Share

บทที่ 12

Author: วิถีมารไร้ขอบเขต
นัดกับหัวหน้าเรียบร้อยแล้ว ท้ายที่สุดในใจของผังเป่ยก็มีความมั่นใจแล้ว

ถ้าเป็นแบบนี้ พรุ่งนี้เข้าไปในภูเขาเลยก็เรียบร้อยแล้ว

หลังกลับบ้าน ผังเป่ยก็รีบเข้านอน กันไม่ให้วันต่อมาตื่นสาย แบบนั้นละแย่แน่

เช้าวันต่อมา ผังเป่ยกินข้าวเสร็จตั้งนานแล้ว เตรียมพร้อมรอทุกคนมา

และเพิ่งจะเก็บข้าวของเสร็จ ที่นอกประตูหัวหน้าก็พาคนมาแล้ว

ดูแล้วคนที่มาไม่น้อย มียี่สิบกว่าคนเห็นจะได้ แต่ละคนล้วนยังหนุ่มยังแน่นและแข็งแรงทั้งนั้น บางทีอาจรู้ว่าต้องเข้าไปในภูเขา ฉะนั้นพวกเขาจึงพกอาวุธประเภทท่อนไม้และหอกยาวติดตัวมาด้วย แน่นอนว่าอุปกรณ์โค่นต้นไม้และมีดผ่าฟืนก็พกติดตัวมาด้วยเช่นกัน

หลี่ว์ไห่เห็นผังเป่ยรออยู่หน้าประตูแล้ว เขาฉีกยิ้มพร้อมเอ่ยขึ้นว่า “ฉันเรียกคนมาให้นายแล้ว นายคิดจะจัดการยังไง?”

ผังเป่ยยิ้มพูด “คนส่วนหนึ่งตามผมเข้าไปเอาแพะภูเขากลับมาในภูเขา อีกส่วนหนึ่งโค่นต้นไม้ เราจะพยายามเอาของกลับมาก่อนเที่ยง คนที่เหลือก็เริ่มซ่อมแซมบ้านของเราได้เลย นอกจากนี้ผมต้องการห้องใต้ดินห้องหนึ่ง แล้วก็ผมต้องการประดิษฐ์กลไกที่ค่อนข้างใหญ่นิดหน่อย ติดตั้งไปตามแนวนี้ สร้างการป้องกันต้านทานฝูงหมาป่าชั้นหนึ่ง แบบนี้หม
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter

Related chapters

  • ย้อนเวลาไปเป็นนักล่ายุคก้าวกระโดด   บทที่ 13

    ผังเป่ยชะงักไปเล็กน้อย เขากลับไม่ได้คิดถึงจุดนี้เลยที่สำคัญก็คือ ผังเป่ยเพิ่งฟื้นขึ้นมา เขาไม่คุ้นเคยกับญาติเหล่านี้ ถ้าให้พูดตรง ๆ ก็ไม่ได้นับญาติกันจริง ๆในช่วงเวลานี้ ความคิดหลักของผังเป่ยก็คือจะมีชีวิตอยู่ต่อยังไง ดังนั้นจึงไม่ได้สนใจเรื่องพวกนี้เมื่อถูกหลี่ว์ไห่เตือนแบบนี้ ผังเป่ยถึงนึกขึ้นได้เขาเองก็ต้องดูแลในบ้านลุงใหญ่สักหน่อย ถึงยังไงตากับลุงใหญ่ก็ดีกับบ้านตนทีเดียวแม่เองก็เป็นห่วงสุขภาพของตาถึงไม่กล้ากลับบ้านฉะนั้น เขาเองก็ไม่ได้โกรธเกลียดอะไรตากับลุงใหญ่เลยขอแค่แม่มีความสุขก็พอแล้ว เขาเกาหัว พร้อมฉีกยิ้มแล้วเดินไปลุงใหญ่ในตอนนี้กำลังตรวจสอบรั้วกั้นไม้อยู่ คนอื่นไม่ได้ใส่ใจ แต่เขาไม่ได้ คนหนึ่งก็เป็นน้องสาวแท้ ๆ ของตน คนหนึ่งก็เป็นหลานชายและหลานสาวแท้ ๆ ของตัวเองไม่ว่าอย่างไรเขาก็ไม่สามารถปล่อยไปได้ในจังหวะที่หลี่ว์ชิงซงกำลังตั้งใจตรวจสอบรั้วกั้นอยู่นั้น ผังเป่ยก็เดินไปช่วยบริเวณใกล้เคียง ทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะชะงักไปหลังหลี่ว์ชิงซงเห็นผังเป่ย ก็เอ่ยขึ้นว่า “แกรีบไปพักผ่อนสักหน่อยเถอะ ทำงานมาทั้งเช้าแล้ว”ผังเป่ยฉีกยิ้มพร้อมเอ่ยว่า “ลุงใหญ่ ลุงใหญ่ก็ทำงา

  • ย้อนเวลาไปเป็นนักล่ายุคก้าวกระโดด   บทที่ 14

    ผังเป่ยกลั้นหายใจ เขารู้ดีว่ารั้วไม้ยังสร้างไม่เสร็จดี ตอนนี้มีเพียงท่อนไม้กองสุมไว้พอเป็นที่กั้น จะต้านทานได้หรือไม่นั้นก็ไม่อาจแน่ใจหลี่ว์ซิ่วหลันได้ยินลูกชายบอกว่าหมาป่ามา เธอถึงกับตัวแข็งทื่อไม่กล้าขยับ“เป็นไปได้อย่างไร? ตอนกลางวันเพิ่งซ่อมรั้วไปแท้ๆ พอตกกลางคืนก็มาแล้วงั้นหรือ?”ผังเป่ยกระซิบเสียงต่ำ “วันนี้เชือดแกะไปตั้งเยอะ แถมยังต้มเนื้ออีกไม่น้อย กลิ่นคาวเลือดกับเนื้อสุกพวกนี้แหละที่ล่อหมาป่ามา!”หลี่ว์ซิ่วหลันหน้าถอดสี รีบลุกขึ้นอุ้มผังซีที่กำลังหลับสนิทแล้ววิ่งตรงไปยังห้องใต้ดินทันทีโชคดีที่ห้องใต้ดินสร้างเสร็จทันเวลา ไม่อย่างนั้นวันนี้คงแย่แน่พอเห็นแม่กับน้องสาวเข้าไปข้างในเรียบร้อยแล้ว ผังเป่ยกลับไม่ได้ตามลงไปหลี่ว์ซิ่วหลันมองลูกชายด้วยสีหน้าตื่นตระหนก “ทำอะไรของแก? รีบลงมาสิ! เร็วเข้า!”ผังเป่ยมองแม่กับน้องสาวที่อยู่ในห้องใต้ดินแล้วก็เข้าใจดี ถ้าหากเขาลงไปด้วย แล้วหมาป่าบุกเข้ามา พวกเขาก็หนีไม่รอดอยู่ดีตอนนี้ต้องหาทางไล่หมาป่าไป หรือไม่ก็ล่อมันออกไปให้พ้นจากที่นี่ผังเป่ยยิ้มบางก่อนพูดว่า “ถ้าผมลงไป พวกเราก็คงต้องปล่อยให้ชะตาฟ้าลิขิตแล้วล่ะ แม่...แม่ดูแลน้

  • ย้อนเวลาไปเป็นนักล่ายุคก้าวกระโดด   บทที่ 15

    ฆ่าหมาป่าได้ถึงสองตัว! แถมยังไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย? เขาทำได้อย่างไรกัน?ถ้าไม่ได้เห็นศพหมาป่ากับตาตัวเอง เธอคงไม่มีวันเชื่อเมื่อสักครู่ หลี่ว์ซิ่วหลันก็ได้ยินเสียงการต่อสู้ชัดเจน ไม่มีทางเป็นอื่นไปได้นอกจากลูกชายของเธอแล้ว ที่นี่ก็ไม่มีใครอื่นหรือว่า... ผังเป่ยจะมีพรสวรรค์ในการล่าสัตว์หากเป็นเช่นนั้นจริง ผังเป่ยก็อาจจะเป็นผู้พิทักษ์ภูเขาได้ในป่าลึก แม้ว่ากฎระเบียบจะไม่เข้มงวดนัก ไม่ถึงขนาดที่ว่าเผากิ่งไม้ก็ถือเป็นความผิดร้ายแรงเพราะในป่าดงพงไพร หากหัวหน้าไม่เอาเรื่อง ก็ไม่มีใครกล้าเอาผิด แม้แต่คนที่ถูกส่งมาจากเบื้องบน ก็ไม่กล้าแตะต้องคนในหมู่บ้านง่ายๆถึงอย่างไร พวกชาวบ้านก็คุ้นชินกับความอิสระ หากห้ามปรามพวกเขาไม่ให้ทำสิ่งนั้นตกกลางคืน อาจถูกจับมัดไปทิ้งในป่าให้เป็นเหยื่อหมาป่าก็เป็นได้แต่ถึงกระนั้น ก็ใช่ว่าจะสามารถทำอะไรตามอำเภอใจได้อย่างโจ่งแจ้งทว่า หากได้เป็นผู้พิทักษ์ภูเขา ก็จะถือว่าเป็นพรานที่ได้รับการยอมรับ สามารถล่าสัตว์ในป่าได้อย่างอิสระ ตราบใดที่ไม่ทำเกินเลย ไม่บุกรุกถางป่า ก็จะไม่มีใครมาเอาผิดหากผังเป่ยได้รับตำแหน่งนี้ แม้ว่าจะไม่ได้รับส่วนแบ่ง

  • ย้อนเวลาไปเป็นนักล่ายุคก้าวกระโดด   บทที่ 16

    จากนั้นเขาก็เดินเข้าไปดูด้วยความประหลาดใจด้วยประสบการณ์การล่าสัตว์ของหลี่ว์ไห่ เพียงมองปราดเดียวก็รู้ว่าหมาป่าตัวนี้เพิ่งถูกฆ่าตายไม่นาน และจากรอยแผลบนหนัง ก็บ่งบอกว่ามันถูกแทงด้วยหอกสั้น ไม่ว่าจะเป็นรอยแผล หรือตำแหน่งที่แทง ล้วนแต่แม่นยำและงดงาม!นี่เป็นฝีมือระดับมืออาชีพอย่างแท้จริง!ในขณะนั้นเอง หลี่ว์ซิ่วหลันก็เดินออกมาพอดี เธอชะงักเล็กน้อยเมื่อเห็นหลี่ว์ไห่หลี่ว์ไห่ชี้ไปที่หนังหมาป่า พลางถามว่า “ซิ่วหลัน หนังหมาป่านี่มาจากไหน?”หลี่ว์ซิ่วหลันถอนหายใจ “พี่ไห่ เมื่อคืนหมาป่าบุกเข้ามา เสี่ยวเป่ยปกป้องพวกเราไว้ เลยฆ่ามันไป เขายังนอนอยู่ ฉันอยากให้เขาพักผ่อนอีกสักหน่อย”หลี่ว์ไห่เบิกตากว้าง มองหลี่ว์ซิ่วหลันแล้วถามว่า “ผังเป่ยฆ่าหมาป่าสองตัวด้วยตัวคนเดียวเหรอ?”หลี่ว์ซิ่วหลันพยักหน้า “เข้ามาสามตัว เสี่ยวเป่ยฆ่าไปสอง หนีไปได้หนึ่ง”หลี่ว์ไห่ถึงกับอึ้งไป เขาชี้ไปที่หนังหมาป่าอีกครั้ง “เสี่ยวเป่ยคนเดียวฆ่าหมาป่าสองตัวเลยเหรอ?”หลี่ว์ซิ่วหลันพยักหน้า “อืม!”สีหน้าของหลี่ว์ไห่เปลี่ยนจากประหลาดใจเป็นยินดีเขาหัวเราะเสียงดัง “ดี! ดีมาก! ถ้าผังเป่ยมีความสามารถขนาดนี้ พวกเราก็จะไ

  • ย้อนเวลาไปเป็นนักล่ายุคก้าวกระโดด   บทที่ 17

    แม้ว่าคนเราจะไม่กินข้าว กินแต่เนื้ออย่างเดียวก็ยังอยู่ได้ทว่า ประสิทธิภาพในการล่าสัตว์นั้น ย่อมด้อยกว่าประสิทธิภาพของธัญญาหารอย่างเทียบกันไม่ได้ เพราะหากเผชิญกับสภาพอากาศที่เลวร้าย ก็จะไม่สามารถออกไปล่าสัตว์ได้การล่าสัตว์นั้น ขึ้นอยู่กับโชคและสภาพอากาศเป็นอย่างมากหากอากาศเลวร้ายเกินไป แม้แต่ผังเป่ยก็ทำอะไรไม่ได้ตอนนี้ สิ่งสำคัญที่สุดคือต้องหาทางล่าสัตว์ให้ได้เสียก่อนเพื่อที่จะได้มีของไปแลกเป็นเงินหลังจากกินข้าวเสร็จ ผังเป่ยก็สะพายธนูและหอกสั้น มุ่งหน้าขึ้นเขาไปทันทีเมื่อขึ้นไปบนเขา ผังเป่ยก็ตรงไปดูกับดักว่าจับได้ไหมแต่เมื่อเดินสำรวจดูจนทั่วแล้ว ก็ไม่พบอะไรเลย...ดูเหมือนว่า หลังจากฝูงหมาป่าเข้ามาใกล้ สัตว์ป่าในบริเวณนี้ก็ลดน้อยลงไปไม่มีทางเลือก จำเป็นต้องเดินลึกเข้าไปในป่า แม้จะอันตราย แต่เพื่อความอยู่รอด ก็ต้องเสี่ยงเดินลึกเข้าไปครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ผังเป่ยก็กระชับถุงสัมภาระบนตัวให้แน่น แล้วเดินลึกเข้าไปในเขาต่อไปฤดูหนาวในป่านั้นหนาวเย็น แม้ว่าแสงอาทิตย์จะแรงกล้า แต่ในป่าก็ยังคงหนาวเหน็บโชคดีที่สวมเสื้อหนัง ไม่อย่างนั้นคงไม่แข็งตายก็คงถูกความเย็นกัดจนบาดเจ็บ

  • ย้อนเวลาไปเป็นนักล่ายุคก้าวกระโดด   บทที่ 18

    ขณะที่วิ่งหนี ผังเป่ยก็พุ่งตรงไปยังทิศทางที่สุนัขจิ้งจอกอยู่สุนัขจิ้งจอกไม่คาดคิด แม้มันจะไม่ใช่มนุษย์ แต่ผังเป่ยนี่มันหมาของแท้!หมูป่าที่กำลังพุ่งลงเนินมา ไม่สามารถหยุดยั้งได้ผังเป่ยกลิ้งตัวหลบอย่างรวดเร็ว นอนราบไปกับพื้นหิมะจากนั้นหมูป่าก็พุ่งตรงเข้าใส่สุนัขจิ้งจอกสุนัขจิ้งจอกเผ่นหนีอย่างว่องไว แต่หมูป่าก็พุ่งเข้าใส่ไม่ยั้ง!สุนัขจิ้งจอกถูกชนกระเด็นหมูป่าเพิ่งจะหยุดได้ ก็พบว่าตนเองไล่ตามผิดตัวและในตอนนั้นเอง ฟิ้วๆ!ลูกธนูสองดอกพุ่งเข้าใส่ ปักเข้าที่บั้นท้ายของมันเต็มแรง!หมูป่าหันกลับมา ด้วยความโกรธเกรี้ยว มันพุ่งเข้าใส่ผังเป่ยอีกครั้งผังเป่ยรีบคว้าธนู แล้ววิ่งหนีหัวซุกหัวซุน!ผังเป่ยวิ่งวนไปมาในป่า ล่อให้หมูป่าวิ่งตามหมูป่าวิ่งชนต้นไม้ครั้งแล้วครั้งเล่า ผ่านไปครู่หนึ่งแม้ว่าหนังจะหนาและเนื้อจะแน่น แต่ก็ทนทานไม่ไหวหัวของหมูป่ามีเลือดไหลอาบผังเป่ยขึ้นไปยืนอยู่บนโขดหินสูง เขาดึงสายธนูง้างจนสุด แล้วยิงเข้าใส่หมูป่าอีกดอก!คราวนี้ ผังเป่ยยิงเข้าที่เบ้าตาของหมูป่า!หมูป่าที่เจ็บปวด มันร้องคำรามเสียงลั่น พุ่งเข้าใส่ผังเป่ยด้วยความคลุ้มคลั่ง มันอาจจะไม่ทันสัง

  • ย้อนเวลาไปเป็นนักล่ายุคก้าวกระโดด   บทที่ 19

    ผังเป่ยหันกลับไปมองสุนัขจิ้งจอกที่เรืองแสงสีทองด้วยแววตาสงสัย ก่อนจะเอ่ยถามขึ้นว่า “ท่านยายทวดหูซาน?”หลี่ว์ซิ่วหลันชี้ไปที่ประตูแล้วร้องขึ้น “ก็นั่นไงล่ะ แล้วทำไมถึงพาคนแก่อย่างเธอมาถึงในบ้านได้ล่ะ?”ผังเป่ยขมวดคิ้วมุ่น “นี่คือยายทวดหูซานเหรอ? แต่ก็แค่สุนัขจิ้งจอกตัวหนึ่งไม่ใช่รึไง?”หลี่ว์ซิ่วหลันส่ายหน้า “อย่าพูดพล่อยๆ ฉันเคยเจอเธอตั้งแต่เด็กแล้ว ตอนนั้นเธอตัวเล็กกว่านี้นิดหน่อย แต่ก็เป็นเธอแน่ๆ”ผังเป่ยยิ่งฉงนหนักเข้าไปอีก “ท่านเคยเจอตั้งแต่เด็กแล้ว? งั้นจิ้งจอกนี่ก็เป็นจิ้งจอกเฒ่าน่ะสิ?”หลี่ว์ซิ่วหลันจ้องเขาด้วยสายตาดุ “พูดอะไรของแก! จิ้งจอกเฒ่าอะไรกัน? ฟังให้ดีนะผังเป่ย ที่นี่ไม่มีใครกล้าลบหลู่ท่านยายทวดหูซานหรอก!”ผังเป่ยหันกลับไปมองเจ้าสุนัขจิ้งจอกอีกครั้ง ไม่ว่าจะมองยังไง เขาก็ไม่รู้สึกว่านี่คือยายทวดหูซานที่ว่ากันเลย...แต่เจ้าจิ้งจอกกลับทำเหมือนฟังเขาออก มันบิดขี้เกียจยืดตัวออกมาอย่างสบายอารมณ์“ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเจ้าหมอนี่ถึงฉลาดขนาดนี้ ที่แท้เป็นแบบนี้นี่เอง!”ขณะเดียวกัน หลี่ว์ซิ่วหลันก็เบิกตากว้าง มองหมูป่าตัวโตด้วยความตกใจ ก่อนจะถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น“นี่ไป

  • ย้อนเวลาไปเป็นนักล่ายุคก้าวกระโดด   บทที่ 20

    ดวงตาของชายชราเบิกกว้างในทันที พิจารณาดูอย่างละเอียด แล้วกล่าวว่า “ตาเฒ่าหลี่ว์ลงเขามาไม่ได้ไม่ใช่เหรอ? แล้วนี่ใครเป็นคนล่าได้?”ผังเป่ยตอบอย่างมั่นใจ “ผมเองครับ ผมรับช่วงต่อจากท่านตา”ชายชรามองดูหมูป่า แล้วหันกลับมามองผังเป่ย “พ่อหนุ่ม ไม่เลวเลยนี่!”“เอาล่ะ ฉันขอดูหน่อย!”ชายชราพิจารณาดูอย่างถี่ถ้วน แล้วกล่าวว่า “ฉันให้ห้าเหมาต่อหนึ่งชั่ง”“ห้าเหมา?” ผังเป่ยตะลึงชายชรายิ้ม “ทำไม? คิดว่าฉันให้มากไปเหรอ? ตาของนายเป็นลูกค้าเก่าแก่ของฉัน ต่อไปนายก็คงต้องมาบ่อยๆ ฉันก็ให้ราคาเดียวกับตาของนายนั่นแหละ”ผังเป่ยกลืนน้ำลายเขาคิดว่ามันน้อยเกินไปหากเป็นในยุคสมัยที่เขารู้จัก เนื้อหมูป่าอย่างถูกก็ต้องสิบหยวนต่อชั่ง แต่เมื่อคิดดู นี่คือยุคหกศูนย์ ห้าเหมาต่อชั่ง ถือว่าแพงมากแล้ว!เนื้อหมูป่า เป็นเนื้อสัตว์ป่า ราคาย่อมสูงกว่าปกติราคาตลาด น่าจะอยู่ที่ประมาณหนึ่งหยวนชายชรารับซื้อในราคาห้าเหมาต่อชั่ง หมูป่าเมื่อคว้านเครื่องในออกแล้ว ก็น่าจะหนักราวๆ หนึ่งร้อยชั่งหมูป่าตัวนี้ น่าจะขายได้ห้าสิบถึงหกสิบหยวน!อันที่จริง นี่ก็ถือว่าไม่น้อยเลย!หลี่ว์ซิ่วหลันยิ้ม “ถ้าอย่างนั้น ขอบคุณท่านมาก

Latest chapter

  • ย้อนเวลาไปเป็นนักล่ายุคก้าวกระโดด   บทที่ 35

    หลี่ว์ชิงซงตื่นตระหนก เขาไม่คาดคิดว่าจะถูกเดรัจฉานนี้ซุ่มโจมตีเคยได้ยินจากพ่อของตัวเองมาตลอดว่าไอ้เจ้าหมาป่านี้มันดุร้ายและเจ้าเล่ห์นัก แต่ก็ไม่เคยเจอกับตัวมาก่อนแน่นอนว่าถ้าเขาเคยเห็นมาก่อน ก็คงไม่มีชีวิตรอดมาจนถึงทุกวันนี้“ทำไงดี!” เสียงพูดของหลี่ว์ชิงซงสั่นเล็กน้อย แต่เขาก็รีบชักกรวยน้ำแข็งออกมาในทันที ป้องกันไม่ให้หมาป่าที่จะปรากฏตัวขึ้นมาเมื่อไรก็ได้ผังเป่ยกระซิบ "ตอนนี้พวกเราทำได้แค่หาทางถอยกลับไปที่กับดักตรงนั้น ไม่อย่างนั้นเราจะไม่มีทางสู้มันได้!"หลี่ว์ชิงซงพยักหน้า มีกับดักช่วย พวกเขาสองคนก็ยังมีโอกาสรอดตาย ถ้าขืนสู้ไปทั้งอย่างนี้ โอกาสรอดก็เท่ากับศูนย์หลังจากหารือวิธีรับมือแล้ว ชายทั้งสองก็เคลื่อนตัวไปทางกับดักในทันทีแต่จะเคลื่อนไหวเร็วเกินไปไม่ได้ จะให้ฝูงหมาป่ารู้ว่าพวกเขากลัวไม่ได้ดังนั้นต้องไปชิดทางนั้นอย่างระมัดระวังโชคดีที่กับดักอยู่ไม่ไกลจากตรงนี้หลัก ๆ แล้วผังเป่ยกับหลี่ว์ชิงซงสองคนต้องระแวดระวังขณะถอยไปทางด้านนั้นด้วย แล้วก็ต้องหันหลังให้กัน เพราะกลัวว่าจะถูกลอบโจมตีถึงแม้จะมองไม่เห็น แต่หลี่ว์ชิงซงก็ได้ยินเสียงดังกรอบแกรบที่อยู่รอบตัวแล้วนอกจ

  • ย้อนเวลาไปเป็นนักล่ายุคก้าวกระโดด   บทที่ 34

    หลังจากที่ได้พูดคุยกับตาอยู่พักหนึ่ง ผังเป่ยก็รู้สึกมั่นใจในการล่าสังหารฝูงหมาป่ามากขึ้นการตามล่าราชาหมาป่าก็เป็นศึกสำคัญสำหรับตัวเขาในการรักษาตำแหน่งผู้พิทักษ์ภูเขานี้!ดังนั้นเขาจะต้องชนะเท่านั้น จะแพ้ไม่ได้!แม้ว่ามารดาจะโดนดุอยู่บ้าง แต่โดยรวมแล้วบ้านตาถือว่าใจดีกับพวกเขามากที่นี่ ผังเป่ยสัมผัสได้ถึงความใส่ใจจากครอบครัว แล้วก็ความกลมเกลียวกันของทุกคนในครอบครัวไม่ว่าจะลุงใหญ่หรือยายต่างก็ใจดีกับผังเป่ยมาก แม้ว่าตาเข้มงวดไปสักหน่อย แต่ก็สัมผัสได้ถึงความรักที่กว้างใหญ่ดุจขุนเขาที่ตามีให้ตั้งแต่ยุคโบราณ ลูกสาวกลับบ้านเดิมจะต้องไม่จากไปมือเปล่าคนแก่คนเฒ่ากลัวว่าลูกสาวจะหิวและหนาว จึงจะเตรียมเครื่องนอนและของใช้จำเป็นไว้ให้เมื่อเธอออกเดินทางผังเป่ยกลับบ้านมาพร้อมกับกระเป๋าสัมภาระใบน้อยใหญ่ ในใจเปี่ยมไปด้วยความอบอุ่นดูท่าการพาแม่กลับมาจะเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องแล้ว!หลังกลับถึงบ้าน ในตอนที่ผังเป่ยพลิกตัวเข้ามาในลานบ้าน ก็ได้เห็นเข้ากับผังซีที่กำลังเล่นกับสุนัขจิ้งจอกในลานบ้านอยู่พอดีจิ้งจอกนอนเตะขาด้วยท่าทางเจ้าเล่ห์อยู่บนพื้น และมือเล็ก ๆ ของผังซีก็กำลังลูบขนอันนุ่มนิ่

  • ย้อนเวลาไปเป็นนักล่ายุคก้าวกระโดด   บทที่ 33

    ได้รับดาบมา ตอนนี้ผังเป่ยก็ถือว่ามีอาวุธมีพลังทำลายล้างแก่กล้าอยู่อย่างหนึ่งแล้วถึงแม้ดาบซามูไรจะไม่ได้เหมาะกับการล่าสัตว์ แต่เมื่อถึงคราวที่ต้องเผชิญหน้ากับสัตว์ป่า ก็ยังมีความสามารถพอที่จะใช้ตอบโต้ได้ผังเป่ยเก็บอาวุธเอาไว้ เขารู้ว่านี่ก็นับเป็นมรดกหลังจากเก็บอาวุธแล้ว หลี่ว์หย่วนจงก็มองไปที่ผังเป่ยและพูดด้วยรอยยิ้ม "ไอ้หนู ได้ยินว่าแกอยากจะจัดการกับฝูงหมาป่าใช่ไหม?"ผังเป่ยอึ้งไปครู่หนึ่ง แล้วพยักหน้าตอบ "ใช่ครับ"“รับอันนี้ไป! เดิมทีเดิมนี่ฉันว่าจะเอามันใส่ลงโลงไปด้วย แต่แกคงได้ใช้มัน เพราะงั้นเอาไปเถอะ!”ขณะที่เขาพูดไป ตาก็ส่งสายตาให้ยาย ยายก็ไปเปิดตู้ใหญ่และหยิบชุดคลุมหนังหมีออกมาจากข้างในในทันที!โดยทั่วไปแล้ว พรานจะรวบรวมสิ่งของจำนวนหนึ่งที่ตนได้มาจากการล่าสัตว์ใหญ่ตลอดทั้งชีวิตมาเก็บไว้ ไม่ว่าจะเป็นเขี้ยวหรือหนังยายแย้มยิ้มพร้อมกางหนังหมีออก แล้วสวมให้ผังเป่ยเธอลูบแก้มของผังเป่ยด้วยความเอ็นดูแล้วพูด "เสี่ยวเป่ยใส่แล้วดูเข้ามากจริงๆ!"ในตอนนี้ตาก็ได้ถอดของสิ่งหนึ่งอย่างออกจากคอ แล้วพูด "ไอ้หนู มานี่สิ!"ผังเป่ยเดินเข้าไปอย่างว่าง่าย และหลี่ว์หย่วนจงก็สวมสร้อยคอที

  • ย้อนเวลาไปเป็นนักล่ายุคก้าวกระโดด   บทที่ 32

    สรุปแล้วตาเฒ่ากำลังคิดหาเหตุผลที่จะไปตีอีกฝ่ายในภายภาคหน้าดังนั้นเขาจึงได้เงียบไปผังเป่ยก็พูดขึ้นมาจากด้านข้าง “เรื่องเงินผมจัดการได้ครับ ตาไม่ต้องกังวล”หลี่ว์หย่วนจงพินิจมองผังเป่ย แล้วก็หัวเราะออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ “เด็กน้อยอย่างแกน่ะ ขนยังขึ้นไม่ครบเลยด้วยซ้ำ ตอนนี้กลับมีฝีมือความสามารถแล้ว ฉันเห็นแล้วว่าแกฆ่าหมาป่ากลับมา ทีแรกฉันนึกว่าทักษะแขนงนี้ของครอบครัวจะหมดสิ้นไปแล้ว แต่คิดไม่ถึงว่าแม้ลูกชายจะทำไม่ได้ แต่หลานชายกลับมารับช่วงต่อ เยี่ยมเลย!”พูดถึงตรงนี้ หลี่ว์หย่วนจงก็เอี้ยวตัวไปเปิดตู้ข้างเตียง และหยิบของจากข้างในออกมาหลายอย่าง สิ่งแรกคือหนังแกะผืนหนึ่งหลี่ว์หย่วนจงส่งหนังแกะให้ผังเป่ยแล้วพูดต่อ “ในเมื่อแกอยู่ในวงการนี้ งั้นก็ต้องรู้จักเส้นทางการกระจายตัวบนภูเขา ที่ไหนน่าจะมีอะไร แผนที่นี้ได้มาจากหยาดเหงื่อแรงกายที่ฉันบากบั่นมาตลอดชีวิต ทีแรกฉันตั้งใจจะให้ลุงใหญ่ของแก แต่เขาไม่เอาไหน ไม่มีฝีมือในการล่าสัตว์ แต่แกมี สิ่งนี้เลยต้องส่งต่อให้แก บนแผนที่นี้ไม่ได้มีแต่เส้นทางกระจายสินค้าเท่านั้น แต่ยังมีสัญลักษณ์อยู่อีกจำนวนหนึ่ง ที่ไหนไปได้ ที่ไหนไปแล้วต้องระวังให้มาก แล้

  • ย้อนเวลาไปเป็นนักล่ายุคก้าวกระโดด   บทที่ 31

    เมื่อเห็นบิดาถือไม้เท้าเดินออกมา หลี่ว์ซิ่วหลันก็ทรุดลงคุกเข่าลงกับพื้นดังปั๊ก"พ่อ!"ชายชรามองดูลูกสาวของตนที่กำลังคุกเข่าอยู่บนพื้น แล้วถอนหายใจอย่างจนใจ "ลุกขึ้น เดี๋ยวคนอื่นเขาจะหัวเราะเยาะเอา กลับบ้านกับฉัน!"หลี่ว์ซิ่วหลันตะลึงงัน แล้วพี่ใหญ่ก็มาดึงเธอขึ้น “เธอคิดอะไรอยู่ กลับบ้านกับพ่อสิ!”หลี่ว์ซิ่วหลันพยักหน้ารัว ๆ แล้วขานตอบ "อือ!"พอหยัดกายลุกขึ้นแล้ว หลี่ว์ซิ่วหลันก็ลากผังเป่ยเดินไปทางบ้านของตัวเองด้วยกันทันทีที่เขาก้าวเข้าไปในลานเล็ก คุณตาก็นั่งลงอย่างช้า ๆ เขาทำหน้าปั้นปึ่ง ไม่พูดไม่จาบรรยากาศลานเล็กดูอึดอัดมากอย่างชัดเจน หลี่ว์ชิงซงหันซ้านหันขวาแล้วชิงพูดก่อน "พ่อ หลันจื่อเองก็จนปัญญา..."หลี่ว์หย่วนจงมองลูกสาว "แกตั้งใจจะหย่าแล้วงั้นเรอะ?"หลี่ว์ซิ่วหลันพยักหน้า แต่ไม่กล้าปริปากพูดแม้ว่าลูกสาวจะอายุสิบเจ็ดปีแล้ว แต่ในสายตาของบิดา เธอก็ยังเป็นแค่เด็กคนหนึ่ง“ตั้งแต่แต่งเข้าไปมันตีแกมาตลอดเลยเหรอ” ชายชราจ้องมองลูกสาวหัวแก้วหัวแหวน สีหน้าอาฆาตแค้นอย่างเห็นได้ชัดในขณะที่หลี่ว์ซิ่วหลันกำลังสับสนอยู่นั้น ผังเป่ยที่อยู่ข้างกันก็เอ่ยปากตอบ "ตีมาตลอด ตั้งแต่ผมจำค

  • ย้อนเวลาไปเป็นนักล่ายุคก้าวกระโดด   บทที่ 30

    “ฉันว่านะคะหัวหน้า เรารายงานไปดีกว่า ถ้ายื่นคำร้องไป เบื้องบนจะต้องไม่อนุมัติแน่ เราก็ฉวยโอกาสนี้บอกว่างั้นเราจะทำเอง แต่เบื้องบนต้องให้เอกสารอนุมัติ บอกว่าได้มอบปืนให้แล้วก็สิ้นเรื่อง!”หลี่ว์ไห่เห็นว่าความคิดนี้มาจากสาวม่ายในหมู่บ้านเขาอดยิ้มไม่ได้ “ผมว่าความคิดของแม่ม่ายไช่ไม่เลวเลยนะ! ทุกคนว่ายังไง!”“วิธีนี้ดีเลย ใครก็มาจับผิดไม่ได้!”ทุกคนได้ฟังแล้วก็พากันเห็นดีเห็นชอบด้วยอย่างเซ็งแซ่ในทันทีเมื่อคิดมาถึงตรงนี้ หลี่ว์ไห่ก็พูดขึ้น "ถ้าอย่างนั้นกองกำลังจะอนุมัติเอกสารให้นายก่อน แล้วนายก็ไปหาปืนมา นักบัญชีเอ้อร์! เบิกเงินของกองกำลังออกมาให้ผังเป่ยห้าสิบหยวน ส่วนที่เหลือจะให้เมื่อมีเงิน"ผังเป่ยได้ยินว่าให้เงินเขาห้าสิบหยวน! เรื่องนี้มันเยี่ยมไปเลยนี่นา!เขาพูดด้วยรอยยิ้ม “หัวหน้าพูดจริงเหรอครับ? ห้าสิบหยวนน่าจะซื้อกระสุนได้ไม่ร้อนเลยสิครับ?”หลี่ว์ไห่หัวเราะ "ไอ้หนู เมื่อกี้ยังแสร้งทำเป็นหยิ่งทะนงในศักดิ์ศรีต่อหน้าฉันอยู่เลย!"“ก็นั่นไม่ใช่เพราะขาดเงินขาดกระสุนหรือไง? แต่ผมรับประกัน ขอแค่หาปืนหากระสุนได้ ผมสัญญาว่าจะกำจัดหมาป่าฝูงนี้ให้ทุกคนเอง!”แม่หม้ายไช่กลั้นหัวเราะไม

  • ย้อนเวลาไปเป็นนักล่ายุคก้าวกระโดด   บทที่ 29

    เมื่อเห็นผังโหย่วฝูวิ่งหนีไป หลี่ว์ซิ่วหลันก็รู้สึกแค่ว่าเหมือนได้ยกภูเขาออกจากอก แต่เธอกลับไม่ได้ดีใจนักผังโหย่วฝูจากไปแล้ว และทุกคนก็เริ่มสังเกตเห็นหลี่ว์เอ้อร์จู้ที่ได้รับบาดเจ็บแล้วไหนจะหมาป่าตัวนี้ที่ผังเป่ยถืออยู่ในมืออีกทั้งหมู่บ้านกำลังลือกันว่าผังเป่ยฆ่าหมาป่าสองตัวด้วยตัวเองเพียงลำพัง แต่หลายคนก็ไม่เชื่อครั้งนี้ ผังเป่ยแบกมาให้ได้เห็นกันอีกตัวคราวนี้ทุกคนไม่เชื่อก็ต้องเชื่อแล้ว!หลี่ว์ไห่เห็นว่าคนในหมู่บ้านออกมาดูความสนุกกันแทบจะทั้งหมู่บ้านดังนั้นจึงถือโอกาสเปิดประชุมใหญ่มันเสียเลย"ฉันว่าทุกคนน่าจะอยู่กันเกือบครบ เรามาประชุมกันตรงนี้สักหน่อยก็แล้วกันนะ"หลี่ว์ไห่พูดประโยคนี้ขึ้นมาด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ไม่มีใครกล้าพูดอะไร ทำได้เพียงเดินไปในลานของกองกำลังเพื่อรอการประชุมเดิมทีหมู่บ้านก็ไม่ได้ใหญ่โตนัก สถานที่ที่กว้างขวางที่สุดก็คือลานสำนักงานของกองกำลังและภายในลานที่ไม่นับว่าใหญ่โตนี้ก็อัดแน่นไปด้วยผู้คนในพริบตา หลี่ว์ไห่ตะเบ็งเสียง "เหล่าสมาชิกกองกำลังชิงหลงโปรดอยู่ในความสงบสักครู่ ตอนนี้พวกเราจะทำการประชุมกัน จะไม่ทำให้เสียเวลาอาหารของทุกคน ผมจะพูดสั้น ๆ แค

  • ย้อนเวลาไปเป็นนักล่ายุคก้าวกระโดด   บทที่ 28

    สรุปแล้วเธอได้รับอะไรตอบแทนจากความจริงใจของเธอ?คนตระกูลนั้นมีแต่พวกไม่รู้คุณคน!หัวใจของหลี่ว์ซิ่วหลันถูกทำลายจนแตกสลายไปจนหมดเมื่อมีคนมาสนับสนุนเธอพอดี เธอก็พูดไปตามตรงให้มันกระจ่างไปเสียผังโหย่วฝูสับสนมึนงงเขาไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่าหลี่ว์ซิ่วหลันจะกล้าหย่าจริงๆ!เพราะอย่างไรเสียในชนบทก็ยังคงมีอคติอยู่ ผู้หญิงที่หย่าร้างก็ยังถูกมองว่าเป็นอัปมงคลอยู่ดีแต่ปัญหาคือหลี่ว์ซิ่วหลันไม่ได้กังวลแต่อย่างใด เธออาศัยอยู่บนเขาอยู่แล้ว และก็ไม่คิดจะมองหาที่อื่นนี่จะมีอะไรไม่มงคลนอกจากนี้สมาชิกทุกคนก็ได้เห็นกันหมดแล้ว ว่าไอ้หมอนี่มันชั่วช้ายังไง!ใครจะว่าอะไรเธอได้?“หน็อยแน่! แก! แกอยากหย่าใช่ไหม? งั้นแกก็คืนสินสอดทองหมั้นของบ้านฉันมา!”เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลี่ว์ชิงซงก็กระวนกระวายใจ "ไอ้ระยำอัปรีย์ สินสอดทองหมั้นของบ้านแกอย่างนั้นเหรอ? แล้วขนสัตว์ที่เราให้เป็นสินเดิมเจ้าสาวล่ะ? คืนมันมาให้หมด! แล้วไหนจะเนื้อที่เราให้ไปตอนนั้นอีก แกคืนมาให้ฉันด้วย!"หลี่ว์ไห่กล่าว "ซิ่วหลันอยู่บ้านแกมาตั้งหลายปี ยอมให้แกโขกสับ แล้วก็ทำงานให้พวกแกทั้งบ้าน ไอ้สวะอย่างแกจ่ายค่าแรงให้บ้างไหม"เมื่อหลี่

  • ย้อนเวลาไปเป็นนักล่ายุคก้าวกระโดด   บทที่ 27

    ณ ลานว่างในหมู่บ้าน คนกลุ่มหนึ่งกำลังล้อมชายรูปร่างผอมแห้งแรงน้อยคนหนึ่งเอาไว้ชายคนนั้นถูกล้อมรอบ ตื่นกลัวจนไม่กล้าเอ่ยปากพูดจาเขาเอาแต่ย้ำว่าตนมาตามหาลูกเมียแต่ชาวบ้านก็มีสีหน้าไม่สู้ดีต่อเขาอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเห็นคนเหล่านี้มองมาด้วยสายตาไม่เป็นมิตร ชายคนนั้นก็โวยวายขึ้นทันใด "หลี่ว์ซิ่วหลัน นังเมียจอมล้างผลาญ โผล่หัวออกมาเดี๋ยวนี้! แกกินข้าวกินน้ำบ้านฉันแล้วจะมาสะบัดตูดทิ้งกันไปดื้อๆ อย่างนั้นเหรอ? แกยังมียางอายอยู่ไหม?"ชายคนนั้นก่นด่าสาดเสียเทเสีย และด้วยความตื่นกลัว เขาจึงยิ่งใช้ถ้อยคำรุนแรงขึ้นเรื่อยๆในขณะนั้นเอง จู่ ๆ ก็มีคนตะโกนขึ้นมา "ผังโหย่วฝู! ไอ้สารเลว แกตีน้องสาวฉัน แถมยังทำไม่ดีกับหลานชายหลานสาวฉันด้วย ไอ้สวะนี่ แกยังคิดว่าตัวเองถูกอยู่อีกเหรอ!"ชายคนนั้นสั่นสะท้านไปทั้งตัว แล้วหันไปมองหลี่ว์ชิงซงที่ถือขวานเจาะน้ำแข็งอยู่ในมือด้วยสายตาหวาดผวาเดิมทีหลี่ว์ชิงซงก็คับอกคับใจเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เรื่องที่น้องสาวของเขาถูกรังแก แต่กลับไม่อาจไปเอาเรื่องตัวการได้อย่างไรเสียที่นั่นก็อยู่ห่างออกไปไกลลิบ อีกอย่างถ่อไปก่อเรื่องถึงที่กองกำลังของคนอื่น ตัวเองก็ย่อมจะมีแ

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status