บทที่ 75 น้องสาว“เรื่องราวทั้งหมดก็เป็นแบบนี้ละค่ะท่านนายพล”หยางชิงเย่วเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ท่านนายพลเย่เฉินฟัง รวมถึงเหตุผลที่เธอต้องปลอมตัวเป็นเด็กผู้ชายเพื่อความปลอดภัย นายพลเย่เฉินมองเธอด้วยความทึ่ง คิดในใจว่าเด็กคนนี้ช่างฉลาดเฉลียวเหมือนใครคนนั้นเลย“แล้วพี่สาวของเสี่ยวเย่วชื่ออะไรที่ตามหาอยู่” ท่านนายพลหันไปมองภรรยาที่รักของตนเอง ก่อนจะมองหน้าเจ้าเด็กน้อยหยางชิงเย่ว และตั้งคำถามพร้อมกับคาดเดาคำตอบในใจ“พี่สาวชื่อหยางชิงโม่ค่ะ พี่สาวถูกส่งตัวไปใช้แรงงานแทนลูกชายของคุณลุง ตอนนั้นพี่สาวไม่อยากไป แต่คุณลุงคุณป้าบอกว่าเพื่อตอบแทนบุญคุณที่พวกเขาเลี้ยงดูพวกเรา พวกเขาบอกกับพี่สาวของฉันว่าจะดูแลฉันเป็นอย่างดี และจะส่งฉันเรียนหนังสือถ้าพี่สาวไปแทนลูกชายคุณลุง” หยางชิงเย่วเอ่ยขึ้น น้ำเสียงสั่นเครือด้วยความเศร้า“แต่พอพี่สาวถูกส่งตัวไปไม่นาน พวกเขาก็ให้ฉันออกจากโรงเรียน บอกว่าผู้หญิงไม่ต้องเรียนหนังสือเยอะก็ได้” เสียงของเธอแผ่วเบาลง และแล้วน้ำตาเม็ดโตก็ไหลลงมา“ฮือฮือฮือ!!!...ฉันเพียงอยากจะเจอพี่สาวของฉันอีกครั้งเท่านั้นเอง ใครจะรู้ว่าพวกเขาถึงกับขายฉันให้กับแก๊งค้ามนุษย์” เธอร้องไห้
บทที่ 76 ปฎิบัติการทะลายแก๊งค้ามนุษย์จากฮ่องกงสู่จีนแผ่นดินใหญ่เซียวจ้านคือหัวหน้าแก๊งธุรกิจผิดกฎหมายหลายอย่างเช่น การพนันผิดกฎหมาย การฟอกเงิน ตั้งแก๊งรีดไถ เซียวจ้านถูกทางการขนานนามเจ้าพ่อธุรกิจสีเทาและเหตุการณ์ล่าสุดคือการต่อสู้แย่งชิงอำนาจในวงการมาเฟีย เขามีส่วนร่วมในการฆาตกรรมคนในครอบครัว และถูกตำรวจฮ่องกงตามไล่ล่า อย่างหนักจึงหนีมาที่จีนแผ่นดินใหญ่ เริ่มต้นชีวิตใหม่ ด้วยความโหดเหี้ยม ไร้ความปรานี เขาก่อตั้งแก๊งค้ามนุษย์ข้ามชาติ เติบโตอย่างรวดเร็ว กลายเป็นจักรพรรดิในโลกมืดเส้นทางสู่จักรพรรดิของเซียวจ้าน เขาสร้างเครือข่ายอันกว้างใหญ่ ติดต่อแก๊งค้ามนุษย์ในฮ่องกงและมาเก๊า ใช้เส้นสายในดินบนฟ้า ลักลอบนำคนจากทั่วทุกมุมโลก มาขายเป็นสินค้าเขาใช้วิธีการโหดเหี้ยม บังคับขู่เข็ญ หลอกลวงล่อลวงเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายตกเป็นทาสในเงื้อมมือของเขาเซียวจ้านสั่งสมอำนาจเงินทองและอิทธิพลธุรกิจของเขาเฟื่องฟูร่ำรวยมหาศาลเขามีลูกน้องมากมายที่ต่างหวาดกลัวในความโหดเหี้ยมเขาสร้างภาพลักษณ์เป็นนักธุรกิจผู้ประสบความสำเร็จ ปกปิดความชั่วร้ายของเขาเบื้องหลังความร่ำรวย คือด้านมืดที่โหดร้ายเซียวจ้านฆ่าคนโดยไม่กะพริบ
บทที่ 77 ความจำภาพถ่าย photographic memory ผ่านเหตุการณ์กวาดล้างแก๊งค้ามนุษย์ของเซียวจ้านมา 3 เดือนแล้วตอนนี้ทุกสิ่งทุกอย่างกลับมาสู่ปรกติอีกครั้ง เซี่ยชิงโม่ที่ตอนนี้ท้องได้ 6 เดือนแล้ว แต่เธอยังคงไปทำงานที่โรงพยาบาลเป็นปรกติส่วนนายพลเฉินหวังตง และนายพลเย่เฉินหลังจากเหตุการณ์นั้นพวกเขาก็ได้รับคำชมเชยมากมายจากท่านผู้นำ พ่อแม่ครอบครัวที่ได้รับลูกหลานกลับสู้อ้อมกอดอีกครั้งต่างพากันขอบพวกเขาจากใจจริงหยางชิงเยว กำลังเรียนพิเศษอย่างขะมักเขม้นกับครูที่เซี่ยชิงโม่จ้างมาสอนเธอกำลังเรียนภาษาฝรั่งเศสที่บ้าน เมื่อเซี่ยชิงโม่เข้าไปดูการเรียนการสอน เธอถึงกับประหลาดใจเป็นอย่างมาก เพราะหยางชิงเยวสามารถทักทายเธอเป็นภาษาฝรั่งเศส ภาษาอังกฤษ และภาษาเยอรมันพร้อมกันทั้ง 3 ภาษา และยังบอกเซี่ยชิงโม่ว่าเธอชื่นชอบการเรียนภาษาต่างประเทศเหล่านี้กับครูท่านนี้มาก ทำให้ครูชาวฝรั่งถึงกับยิ้มแก้มปริเลยทีเดียว เพราะเป็นที่รู้กันว่าคุณหมอเซี่ยชิงโม่เป็นคนที่ใจคอกว้างขวางมาก ถ้าเธอพอใจรางวัลที่ให้มาก็มากตามไปด้วย และเย็นนั้นเขาก็กลับบ้านพร้อมกับไวน์แดง แฮมและชีสก้อนใหญ่รวมทั้งเงินหยวนที่เป็นรางวัลพิเศษอีกจำนวนไม่น้อย
บทที่ 78 แก๊งบอยแบนด์ขอคำปรึกษา“อะไรนะอาแป๊ะเฟิงมาปักกิ่ง และมาขอเข้าพบฉันหรือคะ” เซี่ยชิงโม่ที่เพิ่งจะให้นมเจ้าสองแฝดน้อยเสร็จ ถามขึ้นมาเมื่อคุณแม่เฉินเดินเข้ามาบอกเธอว่าอาแป๊ะเฟิงและเพื่อนๆ มาขอพบเธอที่เรือนสี่ประสาน ตอนนี้เซี่ยชิงโม่ได้ขอลาพักราชการเพราะเธอเพิ่งจะคลอดลูก เธอจึงขอหยุดเพื่อเลี้ยงดูลูกอยู่ที่บ้าน ซึ่งกรณีของเธอนั้นตอนนี้เธอได้เป็นอาจารย์ที่สอนแพทย์ที่จบใหม่ไปแล้ว ถ้าไม่มีกรณีที่ยากจริงๆ เธอจะไม่เข้าไปที่โรงพยาบาล“มีอะไรหรือเปล่านะ” เธอพึมพำกับตัวเอง เสียงฝีเท้าหนักๆ ดังกึกก้องสะท้อนไปทั่วเรือนสี่ประสาน ประตูเรือนสี่ประสานของเธอบานออก เผยให้เห็นขบวนชายหนุ่มในสูทสีดำสนิท คอเสื้อประดับผ้าขาว เดินเรียงรายเข้ามา ประหนึ่งบอยแบนด์เวอร์ชั่นคุณลุง สมาชิกในแก๊งประกอบด้วย อาแป๊ะเฟิงเฉียง หล่อเนี้ยบ สมาร์ท สมกับเป็นหัวหน้าแก๊งอาแป๊ะฟงหลิ่ง ก้าวตามมา ท่าทางสง่างาม รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ระบายบนใบหน้าอาแป๊ะต้าหลิ่ง เยื้องย่างมาอย่างมั่นใจ ดวงตาเป็นประกาย ฉายแววเจ้าชู้อาแป๊ะเหวินฟู่ เดินมาแบบเนิบๆ แต่แฝงไปด้วยความน่าเกรงขาม อาแป๊ะฉินอวิ๋น ยิ้มหวานละมุนละไม ละลายหัวใจสาวๆอาแป๊ะห
บทที่ 79 ลาออกจากกองทัพ ผ่านปีใหม่ 1988 มา 3 เดือนแล้วดูเหมือนชีวิตของเซี่ยชิงโม่จะดำเนินไปด้วยความสงบ แต่ในความเป็นจริงนั้นตอนนี้เธอกำลังเครียดเคร่งอยู่ เพราะในกระดาษโพยใบนั้นระบุว่าในปีหน้าจะเกิด เหตุการณ์การประท้วงที่จัตุรัสเทียนอันเหมิน ซึ่งจะเกิดขึ้นใน เดือนเมษายน ถึง มิถุนายน ของปี 1989 อีกหนึ่งปีข้างหน้า การประท้วงเริ่มต้นขึ้นในวันที่ 15 เมษายน 1989 โดยนักศึกษาและประชาชนเพื่อเรียกร้องประชาธิปไตย เสรีภาพ และต่อต้านการคอรัปชั่น การประท้วงดำเนินไปเป็นเวลานานกว่า 1 เดือน และมีผู้เข้าร่วมหลายแสนคนในวันที่ 4 มิถุนายน 1989 รัฐบาลจีนได้ส่งกองทัพเข้าปราบปรามผู้ประท้วง ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตหลายร้อยถึงหลายพันคน เหตุการณ์การประท้วงที่จัตุรัสเทียนอันเหมิน เป็นหนึ่งในเหตุการณ์สำคัญในประวัติศาสตร์จีน และยังคงเป็นประเด็นถกเถียงกันแม้แต่ในยุคก่อนที่เธอจะจากมาในการประท้วงครั้งนี้เธอไม่ต้องการให้สามีของเธอและพ่อบุญธรรมเข้าไปมีส่วนร่วมในการปราบปรามนักศึกษาเหล่านั้น แต่เธอก็รู้ว่าด้วยหน้าที่ของนายพลพวกเขาคงยากที่จะหลีกเลี่ยงไม่ปฏิบัติตามคำสั่งได้ เธอกำลังเครียดหาทางว่าจะทำอย่างไร เธอมีเวลาเพียง
บทที่ 1 ความฝันก่อนย้อนเวลา รีไรท์หยางชิงโม่ลืมตาตื่นขึ้นมาด้วยความอ่อนเพลียเหงื่อผุดขึ้นเต็มใบหน้าสวยหวานของเธอ ฝันร้ายยังคงวนเวียนอยู่ในหัวของเธอ ย้อนไปเมื่อเดือนก่อน ฝันประหลาดเริ่มคุกคามเธอหญิงสาวในฝันมีชื่อและหน้าตาคล้ายเธอมากถึง 70% นามว่าหยางชิงโม่ อายุเพียง 17 ปี ใช้ชีวิตอย่างยากลำบากในยุค 70 ของประเทศจีน แต่งงานกับเฉินหวังตง นายทหารหนุ่มรูปหล่อจากครอบครัวใหญ่ที่มีสมาชิกถึง 10 คนเรื่องราวในฝันของเธอที่หยางชิงโม่จำได้แม่นนั้นคือ เฉินหวังตงเป็นลูกชายคนที่สองของครอบครัวตระกูลเฉินซึ่งเป็นชาวนายากจนอยู่ที่หมู่บ้านหลี่ฮวา ซึ่งครอบครัวนี้มีสมาชิกมากถึง 10 คนด้วยกัน เพราะความลำบากยากจนทำให้เฉินหวัตงสมัครไปเป็นทหารจะได้มีเงินส่งมาจุนเจือครอบครัวของพวกเขา ส่วนหยางชิงโม่นั้นเป็นสาวน้อยนักเรียนมัธยมปลายผู้มีความรู้ ได้ที่ถูกส่งมาจากเซี่ยงไฮ้ ให้มาทำงานใช้แรงงานเป็นยุวชน เพราะต้องใช้แรงงานอย่างหนัก และจำเป็นต้องประหยัดอาหาร เพราะเธอได้อาหารมาน้อย เธอจึงทานอาหารให้น้อยลง ด้วยความหิวโหยและร่างกายเธอเหนื่อยล้าจากงานหนักจนทรุดโทรม วันหนึ่งเมื่อเธอเดินใกล้บริเวณสระน้ำประจำหมู่บ้านจึงเป็นลม
บทที่ 2 แหวนมิติเก็บของเตรียมพร้อมสำหรับการย้อนเวลาหยางชิงโม่ลูบคลำแหวนหยกบนนิ้วอย่างแผ่วเบาทันใดนั้นความเจ็บแปล๊บก็แล่นผ่านปลายนิ้วเธอก้มมองดูพบรอยแผลเล็ก ๆ เลือดซึมออกมาหยางชิงโม่เผลอเอานิ้วเข้าปากดูดเลือดที่ปลายนิ้ว ในเสี้ยววินาทีนั้นหยดเลือดก็สัมผัสถูกแหวนหยกสีเขียวนั้นเข้า ชิงโม่รู้สึกเหมือนมีพลังบางอย่างไหลผ่านนิ้วของเธอ ร่างกายของเธอเริ่มสั่นเทา แสงสีทองสว่างวาบพุ่งออกมาจากแหวน ห่อหุ้มร่างของเธอไว้ ในเสี้ยววินาที ชิงโม่ก็หายตัววับไปเมื่อลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง หยางชิงโม่พบว่าตัวเองอยู่ท่ามกลางทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ ไกลสุดลูกหูลูกตา ท้องฟ้าสีครามสดใส อากาศบริสุทธิ์ สดชื่น ต่างจากโลกที่เธอเคยรู้จักโดยสิ้นเชิงหยางชิงโม่รู้สึกตื่นเต้นปนกับหวาดกลัว เธอไม่รู้ว่านี่คือที่ไหน หรือจะกลับบ้านได้อย่างไร พยายามเดินหาทางออก แต่ก็เหมือนเขาวงกต ไม่มีจุดสิ้นสุดทันใดนั้น หยางชิงโม่นึกถึงแหวนหยก เธอหยิบมันขึ้นมาดูอย่างตั้งใจ จู่ ๆ ความคิดหนึ่งก็ผุดขึ้นมาในหัว "ออกไป"ทันใดนั้น แสงสีทองก็พุ่งออกมาจากแหวนอีกครั้ง คราวนี้หยางชิงโม่รู้สึกเหมือนถูกดูดกลืน ร่างกายของเธอหมุนคว้างไปมา เมื่อแสงสว่างจางลง หยางชิ
บทที่ 3 เตรียมข้อมูลเหตุการณ์สำคัญในยุค60-จนถึงปีปัจจุบันไปด้วย เมื่อเตรียมความพร้อมด้านอาหารปัจจัยสี่พร้อมแล้ว หยางชิงโม่ได้ค้นดูข้อมูลใน internet เกี่ยวกับยุคสมัยปี 60-มาจนถึงปีปัจจุบัน ของประเทศจีน ซึ่งในปี 1976 จะเป็นปีที่เหมาเจ๋อตุงผู้นำคนเก่าได้เสียชีวิตแลเติ้ง เสี่ยวผิง ผู้นำคนใหม่ขึ้นสู่อำนาจและเริ่มปฏิรูปเศรษฐกิจจีน เธอสังเกตเห็นจุดเปลี่ยนสำคัญในประวัติศาสตร์จีนยุคนั้น ที่เริ่มทำให้เศรษฐกิจของจีนมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก โดยจะไม่มีนโยบายการทำนารวมอีกต่อไปแล้ว ซึ่งจะทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของเกษตรในประเทศดีขึ้น และมีการเริ่มสอบเกาเข่าเพื่อเข้ามหาวิทยาลัยแล้วทุกอย่างจะเริ่มต้นใหม่ทำให้เศรษฐกิจจีนเติบโตอย่างรวดเร็วและไม่ขาดแคลนอาหารเหมือนเดิมอีกต่อไป ประชาชนมีรายได้เพิ่มขึ้นแน่นอนว่าพวกเขาจะต้องการสินค้ามากขึ้นด้วยทั้งสินค้าอุปโภค์บริโภคเช่นกัน นี้จะถือเป็นโอกาสของเธอที่จะนำพาตัวเองและครอบครัวให้พ้นจากความยากลำบากสู่การเป็นเศรษฐีในยุค80 ให้ได้ก่อนใครในยุค 80-90 ถือเป็นยุคทองของการเติบโตของจีน พอเข้าปี 2000 ก็จะเป็นปีแห่งการแข่งขันทางเทคโนโลยี สกุลเงินใหม่ Ai ต่างๆ ที่เริ่มจะเข
บทที่ 79 ลาออกจากกองทัพ ผ่านปีใหม่ 1988 มา 3 เดือนแล้วดูเหมือนชีวิตของเซี่ยชิงโม่จะดำเนินไปด้วยความสงบ แต่ในความเป็นจริงนั้นตอนนี้เธอกำลังเครียดเคร่งอยู่ เพราะในกระดาษโพยใบนั้นระบุว่าในปีหน้าจะเกิด เหตุการณ์การประท้วงที่จัตุรัสเทียนอันเหมิน ซึ่งจะเกิดขึ้นใน เดือนเมษายน ถึง มิถุนายน ของปี 1989 อีกหนึ่งปีข้างหน้า การประท้วงเริ่มต้นขึ้นในวันที่ 15 เมษายน 1989 โดยนักศึกษาและประชาชนเพื่อเรียกร้องประชาธิปไตย เสรีภาพ และต่อต้านการคอรัปชั่น การประท้วงดำเนินไปเป็นเวลานานกว่า 1 เดือน และมีผู้เข้าร่วมหลายแสนคนในวันที่ 4 มิถุนายน 1989 รัฐบาลจีนได้ส่งกองทัพเข้าปราบปรามผู้ประท้วง ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตหลายร้อยถึงหลายพันคน เหตุการณ์การประท้วงที่จัตุรัสเทียนอันเหมิน เป็นหนึ่งในเหตุการณ์สำคัญในประวัติศาสตร์จีน และยังคงเป็นประเด็นถกเถียงกันแม้แต่ในยุคก่อนที่เธอจะจากมาในการประท้วงครั้งนี้เธอไม่ต้องการให้สามีของเธอและพ่อบุญธรรมเข้าไปมีส่วนร่วมในการปราบปรามนักศึกษาเหล่านั้น แต่เธอก็รู้ว่าด้วยหน้าที่ของนายพลพวกเขาคงยากที่จะหลีกเลี่ยงไม่ปฏิบัติตามคำสั่งได้ เธอกำลังเครียดหาทางว่าจะทำอย่างไร เธอมีเวลาเพียง
บทที่ 78 แก๊งบอยแบนด์ขอคำปรึกษา“อะไรนะอาแป๊ะเฟิงมาปักกิ่ง และมาขอเข้าพบฉันหรือคะ” เซี่ยชิงโม่ที่เพิ่งจะให้นมเจ้าสองแฝดน้อยเสร็จ ถามขึ้นมาเมื่อคุณแม่เฉินเดินเข้ามาบอกเธอว่าอาแป๊ะเฟิงและเพื่อนๆ มาขอพบเธอที่เรือนสี่ประสาน ตอนนี้เซี่ยชิงโม่ได้ขอลาพักราชการเพราะเธอเพิ่งจะคลอดลูก เธอจึงขอหยุดเพื่อเลี้ยงดูลูกอยู่ที่บ้าน ซึ่งกรณีของเธอนั้นตอนนี้เธอได้เป็นอาจารย์ที่สอนแพทย์ที่จบใหม่ไปแล้ว ถ้าไม่มีกรณีที่ยากจริงๆ เธอจะไม่เข้าไปที่โรงพยาบาล“มีอะไรหรือเปล่านะ” เธอพึมพำกับตัวเอง เสียงฝีเท้าหนักๆ ดังกึกก้องสะท้อนไปทั่วเรือนสี่ประสาน ประตูเรือนสี่ประสานของเธอบานออก เผยให้เห็นขบวนชายหนุ่มในสูทสีดำสนิท คอเสื้อประดับผ้าขาว เดินเรียงรายเข้ามา ประหนึ่งบอยแบนด์เวอร์ชั่นคุณลุง สมาชิกในแก๊งประกอบด้วย อาแป๊ะเฟิงเฉียง หล่อเนี้ยบ สมาร์ท สมกับเป็นหัวหน้าแก๊งอาแป๊ะฟงหลิ่ง ก้าวตามมา ท่าทางสง่างาม รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ระบายบนใบหน้าอาแป๊ะต้าหลิ่ง เยื้องย่างมาอย่างมั่นใจ ดวงตาเป็นประกาย ฉายแววเจ้าชู้อาแป๊ะเหวินฟู่ เดินมาแบบเนิบๆ แต่แฝงไปด้วยความน่าเกรงขาม อาแป๊ะฉินอวิ๋น ยิ้มหวานละมุนละไม ละลายหัวใจสาวๆอาแป๊ะห
บทที่ 77 ความจำภาพถ่าย photographic memory ผ่านเหตุการณ์กวาดล้างแก๊งค้ามนุษย์ของเซียวจ้านมา 3 เดือนแล้วตอนนี้ทุกสิ่งทุกอย่างกลับมาสู่ปรกติอีกครั้ง เซี่ยชิงโม่ที่ตอนนี้ท้องได้ 6 เดือนแล้ว แต่เธอยังคงไปทำงานที่โรงพยาบาลเป็นปรกติส่วนนายพลเฉินหวังตง และนายพลเย่เฉินหลังจากเหตุการณ์นั้นพวกเขาก็ได้รับคำชมเชยมากมายจากท่านผู้นำ พ่อแม่ครอบครัวที่ได้รับลูกหลานกลับสู้อ้อมกอดอีกครั้งต่างพากันขอบพวกเขาจากใจจริงหยางชิงเยว กำลังเรียนพิเศษอย่างขะมักเขม้นกับครูที่เซี่ยชิงโม่จ้างมาสอนเธอกำลังเรียนภาษาฝรั่งเศสที่บ้าน เมื่อเซี่ยชิงโม่เข้าไปดูการเรียนการสอน เธอถึงกับประหลาดใจเป็นอย่างมาก เพราะหยางชิงเยวสามารถทักทายเธอเป็นภาษาฝรั่งเศส ภาษาอังกฤษ และภาษาเยอรมันพร้อมกันทั้ง 3 ภาษา และยังบอกเซี่ยชิงโม่ว่าเธอชื่นชอบการเรียนภาษาต่างประเทศเหล่านี้กับครูท่านนี้มาก ทำให้ครูชาวฝรั่งถึงกับยิ้มแก้มปริเลยทีเดียว เพราะเป็นที่รู้กันว่าคุณหมอเซี่ยชิงโม่เป็นคนที่ใจคอกว้างขวางมาก ถ้าเธอพอใจรางวัลที่ให้มาก็มากตามไปด้วย และเย็นนั้นเขาก็กลับบ้านพร้อมกับไวน์แดง แฮมและชีสก้อนใหญ่รวมทั้งเงินหยวนที่เป็นรางวัลพิเศษอีกจำนวนไม่น้อย
บทที่ 76 ปฎิบัติการทะลายแก๊งค้ามนุษย์จากฮ่องกงสู่จีนแผ่นดินใหญ่เซียวจ้านคือหัวหน้าแก๊งธุรกิจผิดกฎหมายหลายอย่างเช่น การพนันผิดกฎหมาย การฟอกเงิน ตั้งแก๊งรีดไถ เซียวจ้านถูกทางการขนานนามเจ้าพ่อธุรกิจสีเทาและเหตุการณ์ล่าสุดคือการต่อสู้แย่งชิงอำนาจในวงการมาเฟีย เขามีส่วนร่วมในการฆาตกรรมคนในครอบครัว และถูกตำรวจฮ่องกงตามไล่ล่า อย่างหนักจึงหนีมาที่จีนแผ่นดินใหญ่ เริ่มต้นชีวิตใหม่ ด้วยความโหดเหี้ยม ไร้ความปรานี เขาก่อตั้งแก๊งค้ามนุษย์ข้ามชาติ เติบโตอย่างรวดเร็ว กลายเป็นจักรพรรดิในโลกมืดเส้นทางสู่จักรพรรดิของเซียวจ้าน เขาสร้างเครือข่ายอันกว้างใหญ่ ติดต่อแก๊งค้ามนุษย์ในฮ่องกงและมาเก๊า ใช้เส้นสายในดินบนฟ้า ลักลอบนำคนจากทั่วทุกมุมโลก มาขายเป็นสินค้าเขาใช้วิธีการโหดเหี้ยม บังคับขู่เข็ญ หลอกลวงล่อลวงเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายตกเป็นทาสในเงื้อมมือของเขาเซียวจ้านสั่งสมอำนาจเงินทองและอิทธิพลธุรกิจของเขาเฟื่องฟูร่ำรวยมหาศาลเขามีลูกน้องมากมายที่ต่างหวาดกลัวในความโหดเหี้ยมเขาสร้างภาพลักษณ์เป็นนักธุรกิจผู้ประสบความสำเร็จ ปกปิดความชั่วร้ายของเขาเบื้องหลังความร่ำรวย คือด้านมืดที่โหดร้ายเซียวจ้านฆ่าคนโดยไม่กะพริบ
บทที่ 75 น้องสาว“เรื่องราวทั้งหมดก็เป็นแบบนี้ละค่ะท่านนายพล”หยางชิงเย่วเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ท่านนายพลเย่เฉินฟัง รวมถึงเหตุผลที่เธอต้องปลอมตัวเป็นเด็กผู้ชายเพื่อความปลอดภัย นายพลเย่เฉินมองเธอด้วยความทึ่ง คิดในใจว่าเด็กคนนี้ช่างฉลาดเฉลียวเหมือนใครคนนั้นเลย“แล้วพี่สาวของเสี่ยวเย่วชื่ออะไรที่ตามหาอยู่” ท่านนายพลหันไปมองภรรยาที่รักของตนเอง ก่อนจะมองหน้าเจ้าเด็กน้อยหยางชิงเย่ว และตั้งคำถามพร้อมกับคาดเดาคำตอบในใจ“พี่สาวชื่อหยางชิงโม่ค่ะ พี่สาวถูกส่งตัวไปใช้แรงงานแทนลูกชายของคุณลุง ตอนนั้นพี่สาวไม่อยากไป แต่คุณลุงคุณป้าบอกว่าเพื่อตอบแทนบุญคุณที่พวกเขาเลี้ยงดูพวกเรา พวกเขาบอกกับพี่สาวของฉันว่าจะดูแลฉันเป็นอย่างดี และจะส่งฉันเรียนหนังสือถ้าพี่สาวไปแทนลูกชายคุณลุง” หยางชิงเย่วเอ่ยขึ้น น้ำเสียงสั่นเครือด้วยความเศร้า“แต่พอพี่สาวถูกส่งตัวไปไม่นาน พวกเขาก็ให้ฉันออกจากโรงเรียน บอกว่าผู้หญิงไม่ต้องเรียนหนังสือเยอะก็ได้” เสียงของเธอแผ่วเบาลง และแล้วน้ำตาเม็ดโตก็ไหลลงมา“ฮือฮือฮือ!!!...ฉันเพียงอยากจะเจอพี่สาวของฉันอีกครั้งเท่านั้นเอง ใครจะรู้ว่าพวกเขาถึงกับขายฉันให้กับแก๊งค้ามนุษย์” เธอร้องไห้
บทที่ 74 หยางชิงเย่วท้องฟ้ายามเช้าสาดแสงสีส้มอ่อนลงบนเมืองหลวงปักกิ่ง ท่ามกลางความวุ่นวายของผู้คน เด็กน้อยร่างผอมบางคนหนึ่งนอนขดตัวอยู่ใต้สะพานลอย ‘เขา’ สกปรกมอมแมม เสื้อผ้าขาดรุ่งริ่ง ใบหน้าเต็มไปด้วยคราบดินและคราบน้ำตาหยางชินเย่วหนีออกมาจากแก๊งค้ามนุษย์ที่ ‘เขา’ ถูกลุงและป้าของ‘เขา’แอบขายเขาให้พวกมันโดยบอกเขาว่าคนกลุ่มนั้นจะพา 'เขา' ไปพบกับพี่สาวของ ‘เขา’ ถ้ามากับพวกเขา เขาต้องการที่จะตามหาพี่สาวมานานแล้วด้วยความไว้ใจลุงและป้าจึงได้ตามคนกลุ่มนี้มาแต่ที่ ‘เขา’ ผิดสังเกตก็คือ มีเด็กมากมายที่พวกเขาพามาด้วยบางคนถูกตีบางคนถูกมัดก็มี ทำให้เด็กน้อยแอบฟังเวลาที่พวกเขาคุยกันและรู้ว่านี้เป็นแก๊งที่จับคนมาขายไม่ใช่คนที่จะพาไปหาพี่สาว เด็กน้อยหวาดกลัวมาก แต่ก็ไม่ได้ทำอะไรเป็นที่สังเกตจนกระทั่งพวกเขาพามาถึงเมืองปักกิ่งเมื่อได้โอกาสเธอจึงได้หลบหนีออกมาเด็กน้อยเร่รอนอยู่หลายวันและพยายามหางานทำ และในที่สุดก็ได้งานเป็นเด็กเสิร์ฟในร้านอาหารที่ขายเป็ดปักกิ่ง แต่ทำงานได้ 3 วันก็ต้องถูกไล่ออกเพราะมีอันธพาลมาหาเรื่องที่ร้าน ถึงแม้จะมีคนมาช่วย แต่เถ้าแก่ก็ไม่พอใจ ‘เขา’ และหลังจากนั้น 2 วันก็ไล่เขาออกมา
บทที่ 73 อันดับที่หนึ่งมหาวิทยาลัยปักกิ่ง / พอร์ช 911ท้องฟ้าสีครามสดใส อากาศเย็นสบาย แสงแดดยามเช้าสาดส่องผ่านหน้าต่างห้องนอน สะท้อนให้เห็นรอยยิ้มอันเปี่ยมสุขบนใบหน้าของเซี่ยชิงโม่ เธอรู้สึกตื่นเต้นและดีใจอย่างบอกไม่ถูก เมื่อสองเดือนก่อน เธอและหวังตงได้พาครอบครัวไปท่องเที่ยวที่ยุโรป เป็นการท่องเที่ยวที่เต็มไปด้วยความประทับใจแต่สิ่งที่ทำให้เธอประทับใจที่สุด ไม่ใช่สถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงาม แต่เป็นของขวัญล้ำค่าที่เธอได้รับมาตอนนี้ต่างหากเธอตั้งครรภ์แล้ว เธอรู้ข่าวดีนี้หลังจากกลับจากทริปทันทีที่เธอทดสอบการตั้งครรภ์ สองขีดสีแดงปรากฏขึ้นบนแท่งทดสอบ โลกทั้งใบของเธอก็เหมือนหยุดหมุนเธอรู้สึกเหมือนฝันไป เธอไม่เคยคิดมาก่อนว่าตัวเองจะมีลูก แต่เธอก็รู้สึกดีใจเธอดีใจที่เธอจะได้เป็นแม่ เธอดีใจที่เธอจะได้สร้างครอบครัวที่สมบูรณ์แบบกับเฉินหวังตงเธอรีบโทรไปบอกเฉินหวังตง เขาดีใจไม่แพ้เธอ เช้าวันนี้เซี่ยชิงโม่ตื่นนอนด้วยความสดชื่นเธอรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงภายในร่างกายเธอรู้สึกถึงชีวิตน้อยๆ ที่กำลังเติบโตขึ้นภายในท้องของเธอยิ้มเธอรู้ว่า ชีวิตของเธอจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแต่มันจะเป็นชีวิตที่เต็มไปด้วยคว
บทที่ 72 ฮันนีมูนทริปผ่านเรื่องราวที่หนักหนาสาหัสมาหลายเดือน ตอนนี้เข้าสู่หน้าหนาวของปี 1985 อย่างเป็นทางการแล้ว หิมะสีขาวโพลนปกคลุมไปทั่วทุกพื้นที่ เปรียบเสมือนผืนผ้าปูสีขาวบริสุทธิ์ที่ทอดยาวสุดลูกหูลูกตา ท้องฟ้าสีครามสดใสตัดกับสีขาวของหิมะ แสงแดดอ่อนๆ สาดส่องลงมา สะท้อนกับเกล็ดหิมะเป็นประกายระยิบระยับ ดอกไม้ในสวนเบ่งบานสวยงาม แม้จะอยู่ในฤดูหนาว ดอกไม้บางชนิดก็ยังคงยืนหยัด ชูช่อท้าทายความหนาวเย็น ดอกไม้เหล่านี้ เปรียบเสมือนสัญลักษณ์ของความหวัง แสดงให้เห็นว่า แม้จะอยู่ในช่วงเวลาที่ยากลำบาก ก็ยังมีความสวยงามและความหวังอยู่เสมอเชี่ยชิงโม่ ยืนมองทิวทัศน์อันงดงามตรงหน้า เธอสูดหายใจลึกๆ8 ปีแล้วที่เธอมายังยุคอดีตนี้ ทุกอย่างในชีวิตของเธอตอนนี้ถือว่าเข้าที่เข้าทางมากเธอก็มีสามีที่รักและมีลูกที่น่ารักถึง 3 คน ครอบครัวของเธอดูเหมือนจะครบสมบูรณ์แบบแล้วแต่ว่า...ยังมีบางสิ่งบางอย่างที่ขาดหายไป อากาศเย็นจับใจ ทว่ากลับทำให้หัวใจของเซี่ยชิงโม่อบอุ่นอย่างประหลาด หลังจากผ่านพายุชีวิตมาหลายเดือน เธอรู้สึกว่าถึงเวลาแล้วที่ครอบครัวของเธอจะได้มีช่วงเวลาแห่งความสุขและความทรงจำที่งดงามร่วมกันเธอเดินฝ่าหิ
บทที่ 71 คอร์รัปชั่น / ประหารชีวิต1 เดือนต่อมา เฉินหวังตงเดินเข้าไปหาภรรยาของเขาที่กำลังตรวจเอกสารเกี่ยวกับการสั่งซื้อสินค้าอยู่“ชิงโม่ ผมมีเรื่องอยากจะถามทำไมเหตุการณ์เขื่อนแตกครั้งนี้ทำไมคุณถึงไม่ได้เตือนผมให้เตรียมตัวเหมือนครั้งที่น้ำท่วมใหญ่ละครับ” เฉินหวังตงถามเซี่ยชิงโม่ขึ้นมาเซี่ยชิงโม่วางเอกสารในมือลง แล้วถอนหายใจ เธอก็รู้สึกสงสารและเสียใจที่เกิดเหตุการณ์“ฉันก็ไม่แน่ใจเพราะเหตุใดฉันจึงได้ไม่เห็นเหตุการณ์นี้เหมือนกันค่ะ”“เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้หมู่บ้านเสียหายไปกว่า 20 หมู่บ้าน สูญเสียชีวิตกว่า 300 คน สูญหายอีก 200 คน มูลค่าความเสียหายยากเกินกว่าที่จะประเมิน ผมเสียใจกับเหตุการณ์ครั้ง ถ้าหากว่าผมรู้....."เซี่ยชิงโม่ยื่นมือไปจับมือของเขาแน่น เธอก็อยากช่วยแต่ครั้งนี้เธอไม่รู้จริงๆ ว่าเพราะอะไรถึงไม่มีใน ‘โพย’ ใบนั้นเฉินหวังตงได้รับมอบหมายให้เป็นหัวหน้าทีมสืบสวนเหตุการณ์เขื่อนแตกที่อำเภอสุยเซียงสุนซุยเย่วหมิงเจ้าหน้าที่ระดับ 9 ของกรมชลประทานได้ขอเข้าพบเข้านายพลเฉินหวังตงพร้อมมอบเอกสารการออกแบบเขื่อนหรือพิมพ์เขียวหรือเขื่อนหวังจิง ให้นายพลเฉินหวังตงเพื่อตรวจสอบความถูกต้องต่อไป