บทที่ 48 ได้ใบอนุญาติประกอบวิชาชีพทางการแพทย์และรับลูกศิษย์มา 3 คน" พอดีฉันมีเรื่องอยากจะรบกวนท่านนายพลค่ะ" หยางชิงโม่พูดเข้าประเด็นทันที" ฉันอยากได้ใบอนุญาติประกอบวิชาชีพ สำหรับการเป็นแพทย์ของที่นี่ค่ะ" หยางชิงโม่กล่าวขึ้นมาเธอคือแพทย์อัฉจริยะที่มาจากศตวรรษที่ 21 เธอมีวิชาความรู้ล้ำสมัยที่เหนือกว่าแพทย์ในยุคนี้อย่างมาก เธอทรมานใจที่เห็นผู้คนล้มป่วยตายลงด้วยโรคที่เธอสามารถรักษาได้เพราะเธออุปกรณ์และเทคโนโลยีที่ครบครัน แต่เธอทำได้เพียงช่วยเหลือญาติพี่น้องหรือคนรู้จักที่เจ็บป่วยเท่านั้น เพราะเธอไม่มีใบประกอบวิชาชีพแพทย์ในยุคนี้ใบอนุญาติประกอบวิชาชีพทางการแพทย์เปรียบเสมือนกุญแจสำคัญที่เปิดประตูสู่โลกแห่งการแพทย์ ใบนี้เป็นสิ่งที่บ่งบอกถึงความรู้ความสามารถและความน่าเชื่อถือของแพทย์ หยางชิงโม่ไม่มีใบอนุญาตินี้ เธอจึงไม่สามารถประกอบอาชีพแพทย์ได้อย่างถูกต้อง แม้เธอจะตั้งเป้าหมายไว้ว่าจะมาเป็นเศรษฐีในยุค80 นี้ แต่เธอก็อดไม่ได้ที่จะอยากใช้วิชาชีพของตนเองช่วยชีวิตผู้อื่นและการเป็นหมอก็ต้องมีเอกสารที่จะรองรับความรู้ความสามารถไม่ว่ายุคสมัยไหนเอกสารพวกนี้ก็มีความสำคัญมาก แต่เธอไม่ได้เรียนในยุคน
บทที่ 49 ผ่าตัดใส่ขาเทียมนายพลเย่เฉินเสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหว เย่เฉิน นายพลหนุ่มผู้เก่งกล้าหาญ ล้มลงบนพื้นขาซ้ายของเขาแหลกละเอียด เลือดไหลอาบพื้น เขารู้สึกเหมือนโลกทั้งใบพังทลายลงต่อหน้าต่อตา ความเจ็บปวดแสนสาหัสบวกกับความสิ้นหวัง กัดกินจิตใจของเขา เขาไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อไป"แกทำอย่างนี้ได้อย่างไร ถังซาน!" เฉินหวังตง หนึ่งในลูกทีมของเขาตะโกนถามถังซานคนทรยศที่พาเพื่อนเข้ามาในวงล้อมของแก๊งค้ามนุษย์เซียวจ้านเพื่อที่จะฆ่าพวกเขาทุกคน"หึหึหึ" ถังซานหัวเราะเสียงเย็น "ฉันไม่มีความจำเป็นต้องอธิบายอะไรกับพวกแก ชีวิตแลกชีวิต ครอบครัวของฉันสูญเสียไปหมดเพราะพวกแก พวกแกยังคาดหวังให้ฉันทุ่มเทเสี่ยงชีวิตให้อีกเหรอ แก๊งเซียวจ้านช่วยชีวิตฉันไว้ ดังนั้นฉันคือคนของเขา ฉันทำงานให้แก๊งเซียวจ่านเท่านั้น ที่ผ่านมาฉันอดทนมากเกินไปแล้ว” ถังซานพูดขึ้นมา ตอนนี้สติเย่เฉินกำลังจะหลุดลอยแล้ว เขาเจ็บปวดบาดแผลมาก ยิ่งกว่านั้นคือความโกรธที่พวกเขาตกหลุมพลางของแก๊งค้ามนุษย์เซียวจ้าน"ถังซาน แกมันเลว!" เฉินหวังตงตะโกนคำพูดสุดท้ายด้วยความโกรธแค้นถังซานไม่พูดอะไร เขาเพียงแค่ยักไหล่เล็งปืนมาเขา ขณะที่ถังซานกำลังจะเห
บทที่50 เรือนสี่ประสานหลังจากชิงโม่ผ่าตัดใส่ขาเทียมเหล็กให้กับนายพลเย่เฉินเสร็จเรียบร้อยแล้วเธอก็กลับมาที่เรือนสี่ประสานที่ท่านนายพลเซี่ยจงมอบให้เธอเป็นค่าตอบแทนที่เธอรักษาลูกสาวของเขาทันทีที่มาถึงเธอก็เอาของตกแต่งบ้านออกมาจัดการตกแต่งตามที่เธอชอบทันทีเรือนสี่ประสานหรือ “ซื่อเหอย่วน” ที่หยางชิงโม่ได้รับมอบจากท่านนายพลเซี่ยจงนั้น ตั้งตระหง่านอยู่ใจกลางเมือง พื้นที่โดยรอบเงียบสงบ ร่มรื่นไปด้วยต้นไม้ใหญ่และดอกไม้นานาพันธุ์ กำแพงสูงสีขาวโพลนล้อมรอบตัวบ้าน มองดูสง่างามและน่าเกรงขาม ประตูไม้แกะสลักลวดลายวิจิตรประณีตเป็นทางเข้าหลัก บานประตูใหญ่เปิดออกเผยให้เห็นลานกว้างที่ปูด้วยหินอ่อน ตรงกลางลานมีน้ำพุหินอ่อนรูปปลาคาร์ฟพ่นน้ำอย่างสง่างามตัวบ้านมีสองชั้น โครงสร้างเป็นไม้ หลังคามุงกระเบื้องสีเทาเข้ม สถาปัตยกรรมผสมผสานความคลาสสิกแบบจีนเข้ากับความทันสมัยแบบตะวันตกได้อย่างลงตัว หน้าต่างบ้านเป็นแบบบานเกล็ดสีขาว ข้างหน้าต่างมีกระถางต้นไม้ประดับเรียงรายภายในบ้านแบ่งออกเป็นห้องต่างๆ มากมาย แต่ละห้องตกแต่งอย่างสวยงามด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้โบราณ ผ้าไหมชั้นดี และแจกันโบราณ สะท้อนให้เห็นถึงรสนิยมอันสูงส่
บทที่ 51 ซื้อที่ดินหยางชิงโม่ นายพลเซี่ยจง น้องสี่ น้องห้า กำลังนั่งในรถมุ่งหน้าไปเซินเจิ้น ซึ่งน้องสี่ น้องห้านั้นได้หลับไปเรียบแล้ว“ทำไมถึงอยากจะได้ที่ดินแถวนั้นนักละคุณหมอหยาง มันมีอะไรที่ผมจะต้องรู้มั้ย” ท่านนายพลเซี่ยจงถามขึ้นมา เขาคิดหลายตลบแล้ว เขาสังเกตว่าที่ดินที่เธอหมายตามักเป็นที่ที่รกร้าง ไม่มีใครต้องการและส่วนใหญ่จะเป็นที่ผืนใหญ่ทั้งนั้น มันมีอะไรเล็ดลอดสายตาเขาไปหรือเปล่านะท่านนายพลคิดสุดท้ายทนไม่ไหวจึงได้เอ่ยถามออกมาตรงๆ เขารู้ว่าหมอหยางเป็นคนที่ตรงไปตรงมาที่สุดคนหนึ่งที่เขาพบ เขาคิดว่าถ้าเธออยากไม่จะบอกเธอไม่จะบอก แต่ถ้าเธออยากบอกเธอจะบอกเอง แต่คราวนี้เขาอยากรู้จริงๆหยางชิงโม่ถอนหายใจ แล้วเหลือบตามองท่านนายพลเซี่ยจงนิดหน่อย เอาเถอะจะรวยคนเดียวมันก็กะไรอยู่นะ และยิ่งมีอีกหลายเหตุการณ์ใหญ่จะเกิดขึ้นถ้าเธอทำเงินได้อยู่คนเดียวอย่างไรท่านนายพลตาสับปะรดคนนี้ก็ต้องรู้อยู่ดี“ท่านนายพลจะเชื่อไหมคะถ้าฉันบอกว่าที่ดินเมืองเซินเจิ้น ในมณฑลกวางตุ้ง,เมืองจูไห่, เซี่ยเหมิน และซ่านโถว (ซัวเถา) จะมีมูลค่ามหาศาลในอีก 1 ปีข้างหน้า?เธอตั้งคำถามกลับใปให้เขา นายพลเซี่ยจงนิ่งคิดอยู่ชั่ว
บทที่ 52 เงิน 50 ล้านหยวน" 5 ล้านหยวนมันจะไปพออะไรละ เอาที่ผมไปก่อนสัก 50 ล้านหยวนมั้ย เงินกู้ปลอดดอกเบี้ยเลยนะ " นายพลเซี่ยจงเอ่ยขึ้นมา“เอาค่ะ” หยางชิงโม่เองก็ไม่เกรงใจกันเลย ในเมื่อท่านนายพลเซี่ยเสนอมาหยางชิงโมก็รับเอาไว้ทันทีเช่นกัน นายกเทศมนตรีที่ฟังการสนทนาอยู่ใกล้อ้าปากค้างเลยทีเดียว 50 ล้านหยวนเลยนะ มันให้ยืมกันง่ายๆ แบบนี้ได้ด้วยหรือ แต่ก็เอาเถอะมันไม่ใช่เรื่องของเขาสักหน่อย“ส่วนผมเอาแบบที่คุณหมอหยางสั่ง ที่ละ 30 ล้านแบ่งมาให้เท่าๆ กันทุกที่นะ” ท่านนายพลเซี่ยสั่งซื้อที่ดินเหมือนสั่งซื้อหมูเลย ให้แบ่งให้เท่ากันด้วย .“ได้ ได้ ครับท่าน เดียวพวกผมจะจัดการเรื่องเอกสารต่างให้เรียบร้อยแล้วจะส่งไปให้ท่านที่กรมพร้อมกับใบเรียกเก็บเงินนะครับ เพราะท่านซื้อที่ดินเยอะอาจจะต้องใช้เวลาในการที่จะจัดทำเอกสารและวัดพื้นที่ครับ” นายกเทศมนตรีรีบเข้ามาปิดดีลยักษ์นี้ทันทีเขาดีใจมากที่อยู่ๆ เมืองเสินเซิ้นก็ได้รับเงินก้อนใหญ่เช่นนี้ แบบนี้ก็สามารถพัฒนาพื้นที่ได้เยอะที่เดียวนะ โอยยย.... ปีนี้ตำแหน่งของเขาต้องขึ้นอีกแน่นอนแถมยังจะได้หน้าได้ตาอีกที่สามารถขายที่ดินได้เยอะขนาดนี้ในคราวเดียว (หนึ่งปีหล
บทที่ 53 เสียสละตำแหน่งงานร้านหมูพะโล้สูตรวังหลวงเปิดมาได้เกือบหนึ่งเดือนแล้ว ถนนหน้าร้านยังคง คลาคล่ำไปด้วยผู้คนที่มาต่อคิวซื้อหมูพะโล้แสนอร่อยอยู่ เฉินม่านหลินเดินออกมาดูคิวของร้านเธอที่ต่อยาวเหยียดอยู่บางคนมาเร็วหน่อยก็ได้นั่งเก้าอี้อีกส่วนคนที่ยังไม่ถึงคิวก็ยืนรอต่อไป ไม่มีใครบ่นเลยเพราะความอร่อยของหมูพะโล้ร้านนี้นั้นคุ้มค่าที่จะต่อคิวจริงๆวันนี้เธอได้บอกพี่สะใภ้รองว่าจะกลับบ้านสักพักเพราะมีคนที่หมู่บ้านเธอมาซื้อหมูพะโล้และเห็นเธอทำงานที่นี่ก็เข้ามาทักทายกัน 2 วันต่อมาก็มีคนมาบอกเธอว่าแม่ของเธอไม่สบายอยากให้เธอไปเยี่ยมที่บ้านเฉินม่านหลินมีความรู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่แต่อย่างไรก็ตามเธอก็ได้บอกกับพี่สะใภ้รองแล้ว และพี่สะใภ้รองก็อาสาที่จะขับรถไปส่งเธอที่บ้านพร้อมกับเจ้าหนูหรงหรง เธอไม่ได้ให้สามีของเธอไปด้วยเพราะจะไม่มีคนดูแลร้าน เมื่อจัดของเสร็จเรียบร้อยพี่สะใภ้รองก็มาถึงพอดีเธอก้าวขึ้นรถและหยางชิงโม่ก็ขับออกไปทันทีสีหน้าที่มีแต่ความกังวลใจของน้องสะใภ้สามก็หาได้รอดสายตาของชิงโม่ไม่ หมู่บ้านของเธอห่างจากหมู่บ้านหลี่ฮวาประมาณ 50 กิโลเมตร ถ้าสมัยก่อนที่ไม่มีรถขับก็ต้องใช้เวลาเกือบทั้
บทที่ 54 วันขึ้นบ้านใหม่เมื่อหยางชิงโม่เปิดประตูรถฝั่งคนขับแล้วหันไปมอง 2 แม่ลูกที่ตอนนี้เจ้าหนูหรง ยังคงร้องไห้สะอึกสะอื่นอยู่คงจะตกใจและเจ็บก้นด้วย หยางชิงโม่หยิบยานวดแล้วส่งให้น้องสะใภ้สาม“ทายาให้ลูกเถอะ เจ้าหนูหรงคนเก่งของป้าคงจะเจ็บก้นมากแล้ว” เธอพูดแล้วหันไปลูบศีรษะเด็กน้อยเจ้าหนูหรงหรงจงค่อยๆ หยุดร้องไห้ เธอชอบคุณป้าชิงโม่มาก เพราะทุกครั้งที่มาบ้านคุณป้าจะเธอจะต้องได้กินอาหาร ขนม นม จนพุงป่องกลับบ้านทุกครั้ง แถมยังมีติดไม้ติดมือไปฝากคุณพ่อคุณแม่ของเธอประจำด้วย“ขอบคุณพี่สะใภ้รองมากค่ะ วันนี้ครอบครัวของฉันทำเรื่องน่าอายให้พี่สะใภ้รองเห็นแล้ว” เธอพูดขึ้นมาเสียงเบาหยางชิงโม่เหลือบตาดูเฉินม่านหลิน แล้วสตาร์ทรถค่อยๆ ขับออกไป เมื่อขับรถออกมานอกหมู่บ้านหยางชิงโม่กล่าวขึ้นเสียงเข้มว่า“ทุกครอบครัวต่างก็มีเรื่องน่าอับอายทั้งนั้น แต่ตอนนี้พี่อยากให้น้องสะใภ้สาม จำเอาไว้ว่าครอบครัวของน้องสะใภ้สามคือ ตระกูลเฉินเธอไม่ได้อยู่คนเดียว เธอมีพวกเราอยู่ข้างๆ เสมอน้องสะใภ้ไม่ต้องคิดมาก” เธอพูดแล้วหันไปขับรถกลับไปที่ร้านทันทีเมื่อมาถึงร้านเจ้าหนูหรงหลับไปแล้วเธอจึงได้อุ้มกลับบ้านไปกับเธอด้วยโด
บทที่ 55 สถานการณ์จับตัวประกันผ่านวันที่หยางชิงโม่เข้าติดยศทางทหารมาแล้ว 3 เดือนตอนนี้เธอกำลังจะเริ่มขนย้ายครอบครัวเพื่อเข้าไปอยู่ที่ปักกิ่ง ที่ไปล่าช้าเพราะคุณแม่สามีเป็นห่วงพี่สะใภ้ใหญ่ที่ตอนนี้ท้องโตมาก ใกล้จะคลอดเต็มที เดิมคุณแม่สามีอยากจะอยู่ดูแลจนกว่าสะใภ้ใหญ่จะคลอดแต่หยางชิงโม่มีความจำเป็นที่จะต้องเข้ากรมค่อนข้างบ่อย ไม่เหมือนที่นายพลเซี่ยจงบอกเอาไว้แต่แรกเลยว่า นานๆ ครั้งถึงจะเข้าไปก็ได้ เธอรู้สึกเหมือนถูกหลอกอย่างไรอย่างนั้น ดังนั้นหลังจากที่เธอเข้ากรมเป็นครั้งที่ 5 ภายใน 1 สัปดาห์ เป็นสัปดาห์ที่ 5 ติดกัน ดังนั้นวันนี้หยางชิงโม่จึงขอเข้าพบท่านนายพลเซี่ย เธอเดินมาที่แผนกของท่านนายพลเซี่ยจง"ขออนุญาตค่ะ ท่านนายพลเซี่ย!" เธอเปิดประตูพรวดพราดเข้าไปอย่างไม่รีรอหมอหยางชิงโม่ก้าวเข้ามาในห้องทำงาน ท่าทางมาดมั่นว่าวันนี้ต้องเคลียร์กับท่านนายพลให้จงได้ "ท่านนายพลคะ ดิฉันมีเรื่องสำคัญมาคุย" นายพลเซี่ยจงเงยหน้ามองหมอหยางด้วยสายตาสายตานิ่งเฉย…เฉยมากๆ จนผิดปกติก็ว่าได้ ก่อนจะกระแอมให้ลำคอโล่งและเอ่ยว่า " ว่า..ว่ามา หมอหยาง มีอะไรอีก?"หยางชิงโม่ยิ้มกว้างแบบที่ใครเห็นก็ต้องระแวง "ดิฉันขอ
บทที่ 79 ลาออกจากกองทัพ ผ่านปีใหม่ 1988 มา 3 เดือนแล้วดูเหมือนชีวิตของเซี่ยชิงโม่จะดำเนินไปด้วยความสงบ แต่ในความเป็นจริงนั้นตอนนี้เธอกำลังเครียดเคร่งอยู่ เพราะในกระดาษโพยใบนั้นระบุว่าในปีหน้าจะเกิด เหตุการณ์การประท้วงที่จัตุรัสเทียนอันเหมิน ซึ่งจะเกิดขึ้นใน เดือนเมษายน ถึง มิถุนายน ของปี 1989 อีกหนึ่งปีข้างหน้า การประท้วงเริ่มต้นขึ้นในวันที่ 15 เมษายน 1989 โดยนักศึกษาและประชาชนเพื่อเรียกร้องประชาธิปไตย เสรีภาพ และต่อต้านการคอรัปชั่น การประท้วงดำเนินไปเป็นเวลานานกว่า 1 เดือน และมีผู้เข้าร่วมหลายแสนคนในวันที่ 4 มิถุนายน 1989 รัฐบาลจีนได้ส่งกองทัพเข้าปราบปรามผู้ประท้วง ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตหลายร้อยถึงหลายพันคน เหตุการณ์การประท้วงที่จัตุรัสเทียนอันเหมิน เป็นหนึ่งในเหตุการณ์สำคัญในประวัติศาสตร์จีน และยังคงเป็นประเด็นถกเถียงกันแม้แต่ในยุคก่อนที่เธอจะจากมาในการประท้วงครั้งนี้เธอไม่ต้องการให้สามีของเธอและพ่อบุญธรรมเข้าไปมีส่วนร่วมในการปราบปรามนักศึกษาเหล่านั้น แต่เธอก็รู้ว่าด้วยหน้าที่ของนายพลพวกเขาคงยากที่จะหลีกเลี่ยงไม่ปฏิบัติตามคำสั่งได้ เธอกำลังเครียดหาทางว่าจะทำอย่างไร เธอมีเวลาเพียง
บทที่ 78 แก๊งบอยแบนด์ขอคำปรึกษา“อะไรนะอาแป๊ะเฟิงมาปักกิ่ง และมาขอเข้าพบฉันหรือคะ” เซี่ยชิงโม่ที่เพิ่งจะให้นมเจ้าสองแฝดน้อยเสร็จ ถามขึ้นมาเมื่อคุณแม่เฉินเดินเข้ามาบอกเธอว่าอาแป๊ะเฟิงและเพื่อนๆ มาขอพบเธอที่เรือนสี่ประสาน ตอนนี้เซี่ยชิงโม่ได้ขอลาพักราชการเพราะเธอเพิ่งจะคลอดลูก เธอจึงขอหยุดเพื่อเลี้ยงดูลูกอยู่ที่บ้าน ซึ่งกรณีของเธอนั้นตอนนี้เธอได้เป็นอาจารย์ที่สอนแพทย์ที่จบใหม่ไปแล้ว ถ้าไม่มีกรณีที่ยากจริงๆ เธอจะไม่เข้าไปที่โรงพยาบาล“มีอะไรหรือเปล่านะ” เธอพึมพำกับตัวเอง เสียงฝีเท้าหนักๆ ดังกึกก้องสะท้อนไปทั่วเรือนสี่ประสาน ประตูเรือนสี่ประสานของเธอบานออก เผยให้เห็นขบวนชายหนุ่มในสูทสีดำสนิท คอเสื้อประดับผ้าขาว เดินเรียงรายเข้ามา ประหนึ่งบอยแบนด์เวอร์ชั่นคุณลุง สมาชิกในแก๊งประกอบด้วย อาแป๊ะเฟิงเฉียง หล่อเนี้ยบ สมาร์ท สมกับเป็นหัวหน้าแก๊งอาแป๊ะฟงหลิ่ง ก้าวตามมา ท่าทางสง่างาม รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ระบายบนใบหน้าอาแป๊ะต้าหลิ่ง เยื้องย่างมาอย่างมั่นใจ ดวงตาเป็นประกาย ฉายแววเจ้าชู้อาแป๊ะเหวินฟู่ เดินมาแบบเนิบๆ แต่แฝงไปด้วยความน่าเกรงขาม อาแป๊ะฉินอวิ๋น ยิ้มหวานละมุนละไม ละลายหัวใจสาวๆอาแป๊ะห
บทที่ 77 ความจำภาพถ่าย photographic memory ผ่านเหตุการณ์กวาดล้างแก๊งค้ามนุษย์ของเซียวจ้านมา 3 เดือนแล้วตอนนี้ทุกสิ่งทุกอย่างกลับมาสู่ปรกติอีกครั้ง เซี่ยชิงโม่ที่ตอนนี้ท้องได้ 6 เดือนแล้ว แต่เธอยังคงไปทำงานที่โรงพยาบาลเป็นปรกติส่วนนายพลเฉินหวังตง และนายพลเย่เฉินหลังจากเหตุการณ์นั้นพวกเขาก็ได้รับคำชมเชยมากมายจากท่านผู้นำ พ่อแม่ครอบครัวที่ได้รับลูกหลานกลับสู้อ้อมกอดอีกครั้งต่างพากันขอบพวกเขาจากใจจริงหยางชิงเยว กำลังเรียนพิเศษอย่างขะมักเขม้นกับครูที่เซี่ยชิงโม่จ้างมาสอนเธอกำลังเรียนภาษาฝรั่งเศสที่บ้าน เมื่อเซี่ยชิงโม่เข้าไปดูการเรียนการสอน เธอถึงกับประหลาดใจเป็นอย่างมาก เพราะหยางชิงเยวสามารถทักทายเธอเป็นภาษาฝรั่งเศส ภาษาอังกฤษ และภาษาเยอรมันพร้อมกันทั้ง 3 ภาษา และยังบอกเซี่ยชิงโม่ว่าเธอชื่นชอบการเรียนภาษาต่างประเทศเหล่านี้กับครูท่านนี้มาก ทำให้ครูชาวฝรั่งถึงกับยิ้มแก้มปริเลยทีเดียว เพราะเป็นที่รู้กันว่าคุณหมอเซี่ยชิงโม่เป็นคนที่ใจคอกว้างขวางมาก ถ้าเธอพอใจรางวัลที่ให้มาก็มากตามไปด้วย และเย็นนั้นเขาก็กลับบ้านพร้อมกับไวน์แดง แฮมและชีสก้อนใหญ่รวมทั้งเงินหยวนที่เป็นรางวัลพิเศษอีกจำนวนไม่น้อย
บทที่ 76 ปฎิบัติการทะลายแก๊งค้ามนุษย์จากฮ่องกงสู่จีนแผ่นดินใหญ่เซียวจ้านคือหัวหน้าแก๊งธุรกิจผิดกฎหมายหลายอย่างเช่น การพนันผิดกฎหมาย การฟอกเงิน ตั้งแก๊งรีดไถ เซียวจ้านถูกทางการขนานนามเจ้าพ่อธุรกิจสีเทาและเหตุการณ์ล่าสุดคือการต่อสู้แย่งชิงอำนาจในวงการมาเฟีย เขามีส่วนร่วมในการฆาตกรรมคนในครอบครัว และถูกตำรวจฮ่องกงตามไล่ล่า อย่างหนักจึงหนีมาที่จีนแผ่นดินใหญ่ เริ่มต้นชีวิตใหม่ ด้วยความโหดเหี้ยม ไร้ความปรานี เขาก่อตั้งแก๊งค้ามนุษย์ข้ามชาติ เติบโตอย่างรวดเร็ว กลายเป็นจักรพรรดิในโลกมืดเส้นทางสู่จักรพรรดิของเซียวจ้าน เขาสร้างเครือข่ายอันกว้างใหญ่ ติดต่อแก๊งค้ามนุษย์ในฮ่องกงและมาเก๊า ใช้เส้นสายในดินบนฟ้า ลักลอบนำคนจากทั่วทุกมุมโลก มาขายเป็นสินค้าเขาใช้วิธีการโหดเหี้ยม บังคับขู่เข็ญ หลอกลวงล่อลวงเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายตกเป็นทาสในเงื้อมมือของเขาเซียวจ้านสั่งสมอำนาจเงินทองและอิทธิพลธุรกิจของเขาเฟื่องฟูร่ำรวยมหาศาลเขามีลูกน้องมากมายที่ต่างหวาดกลัวในความโหดเหี้ยมเขาสร้างภาพลักษณ์เป็นนักธุรกิจผู้ประสบความสำเร็จ ปกปิดความชั่วร้ายของเขาเบื้องหลังความร่ำรวย คือด้านมืดที่โหดร้ายเซียวจ้านฆ่าคนโดยไม่กะพริบ
บทที่ 75 น้องสาว“เรื่องราวทั้งหมดก็เป็นแบบนี้ละค่ะท่านนายพล”หยางชิงเย่วเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ท่านนายพลเย่เฉินฟัง รวมถึงเหตุผลที่เธอต้องปลอมตัวเป็นเด็กผู้ชายเพื่อความปลอดภัย นายพลเย่เฉินมองเธอด้วยความทึ่ง คิดในใจว่าเด็กคนนี้ช่างฉลาดเฉลียวเหมือนใครคนนั้นเลย“แล้วพี่สาวของเสี่ยวเย่วชื่ออะไรที่ตามหาอยู่” ท่านนายพลหันไปมองภรรยาที่รักของตนเอง ก่อนจะมองหน้าเจ้าเด็กน้อยหยางชิงเย่ว และตั้งคำถามพร้อมกับคาดเดาคำตอบในใจ“พี่สาวชื่อหยางชิงโม่ค่ะ พี่สาวถูกส่งตัวไปใช้แรงงานแทนลูกชายของคุณลุง ตอนนั้นพี่สาวไม่อยากไป แต่คุณลุงคุณป้าบอกว่าเพื่อตอบแทนบุญคุณที่พวกเขาเลี้ยงดูพวกเรา พวกเขาบอกกับพี่สาวของฉันว่าจะดูแลฉันเป็นอย่างดี และจะส่งฉันเรียนหนังสือถ้าพี่สาวไปแทนลูกชายคุณลุง” หยางชิงเย่วเอ่ยขึ้น น้ำเสียงสั่นเครือด้วยความเศร้า“แต่พอพี่สาวถูกส่งตัวไปไม่นาน พวกเขาก็ให้ฉันออกจากโรงเรียน บอกว่าผู้หญิงไม่ต้องเรียนหนังสือเยอะก็ได้” เสียงของเธอแผ่วเบาลง และแล้วน้ำตาเม็ดโตก็ไหลลงมา“ฮือฮือฮือ!!!...ฉันเพียงอยากจะเจอพี่สาวของฉันอีกครั้งเท่านั้นเอง ใครจะรู้ว่าพวกเขาถึงกับขายฉันให้กับแก๊งค้ามนุษย์” เธอร้องไห้
บทที่ 74 หยางชิงเย่วท้องฟ้ายามเช้าสาดแสงสีส้มอ่อนลงบนเมืองหลวงปักกิ่ง ท่ามกลางความวุ่นวายของผู้คน เด็กน้อยร่างผอมบางคนหนึ่งนอนขดตัวอยู่ใต้สะพานลอย ‘เขา’ สกปรกมอมแมม เสื้อผ้าขาดรุ่งริ่ง ใบหน้าเต็มไปด้วยคราบดินและคราบน้ำตาหยางชินเย่วหนีออกมาจากแก๊งค้ามนุษย์ที่ ‘เขา’ ถูกลุงและป้าของ‘เขา’แอบขายเขาให้พวกมันโดยบอกเขาว่าคนกลุ่มนั้นจะพา 'เขา' ไปพบกับพี่สาวของ ‘เขา’ ถ้ามากับพวกเขา เขาต้องการที่จะตามหาพี่สาวมานานแล้วด้วยความไว้ใจลุงและป้าจึงได้ตามคนกลุ่มนี้มาแต่ที่ ‘เขา’ ผิดสังเกตก็คือ มีเด็กมากมายที่พวกเขาพามาด้วยบางคนถูกตีบางคนถูกมัดก็มี ทำให้เด็กน้อยแอบฟังเวลาที่พวกเขาคุยกันและรู้ว่านี้เป็นแก๊งที่จับคนมาขายไม่ใช่คนที่จะพาไปหาพี่สาว เด็กน้อยหวาดกลัวมาก แต่ก็ไม่ได้ทำอะไรเป็นที่สังเกตจนกระทั่งพวกเขาพามาถึงเมืองปักกิ่งเมื่อได้โอกาสเธอจึงได้หลบหนีออกมาเด็กน้อยเร่รอนอยู่หลายวันและพยายามหางานทำ และในที่สุดก็ได้งานเป็นเด็กเสิร์ฟในร้านอาหารที่ขายเป็ดปักกิ่ง แต่ทำงานได้ 3 วันก็ต้องถูกไล่ออกเพราะมีอันธพาลมาหาเรื่องที่ร้าน ถึงแม้จะมีคนมาช่วย แต่เถ้าแก่ก็ไม่พอใจ ‘เขา’ และหลังจากนั้น 2 วันก็ไล่เขาออกมา
บทที่ 73 อันดับที่หนึ่งมหาวิทยาลัยปักกิ่ง / พอร์ช 911ท้องฟ้าสีครามสดใส อากาศเย็นสบาย แสงแดดยามเช้าสาดส่องผ่านหน้าต่างห้องนอน สะท้อนให้เห็นรอยยิ้มอันเปี่ยมสุขบนใบหน้าของเซี่ยชิงโม่ เธอรู้สึกตื่นเต้นและดีใจอย่างบอกไม่ถูก เมื่อสองเดือนก่อน เธอและหวังตงได้พาครอบครัวไปท่องเที่ยวที่ยุโรป เป็นการท่องเที่ยวที่เต็มไปด้วยความประทับใจแต่สิ่งที่ทำให้เธอประทับใจที่สุด ไม่ใช่สถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงาม แต่เป็นของขวัญล้ำค่าที่เธอได้รับมาตอนนี้ต่างหากเธอตั้งครรภ์แล้ว เธอรู้ข่าวดีนี้หลังจากกลับจากทริปทันทีที่เธอทดสอบการตั้งครรภ์ สองขีดสีแดงปรากฏขึ้นบนแท่งทดสอบ โลกทั้งใบของเธอก็เหมือนหยุดหมุนเธอรู้สึกเหมือนฝันไป เธอไม่เคยคิดมาก่อนว่าตัวเองจะมีลูก แต่เธอก็รู้สึกดีใจเธอดีใจที่เธอจะได้เป็นแม่ เธอดีใจที่เธอจะได้สร้างครอบครัวที่สมบูรณ์แบบกับเฉินหวังตงเธอรีบโทรไปบอกเฉินหวังตง เขาดีใจไม่แพ้เธอ เช้าวันนี้เซี่ยชิงโม่ตื่นนอนด้วยความสดชื่นเธอรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงภายในร่างกายเธอรู้สึกถึงชีวิตน้อยๆ ที่กำลังเติบโตขึ้นภายในท้องของเธอยิ้มเธอรู้ว่า ชีวิตของเธอจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแต่มันจะเป็นชีวิตที่เต็มไปด้วยคว
บทที่ 72 ฮันนีมูนทริปผ่านเรื่องราวที่หนักหนาสาหัสมาหลายเดือน ตอนนี้เข้าสู่หน้าหนาวของปี 1985 อย่างเป็นทางการแล้ว หิมะสีขาวโพลนปกคลุมไปทั่วทุกพื้นที่ เปรียบเสมือนผืนผ้าปูสีขาวบริสุทธิ์ที่ทอดยาวสุดลูกหูลูกตา ท้องฟ้าสีครามสดใสตัดกับสีขาวของหิมะ แสงแดดอ่อนๆ สาดส่องลงมา สะท้อนกับเกล็ดหิมะเป็นประกายระยิบระยับ ดอกไม้ในสวนเบ่งบานสวยงาม แม้จะอยู่ในฤดูหนาว ดอกไม้บางชนิดก็ยังคงยืนหยัด ชูช่อท้าทายความหนาวเย็น ดอกไม้เหล่านี้ เปรียบเสมือนสัญลักษณ์ของความหวัง แสดงให้เห็นว่า แม้จะอยู่ในช่วงเวลาที่ยากลำบาก ก็ยังมีความสวยงามและความหวังอยู่เสมอเชี่ยชิงโม่ ยืนมองทิวทัศน์อันงดงามตรงหน้า เธอสูดหายใจลึกๆ8 ปีแล้วที่เธอมายังยุคอดีตนี้ ทุกอย่างในชีวิตของเธอตอนนี้ถือว่าเข้าที่เข้าทางมากเธอก็มีสามีที่รักและมีลูกที่น่ารักถึง 3 คน ครอบครัวของเธอดูเหมือนจะครบสมบูรณ์แบบแล้วแต่ว่า...ยังมีบางสิ่งบางอย่างที่ขาดหายไป อากาศเย็นจับใจ ทว่ากลับทำให้หัวใจของเซี่ยชิงโม่อบอุ่นอย่างประหลาด หลังจากผ่านพายุชีวิตมาหลายเดือน เธอรู้สึกว่าถึงเวลาแล้วที่ครอบครัวของเธอจะได้มีช่วงเวลาแห่งความสุขและความทรงจำที่งดงามร่วมกันเธอเดินฝ่าหิ
บทที่ 71 คอร์รัปชั่น / ประหารชีวิต1 เดือนต่อมา เฉินหวังตงเดินเข้าไปหาภรรยาของเขาที่กำลังตรวจเอกสารเกี่ยวกับการสั่งซื้อสินค้าอยู่“ชิงโม่ ผมมีเรื่องอยากจะถามทำไมเหตุการณ์เขื่อนแตกครั้งนี้ทำไมคุณถึงไม่ได้เตือนผมให้เตรียมตัวเหมือนครั้งที่น้ำท่วมใหญ่ละครับ” เฉินหวังตงถามเซี่ยชิงโม่ขึ้นมาเซี่ยชิงโม่วางเอกสารในมือลง แล้วถอนหายใจ เธอก็รู้สึกสงสารและเสียใจที่เกิดเหตุการณ์“ฉันก็ไม่แน่ใจเพราะเหตุใดฉันจึงได้ไม่เห็นเหตุการณ์นี้เหมือนกันค่ะ”“เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้หมู่บ้านเสียหายไปกว่า 20 หมู่บ้าน สูญเสียชีวิตกว่า 300 คน สูญหายอีก 200 คน มูลค่าความเสียหายยากเกินกว่าที่จะประเมิน ผมเสียใจกับเหตุการณ์ครั้ง ถ้าหากว่าผมรู้....."เซี่ยชิงโม่ยื่นมือไปจับมือของเขาแน่น เธอก็อยากช่วยแต่ครั้งนี้เธอไม่รู้จริงๆ ว่าเพราะอะไรถึงไม่มีใน ‘โพย’ ใบนั้นเฉินหวังตงได้รับมอบหมายให้เป็นหัวหน้าทีมสืบสวนเหตุการณ์เขื่อนแตกที่อำเภอสุยเซียงสุนซุยเย่วหมิงเจ้าหน้าที่ระดับ 9 ของกรมชลประทานได้ขอเข้าพบเข้านายพลเฉินหวังตงพร้อมมอบเอกสารการออกแบบเขื่อนหรือพิมพ์เขียวหรือเขื่อนหวังจิง ให้นายพลเฉินหวังตงเพื่อตรวจสอบความถูกต้องต่อไป