พิจิกานอนดูทีวีจนกระทั่งบ่าย นานมากแล้วที่หญิงสาวไม่ได้นอนพักแบบนี้ เพราะในแต่ละวันนอกจากจะเปิดร้านที่ห้างสรรพสินค้าแล้วเธอยังขายของผ่านช่องทางออนไลน์และช่วยมารดาขายของในตอนเช้าอีกด้วย
ครอบครัวเธอมีกันแค่สองคน ญาติคนอื่นๆ ก็อยู่ต่างจังหวัดกันหมด ส่วนผู้เป็นบิดานั้น หญิงสาวไม่รู้ว่าเขาเป็นใครเพราะมารดาไม่เคยพูดถึง แม้ตอนเด็กๆ เธอจะพยายามถามแต่ก็ไม่ได้คำตอบ พอโตมาก็เข้าใจอะไรมากขึ้นจึงเลิกถามเพราะคิดว่าถ้ามารดาอยากให้เธอรู้ท่านก็คงจะบอกเอง
ขณะกำลังนอนดูรายการทีวีเพลินๆ ก็ได้ยินเสียงฝนตก หญิงสาวเดินไปดูบริเวณด้านนอกตอนนี้ฝนกำลังตกลงมาอย่างหนัก ทั้งที่เมื่อเช้าท้องฟ้ายังคงแจ่มใส เสียงฝนบวกกับเสียงคลื่นจากทะเลก็ทำให้เธอรู้สึกผ่อนคลายไปอีกแบบ แต่ก็แอบเสียดายเพราะถ้าเป็นแบบนี้เธอคงอดไปดูพระอาทิตย์ตกดินแน่ๆ
พิจิกาเหลือเวลาอยู่ที่นี่อีกแค่คืนเดียวเท่านั้น พรุ่งนี้เช้าเธอต้องออกจากที่พักก่อนเที่ยง เพื่อขึ้นเรือก่อนจะนั่งรถตู้กลับเริ่มงานต่อในวันรุ่งขึ้น โอกาสที่จะได้มาเที่ยวแบบไม่เสียเงินแบบนี้คงไม่เกิดขึ้นอีกเป็นครั้งที่สองแน่ๆ
ขณะนั่งมองสายฝนกระทบกับพื้นน้ำก็ได้ยินเสียงคนมาเคาะประตูบ้านพัก หญิงสาวรีบเดินมาดูเมื่อเห็นว่าเป็นใครก็รีบเปิดประตูต้อนรับ
“เปียกมากไหม”
“ไม่ครับ พอดียืมร่มของทางรีสอร์ตมาครับ” พีราวัชรเบี่ยงตัวเข้ามาในบ้าน จากนั้นก็สลัดผมที่เปียกเพียงนิดให้เข้าที่
พิจิกาได้แต่แอบมองเพราะไม่ว่าเขาจะขยับหรือทำอะไรท่าทางของเขามันก็ดูดีไปหมด ไม่รู้ว่าชาติที่แล้วเขาทำบุญด้วยอะไรพระเจ้าถึงได้มอบความหล่อมาให้อย่างมากมายแบบนี้ เมื่อคืนก็คิดว่าเป็นเพราะตัวเองเมาเลยเห็นใครก็หล่อไปหมด แต่ตอนนี้เธอมีสติเต็มร้อย
“จ้องผมแบบนั้นคิดอะไรอยู่หรือเปล่าผิง”
“คิดสิคะ”
“คิดอะไร ไหนบอกมาสิ” ชายหนุ่มขยับเข้าใกล้จนเธอได้กลิ่นน้ำหอมราคาแพงออกมาจากตัวเขา
“คิดว่าพรุ่งนี้คุณจะเป็นหวัดหรือเปล่า นั่งก่อนค่ะ เดี๋ยวผิงเอาผ้าเช็ดตัวมาให้นะคะ”
“ผมหัวแข็งจะตายแค่ละอองฝนแค่นี้ทำอะไรผมไม่ได้หรอกครับ”
“แต่ก็ควรจะเช็ดผมให้แห้งนะคะ” พิจิการีบเดินไปเอาผ้าเช็ดตัวผืนเล็กมาส่งให้ก่อนที่ตัวเองจะนั่งลงโซฟาด้านตรงข้าม
“ผมนึกว่าคุณจะเช็ดให้เสียอีก”
“เสียใจค่ะ ผิงไม่ใช่ผู้หญิงอ่อนโยนขนาดนั้น” เธอพูดจบก็ก้มหน้าเล่นมือถือต่อ
พีราวัชรเช็ดผมเสร็จก็เอาผ้าพาดไว้ตรงพนักโซฟาก่อนจะลุกไปนั่งเบียดกับพิจิกาที่โซฟาอีกตัว
“นี่คุณ ที่นั่งมีตั้งเยอะตั้งแยะ มานั่งเบียดกันทำไมคะ”
“นั่งคนเดียวมันเหงานี่ครับ”
“ขี้เหงาขนาดนี้มาเที่ยวคนเดียวได้ยังไงคะ” หญิงสาวเงยหน้าขึ้นถาม
“ผมก็แค่อยากหลบมาพักผ่อน”
“อยากพักผ่อนแล้วมาหาผิงทำไมคะ น่าจะนอนซุกตัวใต้ผ้าห่มอุ่นๆ นะคะ”
“มันอุ่นไม่พอนี่ครับ ก็เลยต้องมาหาความอบอุ่นจากคุณ” คนฉวยโอกาสอุ้มคนตัวเล็กว่าขึ้นมานั่งบนตักเกยคางลงบนไหล่เล็ก สองมือกอดเอวคอดไว้หลวมๆ
พิจิกาเองก็รู้สึกอบอุ่นที่อยู่ในอ้อมกอดของเขา หญิงสาวทิ้งตัวลงพิงกับแผงอกกว้าง ตามองออกไปข้างนอกห้องที่สายฝนยังคงโปรยปรายไม่หยุด ในใจแอบคิดว่าถ้าคนที่อยู่กับเธอตอนนี้เป็นปรัชญาก็คงจะมีความสุขมาก แต่มันคงกลับไปเป็นเหมือนเดิมไม่ได้อีกแล้ว
“ฝนไม่น่าตกเลยนะคะ”
“ครับ เราเลยไม่ได้ไปดูพระอาทิตย์ตกดินด้วยกันเลย น่าเสียดายเหมือนนะครับ คุณอยู่ต่ออีกวันไม่ได้เหรอ”
“ฉันต้องกลับไปทำงานค่ะ”
“คุณทำงานอะไรเหรอถึงได้มาเที่ยววัยธรรมดา”
“ฉันเป็นแม่ค้าค่ะ คุณล่ะคะ”
“ผมก็ทำงานบริษัทครับ” พีราวัชรรู้สึกผิดนิดหน่อยที่โกหกเธอไปแบบนั้น แต่เขาก็มีเหตุผลของตัวเอง เพราะที่ผ่านมามีหลายคนที่พยายามหาเข้าหาเขาเพื่อผลประโยชน์ ชายหนุ่มจึงต้องระวังตัวไว้ก่อน
“ลาพักร้อนเหรอคะ ถึงได้มาเที่ยววันหยุดแบบนี้” เพราะถ้าเขาไม่ลาพักร้อนก็คงเป็นระดับผู้บริการ แต่ดูแล้วน่าจะเป็นอย่างแรกเพราะเขาดูอายุน้อยเกินกว่าจะทำงานระดับสูงแบบนั้น
“ประมาณนั้นครับ ปกติคุณมาเที่ยวคนเดียวแบบนี้บ่อยไหมครับ”
“ไม่หรอกค่ะ แม่ค้าอย่างผิงไม่อยากปิดร้านหรอกนะคะเพราะผิดก็เท่ากับเราขาดรายได้”
ชายหนุ่มเข้าใจเป็นอย่างดีเพราะอาชีพของเขาก็ไม่ต่างอะไรอาชีพของเธอเลย ถ้าเขาไม่เปิดห้างนั่นก็หมายความว่ารายได้ของเขาจะหายไปทั้งที่รายจ่ายยังคงมีเท่าเดิม
“คุณไม่คิดจะทำงานบริษัทบ้างเหรอครับ ผมว่าแบบนั้นรายได้มันมีเข้ามาสม่ำเสมอนะครับ”
“คิดสิคะ หลังเรียนจบฉันหางานเป็นเดือน ยื่นใบสมัครไปทั่วเลยค่ะ แต่ไม่มีที่ไหน”
“ผมถามได้ไหมว่าคุณเรียนจบอะไรมา”
“จบเลขาค่ะ แต่ผิงจบแค่ปวส.เวลาไปสมัครงานวุฒิก็เลยจะต่ำกว่าคนอื่น”
“ผมว่าเพราะคุณสวยเกินไปหรือเปล่าถึงทำให้ได้งาน”
“มีด้วยเหรอคะ”
“ครับ ผมเคยได้ยินมาบางครั้งคนที่รับเข้าทำงานก็ไม่อยากให้เกิดเรื่องชู้สาวระหว่างเจ้านายกับเลขาก็เป็นได้นะครับ”
“น่าคิดเหมือนกันค่ะ ถ้าผิงมีโอกาสไปสมัครงานอีกครั้งจะกรอกข้อมูลว่าแต่งงานแล้วดีไหมคะ”
“คุณพูดเหมือนมาอยากจะเป็นแม่ค้าแล้ว”
“ก็แค่พูดเผื่อไว้ค่ะ อาชีพค้าขายมันเป็นงานอิสระ คนอื่นอาจมองว่างานไม่ต้องใช้ความรู้อะไร แต่มีไม่กี่คนหรอกค่ะที่รู้ว่าในแต่ละวันเราเจออะไรบ้าง”
“อยากเล่าให้ผมฟังไหม”
“อย่าเลยค่ะ ผิงไม่อยากคุณเครียดตาม คุณอย่าลืมนะคะว่าตัวเองมาพักผ่อน”
“คุณก็มาพักผ่อนเหมือนกัน ถ้าไม่อยากเล่าเรื่องงานก็เล่าเรื่องผู้ชายที่หักหลังคุณให้ผมฟังได้ไหมล่ะ”
“คิดว่าคุณลืมเรื่องนี้ไปแล้วนะคะ”
“ผมยังไม่แก่นะจะได้ลืมอะไรง่ายๆ”
“ผิงก็ไม่ได้ว่าคุณแก่สักหน่อย”
“แบบไหนที่เรียกว่าแก่ละครับ”
“ก็สัก 60 ไงคะ วัยเกษียณพอดี”
“ผมยังห่างกับคำนั้นเยอะครับ ทำไมผมรู้สึกว่าคุณพยายามเปลี่ยนเรื่อง ไม่อยากเล่าเหรอ บางครั้งได้เล่าออกมาก็จะดีขึ้นนะครับ คุณจะได้กลับไปเริ่มงานได้อย่างสบายใจ ทิ้งความทุกข์ไว้ที่นี่”
พิจิกายิ้มกับคำพูดของชายหนุ่ม ที่บังเอิญไปเหมือนกับคำพูดของมารดาที่บอกให้เธอทิ้งความทุกข์ไว้ที่ทะเล แล้วกลับไปเป็นพิจิกาที่สดใสเหมือนเดิม
เพราะกำลังอยากระบายเรื่องที่อัดอั้นมานานหญิงสาวเลยตัดสินใจที่จะเล่าเรื่องทุกอย่างให้เขาฟังเพราะตัวเองก็ไม่รู้ว่าจะระบายความรู้สึกนี้ให้ใครฟังเหมือนกัน
เรื่องราวในอดีตถูกถ่ายทอดออกมาจากปากบางสีสวยอย่างพรั่งพรู หญิงสาวเล่าไปด้วยเสียงสั่น ส่วนคนฟังก็รู้สึกเห็นใจกับความที่ผิดหวังของพิจิกาทั้งจากเพื่อนสนิทและจากคนรัก แต่เขาก็ได้แค่รับฟังเพราะตัวเองยังไม่เคยรักใครจริงจังเหมือนกับเธอมาก่อนจึงไม่ได้ให้คำแนะนำออกไป สองแขนแกร่งที่โอบกอดอยู่กระชับแน่นขึ้นเมื่อรู้สึกว่าคนตรงหน้ากำลังร้องไห้ พีราวัชรรอจนหญิงสาวหยุดร้องแล้วเขาก็พูดในสิ่งที่ตนเองคิดออกไป “ผมเสียใจด้วยนะ แต่ผมว่าคุณยังโชคดีที่รู้เรื่องของเขาก่อน มันคงดีกว่ามารู้ตอนที่ตกลงแต่งงานกันแล้ว” “แต่ผิงก็ยังเสียใจอยู่ดี” “เสียใจเพราะเขาไม่รักหรือเสียใจที่รู้ว่าเขากับเพื่อนแอบมีอะไรกัน” “คิดว่าเป็นอย่างหลังค่ะ มันเหมือนโดนหักหลังยังไงก็ไม่รู้ ถ้าเขาไปมันคนอื่นก็คงไม่เจ็บเท่านี้” “คุณกับเพื่อนคบกันมานานหรือยัง” “ตั้งแต่เรียน ม.ปลายแล้วค่ะ เกือบสิบปีแล้วค่ะ ฟางเป็นเพื่อนสนิทคนเดียวที่ยังติดต่อกันตลอด ส่วนเพื่อนคนอื่นก็นานๆ ถึงจะโทรหากันที” “ถ้าเขามาขอโ
“แม่ครับ ผมยังกลับตอนนี้ไม่ได้จริงๆ”“แต่พีร์ไปหลายวันแล้วนะ ไม่ห่วงงานเหรอลูก”“ห่วงสิครับแม่”“ห่วงแล้วทำไมรีบกลับล่ะ หรือมีใครโทรไปบอกอะไรลูก”“บอกอะไรเหรอครับแม่” เขาทำเป็นไม่รู้เรื่อง“ไม่มีก็แล้วไป แล้วตอนนี้พีร์อยู่ไหนล่ะลูก แม่ก็อยากพักผ่อนเหมือนกันเผื่อว่าพรุ่งนี้แม่จะไปหา” คุณประภัสสรถามเลขาของลูกชายแล้วแต่เธอก็ไม่รู้ว่าเจ้านายไปที่ไหน“ผมอยู่ที่เชียงใหม่ครับแม่ พอดีว่าเจอพ่อเลี้ยงอินทัช เขาชวนมาพักที่บ้าน ถ้าแม่จะมาผมเกรงว่าเราจะรบกวนเขามากเกินไป เอาไว้คราวหน้านะครับแม่”“อยู่กับพ่อเลี้ยงๆ จริงๆ นะๆไม่ใช่แอบไปเที่ยวกับสาวที่ไหนล่ะ”“ผมยังไม่มีแฟนนี่ครับ จะไปเที่ยวกับใครล่ะแม่”“เอาแต่บ่นว่าไม่มีแฟน พอแม่จะแนะนำผู้หญิงก็หนีไปตั้งแต่เช้า” เธอยังเคืองบุตรชายไม่หายที่นัดกันอย่างดิบดีแต่พอตื่นเช้ามาก็หายเข้ากลีบเมฆ“ผมจะเที่ยวกับใครได้ล่ะครับ แม่จะคุยกับพ่อเลี้ยงไหมล่ะครับ เผื่อจะสบายใจขึ้น” พีราวัชรรู้ดีว่ามารดาของตนไม่มีทางคุยเพราะเธอจะให้เกียรติลูกชายอย่างเขาเสมอ“ไม่ต้องขนาดนั้นหรอก แม่ไม่อยากให้คนอื่นมองว่าแม่เป็นแม่ที่จู้จี้”“แม่ผมไม่จู้จี้สักหน่อย ผมรู้ว่าที่ว่าแม่เป็น
เมื่อเห็นพิจิกายืนนิ่ง พีราวัชรก็ยิ้มก่อนจะกด ริมฝีปากร้อนลงบนต้นคอระหง จูบเบาๆ ขบเม้มผิวนุ่มฝากรอยคริสมาร์กสีแดงระเรื่อชายหนุ่มกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น ฝ่ามือร้อนขยับเข้า กอบกุมปทุมคู่งามที่เต่งตึงเต็มมือใหญ่ขย้ำอย่างเพลินมือ จมูกและปากซุกไซ้ไปตามผิวเนียนละเอียดจนคนที่ยืนอยู่ขนลุกซู่ไปทั้งตัว“คุณพีร์...” เสียงหวานขาดหายเมื่อเขารั้งใบหน้าสวยให้หันมาแล้วประกบจูบอย่างดูดดื่ม เร่าร้อนเนิ่นนานเสียจนเธอแทบขาดใจ“ขอได้ไหม”“ผิงยังเจ็บอยู่”“ผมจะทำเบาที่สุดนะ ได้โปรดเถอะผิง ผมต้องการคุณจริงๆ นะ”“ครั้งเดียวนะคะ”พีราวัชรไม่ตอบเพราะไม่รู้ว่าตนเองจะทำได้อย่างที่เธอขอหรือไม่เพราะเรือนร่างและกลิ่นกายของเธอมันช่างยั่วยวนจนเขาแทบคุมตัวเองไม่อยู่ชายหนุ่มอุ้มพิจิกาไปยังห้องนอน วางเธอลงอย่างทะนุถนอม มือใหญ่ถอดชุดนอนและชั้นในทั้งบนล่างของเธอออกอย่างเร็ว“ผิง คุณสวยมาก”“อย่าจ้องแบบนั้นสิคะคุณพีร์”“ก็คุณสวย มองเท่าไหร่ก็ไม่เบื่อ”หญิงสาวอายจนหน้าแดง นั่นยิ่งทำให้พีราวัชรมองเธอราวกับขนมหวาน ซึ่งมันก็ถูกต้องแล้วเพราะเธอบอกเองว่าชื่อของเธอหมายถึงขนมชนิดหนึ่ง คงไม่ผิดอะไรถ้าเขาจะกินขนมผ
หญิงสาวมองหน้าเขาอย่างไม่เข้าใจ เพราะดึกแบบนี้มันก็คงจะเห็นแต่ความมืด “มันจะเห็นอะไรล่ะคะ” “เห็นสิครับ นะไปดูวิวทะเลกัน” “งั้นก็คุณพีร์ก็ออกไปก่อนสิคะ ผิงจะได้ลุก” “ผมอยากอุ้มผิงไปมากกว่า เอาขารัดเอวผมไว้นะ” “ว๊าย คุณพีร์” พิจิการ้องเสียงหลง สองมือคล้องไปบนลำคอ สองขาเกี่ยวเอวเขาแน่น เมื่อชายหนุ่มยกเธอขึ้นทั้งที่ร่างกายของทั้งสองยังคนประสานกันอย่างลึกซึ้ง แล้วเขาก็สอดประสานเธออีกครั้งอย่างหนักหน่วงจนเสียงครางดังระงมขึ้นมาอีกครั้ง “คุณพีร์ ผิงไม่ไหว แบบนี้มันเสียวเกินไปแล้ว” “ก็ผมอยากให้คุณเสียวนี่ครับ เกาะดีๆ นะ” เขาจับสะโพกผ่ายดึงห่างกายก่อนจะดึงเข้าหาตัวขณะที่สะโพกของเขากระแทกเข้าลึก “ดีไหมผิง คุณตัวเบามาก ต่อให้ผมอุ้มคุณแบบนี้ทั้งคืนผมก็ไม่ไหวนะ” “แต่ผิงไม่ไหวค่ะ...” พีราวัชรหัวเราะในลำคอก่อนจะกระแทกกระทั้นอย่างหนักส่งเธอให้สุขสมอีกครั้ง เสียงลมหายใจและเสียงกระเส่าที่ข้างหูทำให้
“ขอบคุณสำหรับของฝากนะคะน้องผิง เป็นไงบ้างเที่ยวสนุกไหม”“ก็ดีค่ะพี่ญา น่าเสียดายที่พี่ญาไม่ได้ไปด้วย”“พี่ก็เสียดายค่ะ เอาไว้ครั้งหน้าเราเก็บตังไปเที่ยวกันนะเองก็ได้นะ”“ค่ะ นานๆ ทีได้ไปพักผ่อนก็ดีเหมือนกันค่ะ”“ได้เจอหนุ่มหล่อๆ บ้างไหมล่ะคะ”คำถามของรุ่นพี่ทำให้พิจิกาต้องรีบหลบสายตา เพราะนอกจากเธอจะเจอหนุ่มหล่อแล้วการไปเที่ยวครั้งนี้ก็ยังได้เจอกับประสบการณ์ที่ไม่คิดมาก่อนว่าจะเกิดขึ้นกับตัวเอง“ไม่มีหรอกค่ะ” พิจิกาตอบพร้อมรอยยิ้ม และโชคดีที่มีลูกค้าเข้ามาเสียก่อนญาดาจึงหยุดคุยตั้งแต่กลับมาจากเสม็ดเธอกับพีราวัชรก็ยังติดต่อผ่านทางตัวหนังสือ เลยทำให้พิจิกาไม่อึดอัดเท่าไหร่ เพราะคิดว่าอีกไม่นานทั้งเขาและเธอก็จะค่อยๆ ลืมเลือนกันไป เธอยังจำได้ดีว่าเวลาที่อยู่กับเขานั้นมีความสุขมากแค่ไหน แต่ถ้าจะคิดถึงขั้นคบหากันก็คงเป็นไปได้ยาก เพราะคงไม่มีใครอยากได้ผู้หญิงใจง่ายมาเป็นแฟนอยู่แล้วตลอดทั้งบ่ายวันนี้หญิงสาวขายของแทบไม่ได้พัก กว่าจะได้จับโทรศัพท์อีกครั้งก็เกือบจะสองทุ่ม ความเหนื่อยหายไปราวกับปลิดทิ้งเมื่อเห็นว่าเขาส่งภาพพระอาทิตย์ตกดินมาให้เธอตามสัญญา“ยิ้มหวานเชียวนะครับน้องผิง” เสียงพี่ช้
ตั้งแต่กลับมาจากเสม็ดพีราวัชรก็ยังคงติดต่อกับพิจิกาผ่านทางไลน์ตลอด เขาอยากโทรหาเธออยากเห็นหน้าอยากได้ยินเสียง แต่หญิงสาวกลับไม่ยอมในแต่ละวันจึงได้คุยกันผ่านตัวหนังสือเพียงเท่านั้น “คุณพีร์คะ สัญญาเช่าพื้นที่แต่ละสาขาเฉพาะรายใหม่ค่ะ ฝ่ายกฎหมายตรวจสอบแล้วคุณพีร์เซ็นได้เลยค่ะ”“ไม่รีบใช่ไหมครับคุณกิ่ง”“ไม่ค่ะ”“งั้นพรุ่งนี้ค่อยมาเอานะครับ”“ค่ะ”“คุณกิ่งครับ คุณกิ่งพอจะรู้จักขนมผิงไหมครับ”“รู้จักสิคะ คุณพีร์อยากทานเหรอคะ”“ครับ”“เดี๋ยวกิ่งให้คนไปซื้อให้ค่ะ”“ขอบคุณครับ”พีราวัชรมองตามหลังคุณกิ่งแก้วเลขาคู่ใจที่ทำงานกับเขามาตั้งแต่เขาเข้ามารับตำแหน่งรองประธานรวมเวลาแล้วก็แปดปีกว่าตอนนี้เธอกำลังตัวครรภ์ลกคนที่สอง เขาอาจจะต้องหาผู้ช่วยมาให้เธอสกคน เพราะถ้าอีกหน่อยเธอท้องโตมากกว่านี้คงตามเขาไปทำงานข้างนอกไม่ได้ เนื่องจากห้างที่เวียดนามกำลังจะเริ่มก่อสร้างเขาอาจจะต้องบินไปดูเป็นระยะปกติแล้วเรื่องนี้เขาจะให้ฝ่ายบุคคลจัดการแต่ครั้งนี้มันแปลกไปเพราะคนที่พีราวัชรอยากให้มาเป็นเลขาของตนนั้นกลับเป็นผู้หญิงที่เขาเจอที่เสม็ด มันคงดีไม่น้อยที่ได้ทำงานกับเธอ แต่ปัญหา
เพราะเป็นวันธรรมดาพิจิกาเลยกลับมาถึงบ้านตั้งแต่เวลา 21.30 น. พอมาถึงมารดาก็กำลังนั่งดูละครหลังข่าวอยู่พอดี “วันนี้เป็นไงบ้าง ลูกค้าเยอะไหม แล้วกินข้าวมาหรือยังล่ะลูก” ปัทมาถามอย่างห่วงใย “กินมาแล้วค่ะ ผิงได้ไส้อั่วมาแล้วนะคะ แม่จะชิมไหม” “ไม่เป็นไร แม่แปรงฟันแล้ว เอาไว้กินพรุ่งนี้เช้าก็ได้ แม่แช่ข้าวเหนียวไว้แล้วพรุ่งนี้จะได้นึ่งกินตอนเช้า” “ค่ะ เดี๋ยวผิงเอาใส่ตู้ก่อนนะคะ” พิจิกาเอาของที่ซื้อมาเก็บเข้าตู้จากนั้นก็กลับมานั่งลงข้างมารดา “วันนี้แม่เหนื่อยมั้ยคะ” “นิดหน่อยจ้ะ วันนี้เด็กๆ มารุมกันไม่ถึงชั่วโมงแม่ก็ขายหมดแล้ว หนูล่ะลูกขายดีไหม” “ขายดีมากเลยค่ะ ตั้งแต่บ่ายกว่าจะได้นั่งก็ค่ำเลยค่ะ ผิงอยากให้ขายดีแบบนี้ทุกวันเลยค่ะ” ถึงแม้จะเหนื่อยมากแต่มันก็คุ้มเพราะนอกจากจะได้ขายหน้าร้านแล้วเธอยังเพิ่มช่องทางติดต่อให้กับลูกค้าโดยการแอดเข้าไลน์กลุ่ม ทีนี้พอมีสินค้าใหม่เข้าก็จะได้ขายของสะดวกขึ้น “หนูคงเหนื่อยมาก แม่ว่ารีบไปนอนพักดีกว่าไหมลูก พรุ่งนี้เช
หลังจากยื่นใบสมัครไปแล้ววันนี้ก็ถึงวันที่ต้องไปสัมภาษณ์ยังอาคารสำนักงาน เมื่อคืนพิจิกาตื่นเต้นจนนอนไม่หลับ หญิงสาวต้องลุกมานั่งสมาธิกลางดึกและกว่าจะหลับลงได้ก็เกือบจะตีหนึ่ง “แม่ขอให้ผิงโชคดีนะลูก” “ขอบคุณค่ะแม่ วันนี้ผิงสัมภาษณ์เสร็จแล้วก็จะกลับไปที่ร้านเลยนะคะ” “หนูจ้างคนมาขายแทนแล้วไม่ใช่เหรอ” “ค่ะ ผิงจ้างแล้วค่ะ แต่ผิงก็อยากเข้าไปช่วย” “แสดงว่าเย็นนี้แม่ก็ต้องกินข้าวเย็นคนเดียวอีกแล้วใช่ไหม” “แม่ขา อดทนอีกนิดนะคะ ถ้าหนูได้งานเราก็จะมีเวลากินข้าวด้วยกันมากขึ้น ผิงจะพยายามอย่างเต็มที่นะคะ” “แม่รู้ว่าว่าที่ผิงทำทุกวันนี้ก็เพื่อนแม่ เรื่องกินข้าวเย็นแม่ก็พูดไปตามประสาคนแก่นั่นแหละ ผิงไม่กลับมากินกับแม่ แม่ก็ไปกินกับเพื่อนได้ อย่าเก็บมาใส่ใจเลยลูก” “แม่คะ อีกเหตุผลหนึ่งที่ผิงอยากทำงานประจำเพราะผิงไม่อยากกลับบ้านดึกแล้วทิ้งให้แม่อยู่คนเดียว” “อยู่คนเดียวที่ไหนล่ะ แถวนี้ก็คนรู้จักกันทั้งนั้น” “ผิงรู้ค่ะ เพื่อนบ้านเ
เรื่องราวทุกอย่างผ่านไปอย่างรวดเร็ว ถึงตอนนี้พิจิกาและพีราวัชรก็แต่งงานกันได้หลายเดือนแล้ว คุณกิ่งแก้วที่ลาไปคลอดลูกก็ยังไม่กลับมาทำงานทำให้สองสามีภรรยามีเวลาหวานด้วยกันทั้งที่บ้านและที่ทำงาน “ไม่น่าเชื่อนะคะว่าเราจะได้แต่งงานกัน” “ถ้าคืนนั้นผมไม่มาส่งผิงที่นี่ ผมคงเสียดายไปจนตาย” “ผิงไม่คิดเลยนะคะว่าความเมาจะทำให้ผิงได้สามีที่หล่อแบบนี้” “ผิงรู้ไหม ว่าผมแอบมองผิงตั้งแต่ผิงออกไปเต้นแล้ว” “เหรอคะ” “ครับ ผิงสวยสะดุดตาผมมาก ผมดีใจมากแค่ไหนรู้ไหมที่ผิงเดินกลับมาดื่มต่อที่บาร์” “แล้วคุณคิดจะมาส่งผิงแล้วกลับหรือคิดอย่างอื่น” “ผมสารภาพเลยครับว่าผมคิดไม่ซื่อกับผิงตั้งแต่ต้น ผมเคยเจอผู้หญิงในบาร์แล้วเราก็ไปต่อกันจากนั้นทุกอย่างก็จบภายในคืนเดียว ผมแทบไม่รู้ชื่อพวกเธอด้วยซ้ำ แต่พอเจอผิง ผมกลับลืมไม่ลง” “เพราะอะไรคะ จะว่าเพราะหน้าตาก็ไม่น่าจะใช่เพราะคนสวยกว่าผิงมีเยอะไปหมด” “ผมเองก็หาเหตุผลไม่ได้ ผมรู้แค่ต้องเป็นผิง ผมรู้แค
เริ่มงานวันแรกหลังจากหยุดยาว พิจิกาไม่ค่อยมีสมาธิทำงานเท่าไหร่เพราะเย็นนี้เธอจะต้องเข้าไปทานอาหารเย็นที่บ้านของพีราวัชร แม้จะเคยเจอบิดามารดาของเขาแล้ว แต่ครั้งนี้มันต่างจากครั้งที่แล้ว เพราะเขาจะพาเธอเข้าไปในฐานะคนรักไม่ใช่ผู้ช่วยเลขาอย่างครั้งก่อน“ผิง มีอะไรไม่สบายใจหรือเปล่า”“นิดหน่อยค่ะพี่กิ่ง”“เล่าให้พี่ฟังได้นะ”“ผิงก็อยากเล่าค่ะ แต่เรื่องนี้ผิงบอกใครไม่ได้จริงๆ ค่ะ เรื่องนี้มันไม่ได้เกี่ยวกับผิงคนเดียว”“คงเป็นเรื่องสำคัญมากใช่ไหม”“ค่ะพี่กิ่ง”“พี่ไม่รู้นะว่าเรื่องไร เอาเป็นว่าพี่ให้กำลังใจผิงก็แล้วกันนะ ใช้สติให้มาก พี่ว่าปัญหาทุกอย่างจะผ่านได้ด้วยดี”“ขอบคุณค่ะพี่กิ่ง พี่กิ่งจะกลับเลยก็ได้นะคะเดี๋ยวตรงนี้ผิงทำต่อเองค่ะ”“แล้วผิงไม่รีบกลับบ้านเหรอวันนี้เจ้านายไม่อยู่น่าจะรีบกลับนะ”“กลับตอนนี้รถเมล์แน่นค่ะพี่กิ่ง ผิงรออีกนิดดีกว่าค่ะ”“งั้นพี่ไปก่อนนะ”“ค่ะพี่กิ่ง”พอเลขารุ่นพี่กลับไปแล้วพิจิกาก็จัดการงานตรงหน้าต่ออย่างไม่เร่งรีบเพราะพีราวัชรเพิ่งลงจากเครื่องเมื่อครึ่งชั่วโมงก่อน กว่าเขาจะขับรถมาถึงที่นี่ก็คงอีกนานเมื่อทำงานตรงหน้าเสร็จแล้วหญิงสาวก็เข้าห้องน้ำสำรวจความเรีย
เกือบสิบโมงเช้าของวันใหม่สองหนุ่มสาวก็ยังคงนอนกอดกันอยู่บนเตียงกว้าง ความสุขที่มีร่วมกันมันมากมายราวกับเป็นความฝัน พิจิกาตื่นตั้งนานแล้วแต่เธอยังไม่อยากขยับออกจากอ้อมกอดที่แสนอบอุ่นของเขา เธอเงยมองใบหน้าหล่อที่ตอนเช้าไรหนวดเขียวเริ่มเห็นชัดเจนและมันเพิ่มเสน่ห์ในตัวเขาได้เป็นอย่างดี หญิงสาวไล้มือไปตามสันกรามอย่างแผ่วเบา และคิดว่าถ้าเขาเอาใบหน้านี้ซุกไซร้ไปตามลำตัวเธอมันจะจั๊กจี้หรือเสียวซ่านมากแค่ไหน เธอสำรวจใบหน้าของเขานานไปหน่อยตอนนี้เจ้าตัวก็เลยและทำให้คนที่แอบมองต้องรีบหลบตา“แอบมองแบบนี้คิดอะไรอยู่”“ผิงไม่ค่อยได้เห็นเวลาหน้าคุณพีร์มีหนวดเลย ปกติคุณพีร์โกนทุกวันเหรอคะ”“ครับ ผมต้องโกนทุกเข้า”“อยู่ที่นี่กับผิงไม่โกนได้ไหมคะ ผิงชอบนะคะ มันเซ็กซี่ดีค่ะ”“ผมไม่อยากให้มันทิ่มผิงเวลาที่ผมจูบผิงนี่ครับ”“นิดหน่อยเองไม่เป็นไรหรอกค่ะ นะคะ”“ก็ได้ครับแล้วถ้าเจ็บอย่ามาบ่นก็แล้วกัน”“แล้วผิงเคยบ่นให้คุณพีร์ฟังไหมล่ะคะ”“ไม่เลย ผิงไม่เคยบ่นว่าเจ็บ ผมไม่รู้เพราะผิงไม่เจ็บหรือเพราะผิงทนเพื่อผม”“ถ้าบอกว่าไม่เจ็บก็คงไม่ถูกหรอกค่ะ ผิงเจ็บแต่มันไม่มากถึงขั้นทนไม่ไหว คุณพีร์ทำให้ผิง
ตอนนี้ทั้งสองคนอยู่ในสภาพเปลือยเปลา พีราวัชรขึ้นมาคร่อมทับตัวหญิงสาว เขามองหน้าเธอด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความปรารถนา ก่อนบดจูบลงบนริมฝปากบางอยางดูดดื่ม มือหนาทั้งสองข้างคลึงเคลาสองปทุมอวบอิ่มอย่างมันมือ ปลายนิ้วสะกิดยอดปทุมถันปลุกเร้าจนเสียงหวานครางระงม“อื้อ....”จูบจนพอใจเขาก็ลากไล้ความเปียกชื้นไปตามซอกคอหอมกรุ่น ขบเม้มดูดดึงไปตามแรงอารมณ์ที่กำลังพุ่งสูง ผิวเนียนนุ่มขึ้นรอยแดงไปทั้งทุกจุดที่ปากร้อนเลื่อนผ่าน ลากไล้มาจนถึงร่องปทุมอวบอิ่ม ลิ้นร้อนลากปัดป่ายบนยอดสีสวย ก่อนจะส่งปากร้อนครอบครองด้วยความเสน่ห์หาหญิงสาวได้แต่ดิ้นพล่านเสียงหวานครางเพื่อระบายความเสียว เขาหยอกเย้าดูดกินจนอิ่มหนำก็เลื่อนตัวลงไปเรื่อยๆ จนหยุดกลางขาเรียวทั้งสองข้าง เธอชันเข่าขึ้นอย่างรู้งานไม่นานความสุขก็แตกกระจายเข้าสู่กายของพิจิกา หญิงสาวหอบสะท้านก่อนจะถูกเขาโน้มกายลงหาตัวเธอนอนคว่ำไปกับที่นอน ขณะที่ท่อนเอ็นของเขายังคงกระตุกอยู่ในกายเธออย่างยาวนาน ปากร้อนพรมจูบลงบนแผ่นหลังอย่างหลงใหล“ผมไม่เคยเจอใครที่สุดยอดเหมือนคุณมาก่อน ที่รัก ผมรักคุณนะผิง”“ผิงก็รักคุณพีร์ค่ะ”พิจิกายิ้มอย่างมีความสุข เมื่อชายหนุ่มถอด
เป็นครั้งแรกที่พี่จิกต้องนั่งเครื่องคนเดียวข้ามประเทศแต่พอลงจากเครื่องก็ได้เจอกับพีราวัชรที่รออยู่ตรงจุดรับกระเป๋า“บังเอิญจังเลยนะครับที่ได้เจอกันที่นี่”“ค่ะ บังเอิญมาก ว่าแต่จะบังเอิญพักที่เดียวกันด้วยไหมคะ” พิจิกาถามก่อนที่ทั้งสองจะเดินตามกันไปยังรถของโรงแรมที่จอดอยู่เที่ยวบินที่พวกเขาโดยสารมาเป็นเที่ยวบินที่ออกจากสนามบินสุวรรณภูมิดึกที่สุดพอมาถึงสิงคโปร์และเข้าที่พักก็เกือบจะตีหนึ่ง โรงแรมที่ชายหนุ่มพาเธอมาพักเป็นโรงแรมหรูห้าดาวที่อยู่บริเวณอ่าวมารีนา สามารถมองเห็นวิวยามค่ำคืนรวมถึงแลนด์มาร์คสำคัญอย่างสิงคโปร์ฟลายเออร์ได้อีกด้วย“สวยจังค่ะคุณพีร์ ผิงไม่คิดมาก่อนเลยว่าจะได้มาพักโรงแรมหรูแบบนี้” พิจิกตื่นเต้นกับภาพความสวยตรงหน้า“ถ้าผิงชอบเราจะมากันทุกวันหยุด”“ไม่เอาหรอกค่ะ ราคาห้องมันคงแพงมาก”“แพงแค่ไหนผมก็ยอมจ่ายถ้าผิงชอบ” พีราวัชรเดินมาสวมกอดเธอด้านหลัง“ค่ะผิงชอบ แต่ถ้ามาบ่อยๆ ผิงกลัวว่าคุณพีร์จะหมดตัวเสียก่อน”“ถ้าผมหมดตัวผิงยังจะรักผมไหม”“รักสิค่ะ ผิงไม่ได้รักคุณพี่ที่เงิน”“ผมรู้ ผมถึงได้รักผิงมากยังไงล่ะ”“วิวสวยมากเลยนะคะ เหมือนอยู่บนสวรรค์”“เคยเห็นเหรอครับว่าสวรรค์เป
หลังจากเคลียร์เอกสารทุกอย่างเสร็จแล้วพีราวัชรก็เรียกกิ่งแก้วและพิจิกาเข้ามาในห้องทำงาน“นั่งก่อนทั้งสองคนนั่นแหละ”“ขอบคุณค่ะ/ ขอบคุณค่ะ” เลขาและผู้ช่วยเลขาพูดพร้อมกันก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้หน้าโต๊ะของรองประธาน“ผมอย่างจะถามคุณกิ่งว่าผ่านมาสองเดือนแล้วพิจิกาทำงานเป็นยังไงบ้าง”“น้องผิงทำงานเรียบร้อยดีค่ะ เรียนรู้ได้เร็วมากค่ะ”“แล้วคุณมั่นใจไหมว่าถ้าคุณหยุดงานไปหกเดือนงานทุกอย่างจะไม่มีปัญหาอะไร”“กิ่งมั่นใจค่ะ ที่ผ่านมาน้องผิงไม่เคยทำงานพลาดเลย เธอรอบคอบและมีไหวพริบมากกว่ากิ่งด้วยซ้ำ”“ถ้าอย่างนั้นช่วงที่คุณลางานผมคงไม่ต้องหาใครมาเพิ่มใช่ไหม”“ผิงคิดว่าไหวไหม” กิ่งแก้วหันมาถามผู้ช่วย“คิดว่าไหวค่ะพี่กิ่ง”“ถ้าไหวก็ดี เอาล่ะเรื่องงานผ่านไปแล้ว ทีนี้ก็มาถึงเรื่องวันหยุดยาว”“มีอะไรหรือเปล่าคะคุณพีร์”“ผมอยากให้คุณกิ่งช่วยดูให้หน่อยว่าหลังวันหยุดผมต้องไปเจอลูกค้าหรือไปตรวจงานที่สาขาไหนหรือเปล่า”“สักครู่นะคะ” กิ่งแก้วเปิดตารางงานของเจ้านายขึ้นมาดูก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาตอบเขาอีกครั้ง“คุณพีร์ต้องไปร่วมงานเปิดสาขาใหม่คู่ค้าที่สิงคโปร์ค่ะ”“เดี๋ยวผมจัดการจองตั๋วเองนะ”“ได้ค่ะ ครั้งนี้คุณพีร์จะใ
กลับมาจากเวียดนาม ทุกอย่างก็ดำเนินไปตามปกติ พิจิกาทำงานได้เป็นอย่างดี จนกิ่งแก้วรู้สึกวางใจถ้าเธอจะต้องลางานถึงหกเดือนพิจิกาเองก็ปรับตัวได้ดีกับทั้งเรื่องงานและเรื่องของความรัก หลังเลิกงานหญิงสาวก็จะรอกลับพร้อมกับพีราวัชร แต่บางวันก็ขอไปทานข้าวเย็นกับมารดาบ้าง พีราวัชรก็ไม่ได้ว่าอะไรเพราะเขาเองก็ต้องแบ่งเวลาให้กับครอบครัวเหมือนกันอย่างเย็นวันนี้ชายหนุ่มมาส่งเธอที่บ้าน ก่อนจะรีบขอตัวกลับไปที่บ้านของตนเอง เพราะมารดาบอกว่ามีเรื่องจะคุยด้วยเขาไม่รู้ว่าเรื่องที่มารดาจะพูดนั้นเป็นเรื่องอะไร พอไปถึงและทานอาหารเย็นเสร็จแล้ว พีราวัชรก็ถูกเรียกมานั่งคุยที่ห้องทำงานซึ่งวันนี้ใบหน้าของมารดานั้นดูไม่พอใจเป็นอย่างมาก“พีร์มีอะไรจะสารภาพกับแม่ไหม”“ไม่มีนี่ครับ”“แน่ใจนะว่าไม่ได้ทำอะไรผิดหรือแอบทำอะไรลับหลังแม่” คุณประภัสสรมองหน้าบุตรชายอย่างคาดคั้น“พีร์ พ่อว่ามีอะไรก็รีบสารภาพไปเถอะ เผื่อบางทีอาจจะได้ลดโทษบ้าง”“ทำไมพ่อกับแม่ทำเหมือนกับว่าผมไปทำอะไรผิดมาอย่างนั้นแหละครับ”“แม่จะไม่อ้อมค้อมแล้วนะ”“ครับ ผมก็อยากรู้เหมือนกันว่าผมไปทำอะไรผิดมา” ชายหนุ่มมั่นใจว่าตนเองไม่ได้ทำอะไรผิดพลาดและเรื่องของต
“ผิง ถ้าคืนนั้นไม่เจอผมคุณก็คงเลือกมันใช่ไหม”“คุณกำลังดูถูกผิงอยู่”“ยังจะเถียงก็เห็นอยู่ว่าพอเจอกันก็หน้าระรื่น”“หึงเหรอคะ”“...” พี่ราวัชเงียบ เขาเพิ่งรู้ตัวเองว่ากำลังหึงและไม่มีเหตุผล“คุณพีร์ขา ผิงไม่คิดอะไรกับเขาเลย” เธอพยายามใจเย็น เพราะดูแล้วเขาจะทั้งเมาและโมโหจนคุมตัวเองไม่อยู่“คุณจะมีผมคนเดียวใช่ไหม”“แน่นอน ผิงมีคุณคนเดียว”“คุณพีร์เมาแล้ว ผิงพาไปนอนนะคะ”พิจิกาพยุงคนเมามายังที่นอนกว้างแต่พอถึงเตียงเขากลับผลักให้เธอลงไปนอนพร้อมกับกระชากชุดของเธอออกอย่างรวดเร็วก่อนโน้มใบหน้าเข้าใกล้ใบหน้าสวย สัมผัสจูบแผ่วเบาบนเรียวปากทำให้พิจิการู้สึกว่าตอนนี้เขากำลังกลับมาเป็นพีราวัชรคนเดิมของเธอแล้ว “อ้าห์....”เสียงครางหลุดออกมาจากลำคอระหงเมื่อปากร้อนเข้าครอบครองปทุมถันเต่งตึง สลับกับมือใหญ่บีบเคล้นอีกข้างพิจิกาเริ่มดิ้นเพราะถูกความรู้สึกเสียวซ่านเข้าจู่โจม เธอแอ่นร่างเปิดทางเชื้อเชิญเขาดูดดึง หยอกล้อกับความอวบอิ่มของตนมากขึ้นพีราวัชรเลื่อนใบหน้าลงต่ำมาไปตามผิวเนียนนุ่มจนถึงหน้าท้องแบนราบที่กำลังเกร็งสะท้านกับสัมผัสร้อนที่รินรดไปทั่วผิวกาย เขาเหมือนจะควบคุมความต้องการข
มาถึงดานังในเวลาบ่าย พอเอาของเข้าที่พักแล้วก็ใช้บริการรถโรงแรมให้ไปส่งที่เมืองฮอยกันซึ่งอยู่ไม่ไกลมากนัก ทั้งสองพากันมาเดินเล่นย่านเมืองเก่า พิจิกาถ่ายรูปไปทั่วเพราะอยากจะเอาไปอวดมารดาโดยมีพีราวัชรเป็นตากล้องให้ พอเดินจนเหนื่อยก็ทานอาหารที่นั่นก่อนจะพากันนั่งรถกลับมายังโรงแรมพิจิกานั่งพิงกับไหล่หนาใบหน้ายิ้มอย่างมีความสุขขณะที่ดูรูปในมือถือ“พรุ่งนี้เราจะไปเที่ยวไหนกันคะ”“ผิงอยากไปไหนล่ะครับ”“บานาฮิลล์ค่ะ คุณพีร์เคยไปไหมคะ”“ยังเลยครับ เดี๋ยวถ้ากลับถึงโรงแรมแล้วผมจะถามโรงแรมให้นะครับว่าจะไปที่นั่นได้ยังไงบ้าง”จากนั้นพิจิกาก็นั่งหลับมาจนถึงโรงแรม พีราวัชรพาเธอมาส่งที่ห้องก่อน ส่วนตัวเขานั้นกลับไปยังหน้าล็อบบีของโรงแรม ซื้อสำหรับสองคนเพื่อไปเที่ยวบานาฮิลล์ตามที่พิจิกาอยากไปเขากลับมาบนห้องอีกครั้งคนที่อยากเที่ยวก็หลับไปก่อนแล้ว พีราวัชรรีบอาบน้ำแล้วตามเธอขึ้นบนเตียงแม้ในใจอยากจะทำมากกว่ากอดแต่เพราะพรุ่งนี้จะต้องออกเดินทางจากโรงแรมตั้งแต่เช้าจึงต้องข่มใจให้นอนกอดเธอไปแบบนั้นเช้าวันใหม่พิจิกาแต่งตัวสดใส เธอกับเขาพากันลงมาทานอาหารตั้งแต่เช้า พอแปดโมงครึ่งรถบัสก็มารับนักท่องเที่ยวที่ซื