บทที่ 53 เสียสละตำแหน่งงานร้านหมูพะโล้สูตรวังหลวงเปิดมาได้เกือบหนึ่งเดือนแล้ว ถนนหน้าร้านยังคง คลาคล่ำไปด้วยผู้คนที่มาต่อคิวซื้อหมูพะโล้แสนอร่อยอยู่ เฉินม่านหลินเดินออกมาดูคิวของร้านเธอที่ต่อยาวเหยียดอยู่บางคนมาเร็วหน่อยก็ได้นั่งเก้าอี้อีกส่วนคนที่ยังไม่ถึงคิวก็ยืนรอต่อไป ไม่มีใครบ่นเลยเพราะความอร่อยของหมูพะโล้ร้านนี้นั้นคุ้มค่าที่จะต่อคิวจริงๆวันนี้เธอได้บอกพี่สะใภ้รองว่าจะกลับบ้านสักพักเพราะมีคนที่หมู่บ้านเธอมาซื้อหมูพะโล้และเห็นเธอทำงานที่นี่ก็เข้ามาทักทายกัน 2 วันต่อมาก็มีคนมาบอกเธอว่าแม่ของเธอไม่สบายอยากให้เธอไปเยี่ยมที่บ้านเฉินม่านหลินมีความรู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่แต่อย่างไรก็ตามเธอก็ได้บอกกับพี่สะใภ้รองแล้ว และพี่สะใภ้รองก็อาสาที่จะขับรถไปส่งเธอที่บ้านพร้อมกับเจ้าหนูหรงหรง เธอไม่ได้ให้สามีของเธอไปด้วยเพราะจะไม่มีคนดูแลร้าน เมื่อจัดของเสร็จเรียบร้อยพี่สะใภ้รองก็มาถึงพอดีเธอก้าวขึ้นรถและหยางชิงโม่ก็ขับออกไปทันทีสีหน้าที่มีแต่ความกังวลใจของน้องสะใภ้สามก็หาได้รอดสายตาของชิงโม่ไม่ หมู่บ้านของเธอห่างจากหมู่บ้านหลี่ฮวาประมาณ 50 กิโลเมตร ถ้าสมัยก่อนที่ไม่มีรถขับก็ต้องใช้เวลาเกือบทั้
บทที่ 54 วันขึ้นบ้านใหม่เมื่อหยางชิงโม่เปิดประตูรถฝั่งคนขับแล้วหันไปมอง 2 แม่ลูกที่ตอนนี้เจ้าหนูหรง ยังคงร้องไห้สะอึกสะอื่นอยู่คงจะตกใจและเจ็บก้นด้วย หยางชิงโม่หยิบยานวดแล้วส่งให้น้องสะใภ้สาม“ทายาให้ลูกเถอะ เจ้าหนูหรงคนเก่งของป้าคงจะเจ็บก้นมากแล้ว” เธอพูดแล้วหันไปลูบศีรษะเด็กน้อยเจ้าหนูหรงหรงจงค่อยๆ หยุดร้องไห้ เธอชอบคุณป้าชิงโม่มาก เพราะทุกครั้งที่มาบ้านคุณป้าจะเธอจะต้องได้กินอาหาร ขนม นม จนพุงป่องกลับบ้านทุกครั้ง แถมยังมีติดไม้ติดมือไปฝากคุณพ่อคุณแม่ของเธอประจำด้วย“ขอบคุณพี่สะใภ้รองมากค่ะ วันนี้ครอบครัวของฉันทำเรื่องน่าอายให้พี่สะใภ้รองเห็นแล้ว” เธอพูดขึ้นมาเสียงเบาหยางชิงโม่เหลือบตาดูเฉินม่านหลิน แล้วสตาร์ทรถค่อยๆ ขับออกไป เมื่อขับรถออกมานอกหมู่บ้านหยางชิงโม่กล่าวขึ้นเสียงเข้มว่า“ทุกครอบครัวต่างก็มีเรื่องน่าอับอายทั้งนั้น แต่ตอนนี้พี่อยากให้น้องสะใภ้สาม จำเอาไว้ว่าครอบครัวของน้องสะใภ้สามคือ ตระกูลเฉินเธอไม่ได้อยู่คนเดียว เธอมีพวกเราอยู่ข้างๆ เสมอน้องสะใภ้ไม่ต้องคิดมาก” เธอพูดแล้วหันไปขับรถกลับไปที่ร้านทันทีเมื่อมาถึงร้านเจ้าหนูหรงหลับไปแล้วเธอจึงได้อุ้มกลับบ้านไปกับเธอด้วยโด
บทที่ 55 สถานการณ์จับตัวประกันผ่านวันที่หยางชิงโม่เข้าติดยศทางทหารมาแล้ว 3 เดือนตอนนี้เธอกำลังจะเริ่มขนย้ายครอบครัวเพื่อเข้าไปอยู่ที่ปักกิ่ง ที่ไปล่าช้าเพราะคุณแม่สามีเป็นห่วงพี่สะใภ้ใหญ่ที่ตอนนี้ท้องโตมาก ใกล้จะคลอดเต็มที เดิมคุณแม่สามีอยากจะอยู่ดูแลจนกว่าสะใภ้ใหญ่จะคลอดแต่หยางชิงโม่มีความจำเป็นที่จะต้องเข้ากรมค่อนข้างบ่อย ไม่เหมือนที่นายพลเซี่ยจงบอกเอาไว้แต่แรกเลยว่า นานๆ ครั้งถึงจะเข้าไปก็ได้ เธอรู้สึกเหมือนถูกหลอกอย่างไรอย่างนั้น ดังนั้นหลังจากที่เธอเข้ากรมเป็นครั้งที่ 5 ภายใน 1 สัปดาห์ เป็นสัปดาห์ที่ 5 ติดกัน ดังนั้นวันนี้หยางชิงโม่จึงขอเข้าพบท่านนายพลเซี่ย เธอเดินมาที่แผนกของท่านนายพลเซี่ยจง"ขออนุญาตค่ะ ท่านนายพลเซี่ย!" เธอเปิดประตูพรวดพราดเข้าไปอย่างไม่รีรอหมอหยางชิงโม่ก้าวเข้ามาในห้องทำงาน ท่าทางมาดมั่นว่าวันนี้ต้องเคลียร์กับท่านนายพลให้จงได้ "ท่านนายพลคะ ดิฉันมีเรื่องสำคัญมาคุย" นายพลเซี่ยจงเงยหน้ามองหมอหยางด้วยสายตาสายตานิ่งเฉย…เฉยมากๆ จนผิดปกติก็ว่าได้ ก่อนจะกระแอมให้ลำคอโล่งและเอ่ยว่า " ว่า..ว่ามา หมอหยาง มีอะไรอีก?"หยางชิงโม่ยิ้มกว้างแบบที่ใครเห็นก็ต้องระแวง "ดิฉันขอ
บทที่ 56 เด็กไม่หายใจแล้วเมื่อสถานการณ์ที่ห้างเจียหลินคลี่คลาย ทีมแพทย์ของหยางชิงโม่ก็รีบกลับมาที่โรงพยาบาลทหารทันที เพราะมีผู้บาดเจ็บ และ บาดเจ็บสาหัสหลายคน ดังนี้พวกเขาต้องการหมอผ่าตัดอย่างเร่งด่วน หยางชิงโม่รีบเปลี่ยนชุดและทำความสะอาดร่างกายก่อนจะใส่ชุดผ่าตัดแล้วรีบวิ่งไปที่ห้องผ่าตัดที่เธอรับผิดชอบทันที เคสของเธอเป็นคนไข้ที่หนักที่สุดภายในห้องผ่าตัดคุณหมออวิ่นไป่ยืนรออยู่แล้ว เขาอาสาเข้ามาเป็นผู้ช่วยแพทย์ของคุณหมอหยางในวันนี้ อย่างไรก็ตามเขาต้องทำให้คุณหมอหยางใจอ่อนยอมรับเขาเป็นลูกศิษย์ให้ได้แสงไฟสีขาวจ้าสาดส่องลงมาบนร่างเล็ก ๆ ของเด็กชายวัย 8 ขวบ ที่นอนนิ่งอยู่บนเตียงผ่าตัด เสียงเครื่องวัดสัญญาณชีพดังรัวเร็วเป็นจังหวะ หัวใจของเด็กเต้นช้าลงทุกวินาที แพทย์และพยาบาลในห้องต่างตึงเครียด เหงื่อไหลอาบใบหน้าเสียงฝีเท้าหนักๆ ของหมอหยางชิงโม่ ดังก้องไปทั่วห้องผ่าตัด บรรยากาศเต็มไปด้วยความตึงเครียด ไฟสว่างจ้าวจนแสบตา ทีมแพทย์และพยาบาลต่างเตรียมพร้อมสำหรับการผ่าตัดหมอหยางเดินตรงไปที่เตียงทัน “เด็กเป็นอย่างไรบ้าง?”พยาบาลสีหน้าตึงเครียด “เด็กถูกยิงเข้าที่หน้าท้อง เสียเลือดมาก ชีพจรเริ่ม
บทที่ 57 คลอดก่อนกำหนด หยางชิงโม่ทรุดลงนั่งบนเก้าอี้ตัวนุ่มในเรือนสี่ประสาน รู้สึกอ่อนเพลียทั้งกายและใจ ตั้งแต่ที่เธอได้รู้จักกับท่านนายพลเซี่ยจง ชีวิตของเธอก็เหมือนถูกพลิกผันไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง เหมือนเธอกลับไปใช้ชีวิตในโลกปัจจุบันยังไงยังงั้น เฮ้อ ไหนบอกไม่ต้องเข้ากรมจริงจังนักงั้ย นี้ไม่ว่าผ่าเคสไหนก็จะต้องให้เธอมีส่วนร่วมทุกที ไม่ให้ผ่าตัดเองก็ให้เธอแนะนำแพทย์เหล่านั้น ซึ่งหยางชิงโม่ก็ไม่ได้อยากจะว่าอะไร เพราะอย่างไรก็คือชีวิตคนที่พวกเขาช่วยอยู่ แต่มันก็มาบ่อยไปมั้ย!!!!...เธอเคยคิดว่าชีวิตในยุคนี้จะเรียบง่ายและสงบสุขกว่าชาติก่อน แต่ดูเหมือนว่าความคิดนั้นจะเป็นแค่ภาพลวงตาอาการเหนื่อยล้าที่เธอเคยคิดว่าจะไม่มีวันกลับมาเยือน ได้กลับมาหาเธออีกครั้งแล้วการผ่าตัด การอยู่เวร ยามค่ำคืนที่ต้องนอนน้อยลง ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นสิ่งที่เธอคุ้นเคยดีในชาติก่อนเธอเคยคิดว่าการได้มาใช้ชีวิตในยุคนี้ เธอจะได้หลีกหนีจากวังวนเหล่านี้ แต่ดูเหมือนว่าเธอจะคิดผิด“แม่ คุณแม่ครับ แม่ครับ เสียงเรียกที่น่ารักตะโกนขึ้นมาพร้อมกันทั้งสามเสียงและลูกกระสุนเสี่ยวเป่าก็พุ่งมาก่อนเพื่อนเช่นเคย"แม่ครับ วันนี้หนูเรีย
บทที่ 1 ความฝันก่อนย้อนเวลา รีไรท์หยางชิงโม่ลืมตาตื่นขึ้นมาด้วยความอ่อนเพลียเหงื่อผุดขึ้นเต็มใบหน้าสวยหวานของเธอ ฝันร้ายยังคงวนเวียนอยู่ในหัวของเธอ ย้อนไปเมื่อเดือนก่อน ฝันประหลาดเริ่มคุกคามเธอหญิงสาวในฝันมีชื่อและหน้าตาคล้ายเธอมากถึง 70% นามว่าหยางชิงโม่ อายุเพียง 17 ปี ใช้ชีวิตอย่างยากลำบากในยุค 70 ของประเทศจีน แต่งงานกับเฉินหวังตง นายทหารหนุ่มรูปหล่อจากครอบครัวใหญ่ที่มีสมาชิกถึง 10 คนเรื่องราวในฝันของเธอที่หยางชิงโม่จำได้แม่นนั้นคือ เฉินหวังตงเป็นลูกชายคนที่สองของครอบครัวตระกูลเฉินซึ่งเป็นชาวนายากจนอยู่ที่หมู่บ้านหลี่ฮวา ซึ่งครอบครัวนี้มีสมาชิกมากถึง 10 คนด้วยกัน เพราะความลำบากยากจนทำให้เฉินหวัตงสมัครไปเป็นทหารจะได้มีเงินส่งมาจุนเจือครอบครัวของพวกเขา ส่วนหยางชิงโม่นั้นเป็นสาวน้อยนักเรียนมัธยมปลายผู้มีความรู้ ได้ที่ถูกส่งมาจากเซี่ยงไฮ้ ให้มาทำงานใช้แรงงานเป็นยุวชน เพราะต้องใช้แรงงานอย่างหนัก และจำเป็นต้องประหยัดอาหาร เพราะเธอได้อาหารมาน้อย เธอจึงทานอาหารให้น้อยลง ด้วยความหิวโหยและร่างกายเธอเหนื่อยล้าจากงานหนักจนทรุดโทรม วันหนึ่งเมื่อเธอเดินใกล้บริเวณสระน้ำประจำหมู่บ้านจึงเป็นลม
บทที่ 2 แหวนมิติเก็บของเตรียมพร้อมสำหรับการย้อนเวลาหยางชิงโม่ลูบคลำแหวนหยกบนนิ้วอย่างแผ่วเบาทันใดนั้นความเจ็บแปล๊บก็แล่นผ่านปลายนิ้วเธอก้มมองดูพบรอยแผลเล็ก ๆ เลือดซึมออกมาหยางชิงโม่เผลอเอานิ้วเข้าปากดูดเลือดที่ปลายนิ้ว ในเสี้ยววินาทีนั้นหยดเลือดก็สัมผัสถูกแหวนหยกสีเขียวนั้นเข้า ชิงโม่รู้สึกเหมือนมีพลังบางอย่างไหลผ่านนิ้วของเธอ ร่างกายของเธอเริ่มสั่นเทา แสงสีทองสว่างวาบพุ่งออกมาจากแหวน ห่อหุ้มร่างของเธอไว้ ในเสี้ยววินาที ชิงโม่ก็หายตัววับไปเมื่อลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง หยางชิงโม่พบว่าตัวเองอยู่ท่ามกลางทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ ไกลสุดลูกหูลูกตา ท้องฟ้าสีครามสดใส อากาศบริสุทธิ์ สดชื่น ต่างจากโลกที่เธอเคยรู้จักโดยสิ้นเชิงหยางชิงโม่รู้สึกตื่นเต้นปนกับหวาดกลัว เธอไม่รู้ว่านี่คือที่ไหน หรือจะกลับบ้านได้อย่างไร พยายามเดินหาทางออก แต่ก็เหมือนเขาวงกต ไม่มีจุดสิ้นสุดทันใดนั้น หยางชิงโม่นึกถึงแหวนหยก เธอหยิบมันขึ้นมาดูอย่างตั้งใจ จู่ ๆ ความคิดหนึ่งก็ผุดขึ้นมาในหัว "ออกไป"ทันใดนั้น แสงสีทองก็พุ่งออกมาจากแหวนอีกครั้ง คราวนี้หยางชิงโม่รู้สึกเหมือนถูกดูดกลืน ร่างกายของเธอหมุนคว้างไปมา เมื่อแสงสว่างจางลง หยางชิ
บทที่ 3 เตรียมข้อมูลเหตุการณ์สำคัญในยุค60-จนถึงปีปัจจุบันไปด้วย เมื่อเตรียมความพร้อมด้านอาหารปัจจัยสี่พร้อมแล้ว หยางชิงโม่ได้ค้นดูข้อมูลใน internet เกี่ยวกับยุคสมัยปี 60-มาจนถึงปีปัจจุบัน ของประเทศจีน ซึ่งในปี 1976 จะเป็นปีที่เหมาเจ๋อตุงผู้นำคนเก่าได้เสียชีวิตแลเติ้ง เสี่ยวผิง ผู้นำคนใหม่ขึ้นสู่อำนาจและเริ่มปฏิรูปเศรษฐกิจจีน เธอสังเกตเห็นจุดเปลี่ยนสำคัญในประวัติศาสตร์จีนยุคนั้น ที่เริ่มทำให้เศรษฐกิจของจีนมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก โดยจะไม่มีนโยบายการทำนารวมอีกต่อไปแล้ว ซึ่งจะทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของเกษตรในประเทศดีขึ้น และมีการเริ่มสอบเกาเข่าเพื่อเข้ามหาวิทยาลัยแล้วทุกอย่างจะเริ่มต้นใหม่ทำให้เศรษฐกิจจีนเติบโตอย่างรวดเร็วและไม่ขาดแคลนอาหารเหมือนเดิมอีกต่อไป ประชาชนมีรายได้เพิ่มขึ้นแน่นอนว่าพวกเขาจะต้องการสินค้ามากขึ้นด้วยทั้งสินค้าอุปโภค์บริโภคเช่นกัน นี้จะถือเป็นโอกาสของเธอที่จะนำพาตัวเองและครอบครัวให้พ้นจากความยากลำบากสู่การเป็นเศรษฐีในยุค80 ให้ได้ก่อนใครในยุค 80-90 ถือเป็นยุคทองของการเติบโตของจีน พอเข้าปี 2000 ก็จะเป็นปีแห่งการแข่งขันทางเทคโนโลยี สกุลเงินใหม่ Ai ต่างๆ ที่เริ่มจะเข
บทที่ 57 คลอดก่อนกำหนด หยางชิงโม่ทรุดลงนั่งบนเก้าอี้ตัวนุ่มในเรือนสี่ประสาน รู้สึกอ่อนเพลียทั้งกายและใจ ตั้งแต่ที่เธอได้รู้จักกับท่านนายพลเซี่ยจง ชีวิตของเธอก็เหมือนถูกพลิกผันไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง เหมือนเธอกลับไปใช้ชีวิตในโลกปัจจุบันยังไงยังงั้น เฮ้อ ไหนบอกไม่ต้องเข้ากรมจริงจังนักงั้ย นี้ไม่ว่าผ่าเคสไหนก็จะต้องให้เธอมีส่วนร่วมทุกที ไม่ให้ผ่าตัดเองก็ให้เธอแนะนำแพทย์เหล่านั้น ซึ่งหยางชิงโม่ก็ไม่ได้อยากจะว่าอะไร เพราะอย่างไรก็คือชีวิตคนที่พวกเขาช่วยอยู่ แต่มันก็มาบ่อยไปมั้ย!!!!...เธอเคยคิดว่าชีวิตในยุคนี้จะเรียบง่ายและสงบสุขกว่าชาติก่อน แต่ดูเหมือนว่าความคิดนั้นจะเป็นแค่ภาพลวงตาอาการเหนื่อยล้าที่เธอเคยคิดว่าจะไม่มีวันกลับมาเยือน ได้กลับมาหาเธออีกครั้งแล้วการผ่าตัด การอยู่เวร ยามค่ำคืนที่ต้องนอนน้อยลง ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นสิ่งที่เธอคุ้นเคยดีในชาติก่อนเธอเคยคิดว่าการได้มาใช้ชีวิตในยุคนี้ เธอจะได้หลีกหนีจากวังวนเหล่านี้ แต่ดูเหมือนว่าเธอจะคิดผิด“แม่ คุณแม่ครับ แม่ครับ เสียงเรียกที่น่ารักตะโกนขึ้นมาพร้อมกันทั้งสามเสียงและลูกกระสุนเสี่ยวเป่าก็พุ่งมาก่อนเพื่อนเช่นเคย"แม่ครับ วันนี้หนูเรีย
บทที่ 56 เด็กไม่หายใจแล้วเมื่อสถานการณ์ที่ห้างเจียหลินคลี่คลาย ทีมแพทย์ของหยางชิงโม่ก็รีบกลับมาที่โรงพยาบาลทหารทันที เพราะมีผู้บาดเจ็บ และ บาดเจ็บสาหัสหลายคน ดังนี้พวกเขาต้องการหมอผ่าตัดอย่างเร่งด่วน หยางชิงโม่รีบเปลี่ยนชุดและทำความสะอาดร่างกายก่อนจะใส่ชุดผ่าตัดแล้วรีบวิ่งไปที่ห้องผ่าตัดที่เธอรับผิดชอบทันที เคสของเธอเป็นคนไข้ที่หนักที่สุดภายในห้องผ่าตัดคุณหมออวิ่นไป่ยืนรออยู่แล้ว เขาอาสาเข้ามาเป็นผู้ช่วยแพทย์ของคุณหมอหยางในวันนี้ อย่างไรก็ตามเขาต้องทำให้คุณหมอหยางใจอ่อนยอมรับเขาเป็นลูกศิษย์ให้ได้แสงไฟสีขาวจ้าสาดส่องลงมาบนร่างเล็ก ๆ ของเด็กชายวัย 8 ขวบ ที่นอนนิ่งอยู่บนเตียงผ่าตัด เสียงเครื่องวัดสัญญาณชีพดังรัวเร็วเป็นจังหวะ หัวใจของเด็กเต้นช้าลงทุกวินาที แพทย์และพยาบาลในห้องต่างตึงเครียด เหงื่อไหลอาบใบหน้าเสียงฝีเท้าหนักๆ ของหมอหยางชิงโม่ ดังก้องไปทั่วห้องผ่าตัด บรรยากาศเต็มไปด้วยความตึงเครียด ไฟสว่างจ้าวจนแสบตา ทีมแพทย์และพยาบาลต่างเตรียมพร้อมสำหรับการผ่าตัดหมอหยางเดินตรงไปที่เตียงทัน “เด็กเป็นอย่างไรบ้าง?”พยาบาลสีหน้าตึงเครียด “เด็กถูกยิงเข้าที่หน้าท้อง เสียเลือดมาก ชีพจรเริ่ม
บทที่ 55 สถานการณ์จับตัวประกันผ่านวันที่หยางชิงโม่เข้าติดยศทางทหารมาแล้ว 3 เดือนตอนนี้เธอกำลังจะเริ่มขนย้ายครอบครัวเพื่อเข้าไปอยู่ที่ปักกิ่ง ที่ไปล่าช้าเพราะคุณแม่สามีเป็นห่วงพี่สะใภ้ใหญ่ที่ตอนนี้ท้องโตมาก ใกล้จะคลอดเต็มที เดิมคุณแม่สามีอยากจะอยู่ดูแลจนกว่าสะใภ้ใหญ่จะคลอดแต่หยางชิงโม่มีความจำเป็นที่จะต้องเข้ากรมค่อนข้างบ่อย ไม่เหมือนที่นายพลเซี่ยจงบอกเอาไว้แต่แรกเลยว่า นานๆ ครั้งถึงจะเข้าไปก็ได้ เธอรู้สึกเหมือนถูกหลอกอย่างไรอย่างนั้น ดังนั้นหลังจากที่เธอเข้ากรมเป็นครั้งที่ 5 ภายใน 1 สัปดาห์ เป็นสัปดาห์ที่ 5 ติดกัน ดังนั้นวันนี้หยางชิงโม่จึงขอเข้าพบท่านนายพลเซี่ย เธอเดินมาที่แผนกของท่านนายพลเซี่ยจง"ขออนุญาตค่ะ ท่านนายพลเซี่ย!" เธอเปิดประตูพรวดพราดเข้าไปอย่างไม่รีรอหมอหยางชิงโม่ก้าวเข้ามาในห้องทำงาน ท่าทางมาดมั่นว่าวันนี้ต้องเคลียร์กับท่านนายพลให้จงได้ "ท่านนายพลคะ ดิฉันมีเรื่องสำคัญมาคุย" นายพลเซี่ยจงเงยหน้ามองหมอหยางด้วยสายตาสายตานิ่งเฉย…เฉยมากๆ จนผิดปกติก็ว่าได้ ก่อนจะกระแอมให้ลำคอโล่งและเอ่ยว่า " ว่า..ว่ามา หมอหยาง มีอะไรอีก?"หยางชิงโม่ยิ้มกว้างแบบที่ใครเห็นก็ต้องระแวง "ดิฉันขอ
บทที่ 54 วันขึ้นบ้านใหม่เมื่อหยางชิงโม่เปิดประตูรถฝั่งคนขับแล้วหันไปมอง 2 แม่ลูกที่ตอนนี้เจ้าหนูหรง ยังคงร้องไห้สะอึกสะอื่นอยู่คงจะตกใจและเจ็บก้นด้วย หยางชิงโม่หยิบยานวดแล้วส่งให้น้องสะใภ้สาม“ทายาให้ลูกเถอะ เจ้าหนูหรงคนเก่งของป้าคงจะเจ็บก้นมากแล้ว” เธอพูดแล้วหันไปลูบศีรษะเด็กน้อยเจ้าหนูหรงหรงจงค่อยๆ หยุดร้องไห้ เธอชอบคุณป้าชิงโม่มาก เพราะทุกครั้งที่มาบ้านคุณป้าจะเธอจะต้องได้กินอาหาร ขนม นม จนพุงป่องกลับบ้านทุกครั้ง แถมยังมีติดไม้ติดมือไปฝากคุณพ่อคุณแม่ของเธอประจำด้วย“ขอบคุณพี่สะใภ้รองมากค่ะ วันนี้ครอบครัวของฉันทำเรื่องน่าอายให้พี่สะใภ้รองเห็นแล้ว” เธอพูดขึ้นมาเสียงเบาหยางชิงโม่เหลือบตาดูเฉินม่านหลิน แล้วสตาร์ทรถค่อยๆ ขับออกไป เมื่อขับรถออกมานอกหมู่บ้านหยางชิงโม่กล่าวขึ้นเสียงเข้มว่า“ทุกครอบครัวต่างก็มีเรื่องน่าอับอายทั้งนั้น แต่ตอนนี้พี่อยากให้น้องสะใภ้สาม จำเอาไว้ว่าครอบครัวของน้องสะใภ้สามคือ ตระกูลเฉินเธอไม่ได้อยู่คนเดียว เธอมีพวกเราอยู่ข้างๆ เสมอน้องสะใภ้ไม่ต้องคิดมาก” เธอพูดแล้วหันไปขับรถกลับไปที่ร้านทันทีเมื่อมาถึงร้านเจ้าหนูหรงหลับไปแล้วเธอจึงได้อุ้มกลับบ้านไปกับเธอด้วยโด
บทที่ 53 เสียสละตำแหน่งงานร้านหมูพะโล้สูตรวังหลวงเปิดมาได้เกือบหนึ่งเดือนแล้ว ถนนหน้าร้านยังคง คลาคล่ำไปด้วยผู้คนที่มาต่อคิวซื้อหมูพะโล้แสนอร่อยอยู่ เฉินม่านหลินเดินออกมาดูคิวของร้านเธอที่ต่อยาวเหยียดอยู่บางคนมาเร็วหน่อยก็ได้นั่งเก้าอี้อีกส่วนคนที่ยังไม่ถึงคิวก็ยืนรอต่อไป ไม่มีใครบ่นเลยเพราะความอร่อยของหมูพะโล้ร้านนี้นั้นคุ้มค่าที่จะต่อคิวจริงๆวันนี้เธอได้บอกพี่สะใภ้รองว่าจะกลับบ้านสักพักเพราะมีคนที่หมู่บ้านเธอมาซื้อหมูพะโล้และเห็นเธอทำงานที่นี่ก็เข้ามาทักทายกัน 2 วันต่อมาก็มีคนมาบอกเธอว่าแม่ของเธอไม่สบายอยากให้เธอไปเยี่ยมที่บ้านเฉินม่านหลินมีความรู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่แต่อย่างไรก็ตามเธอก็ได้บอกกับพี่สะใภ้รองแล้ว และพี่สะใภ้รองก็อาสาที่จะขับรถไปส่งเธอที่บ้านพร้อมกับเจ้าหนูหรงหรง เธอไม่ได้ให้สามีของเธอไปด้วยเพราะจะไม่มีคนดูแลร้าน เมื่อจัดของเสร็จเรียบร้อยพี่สะใภ้รองก็มาถึงพอดีเธอก้าวขึ้นรถและหยางชิงโม่ก็ขับออกไปทันทีสีหน้าที่มีแต่ความกังวลใจของน้องสะใภ้สามก็หาได้รอดสายตาของชิงโม่ไม่ หมู่บ้านของเธอห่างจากหมู่บ้านหลี่ฮวาประมาณ 50 กิโลเมตร ถ้าสมัยก่อนที่ไม่มีรถขับก็ต้องใช้เวลาเกือบทั้
บทที่ 52 เงิน 50 ล้านหยวน" 5 ล้านหยวนมันจะไปพออะไรละ เอาที่ผมไปก่อนสัก 50 ล้านหยวนมั้ย เงินกู้ปลอดดอกเบี้ยเลยนะ " นายพลเซี่ยจงเอ่ยขึ้นมา“เอาค่ะ” หยางชิงโม่เองก็ไม่เกรงใจกันเลย ในเมื่อท่านนายพลเซี่ยเสนอมาหยางชิงโมก็รับเอาไว้ทันทีเช่นกัน นายกเทศมนตรีที่ฟังการสนทนาอยู่ใกล้อ้าปากค้างเลยทีเดียว 50 ล้านหยวนเลยนะ มันให้ยืมกันง่ายๆ แบบนี้ได้ด้วยหรือ แต่ก็เอาเถอะมันไม่ใช่เรื่องของเขาสักหน่อย“ส่วนผมเอาแบบที่คุณหมอหยางสั่ง ที่ละ 30 ล้านแบ่งมาให้เท่าๆ กันทุกที่นะ” ท่านนายพลเซี่ยสั่งซื้อที่ดินเหมือนสั่งซื้อหมูเลย ให้แบ่งให้เท่ากันด้วย .“ได้ ได้ ครับท่าน เดียวพวกผมจะจัดการเรื่องเอกสารต่างให้เรียบร้อยแล้วจะส่งไปให้ท่านที่กรมพร้อมกับใบเรียกเก็บเงินนะครับ เพราะท่านซื้อที่ดินเยอะอาจจะต้องใช้เวลาในการที่จะจัดทำเอกสารและวัดพื้นที่ครับ” นายกเทศมนตรีรีบเข้ามาปิดดีลยักษ์นี้ทันทีเขาดีใจมากที่อยู่ๆ เมืองเสินเซิ้นก็ได้รับเงินก้อนใหญ่เช่นนี้ แบบนี้ก็สามารถพัฒนาพื้นที่ได้เยอะที่เดียวนะ โอยยย.... ปีนี้ตำแหน่งของเขาต้องขึ้นอีกแน่นอนแถมยังจะได้หน้าได้ตาอีกที่สามารถขายที่ดินได้เยอะขนาดนี้ในคราวเดียว (หนึ่งปีหล
บทที่ 51 ซื้อที่ดินหยางชิงโม่ นายพลเซี่ยจง น้องสี่ น้องห้า กำลังนั่งในรถมุ่งหน้าไปเซินเจิ้น ซึ่งน้องสี่ น้องห้านั้นได้หลับไปเรียบแล้ว“ทำไมถึงอยากจะได้ที่ดินแถวนั้นนักละคุณหมอหยาง มันมีอะไรที่ผมจะต้องรู้มั้ย” ท่านนายพลเซี่ยจงถามขึ้นมา เขาคิดหลายตลบแล้ว เขาสังเกตว่าที่ดินที่เธอหมายตามักเป็นที่ที่รกร้าง ไม่มีใครต้องการและส่วนใหญ่จะเป็นที่ผืนใหญ่ทั้งนั้น มันมีอะไรเล็ดลอดสายตาเขาไปหรือเปล่านะท่านนายพลคิดสุดท้ายทนไม่ไหวจึงได้เอ่ยถามออกมาตรงๆ เขารู้ว่าหมอหยางเป็นคนที่ตรงไปตรงมาที่สุดคนหนึ่งที่เขาพบ เขาคิดว่าถ้าเธออยากไม่จะบอกเธอไม่จะบอก แต่ถ้าเธออยากบอกเธอจะบอกเอง แต่คราวนี้เขาอยากรู้จริงๆหยางชิงโม่ถอนหายใจ แล้วเหลือบตามองท่านนายพลเซี่ยจงนิดหน่อย เอาเถอะจะรวยคนเดียวมันก็กะไรอยู่นะ และยิ่งมีอีกหลายเหตุการณ์ใหญ่จะเกิดขึ้นถ้าเธอทำเงินได้อยู่คนเดียวอย่างไรท่านนายพลตาสับปะรดคนนี้ก็ต้องรู้อยู่ดี“ท่านนายพลจะเชื่อไหมคะถ้าฉันบอกว่าที่ดินเมืองเซินเจิ้น ในมณฑลกวางตุ้ง,เมืองจูไห่, เซี่ยเหมิน และซ่านโถว (ซัวเถา) จะมีมูลค่ามหาศาลในอีก 1 ปีข้างหน้า?เธอตั้งคำถามกลับใปให้เขา นายพลเซี่ยจงนิ่งคิดอยู่ชั่ว
บทที่50 เรือนสี่ประสานหลังจากชิงโม่ผ่าตัดใส่ขาเทียมเหล็กให้กับนายพลเย่เฉินเสร็จเรียบร้อยแล้วเธอก็กลับมาที่เรือนสี่ประสานที่ท่านนายพลเซี่ยจงมอบให้เธอเป็นค่าตอบแทนที่เธอรักษาลูกสาวของเขาทันทีที่มาถึงเธอก็เอาของตกแต่งบ้านออกมาจัดการตกแต่งตามที่เธอชอบทันทีเรือนสี่ประสานหรือ “ซื่อเหอย่วน” ที่หยางชิงโม่ได้รับมอบจากท่านนายพลเซี่ยจงนั้น ตั้งตระหง่านอยู่ใจกลางเมือง พื้นที่โดยรอบเงียบสงบ ร่มรื่นไปด้วยต้นไม้ใหญ่และดอกไม้นานาพันธุ์ กำแพงสูงสีขาวโพลนล้อมรอบตัวบ้าน มองดูสง่างามและน่าเกรงขาม ประตูไม้แกะสลักลวดลายวิจิตรประณีตเป็นทางเข้าหลัก บานประตูใหญ่เปิดออกเผยให้เห็นลานกว้างที่ปูด้วยหินอ่อน ตรงกลางลานมีน้ำพุหินอ่อนรูปปลาคาร์ฟพ่นน้ำอย่างสง่างามตัวบ้านมีสองชั้น โครงสร้างเป็นไม้ หลังคามุงกระเบื้องสีเทาเข้ม สถาปัตยกรรมผสมผสานความคลาสสิกแบบจีนเข้ากับความทันสมัยแบบตะวันตกได้อย่างลงตัว หน้าต่างบ้านเป็นแบบบานเกล็ดสีขาว ข้างหน้าต่างมีกระถางต้นไม้ประดับเรียงรายภายในบ้านแบ่งออกเป็นห้องต่างๆ มากมาย แต่ละห้องตกแต่งอย่างสวยงามด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้โบราณ ผ้าไหมชั้นดี และแจกันโบราณ สะท้อนให้เห็นถึงรสนิยมอันสูงส่
บทที่ 49 ผ่าตัดใส่ขาเทียมนายพลเย่เฉินเสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหว เย่เฉิน นายพลหนุ่มผู้เก่งกล้าหาญ ล้มลงบนพื้นขาซ้ายของเขาแหลกละเอียด เลือดไหลอาบพื้น เขารู้สึกเหมือนโลกทั้งใบพังทลายลงต่อหน้าต่อตา ความเจ็บปวดแสนสาหัสบวกกับความสิ้นหวัง กัดกินจิตใจของเขา เขาไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อไป"แกทำอย่างนี้ได้อย่างไร ถังซาน!" เฉินหวังตง หนึ่งในลูกทีมของเขาตะโกนถามถังซานคนทรยศที่พาเพื่อนเข้ามาในวงล้อมของแก๊งค้ามนุษย์เซียวจ้านเพื่อที่จะฆ่าพวกเขาทุกคน"หึหึหึ" ถังซานหัวเราะเสียงเย็น "ฉันไม่มีความจำเป็นต้องอธิบายอะไรกับพวกแก ชีวิตแลกชีวิต ครอบครัวของฉันสูญเสียไปหมดเพราะพวกแก พวกแกยังคาดหวังให้ฉันทุ่มเทเสี่ยงชีวิตให้อีกเหรอ แก๊งเซียวจ้านช่วยชีวิตฉันไว้ ดังนั้นฉันคือคนของเขา ฉันทำงานให้แก๊งเซียวจ่านเท่านั้น ที่ผ่านมาฉันอดทนมากเกินไปแล้ว” ถังซานพูดขึ้นมา ตอนนี้สติเย่เฉินกำลังจะหลุดลอยแล้ว เขาเจ็บปวดบาดแผลมาก ยิ่งกว่านั้นคือความโกรธที่พวกเขาตกหลุมพลางของแก๊งค้ามนุษย์เซียวจ้าน"ถังซาน แกมันเลว!" เฉินหวังตงตะโกนคำพูดสุดท้ายด้วยความโกรธแค้นถังซานไม่พูดอะไร เขาเพียงแค่ยักไหล่เล็งปืนมาเขา ขณะที่ถังซานกำลังจะเห