"แบบนี้หมายความว่ายังไงเราต้องคุยกันให้เคลียร์ก่อนไหมสกาว" "ก็ไม่เห็นจะมีอะไรต้องเคลียร์ พี่ก็ใช้ชีวิตบนโลกนีี้ไปสิ"
View Moreเกิดอะไรขึ้น !!
เสียงเอ๊ะอะโวยวายตั้งขึ้นตรงทางเดินหนีไฟของโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งในต่างประเทศ "คุณทำแบบนี้ได้ยังไง!" เสียงผู้หญิงโวยวายขึ้นทันทีเมื่อเผชิญหน้ากับหมอหนุ่ม "ผมทำอะไรครับ" ผมถามยัยแก่แว่นหนาเตอะด้วยความสับสน เพราะอยู่ ๆ เธอก็มาโวยวายและต้องการเจอผม "ไอ้คุณหมอ!! นี่แก แก" เสียงร้องของหญิงไวกลางคนดังขึ้นพร้อมกับเอามื้อชี้หน้าคุณหมอทักษ์ด้วยความโมโหและโกรธมาก "หึ แกอะไรครับผมอยู่ของผมดี ๆ แล้วนะ ป้าเป็นอะไรมากไหม อยู่ ๆ ก็มาเอ๊ะอะโวยวายรบกวนคนไข้และหมอคนอื่น ๆ" มนุษย์ป้าอีกแล้วสินะเจอแต่ละวันผมแทบจะอัดพารา เป็นตัน ๆ แล้วมั้ง สงสัยหน้าที่การงานผมคงยุ่งไม่พอ "ไอ้คนสารเลว แก ๆ แกทำหลานฉันท้อง!!" "นี่! ป้าถ้าจะกล่าวหากันลอย ๆ แบบนี้ผมฟ้องได้นะครับ" ผมบอกคนที่มาเรียกร้องโวยวาย ทันที ตึก ๆ ตึก หลังจากที่ผมพูดจบก็มีเด็กผู้หญิงรีบวิ่งเข้ามาทันที และำยายามลากแขนคนที่มากล่าวหาผมออกไป "ยะ..ยาย พอเถอะนะ นะคะ ถือว่ากาวขอร้อง" เธอสงสายตาอ้อนวอนไปให้ยัยป้าคนนั่น "ได้ยังไงฮะ มันทำแกท้องก็ต้องรับผิดชอบ!!" คนเป็นยายบอกกล่าวกับหลานสาวอย่างไม่ยินยอม ผมฟังบทสนทนาพวกนี้อย่างใจเย็นแม้จะโกรธและโมโหมากแค่ไหนผมก็ต้องสงบสติอารมณ์เอาไว้เพื่อหน้าที่การงานในอนาคต "ยายพอเถอะนะ นะคะกาวขอร้องละ นะยายนะ เขาไม่ใช้คนทำสักหน่อยยาย ยายเข้าใจผิดแล้วเรากลับกันเถอะนะ" ผมมองเธอที่ขอร้องป้าที่มาหาเรื่องผม น้ำตาเธออาบนองเต็มสองแก้ม "อึก ขะ..ขอโทษคุณหมอด้วยนะคะยายหนูคงเขาใจผิดนะคะ" ฉันยิ้มทั้งน้ำตากล่าวขอโทษคนตรงหน้าทันทีเพราะไม่อยากยุ่งไม่อยากให้มาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ เรื่องที่ฉันเป็นคนก่อเอาไว้เอง "ไม่เป็นไร แต่คราวหลังอย่ากล่าวหาใครมั่ว ๆ อีก" ผมบอกกับเธอ ก่อนจะหันไปจ้องมองและบอกกับป้าหรือยายของเธอที่หันมาสบตาผมโดยแววตานั้นเหมือนจะแข็งกร้าวและเคลือบแค้น "เหอะ เป็นหมอซะเปล่าแต่ไร้จรรยาบรรณน่ารังเกียจ" หลังจากที่ยายของผู้หญิงคนนี้พูดจบเธอก็เดินออกไปทันที "หนูขอโทษด้วยนะคะคุณหมอ ขอโทษค่ะ ขอโทษค่ะ" ฉันรีบกล่าวขอโทษเขาทันทีและรีบวิ่งตามคุณยายของตัวเองที่ตอนนี้ดูเหมือนว่าจะโกรธมากด้วย บ้าน "เหอะแกก็เหมือนกันยัยกาว เป็นสาวเป็นนางปล่อยเนื้อปล่อยตัวให้ผู้ชายเอาจนท้อง ที่ฉันพรำสั่งพรำสอนมานี้ไม่คิดจะจำเลยใช่ไหม" คุณยายบ่นให้ฉันตั้งแต่โรงพยาบาลยันตอนนี้อยู่บ้านก็ยังว่าให้ไม่หยุด "คุณยายคะ~" ฉันเรียกยายอย่างคนสำนึกผิด "เสียงดังเอ๊ะอ่ะอะไรกันครับเนี่ย" พี่สกายเดินเข้ามาสวมกอดคุณยายที่กำลังโมโหให้ฉันอยู่ "ก็น้องสาวแกนะสิ ไม่รู้จักรักนวลสงวนตัว ฉันสอนมาตั้งเท่าไหร่สุดท้ายก็จนได้ ถ้ารู้ว่าโตมาจะทำตัวแบบนี้ฉันไปเสียแรงพร่ำสอนจนปากจะฉีกหรอกนะยะ" "คุณยายครับคนเราก็ผิดพลาดกันได้นิครับ อย่าไปซ้ำเติมน้องมันเลยนะครับ" พี่สกายพยายามออดอ้อนคุณยายเพื่อที่จะได้เลิกบ่นให้ฉัน "ตั้งใจนะสิไม่ว่า รู้ทั้งรู้ว่าตัวเองกำลังจะแต่งงานอยู่แล้วยังจะไปเสนอตัวให้ไอ้คนไร้จรรยาบรรณนั่นอีก! เหอะ!!" เห้อสุดท้ายก็วนมาเรื่องนี้จนได้ให้ตายสิ "ก็กาวยังไม่พร้อม" ฉันบอกออกไปตามความจริง " ไม่พร้อม ไม่พร้อม แต่แกท้องนี้นะยัยสกาว!" โอเคฉันไม่ควรอธิบายอะไรสินะ "พรุ่งนี้แกเก็บของเลยเราจะกลับไปอยู่เมืองไทย!" "แต่คุณยายคะ~" "ไม่มีแต่อะไรทั้งนั้นแหละ ส่วนตาสกายเรียนอยู่นี้แหละใกล้จบแล้วนิ" และผู้กำหนดชีวิตเราสองคนก็คงจะมีแค่คุณยายนี้แหละ ส่วนคุณพ่อคุณแม่แทบจะไม่ได้เข้ามายุ่งเกี่ยวชีวิตของลูกอย่างพวกเราเลย โรงพยาบาล "คุณหมอคะท่าน ผอ. เรียกพบค่ะ" นางพยาบาลสาวเดินเข้ามาบอกหมอทักษ์เมื่อช่วงเวลาพักพอดี "ครับ เดี๋ยวผมไป" หลังจากรับคำคุณหมอหนุ่มก็เริ่มนวดขมับตัวเอง . . ชั้นใต้ดินของโรงพยาบาล (ห้อง ผอ.ผู้บริหารระดับสูง) แอ๊ด~ เสียงเปิดประตูดังขึ้นทำให้คนที่นั่งอยู่เงยหน้าขึ้นมองหลานชายตัวเอง "สวัสดีครับท่าน ผอ." ผมทักท้ายคุณอาไปตามมารยาท "ไงเรา นั่งก่อนสิทักษ์ อามีเรื่องจะคุยด้วยแล้วก็อยากเจอเราพอดี ทำไมไม่กลับบ้านบ้างหื้อ พ่อแม่นายคิดถึงจะแย่รู้ไหมมาบ่นให้อาฟังทุกวันเลย" ผมฟังอาที่บอกกับผม แต่ผมไม่ค่อยได้สนใจหรอกครับ ปกติพ่อกับแม่ก็ไม่ค่อยมีเวลาให้ผมอยู่แล้วจะมาคิดถึงอะไรเอาปานนี้ "ไหนอาบอกมีเรื่องจะคุยไงครับ ผมฟังอยู่" ผมบอกกลับไปเพราะไม่อย่างเฉไฉไปเรื่องอื่น ตอนนี้ผมโฟกัสที่เรื่องงานและเรื่องของตัวเองเป็นหลัก "โอเค ๆ อาอยากให้เราย้ายไปทำงานสาขาที่ไทยนะเราจะสะดวกหรือเปล่า ทางที่ดีลองปรึกษาพ่อกับแม่นายดูก่อนก็ได้นะทักษ์ อาไม่รีบ แต่ขอคำตอบภายในครึ่งปีนี้นะ" ผมฟังอาทิวเขา อยู่เงียบ ๆ และคิดตาม ก็ดีผมเบื่อที่นี้เต็มทนวัน ๆ มีแต่คนไข้ปราสาท มาวุ่นวายไม่เลิก "ผมโตแล้วคับอาผมตัดสินใจเองได้ ทำไมต้องให้ผมปรึกษาพ่อแม่ด้วยทำอย่างกับอยู่ให้ปรึกษาอย่างนั่นแหละ" ผมพูดจาประชดออกไป แต่มันก็คือเรื่องจริง พ่อแม่ของคนอื่นผมไม่รู้หรอกครับ แต่สำหรับผม พ่อกับแม่ไม่เคยมีเวลาให้ ช่วงเวลาสำคัญในชีวิตของผมก็ไม่ใช่สิ่งสำคัญสำหรับพวกเขา ผมไม่โกรธไม่เกลียดที่พวกเขาไม่มีเวลาให้ ผมเลยเลือกที่จะเรียน หนัก ๆ เพื่อที่จะไม่มีเวลาว่างมาคิดวุ่นวายหรือน้อยใจพวกท่านเช่นกัน "เฮ้อ~ เรานี้นะเอาเถอะ ๆ ตามใจ ตัดสินใจอย่างไรก็บอกอาอีกทีละกัน นี้ก็จะบ่ายแล้วทานอะไรมาหรือยังละ จะออกไปกินข้าวกับอาไหม" ทิวเขาถามหลานชายด้วยความเอ็นดูแม้ว่าพี่ชายกับพี่สะใภ้จะไม่ค่อยว่างตามที่หลานชายบอก จริง ๆ นั่นแหละไม่รู้จะวางมือเรื่องธุรกิจได้ตอนไหน "ไม่ดีกว่าครับผมขอตัว ผมทานมาแล้วเดียวจะมีเคสด่วนเข้ามาด้วย ผมไปทำงานก่อนแล้วกัน ไปละครับคุณอาสวัสดีครับ" พูดจบผมก็เดินออกจากห้องทันทีโดยไม่สนใจอะไรเลย เพราะมีเคสด่วนเข้ามาจริง ๆ นั่นแหละ . . ภายในห้องของทิวเขา "ไงละพี่ชาย ฮ่า ๆ ฮ่า ละเลยหน้าที่ดีนักลูกไม่สนใจเลย สมน้ำหน้า ฮ่า ๆ ฮ่า" ทิวเขาว่าและหัวเราะให้พี่ชายอย่างสะใจ เพราะเขาเคยเตือนพี่ชายกับพี่สะใภ้ตัวเองไปหลายครั้งแล้ว จนเหนื่อยจะพูดจะเตือน "เอ่อกูรู้แล้วไม่ต้องซ้ำเติมมึงนี่แม่ง สมเป็นน้อง เห-ี้ยของกูจริง ๆ นะซ้ำเติมกูเก่งเหลือเกิน" ทิวทัศน์ว่าให้น้องชายตัวเองทันที เพราะเขาได้ยินสิ่งที่ลูกชายตัวเองพูดทุกอย่าง หลังจากนี้คงวางแผนกับภรรยาเพื่อที่จะได้อยู่ใกล้ลูกชายให้มากกว่านี้อีกหน่อย “ถึงจะไม่ใช่คนดีมาก แต่งานนี้ผมช่วยพี่แล้วนะครับ โอนด้วยห้าล้าน” และนี้แหละคือตัวตนของ ผอ.โรงพยาบาลชื่อดังในต่างแดน หน้าเงินขูดรีดกับพี่น้อง “เป็นการขูดรีดที่เลือดเย็นมากรู้ตัวหรือเปล่าทิวเขา” พี่ชายสายเลือดเดียวกันแทน ๆ ยังขูดรีดเงินตรากันขนาดนี้ไม่อยากจะคิด ว่าใครมาขอความช่วยเหลือจากมันยอดจะไม่ทวีคูณไปเป็นสิบ ๆ เท่าเลยเหรอ “รู้น่า ก็ช่วยไม่ได้พี่ไม่ใส่ใจลูกตัวเอง อ่ะนะนี้ผมก็บวกค่าเลี้ยงดูไปแล้วนะยังไม่ถึงครึ่งเลยนะเนี่ย บวกเพิ่มอีกสักนิดดีไหมน๊า~” ทิวเขาพูดออกมาด้วยรอยยิ้มและแววตาเจ้าเล่ห์ตามภาษาน้องชายใจบาป “พอ ๆ เลิกคิดล้างผลานพี่ชายตัวเองได้แแล้ว รวยก็ รวย โรงบาลก็มีตั้งสองสาขาจะเอาเงินจากพี่ทำอะไรเยอะแยะทิวเขา” เงินแค่ไม่กี่ล้านเขาไม่ได้งกหรอกนะแต่เหตุผลของน้องชายนี่สิอยากจะรู้เหมือนกัน “ถามได้ก็เอามาไว้เป็นค่าสินสอดให้น้องสะใภ้พี่ในอนาคตไง อย่าลืมละว่าผมยัังหาเมียไม่ได้เพราะใคร ชิน่าหมั่นไส้ชะมัดเลย” ทิวเขายังคงมองพี่ชายด้วยแววตาทะเล้นและเจ้าเล่ห์ตามฉบับน้องรักเหมือนเดิม อม้เรื่องราวในอดีตจะไม่สามารถย้อนกลับไปได้และก็ลืมไม่ได้เช่นกัน “ทิวเขา พี่เคยขอร้องนายแล้ววไม่ใช้เหรอว่าอย่าพูดเรื่องนี้อีก” ทิวทัศน์เรียกน้องชายเสียงเข้มขึ้นมาทันที แล้วใครมันจะไปรู้เล่าว่าภรรยาของเขาจะเป็นอดีตคนรักของน้องชาย “ขอโทษ ขอโทษก็คนมันลืมตัวใครบอกให้พี่ถามจี้กันเล่า โอนมาก็้พอเดียวจะไปเกลี่ยกล่อมหลานให้ละกัน” ทิวเขารีบบอกพี่ชายไปทันทีเพราะตัวเขาเองพอนึกถึงเรื่องนี้ที่ไรก็เผลอหลุดปากลืมตัวตลอดเลย “อืม ๆ ช่างเถอะเดียวพี่โอนเข้าบัญชีแกเลยละกันไปละ” ทิวทัศน์ พูดจบก็เดินออกจากห้องไปทันทีเพราะเขานัดกับ ภรรยาเอาไว้แล้ว หลังจากที่พี่ชายออกไปเพียงไม่นานข้อความแจ้งเตือนการโอนเงินก็ดังขึ้นมาทันที ทิวเขามองด้วยความพึ่งพอใจกับจำนวนเงินเกินจากที่ขอไป หระตุกพี่ชายนิด ๆหน่อย ๆ ก็ได้คาสัมมาคุณมาสองเท่าแบบเก๋ ๆ ตามสไตล์คนล่อและฉลาด บนตึกแผนกสูนติ “คุณหมอคะมาพอดีเลยมีเคสผ่าคลอดด่วนค่ะคุณหมอปากมดลูกคุณแม่เปิดแต่เด็กไม่ยอมกลับหััว ทางญาติคนไข้เซ็นเอกสารเรียบร้อยค่ะรอคุณหมอทำการผ่าคลอด” ผู้ช่วยพยาบาลรีบพูดขึ้นมาทันทีหลังจากที่เห็็นหมอทักษ์ กลับเข้ามาในแผนกแล้ว “โอเคอุปกรณ์พร้อมแล้วใช้ไหมครับ คนไข้ต้องการผ่าแบบไหนบล็อคหลังหรือดมยา” ผมถามพยาบาลผู้ช่วยที่คุณอาส่งมาให้ค่อยช่วยงานทันทีที่กลับเข้ามาในตึกแผนกที่ประจำอยู่"ตกใจอะไรขนาดนั้นครับ" ปากเขาพูดถามเธอแต่มือกลับเอามาลูกคลึงสะโพกเธอเนี่ยนะ'ต้องการอะไร!' ให้ตายสิคนยิ่งมีอารมณ์และใจง่ายเพราะฮอร์โมนของคนท้องสูงอยู่ "มะ..หมอ~ อย่าบีบมันเจ็บค่ะ" สกาวเริ่มทำตัวไม่ถูกเพราะเขาเริ่มยกเธอขึ้นมาให้เอาขารัดตรงเอว ส่วนช่วงล่างจุดสงวนกลับแนบชิดเสียดสีกัน "จะทำให้เบาที่สุด" เสียงกระซิบเบา ๆ ผ่านใบหูทำให้เธอรู้สึกจั๊กจี้จนต้องย่นหน้าลง เพื่อหลบน้ำเสียงและการสัมผัสจากริมฝีปากของเขา "อ๊าส~" เธอร้องครางออกมาด้วยความเสียวเมื่อถูกสัมผัสและรบเร้า จากมือหนาของเขา"เสียวไหม" มือหนาของหมอทักษ์ค่อยๆ สอดเข้าไปในร่องรักและเริ่มเร่งจังหวะเข้าออกอย่างช้า ๆ สกาวพยายามก้มลงจ้องมองมือแกร่งที่สอดนิ้วเข้ามาในแอ่งร่องรักของเธอ "อยากเห็นหรอครับ" น้ำเสียงสุภาพอ่อนโยนของเขากลับทำให้เธอต้องรู้สึกโอนเอนไปพร้อมกับการรุกเร้าของเขา "ปะ..เปล่านะคะ" เมื่อเห็นว่าสายตาของหมอทักษ์จ้องมองเธอ เธอเองก็รีบสะบัดหน้านี้ในสิ่งที่ต้องการจะมองและอยากรู้ทันที "เหรอครับ" เขามองดูเธอที่รีบหันหน้าหนีในจุดเชื่อมต่อระหว่างนิ้วมือของเขาและร่องรักของเธอ ทั้งยังกั้นขำเอา
บนเรือมีห้องพักมากมายหลายห้อง แต่ห้องของสกาวและมอทักรับเป็นห้องเดียวกันที่มีขนาดใหญ่ราวกับห้องสวีท แต่ก็ยังไม่ใช่ เพราะบนเรือสำราญลำนี้ไม่มีห้องสวีทอย่างที่หลายคนเข้าใจเป็นเพียงห้องธรรมดาแค่ใหญ่กว่าห้องพักปกติของนักท่องเที่ยว สามถึงสี่เท่า "ทำไมห้องเราสองคนถึงอยู่ด้วยกันล่ะคะ" สกาวถามด้วยความตกใจเพราะเธอไม่คิดว่าห้องพักของเธอจะอยู่กับเขาที่เขามาพร้อมกันทั้งยังแตะคีย์ ห้องเดียวกันได้อีกด้วย "พี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน" หมอทักษ์ตอบออกไปทันทีทำไมเขาจะไม่รู้ก็พ่อถึงขั้นมาขอร้องเขาทั้งที่ปกติไม่เคยจะมีเวลาให้เลยด้วยซ้ำ "ได้ไง แบบนี้เราต้องแจ้งกับพนักงานไหมคะ" สกาวหันมาขอคำปรึกษาของเขาทันทีเมื่อมีสิ่งผิดพลาดเกิดขึ้นกับตนเอง"ไม่เป็นไรหรอกเรานอนด้วยกันก็ได้นี่" เขายังคงตอบออกมาแบบเป็นกันเองไม่ได้ซีเรียสกับห้องพักมาก "ได้เหรอคะ" เธอมองรอบห้องที่มีเตียงขนาดใหญ่พื้นพรมสีสวยรวมทั้งมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายเฉกเช่นทีวีตู้เย็นสัญญาณ WiFi ให้พร้อมหมดครบจบในห้องเดียว "ได้สิครับทำไมจะไม่ได้หรือว่าหนูกลัวอะไรหรือเปล่า" หมอทักษ์ยิ้มออกมาอย่างคนมีความนัยแอบแฝงไปด้วย กลล่อลวงที่ท
วันเดินทาง "ทำไมพี่สกายจองทริปไม่บอกกันก่อนคะ!?" ฉันถามพี่ชายด้วยความสงสัยเพราะว่าอยู่ ๆ ก็เดินเข้ามาบอกจะกลับประเทศไทยพร้อมกับทริปร่องเรือสำราญ! ซึ่งมันช้ากว่ากลับด้วยเครื่องบินหลายเท่า เพราะเครือสำราญมักจะแวะเทียบท่าอยู่หลายประเทศ "เพราะพี่รู้ไงว่าเธอจะไม่ไปเลยมาบอกวันนี้เลย" สกายมองน้องสาวของเขาที่กำลังแสดงพฤติกรรมทางอารมณ์ ได้เหนือความคาดหมาย "เหอะ นี้มันไฟว์บังคับกันชัด ๆ เลย" ฉันมองพี่ชายตัวเองแล้วยังส่งสายตาดุ ๆ ไปให้ด้วย ถ้าจะถามว่สพี่เธอกลัวไหมนะเหรอ โนจะ! ไม่เคยกลัวเธอเลยออกจะชอบใจด้วยซ้ำ "อารมณ์ร้อนขึ้นนะเราอ่ะ" สกายบอกกับน้องสาวที่ทำสายตาดุดันส่งให้ "ก็เพราะใครละ มาบอกวันนี้แล้วทีตัวเองละชิ จ้องตั๋วไฟว์บินกลับอย่างสบายใจ ส่วนน้องมอบทริปร่องเรือให้ไปเองเนี่ยนะ!?" สกาวถามด้วยความไม่พอใจถ้าต้องแล้วไปร่องเรือสำราญด้วยกันเธอจะไม่โหโหเลยนะ นี้เหมือนพาจับไปปล่อยให้เที่ยวเล่นแล้วหาทางกลับเอง "ก็ไม่ได้จะให้ไปคนเดียวสักหน่อย" สกายบอกกลับน้องสาวทันทีเมื่อเห็นสีหน้าเริ่มเปิ่นกังวลของเธอ "แล้วจะให้ไปกับใคร!? แลกกันไหมละพี่ก็เอาตัวเครื่องบินมาให้กาว
หมอทักษ์เดินออกจาห้อง ผอ./อาของเขาด้วยความหนักใจเขาผู้ไม่เคยทันเล่ห์เหลี่ยมอาตัวเองยิ่งรู้สึกคิดหนักมากขึ้นไปอีกหลายเท่า "แล้วเมื่อไหร่จะได้รู้ละ" ผมเริ่มไม่มีอารมณ์ทำงานแล้วเพราะว่าสิ่งที่รอมาเป็นอาทิตย์กลับถูกคุณอาแย่งไปเก็บไว้เอง "คุณหมอครับวันนี้มีคนไข้มารอพบครับ" เสียงแพทย์หนุ่มหน้าตาดีบอกกับเขาทันทีเมื่อเห็นว่าหมอทักษ์เดินกลับเข้ามาในแผนก "อ่อ โอเคครับ" หมอทักษ์ตอบรับคำบอกกล่าวก็จะเดินเข้าห้องตรวจประจำตัวของเขาเพื่อไปพบเจอคนไข้ที่ไม่มีคิวนัด "คุณหมอสวัสดีค่ะ" สกาวมองคนไม่สบอารมณ์เดินเข้ามาในห้องทำงานจึงกล่าวทักทายอย่างร่าเริง "มาได้ไงใครมาส่ง" หมอทักษ์จากที่ไม่มีอารมณ์จะทำอะไรก็รู้สึกมีชีวิตชีวาขึ้นมาทันทีเมื่อ 'กำลังใจ' ตัวน้อยมาหาถึงที่ทำงาน "ขับรถมาเองค่ะ" สกาวยิ้มอย่างอารมณ์ดีเพราะพี่ชายอนุญาตให้ขับเลยได้รอรถยนต์บนท้องถนนและสิ่งแรกที่เธอคิดได้ก็คือขับรถมาอวดเขาถึงโรงพยาบาล "ให้อนุญาตให้ครับมาครับ พี่ชายเราเหรอหืม" ผมถามคนที่นั่งยิ้มอย่างภูมิใจจึงไม่กล้าเอ่ยขัดความสุขแม้ภายในใจจะห่วงความปลอดภัยของเธอมาก ก็แสดงอาการเต็มที่ไม่ได้ "ใช่แล
ครืน~ ยังไม่ทันที่หญิงสาวจะได้ตอบกลับคำถามของคุณหมอก็มีสายเรียกเข้าในโทรศัพท์ของเธอ Sky in Misscall เธอก็จำต้องรับสายพี่ชายทันทีเมื่อเห็นชื่อขึ้นแสดงอยู่บนหน้าจอ "สวัสดีค่ะพี่สกายมีอะไรหรือเปล่าคะ" สกาวเรียบรับสายแล้วเอ่ยปากถามทันที'อยู่กับคุณหมอใช่ไหม คุณหมอโทรมาบอกพี่แล้วล่ะ และเราก็เตรียมกลับบ้านกับคุณหมอให้คุณหมอไปส่งได้เลยนะสกาว พอดีพี่ติดธุระไม่สะดวกไปรับกลับ' สกายยังคงมีธุระที่ต้องสะสางอยู่หลายอย่างเลยในครั้งนี้ เลยทำให้เขาไม่ค่อยได้มีเวลาดูแลน้องสาวของตัวเองเท่าที่ควร "ได้ค่ะพี่ชายเดี๋ยวน้องจะให้คุณหมอไปส่งถึงบ้านอย่างปลอดภัยแน่นอนค่ะ" สกาวตอบรับคำพูดของพี่ชายตัวเองแล้วยังคงจ้องหน้าคุณหมออย่างเอาเรื่องเอาราว กับคนที่ทำให้เธอรู้สึกว่าเกือบชะตาขาดในชีวิตเพราะติดกับคำบ่นของพี่ชายที่IQ และ EQ สูงและความจำแม่นยิ่งกว่าอะไร "ทำไมจ้องมองผมด้วยสีหน้าอาฆาตแค้นขนาดนั้นล่ะผมยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะครับ" หมอทักษ์รีบทำขึ้นเมื่อเห็นสายตาของหญิงสาวที่ส่งมาให้ราวกลับว่าขาดโทษเขาเอาไว้ก่อน "ทำสิคะทำให้กาวเกือบซวยและหาข้ออ้างอธิบายกับพี่ชายไม่ได้ไง!!" หลังจากวางสายของ
ภายในห้องนอน สกาวตื่นขึ้นมาในเวลา 11:00น. สายตาค่อย ๆ ปรับจุดโฟกัสทางสายตาตรวจสอบรอบห้องอย่างเชื่องช้า "ที่ไหนละเนี่ย~" ฉันมองสำรวจในห้องนอนที่ไม่คุ้นเคยก่อนที่สมองจะเริ่มทำงาน ดวงตาของเธอเบิกกว้างขึ้นด้วยความตกใจกับภายเหตุการณ์เมื่อวานที่ไหลหลั่งเข้ามาในหัวสมองของเธอเป็นฉาก ๆ "กรี๊ดดดดด~" สกาวร้องกรีดออกมาเสียงดังเพื่อระบายอารมณ์หงุดหงิดของตัวเอง "พลาดท่าจนได้!" สกาวนึกเพียงแต่ว่าเธอควรทำอย่างไรดีในเมื่อเขารู้แล้วว่าคนคืนนั้นคือเธอ แล้วทำไมครั้งนั้นถึงปฎิเสธทั้งยังด่ายายเธออีก ยิ่งคิดก็ยิ่ง 'งง'และสับสนถึงการกระทำของเขา หมอทักษ์ยังคงเป็นผู้ชายที่ทำให้ใจเธอสั่นหวั่นไหวและคล้อยตามได้ตลอดจริง ๆ ตั้งแต่ประถมยันมัธยมจนเธอจะเข้ามหาลัยอยู่แล้ว!! ถ้าไม่เผลอใจปล่อยตัวเอ็นจอยไปกับบทรักของเขาในวันนั้น คงไม่มีคนสวยท้องป่องในวันนี้ ยิ่งคิดยิ่งเหนื่อย~ ครืน~ ครืน~ สกาวหลุดจากพะวงความคิดเมื่อเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมาทำให้เธอสะดุ้งตกใจเล็กน้อยกับชื่อที่อยู่บนหน้าจอ คุณยาย 4misscal.. เธอรีบกดรับสายทันที "ฮัลโลค่ะคุณยาย~" สกาวรีบเอ่ยเสียงอ้อนท
บนเตียงนอนของชายหนุ่มมีร่างบางของหญิงสาวนอนหลับไหลไปอย่างอ่อนเพลียเพราะเพราะบทรักที่ถูกมอบให้ "คงต้องตรวจ DNA สินะ" ผมนั่งมองคนที่เข้าสู่ห้วงนิทรา ก่อนจะเดินออกไปเอาอุปกรณ์ทางการแพร่ที่พกติดตัวอยู่เป็นประจำ เขาทำความสะอาดอุปกรณ์และเตรียมเจาะน้ำคร่ำของหญิงสาวเพื่อเอามาพิสูจน์ DNA พร้อมกับเลือดของเขา โดยกระทำอย่าเบามือที่สุดเพื่อไม่ให้คนบนเตียงรู้ตัว "เฮ่อ~ ได้สักที" เมื่อได้ในสิ่งที่ต้องการเขาเองก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก เมื่อร่างของหญิงสาวกลับนอนหลับลึกโดยไม่รู้ตัวเลยสักนิด .ครืน~ ครืน~ ครืน~ เสียงโทรศัพท์ของสกาวดังขึ้นมาในช่วงกลางดึกซึ่งทำให้คนที่หลับไม่ค่อยสนิทตื่นขึ้นมามองหน้าจอ กลับเป็นพี่ชายของเธอที่โทรเข้ามา "โทรมาทำไมดึก ๆ ดื่น ๆ" หมอทักษ์บ่นออกมาด้วยความสงสัย แต่ก็กำลังจะเอื้อมมือไปรับสายแทนโทรศัพท์ก็สิ้นสุดการโทรเข้ามาเสียอย่างนั้น และมีเสียงข้อความเด้งเข้ามาแทน หน้าต่างแชทของโทรศัพท์ Sky: อยู่ไหนอ่ะทำไมไม่รับสาย!! คืนนี้พี่ไม่ได้กลับบ้านนะอยู่บ้านก็ดูแลตัวเองดี ๆ เป็นสกายพี่ชายของเธอที่ทักแชทเข้ามาทำให้หมอทักษ์นั่งมองหน้าจอโทรศัพท์
"อื้ม~" ร่างบางนอนบิดตัวไปมาดวงตาเปิดขึ้นมองสำรวจวิวทิวทัศน์ภายนอกกลับมืดครึ้มและภายในห้องนอนกลับไม่ใช่เตียงนอนของเธอ ใช้เวลาร่วมหลายนาทีกว่าเธอจะได้สติว่าครั้งสุดท้ายเธอกำลังมี เซ็กส์กับหมอหื่นนั้น "ตื่นแล้วเหรอเข้าไปอาบน้ำสิ ไม่เหนียวตัวหรือไง" หมอทักษ์เดินนุ่งผ้าเช็ดตัวออกจากห้องน้ำมองคนที่กำลังนั่งหน้าสลอนอยู่บนเตียงนอน "ที่นี่ที่ไหนเหรอคะ" สกาวเมื่อตั้งสติได้ก็รีบหันไปถามทันที "มีเตียงนอนขนาดนี้มีห้องน้ำในตัว คงอยู่สวนสาธารณะล่ะมั้ง" หมอทักษ์กลับตอบออกมาด้วยความกวนบาทา ของเธอไม่น้อย ทำให้คนที่ตั้งคำถามและรอฟังคำตอบนั้นถึงกับมองหมอทักษ์ด้วยดวงตาถลน ยังไม่พึงพอใจกับคำตอบของเขา "ตอบดี ๆ สิคะ" สกาวกัดฟันพูดออกมาอย่างไม่พอใจทันที "หยอกเล่นน่า ที่นี่บ้านผมเองก็คุณสลบคาลูกชายผมขนาดนั้นจะทิ้งคุณไว้ในห้องตรวจคนเดียวก็ไม่ได้อีก เลยตัดสินใจพากลับมานอนที่บ้านผมแทน" หมอทักษ์รีบอธิบายทันทีเมื่อเห็นว่าหญิงสาวไม่มีอารมณ์กับการก่อกวนของเขาจึงไม่ใครได้ใส่ใจมากนัก "ก็แค่เนี่ย~" สกาวพยักหน้าพอเข้าใจสถานการณ์ก็พยายามที่จะขยับตัวลุกแต่กับรู้สึกระบมตรงบริเวณร่องรักข
"อ๊า~ คะคุณหมอคือกาว" สกาวที่กำลังอดกลั้นอยู่ก็อยากจะบอกคุณหมอเหลือเกินว่าเธอปวดฉี่ "ครับมีอะไรหรือเปล่า" หมอทักที่พยายามเอาสำลีก้านกวาดตกขาวที่ค่อย ๆ ลดลงออกก็เงยหน้าขึ้นมาถามหญิงสาวทันที "คือกาวปวดฉี่ค่ะคุณหมอ หยุดก่อนได้ไหมคะ" สกาวบอกกับคุณหมอไปตามตกเพราะเธอเริ่มปวดฉี่จริง ๆ หลังจากถูกกระตุ้นจากสำลีก้านไม้ "ออเดียวหมอสวนสายยางตรงรูทางเดินปัสสาวะให้ครับ" หมอทักษ์มองคนที่กำลังนอนอ้าขาบนแท่นยังอยู่อยางนั้นและขยับไปไหนไม่ได้ "แต่หมอคะคือกาวไม่ได้.." พิการ!? สกาวกำลังบอกคุณหมอแต่ไม่ทันจบประโยคก็ถูกขัดขึ้น "ไม่ต้องกังวลไปหรอก ใส่เข้าไปก็ไม่เจ็บและไม่ต้องลุกไปเข้าห้องน้ำทั้งที่หมอยังทำงานไม่เสร็จด้วย" หมอทักษ์บอกกับหญิงสาวก่อนจะหยิบสายยางท่อเล็กอันใหม่ที่ผ่านการล้างและอบฆ่าเชื้ออย่างดี ขึ้นมา มือหนึ่งปล่อยทิ้งสำลีก้านคาไว้ในโพร่งรักแล้วเอามืออีกข้างที่ถือไฟฉายก่อนหน้านี้เอามาแหวกตรงรูปัสวะของหญิงสาวก่อนจะค่อย ๆ จับสายท่อเสียบเข้าไปในรูให้ลูกไปจนถึงท่อปัสวะในร่างกายหญิงสาว "อ่ะ จะ..เจ็บค่ะ" สกาวรู้สึกแสบขัดเล็กน้อยเมื่อท่อที่เสียบรูปัสวะถูกเสียบเข้ามาโด
Comments