บทที่ 1 ความฝันก่อนย้อนเวลา รีไรท์
หยางชิงโม่ลืมตาตื่นขึ้นมาด้วยความอ่อนเพลียเหงื่อผุดขึ้นเต็มใบหน้าสวยหวานของเธอ ฝันร้ายยังคงวนเวียนอยู่ในหัวของเธอ
ย้อนไปเมื่อเดือนก่อน ฝันประหลาดเริ่มคุกคามเธอหญิงสาวในฝันมีชื่อและหน้าตาคล้ายเธอมากถึง 70% นามว่าหยางชิงโม่ อายุเพียง 17 ปี ใช้ชีวิตอย่างยากลำบากในยุค 70 ของประเทศจีน แต่งงานกับเฉินหวังตง นายทหารหนุ่มรูปหล่อจากครอบครัวใหญ่ที่มีสมาชิกถึง 10 คน
เรื่องราวในฝันของเธอที่หยางชิงโม่จำได้แม่นนั้นคือ
เฉินหวังตงเป็นลูกชายคนที่สองของครอบครัวตระกูลเฉินซึ่งเป็นชาวนายากจนอยู่ที่หมู่บ้านหลี่ฮวา ซึ่งครอบครัวนี้มีสมาชิกมากถึง 10 คนด้วยกัน เพราะความลำบากยากจนทำให้เฉินหวัตงสมัครไปเป็นทหารจะได้มีเงินส่งมาจุนเจือครอบครัวของพวกเขา ส่วนหยางชิงโม่นั้นเป็นสาวน้อยนักเรียนมัธยมปลายผู้มีความรู้ ได้ที่ถูกส่งมาจากเซี่ยงไฮ้ ให้มาทำงานใช้แรงงานเป็นยุวชน เพราะต้องใช้แรงงานอย่างหนัก และจำเป็นต้องประหยัดอาหาร เพราะเธอได้อาหารมาน้อย เธอจึงทานอาหารให้น้อยลง ด้วยความหิวโหยและร่างกายเธอเหนื่อยล้าจากงานหนักจนทรุดโทรม วันหนึ่งเมื่อเธอเดินใกล้บริเวณสระน้ำประจำหมู่บ้านจึงเป็นลมตกลงไปในน้ำ เฉินหวังตงนายทหารหนุ่มกลับมาเยี่ยมบ้านหลังจากเป็นทหาร 1 ปี เขาพบเห็นเหตุการณ์ที่เธอหมดสติตกน้ำพอดี จึงได้เข้าไปช่วยชีวิตไว้ และเพราะเหตุการณ์นั้นที่ทั้งคู่ได้แตะเนื้อต้องตัวกันทำให้ทั้งคู่ต้องแต่งงานกัน
ทางครอบครัวเฉินเองก็ไม่ได้รังเกียจหยางชิงโม่ แต่ด้วยจำนวนสมาชิกที่มาก พ่อเฉินจึงตัดสินใจให้แยกบ้าน โดยเฉินหวังตงและหยางชิงโม่ได้รับเงิน 80 หยวนเพื่อสร้างบ้านหลังเล็กใกล้เชิงเขา แต่งงานกันได้เพียง 1 สัปดาห์ เฉินหวังตงก็ต้องกลับไปประจำการที่ค่ายทหารสองเดือนต่อมาหยางชิงโม่ก็รู้ตัวว่าตั้งครรภ์
ทำไมฝันนี้ถึงตามเธอซ้ำๆ มันเกี่ยวข้องกับเธออย่างไรกันนะ? ในฝันหยางชิงโม่เห็นผู้หญิงคนนั้นต้องเผชิญกับอุปสรรคมากมาย ชีวิตของผู้คนในยุค 70 นั้นยากลำบากมาก พวกเขาขาดแคลนทั้งอาหาร ยารักษาโรค และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ หญิงสาวคนนั้นเองก็ต้องต่อสู้ดิ้นรนเพื่อเลี้ยงดูตัวเองและลูกในท้อง หมอหยางชิงโม่รู้สึกสงสารหญิงสาวในความฝันมาก เธออยากช่วยเหลือเธอคนนั้นเหลือเกิน อยากให้เธอและลูกๆ ของเธอมีชีวิตที่ดีกว่านี้ แต่เธอไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร…เพราะจะว่าไปนั้นก็เป็นเพียงความฝันเท่านั้น..
หยางชิงโม่เอื้อมมือไปแตะแหวนหยกสีเขียวที่วางอยู่ข้างเตียง รู้สึกถึงความเย็นที่แผ่ซ่านออกมาจากมัน แหวนวงนี้ไม่ใช่ของเธอ และเธอก็ไม่รู้ว่ามันมาจากไหน เมื่อเดือนที่แล้วอยู่ๆ มันปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับเจ้าเสี่ยวเฮยแมวดำขนฟูที่ในที่สุดเธอก็เลี้ยงมันเอาไว้ เหตุการณ์นั้นยังคงตราตรึงในใจเธอ แหวนหยกที่ลึกลับที่มาพร้อมกับเจ้าแมวดำตัวอวบ เธอยกมันขึ้นมาและจ้องมันครู่หนึ่ง ก่อนจะลุกขึ้นจากเตียงและเดินไปที่หน้าต่าง มองออกไปยังท้องฟ้ายามเช้าที่สว่างไสว แสงแดดอ่อนๆ ส่องผ่านผ้าม่านเข้ามาในห้อง
หยางชิงโม่คิดทวนถึงเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้น มันเป็นเพียงความฝันจริงๆ หรือว่ามีบางสิ่งที่ลึกลับมากกว่านั้นกันนะ? ขณะที่จิตใจของเธอกำลังจะลอยกลับไปที่ความฝันครั้งล่าสุด เสียงร้องของเจ้าเสี่ยวเฮยก็ดังขึ้นขัดจังหวะความคิดเธอ
เจ้าเสี่ยวเฮยกระโจนขึ้นมาบนเตียง ขนมันเงาวับ สีดำสนิทดวงตาสีเหลืองอำพันจ้องมองเธออย่างไร้เดียงสา เธอก้มลงลูบหัวมันเบาๆและเอ่ยว่า
"แกรู้ไหมว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับฉัน?" หยางชิงโม่ถามขึ้นเบาๆ ดวงตาสงสัยจับจ้องไปที่แมวดำอวบอ้วนของเธอ
เจ้าเสี่ยวเฮยเพียงร้องเหมียวตอบรับ และไม่มีคำตอบอื่นใด หยางชิงโม่ถอนหายใจ ความสงสัยในใจเริ่มก่อตัว
"ฉันไม่รู้เลยว่าจะเชื่ออะไรดี" เธอพึมพำกับตัวเอง ราวกับกำลังถามหาคำตอบจากใครบางคน
ทันใดนั้นภาพจากฝันก็ค่อยๆ ไหลเวียนกลับมาอีกครั้ง หญิงสาวในยุค 70 กำลังสวมแหวนหยกสีเขียวนี้บนนิ้วของเธอ ภาพชัดเจนมากจนหยางชิงโม่แทบลืมหายใจ
“นี่มันอะไรกัน?”
เธอพึมพำอย่างสับสนหัวใจเต้นระรัว ความคิดหนึ่งผุดขึ้นมาในหัวว่าแหวนวงนี้อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับความฝันของเธอ หรือว่า...แหวนนี้คือกุญแจสำคัญที่จะไขปริศนาทั้งหมด?
ด้วยความสับสนและอยากรู้คำตอบ หยางชิงโม่ตัดสินใจสวมแหวนหยกวงนั้นบนนิ้วของเธอ ทันทีที่แหวนสัมผัสผิว เธอรู้สึกถึงพลังบางอย่างที่แผ่ซ่านเข้าสู่ร่างกายมันอบอุ่นและเต็มไปด้วยความลึกลับที่เธอไม่เคยสัมผัสมาก่อน
"นี่มันอะไรกัน?" หยางชิงโม่ตกใจแต่เธอก็ยังพยายามหลับตาลง จดจ่อกับความรู้สึกที่ไม่คุ้นเคยนั้น และทันใดนั้น ภาพในฝันก็กลับมาอีกครั้ง แต่ครั้งนี้มันแตกต่างออกไป มันไม่ใช่เพียงภาพที่เธอเฝ้าดู เธอรู้สึกเหมือนกับว่าเป็นตัวของเธอเองอยู่ในเหตุการณ์นั้นจริงๆ
เธอเห็นตัวเองในชุดของหญิงสาวในยุค 70 กำลังทำงานหนักในทุ่งนา กินข้าวเพียงน้อยนิด อดมื้อกินมื้อเพื่อความอยู่รอด เธอเห็นตัวเองตั้งครรภ์และคลอดลูกแฝดสาม เธอเห็นความทุกข์ยากในการเลี้ยงลูกๆ เหล่านั้นท่ามกลางความขาดแคลนและยากไร้ ท้ายที่สุดเธอเห็นตัวเองล้มลงด้วยความเหนื่อยล้าและเสียชีวิต
หยางชิงโม่ลืมตาขึ้นน้ำตาไหลอาบแก้ม แต่เธอรู้ดีว่าน้ำตานี้ไม่ใช่ของเธอ...มันเป็นน้ำตาของหญิงสาวในฝันคนนั้น
“ทำไมฉันถึงเข้าใจความรู้สึกของผู้หญิงคนนั้น หรือว่า...แหวนวงนี้เป็นของเธอ?”
หยางชิงโม่ครุ่นคิด คำถามมากมายถาโถมเข้ามาในจิตใจเธอสับสนไปหมด ความจริงกับฝันเริ่มพร่ามัว
“หรือว่า...ฉันคือหยางชิงโม่คนนั้นในยุค 70?”
หยางชิงโม่กุมแหวนหยกในมือไว้แน่น ความรู้สึกในใจตอนนี้ปั่นป่วนจนเธอไม่อาจแยกออกได้ว่าอะไรคือความจริง...และอะไรคือความฝัน
*****
บทที่ 2 แหวนมิติเก็บของเตรียมพร้อมสำหรับการย้อนเวลาหยางชิงโม่ลูบคลำแหวนหยกบนนิ้วอย่างแผ่วเบาทันใดนั้นความเจ็บแปล๊บก็แล่นผ่านปลายนิ้วเธอก้มมองดูพบรอยแผลเล็ก ๆ เลือดซึมออกมาหยางชิงโม่เผลอเอานิ้วเข้าปากดูดเลือดที่ปลายนิ้ว ในเสี้ยววินาทีนั้นหยดเลือดก็สัมผัสถูกแหวนหยกสีเขียวนั้นเข้า ชิงโม่รู้สึกเหมือนมีพลังบางอย่างไหลผ่านนิ้วของเธอ ร่างกายของเธอเริ่มสั่นเทา แสงสีทองสว่างวาบพุ่งออกมาจากแหวน ห่อหุ้มร่างของเธอไว้ ในเสี้ยววินาที ชิงโม่ก็หายตัววับไปเมื่อลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง หยางชิงโม่พบว่าตัวเองอยู่ท่ามกลางทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ ไกลสุดลูกหูลูกตา ท้องฟ้าสีครามสดใส อากาศบริสุทธิ์ สดชื่น ต่างจากโลกที่เธอเคยรู้จักโดยสิ้นเชิงหยางชิงโม่รู้สึกตื่นเต้นปนกับหวาดกลัว เธอไม่รู้ว่านี่คือที่ไหน หรือจะกลับบ้านได้อย่างไร พยายามเดินหาทางออก แต่ก็เหมือนเขาวงกต ไม่มีจุดสิ้นสุดทันใดนั้น หยางชิงโม่นึกถึงแหวนหยก เธอหยิบมันขึ้นมาดูอย่างตั้งใจ จู่ ๆ ความคิดหนึ่งก็ผุดขึ้นมาในหัว "ออกไป"ทันใดนั้น แสงสีทองก็พุ่งออกมาจากแหวนอีกครั้ง คราวนี้หยางชิงโม่รู้สึกเหมือนถูกดูดกลืน ร่างกายของเธอหมุนคว้างไปมา เมื่อแสงสว่างจางลง หยางชิ
บทที่ 3 เตรียมข้อมูลเหตุการณ์สำคัญในยุค60-จนถึงปีปัจจุบันไปด้วย เมื่อเตรียมความพร้อมด้านอาหารปัจจัยสี่พร้อมแล้ว หยางชิงโม่ได้ค้นดูข้อมูลใน internet เกี่ยวกับยุคสมัยปี 60-มาจนถึงปีปัจจุบัน ของประเทศจีน ซึ่งในปี 1976 จะเป็นปีที่เหมาเจ๋อตุงผู้นำคนเก่าได้เสียชีวิตแลเติ้ง เสี่ยวผิง ผู้นำคนใหม่ขึ้นสู่อำนาจและเริ่มปฏิรูปเศรษฐกิจจีน เธอสังเกตเห็นจุดเปลี่ยนสำคัญในประวัติศาสตร์จีนยุคนั้น ที่เริ่มทำให้เศรษฐกิจของจีนมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก โดยจะไม่มีนโยบายการทำนารวมอีกต่อไปแล้ว ซึ่งจะทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของเกษตรในประเทศดีขึ้น และมีการเริ่มสอบเกาเข่าเพื่อเข้ามหาวิทยาลัยแล้วทุกอย่างจะเริ่มต้นใหม่ทำให้เศรษฐกิจจีนเติบโตอย่างรวดเร็วและไม่ขาดแคลนอาหารเหมือนเดิมอีกต่อไป ประชาชนมีรายได้เพิ่มขึ้นแน่นอนว่าพวกเขาจะต้องการสินค้ามากขึ้นด้วยทั้งสินค้าอุปโภค์บริโภคเช่นกัน นี้จะถือเป็นโอกาสของเธอที่จะนำพาตัวเองและครอบครัวให้พ้นจากความยากลำบากสู่การเป็นเศรษฐีในยุค80 ให้ได้ก่อนใครในยุค 80-90 ถือเป็นยุคทองของการเติบโตของจีน พอเข้าปี 2000 ก็จะเป็นปีแห่งการแข่งขันทางเทคโนโลยี สกุลเงินใหม่ Ai ต่างๆ ที่เริ่มจะเข
บทที่ 4 ซื้อ ซื้อ ซื้อ Shop Shop Shop ก่อนออกจากคอนโดหยางชิงโม่ได้โทรเช่าโกดังขนาดใหญ่ที่อยู่ไม่ไกลเอาไว้ ถึงแม้จะราคาค่าเช่าสูงหน่อยแต่ว่าเพื่อความสะดวกในการรับของเมื่อมีคนมาส่ง เธอก็ตัดสินใจเช่าเมื่อเรียบร้อย หยางชิงโม่ก็ขับรถออกมาจากคอนโดหยางชิงโม่ก็พุ่งไปที่ตลาดสดทันที เธอยังม่ีของที่จะต้องซื้ออีกหลายอย่างเธอจึงนำได้ ลิสต์รายการที่ทำเอาไว้ก่อนหน้านี้ออกมา เพื่อดูว่ามีของอะไรที่สามารถสั่งตอนนี้ได้เลยบ้าง เมื่อมาถึงก็พุ่งไปหาสิ่งของสำคัญทันที เพราะสิ่งที่จะลืมไม่ได้สำหรับเราชาวย้อนเวลาก็คือ ซาลาเปา หยางชิงโม่จัดเลยทั้งไส้เค็ม ไส้หมู ไส้กุ้ง ไส้เนื้อ ไส้หวาน อย่างละ5000 ลูก ทั้งแบบสุกและแบบดิบ รวมทั้งขนมจีบ ทั้งจีบกุ้ง ปูและหมูด้วย จากนั้นก็เริ่มสั่งพวกอาหารปรุงสุกที่ทำสำเร็จแล้ว ตอนนี้ที่ตลอดเธอเห็นมี ไก่ทอด แฮมเบอร์เกอร์ เฟรนด์ฟราย พวกของทอด ของปิ้งย่างทั้งหลาย เมื่อมาถึงร้านชื่อดังเธอก็สั่งทันที โดยให้ทางร้านทำเป็นชุดอย่างละ 500 ชุด และให้จัดส่งในวันพรุ่งนี้ เธอจ่ายมัดจำบางส่วนและแจ้งสถานที่จัดส่งเอาไว้ด้วย มีแม่ค้าบางรายสงสัยเธอก็บอกว่าจะเอาไปบริจาคซึ่งพวกเขาก็เข้าใจในทันที เพ
บทที่ 5 แม่ครับโจ๊กอร่อยมากเลยครับ เสี่ยวเป่าชอบมากเลยณ หมู่บ้านชนบทที่ห่างไกลในปี 1978…..".ฮือ!!..ฮือ!!..ฮือ!!..แม่จ้า....แม่...แม่ตื่น".“แม่ครับ แม่ตื่นนะ ตื่นนะ หิวแล้ว พวกหนูหิวแล้ว”เสียงร้องไห้หลายเสียงประสานกัน....พร้อมกับดวงตาที่ลืมขึ้นของหยางชิงโม่......หยางชิงโม่รู้สึกมึนงง ศีรษะของเธอยังหนักอึ้ง ราวกับถูกก้อนหินทับอยู่ เธอค่อยๆ หันศีรษะมองตามเสียงที่ร้องไห้อยู่เสียงเหล่านั้นเป็นเสียงของเด็กๆ แน่นอน และดูเหมือนว่าคงร้องไห้มานาน เพราะเสียงร้องไห้ของพวกเขาต่างก็แหบแห้ง เมื่อหันมาก็เห็นเด็กน้อยทั้งสามนั่งร้องไห้น้ำตาไหลอาบแก้มอยู่ เสื้อผ้าเปียกปอน มองดูน่าสงสาร เด็กๆ นั่งเรียงกันอยู่ข้างๆ เตียงของเธอ ใบหน้าของพวกเขาเหมือนกันราวกับแกะสลัก ดวงตากลมโตสีดำขลับ จมูกโด่ง ปากเล็ก ผิวสีแทนเล็กน้อย เมื่อพวกเขาเห็นเธอลืมตาขึ้นมาเสียงร้องไห้นั้นก็หยุดลง และบนดวงหน้าที่ถึงจะผอมแต่ทว่าพวกเขาก็น่ารักนัก และตอนนี้บนใบหน้าพวกเขาก็มีแต้มด้วยรอยยิ้มจางๆ ที่เปื้อนคราบน้ำตา แม่ของพวกเขาตื่นแล้ว คุณแม่ตื่นแล้ว!!!!หยางชิงโม่พยายามฝืนความอ่อนเพลีย ลุกขึ้นนั่ง มองดูลูกๆ ของเธอ เด็กน้อยทั้งสามผอมแ
บทที่ 6 เสี่ยวเฮยก็ตามมาด้วย!!!..."เหมียวววววววว!"...เสียงร้องแหลมดังขึ้นกะทันหัน ทำให้หยางชิงโม่สะดุ้ง เธอหันไปตามเสียงด้วยความตื่นเต้น หัวใจเต้นรัว "เสี่ยวเฮย!! เจ้าเสี่ยวเฮยหรือเปล่า?" เธอรีบลุกขึ้นจากที่นั่ง เรียกมันเสียงดังด้วยความหวังท่ามกลางแสงสลัวของสถานที่แปลกประหลาด เจ้าแมวสีดำตัวอ้วนกลมปรากฏตัวขึ้น มันชำเลืองมองหยางชิงโม่ด้วยสายตาที่ไม่ใส่ใจ ก่อนจะหันหลังนั่งเลียขนของมันต่อ ด้านหลังที่อ้วนกลมเหมือนถังแก๊สเล็ก ๆ ทำให้เธอมั่นใจว่านั่นคือเจ้าเสี่ยวเฮยของเธอแน่นอน แมวตัวไหนจะอ้วนกลมขนาดนี้ได้ถ้าไม่ใช่มัน?ครู่หนึ่ง มันแอบชำเลืองมองเธออีกครั้ง สายตาที่ส่งมาเหมือนจะบอกว่า "จะเสียงดังทำไม?" แต่หยางชิงโม่ไม่ถือสา เธอยิ้มกว้าง ดวงตาเป็นประกายระยิบระยับด้วยความดีใจ เธอรีบวิ่งเข้าไปหาเจ้าแมวตัวน้อย อุ้มมันมากอดแน่น ๆขนปุยสีดำสนิทมันวาวของมันบ่งบอกว่ามันกินดีอยู่ดีและอุดมสมบูรณ์มาก แม้แต่เด็ก ๆ ในแถวนี้ยังผอมแห้ง แต่เสี่ยวเฮยกลับอ้วนกลมเป็นถังแก๊สน้อย ๆ ขนของมันนุ่มนิ่ม เมื่อเธอยกมันสัมผัสกับแก้มของเธอ เสียง "เพอร์" เบา ๆ ดังก้องอยู่ในหู ราวกับกลัวว่ามันจะหายไปอีกครั้ง เธอกอดมันแน่
บทที่ 7 มาเปลี่ยนบ้านหลังน้อยให้ดูอบอุ่น Cozy cozy กันเถอะ. หยางชิงโม่ทิ้งเจ้าเสี่ยวเฮยเอาไว้กับเด็กๆ เธอลุกเก็บถ้วย จาน แก้วไปล้างที่ด้านหลังบ้าน..และได้เวลาสำรวจบ้านช่องกันแล้ว...เธอหันมองไปรอบตัวของเธออย่างช้า ๆ บ้านอิฐคับแคบและมืดมน เตียงไม้เก่า ๆ ตู้เก็บของที่อับชื้น มีโต๊ะกลมเล็ก ๆ ที่สีถลอก และเก้าอี้โทรม ๆ สาม สี่ตัวตรงมุมห้อง แต่สิ่งที่เตะตาเธอที่สุดคือปฏิทินติดผนังเมื่อเข้าไปมองใกล้ ๆ เธอก็รู้ว่าตอนนี้เป็นกลางเดือน 7 ปี 1978 ใกล้จะเข้าหน้าหนาวเข้าไปทุกทีแล้ว อากาศเริ่มลดมา เธอต้องเตรียมความพร้อมให้กับลูกๆ ของเธอก่อน สภาพของบ้านเธอแบบนี้หน้าหนาวจะต้องทรมานมากแน่ๆ เธออยากทำบ้านใหม่ให้ทันหน้าหนาวที่จะมาถึงในอีกไม่ถึง 2 เดือนนี้ แต่กลัวว่าการสร้างบ้านต้องใช้เวลานานกว่านั้น ดังนั้นในตอนนี้ที่ทำได้น่าจะแค่ซ่อมแซมหลังคาและตัวให้แน่นหนาก่อนและดูว่าถ้าเธอจะให้ทำเตาผิงในโถงบ้านจะทำได้หรือไม่ อย่างน้อยถ้าในบ้านมีเตาผิงพวกเธอ 4 แม่ลูกยังมานอนในห้องโถงได้ถ้าอากาศหนาวจัดหยายชิงโม่เดินดูรอบ ๆ บ้านว่าจะต้องซ่อมแซมอะไรบ้าง หลังจากหมดหน้าหนาวค่อยหาทางสร้างบ้านใหม่หรือขยับขยายออกไป.เมื่อเดิ
บทที่ 8 เริ่มต้นชีวิตใหม่พร้อมมิติที่ตามมาเช้าวันต่อมา หยางชิงโม่ที่ตั้งใจจะซ่อมแซมและจัดบ้านของเธอได้ตื่นขึ้นมาแต่เช้าเธอเดินเข้าไปในครัวเพื่อเตรียมอาหารเช้าสำหรับเด็กๆ วันนี้เธอจะเอาข้าวต้มกุ้งจากมิติที่เธอสั่งจากร้านชื่อดังออกมาทาน เธอสั่งมาถึงอย่างละ 500 ชุดเลยทีเดียวเอาเป็นว่าไม่ต้องทำอาหารประเภทข้าวต้มกันไปอีกนานเลย เพราะมันมีทั้งข้าวต้มกุ้ง ข้าวต้มปลา ข้าวหมู ข้าวต้มทะเล รู้สึกอยากทานแบบไหนก็เอาออกมาเลย เธอดีใจที่มีมิติติดมาในยุคนี้ด้วย เพราะไม่เช่นนั้นเธอจะต้องปวดหัวกับการที่จะต้องหาอาหารมาทานแน่นอนถึงแม้ว่าช่วงนี้จะไม่อดอยากเหมือนหลายปีก่อน แต่การจะได้ทานเนื้อสัตว์ก็ไม่ได้บ่อยนัก นอกจากนำข้าวต้มออกมาเธอยังเอาปาท่องโก๋และนมสดออกมาด้วย ลูกๆ ของเธอต้องเริ่มดื่มนมตั้งแต่ตอนนี้ ส่วนเจ้าเสี่ยวเฮยเธอได้เอาเนื้อปลาที่ใส่ในข้าวต้มปลา แยกออกมาให้มันต่างหากด้วย 1 ถ้วยใหญ่เมื่อเตรียมทุกอย่างเรียบร้อยเธอเดินไปปลุกเด็กๆ ให้ตื่นมาล้างหน้า แปรงฟัน โดยเธอนำแปรงสีฟัน ยาสีฟัน สบู่ แชมพู ครีมนวดผม ออกมาวางไว้ในห้องน้ำเรียบร้อยและเธอได้สอนเด็ก ๆ ในการแปรงฟัน ล้างหน้า ด้วยสบู่ ยาสีฟันที่เธอนำมาด
บทที่ 9 ครัวครอบสามีดีเกินไปนะผิดกับธรรมเนียมนิยม นิยายย้อนอดีตส่วนใหญ่หลังจากหยางชิงโม่เดินดูรอบบ้านและจัดแต่งบางส่วนของบ้านเพื่อให้อยู่ได้ก่อนในช่วงนี้ และเธอได้ค้นดูในตู้ใบเก่าพบว่า หยางชิงโม่คนเก่ามีเงินเก็บเอาไว้ถึง 180 หยวนเลยที่เดียว ถ้าเป็นสมัยนี้ก็ถือว่ามีเงินมากพอสมควร นี้หยางชิงโม่คนเก่าคนไม่เคยใช้เงินเลยแน่ๆ ถึงมีเงินเก็บมาขนาดนี้ และคงจะเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เธอป่วยและเสียชีวิตเพราะประหยัดเกินไปไม่ยอมซื้อของมาบำรุงตัวเอง แบบนี้ก็ไม่ไหวนะ ตัวเองอดแล้วยังให้ลูกอดด้วย จะเก็บเงินเอาไว้ทำไมหากว่าลำบากมาก เอาออกมาใช้สิ ..หยางชิงโม่คิดบ่นเจ้าของร่างเดิม จากนั้นเธอก็เก็บเงินเอาไว้ในมิติ เช้าวันต่อมาหลังเธอได้ไปหาพ่อสามีและพี่ชายสามีและน้องสามี และได้บอกให้พวกเขามาช่วยเปลี่ยนหลังคาที่ชำรุด 2-3 แห่ง ทำห้องอาบน้ำ และห้องน้ำให้เธอใหม่ โดยเธอนำชักโครกออกมาและบอกวิธีการติดตั้งให้พวกเขาซึ่งก็ใช้เวลาไม่นานพวกเขาก็สามารถทำได้แล้ว โดยเธอได้ให้ค่าจ้างไปคนละ 20 หยวน ซึ่งพ่อสามีและพี่ชายสามีไม่อยากจะรับมาแต่เธอไม่ยอมและให้เหตุผลว่า ตอนนี้พี่สะใภ้เฉินเจียวกำลังตั้งครรภ์จำเป็นต้องใช้เงิน
บทที่ 19 เฉินหวังตงคือใครกันแน่ (พระเอกออกมาช้าต้องมีเงื่อนงำแน่นอน)หยางชิงโม่ค่อยๆ ยื่นมือออกไปรับกระดาษสีทองจากเจ้าเสี่ยวเฮย ข้อความสีทองบนนั้นส่องประกายระยิบระยับ สะท้อนให้เห็นถึงความลึกลับและอำนาจบางอย่างที่แฝงอยู่"ช่วยเฉินหวังตงให้ได้ แล้วคุณจะมีสิทธิที่จะเลือกว่าจะอยู่ในยุคนี้ต่อไปหรือกลับไปในยุคที่คุณจากมา"...ชิงโม่อ่านข้อความซ้ำแล้วซ้ำเล่า พยายามวิเคราะห์และแยกแยะถึงความหมายที่ซ่อนอยู่ในข้อความนั้น แต่ทุกครั้งที่เธอคิด เธอกลับพบว่าคำถามมากมายผุดขึ้นในหัวของเธอเฉินหวังตงคนนั้นเป็นใครกันแน่?เขาไม่ใช่แค่นายทหารธรรมดาคนหนึ่งหรอกหรือ?เขามีความเกี่ยวข้องอย่างไรกับเธอและเจ้าเสี่ยวเฮย?ทำไมเธอถึงถูกเลือกให้ย้อนเวลากลับมาช่วยเขา?โลกนี้มีผู้คนมากมายเป็นล้านๆ คน ทำไมเธอถึงเป็นผู้ถูกเลือก?ทันใดนั้น ภาพความฝันซ้ำๆ ที่เธอเคยเห็นก่อนจะข้ามเวลาก็ผุดขึ้นมาในความทรงจำ ผู้หญิงคนนั้นที่หน้าตาคล้ายเธอ ผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร? ทำไมเธอถึงได้มาเข้าฝันของเธอ? พวกเขาเกี่ยวพันกันอย่างไร?คำถามมากมายถาโถมเข้ามาในหัวของเธอ จนเธอรู้สึกว่าทุกอย่างเริ่มซับซ้อนขึ้นเรื่อยๆ ก่อนหน้านี้ หยางชิงโม่เพียงคิดว่
บทที่ 18 เฉินหวังตงกลับบ้าน... บาดเจ็บถูกส่งตัวกลับบ้านถึงจะถูก หลีอันเล่อกำลังเลี้ยวรถเข้าหมู่บ้านจากหน้าหมู่บ้าน ระหว่างทางนั้นหยางชิงโม่มองเห็นความวุ่นวายสับสนบางอย่างและมันก็เริ่มใกล้บ้านเธอขึ้นเรื่อย ๆที่หน้าบ้านของเธอ มีรถทหารจอดอยู่หน้าบ้าน คุณพ่อคุณแม่เฉินและพี่น้องของสามีทุกคนยืนกันเต็มหน้าบ้านเธอ สีหน้าของแต่ละคนนั้นซีดเซียวมาก คุณแม่เฉินและน้องห้าเฉินหรงหรง ร้องไห้จนตาบวม โดยคุณแม่นั้นมีสะใภ้ใหญ่ยืนประคองอยู่ท่าทางเหมือนจะล้มได้ตลอด และเธอยังได้ยินเสียงร้องไห้หลายเสียงประสานกันด้วย แน่นอนว่านั้นจะต้องเป็นเสียงของพวกเจ้าเด็กแฝดของเธอแน่ คงจะตกใจที่มีคนมาที่บ้านเยอะแยะไปหมดและอาจจะมีบางสิงบางอย่างเกิดขึ้นด้วย...หยางชิงโม่ใช้มือตบหน้าผากเบาๆ ....มันคงไม่ใช่อยากที่คิดใช่มั้ย?? พล็อตนิยายย้อนเวลาลอยขึ้นมาทันที..…แน่นอน….เฉินหวังตงต้องบาดเจ็บและถูกส่งกลับมาบ้าน….เมื่อรถจอดเธอกระโดดลงจากรถแล้วรีบเดินอย่างรวดเร็วเข้าบ้านไปทันที ลืมแม้กระทั้งของที่เอามาจากกองขยะวันนี้ สะใภ้ใหญ่อู่ชิงชิงรีบเก็บของทุกอย่างแล้วรีบเดินตามเธอเข้าไปในบ้านทันที..ภายในบ้านมีแต่ความสับสนวุ่นวายมาก มีนา
บทที่ 17 แจกันเก่าๆ แตกๆ กับภาพวาดเก่าๆพวกนี้จะเอาไปทำไม? เย็นวันนั้น ทั้งบ้านใหญ่และบ้านรองบ้านสะใภ้ใหญ่อู่ชิงชิงรวมทั้งบ้านป้าหวังได้ทดลองใช้สบู่ แชมพู่ ครีมนวดผม ที่หยางชิงโม่ให้ไป ทุกคนต่างชื่นชอบมาก ดมผม ดมแขนตัวเองอยู่ตลอด โดยเฉพาะป้าหวังนั้น ตอนนี้พ่อเฒ่าหวังซึ่งวนเวียนมาขอดมกลิ่นสบู่ในซอกคอของเธออยู่ร่ำไป รู้สึกว่าพ่อเฒ่าจะชอบกลิ่นกุหลาบสีแดงมากเป็นพิเศษเช้าวันรุ่งขึ้น หยางชิงโม่ก็พาเด็กๆ ไปหาแม่สามีอีกครั้งและยังได้บอกเผื่อไว้เลยว่าช่วงนี้ เธออาจจะยุ่งนิดหน่อยเพราะต้องรับของที่ญาติฝากมาและหาสถานที่ขายและจัดการธุระต่างๆ ด้วย ซึ่งแม่สามีนั้นเข้าใจและดีใจที่อย่างน้อยสะใภ้ของเธอจะได้มีรายได้เพิ่มขึ้นมาบ้าง ลำพังเงินเดือนจากหวังตงนั้นก็ไม่ได้มากอะไรสำหรับแม่ลูกสาม ถ้าได้มาเพิ่มจะได้อยู่สบายขึ้นหน่อย เธอยินดีดูแลเด็กๆ ให้ในช่วงนี้(เอะรู้สึกบางสิ่งบางอย่างหายไปนะ ...อะไรนะ..ต้องมีพระเอกด้วยรึ...เอ้า ลืมบทพระเอกซะงั้น 5555 เอาเป็นตอนหน้าพระเอกมาแน่...)หยางชิงโม่นัดหมายเวลากับสะใภ้ใหญ่อู่ชิงชิงที่จะไปที่กองขยะของราชวงค์เก่ากันตอน 9 นาฬิกา เธอเดินออกมารอที่ถนนหน้าแล้ว วันนี้หยางชิง
บทที่ 16 ลิปสติกสีแดง super red ของ CHANEL ก็ได้มาเยือนยุค 80’ s ด้วยเช่นกันเมื่อตกลงกันได้แล้ว ป้าหวังจะขอทำความสะอาดโต๊ะก่อน แล้วจะให้พ่อเฒ่าหวังยกไปให้ตอนเย็น ซึ่งตอนเย็นนี้นางได้บอกให้ลูกเขยกับลูกชายมาหาที่บ้านเพื่อปรึกษาเรื่องการเป็นตัวแทนขายสินค้าให้กับหยางชิงโม่เมื่อมีขนมเปี๊ยะหล่นจากฟ้าลงมา จะไม่ให้รีบร้อนจัดการได้อย่างไร ...ส่วนสะใภ้ใหญ่อู่ชิงชิง จะให้สามีมาปรึกษาในอีก 2 วันข้างหน้าเพราะสามีเธอลางานได้วันนั้น ซึ่งหยางชิงโม่ก็ตกลง และพวกเธอสองคนยังนัดหมายกันที่จะไปดูกองขยะของราชวงค์ ในวันพรุ่งนี้ซึ่งห่างจากหมู่บ้านหลี่ฮวาเพียง 10 กิโมเมตรเท่านั้นป้าหวังอยากไปด้วยแต่พรุ่งนี้บ้านดองของลูกสาวจะมาเยี่ยมจึงจำเป็นต้องอยู่รอต้อนรับ เมื่อตกลงกันเรียบร้อยทั้งสามคนก็แยกย้ายกันกลับบ้านทันที .ด้านป้าหวังนั้นเอาของที่หยางชิงโมให้มา เข้ามาเก็บที่ห้องนอนนางเปิดดูสบู่ที่ได้มา มันทั้งก้อนใหญ่และกลิ่นหอมมากนางยกขึ้นมาดมแล้วยิ้มกว้าง หอมเหมือนกลิ่นเงินหยวนเลย.นอกจากนี้ยังหยิบกล่องขนาดเล็กๆ ขึ้นมาอีก 1 กล่อง อันนี้หยางชิงโม่เพิ่งจะแอบยื่นให้เธอตอนจะกลับไป บอกว่าเป็นลิปสติกสีสวยที่กำลังเป็น
บทที่ 15 ขยะราชวงค์ยังมีอยู่หรือเปล่านะ เมื่อกลับถึงบ้านก็เป็นเวลาเกือบบ่ายโมง หยางชิงโม่รีบเดินไปที่บ้านใหญ่เพื่อรับเด็กๆ กลับบ้านทันที เมื่อเธอไปถึงเห็นเจ้าเสี่ยวเป่าเอาเก้าอี้เล็กมานั่งรอเธอที่หน้าประตูบ้าน โดยมีพี่ๆ ยืนและนั่งอยู่ใกล้ๆ“แม่!!!!!! แม่กลับมาแล้ว” เสี่ยวเป่าลุกจากเก้าอี้และรีบวิ่งไปหาเธอที่กำลังเดินเข้ามาทันทีเธออุ้มเขาขึ้นมาแล้วหอมแก้มทั้งสองข้างทันที เด็กน้อยแก้มแดงก่ำด้วยความอายแล้วซุกหน้าลงบนไหล่ของเธอ...กระซิบบอกเธอเบาๆ ว่า...“เสี่ยวเป่าคิดถึงคุณแม่มากเลย คุณแม่ไปนานจัง เสี่ยวเป่าร้องไห้ด้วย แต่ว่าพี่ใหญ่บอกว่าหากร้องไห้คุณแม่จะไม่กลับมาเสี่ยงเป่าก็เลยหยุดร้อง แล้วคุณแม่ก็กลับมาจริงๆ ”เด็กน้อยเอ่ยแล้วกอดคอเธอแน่นพลางเล่าเรื่องไปด้วย หยางชิงโม่ยิ้มเล็กน้อยกับเรื่องราวที่เจ้าต้องเล็กกระซิบข้างหูของเธอก่อนจะตอบว่า“แม่ก็คิดถึงเสี่ยวเป่าจ๊ะ แม่มีของเล่นกับขนมมาฝากเยอะเลย ต่อไปเสี่ยวเป่าไม่ต้องร้องไห้นะลูก แม่ไปไม่นาน และทุกครั้งจะกลับมาหาพวกลูกๆ แน่นอน” หยางชิงโม่อุ้มเด็กน้อยพลางบอกเขาให้มั่นใจไปด้วย พวกเด็กเมื่อได้ยินที่คุณแม่ของเขาสัญญาแบบนั้นพวกเขาก็พยักหน้า
บทที่ 14 สินค้าจากเซียงไฮ้หายากและราคาแพงทั้งนั้น นาฬิกา จักรยาน ผ้า จักรเย็บผ้าหยางชิงโม่เดินออกจากตลาดสดด้วยรอยยิ้มบางๆ การเจรจากับเจียงไห่เป็นไปอย่างราบรื่น เธอไม่เคยคิดว่าการทำธุรกิจในยุค 80 จะง่ายขนาดนี้ แต่นั่นก็เพราะเธอมีความได้เปรียบ สินค้าในมิติของเธอล้วนเป็นของที่หายากในยุคนี้เธอเดินมาถึงโกดังที่เช่าไว้ เธอล้วงกุญแจออกมาไขประตูเหล็กบานใหญ่ที่มีสนิมเกาะ เสียงเหล็กเสียดสีดังเอี๊ยดอ๊าด กลิ่นอับชื้นโชยออกมา"เอาละ ได้เวลาจัดการสินค้ากันแล้ว"เธอเริ่มนำจักรยานใหม่เอี่ยมออกมาเรียง แสงแดดที่ลอดผ่านหน้าต่างสะท้อนกับโครเมียมวาววับ ถัดมาคือจักรเย็บผ้าที่ในยุคนี้หาซื้อได้ยาก นาฬิกาข้อมือรุ่นคลาสสิกที่อีก 40 ปีจะกลายเป็นของสะสมราคาแพง และวิทยุทรานซิสเตอร์ที่ยังใหม่กริบ จากนั้นก็เป็นพวกผ้าม้วนหลากสีสันที่เธอเตรียมมาสำหรับขาย และจัดทุกอย่างให้เป็นหมวดหมู่เมื่อเธอพาคนมารับสินค้าจะได้สะดวกไม่ต้องเสียเวลาเอาเข้าเอาออกบ่อยๆ เสร็จแล้วก็เอาแม่กุญแจขนาดใหญ่ 2 ตัวมาล็อคประตูและเดินออกมา ...โดยเธอไม่รู้ตัวเลยว่า ได้ทำธุรกิจกับเจ้าพ่อตัวจริงของเมืองจู่ไห่เรียบร้อยแล้วตอนนี้เป็นเวลาเกือบ 11 โมงแล
บทที่ 13 แก๊งมังกรดำณ แก๊งมังกรดำ ฉีฮ้าว พี่ใหญ่ของแก๊งกำลังนั่งหน้าโต๊ะ ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด แก๊งมังกรดำของเขานั้นก่อตั้งขึ้นมาได้เกือบ 8 ปีแล้ว เขาและท่านนายพลเซี่ย ได้ก่อตั้งตลาดมืดขึ้นเพราะจะได้เป็นทางเลือกให้กับประชาชนที่ต้องการจะซื้อสินค้า อาหาร ในช่วงเวลาที่ยากลำบากนั้น ท่านนายพลเซี่ยเคยเป็นผู้บังคับบัญชาของเขามาก่อน และเมื่อ10 ปีก่อนนั้นเขาถือเป็นนายทหารหนุ่มที่มีฝีมือดีที่สุด และยังเป็นทหารคนสนิทของท่านนายพลเซี่ยแต่แล้วก็มีเหตุการณ์ลอบสังหารขึ้นในระหว่างทางที่ท่านนายพลกำลังจะกลับกองทัพที่ปักกิ่ง ในตอนนั้นเขาซึ่งอยู่ใกล้ได้เอาตัวเข้าขวางวิถีกระสุน ทำให้ท่านนายพลรอดมาได้อย่างหวุดหวิด แต่ตัวเขานั้นบาดเจ็บสาหัส ขา แขน ปอดเสียหายอย่างหนัก ทางโรงพยาบาลแจ้งว่า ขาของเขาไม่สามารถจะกลับมาเดินได้เหมือนปรกติอีกต่อไปเขาสลบไปถึง 2 สัปดาห์เมื่อฟื้นขึ้นมาเขาขอย้ายมาอยู่ที่เมืองจู่ไห่ที่เป็นบ้านเกิดของเขาและตั้งใจจะลาออกเพื่อกลับมาทำนาที่บ้าน ซึ่งท่านนายพลก็อนุญาตให้เขาลาออก ระหว่างนั้นคุณหนูเซี่ยจางหยุนลูกสาวคนสุดท้องของท่านนายพลเซี่ยซึ่งกำลังคบกันกับเขาอยู่และทั้งสองว่างแผนจะแต่งงานกันใ
บทที่ 12 ไม่มีใครสามารถโกงแก๊งมังกรดำได้ ขณะที่รถค่อยเคลื่อนเข้าสู่ตัวเมืองหยางชิงโม่สังเกตสภาพความเป็นอยู่มากมายระหว่างทาง ถนนหนทางในยุค 80 ยังเป็นถนนดินแดงสลับกับถนนลูกรังเป็นส่วนใหญ่ ผู้คนส่วนใหญ่ใช้จักรยานเป็นพาหนะ มีรถยนต์ผ่านไปมาน้อยมาก"ถ้าเทียบกับปี 2024 แล้ว ที่นี่เหมือนคนละโลกเลย" หยางชิงโม่พึมพำกับตัวเอง ขณะมองดูอาคารเก่าๆ ที่ยังไม่ได้รับการพัฒนา บริเวณที่ในอนาคตจะกลายเป็นตึกระฟ้าและศูนย์การค้าหรูหราเมื่อรถแทรกเตอร์ของหมู่บ้านเดินทางมาถึงตัวเมืองจู่ไห่ก็เป็นเวลา 9 โมงเช้าพอดี หลีอันเล่อบอกทุกคนว่าจะรอที่ทางเข้าหน้าตลาดสด และจะจอดรอจนถึงเวลา 12 นาฬิกาเท่านั้นถ้าใครอยากจะกลับด้วยก็ให้มาให้ตรงเวลาเมื่อทุกคนต่างแยกย้ายกันไปทำธุระของแต่ละคน หยางชิงโม่ก็เดินตรงไปที่ตลาดสดเพื่อดูว่าในร้านแต่ละร้านมีสินค้าแบบไหนบ้าง เธอเดินเข้าไปในตลาดกลางเมือง สังเกตราคาสินค้าต่างๆ อย่างละเอียด เห็นผู้คนกำลังต่อคิวซื้อของใช้จำเป็น บางร้านมีป้าย "ต้องใช้คูปองแลกซื้อเท่านั้น" ติดอยู่ เธอจดบันทึกราคาสินค้าพื้นฐานไว้ในใจ:ข้าวสาร 1 กิโลกรัม ราคา 2.14 หยวนเนื้อหมู 1 กิโลกรัม ราคา 2.20 หยวนน้ำตาลทร
บทที่ 11 กำลังง่วงนอนก็มีคนส่งหมอนให้ทันทีเมื่อพิจารณาถึงสถานการณ์ปัจจุบันของตัวเองแล้วตอนนี้เธอไม่รู้จักใครที่นี้เลย ที่จะนำสินค้าของเธอไปขายได้ ดังนั้นเธอต้องวางแผนที่จะทำให้สินค้าของเธอเป็นสินค้าที่ขายส่งให้กับห้างร้านขนาดเล็กใหญ่และหาตัวแทนจำหน่ายเท่านั้น ดังนั้นเธอจึงได้ทำรายชื่อห้างร้านรวมถึงตลาดสดที่เธอต้องการที่จะส่งสินค้าให้พวกเขา โดยเท่าที่เธอหาข้อมูลมานั้น สินค้า ประเภท สบู่ ยาสระผม ยาสีฟัน เสื้อผ้า ของเล่น รวมถึงอาหารสดประเภทต่างๆ ยังคงเป็นสินค้าที่หายากในยุคนี้ แต่ด้วยความที่เธอตัวคนเดียวสินค้าที่เป็นประเภทอาหารสดเธอจะยังไม่นำออกมาขาย แต่จะเสนอขายสินค้าประเภทของใช้ในชีวิตประจำวันให้กับทางห้างและตลาดสดดูก่อน โดยเธอได้นำตัวอย่างสินค้าที่จะเสนอขายไปด้วย อย่างละ 10 ชิ้นเมื่อออกจากบ้านใหญ่เธอกลับมาที่บ้านตัวเองแล้วเตรียมอาหารเที่ยงสำหรับเด็กๆ และได้เตรียมเผื่อบ้านใหญ่ด้วยเลย โดยเธอได้เอาขาหมูพะโล้หม้อใหญ่ออกมาและอกไก่ชุบแป้งทอดออกมาใส่ตะกร้าแล้วเดินออกไปที่บ้านใหญ่พร้อมพวกเด็กๆ อีกครั้งซึ่งเธอได้คุยกับเด็กๆ แล้วว่าวันนี้จะไปรับของที่คุณยายคุณตาส่งมาให้ ดังนั้นจึงให้พวกเขาไป