตรงหน้าเสร็จแล้วหญิงสาวก็เข้าห้องน้ำสำรวจความเรีย
เกือบสิบโมงเช้าของวันใหม่สองหนุ่มสาวก็ยังคงนอนกอดกันอยู่บนเตียงกว้าง ความสุขที่มีร่วมกันมันมากมายราวกับเป็นความฝัน พิจิกาตื่นตั้งนานแล้วแต่เธอยังไม่อยากขยับออกจากอ้อมกอดที่แสนอบอุ่นของเขา เธอเงยมองใบหน้าหล่อที่ตอนเช้าไรหนวดเขียวเริ่มเห็นชัดเจนและมันเพิ่มเสน่ห์ในตัวเขาได้เป็นอย่างดี หญิงสาวไล้มือไปตามสันกรามอย่างแผ่วเบา และคิดว่าถ้าเขาเอาใบหน้านี้ซุกไซร้ไปตามลำตัวเธอมันจะจั๊กจี้หรือเสียวซ่านมากแค่ไหน เธอสำรวจใบหน้าของเขานานไปหน่อยตอนนี้เจ้าตัวก็เลยและทำให้คนที่แอบมองต้องรีบหลบตา“แอบมองแบบนี้คิดอะไรอยู่”“ผิงไม่ค่อยได้เห็นเวลาหน้าคุณพีร์มีหนวดเลย ปกติคุณพีร์โกนทุกวันเหรอคะ”“ครับ ผมต้องโกนทุกเข้า”“อยู่ที่นี่กับผิงไม่โกนได้ไหมคะ ผิงชอบนะคะ มันเซ็กซี่ดีค่ะ”“ผมไม่อยากให้มันทิ่มผิงเวลาที่ผมจูบผิงนี่ครับ”“นิดหน่อยเองไม่เป็นไรหรอกค่ะ นะคะ”“ก็ได้ครับแล้วถ้าเจ็บอย่ามาบ่นก็แล้วกัน”“แล้วผิงเคยบ่นให้คุณพีร์ฟังไหมล่ะคะ”“ไม่เลย ผิงไม่เคยบ่นว่าเจ็บ ผมไม่รู้เพราะผิงไม่เจ็บหรือเพราะผิงทนเพื่อผม”“ถ้าบอกว่าไม่เจ็บก็คงไม่ถูกหรอกค่ะ ผิงเจ็บแต่มันไม่มากถึงขั้นทนไม่ไหว คุณพีร์ทำให้ผิง
ตอนนี้ทั้งสองคนอยู่ในสภาพเปลือยเปลา พีราวัชรขึ้นมาคร่อมทับตัวหญิงสาว เขามองหน้าเธอด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความปรารถนา ก่อนบดจูบลงบนริมฝปากบางอยางดูดดื่ม มือหนาทั้งสองข้างคลึงเคลาสองปทุมอวบอิ่มอย่างมันมือ ปลายนิ้วสะกิดยอดปทุมถันปลุกเร้าจนเสียงหวานครางระงม“อื้อ....”จูบจนพอใจเขาก็ลากไล้ความเปียกชื้นไปตามซอกคอหอมกรุ่น ขบเม้มดูดดึงไปตามแรงอารมณ์ที่กำลังพุ่งสูง ผิวเนียนนุ่มขึ้นรอยแดงไปทั้งทุกจุดที่ปากร้อนเลื่อนผ่าน ลากไล้มาจนถึงร่องปทุมอวบอิ่ม ลิ้นร้อนลากปัดป่ายบนยอดสีสวย ก่อนจะส่งปากร้อนครอบครองด้วยความเสน่ห์หาหญิงสาวได้แต่ดิ้นพล่านเสียงหวานครางเพื่อระบายความเสียว เขาหยอกเย้าดูดกินจนอิ่มหนำก็เลื่อนตัวลงไปเรื่อยๆ จนหยุดกลางขาเรียวทั้งสองข้าง เธอชันเข่าขึ้นอย่างรู้งานไม่นานความสุขก็แตกกระจายเข้าสู่กายของพิจิกา หญิงสาวหอบสะท้านก่อนจะถูกเขาโน้มกายลงหาตัวเธอนอนคว่ำไปกับที่นอน ขณะที่ท่อนเอ็นของเขายังคงกระตุกอยู่ในกายเธออย่างยาวนาน ปากร้อนพรมจูบลงบนแผ่นหลังอย่างหลงใหล“ผมไม่เคยเจอใครที่สุดยอดเหมือนคุณมาก่อน ที่รัก ผมรักคุณนะผิง”“ผิงก็รักคุณพีร์ค่ะ”พิจิกายิ้มอย่างมีความสุข เมื่อชายหนุ่มถอด
เป็นครั้งแรกที่พี่จิกต้องนั่งเครื่องคนเดียวข้ามประเทศแต่พอลงจากเครื่องก็ได้เจอกับพีราวัชรที่รออยู่ตรงจุดรับกระเป๋า“บังเอิญจังเลยนะครับที่ได้เจอกันที่นี่”“ค่ะ บังเอิญมาก ว่าแต่จะบังเอิญพักที่เดียวกันด้วยไหมคะ” พิจิกาถามก่อนที่ทั้งสองจะเดินตามกันไปยังรถของโรงแรมที่จอดอยู่เที่ยวบินที่พวกเขาโดยสารมาเป็นเที่ยวบินที่ออกจากสนามบินสุวรรณภูมิดึกที่สุดพอมาถึงสิงคโปร์และเข้าที่พักก็เกือบจะตีหนึ่ง โรงแรมที่ชายหนุ่มพาเธอมาพักเป็นโรงแรมหรูห้าดาวที่อยู่บริเวณอ่าวมารีนา สามารถมองเห็นวิวยามค่ำคืนรวมถึงแลนด์มาร์คสำคัญอย่างสิงคโปร์ฟลายเออร์ได้อีกด้วย“สวยจังค่ะคุณพีร์ ผิงไม่คิดมาก่อนเลยว่าจะได้มาพักโรงแรมหรูแบบนี้” พิจิกตื่นเต้นกับภาพความสวยตรงหน้า“ถ้าผิงชอบเราจะมากันทุกวันหยุด”“ไม่เอาหรอกค่ะ ราคาห้องมันคงแพงมาก”“แพงแค่ไหนผมก็ยอมจ่ายถ้าผิงชอบ” พีราวัชรเดินมาสวมกอดเธอด้านหลัง“ค่ะผิงชอบ แต่ถ้ามาบ่อยๆ ผิงกลัวว่าคุณพีร์จะหมดตัวเสียก่อน”“ถ้าผมหมดตัวผิงยังจะรักผมไหม”“รักสิค่ะ ผิงไม่ได้รักคุณพี่ที่เงิน”“ผมรู้ ผมถึงได้รักผิงมากยังไงล่ะ”“วิวสวยมากเลยนะคะ เหมือนอยู่บนสวรรค์”“เคยเห็นเหรอครับว่าสวรรค์เป
หลังจากเคลียร์เอกสารทุกอย่างเสร็จแล้วพีราวัชรก็เรียกกิ่งแก้วและพิจิกาเข้ามาในห้องทำงาน“นั่งก่อนทั้งสองคนนั่นแหละ”“ขอบคุณค่ะ/ ขอบคุณค่ะ” เลขาและผู้ช่วยเลขาพูดพร้อมกันก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้หน้าโต๊ะของรองประธาน“ผมอย่างจะถามคุณกิ่งว่าผ่านมาสองเดือนแล้วพิจิกาทำงานเป็นยังไงบ้าง”“น้องผิงทำงานเรียบร้อยดีค่ะ เรียนรู้ได้เร็วมากค่ะ”“แล้วคุณมั่นใจไหมว่าถ้าคุณหยุดงานไปหกเดือนงานทุกอย่างจะไม่มีปัญหาอะไร”“กิ่งมั่นใจค่ะ ที่ผ่านมาน้องผิงไม่เคยทำงานพลาดเลย เธอรอบคอบและมีไหวพริบมากกว่ากิ่งด้วยซ้ำ”“ถ้าอย่างนั้นช่วงที่คุณลางานผมคงไม่ต้องหาใครมาเพิ่มใช่ไหม”“ผิงคิดว่าไหวไหม” กิ่งแก้วหันมาถามผู้ช่วย“คิดว่าไหวค่ะพี่กิ่ง”“ถ้าไหวก็ดี เอาล่ะเรื่องงานผ่านไปแล้ว ทีนี้ก็มาถึงเรื่องวันหยุดยาว”“มีอะไรหรือเปล่าคะคุณพีร์”“ผมอยากให้คุณกิ่งช่วยดูให้หน่อยว่าหลังวันหยุดผมต้องไปเจอลูกค้าหรือไปตรวจงานที่สาขาไหนหรือเปล่า”“สักครู่นะคะ” กิ่งแก้วเปิดตารางงานของเจ้านายขึ้นมาดูก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาตอบเขาอีกครั้ง“คุณพีร์ต้องไปร่วมงานเปิดสาขาใหม่คู่ค้าที่สิงคโปร์ค่ะ”“เดี๋ยวผมจัดการจองตั๋วเองนะ”“ได้ค่ะ ครั้งนี้คุณพีร์จะใ
กลับมาจากเวียดนาม ทุกอย่างก็ดำเนินไปตามปกติ พิจิกาทำงานได้เป็นอย่างดี จนกิ่งแก้วรู้สึกวางใจถ้าเธอจะต้องลางานถึงหกเดือนพิจิกาเองก็ปรับตัวได้ดีกับทั้งเรื่องงานและเรื่องของความรัก หลังเลิกงานหญิงสาวก็จะรอกลับพร้อมกับพีราวัชร แต่บางวันก็ขอไปทานข้าวเย็นกับมารดาบ้าง พีราวัชรก็ไม่ได้ว่าอะไรเพราะเขาเองก็ต้องแบ่งเวลาให้กับครอบครัวเหมือนกันอย่างเย็นวันนี้ชายหนุ่มมาส่งเธอที่บ้าน ก่อนจะรีบขอตัวกลับไปที่บ้านของตนเอง เพราะมารดาบอกว่ามีเรื่องจะคุยด้วยเขาไม่รู้ว่าเรื่องที่มารดาจะพูดนั้นเป็นเรื่องอะไร พอไปถึงและทานอาหารเย็นเสร็จแล้ว พีราวัชรก็ถูกเรียกมานั่งคุยที่ห้องทำงานซึ่งวันนี้ใบหน้าของมารดานั้นดูไม่พอใจเป็นอย่างมาก“พีร์มีอะไรจะสารภาพกับแม่ไหม”“ไม่มีนี่ครับ”“แน่ใจนะว่าไม่ได้ทำอะไรผิดหรือแอบทำอะไรลับหลังแม่” คุณประภัสสรมองหน้าบุตรชายอย่างคาดคั้น“พีร์ พ่อว่ามีอะไรก็รีบสารภาพไปเถอะ เผื่อบางทีอาจจะได้ลดโทษบ้าง”“ทำไมพ่อกับแม่ทำเหมือนกับว่าผมไปทำอะไรผิดมาอย่างนั้นแหละครับ”“แม่จะไม่อ้อมค้อมแล้วนะ”“ครับ ผมก็อยากรู้เหมือนกันว่าผมไปทำอะไรผิดมา” ชายหนุ่มมั่นใจว่าตนเองไม่ได้ทำอะไรผิดพลาดและเรื่องของต
“ผิง ถ้าคืนนั้นไม่เจอผมคุณก็คงเลือกมันใช่ไหม”“คุณกำลังดูถูกผิงอยู่”“ยังจะเถียงก็เห็นอยู่ว่าพอเจอกันก็หน้าระรื่น”“หึงเหรอคะ”“...” พี่ราวัชเงียบ เขาเพิ่งรู้ตัวเองว่ากำลังหึงและไม่มีเหตุผล“คุณพีร์ขา ผิงไม่คิดอะไรกับเขาเลย” เธอพยายามใจเย็น เพราะดูแล้วเขาจะทั้งเมาและโมโหจนคุมตัวเองไม่อยู่“คุณจะมีผมคนเดียวใช่ไหม”“แน่นอน ผิงมีคุณคนเดียว”“คุณพีร์เมาแล้ว ผิงพาไปนอนนะคะ”พิจิกาพยุงคนเมามายังที่นอนกว้างแต่พอถึงเตียงเขากลับผลักให้เธอลงไปนอนพร้อมกับกระชากชุดของเธอออกอย่างรวดเร็วก่อนโน้มใบหน้าเข้าใกล้ใบหน้าสวย สัมผัสจูบแผ่วเบาบนเรียวปากทำให้พิจิการู้สึกว่าตอนนี้เขากำลังกลับมาเป็นพีราวัชรคนเดิมของเธอแล้ว “อ้าห์....”เสียงครางหลุดออกมาจากลำคอระหงเมื่อปากร้อนเข้าครอบครองปทุมถันเต่งตึง สลับกับมือใหญ่บีบเคล้นอีกข้างพิจิกาเริ่มดิ้นเพราะถูกความรู้สึกเสียวซ่านเข้าจู่โจม เธอแอ่นร่างเปิดทางเชื้อเชิญเขาดูดดึง หยอกล้อกับความอวบอิ่มของตนมากขึ้นพีราวัชรเลื่อนใบหน้าลงต่ำมาไปตามผิวเนียนนุ่มจนถึงหน้าท้องแบนราบที่กำลังเกร็งสะท้านกับสัมผัสร้อนที่รินรดไปทั่วผิวกาย เขาเหมือนจะควบคุมความต้องการข
มาถึงดานังในเวลาบ่าย พอเอาของเข้าที่พักแล้วก็ใช้บริการรถโรงแรมให้ไปส่งที่เมืองฮอยกันซึ่งอยู่ไม่ไกลมากนัก ทั้งสองพากันมาเดินเล่นย่านเมืองเก่า พิจิกาถ่ายรูปไปทั่วเพราะอยากจะเอาไปอวดมารดาโดยมีพีราวัชรเป็นตากล้องให้ พอเดินจนเหนื่อยก็ทานอาหารที่นั่นก่อนจะพากันนั่งรถกลับมายังโรงแรมพิจิกานั่งพิงกับไหล่หนาใบหน้ายิ้มอย่างมีความสุขขณะที่ดูรูปในมือถือ“พรุ่งนี้เราจะไปเที่ยวไหนกันคะ”“ผิงอยากไปไหนล่ะครับ”“บานาฮิลล์ค่ะ คุณพีร์เคยไปไหมคะ”“ยังเลยครับ เดี๋ยวถ้ากลับถึงโรงแรมแล้วผมจะถามโรงแรมให้นะครับว่าจะไปที่นั่นได้ยังไงบ้าง”จากนั้นพิจิกาก็นั่งหลับมาจนถึงโรงแรม พีราวัชรพาเธอมาส่งที่ห้องก่อน ส่วนตัวเขานั้นกลับไปยังหน้าล็อบบีของโรงแรม ซื้อสำหรับสองคนเพื่อไปเที่ยวบานาฮิลล์ตามที่พิจิกาอยากไปเขากลับมาบนห้องอีกครั้งคนที่อยากเที่ยวก็หลับไปก่อนแล้ว พีราวัชรรีบอาบน้ำแล้วตามเธอขึ้นบนเตียงแม้ในใจอยากจะทำมากกว่ากอดแต่เพราะพรุ่งนี้จะต้องออกเดินทางจากโรงแรมตั้งแต่เช้าจึงต้องข่มใจให้นอนกอดเธอไปแบบนั้นเช้าวันใหม่พิจิกาแต่งตัวสดใส เธอกับเขาพากันลงมาทานอาหารตั้งแต่เช้า พอแปดโมงครึ่งรถบัสก็มารับนักท่องเที่ยวที่ซื