All Chapters of ย้อนเวลาไปเป็นนักล่ายุคก้าวกระโดด: Chapter 11 - Chapter 20

35 Chapters

บทที่ 11

ผังเป่ยลากแพะภูเขาวิ่งกลับบ้านโดยไม่แม้แต่จะหันหน้ากลับไปมองตลอดทาง แม้จะไม่หนาวแล้ว แต่อุปกรณ์ก็ทั้งหนาและหนัก เสื้อหนังสัตว์ตัวนี้หนักจริง ๆแม้วิ่งห้ออยู่บนพื้นหิมะ แต่ผังเป่ยข้ามเวลามาอยู่ที่นี่ นี่เป็นครั้งแรกที่เหงื่อท่วมตัวบนพื้นหิมะผังเป่ยลากแพะภูเขากลับมาถึงบ้านอย่างเหน็ดเหนื่อย ฟ้าก็ค่อย ๆ มืดลงแล้วฤดูหนาว พื้นที่ในละติจูดสูงฟ้าจะมืดเร็ว แม่ยืนรอผังเป่ยอยู่หน้าประตูกระทั่งเห็นเงาของลูกชาย ความเป็นกังวลของเธอถึงได้คลี่คลายลง“แม่ แม่ดูสินี่คืออะไร!”ผังเป่ยลากแพะภูเขากลับมาพร้อมยิ้มแย้ม เมื่อเห็นลูกชายนำแพะภูเขากลับมาตัวหนึ่ง แม่ก็ยิ้มไม่หุบ “นี่แกไปล่ามาจากไหน?”แพะภูเขาตัวใหญ่ขนาดนี้ ลูกชายพกติดตัวไปแค่ธนูและหอกสั้น ก็ล่ากลับมาได้แล้ว!เห็นศพของแพะภูเขาแช่แข็งเอาไว้แล้ว ไหนจะบาดแผลบนตัว เห็นได้ชัดว่าเป็นบาดแผลที่เกิดจากธนูและหอกสั้น“แหะ ๆ โชคดีน่ะครับที่หาเจ้านี่เจอ แล้วก็ผมยังไปเจอของแช่แข็งที่ฝูงหมาป่าเก็บเอาไว้ด้วย เป็นแพะภูเขาไม่น้อยเลยทีเดียว แต่ต้องรอให้ฝูงหมาป่าไปก่อนแล้วค่อยว่ากัน ตอนนี้ไม่กล้าเข้าใกล้!”เมื่อหลี่ว์ซิ่วหลันได้ยินดังนั้นก็ขนลุกซู่ “อะไรน
Read more

บทที่ 12

นัดกับหัวหน้าเรียบร้อยแล้ว ท้ายที่สุดในใจของผังเป่ยก็มีความมั่นใจแล้วถ้าเป็นแบบนี้ พรุ่งนี้เข้าไปในภูเขาเลยก็เรียบร้อยแล้วหลังกลับบ้าน ผังเป่ยก็รีบเข้านอน กันไม่ให้วันต่อมาตื่นสาย แบบนั้นละแย่แน่เช้าวันต่อมา ผังเป่ยกินข้าวเสร็จตั้งนานแล้ว เตรียมพร้อมรอทุกคนมาและเพิ่งจะเก็บข้าวของเสร็จ ที่นอกประตูหัวหน้าก็พาคนมาแล้วดูแล้วคนที่มาไม่น้อย มียี่สิบกว่าคนเห็นจะได้ แต่ละคนล้วนยังหนุ่มยังแน่นและแข็งแรงทั้งนั้น บางทีอาจรู้ว่าต้องเข้าไปในภูเขา ฉะนั้นพวกเขาจึงพกอาวุธประเภทท่อนไม้และหอกยาวติดตัวมาด้วย แน่นอนว่าอุปกรณ์โค่นต้นไม้และมีดผ่าฟืนก็พกติดตัวมาด้วยเช่นกันหลี่ว์ไห่เห็นผังเป่ยรออยู่หน้าประตูแล้ว เขาฉีกยิ้มพร้อมเอ่ยขึ้นว่า “ฉันเรียกคนมาให้นายแล้ว นายคิดจะจัดการยังไง?”ผังเป่ยยิ้มพูด “คนส่วนหนึ่งตามผมเข้าไปเอาแพะภูเขากลับมาในภูเขา อีกส่วนหนึ่งโค่นต้นไม้ เราจะพยายามเอาของกลับมาก่อนเที่ยง คนที่เหลือก็เริ่มซ่อมแซมบ้านของเราได้เลย นอกจากนี้ผมต้องการห้องใต้ดินห้องหนึ่ง แล้วก็ผมต้องการประดิษฐ์กลไกที่ค่อนข้างใหญ่นิดหน่อย ติดตั้งไปตามแนวนี้ สร้างการป้องกันต้านทานฝูงหมาป่าชั้นหนึ่ง แบบนี้หม
Read more

บทที่ 13

ผังเป่ยชะงักไปเล็กน้อย เขากลับไม่ได้คิดถึงจุดนี้เลยที่สำคัญก็คือ ผังเป่ยเพิ่งฟื้นขึ้นมา เขาไม่คุ้นเคยกับญาติเหล่านี้ ถ้าให้พูดตรง ๆ ก็ไม่ได้นับญาติกันจริง ๆในช่วงเวลานี้ ความคิดหลักของผังเป่ยก็คือจะมีชีวิตอยู่ต่อยังไง ดังนั้นจึงไม่ได้สนใจเรื่องพวกนี้เมื่อถูกหลี่ว์ไห่เตือนแบบนี้ ผังเป่ยถึงนึกขึ้นได้เขาเองก็ต้องดูแลในบ้านลุงใหญ่สักหน่อย ถึงยังไงตากับลุงใหญ่ก็ดีกับบ้านตนทีเดียวแม่เองก็เป็นห่วงสุขภาพของตาถึงไม่กล้ากลับบ้านฉะนั้น เขาเองก็ไม่ได้โกรธเกลียดอะไรตากับลุงใหญ่เลยขอแค่แม่มีความสุขก็พอแล้ว เขาเกาหัว พร้อมฉีกยิ้มแล้วเดินไปลุงใหญ่ในตอนนี้กำลังตรวจสอบรั้วกั้นไม้อยู่ คนอื่นไม่ได้ใส่ใจ แต่เขาไม่ได้ คนหนึ่งก็เป็นน้องสาวแท้ ๆ ของตน คนหนึ่งก็เป็นหลานชายและหลานสาวแท้ ๆ ของตัวเองไม่ว่าอย่างไรเขาก็ไม่สามารถปล่อยไปได้ในจังหวะที่หลี่ว์ชิงซงกำลังตั้งใจตรวจสอบรั้วกั้นอยู่นั้น ผังเป่ยก็เดินไปช่วยบริเวณใกล้เคียง ทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะชะงักไปหลังหลี่ว์ชิงซงเห็นผังเป่ย ก็เอ่ยขึ้นว่า “แกรีบไปพักผ่อนสักหน่อยเถอะ ทำงานมาทั้งเช้าแล้ว”ผังเป่ยฉีกยิ้มพร้อมเอ่ยว่า “ลุงใหญ่ ลุงใหญ่ก็ทำงา
Read more

บทที่ 14

ผังเป่ยกลั้นหายใจ เขารู้ดีว่ารั้วไม้ยังสร้างไม่เสร็จดี ตอนนี้มีเพียงท่อนไม้กองสุมไว้พอเป็นที่กั้น จะต้านทานได้หรือไม่นั้นก็ไม่อาจแน่ใจหลี่ว์ซิ่วหลันได้ยินลูกชายบอกว่าหมาป่ามา เธอถึงกับตัวแข็งทื่อไม่กล้าขยับ“เป็นไปได้อย่างไร? ตอนกลางวันเพิ่งซ่อมรั้วไปแท้ๆ พอตกกลางคืนก็มาแล้วงั้นหรือ?”ผังเป่ยกระซิบเสียงต่ำ “วันนี้เชือดแกะไปตั้งเยอะ แถมยังต้มเนื้ออีกไม่น้อย กลิ่นคาวเลือดกับเนื้อสุกพวกนี้แหละที่ล่อหมาป่ามา!”หลี่ว์ซิ่วหลันหน้าถอดสี รีบลุกขึ้นอุ้มผังซีที่กำลังหลับสนิทแล้ววิ่งตรงไปยังห้องใต้ดินทันทีโชคดีที่ห้องใต้ดินสร้างเสร็จทันเวลา ไม่อย่างนั้นวันนี้คงแย่แน่พอเห็นแม่กับน้องสาวเข้าไปข้างในเรียบร้อยแล้ว ผังเป่ยกลับไม่ได้ตามลงไปหลี่ว์ซิ่วหลันมองลูกชายด้วยสีหน้าตื่นตระหนก “ทำอะไรของแก? รีบลงมาสิ! เร็วเข้า!”ผังเป่ยมองแม่กับน้องสาวที่อยู่ในห้องใต้ดินแล้วก็เข้าใจดี ถ้าหากเขาลงไปด้วย แล้วหมาป่าบุกเข้ามา พวกเขาก็หนีไม่รอดอยู่ดีตอนนี้ต้องหาทางไล่หมาป่าไป หรือไม่ก็ล่อมันออกไปให้พ้นจากที่นี่ผังเป่ยยิ้มบางก่อนพูดว่า “ถ้าผมลงไป พวกเราก็คงต้องปล่อยให้ชะตาฟ้าลิขิตแล้วล่ะ แม่...แม่ดูแลน้
Read more

บทที่ 15

ฆ่าหมาป่าได้ถึงสองตัว! แถมยังไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย? เขาทำได้อย่างไรกัน?ถ้าไม่ได้เห็นศพหมาป่ากับตาตัวเอง เธอคงไม่มีวันเชื่อเมื่อสักครู่ หลี่ว์ซิ่วหลันก็ได้ยินเสียงการต่อสู้ชัดเจน ไม่มีทางเป็นอื่นไปได้นอกจากลูกชายของเธอแล้ว ที่นี่ก็ไม่มีใครอื่นหรือว่า... ผังเป่ยจะมีพรสวรรค์ในการล่าสัตว์หากเป็นเช่นนั้นจริง ผังเป่ยก็อาจจะเป็นผู้พิทักษ์ภูเขาได้ในป่าลึก แม้ว่ากฎระเบียบจะไม่เข้มงวดนัก ไม่ถึงขนาดที่ว่าเผากิ่งไม้ก็ถือเป็นความผิดร้ายแรงเพราะในป่าดงพงไพร หากหัวหน้าไม่เอาเรื่อง ก็ไม่มีใครกล้าเอาผิด แม้แต่คนที่ถูกส่งมาจากเบื้องบน ก็ไม่กล้าแตะต้องคนในหมู่บ้านง่ายๆถึงอย่างไร พวกชาวบ้านก็คุ้นชินกับความอิสระ หากห้ามปรามพวกเขาไม่ให้ทำสิ่งนั้นตกกลางคืน อาจถูกจับมัดไปทิ้งในป่าให้เป็นเหยื่อหมาป่าก็เป็นได้แต่ถึงกระนั้น ก็ใช่ว่าจะสามารถทำอะไรตามอำเภอใจได้อย่างโจ่งแจ้งทว่า หากได้เป็นผู้พิทักษ์ภูเขา ก็จะถือว่าเป็นพรานที่ได้รับการยอมรับ สามารถล่าสัตว์ในป่าได้อย่างอิสระ ตราบใดที่ไม่ทำเกินเลย ไม่บุกรุกถางป่า ก็จะไม่มีใครมาเอาผิดหากผังเป่ยได้รับตำแหน่งนี้ แม้ว่าจะไม่ได้รับส่วนแบ่ง
Read more

บทที่ 16

จากนั้นเขาก็เดินเข้าไปดูด้วยความประหลาดใจด้วยประสบการณ์การล่าสัตว์ของหลี่ว์ไห่ เพียงมองปราดเดียวก็รู้ว่าหมาป่าตัวนี้เพิ่งถูกฆ่าตายไม่นาน และจากรอยแผลบนหนัง ก็บ่งบอกว่ามันถูกแทงด้วยหอกสั้น ไม่ว่าจะเป็นรอยแผล หรือตำแหน่งที่แทง ล้วนแต่แม่นยำและงดงาม!นี่เป็นฝีมือระดับมืออาชีพอย่างแท้จริง!ในขณะนั้นเอง หลี่ว์ซิ่วหลันก็เดินออกมาพอดี เธอชะงักเล็กน้อยเมื่อเห็นหลี่ว์ไห่หลี่ว์ไห่ชี้ไปที่หนังหมาป่า พลางถามว่า “ซิ่วหลัน หนังหมาป่านี่มาจากไหน?”หลี่ว์ซิ่วหลันถอนหายใจ “พี่ไห่ เมื่อคืนหมาป่าบุกเข้ามา เสี่ยวเป่ยปกป้องพวกเราไว้ เลยฆ่ามันไป เขายังนอนอยู่ ฉันอยากให้เขาพักผ่อนอีกสักหน่อย”หลี่ว์ไห่เบิกตากว้าง มองหลี่ว์ซิ่วหลันแล้วถามว่า “ผังเป่ยฆ่าหมาป่าสองตัวด้วยตัวคนเดียวเหรอ?”หลี่ว์ซิ่วหลันพยักหน้า “เข้ามาสามตัว เสี่ยวเป่ยฆ่าไปสอง หนีไปได้หนึ่ง”หลี่ว์ไห่ถึงกับอึ้งไป เขาชี้ไปที่หนังหมาป่าอีกครั้ง “เสี่ยวเป่ยคนเดียวฆ่าหมาป่าสองตัวเลยเหรอ?”หลี่ว์ซิ่วหลันพยักหน้า “อืม!”สีหน้าของหลี่ว์ไห่เปลี่ยนจากประหลาดใจเป็นยินดีเขาหัวเราะเสียงดัง “ดี! ดีมาก! ถ้าผังเป่ยมีความสามารถขนาดนี้ พวกเราก็จะไ
Read more

บทที่ 17

แม้ว่าคนเราจะไม่กินข้าว กินแต่เนื้ออย่างเดียวก็ยังอยู่ได้ทว่า ประสิทธิภาพในการล่าสัตว์นั้น ย่อมด้อยกว่าประสิทธิภาพของธัญญาหารอย่างเทียบกันไม่ได้ เพราะหากเผชิญกับสภาพอากาศที่เลวร้าย ก็จะไม่สามารถออกไปล่าสัตว์ได้การล่าสัตว์นั้น ขึ้นอยู่กับโชคและสภาพอากาศเป็นอย่างมากหากอากาศเลวร้ายเกินไป แม้แต่ผังเป่ยก็ทำอะไรไม่ได้ตอนนี้ สิ่งสำคัญที่สุดคือต้องหาทางล่าสัตว์ให้ได้เสียก่อนเพื่อที่จะได้มีของไปแลกเป็นเงินหลังจากกินข้าวเสร็จ ผังเป่ยก็สะพายธนูและหอกสั้น มุ่งหน้าขึ้นเขาไปทันทีเมื่อขึ้นไปบนเขา ผังเป่ยก็ตรงไปดูกับดักว่าจับได้ไหมแต่เมื่อเดินสำรวจดูจนทั่วแล้ว ก็ไม่พบอะไรเลย...ดูเหมือนว่า หลังจากฝูงหมาป่าเข้ามาใกล้ สัตว์ป่าในบริเวณนี้ก็ลดน้อยลงไปไม่มีทางเลือก จำเป็นต้องเดินลึกเข้าไปในป่า แม้จะอันตราย แต่เพื่อความอยู่รอด ก็ต้องเสี่ยงเดินลึกเข้าไปครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ผังเป่ยก็กระชับถุงสัมภาระบนตัวให้แน่น แล้วเดินลึกเข้าไปในเขาต่อไปฤดูหนาวในป่านั้นหนาวเย็น แม้ว่าแสงอาทิตย์จะแรงกล้า แต่ในป่าก็ยังคงหนาวเหน็บโชคดีที่สวมเสื้อหนัง ไม่อย่างนั้นคงไม่แข็งตายก็คงถูกความเย็นกัดจนบาดเจ็บ
Read more

บทที่ 18

ขณะที่วิ่งหนี ผังเป่ยก็พุ่งตรงไปยังทิศทางที่สุนัขจิ้งจอกอยู่สุนัขจิ้งจอกไม่คาดคิด แม้มันจะไม่ใช่มนุษย์ แต่ผังเป่ยนี่มันหมาของแท้!หมูป่าที่กำลังพุ่งลงเนินมา ไม่สามารถหยุดยั้งได้ผังเป่ยกลิ้งตัวหลบอย่างรวดเร็ว นอนราบไปกับพื้นหิมะจากนั้นหมูป่าก็พุ่งตรงเข้าใส่สุนัขจิ้งจอกสุนัขจิ้งจอกเผ่นหนีอย่างว่องไว แต่หมูป่าก็พุ่งเข้าใส่ไม่ยั้ง!สุนัขจิ้งจอกถูกชนกระเด็นหมูป่าเพิ่งจะหยุดได้ ก็พบว่าตนเองไล่ตามผิดตัวและในตอนนั้นเอง ฟิ้วๆ!ลูกธนูสองดอกพุ่งเข้าใส่ ปักเข้าที่บั้นท้ายของมันเต็มแรง!หมูป่าหันกลับมา ด้วยความโกรธเกรี้ยว มันพุ่งเข้าใส่ผังเป่ยอีกครั้งผังเป่ยรีบคว้าธนู แล้ววิ่งหนีหัวซุกหัวซุน!ผังเป่ยวิ่งวนไปมาในป่า ล่อให้หมูป่าวิ่งตามหมูป่าวิ่งชนต้นไม้ครั้งแล้วครั้งเล่า ผ่านไปครู่หนึ่งแม้ว่าหนังจะหนาและเนื้อจะแน่น แต่ก็ทนทานไม่ไหวหัวของหมูป่ามีเลือดไหลอาบผังเป่ยขึ้นไปยืนอยู่บนโขดหินสูง เขาดึงสายธนูง้างจนสุด แล้วยิงเข้าใส่หมูป่าอีกดอก!คราวนี้ ผังเป่ยยิงเข้าที่เบ้าตาของหมูป่า!หมูป่าที่เจ็บปวด มันร้องคำรามเสียงลั่น พุ่งเข้าใส่ผังเป่ยด้วยความคลุ้มคลั่ง มันอาจจะไม่ทันสัง
Read more

บทที่ 19

ผังเป่ยหันกลับไปมองสุนัขจิ้งจอกที่เรืองแสงสีทองด้วยแววตาสงสัย ก่อนจะเอ่ยถามขึ้นว่า “ท่านยายทวดหูซาน?”หลี่ว์ซิ่วหลันชี้ไปที่ประตูแล้วร้องขึ้น “ก็นั่นไงล่ะ แล้วทำไมถึงพาคนแก่อย่างเธอมาถึงในบ้านได้ล่ะ?”ผังเป่ยขมวดคิ้วมุ่น “นี่คือยายทวดหูซานเหรอ? แต่ก็แค่สุนัขจิ้งจอกตัวหนึ่งไม่ใช่รึไง?”หลี่ว์ซิ่วหลันส่ายหน้า “อย่าพูดพล่อยๆ ฉันเคยเจอเธอตั้งแต่เด็กแล้ว ตอนนั้นเธอตัวเล็กกว่านี้นิดหน่อย แต่ก็เป็นเธอแน่ๆ”ผังเป่ยยิ่งฉงนหนักเข้าไปอีก “ท่านเคยเจอตั้งแต่เด็กแล้ว? งั้นจิ้งจอกนี่ก็เป็นจิ้งจอกเฒ่าน่ะสิ?”หลี่ว์ซิ่วหลันจ้องเขาด้วยสายตาดุ “พูดอะไรของแก! จิ้งจอกเฒ่าอะไรกัน? ฟังให้ดีนะผังเป่ย ที่นี่ไม่มีใครกล้าลบหลู่ท่านยายทวดหูซานหรอก!”ผังเป่ยหันกลับไปมองเจ้าสุนัขจิ้งจอกอีกครั้ง ไม่ว่าจะมองยังไง เขาก็ไม่รู้สึกว่านี่คือยายทวดหูซานที่ว่ากันเลย...แต่เจ้าจิ้งจอกกลับทำเหมือนฟังเขาออก มันบิดขี้เกียจยืดตัวออกมาอย่างสบายอารมณ์“ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเจ้าหมอนี่ถึงฉลาดขนาดนี้ ที่แท้เป็นแบบนี้นี่เอง!”ขณะเดียวกัน หลี่ว์ซิ่วหลันก็เบิกตากว้าง มองหมูป่าตัวโตด้วยความตกใจ ก่อนจะถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น“นี่ไป
Read more

บทที่ 20

ดวงตาของชายชราเบิกกว้างในทันที พิจารณาดูอย่างละเอียด แล้วกล่าวว่า “ตาเฒ่าหลี่ว์ลงเขามาไม่ได้ไม่ใช่เหรอ? แล้วนี่ใครเป็นคนล่าได้?”ผังเป่ยตอบอย่างมั่นใจ “ผมเองครับ ผมรับช่วงต่อจากท่านตา”ชายชรามองดูหมูป่า แล้วหันกลับมามองผังเป่ย “พ่อหนุ่ม ไม่เลวเลยนี่!”“เอาล่ะ ฉันขอดูหน่อย!”ชายชราพิจารณาดูอย่างถี่ถ้วน แล้วกล่าวว่า “ฉันให้ห้าเหมาต่อหนึ่งชั่ง”“ห้าเหมา?” ผังเป่ยตะลึงชายชรายิ้ม “ทำไม? คิดว่าฉันให้มากไปเหรอ? ตาของนายเป็นลูกค้าเก่าแก่ของฉัน ต่อไปนายก็คงต้องมาบ่อยๆ ฉันก็ให้ราคาเดียวกับตาของนายนั่นแหละ”ผังเป่ยกลืนน้ำลายเขาคิดว่ามันน้อยเกินไปหากเป็นในยุคสมัยที่เขารู้จัก เนื้อหมูป่าอย่างถูกก็ต้องสิบหยวนต่อชั่ง แต่เมื่อคิดดู นี่คือยุคหกศูนย์ ห้าเหมาต่อชั่ง ถือว่าแพงมากแล้ว!เนื้อหมูป่า เป็นเนื้อสัตว์ป่า ราคาย่อมสูงกว่าปกติราคาตลาด น่าจะอยู่ที่ประมาณหนึ่งหยวนชายชรารับซื้อในราคาห้าเหมาต่อชั่ง หมูป่าเมื่อคว้านเครื่องในออกแล้ว ก็น่าจะหนักราวๆ หนึ่งร้อยชั่งหมูป่าตัวนี้ น่าจะขายได้ห้าสิบถึงหกสิบหยวน!อันที่จริง นี่ก็ถือว่าไม่น้อยเลย!หลี่ว์ซิ่วหลันยิ้ม “ถ้าอย่างนั้น ขอบคุณท่านมาก
Read more
PREV
1234
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status