แชร์

บทที่ 22

ผู้เขียน: ปาเย่วเซิ่งเซี่ย
จ้านเป่ยว่างรีบหยุดนางไว้ "ท่านแม่ ท่านฟังข้านะ สินเดิมของนางข้าไม่เอา"

ฮูหยินผู้เฒ่าพูดด้วยความโกรธ "เจ้านี่โง่มากจริงๆ ลูกโง่เอ๊ย นางรังแกเรา เจนเราตกอยู่ในสภาพแบบไหนแล้ว เจ้ายังใจอ่อนกับนาง นางต้องการชีวิตของแม่ของเจ้านะ!"

จ้านเป่ยว่างตั้งใจแน่วแน่ว่า "ท่านพ่อ ท่านแม่ พี่ชายใหญ่ การยึดสินเดิมของนางมิใช่การกระทำของลูกผู้ชาย พรุ่งนี้ขอให้ท่านพ่อและพี่ชายใหญ่เชิญหัวหน้าทั้งสองตระกูลมา และแม่สื่อที่จะเป็นผู้จับคู่ในวันนั้นเพื่อเป็นพยานให้ ส่วนเพื่อบ้านต่างๆ ก็เรียกสักสองสามคนเพื่อทำตามขนบธรรมเนียมก็เท่านั้น"

"คนที่เป็นแม่สื่อของพวกเจ้า เป็นพระชายาอ๋องเยี่ยน" จ้านจี้ขมวดคิ้ว "พระชายาอ๋องเยี่ยนเป็นลูกพี่ลูกน้องของนางซ่งและเป็นน้าของซ่งซีซี"

ฮูหยินผู้เฒ่าพูดว่า "ถ้าอย่างนั้นก็อย่าไปเชิญนาง ไปหาแม่สื่อที่มาทำพิธีให้คนนั้น ข้าจำได้ว่าได้รับเชิญจากซีฟาง"

พระชายาอ๋องเยี่ยนมีสุขภาพย่ำแย่ ดังนั้นจวนอ๋องเยี่ยนเลยมอบให้พระชายารองจัดการหมด แม้ว่าจวนแม่ทัพจะไม่เกรงกลัวพระชายาอ๋องเยี่ยนที่ไม่ได้ที่โปรดและไร้บุตรด้วย แต่ก็ยังพยายามอย่างเต็มที่ที่จะไม่สร้างปัญหากับราชวงศ์

จ้านเป่ยว่างกล่าวว่า "ให
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
บทที่ถูกล็อก
ความคิดเห็น (14)
goodnovel comment avatar
Kantitat
สนุกดีนะ เล่าดีเทลได้ดี เห็นภาพ เห็นวิถีชีวิต วิธีคิดของตัวละคร แต่ตอนนึงยาวกว่านี้หน่อยจะดี เท่าซัก 2-3 ตอนปกติ อย่าเอาเปรียบคนอ่านเกินไปนักเลย
goodnovel comment avatar
Kantitat
เอ้ออออ สมน้ำหน้าอิแม่ทัพสองตัวนี่จริง ๆ ...
goodnovel comment avatar
Kantitat
ฮ่องเต้เริ่ดมากกกก รอบคอบ และมาทันเวลาพอดี .........
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

บทที่เกี่ยวข้อง

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 23

    ยี่ฝางครุ่นคิด โดยชั่งน้ำหนักข้อดีและข้อเสียในใจของตัวเองการหย่าร้างกับภรรยาย่อมส่งผลเสียมากกว่าผลดี ไม่ใช่ว่านางไม่ให้ความสำคัญกับฐานะภรรยาเอก แต่การหย่าในตอนนี้จะเป็นอุปสรรคต่ออนาคตของพวกเขาอนาคตของนางเองมีความสำคัญมากโดยธรรมชาติเพียงแต่ว่า คนนั้นคือซ่งซีซี เมื่อพบนางในวันนั้น และเห็นรอยยิ้มที่มีเสน่ห์ของนาง ก็เกิดความรู้สึกไม่สบายใจมากนี่เป็นรูปลักษณ์ที่เหมือนนังจิ้งจอกซึ่งสามารถหลอกล่อผู้คนได้ง่ายเสมอ ไม่อน่ว่าจ้านเป่ยว่างจะตกหลุมรักนางอีกครั้งในอนาคตหลังจากที่เขาหย่ากับนาง ตัวเองก็กลายเป็นภรรยาเอกทันทีที่แต่งงาน สิ่งที่ทำให้ท่านพ่อของนางไม่พอใจในตอนแรกคือภรรยาที่เท่าเทียมกันก็เป็นอนุภรรยาด้วย เมื่อนางเป็นภรรยาเอกท่านพ่อของนางไม่มีเหตุผลที่จะไม่พอใจอีกเลยอีกอย่าง มีใครบ้างที่ไม่อยากเป็นภรรยาเอกล่ะ? เหตุผลที่นางตกลงกันก่อนหน้านี้คือนางไม่มีทางเลือก เพราะความรักของทั้งคู่เกิดขึ้นหลังจากที่เขาแต่งงานแล้ว โชคดีที่พวกเขายังไม่ได้ร่วมรักกันนอกจากนี้ หญิงสาวที่บอบบางและอ่อนแอจากตระกูลขุนนางคนหนึ่งนางมีความมั่นใจในตัวว่าสามรถควบคุมอีกฝ่ายได้ แล้วเป็นนายหญิงของครอบครัวแล้วทำไม

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 24

    จ้านเป่ยว่างตกตะลึง "แต่ช้าจะเอาสินเดิมของนางได้อย่างไร ข้าเป็นถึงแม่ทัพชั้นสี่ เป็นลูกผู้ชาย จะใช้สินเดิมของสตรีที่ถูกทอดทิ้งได้อย่างไร"ยี่ฝางคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วหันไปมองนาง สีสายตาหนักแน่น "ท่านแม่ของเจ้าต้องกินยาประจำ และยาก็ไม่ใช่ถูกด้วย ความสำเร็จในการออกศึกของเราในครั้งนี้ใช้กับพระราชทานอภิเษกสมรสแล้ว และไม่มีค่าตอบแทนอะไรอีก ถึงแม้ว่าเราเป็นแม่ทัพชั้นสี่ เงินเดือนประจำปีของพวกเราก็มีแค่นั้น ต่อให้ใช้กับจวนหมด ก็คงใช้จ่ายไม่ไหว""อีกอย่าง..." นางรู้สึกน่าละอายใจเล็กน้อยที่จะพูดแบบนี้ จากนั้นจึงรีบเสริมขึ้นว่า "แม้ว่าเราจะสะสมผลงานทางทหารต่อไปในอนาคต แต่มันก็ไม่ใช่ใช้เวลาน้อยๆ ข้าราชการฝ่ายทหารมักจะลำบากหน่อย จะปล่อยให้อาการของท่านแม่เจ้าแย่ลงไม่ได้ ดังนั้น คืนให้ทั้งหมด ไม่ก็ยอมรับการถูกหาว่าเป็นลูกอกตัญญู"จ้านเป่ยว่างไม่ได้คิดว่านางจะพูดแบบนั้น เขาไม่สามารถบอกได้ว่าความรู้สึกในใจของเขาคือความผิดหวังหรือจนใจ แต่ถ้าเขาคิดดูดีๆ แล้ว สิ่งที่ยี่ฝางพูดก็สมเหตุสมผล หวังดีกับเขานางก็กลัวว่าเขาจะถูกกล่าวหาว่าอกตัญญูและจะถูกขุนนางจับผิด จนส่งผลกระทบต่ออนาคตของเขาเมื่อคิดถึงเช่นนี

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 25

    จ้านจี้รู้ดีว่าซ่งไท่กงเป็นคนใจร้อนและรับมือได้ยาก เลยไม่กล้าทำให้เขาขุ่นเคือง "ท่านผู้เฒ่า อย่ากังวลเลย ที่ข้าเชิญท่านมาที่นี่วันนี้เพื่อจัดการกับเรื่องของเด็กสองคนอย่างชัดเจน โปรดอย่า ใจร้อน"ซ่งซื่ออันก็ปลอบโยนปู่ของเขาและพูดว่า "เดี๋ยวรอซีเอ๋อร์ออกมา เราค่อยถามนาง จะปล่อยให้ครอบครัวของพวกเขาได้ตัดสินใจในทุกสิ่งหมดไม่ได้อยู่แล้ว"ซ่งไท่กงพูดด้วยความโกรธ "ไม่ว่าอย่างอื่นเลย แค่มองจากจ้านเป่ยว่างที่ออกเดินทางทำศึกมาหนึ่งปีนี้ ซีเอ๋อร์ของเรารอเขามาหนึ่งปีเต็มๆ แถมดูแลพ่อแม่สามี ดีต่อญาติพี่น้องในบ้าน จัดการเรื่องในบ้าน เขาก็ไม่ควรรังแกนางเช่นนี้""ท่านผู้เฒ่าใจเย็นๆ ก่อนนะ รอจนกว่าทุกคนมาครบแล้วค่อยว่ากันก็ไม่สายไปนะ" จ้านเป่ยว่างกล่าวอย่างสงบเขาไม่กล้าเชิญเพื่อนบ้านมาเข้าร่วม เพื่อนบ้านของจวนแม่ทัพเป็นขุนนางทั้งนั้น หากเรียนเชิญขุนนางมาเป็นพยานที่เจาจะหย่า มันก็ส่งผลเสียต่ออนาคตของเขาเดิมที จ้านเป่ยว่างอยากเชิญขุนนางที่ดูแลทะเบียนบ้านมาประทับตราหนังสือหย่า แต่เขาก็คิดว่าหลังจากลงนามในหนังสือหย่าแล้ว เขาจะไปส่งไปที่สำนักรัฐด้วยตัวเอง และไม่ต้องการให้คนจำนวนมากไปรู้เรื่องนี้ส่ว

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 26

    ซ่งซีซีมองดูเขา ใบหน้าที่สวยงามของนางเผยรอยยิ้มเยาะเย้ย "แม่ทัพยี่ฝาง คิดเข้าข้างข้าจริงๆ ยังเหลือสินเดิมได้ครึ่งหนึ่งไว้ให้ข้า""ไม่ นี่ไม่ใช่จดหมายของยี่ฝาง ไม่ใช่นางเขียน" จ้านเป่ยว่างแต่ตัว จดหมายได้ลงนามในตอนท้าย ดังนั้นการแก้ตัวของเขาจึงไร้ประโยชน์ซ่งซีซีเงยหน้าขึ้นมอง "งั้นเหรอ? งั้นข้าขอถามแม่ทัพสักคำ การหย่าในวันนี้ จะคืนสินเดิมทั้งหมดให้ข้าเอาไปหรือไม่?"ก่อนที่อ่านจดหมายฉบับนี้ จ้านเป่ยว่างคงตอบอย่างแน่นชัดว่าคืนให้หมด แม้ว่าท่านพ่อและท่านแม่จะคัดค้านก็ตามอย่างไรก็ตาม ในเมื่อยี่ฝางเขียนจดหมายและขอให้เก็บสินเดิมไว้ครึ่งหนึ่ง หากเขาไม่ทำตามที่ยี่ฝางบอก ยี่ฝางคงจะผิดหวังมากซ่งซีซียิ้มและพูดว่า "ลังเลเหรอ? ดูเหมือนว่าพวกเจ้าก็ไม่ได้มีศักดิ์สิทธิ์อะไรมากนี่!"เสียงของนางแผ่วเบา แต่ทุกคำพูดกลับแทงใจดำนางรอยยิ้มของนางราวกับดอกไม้ที่บานในต้นฤดูใบไม้ผลิ แต่กลับเย็นชาราวกับน้ำแข็งจ้านเป่ยว่างรู้สึกทั้งละอายใจและรำคาญด้วย แต่พูดไม่ออกสักคำ เขาทำได้เพียงมองดูนางเดินผ่านไปพร้อมกับเยาะเย้ยเมื่อซ่งไท่กงเห็นซ่งซีซี เขาก็ถามทันทีว่า "ซีซี ที่จวนแม่ทัพได้รังแกเจ้าหรือไม่ เจ้าไม

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 27

    "ห้าส่วน!" จ้านเป่ยว่างที่ยืนอยู่ที่ประตู และชำเลืองมองทุกคนที่อยู่ข้างใน แต่หลับหลบหนีสายตาของซ่งซีซี "สินเดิมของนางจะคืนให้ห้าส่วน หากซ่งไท่กงและท่านลุงซ่งไม่พอใจก็สามารถไปร้องเรียนที่สำนักรัฐ ว่าสิ่งที่ข้าทำนั้นผิดกฏหรือไม่"ซ่งซื่ออันพูดด้วยความโกรธ "ห้าส่วน เจ้ากล้าพูดมากจริงๆ ตอนที่ซีซีแต่งงานดับเจ้า ขบวนสู่ขอที่ยาวเป็นสิบลี้ นั่นมันเงินเท่าไหร่ บ้านไร่ และร้านค้ามากเท่าไร พวกเจ้าโลภมากจริงๆ"จ้านเป่ยว่างจับจดหมายที่ถูกจับจนไม่เป็นท่าในมือแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา "ข้าบอกแล้ว พวกเจ้าสามารถไปฟ้องร้องได้ ข้าได้เตรียมจดหมายหย่าแล้ว และจะมอบให้พวกเจ้าอ่านก่อน!"เขาส่งสัญญาณให้พ่อบ้านส่งจดหมายหย่า และซ่งซีซีก็เอื้อมมือไปรับพ่อบ้านถอนหายใจเงียบๆ แล้วก้าวถอยหลังไป ฮูหยิงใจดีขนาดนั้น ทำไมต้องหย่ากับนางด้วยเล่า?ซ่งซีซีอ่านดูจดหมายหย่าสักพัก แล้วพบว่าเป็นเขาที่เขียนเองจริงๆ ปีที่ผ่านมานี้นางได้รับจดหมายจากเขามาบ้าง เลยจำลายมือของเขาได้จดหมายหย่านั้นเรียบง่ายมาก แค่กล่าวถึงความอกตัญญูและความอิจฉาริษยาของนางเพียงสั้นๆ และสุดท้ายก็ขออวยพรให้นางได้พบกับคนที่ใช่อีกครั้ง"หวังว่าต่อไปท

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 28

    ซ่งไท่กงและซ่งซื่ออันถูกฮูหยินผู้เฒ่าจ้านโต้แย้งจนพูดอะไรไม่ออก เพราะนางพูดถูก ตระกูลซ่งไม่มีคนที่มีความสามารถจริงๆ ส่วนจ้านเป่ยว่างกำลังเป็นที่โปรด ส่วนแม่ทัพหญิงยี่ฝางคนนี้ก็มีอนาคตที่ดีด้วย"ท่านแม่หยุดพูดเถอะ เรื่องนี้จบกันแค่นี้เลย!" จ้านเป่ยว่างไม่อยากพูดรุนแรงเกินไป เขาแค่อยากจะจัดการเรื่องนี้ให้เสร็จโดยเร็วที่สุด จากนั้นค่อยเตรียมงานแต่งงานที่จะแต่งยี่ฝางเข้าบ้านการยึดสินเดิมครึ่งหนึ่งก็ไม่ใช่ความต้องการเดิมของเขา ดังนั้นเขาจึงรู้สึกผิดต่อตระกูลซ่งอยู่เสมอคนอื่นๆ ไม่ได้พูดอะไรมาก สมาชิกในตระกูลจ้านต่างก็รู้สึกร้อนตัว และไม่สามารถโต้กลับเหมือนฮูหยินผู้เฒ่าโดยเฉพาะบ้านรอง พวกเขารู้สึกไม่สบอารมณ์มาก ทำตัวราวกับคางคกขึ้นวอชัดๆ นางเสียใจที่ตัวเองมาที่นี่ด้วย ทำให้นางตกอยู่ในสานการณ์ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกเลย"ซ่งซีซี นำรายการสินเดิมออกมาด้วย!" ฮูหยินผู้เฒ่าจ้านพูดอย่างเย็นชา "ข้ารู้ว่าเจ้าเก็บรายการสินเดิมไป ในเมื่อเป่ยว่างตกลงที่จะเหลือห้าส่วนให้เจ้า งั้นก็มาแบ่งตามรายการสินเดิมเลย!"เพื่อป้องกันไม่ให้ซ่งซีซีทำอะไรอย่างลับๆ นางกล่าวว่า "อย่าคิดจะหลอกข้าด้วยรายการสินเดิมปลอ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 29

    จ้านเป่ยว่างมองดูที่ซ่งซีซีด้วยความตกใจ ความสามารถด้านศิลปะการต่อสู้ของนางแค่เก่งกว่าเขาเพียงยชนิดหน่อยได้อย่างไร? แม้ว่ามีเขาเป็นสิบคนร่วมมือกันก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของซ่งซีซีได้นางต่อสู้เป็นด้วย ทำไมไม่เคยบอกเรื่องนี้มาเลย?ซ่งซีซีถือรายการสินเดิมแล้วยิ้มให้เขา รอยยิ้มนี้สดใสราวกับดวงอาทิตย์ที่สดใสในช่วงกลางฤดูร้อนแต่แล้วนางก็โยนใบรายการสินเดิมขึ้นในกลางอากาศ และเมื่อมันตกลงอีกครั้ง ใบรายการนั้นก็กลายเป็นเศษกระดาษไปแล้ว ราวกับหิมะสีขาวที่ตกลงมาในฤดูหนาว"อ๊า เจ้าทำรายการสินเดิมเสียหาย" ฮูหยินผู้เฒ่าจ้านใจจะขาดอยู่แล้วเมื่อเห็นเหตุการณ์นี้ และนางก็โกรธมาก "ช่างบังอาจ ออกไปซะ ข้าวของของจวนแม่ทัพเจ้าไม่สามารถเอาออกไปแม้แต่ชิ้นเดียว แม้แต่เสื้อผ้าของเจ้าด้วย"ซ่งซีซียิ้มและพูดว่า "เจ้าคิดว่า ของที่ข้าต้องการเอาออกจากจวนแม่ทัพ มีคนมาห้ามได้เหรอ"ฮูหยินผู้เฒ่าจ้านโกรธเกรี้ยว "เจ้ากล้าดียังไง ถ้าเจ้ากล้าเอาไป ข้าจะไปฟ้องกับสำนักรัฐ เจ้าถูกไล่ออก เจ้าอย่าคิดจะเอาสินเดิมไปแม้แต่เบี้ยเดียว!"นางจูงมือแม่นม แล้วออกคำสั่งอย่างเร่งรีบ "ใครก็ได้ ไล่นางออกไป แม้แต่คนที่นางพามาด้วยอย่าให้ไปไหน

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 30

    ซ่งซีซีคำนับให้ ค่อยๆ ผ่อนคลายไหล่ของนางออก พระราชโองการนี้มาช้ามาก แต่โชคดีที่มาทันเวลา "ซ่งซีซีขอบพระทัยความเมตตาของพระองค์เพคะ!"จ้านเป่ยว่าง ซีดเซียวและตกตะลึงตอนนั้นที่ซ่งซีซีเข้าวังกลับเพื่อขอให้ฮ่องเต้อนุญาตให้หย่าโดยสันติงั้นเหรอ?ไม่ใช่เพื่อขัดขวางการแต่งงานของเขากับยี่ฝาง?นับตั้งแต่ที่นางรู้เรื่องการพระราชทานอภิเษกสมรสแล้ว นางก็วางแผนจะหย่าโดนสันติเหรอ?เขาเคยคิดว่าวิธีการทั้งหมดที่นางใช้เป็นเพียงต้องการผูกขาดเขา ดังนั้นเขาจึงคิดว่านางเป็นคนขี้อิจฉา ตระหนี่ เห็นแก่ตัว ใจแคบ ใจแคบ ไม่ยอมผู้อื่น และถึงขั้นน่ารังเกียจด้วยซ้ำแต่ปรากฎว่าไม่ใช่...จ้านเป่ยว่างมีความรู้สึกที่อธิบายไม่ถูกในใจ เมื่อดูซ่งซีซีรับพระราชโองการ รอยยิ้มอันอบอุ่นก็ปรากฏบนใบหน้าของนาง มันดูสดใสและน่าประทับใจอย่างอธิบายไม่ได้ ทันใดนั้นเขาก็จำได้ว่าครั้งแรกที่เขาเห็นนาง เขาถูกดึงดูดความสนใจโดยรูปร่างหน้าตาของนางทันทีทันทีที่เขาเห็นนางครั้งแรก ขนาดทำให้เขาลืมหายใจด้วยซ้ำแต่ต่อมา เขาได้พบกับยี่ฝาง...ฮูหยินผู้เฒ่าจ้านไม่คาดคิดว่าเรื่องจะกลายเป็นเช่นนี้ นางไม่เคยคาดคิดว่า ซ่งซีซีจะเป็นฝ่ายขอหย่าโดยส

บทล่าสุด

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1566

    ปลายฤดูใบไม้ร่วงเดือนสิบ เป็นฤกษ์มงคลแต่งงานของหวังเยว่จางกับเสิ่นว่านจือ แท้จริงแล้วเมื่อปีที่แล้วในคืนเทศกาลกลางฤดูใบไม้ร่วง เสิ่นว่านจือก็ตอบรับคำขอแต่งงานของหวังเยว่จางแล้ว ตลอดเส้นทางที่เคียงข้างกันมานี้ นางรู้สึกว่าเขาเป็นคนที่คู่ควรให้นางมอบหัวใจให้โดยแท้จริง ตอนที่นางตอบตกลง นางก็ตั้งใจจริงอย่างที่สุดว่าจะแต่งงาน จึงให้อารมณ์ในห้วงขณะนั้นเป็นผู้ตัดสิน ผ่านมาหนึ่งปีเต็มกว่าจะจัดพิธีแต่งงานได้ มิใช่เพราะต้องเตรียมของหมั้นหรือของสินเดิมมากมายอย่างไรเสีย ของเวืยเดืใของเสิ่นว่านจือ ทางตระกูลเสิ่นก็เริ่มจัดเตรียมตั้งแต่ปีที่นางถือกำเนิด ทุกปีก็เติมเพิ่มเข้าไป บัดนี้ถึงกับซื้อบ้านและเรือนสวนในเมืองหลวงไว้ให้แล้ว ส่วนของหมั้น ทางภูเขาเหม่ยชานก็เตรียมไว้ตั้งนานแล้ว ที่เรื่องแต่งงานล่าช้าออกมาจนถึงตอนนี้ เป็นเพราะความเห็นไม่ลงรอยกัน ทั้งตระกูลเสิ่น สถาบันชื่อเยียน สถาบันว่านซงเหมิน รวมทั้งตัวเสิ่นว่านจือเอง ต่างก็มีความเห็นไม่ตรงกัน เสิ่นว่านจืออยากออกเรือนจากจวนอ๋อง แล้วให้หวังเยว่จางมารับตนกลับไปที่บ้านเรือนของเขา วิธีนี้สะดวกยิ่ง ไม่ต้องเดินทางไกลกลับไปถึงเจียงหนาน

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1565

    วันที่สองเดือนสอง มังกรเงยหัวขึ้น หมอมหัศจรรย์ดันกลับมาจากสำนักเทพโอสถแล้ว เดินทางเหน็ดเหนื่อยฝ่าลมฝุ่นมาตลอดทาง พอเข้าเมืองหลวงได้ก็รีบเข้าวังทันที ยังมิได้กลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเสียด้วยซ้ำ ขณะนั้นจักรพรรดิ์ซูชิงกำลังทรงหารือราชกิจในห้องทรงพระอักษร เมื่อทรงได้ยินว่าหมอมหัศจรรย์ดันมาขอเข้าเฝ้า ก็ทรงให้ขุนนางออกไปทั้งหมด เหลือเพียงเซี่ยหลูโม่ แล้วเชิญหมอมหัศจรรย์ดันเข้าตำหนัก หมอมหัศจรรย์ดันออกจากเมืองหลวงไปหนึ่งปีกับหนึ่งเดือนแล้ว รูปกายดูแก่ลงมาก ผมข้างหูขาวโพลน จักรพรรดิ์ซูชิงเสด็จลงมาประคองเขาที่ยังมิทันได้คำนับ การรอคอยตลอดหนึ่งปีนี้ บัดนี้ใกล้ได้รับคำตอบแล้ว แต่พระองค์กลับทรงรู้สึกหวั่นเกรงขึ้นมา “วางใจเถิด” หมอมหัศจรรย์ดันกล่าวคำสองคำก่อนเป็นอันดับแรก ทำให้พระทัยของจักรพรรดิ์ซูชิงกับเซี่ยหลูโม่ที่แขวนอยู่ค่อยๆ วางลง เมื่อเชิญหมอมหัศจรรย์ดันนั่งเรียบร้อยแล้ว เขาก็ทอดถอนใจแล้วกล่าวว่า “เดิมทีเคยเขียนจดหมายมาบอกว่าอาการทรงตัว ไร้ภัยถึงชีวิต แต่ยังไม่ทันได้ส่งจดหมายนานก็เกิดอาการป่วยไอเป็นเลือดขึ้นมา โรครุนแรงฉับพลัน ข้าคิดว่าเขาคงทนไม่ไหวเสียแล้ว คนแทบจะสิ้นใจไปแ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1564

    ฝนฤดูใบไม้ผลิชุ่มฉ่ำดั่งน้ำมัน แม้เป็นฝนเดือนสี่ ก็ไม่ถือว่ามาสายจักรพรรดิ์ซูชิงยืนอยู่ที่หน้ามุขนอกห้องทรงพระอักษร ทอดพระเนตรโคมลมพลิ้วไหวท่ามกลางสายฝนยามราตรี สิ่งที่ทอดพระเนตรดูประหนึ่งความฝัน ประหนึ่งความจริง เงาร่างของเซี่ยหลูโม่เลือนหายไปในสายฝนเนิ่นนานแล้ว มองก็ไม่เห็นอีกต่อไป พระทัยของพระองค์เต็มไปด้วยความขมขื่น ระลึกถึงภาพที่เขากลืนโอสถนั้นลงไปอย่างเด็ดเดี่ยวแน่วแน่ มิได้มีแม้แต่เสี้ยววินาทีของความลังเล ขณะเดียวกันที่พระองค์รู้สึกวางพระทัย ก็กลับเจ็บปวด เป็นพระองค์เองที่บีบบังคับพระอนุชาให้ถึงจุดนี้ ทั้งเขาและภรรยาก็ยังหนุ่มสาวนัก ไม่จำเป็นต้องมีอนุ ก็สามารถให้กำเนิดบุตรชายหญิงได้สามถึงห้าคน แต่เมื่อกินโอสถนั้นลงไปแล้ว สายโลหิตของเขาก็ขาดสะบั้น แม้จะสามารถรับบุตรบุญธรรม แต่ถึงอย่างไรก็หาใช่สายเลือดของตนเอง จะไม่ให้นับเป็นความอาลัยได้อย่างไร? ในฐานะพี่ชาย พระองค์รู้สึกเสียดายและเจ็บปวดอย่างหาที่เปรียบมิได้ แต่ในฐานะฮ่องเต้ พระองค์ก็สามารถวางพระทัยได้อย่างแท้จริง ความรู้สึกขัดแย้งนี้ ทำให้พระองค์ทอดถอนพระทัยเบาๆ ตรัสว่า “ในใต้หล้า จะมีหนทางใดเล่าที่สมบูรณ์

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1563

    ทันทีที่ซ่งซีซีเห็นยาทำหมัน นางก็รู้สึกตระหนกในใจ เอ่ยเสียงเบา “ฝ่าบาททรงระแวงเจ้าอีกแล้วหรือ?”เซี่ยหลูโม่ส่ายหน้า “ตอนนี้ไม่ระแวงแล้ว กลับกัน พระองค์ทรงไว้เนื้อเชื่อใจอย่างมาก บรรดาราชฎีกาส่วนใหญ่ก็ต้องผ่านมือข้ากับท่านเจ้ากรมก่อนถึงโต๊ะทรงพระอักษรของพระองค์เสียอีก”“เช่นนั้นแล้วไยต้องคิดถึงเรื่องนี้?” ซ่งซีซีไม่เข้าใจ“พิจารณาอยู่สามข้อ” เซี่ยหลูโม่วางยาเม็ดนั้นลงเบาๆ แล้วจับมือนางไว้แน่น “ข้อแรก ฝ่าบาทที่ไว้ใจข้าในยามนี้ ก็เพราะเพิ่งผ่านเรื่องราวมากมายมา อีกทั้งพระอาการก็ทรงทรงตัว จึงปลอดโปร่งจากความระแวง แต่หากวันใดพระอาการทรุด ข้ากลับมีอำนาจล้นมือ แล้วยังมีบุตรชายอีก... เช่นนั้น ข้าจะกลายเป็นภัยคุกคามในสายพระเนตรแน่นอน”ซ่งซีซีพยักหน้าเข้าใจ “เช่นนั้นเราก็รอสักสองสามปีก็ได้ไม่ใช่หรือ? เดิมทีท่านก็เคยกินยาครั้งหนึ่ง มันควบคุมได้ถึงห้าปีมิใช่หรือ? ตอนนี้ก็ครบห้าปีแล้ว กินอีกเม็ดก็อยู่ได้อีกห้าปีมิใช่หรือ?”เซี่ยหลูโม่กำมือแน่นขึ้น “ยานี่ก็คือเม็ดที่สอง ครั้งแรกกินแล้วคุมได้ห้าปี แต่ครั้งที่สอง... จะเป็นหมันถาวร ชิงเชวี่ยบอกว่า หากข้าไม่กิน... เจ้าต้องดื่มยาคุมกำเนิด ยานั้นทำร้

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1562

    สุดท้าย พระสนมเต๋อเฟยก็ทนไม่ไหว... นางจากไปแล้วตั้งแต่ที่รู้ว่าองค์ชายรองกลายเป็นคนปัญญาอ่อน และถูกส่งไปอยู่วัดใช้ชีวิตที่เหลือ นางก็ดูเหมือนจะหมดแรงใจความเจ็บปวดเหมือนหนามที่ฝังแน่นในกระดูก ทรมานนางทุกลมหายใจ กระทั่งคืนหนึ่งที่เหน็บหนาว นางก็จากไปอย่างเงียบงันไทเฮาออกคำสั่งด้วยตนเอง จัดการส่งข้ารับใช้ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องทั้งหมดออกจากวัง ส่วนจัดการอย่างไร ซ่งซีซีและผู้อื่นก็ไม่มีใครล่วงรู้ได้ในวังหลัง... ชั่วพริบตาเดียว ฮองเฮากับสองพระสนมผู้มีอำนาจต่างสิ้นชีพ ไทเฮาเองก็สุขภาพไม่ดี จึงให้พระสนมกงเฟยรับหน้าที่ดูแลวังหลังชั่วคราวจักรพรรดิ์ซูชิงไม่คิดจะตั้งฮองเฮาขึ้นใหม่อีก วังหลังเรียบง่ายหน่อย ย่อมลดปัญหาตามมาได้แต่พระสนมกงเฟยกลับไร้ความสามารถ ทำให้เกิดปัญหาขึ้นแทบทุกสามวัน สองวัน แค่เรื่องจัดสรรเบี้ยหวัดค่าอาหารเครื่องนุ่งห่มของพระสนมฝ่ายใน รวมถึงเงินเดือนของข้าราชบริพารในวัง ก็ทำให้เกิดความวุ่นวายกันทั้งตำหนักนางต้องการชื่อเสียงว่าเป็นหญิงผู้รู้จักประหยัดมัธยัสถ์ ลดค่าใช้จ่ายในวัง จึงลดเงินเดือน ลดเครื่องแต่งกายฤดูใบไม้ผลิของฝ่ายใน ให้ตัดเพียงชุดเดียว ประหยัดเงินไปได้ไม

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1561

    กล้ามเนื้อทั่วร่างของฮองเฮาเกร็งตึง เหงื่อไหลชุ่มนางมองผ้าขาวที่กำลังจะคล้องคอลงมา พลางตะโกนอย่างลนลาน “ไม่... ยังไม่สาย! ฝ่าบาททรงรักองค์ชายใหญ่ จะปล่อยให้เขาไร้มารดาได้อย่างไร? ข้าต้องไปดูแลเขาด้วยตัวเอง! พวกเจ้าไม่มีสิทธิ์แย่งสิทธิ์ของข้าในฐานะมารดา!”“อีกอย่าง ซ่งซีซีเคยกล่าวไว้ นางว่าองค์ชายใหญ่รักข้ามาก เป็นเขาพูดด้วยปากของเขาเอง! ตอนนี้เขาบาดเจ็บสาหัส โดดเดี่ยวไร้คนดูแล จะปล่อยให้เขาไปสำนักเทพโอสถเพียงลำพังได้อย่างไร? ข้าต้องอยู่ข้างเขา... ข้าต้องไปอยู่กับเขา!”ผ้าขาวคล้องคอเข้าพอดี ฮองเฮากรีดร้องเสียงแหลม “ฝ่าบาท! ฝ่าบาท พระองค์จะใจร้ายปานนี้ไม่ได้! หม่อมฉันผิดอะไร? พระสนมเต๋อเฟยวางแผนฆ่าองค์ชายใหญ่ยังไม่ถูกประหาร แต่พระองค์กลับจะฆ่าหม่อมฉัน! หม่อมฉันก็แค่เอาแต่ใจ ไม่เคยฆ่าใครสักคน!”อู๋ต้าปั้นหยุดมือลง คำบางคำ เขาไม่ควรพูด แต่เมื่อนึกถึงองค์ชายใหญ่ที่บาดเจ็บสาหัส เขาก็อดไม่ได้ เอ่ยเสียงเย็นชา “ฮองเฮาจะบอกว่าตนไม่เคยทำร้ายใครหรือ? เรื่องของฝูเจาอี๋ กระหม่อมจะยังไม่พูดถึง แต่กับองค์ชายใหญ่ที่ตกม้าเช่นนั้น ฮองเฮาก็มีส่วนไม่น้อยเลยนะพ่ะย่ะค่ะ”ฉีฮองเฮาเบิกตากว้าง มือกำผ้าขาวแน

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1560

    เสียงร่ำไห้ของฉีฮองเฮาชะงักทันที นางชะงักนิ่งไป ก่อนเอ่ยถามเสียงสั่น “ฝ่าบาทตรัสว่าอะไรนะ? เจิ้งเอ่อร์ยังไม่ตายหรือ?”เป็นไปได้อย่างไร? มิใช่ว่าจัดพิธีศพแล้วหรือ? ขุนนางทั่วทั้งราชสำนักล้วนรู้กันทั้งนั้นจักรพรรดิ์ซูชิงมองนาง พลางกล่าวว่า “เขายังไม่ตาย แต่บาดเจ็บสาหัส ขาทั้งสองหัก ต่อให้รักษาหาย ก็ไม่มีทางยืนขึ้นได้อีก หมอมหัศจรรย์ดันส่งเขาไปยังสำนักเทพโอสถ ถ้ารักษาหาย เขาก็จะใช้ชีวิตอย่างไม่เปิดเผยนาม ถ้ารักษาไม่หาย สำนักเทพโอสถ ก็ถือเป็นที่พำนักที่ดีอยู่แล้ว”ฮองเฮามองดูพระองค์ ไม่เหมือนตรัสล้อเล่น ความหวังและความยินดีพุ่งพล่านขึ้นในใจ แต่แล้วก็ตามมาด้วยความสงสัยและไม่เข้าใจ “หากเขายังไม่ตาย เหตุใดต้องจัดพิธีศพ? เหตุใดไม่รักษาที่เมืองหลวง? บางทีบาดแผลของเขาอาจไม่ร้ายแรงถึงเพียงนั้น ฝ่าบาททรงถูกหมอมหัศจรรย์ดันหลอกก็เป็นได้ หมอผู้นี้เป็นลุงของซ่งซีซี ซ่งซีซีอยากผลักดันองค์ชายสามขึ้นเป็นรัชทายาทมาโดยตลอด!”จักรพรรดิ์ซูชิงถามกลับทันควัน “เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าซ่งซีซีต้องการผลักดันองค์ชายสามขึ้นเป็นรัชทายาท?”ฉีฮองเฮารีบพูดเสียงร้อนรน “ตอนก่อตั้งโรงงานทอผ้า มารดาของหม่อมฉันให้หม่อมฉันอ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1559

    จักรพรรดิ์ซูชิงไม่ได้สั่งประหารพระสนมเต๋อเฟยในทันที แต่กลับให้คนลงโทษด้วยการทุบกระดูกขาทั้งสองทีละท่อน จนเนื้อหนังฉีกขาด เลือดแดงฉานเผยให้เห็นกระดูกขาวโพลน นางเจ็บปวดจนหมดสติไปหลายครั้ง แล้วจึงถูกโยนเข้าไปในตำหนักเย็นพระองค์ทรงนำองค์ชายรองไปที่ตำหนักเย็นด้วยพระองค์เอง ชี้ไปยังพระสนมเต๋อเฟยที่ขดร่างทรมานอยู่กับพื้น ส่งเสียงโหยหวนไม่หยุด ตรัสเย็นชา “หลังจากพี่ใหญ่ของเจ้าตกม้า เขาเจ็บปวดยิ่งกว่านางเสียอีก... เขาต้องทรมานจนตายทั้งเป็น”ใบหน้าองค์ชายรองเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตาและความเสียใจ เขาทรุดตัวลงกับพื้น ปิดหูแน่น ไม่กล้าฟังเสียงร้องครวญของมารดาจักรพรรดิ์ซูชิงยังให้โบยชิงหลัน แล้วส่งนางเข้าไปอยู่ด้วย ให้ดูแลพระสนมเต๋อเฟยไม่ให้ตาย หากนางตาย ชิงหลันก็ต้องตายตามต่อให้ชิงหลันเคยติดตามพระสนมเต๋อเฟยแล้ววางแผนร้าย ลอบทำเรื่องดำมืดมาไม่น้อย แต่ฉากนองเลือดเช่นนี้ นางก็เคยเห็นเพียงครั้งเดียวในอุปทยานบุปผาหลวง นั่นคือตอนที่องค์ชายใหญ่ตกม้าครั้งนั้นรู้สึกสะใจ ทว่าตอนนี้... เหลือเพียงความเจ็บปวดที่ตำหนักฉางชุน ฮองเฮาฉีแทบตกใจไปทั้งร่างเป็นพระสนมเต๋อเฟย?เป็นพระสนมเต๋อเฟย!นางยังไม่ทันได

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1558

    ในดวงตาขององค์ชายรองฉายชัดด้วยความตื่นตระหนกหวาดกลัว ราวกับเพิ่งตื่นจากฝันร้าย เขาหายใจหอบถี่ ปิดหูแล้วร้องตะโกนออกมา “ไม่... เสด็จแม่ ข้าไม่เอา! ข้าไม่อยากให้พี่ใหญ่ตาย ข้าไม่เอา...”พระสนมเต๋อเฟยทรุดลงคุกเข่าอย่างหมดแรง ตั้งแต่วินาทีที่ฮ่องเต้หยิบหนามเหล็กออกมา นางก็รู้สึกเหมือนแรงทั้งหมดในร่างถูกดูดไปจนสิ้นแต่จักรพรรดิ์ซูชิงหาได้ทรงสนใจนางไม่ สายพระเนตรยังจับจ้ององค์ชายรอง น้ำเสียงเย็นเฉียบ “สายไปแล้ว... พี่ใหญ่ของเจ้า... ตายแล้ว เจ้าเป็นคนฆ่าเขา”องค์ชายรองพลันหันกลับมาชนเข้าไปที่หน้าท้องของพระสนมเต๋อเฟยอย่างแรง ปากก็ร้องตะโกนเสียงโหยหวน “ท่านหลอกข้า! ท่านบอกว่าพี่ใหญ่ไม่ตาย แค่ขาหัก ท่านหลอกข้า! หลอกข้า! อ๊า ท่านหลอกข้า! ข้าฆ่าพี่ใหญ่ไปแล้ว...”พระสนมเต๋อเฟยถูกชนจนเครื่องในแทบเคลื่อนที่ นางอดทนต่อความเจ็บ รีบโผเข้าไปหมายจะปิดปากองค์ชายรอง แต่เขาราวกับเสียสติ กระโดดชนผนัง ตะโกนเสียงหลงไม่หยุดเขากระแทกจนเลือดอาบศีรษะ อู๋ต้าปั้นจึงเข้าจับไว้ ใช้สันมือฟาดจนหมดสติ แล้วเรียกคนมาพาตัวไปพันแผลเมื่อประตูตำหนักปิดลง อู๋ต้าปั้นมายืนข้างกายจักรพรรดิ์ซูชิง ด้านล่างคือพระสนมเต๋อเฟยกับช

สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status