บทที่ 59 ตระกูลคังมาขอขมาเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับตระกูลคัง ของคังอี้หานส่งผลสะเทือนไปทั่วครอบครัวของคุณหมอหยางชิงโม่กลายเป็นที่จับตามองครอบครัวสายหลักของตระกูลคังทั้งตระกูลต้องเข้ามาขอขมาตระกูลเฉิน เรียกว่าแทบจะคลานเข่ามาก็ว่าได้เพราะตอนนี้ทุกคนในตระกูลไม่ว่าเด็กหรือผู้ใหญ่ล้วนได้รับความเดือดร้อนกันหมดทั้งตระกูล พวกเขาไม่สามารถที่จะทำมาหากินอะไรได้เลยบางทีเดินอยู่ดีๆ ยังถูกแก๊งมังกรดำลากไปทุบตี โดยให้เหตุผลว่าทำแล้วสบายใจแบบนี้ก็ได้เหรอ? พวกเขาไม่ได้ทำผิดอะไรเลยนะ ส่วนคนผิดอย่างเจ้าคังอี้หานที่นอนรักษาตัวในโรงพยาบาล กลับไม่โดนอะไรเลยไม่ไปทุบตีมันละ!!!เหตุการณ์นี้ทำให้ครอบครัวคังต้องสูญเสียทั้งชื่อเสียงและความมั่งคั่ง พวกเขาต้องก้มหัวขอโทษครอบครัวเฉิน เป็นการแก้แค้นที่แสนเจ็บแสบโดยไม่ต้องลงมือทำอะไรเลยในที่สุดพวกเขาทนไม่ไหว หัวหน้าตระกูลคังต้องพาคนในครอบครัวมาที่บ้านหมอหยางและขอขมาพวกเธอบรรยากาศภายในบ้านของหมอหยางชิงโม่เต็มไปด้วยความตึงเครียดครอบครัวตระกูลคัง นำโดยหัวหน้าตระกูลคัง คุกเข่าอยู่หน้าประตูบ้านหยางชิงโม่มองดูคนตระกูลคังนิ่ง เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับครอบครัวเฉิน ล้วนมีสาเ
บทที่ 60 อุทักภัยปี 1981คุณหมอหยางชิงโม่กำลังคิ้วขมวดเพราะเธอกำลังอ่านกระดาษ 'โพย' ที่นำมาจากอนาคต ปีหน้าจะเกิดน้ำท่วมใหญ่มีคนเสียชีวิตหลายพันคนเลยทีเดียว เหตุการณ์น้ำท่วมครั้งนี้ถือเป็นความสูญเสียครั้งประวัติศาสตร์ของประเทศจีนเลยทีเดียว เพราะมีหลายมณฑลที่น้ำท่วมและมีคนหลายพันคนเสียชีวิตและสูญหายนอกจากเหตุการณ์น้ำท่วมยังมีเหตุการณ์ใหญ่ที่เกิดขึ้นในปี 1981 อีกหลายเหตุการณ์ ซึ่งปีนี้เป็นปีที่มีการเปลี่ยนแปลงสำคัญในจีน เช่น การปฏิรูปเศรษฐกิจ การเปิดประเทศ และการปฏิรูปการศึกษา ส่งผลให้จีนพัฒนาไปอย่างรวดเร็วส่วนเหตุการณ์การเมืองที่สำคัญมากถือเป็นการเปลี่ยนแปลงสำคัญคือการประชุมสมัชชาประชาชนแห่งชาติครั้งที่ 5:มีการแต่งตั้งรัฐบาลชุดใหม่ นำโดย หู เย้าบาง (Hu Yaobang) เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์จีน เป็นที่รู้จักและเคารพจากประชาชนจีนในฐานะผู้นำที่สนับสนุนการปฏิรูปและประชาธิปไตยเติ้งเสี่ยวผิง (Deng Xiaoping) ได้รับเลือกเป็นประธานคณะกรรมาธิการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนการปฏิรูปเศรษฐกิจ: เริ่มต้นการปฏิรูประบบเศรษฐกิจ เปิดประเทศรับการลงทุนจากต่างประเทศเขตเศรษฐกิจพิเศษแห่งแรก สี่แห่ง ก่อตั้งขึ้นในเซ
บทที่ 61 ขอบคุณที่ช่วยชีวิต“ผมเชื่อ”นายพลเซี่ยจงชายผู้ทรงอำนาจเป็นรองเพียงผู้นำประเทศเท่านั้นก้าวเท้าเข้าสู่ห้องอย่างเงียบเชียบ บทสนทนาของสามีภรรยาคู่นั้นลอยเข้าหูเขาโดยไม่ได้ตั้งใจนายพลเซี่ยจงยืนนิ่ง ร่างของเขาแข็งทื่อ ดวงตาของเขาเบิกกว้างด้วยความตกตะลึงกับสิ่งที่ได้ยินปี 1981 ... อุทกภัย ... ความหายนะ ...คำพูดเหล่านี้วนเวียนอยู่ในหัวของเขาเขาคิดถึงภาพของประชาชนชาวจีนที่ยากไร้ อดมื้อกินมื้อ “เพิ่งจะผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากในปี 60-70 มา ทำไมพระเจ้าถึงต้องทดสอบพวกเขาอีกด้วย?”พวกเขาเพิ่งผ่านพ้นช่วงเวลาแห่งความอดอยากและความโหดร้ายมาแล้วตอนนี้ ...อุทกภัย ...มันจะเป็นบททดสอบที่โหดร้ายเกินกว่าที่พวกเขาจะทนทานไหวนายพลเซี่ยจงกำหมัดแน่น รู้สึกถึงความโกรธและความหดหู่เขาเป็นผู้รับผิดชอบต่อความปลอดภัยของประชาชน เขาจะต้องทำอะไรสักอย่างเขาจะต้องปกป้องพวกเขาเฉินหวังตงเงยหน้าขึ้นมองและเอ่ยขึ้นมาเบาๆ “ ท่านนายพล!”หมอหยางชิงโม่ “ท่านมาที่นี่ได้อย่างไรคะ?”นายพลเซี่ยจง “ผมได้ยินทุกอย่างแล้ว ผมไม่เคยสงสัยในความสามารถของหมอหยาง และผมจะไม่ถามว่าคุณรู้เรื่องนี้ได้อย่างไร แต่ถ้าคุณจะบอกรายละเอีย
บทที่ 62 รับเป็นลูกบุญธรรมหลังจากผ่านเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ท่านนายพลเซี่ยจงก็เป็นบุคคลที่โด่งดังขึ้นมาทันใด ไม่ว่าจะเป็นสำนักข่าวในประเทศหรือต่างประเทศ หนังสือพิมพ์หลายฉบับต่างก็มาขอสัมภาษณ์เขาทั้งนั้นแน่นอนว่าที่เป็นชาวต่างชาติคนที่จะให้สัมภาษณ์คือหมอหยางชิงโม่นั้นเอง เพราะท่านนายพลเซี่ยจงพูดภาษาต่างประเทศไม่ได้ ดังนั้นจึงเป็นหน้าที่ของหมอหยาง และที่ทำให้พวกเขาประหลาดใจและประทับใจมากคือ หมอหยางชิงโม่สามารถพูดได้ถึง 5 ภาษาดังนั้นการให้สัมภาษณ์ของคุณหมอสาวกับผู้สื่อข่าวต่างประเทศ ก็เลยกล่าวเป็นข่าวไปด้วย หัวข้อข่าวที่ว่าคือ เรื่องบุคลากรของประเทศเป็นบุคคลที่มีความรู้ความสามารถจริง ๆนั้นทำให้ท่านนายพลเซี่ยจงได้หน้าได้ตาที่สุดเลยก็ว่าได้ และที่ยืนหน้าบานอยู่ข้างๆ ท่านก็คือนายพลเฉินหวังตง ที่จับตามองภรรยาของเขากำลังให้สัมภาษณ์ภาษาฝรั่งเศสอยู่นั้นเอง ...แววตาเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจและมีแววหวานเยิ้มนิดหน่อยแต่เขาไม่รู้ตัวแต่คนที่เห็นคือท่านนายพลเซี่ยจง ..นายพลเซี่ยจงยังคงหันไปมองหมอหยางชิงโม่ที่ตอนนี้หันมาตอบคำถามนักข่าวชาวญี่ปุ่นแล้ว...มันจะเก่งไปนะ...เขาต้องทำอะไรสักอย่างแล้วท่านนายพล
บทที่ 63 ที่ดินเวนคืนกาลเวลาผันผ่าน ช่วงเวลารวดเร็วดั่งสายน้ำ ฤดูหนาวที่ปกคลุมไปด้วยหิมะขาวโพลนได้สิ้นสุดลง ฤดูใบไม้ผลิอันสดใสได้มาเยือน แสงแดดอ่อนๆ สาดส่องไปทั่วทุกพื้นที่ หมอหยางชิงโม่ ที่กลายเป็นเซี่ยชิงโม่ คุณหนูเล็กแห่งตระกูลเซี่ยแม้สถานะจะเปลี่ยนแปลง แต่ความทุ่มเทและความขยันหมั่นเพียรของเธอยังคงเหมือนเดิม หมอเซี่ยชิงโม่ยังคงทำงานหนักอยู่เช่นเดินในปี 1982 นี้คุณหมอเซี่ยผู้เปี่ยมไปด้วยพรสวรรค์ จะเริ่มต้นบทบาทใหม่ในฐานะอาจารย์หมอ เธอรับลูกศิษย์ 3 คน เข้ามาสอนวิชาแพทย์ศาสตร์ ถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์การสอนลูกศิษย์ เปรียบเสมือนการจุดประกายไฟแห่งการรักษา หนุ่มสาวหมอใหม่ทั้ง 3 เปี่ยมไปด้วยความตั้งใจ ดวงตาของพวกเขาเปล่งประกายด้วยความมุ่งมั่น เซี่ยชิงโม่มองเห็นศักยภาพในตัวพวกเขา เธอจะทุ่มเททั้งแรงกายแรงใจ ถ่ายทอดวิชาความรู้ ฝึกฝนทักษะ หล่อเลี้ยงเมล็ดพันธุ์แห่งความเมตตาอนาคตอันสดใสรออยู่ข้างหน้า เด็กหนุ่มสาวเหล่านี้จะเป็นหมอที่ดี เป็นผู้สืบสานศาสตร์แห่งการรักษา เยียวยาผู้คน และสร้างประโยชน์ต่อสังคมต่อไปคุณหมออวิ่นไป่คุณหมอเทียนหลงคุณหมอจางเสวี่ยคือ 3 คนที่โชคดีได้รับการคัดเลือกจ
บทที่ 64 หาเรื่องผิดคนเป็นที่รับรู้กันไปทั่วเรื่องที่ท่านนายพลเซี่ยจงซื้อที่ทางรกร้างห่างไกลความเจริญเอาไว้มากมายเพราะตอนนั้นนายกเทศมนตรีเมืองเซินเจิ้น ได้เอาเอกสารมาส่งที่กรม ทำให้พวกเพื่อนๆ ของท่านนายพลเซี่ยจงได้รับรู้ว่าท่านซื้อที่ห่างไกลความเจริญเอาไว้หลายพันไร่ทีเดียวตอนแรกพวกเขาต่างพากันหัวเราะเยาะลับหลัง พวกเขาคิดว่าท่านนายพลเซี่ยจงมีเงินเยอะมากไปหรือไม่รู้จะทำอะไรก็เลยเอาไปโยนทิ้งโดยซื้อที่ป่ารกร้างและห่างไกลถึงเซินเจิ้น ซัวเถา แบบนั้นแต่ก็มีเพื่อนบางคนของท่านนายพลเซี่ยจงที่อายุยังน้อยพวกเขาถือว่านายพลเซี่ยจงคือไอดอลไม่ว่าท่านขยับตัวทำอะไรพวกเขาจะทำตาม เมื่อพวกนายพลอายุน้อยเหล่านี้รู้ว่านายพลเซี่ยจงซื้อที่ห่างไกลขนาดนั้นมากมายจะต้องมีนัยสำคัญอะไรแน่พวกเขาคิดวิเคราะห์แยกแยะเสร็จก็ลองเสี่ยงตัดสินใจซื้อตามท่านนายพลเซี่ยจงไอดอลของพวกดู พวกเขาซื้อที่ตามพื้นที่เซินเจิ้น ซัวเถา จู่ไห่ คนละหลายร้อยไร่เลยทีเดียว ทำให้นายกเทศมนตรีเมืองเซินเจิน และซัวเถาและจู่ไห่ต่างดีใจกันหน้าบานที่พากันขายที่ให้พวกนายพลเหล่านี้ได้เยอะ..เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องตลกในกลุ่มนายพลด้วยกัน พวกเขาต่างคิดว่าน
บทที่ 65 กฎหมายการปราบปรามแก๊งผู้มีอิทธิพล“แล้วก็ตอนกลับบ้านไปถามพ่อแกดูว่ารู้จักนายพลเย่เฉินขาเหล็กแห่งกองทัพปักกิ่งมั้ย ถ้ามันรู้จักให้มันเตรียมตัวย้ายไปอยู่ชายแดน 6 เดือน”โทษฐานเลี้ยงลูกไม่เป็น จางเฉิงเจียงที่เจอตอเข้าไปตอนนี้่แทบจะร้องไห้แล้ว ซวยแล้วไม่ล่ะ ลำบากกันทั้งครอบครัวเลยทีนี้กลับมาที่เด็กน้อยที่โดนเตะเข้าที่ท้องตอนนี้นั่งมองพวกจางเฉิงเจียงที่กองอยู่กับพื้นและตัวของจางเฉิงเจียงที่โดนเหยียบอยู่ ‘เขา’ เงยหน้าขึ้นมองท่านนายพลเย่เฉินที่ช่วย ‘เขา’ เอาไว้ด้วยความขอบคุณ“เป็นอย่างไรบ้างเจ้าหนูเจ็บมากหรือเปล่า?” นายพลเย่เฉินถามขึ้นมา“ไม่เป็นไรครับขอบคุณท่านนายพลมากครับ ผมไปทำงานก่อนนะครับ”เขาลุกไปด้วยความทุลักทุเล เมื่อเหตุการณ์สงบจางเฉิงเจี่ยงและลูกน้องถูกลากออกไปจากร้าน เถ้าแก่ให้เด็กเข้ามาทำความสะอาดอย่างเร่งด่วนและเริ่มทำการค้าขายใหม่ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น“เถ้าแก่ค่าเสียหายต่างๆ ให้ส่งคนไปเรียกเก็บที่จางเสี่ยวหลงแผนกกำลังพลของกองทัพ" นายพลเย่เฉินเอ่ยขึ้นมา“ขอบคุณมากครับท่านนายพล พวกผมไม่ขอรับค่าเสียหายเหล่านี้ครับเพราะที่ผ่านมา จางเฉิงเจียงก็มาที่นี่บ่อยมากค่ากินที่เข
บทที่ 66 เปิดโรงงานผลิตสบู่พี่ใหญ่ฉีฮ้าวกลับไปจัดการในส่วนของคนในแก๊งที่สมัครใจเข้าร่วมเป็นพนักงานของโรงงานที่เซี่ยชิงโม่กำลังจะเปิด ส่วนเธอก็กำลังปรึกษากับเฉินหวังตง ว่าจะเอาพื้นที่ไหนในการเปิดโรงงาน ถ้าจะหาพื้นที่ในปักกิ่ง ปัญหาคือเรื่องที่พักของพนักงานเพราะจู่ไห่และปักกิ่งห่างกันถึง 1,400 กิโลเมตร การย้ายพวกเขามาอาจจะมีปัญหาได้เพราะพวกเขาส่วนใหญ่เป็นคนจู่ไห่มีครอบครัวที่นั่น การให้ย้ายถิ่นฐานอาจจะเป็นเรื่องใหญ่สำหรับพวกเขาดังนั้นพวกเธอจึงได้ตัดสินใจหาพื้นที่รอบนอกของจู่ไห่สร้างโรงงานขนาดใหญ่ขึ้นมาเพื่อรองรับคนงานประมาณ 1,500-5,000 คน ซึ่งในอนาคตอาจจะถึงเมื่อปรึกษากันเรียบร้อยช่วงวันหยุดต่อมาพวกเขาทั้งครอบครัวก็ขับรถกลับมาที่เมืองจู่ไห่ ใช้เวลา 10 กว่าชั่วโมงพวกเขาก็มาถึงบ้าน เด็กๆ เหนื่อยและหลับไปนานแล้ว ..เซี่ยชิงโม่งคิดถึงการนั่งเครื่องบินจังเลย เพราะในปี 1982, เมืองจู่ไห่ยังไม่มีสนามบิน. สนามบิน Quanzhou Jinjiang Airport ที่ตั้งในเขตของจู่ไห่ เปิดให้บริการเมื่อปี 1996 ซึ่งอีกหลายปีมากกว่าจะเปิด ดังนั้นต้องอดทนถ้าจะหาสนามบินที่อยู่ใกล้เคียงแล้วบินมาที่นั่นก็พอๆ กัน เพราะเท่าท
บทที่ 75 น้องสาว“เรื่องราวทั้งหมดก็เป็นแบบนี้ละค่ะท่านนายพล”หยางชิงเย่วเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ท่านนายพลเย่เฉินฟัง รวมถึงเหตุผลที่เธอต้องปลอมตัวเป็นเด็กผู้ชายเพื่อความปลอดภัย นายพลเย่เฉินมองเธอด้วยความทึ่ง คิดในใจว่าเด็กคนนี้ช่างฉลาดเฉลียวเหมือนใครคนนั้นเลย“แล้วพี่สาวของเสี่ยวเย่วชื่ออะไรที่ตามหาอยู่” ท่านนายพลหันไปมองภรรยาที่รักของตนเอง ก่อนจะมองหน้าเจ้าเด็กน้อยหยางชิงเย่ว และตั้งคำถามพร้อมกับคาดเดาคำตอบในใจ“พี่สาวชื่อหยางชิงโม่ค่ะ พี่สาวถูกส่งตัวไปใช้แรงงานแทนลูกชายของคุณลุง ตอนนั้นพี่สาวไม่อยากไป แต่คุณลุงคุณป้าบอกว่าเพื่อตอบแทนบุญคุณที่พวกเขาเลี้ยงดูพวกเรา พวกเขาบอกกับพี่สาวของฉันว่าจะดูแลฉันเป็นอย่างดี และจะส่งฉันเรียนหนังสือถ้าพี่สาวไปแทนลูกชายคุณลุง” หยางชิงเย่วเอ่ยขึ้น น้ำเสียงสั่นเครือด้วยความเศร้า“แต่พอพี่สาวถูกส่งตัวไปไม่นาน พวกเขาก็ให้ฉันออกจากโรงเรียน บอกว่าผู้หญิงไม่ต้องเรียนหนังสือเยอะก็ได้” เสียงของเธอแผ่วเบาลง และแล้วน้ำตาเม็ดโตก็ไหลลงมา“ฮือฮือฮือ!!!...ฉันเพียงอยากจะเจอพี่สาวของฉันอีกครั้งเท่านั้นเอง ใครจะรู้ว่าพวกเขาถึงกับขายฉันให้กับแก๊งค้ามนุษย์” เธอร้องไห้
บทที่ 74 หยางชิงเย่วท้องฟ้ายามเช้าสาดแสงสีส้มอ่อนลงบนเมืองหลวงปักกิ่ง ท่ามกลางความวุ่นวายของผู้คน เด็กน้อยร่างผอมบางคนหนึ่งนอนขดตัวอยู่ใต้สะพานลอย ‘เขา’ สกปรกมอมแมม เสื้อผ้าขาดรุ่งริ่ง ใบหน้าเต็มไปด้วยคราบดินและคราบน้ำตาหยางชินเย่วหนีออกมาจากแก๊งค้ามนุษย์ที่ ‘เขา’ ถูกลุงและป้าของ‘เขา’แอบขายเขาให้พวกมันโดยบอกเขาว่าคนกลุ่มนั้นจะพา 'เขา' ไปพบกับพี่สาวของ ‘เขา’ ถ้ามากับพวกเขา เขาต้องการที่จะตามหาพี่สาวมานานแล้วด้วยความไว้ใจลุงและป้าจึงได้ตามคนกลุ่มนี้มาแต่ที่ ‘เขา’ ผิดสังเกตก็คือ มีเด็กมากมายที่พวกเขาพามาด้วยบางคนถูกตีบางคนถูกมัดก็มี ทำให้เด็กน้อยแอบฟังเวลาที่พวกเขาคุยกันและรู้ว่านี้เป็นแก๊งที่จับคนมาขายไม่ใช่คนที่จะพาไปหาพี่สาว เด็กน้อยหวาดกลัวมาก แต่ก็ไม่ได้ทำอะไรเป็นที่สังเกตจนกระทั่งพวกเขาพามาถึงเมืองปักกิ่งเมื่อได้โอกาสเธอจึงได้หลบหนีออกมาเด็กน้อยเร่รอนอยู่หลายวันและพยายามหางานทำ และในที่สุดก็ได้งานเป็นเด็กเสิร์ฟในร้านอาหารที่ขายเป็ดปักกิ่ง แต่ทำงานได้ 3 วันก็ต้องถูกไล่ออกเพราะมีอันธพาลมาหาเรื่องที่ร้าน ถึงแม้จะมีคนมาช่วย แต่เถ้าแก่ก็ไม่พอใจ ‘เขา’ และหลังจากนั้น 2 วันก็ไล่เขาออกมา
บทที่ 73 อันดับที่หนึ่งมหาวิทยาลัยปักกิ่ง / พอร์ช 911ท้องฟ้าสีครามสดใส อากาศเย็นสบาย แสงแดดยามเช้าสาดส่องผ่านหน้าต่างห้องนอน สะท้อนให้เห็นรอยยิ้มอันเปี่ยมสุขบนใบหน้าของเซี่ยชิงโม่ เธอรู้สึกตื่นเต้นและดีใจอย่างบอกไม่ถูก เมื่อสองเดือนก่อน เธอและหวังตงได้พาครอบครัวไปท่องเที่ยวที่ยุโรป เป็นการท่องเที่ยวที่เต็มไปด้วยความประทับใจแต่สิ่งที่ทำให้เธอประทับใจที่สุด ไม่ใช่สถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงาม แต่เป็นของขวัญล้ำค่าที่เธอได้รับมาตอนนี้ต่างหากเธอตั้งครรภ์แล้ว เธอรู้ข่าวดีนี้หลังจากกลับจากทริปทันทีที่เธอทดสอบการตั้งครรภ์ สองขีดสีแดงปรากฏขึ้นบนแท่งทดสอบ โลกทั้งใบของเธอก็เหมือนหยุดหมุนเธอรู้สึกเหมือนฝันไป เธอไม่เคยคิดมาก่อนว่าตัวเองจะมีลูก แต่เธอก็รู้สึกดีใจเธอดีใจที่เธอจะได้เป็นแม่ เธอดีใจที่เธอจะได้สร้างครอบครัวที่สมบูรณ์แบบกับเฉินหวังตงเธอรีบโทรไปบอกเฉินหวังตง เขาดีใจไม่แพ้เธอ เช้าวันนี้เซี่ยชิงโม่ตื่นนอนด้วยความสดชื่นเธอรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงภายในร่างกายเธอรู้สึกถึงชีวิตน้อยๆ ที่กำลังเติบโตขึ้นภายในท้องของเธอยิ้มเธอรู้ว่า ชีวิตของเธอจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแต่มันจะเป็นชีวิตที่เต็มไปด้วยคว
บทที่ 72 ฮันนีมูนทริปผ่านเรื่องราวที่หนักหนาสาหัสมาหลายเดือน ตอนนี้เข้าสู่หน้าหนาวของปี 1985 อย่างเป็นทางการแล้ว หิมะสีขาวโพลนปกคลุมไปทั่วทุกพื้นที่ เปรียบเสมือนผืนผ้าปูสีขาวบริสุทธิ์ที่ทอดยาวสุดลูกหูลูกตา ท้องฟ้าสีครามสดใสตัดกับสีขาวของหิมะ แสงแดดอ่อนๆ สาดส่องลงมา สะท้อนกับเกล็ดหิมะเป็นประกายระยิบระยับ ดอกไม้ในสวนเบ่งบานสวยงาม แม้จะอยู่ในฤดูหนาว ดอกไม้บางชนิดก็ยังคงยืนหยัด ชูช่อท้าทายความหนาวเย็น ดอกไม้เหล่านี้ เปรียบเสมือนสัญลักษณ์ของความหวัง แสดงให้เห็นว่า แม้จะอยู่ในช่วงเวลาที่ยากลำบาก ก็ยังมีความสวยงามและความหวังอยู่เสมอเชี่ยชิงโม่ ยืนมองทิวทัศน์อันงดงามตรงหน้า เธอสูดหายใจลึกๆ8 ปีแล้วที่เธอมายังยุคอดีตนี้ ทุกอย่างในชีวิตของเธอตอนนี้ถือว่าเข้าที่เข้าทางมากเธอก็มีสามีที่รักและมีลูกที่น่ารักถึง 3 คน ครอบครัวของเธอดูเหมือนจะครบสมบูรณ์แบบแล้วแต่ว่า...ยังมีบางสิ่งบางอย่างที่ขาดหายไป อากาศเย็นจับใจ ทว่ากลับทำให้หัวใจของเซี่ยชิงโม่อบอุ่นอย่างประหลาด หลังจากผ่านพายุชีวิตมาหลายเดือน เธอรู้สึกว่าถึงเวลาแล้วที่ครอบครัวของเธอจะได้มีช่วงเวลาแห่งความสุขและความทรงจำที่งดงามร่วมกันเธอเดินฝ่าหิ
บทที่ 71 คอร์รัปชั่น / ประหารชีวิต1 เดือนต่อมา เฉินหวังตงเดินเข้าไปหาภรรยาของเขาที่กำลังตรวจเอกสารเกี่ยวกับการสั่งซื้อสินค้าอยู่“ชิงโม่ ผมมีเรื่องอยากจะถามทำไมเหตุการณ์เขื่อนแตกครั้งนี้ทำไมคุณถึงไม่ได้เตือนผมให้เตรียมตัวเหมือนครั้งที่น้ำท่วมใหญ่ละครับ” เฉินหวังตงถามเซี่ยชิงโม่ขึ้นมาเซี่ยชิงโม่วางเอกสารในมือลง แล้วถอนหายใจ เธอก็รู้สึกสงสารและเสียใจที่เกิดเหตุการณ์“ฉันก็ไม่แน่ใจเพราะเหตุใดฉันจึงได้ไม่เห็นเหตุการณ์นี้เหมือนกันค่ะ”“เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้หมู่บ้านเสียหายไปกว่า 20 หมู่บ้าน สูญเสียชีวิตกว่า 300 คน สูญหายอีก 200 คน มูลค่าความเสียหายยากเกินกว่าที่จะประเมิน ผมเสียใจกับเหตุการณ์ครั้ง ถ้าหากว่าผมรู้....."เซี่ยชิงโม่ยื่นมือไปจับมือของเขาแน่น เธอก็อยากช่วยแต่ครั้งนี้เธอไม่รู้จริงๆ ว่าเพราะอะไรถึงไม่มีใน ‘โพย’ ใบนั้นเฉินหวังตงได้รับมอบหมายให้เป็นหัวหน้าทีมสืบสวนเหตุการณ์เขื่อนแตกที่อำเภอสุยเซียงสุนซุยเย่วหมิงเจ้าหน้าที่ระดับ 9 ของกรมชลประทานได้ขอเข้าพบเข้านายพลเฉินหวังตงพร้อมมอบเอกสารการออกแบบเขื่อนหรือพิมพ์เขียวหรือเขื่อนหวังจิง ให้นายพลเฉินหวังตงเพื่อตรวจสอบความถูกต้องต่อไป
บทที่ 70 เขื่อนแตกสายฝนเทกระหน่ำลงมาอย่างไม่หยุดหย่อน ราวกับฟ้ากำลังร้องไห้คร่ำครวญ ฟ้าร้องคำรามกึกก้อง สั่นสะเทือนไปทั่ว ท้องฟ้ามืดครึ้มเมฆดำทะมึนลอยลงมาต่ำ มองไม่เห็นแสงแดด แม้จะเป็นเวลากลางวันฝนเทลงมาเป็นเวลา 3 วัน 3 คืน น้ำท่วมสูงขึ้นทุกชั่วโมง ผู้คนต่างหวาดกลัว เขื่อนหวังจิงสูงทมึนตั้งสูงตะหง่าน ที่กั้นระหว่างหมู่บ้านหวังจิง กับแม่น้ำสุ่ยเซียง ไม่สามารถต้านทานแรงกดดันจากน้ำจำนวนมหาศาลได้อีกต่อไป เขื่อนเริ่มแตกร้าว น้ำไหลซึมออกมาผู้คนในหมู่ย้านหวังจิงต่างตกตลึงเด็กน้อยอาหลิว ยืนมองเขื่อนหวังจิงด้วยความหวาดกลัวเขาจำได้ว่า พ่อของเขาเคยเล่าให้ฟังว่าเขื่อนนี้สร้างขึ้นเพื่อปกป้องหมู่บ้านจากน้ำท่วม แต่ตอนนี้เขื่อนกำลังจะพังทลายอาหลิวคิดถึงพ่อของเขา พ่อของเขาเป็นคนที่สร้างเขื่อน พ่อของเขาบอกเขาเสมอว่า เขื่อนนี้จะแข็งแรงมากถ้าเป็นไปตามแบบ ไม่มีทางพังทลายได้ แต่ตอนนี้อาหลิวเริ่มสงสัยว่าเขื่อนแตกได้อย่างไร น้ำไหลแรงขึ้นเรื่อยๆ อาหลิวเห็นผู้คนพากันหนีตาย เขารู้ว่าเขาต้องหนีด้วย แต่เขาไม่อยากหนี เขาอยากอยู่กับพ่อของเขาอาหลิววิ่งไปที่บ้านของเขา เขาเห็นพ่อของเขากำลังเก็บของ เขาถามพ่อว่า "
บทที่ 69 วันเปิดโรงงานผลิตสบู่ชิงโม่สวรรค์แห่งกลิ่นหอมเสียงเครื่องจักรคำรามสะท้อนก้องไปทั่วโรงงาน บ่งบอกถึงการเริ่มต้นของภารกิจอันยิ่งใหญ่เหล่าคนงานอดีตนักเลงจากแก๊งมังกรดำ แต่งกายในชุดยูนิฟอร์มสีขาว สะอาดตาบัตรพนักงานประดับบนหน้าอก เป็นสัญลักษณ์ของการเริ่มต้นใหม่ใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความตั้งใจแววตามุ่งมั่นมือไม้ขยับคล่องแคล่วร่วมแรงร่วมใจปฏิบัติหน้าที่อย่างมีประสิทธิภาพสายพานลำเลียง เคลื่อนที่อย่างต่อเนื่องก้อนสบู่หลากสีสันเรียงรายเป็นแถวยาว ผ่านขั้นตอนการผลิตอย่างพิถีพิถัน ผ่านการตรวจสอบอย่างเข้มงวด ก่อนที่จะถูกบรรจุลงกล่องอย่างสวยงาม กล่องบรรจุนั้นชิงโม่ได้นำแบบที่ทันสมัยมากับเธอด้วยหลายแบบ เพราะตอนนี้ทางโรงงานของเธอได้ผลิตสบู่ออกมา 5 กลิ่นด้วยกัน เธอเรียกมันว่า 5 กลิ่นหอมมนต์เสน่ห์ จากสบู่ชิงโม่1. กลิ่นน้ำหอมฝรั่งเศส: สัมผัสความหรูหรา สง่างาม ดั่งหญิงสาวชั้นสูง กลิ่นหอมละมุน อบอวลไปด้วยความเย้ายวน ชวนให้หลงใหล2. กลิ่นกุหลาบแดง:โรแมนติก เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ ดั่งรักแท้ที่มั่นคง กลิ่นหอมหวาน อบอวลไปด้วยความรัก3. กลิ่นกุหลาบขาว:บริสุทธิ์ อ่อนหวาน ดั่งหญิงสาวผู้เปี่ยมไปด้วยความ
บทที่ 68 กุหลาบสีแดงบรรยากาศยามค่ำคืน ช่างโรแมนติกท้องฟ้าประดับประดาด้วยดวงดาวระยิบระยับ เฉินหวังตง จับมือชิงโม่ กุมไว้แน่นสายตาของเขาจับจ้องไปที่ดวงตาของเธอ ดวงตาที่เปล่งประกายฉายแววความอบอุ่นและความรัก พวกเขาออกมาเดินเล่นที่สวนหลังจากส่งเด็กๆ เข้านอนแล้ว วันนี้หัวใจของทั้งสองคนฟูฟ่องขึ้นมามากมาย"ชิงโม่" เขาเอ่ยชื่อเธอด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล "ผมมีความสุขมากที่มีคุณอยู่เคียงข้างผม"เฉินหวังตง ดึงเธอเข้ามาโอบกอด ร่างกายของเธออบอุ่นและอ่อนโยน เขาสูดหายใจลึกๆ กลิ่นหอมของเธอช่างหอมหวาน เขาอยากจะกอดเธอไว้แบบนี้ตลอดไป" ชิงโม่ " เขาเอ่ยต่อ "ข้าอยากจะเริ่มต้นความสัมพันธ์แบบจริงจังกับคุณอยากจะดูแล ปกป้องอยากจะอยู่เคียงข้างคุณ ตลอดไป"ดวงตาของเธอฉายแววความคิด “ฉันก็อยากเช่นกัน" เธอเอ่ย "อยากจะอยู่เคียงข้างคุณตลอดไป"เฉินหวังตงโน้มตัวไปข้างหน้า ประทับจูบลงบนริมฝีปากของเธออย่างแผ่วเบา มันเป็นจูบที่เต็มไปด้วยความรัก ความปรารถนา และความหวังในที่สุด เขาก็ได้บอกรักเธอแล้ว และเธอก็ตอบรับความรักของเขาพวกเขากอดกันแน่น หัวใจของพวกเขาเต้นเป็นจังหวะเดียวกัน พวกเขารู้ว่าพวกเขาถูกกำหนดให้คู่กันอนาคตจะเป็นอ
บทที่ 67 หึงหวงการก่อสร้างโรงงานเป็นไปด้วยดี กำหนดเสร็จสิ้นสามารถที่จะเปิดโรงงานได้คือช่วงเดือน 11 ของปีนี้ซึ่งเซี่ยชิงโม่ต้องการเปิดโรงงานในช่วงนั้นพอดี เพราะอีก1 เดือนก็จะเป็นวันสินปี สินค้าของเธอถ้าออกสู่ตลาดช่วงนั้นจะต้องขายดีมากแน่ๆระหว่างนี้เธอต้องติดต่อกับเจียงไห่บ่อยมากเพราะเขาคือคนที่จะประสานงานกับลูกน้องในแก๊งมังกรดำและกับโรงงาน บ่อยครั้งที่เขาจะมาที่เรือนสี่ประสานและนั่งประชุมกับเซี่ยชิงโม่เป็นเวลานานนายพลเฉินหวังตงยืนนิ่งอยู่หน้าต่าง มองออกไปยังทิวทัศน์ของเมืองหลวงยามค่ำคืน แสงไฟจากตึกรามบ้านช่องระยิบระยับ ทว่ากลับไม่สามารถส่องสว่างความมืดมนในใจของเขาได้เขาเพิ่งออกมาจากห้องประชุมที่เซี่ยชิงโม่ ภรรยาของเขา กำลังวางแผนงานสำคัญกับเหล่าสมาชิกแก๊งมังกรดำ เขาแอบมองเธออยู่ครู่หนึ่ง รู้สึกถึงความตั้งใจจริงและความมุ่งมั่นในแววตาของเธอ แต่ก็รู้สึกถึงความห่างไกลระหว่างพวกเขาเซี่ยชิงโม่ไม่ค่อยมีเวลาให้เขาเท่าแต่ก่อน เธอทุ่มเทเวลาและพลังงานทั้งหมดให้กับแก๊งมังกรดำ เขารู้ดีว่าเธอมีภาระหน้าที่อันยิ่งใหญ่ แต่เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกน้อยใจเขาเป็นสามีของเธอ เขาควรจะเป็นคนที่เธอปรึกษาห