บทที่ 49 ผ่าตัดใส่ขาเทียมนายพลเย่เฉินเสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหว เย่เฉิน นายพลหนุ่มผู้เก่งกล้าหาญ ล้มลงบนพื้นขาซ้ายของเขาแหลกละเอียด เลือดไหลอาบพื้น เขารู้สึกเหมือนโลกทั้งใบพังทลายลงต่อหน้าต่อตา ความเจ็บปวดแสนสาหัสบวกกับความสิ้นหวัง กัดกินจิตใจของเขา เขาไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อไป"แกทำอย่างนี้ได้อย่างไร ถังซาน!" เฉินหวังตง หนึ่งในลูกทีมของเขาตะโกนถามถังซานคนทรยศที่พาเพื่อนเข้ามาในวงล้อมของแก๊งค้ามนุษย์เซียวจ้านเพื่อที่จะฆ่าพวกเขาทุกคน"หึหึหึ" ถังซานหัวเราะเสียงเย็น "ฉันไม่มีความจำเป็นต้องอธิบายอะไรกับพวกแก ชีวิตแลกชีวิต ครอบครัวของฉันสูญเสียไปหมดเพราะพวกแก พวกแกยังคาดหวังให้ฉันทุ่มเทเสี่ยงชีวิตให้อีกเหรอ แก๊งเซียวจ้านช่วยชีวิตฉันไว้ ดังนั้นฉันคือคนของเขา ฉันทำงานให้แก๊งเซียวจ่านเท่านั้น ที่ผ่านมาฉันอดทนมากเกินไปแล้ว” ถังซานพูดขึ้นมา ตอนนี้สติเย่เฉินกำลังจะหลุดลอยแล้ว เขาเจ็บปวดบาดแผลมาก ยิ่งกว่านั้นคือความโกรธที่พวกเขาตกหลุมพลางของแก๊งค้ามนุษย์เซียวจ้าน"ถังซาน แกมันเลว!" เฉินหวังตงตะโกนคำพูดสุดท้ายด้วยความโกรธแค้นถังซานไม่พูดอะไร เขาเพียงแค่ยักไหล่เล็งปืนมาเขา ขณะที่ถังซานกำลังจะเห
บทที่50 เรือนสี่ประสานหลังจากชิงโม่ผ่าตัดใส่ขาเทียมเหล็กให้กับนายพลเย่เฉินเสร็จเรียบร้อยแล้วเธอก็กลับมาที่เรือนสี่ประสานที่ท่านนายพลเซี่ยจงมอบให้เธอเป็นค่าตอบแทนที่เธอรักษาลูกสาวของเขาทันทีที่มาถึงเธอก็เอาของตกแต่งบ้านออกมาจัดการตกแต่งตามที่เธอชอบทันทีเรือนสี่ประสานหรือ “ซื่อเหอย่วน” ที่หยางชิงโม่ได้รับมอบจากท่านนายพลเซี่ยจงนั้น ตั้งตระหง่านอยู่ใจกลางเมือง พื้นที่โดยรอบเงียบสงบ ร่มรื่นไปด้วยต้นไม้ใหญ่และดอกไม้นานาพันธุ์ กำแพงสูงสีขาวโพลนล้อมรอบตัวบ้าน มองดูสง่างามและน่าเกรงขาม ประตูไม้แกะสลักลวดลายวิจิตรประณีตเป็นทางเข้าหลัก บานประตูใหญ่เปิดออกเผยให้เห็นลานกว้างที่ปูด้วยหินอ่อน ตรงกลางลานมีน้ำพุหินอ่อนรูปปลาคาร์ฟพ่นน้ำอย่างสง่างามตัวบ้านมีสองชั้น โครงสร้างเป็นไม้ หลังคามุงกระเบื้องสีเทาเข้ม สถาปัตยกรรมผสมผสานความคลาสสิกแบบจีนเข้ากับความทันสมัยแบบตะวันตกได้อย่างลงตัว หน้าต่างบ้านเป็นแบบบานเกล็ดสีขาว ข้างหน้าต่างมีกระถางต้นไม้ประดับเรียงรายภายในบ้านแบ่งออกเป็นห้องต่างๆ มากมาย แต่ละห้องตกแต่งอย่างสวยงามด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้โบราณ ผ้าไหมชั้นดี และแจกันโบราณ สะท้อนให้เห็นถึงรสนิยมอันสูงส่
บทที่ 51 ซื้อที่ดินหยางชิงโม่ นายพลเซี่ยจง น้องสี่ น้องห้า กำลังนั่งในรถมุ่งหน้าไปเซินเจิ้น ซึ่งน้องสี่ น้องห้านั้นได้หลับไปเรียบแล้ว“ทำไมถึงอยากจะได้ที่ดินแถวนั้นนักละคุณหมอหยาง มันมีอะไรที่ผมจะต้องรู้มั้ย” ท่านนายพลเซี่ยจงถามขึ้นมา เขาคิดหลายตลบแล้ว เขาสังเกตว่าที่ดินที่เธอหมายตามักเป็นที่ที่รกร้าง ไม่มีใครต้องการและส่วนใหญ่จะเป็นที่ผืนใหญ่ทั้งนั้น มันมีอะไรเล็ดลอดสายตาเขาไปหรือเปล่านะท่านนายพลคิดสุดท้ายทนไม่ไหวจึงได้เอ่ยถามออกมาตรงๆ เขารู้ว่าหมอหยางเป็นคนที่ตรงไปตรงมาที่สุดคนหนึ่งที่เขาพบ เขาคิดว่าถ้าเธออยากไม่จะบอกเธอไม่จะบอก แต่ถ้าเธออยากบอกเธอจะบอกเอง แต่คราวนี้เขาอยากรู้จริงๆหยางชิงโม่ถอนหายใจ แล้วเหลือบตามองท่านนายพลเซี่ยจงนิดหน่อย เอาเถอะจะรวยคนเดียวมันก็กะไรอยู่นะ และยิ่งมีอีกหลายเหตุการณ์ใหญ่จะเกิดขึ้นถ้าเธอทำเงินได้อยู่คนเดียวอย่างไรท่านนายพลตาสับปะรดคนนี้ก็ต้องรู้อยู่ดี“ท่านนายพลจะเชื่อไหมคะถ้าฉันบอกว่าที่ดินเมืองเซินเจิ้น ในมณฑลกวางตุ้ง,เมืองจูไห่, เซี่ยเหมิน และซ่านโถว (ซัวเถา) จะมีมูลค่ามหาศาลในอีก 1 ปีข้างหน้า?เธอตั้งคำถามกลับใปให้เขา นายพลเซี่ยจงนิ่งคิดอยู่ชั่ว
บทที่ 52 เงิน 50 ล้านหยวน" 5 ล้านหยวนมันจะไปพออะไรละ เอาที่ผมไปก่อนสัก 50 ล้านหยวนมั้ย เงินกู้ปลอดดอกเบี้ยเลยนะ " นายพลเซี่ยจงเอ่ยขึ้นมา“เอาค่ะ” หยางชิงโม่เองก็ไม่เกรงใจกันเลย ในเมื่อท่านนายพลเซี่ยเสนอมาหยางชิงโมก็รับเอาไว้ทันทีเช่นกัน นายกเทศมนตรีที่ฟังการสนทนาอยู่ใกล้อ้าปากค้างเลยทีเดียว 50 ล้านหยวนเลยนะ มันให้ยืมกันง่ายๆ แบบนี้ได้ด้วยหรือ แต่ก็เอาเถอะมันไม่ใช่เรื่องของเขาสักหน่อย“ส่วนผมเอาแบบที่คุณหมอหยางสั่ง ที่ละ 30 ล้านแบ่งมาให้เท่าๆ กันทุกที่นะ” ท่านนายพลเซี่ยสั่งซื้อที่ดินเหมือนสั่งซื้อหมูเลย ให้แบ่งให้เท่ากันด้วย .“ได้ ได้ ครับท่าน เดียวพวกผมจะจัดการเรื่องเอกสารต่างให้เรียบร้อยแล้วจะส่งไปให้ท่านที่กรมพร้อมกับใบเรียกเก็บเงินนะครับ เพราะท่านซื้อที่ดินเยอะอาจจะต้องใช้เวลาในการที่จะจัดทำเอกสารและวัดพื้นที่ครับ” นายกเทศมนตรีรีบเข้ามาปิดดีลยักษ์นี้ทันทีเขาดีใจมากที่อยู่ๆ เมืองเสินเซิ้นก็ได้รับเงินก้อนใหญ่เช่นนี้ แบบนี้ก็สามารถพัฒนาพื้นที่ได้เยอะที่เดียวนะ โอยยย.... ปีนี้ตำแหน่งของเขาต้องขึ้นอีกแน่นอนแถมยังจะได้หน้าได้ตาอีกที่สามารถขายที่ดินได้เยอะขนาดนี้ในคราวเดียว (หนึ่งปีหล
บทที่ 53 เสียสละตำแหน่งงานร้านหมูพะโล้สูตรวังหลวงเปิดมาได้เกือบหนึ่งเดือนแล้ว ถนนหน้าร้านยังคง คลาคล่ำไปด้วยผู้คนที่มาต่อคิวซื้อหมูพะโล้แสนอร่อยอยู่ เฉินม่านหลินเดินออกมาดูคิวของร้านเธอที่ต่อยาวเหยียดอยู่บางคนมาเร็วหน่อยก็ได้นั่งเก้าอี้อีกส่วนคนที่ยังไม่ถึงคิวก็ยืนรอต่อไป ไม่มีใครบ่นเลยเพราะความอร่อยของหมูพะโล้ร้านนี้นั้นคุ้มค่าที่จะต่อคิวจริงๆวันนี้เธอได้บอกพี่สะใภ้รองว่าจะกลับบ้านสักพักเพราะมีคนที่หมู่บ้านเธอมาซื้อหมูพะโล้และเห็นเธอทำงานที่นี่ก็เข้ามาทักทายกัน 2 วันต่อมาก็มีคนมาบอกเธอว่าแม่ของเธอไม่สบายอยากให้เธอไปเยี่ยมที่บ้านเฉินม่านหลินมีความรู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่แต่อย่างไรก็ตามเธอก็ได้บอกกับพี่สะใภ้รองแล้ว และพี่สะใภ้รองก็อาสาที่จะขับรถไปส่งเธอที่บ้านพร้อมกับเจ้าหนูหรงหรง เธอไม่ได้ให้สามีของเธอไปด้วยเพราะจะไม่มีคนดูแลร้าน เมื่อจัดของเสร็จเรียบร้อยพี่สะใภ้รองก็มาถึงพอดีเธอก้าวขึ้นรถและหยางชิงโม่ก็ขับออกไปทันทีสีหน้าที่มีแต่ความกังวลใจของน้องสะใภ้สามก็หาได้รอดสายตาของชิงโม่ไม่ หมู่บ้านของเธอห่างจากหมู่บ้านหลี่ฮวาประมาณ 50 กิโลเมตร ถ้าสมัยก่อนที่ไม่มีรถขับก็ต้องใช้เวลาเกือบทั้
บทที่ 54 วันขึ้นบ้านใหม่เมื่อหยางชิงโม่เปิดประตูรถฝั่งคนขับแล้วหันไปมอง 2 แม่ลูกที่ตอนนี้เจ้าหนูหรง ยังคงร้องไห้สะอึกสะอื่นอยู่คงจะตกใจและเจ็บก้นด้วย หยางชิงโม่หยิบยานวดแล้วส่งให้น้องสะใภ้สาม“ทายาให้ลูกเถอะ เจ้าหนูหรงคนเก่งของป้าคงจะเจ็บก้นมากแล้ว” เธอพูดแล้วหันไปลูบศีรษะเด็กน้อยเจ้าหนูหรงหรงจงค่อยๆ หยุดร้องไห้ เธอชอบคุณป้าชิงโม่มาก เพราะทุกครั้งที่มาบ้านคุณป้าจะเธอจะต้องได้กินอาหาร ขนม นม จนพุงป่องกลับบ้านทุกครั้ง แถมยังมีติดไม้ติดมือไปฝากคุณพ่อคุณแม่ของเธอประจำด้วย“ขอบคุณพี่สะใภ้รองมากค่ะ วันนี้ครอบครัวของฉันทำเรื่องน่าอายให้พี่สะใภ้รองเห็นแล้ว” เธอพูดขึ้นมาเสียงเบาหยางชิงโม่เหลือบตาดูเฉินม่านหลิน แล้วสตาร์ทรถค่อยๆ ขับออกไป เมื่อขับรถออกมานอกหมู่บ้านหยางชิงโม่กล่าวขึ้นเสียงเข้มว่า“ทุกครอบครัวต่างก็มีเรื่องน่าอับอายทั้งนั้น แต่ตอนนี้พี่อยากให้น้องสะใภ้สาม จำเอาไว้ว่าครอบครัวของน้องสะใภ้สามคือ ตระกูลเฉินเธอไม่ได้อยู่คนเดียว เธอมีพวกเราอยู่ข้างๆ เสมอน้องสะใภ้ไม่ต้องคิดมาก” เธอพูดแล้วหันไปขับรถกลับไปที่ร้านทันทีเมื่อมาถึงร้านเจ้าหนูหรงหลับไปแล้วเธอจึงได้อุ้มกลับบ้านไปกับเธอด้วยโด
บทที่ 55 สถานการณ์จับตัวประกันผ่านวันที่หยางชิงโม่เข้าติดยศทางทหารมาแล้ว 3 เดือนตอนนี้เธอกำลังจะเริ่มขนย้ายครอบครัวเพื่อเข้าไปอยู่ที่ปักกิ่ง ที่ไปล่าช้าเพราะคุณแม่สามีเป็นห่วงพี่สะใภ้ใหญ่ที่ตอนนี้ท้องโตมาก ใกล้จะคลอดเต็มที เดิมคุณแม่สามีอยากจะอยู่ดูแลจนกว่าสะใภ้ใหญ่จะคลอดแต่หยางชิงโม่มีความจำเป็นที่จะต้องเข้ากรมค่อนข้างบ่อย ไม่เหมือนที่นายพลเซี่ยจงบอกเอาไว้แต่แรกเลยว่า นานๆ ครั้งถึงจะเข้าไปก็ได้ เธอรู้สึกเหมือนถูกหลอกอย่างไรอย่างนั้น ดังนั้นหลังจากที่เธอเข้ากรมเป็นครั้งที่ 5 ภายใน 1 สัปดาห์ เป็นสัปดาห์ที่ 5 ติดกัน ดังนั้นวันนี้หยางชิงโม่จึงขอเข้าพบท่านนายพลเซี่ย เธอเดินมาที่แผนกของท่านนายพลเซี่ยจง"ขออนุญาตค่ะ ท่านนายพลเซี่ย!" เธอเปิดประตูพรวดพราดเข้าไปอย่างไม่รีรอหมอหยางชิงโม่ก้าวเข้ามาในห้องทำงาน ท่าทางมาดมั่นว่าวันนี้ต้องเคลียร์กับท่านนายพลให้จงได้ "ท่านนายพลคะ ดิฉันมีเรื่องสำคัญมาคุย" นายพลเซี่ยจงเงยหน้ามองหมอหยางด้วยสายตาสายตานิ่งเฉย…เฉยมากๆ จนผิดปกติก็ว่าได้ ก่อนจะกระแอมให้ลำคอโล่งและเอ่ยว่า " ว่า..ว่ามา หมอหยาง มีอะไรอีก?"หยางชิงโม่ยิ้มกว้างแบบที่ใครเห็นก็ต้องระแวง "ดิฉันขอ
บทที่ 56 เด็กไม่หายใจแล้วเมื่อสถานการณ์ที่ห้างเจียหลินคลี่คลาย ทีมแพทย์ของหยางชิงโม่ก็รีบกลับมาที่โรงพยาบาลทหารทันที เพราะมีผู้บาดเจ็บ และ บาดเจ็บสาหัสหลายคน ดังนี้พวกเขาต้องการหมอผ่าตัดอย่างเร่งด่วน หยางชิงโม่รีบเปลี่ยนชุดและทำความสะอาดร่างกายก่อนจะใส่ชุดผ่าตัดแล้วรีบวิ่งไปที่ห้องผ่าตัดที่เธอรับผิดชอบทันที เคสของเธอเป็นคนไข้ที่หนักที่สุดภายในห้องผ่าตัดคุณหมออวิ่นไป่ยืนรออยู่แล้ว เขาอาสาเข้ามาเป็นผู้ช่วยแพทย์ของคุณหมอหยางในวันนี้ อย่างไรก็ตามเขาต้องทำให้คุณหมอหยางใจอ่อนยอมรับเขาเป็นลูกศิษย์ให้ได้แสงไฟสีขาวจ้าสาดส่องลงมาบนร่างเล็ก ๆ ของเด็กชายวัย 8 ขวบ ที่นอนนิ่งอยู่บนเตียงผ่าตัด เสียงเครื่องวัดสัญญาณชีพดังรัวเร็วเป็นจังหวะ หัวใจของเด็กเต้นช้าลงทุกวินาที แพทย์และพยาบาลในห้องต่างตึงเครียด เหงื่อไหลอาบใบหน้าเสียงฝีเท้าหนักๆ ของหมอหยางชิงโม่ ดังก้องไปทั่วห้องผ่าตัด บรรยากาศเต็มไปด้วยความตึงเครียด ไฟสว่างจ้าวจนแสบตา ทีมแพทย์และพยาบาลต่างเตรียมพร้อมสำหรับการผ่าตัดหมอหยางเดินตรงไปที่เตียงทัน “เด็กเป็นอย่างไรบ้าง?”พยาบาลสีหน้าตึงเครียด “เด็กถูกยิงเข้าที่หน้าท้อง เสียเลือดมาก ชีพจรเริ่ม
บทที่ 75 น้องสาว“เรื่องราวทั้งหมดก็เป็นแบบนี้ละค่ะท่านนายพล”หยางชิงเย่วเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ท่านนายพลเย่เฉินฟัง รวมถึงเหตุผลที่เธอต้องปลอมตัวเป็นเด็กผู้ชายเพื่อความปลอดภัย นายพลเย่เฉินมองเธอด้วยความทึ่ง คิดในใจว่าเด็กคนนี้ช่างฉลาดเฉลียวเหมือนใครคนนั้นเลย“แล้วพี่สาวของเสี่ยวเย่วชื่ออะไรที่ตามหาอยู่” ท่านนายพลหันไปมองภรรยาที่รักของตนเอง ก่อนจะมองหน้าเจ้าเด็กน้อยหยางชิงเย่ว และตั้งคำถามพร้อมกับคาดเดาคำตอบในใจ“พี่สาวชื่อหยางชิงโม่ค่ะ พี่สาวถูกส่งตัวไปใช้แรงงานแทนลูกชายของคุณลุง ตอนนั้นพี่สาวไม่อยากไป แต่คุณลุงคุณป้าบอกว่าเพื่อตอบแทนบุญคุณที่พวกเขาเลี้ยงดูพวกเรา พวกเขาบอกกับพี่สาวของฉันว่าจะดูแลฉันเป็นอย่างดี และจะส่งฉันเรียนหนังสือถ้าพี่สาวไปแทนลูกชายคุณลุง” หยางชิงเย่วเอ่ยขึ้น น้ำเสียงสั่นเครือด้วยความเศร้า“แต่พอพี่สาวถูกส่งตัวไปไม่นาน พวกเขาก็ให้ฉันออกจากโรงเรียน บอกว่าผู้หญิงไม่ต้องเรียนหนังสือเยอะก็ได้” เสียงของเธอแผ่วเบาลง และแล้วน้ำตาเม็ดโตก็ไหลลงมา“ฮือฮือฮือ!!!...ฉันเพียงอยากจะเจอพี่สาวของฉันอีกครั้งเท่านั้นเอง ใครจะรู้ว่าพวกเขาถึงกับขายฉันให้กับแก๊งค้ามนุษย์” เธอร้องไห้
บทที่ 74 หยางชิงเย่วท้องฟ้ายามเช้าสาดแสงสีส้มอ่อนลงบนเมืองหลวงปักกิ่ง ท่ามกลางความวุ่นวายของผู้คน เด็กน้อยร่างผอมบางคนหนึ่งนอนขดตัวอยู่ใต้สะพานลอย ‘เขา’ สกปรกมอมแมม เสื้อผ้าขาดรุ่งริ่ง ใบหน้าเต็มไปด้วยคราบดินและคราบน้ำตาหยางชินเย่วหนีออกมาจากแก๊งค้ามนุษย์ที่ ‘เขา’ ถูกลุงและป้าของ‘เขา’แอบขายเขาให้พวกมันโดยบอกเขาว่าคนกลุ่มนั้นจะพา 'เขา' ไปพบกับพี่สาวของ ‘เขา’ ถ้ามากับพวกเขา เขาต้องการที่จะตามหาพี่สาวมานานแล้วด้วยความไว้ใจลุงและป้าจึงได้ตามคนกลุ่มนี้มาแต่ที่ ‘เขา’ ผิดสังเกตก็คือ มีเด็กมากมายที่พวกเขาพามาด้วยบางคนถูกตีบางคนถูกมัดก็มี ทำให้เด็กน้อยแอบฟังเวลาที่พวกเขาคุยกันและรู้ว่านี้เป็นแก๊งที่จับคนมาขายไม่ใช่คนที่จะพาไปหาพี่สาว เด็กน้อยหวาดกลัวมาก แต่ก็ไม่ได้ทำอะไรเป็นที่สังเกตจนกระทั่งพวกเขาพามาถึงเมืองปักกิ่งเมื่อได้โอกาสเธอจึงได้หลบหนีออกมาเด็กน้อยเร่รอนอยู่หลายวันและพยายามหางานทำ และในที่สุดก็ได้งานเป็นเด็กเสิร์ฟในร้านอาหารที่ขายเป็ดปักกิ่ง แต่ทำงานได้ 3 วันก็ต้องถูกไล่ออกเพราะมีอันธพาลมาหาเรื่องที่ร้าน ถึงแม้จะมีคนมาช่วย แต่เถ้าแก่ก็ไม่พอใจ ‘เขา’ และหลังจากนั้น 2 วันก็ไล่เขาออกมา
บทที่ 73 อันดับที่หนึ่งมหาวิทยาลัยปักกิ่ง / พอร์ช 911ท้องฟ้าสีครามสดใส อากาศเย็นสบาย แสงแดดยามเช้าสาดส่องผ่านหน้าต่างห้องนอน สะท้อนให้เห็นรอยยิ้มอันเปี่ยมสุขบนใบหน้าของเซี่ยชิงโม่ เธอรู้สึกตื่นเต้นและดีใจอย่างบอกไม่ถูก เมื่อสองเดือนก่อน เธอและหวังตงได้พาครอบครัวไปท่องเที่ยวที่ยุโรป เป็นการท่องเที่ยวที่เต็มไปด้วยความประทับใจแต่สิ่งที่ทำให้เธอประทับใจที่สุด ไม่ใช่สถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงาม แต่เป็นของขวัญล้ำค่าที่เธอได้รับมาตอนนี้ต่างหากเธอตั้งครรภ์แล้ว เธอรู้ข่าวดีนี้หลังจากกลับจากทริปทันทีที่เธอทดสอบการตั้งครรภ์ สองขีดสีแดงปรากฏขึ้นบนแท่งทดสอบ โลกทั้งใบของเธอก็เหมือนหยุดหมุนเธอรู้สึกเหมือนฝันไป เธอไม่เคยคิดมาก่อนว่าตัวเองจะมีลูก แต่เธอก็รู้สึกดีใจเธอดีใจที่เธอจะได้เป็นแม่ เธอดีใจที่เธอจะได้สร้างครอบครัวที่สมบูรณ์แบบกับเฉินหวังตงเธอรีบโทรไปบอกเฉินหวังตง เขาดีใจไม่แพ้เธอ เช้าวันนี้เซี่ยชิงโม่ตื่นนอนด้วยความสดชื่นเธอรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงภายในร่างกายเธอรู้สึกถึงชีวิตน้อยๆ ที่กำลังเติบโตขึ้นภายในท้องของเธอยิ้มเธอรู้ว่า ชีวิตของเธอจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแต่มันจะเป็นชีวิตที่เต็มไปด้วยคว
บทที่ 72 ฮันนีมูนทริปผ่านเรื่องราวที่หนักหนาสาหัสมาหลายเดือน ตอนนี้เข้าสู่หน้าหนาวของปี 1985 อย่างเป็นทางการแล้ว หิมะสีขาวโพลนปกคลุมไปทั่วทุกพื้นที่ เปรียบเสมือนผืนผ้าปูสีขาวบริสุทธิ์ที่ทอดยาวสุดลูกหูลูกตา ท้องฟ้าสีครามสดใสตัดกับสีขาวของหิมะ แสงแดดอ่อนๆ สาดส่องลงมา สะท้อนกับเกล็ดหิมะเป็นประกายระยิบระยับ ดอกไม้ในสวนเบ่งบานสวยงาม แม้จะอยู่ในฤดูหนาว ดอกไม้บางชนิดก็ยังคงยืนหยัด ชูช่อท้าทายความหนาวเย็น ดอกไม้เหล่านี้ เปรียบเสมือนสัญลักษณ์ของความหวัง แสดงให้เห็นว่า แม้จะอยู่ในช่วงเวลาที่ยากลำบาก ก็ยังมีความสวยงามและความหวังอยู่เสมอเชี่ยชิงโม่ ยืนมองทิวทัศน์อันงดงามตรงหน้า เธอสูดหายใจลึกๆ8 ปีแล้วที่เธอมายังยุคอดีตนี้ ทุกอย่างในชีวิตของเธอตอนนี้ถือว่าเข้าที่เข้าทางมากเธอก็มีสามีที่รักและมีลูกที่น่ารักถึง 3 คน ครอบครัวของเธอดูเหมือนจะครบสมบูรณ์แบบแล้วแต่ว่า...ยังมีบางสิ่งบางอย่างที่ขาดหายไป อากาศเย็นจับใจ ทว่ากลับทำให้หัวใจของเซี่ยชิงโม่อบอุ่นอย่างประหลาด หลังจากผ่านพายุชีวิตมาหลายเดือน เธอรู้สึกว่าถึงเวลาแล้วที่ครอบครัวของเธอจะได้มีช่วงเวลาแห่งความสุขและความทรงจำที่งดงามร่วมกันเธอเดินฝ่าหิ
บทที่ 71 คอร์รัปชั่น / ประหารชีวิต1 เดือนต่อมา เฉินหวังตงเดินเข้าไปหาภรรยาของเขาที่กำลังตรวจเอกสารเกี่ยวกับการสั่งซื้อสินค้าอยู่“ชิงโม่ ผมมีเรื่องอยากจะถามทำไมเหตุการณ์เขื่อนแตกครั้งนี้ทำไมคุณถึงไม่ได้เตือนผมให้เตรียมตัวเหมือนครั้งที่น้ำท่วมใหญ่ละครับ” เฉินหวังตงถามเซี่ยชิงโม่ขึ้นมาเซี่ยชิงโม่วางเอกสารในมือลง แล้วถอนหายใจ เธอก็รู้สึกสงสารและเสียใจที่เกิดเหตุการณ์“ฉันก็ไม่แน่ใจเพราะเหตุใดฉันจึงได้ไม่เห็นเหตุการณ์นี้เหมือนกันค่ะ”“เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้หมู่บ้านเสียหายไปกว่า 20 หมู่บ้าน สูญเสียชีวิตกว่า 300 คน สูญหายอีก 200 คน มูลค่าความเสียหายยากเกินกว่าที่จะประเมิน ผมเสียใจกับเหตุการณ์ครั้ง ถ้าหากว่าผมรู้....."เซี่ยชิงโม่ยื่นมือไปจับมือของเขาแน่น เธอก็อยากช่วยแต่ครั้งนี้เธอไม่รู้จริงๆ ว่าเพราะอะไรถึงไม่มีใน ‘โพย’ ใบนั้นเฉินหวังตงได้รับมอบหมายให้เป็นหัวหน้าทีมสืบสวนเหตุการณ์เขื่อนแตกที่อำเภอสุยเซียงสุนซุยเย่วหมิงเจ้าหน้าที่ระดับ 9 ของกรมชลประทานได้ขอเข้าพบเข้านายพลเฉินหวังตงพร้อมมอบเอกสารการออกแบบเขื่อนหรือพิมพ์เขียวหรือเขื่อนหวังจิง ให้นายพลเฉินหวังตงเพื่อตรวจสอบความถูกต้องต่อไป
บทที่ 70 เขื่อนแตกสายฝนเทกระหน่ำลงมาอย่างไม่หยุดหย่อน ราวกับฟ้ากำลังร้องไห้คร่ำครวญ ฟ้าร้องคำรามกึกก้อง สั่นสะเทือนไปทั่ว ท้องฟ้ามืดครึ้มเมฆดำทะมึนลอยลงมาต่ำ มองไม่เห็นแสงแดด แม้จะเป็นเวลากลางวันฝนเทลงมาเป็นเวลา 3 วัน 3 คืน น้ำท่วมสูงขึ้นทุกชั่วโมง ผู้คนต่างหวาดกลัว เขื่อนหวังจิงสูงทมึนตั้งสูงตะหง่าน ที่กั้นระหว่างหมู่บ้านหวังจิง กับแม่น้ำสุ่ยเซียง ไม่สามารถต้านทานแรงกดดันจากน้ำจำนวนมหาศาลได้อีกต่อไป เขื่อนเริ่มแตกร้าว น้ำไหลซึมออกมาผู้คนในหมู่ย้านหวังจิงต่างตกตลึงเด็กน้อยอาหลิว ยืนมองเขื่อนหวังจิงด้วยความหวาดกลัวเขาจำได้ว่า พ่อของเขาเคยเล่าให้ฟังว่าเขื่อนนี้สร้างขึ้นเพื่อปกป้องหมู่บ้านจากน้ำท่วม แต่ตอนนี้เขื่อนกำลังจะพังทลายอาหลิวคิดถึงพ่อของเขา พ่อของเขาเป็นคนที่สร้างเขื่อน พ่อของเขาบอกเขาเสมอว่า เขื่อนนี้จะแข็งแรงมากถ้าเป็นไปตามแบบ ไม่มีทางพังทลายได้ แต่ตอนนี้อาหลิวเริ่มสงสัยว่าเขื่อนแตกได้อย่างไร น้ำไหลแรงขึ้นเรื่อยๆ อาหลิวเห็นผู้คนพากันหนีตาย เขารู้ว่าเขาต้องหนีด้วย แต่เขาไม่อยากหนี เขาอยากอยู่กับพ่อของเขาอาหลิววิ่งไปที่บ้านของเขา เขาเห็นพ่อของเขากำลังเก็บของ เขาถามพ่อว่า "
บทที่ 69 วันเปิดโรงงานผลิตสบู่ชิงโม่สวรรค์แห่งกลิ่นหอมเสียงเครื่องจักรคำรามสะท้อนก้องไปทั่วโรงงาน บ่งบอกถึงการเริ่มต้นของภารกิจอันยิ่งใหญ่เหล่าคนงานอดีตนักเลงจากแก๊งมังกรดำ แต่งกายในชุดยูนิฟอร์มสีขาว สะอาดตาบัตรพนักงานประดับบนหน้าอก เป็นสัญลักษณ์ของการเริ่มต้นใหม่ใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความตั้งใจแววตามุ่งมั่นมือไม้ขยับคล่องแคล่วร่วมแรงร่วมใจปฏิบัติหน้าที่อย่างมีประสิทธิภาพสายพานลำเลียง เคลื่อนที่อย่างต่อเนื่องก้อนสบู่หลากสีสันเรียงรายเป็นแถวยาว ผ่านขั้นตอนการผลิตอย่างพิถีพิถัน ผ่านการตรวจสอบอย่างเข้มงวด ก่อนที่จะถูกบรรจุลงกล่องอย่างสวยงาม กล่องบรรจุนั้นชิงโม่ได้นำแบบที่ทันสมัยมากับเธอด้วยหลายแบบ เพราะตอนนี้ทางโรงงานของเธอได้ผลิตสบู่ออกมา 5 กลิ่นด้วยกัน เธอเรียกมันว่า 5 กลิ่นหอมมนต์เสน่ห์ จากสบู่ชิงโม่1. กลิ่นน้ำหอมฝรั่งเศส: สัมผัสความหรูหรา สง่างาม ดั่งหญิงสาวชั้นสูง กลิ่นหอมละมุน อบอวลไปด้วยความเย้ายวน ชวนให้หลงใหล2. กลิ่นกุหลาบแดง:โรแมนติก เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ ดั่งรักแท้ที่มั่นคง กลิ่นหอมหวาน อบอวลไปด้วยความรัก3. กลิ่นกุหลาบขาว:บริสุทธิ์ อ่อนหวาน ดั่งหญิงสาวผู้เปี่ยมไปด้วยความ
บทที่ 68 กุหลาบสีแดงบรรยากาศยามค่ำคืน ช่างโรแมนติกท้องฟ้าประดับประดาด้วยดวงดาวระยิบระยับ เฉินหวังตง จับมือชิงโม่ กุมไว้แน่นสายตาของเขาจับจ้องไปที่ดวงตาของเธอ ดวงตาที่เปล่งประกายฉายแววความอบอุ่นและความรัก พวกเขาออกมาเดินเล่นที่สวนหลังจากส่งเด็กๆ เข้านอนแล้ว วันนี้หัวใจของทั้งสองคนฟูฟ่องขึ้นมามากมาย"ชิงโม่" เขาเอ่ยชื่อเธอด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล "ผมมีความสุขมากที่มีคุณอยู่เคียงข้างผม"เฉินหวังตง ดึงเธอเข้ามาโอบกอด ร่างกายของเธออบอุ่นและอ่อนโยน เขาสูดหายใจลึกๆ กลิ่นหอมของเธอช่างหอมหวาน เขาอยากจะกอดเธอไว้แบบนี้ตลอดไป" ชิงโม่ " เขาเอ่ยต่อ "ข้าอยากจะเริ่มต้นความสัมพันธ์แบบจริงจังกับคุณอยากจะดูแล ปกป้องอยากจะอยู่เคียงข้างคุณ ตลอดไป"ดวงตาของเธอฉายแววความคิด “ฉันก็อยากเช่นกัน" เธอเอ่ย "อยากจะอยู่เคียงข้างคุณตลอดไป"เฉินหวังตงโน้มตัวไปข้างหน้า ประทับจูบลงบนริมฝีปากของเธออย่างแผ่วเบา มันเป็นจูบที่เต็มไปด้วยความรัก ความปรารถนา และความหวังในที่สุด เขาก็ได้บอกรักเธอแล้ว และเธอก็ตอบรับความรักของเขาพวกเขากอดกันแน่น หัวใจของพวกเขาเต้นเป็นจังหวะเดียวกัน พวกเขารู้ว่าพวกเขาถูกกำหนดให้คู่กันอนาคตจะเป็นอ
บทที่ 67 หึงหวงการก่อสร้างโรงงานเป็นไปด้วยดี กำหนดเสร็จสิ้นสามารถที่จะเปิดโรงงานได้คือช่วงเดือน 11 ของปีนี้ซึ่งเซี่ยชิงโม่ต้องการเปิดโรงงานในช่วงนั้นพอดี เพราะอีก1 เดือนก็จะเป็นวันสินปี สินค้าของเธอถ้าออกสู่ตลาดช่วงนั้นจะต้องขายดีมากแน่ๆระหว่างนี้เธอต้องติดต่อกับเจียงไห่บ่อยมากเพราะเขาคือคนที่จะประสานงานกับลูกน้องในแก๊งมังกรดำและกับโรงงาน บ่อยครั้งที่เขาจะมาที่เรือนสี่ประสานและนั่งประชุมกับเซี่ยชิงโม่เป็นเวลานานนายพลเฉินหวังตงยืนนิ่งอยู่หน้าต่าง มองออกไปยังทิวทัศน์ของเมืองหลวงยามค่ำคืน แสงไฟจากตึกรามบ้านช่องระยิบระยับ ทว่ากลับไม่สามารถส่องสว่างความมืดมนในใจของเขาได้เขาเพิ่งออกมาจากห้องประชุมที่เซี่ยชิงโม่ ภรรยาของเขา กำลังวางแผนงานสำคัญกับเหล่าสมาชิกแก๊งมังกรดำ เขาแอบมองเธออยู่ครู่หนึ่ง รู้สึกถึงความตั้งใจจริงและความมุ่งมั่นในแววตาของเธอ แต่ก็รู้สึกถึงความห่างไกลระหว่างพวกเขาเซี่ยชิงโม่ไม่ค่อยมีเวลาให้เขาเท่าแต่ก่อน เธอทุ่มเทเวลาและพลังงานทั้งหมดให้กับแก๊งมังกรดำ เขารู้ดีว่าเธอมีภาระหน้าที่อันยิ่งใหญ่ แต่เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกน้อยใจเขาเป็นสามีของเธอ เขาควรจะเป็นคนที่เธอปรึกษาห