แม้ว่าคนเราจะไม่กินข้าว กินแต่เนื้ออย่างเดียวก็ยังอยู่ได้ทว่า ประสิทธิภาพในการล่าสัตว์นั้น ย่อมด้อยกว่าประสิทธิภาพของธัญญาหารอย่างเทียบกันไม่ได้ เพราะหากเผชิญกับสภาพอากาศที่เลวร้าย ก็จะไม่สามารถออกไปล่าสัตว์ได้การล่าสัตว์นั้น ขึ้นอยู่กับโชคและสภาพอากาศเป็นอย่างมากหากอากาศเลวร้ายเกินไป แม้แต่ผังเป่ยก็ทำอะไรไม่ได้ตอนนี้ สิ่งสำคัญที่สุดคือต้องหาทางล่าสัตว์ให้ได้เสียก่อนเพื่อที่จะได้มีของไปแลกเป็นเงินหลังจากกินข้าวเสร็จ ผังเป่ยก็สะพายธนูและหอกสั้น มุ่งหน้าขึ้นเขาไปทันทีเมื่อขึ้นไปบนเขา ผังเป่ยก็ตรงไปดูกับดักว่าจับได้ไหมแต่เมื่อเดินสำรวจดูจนทั่วแล้ว ก็ไม่พบอะไรเลย...ดูเหมือนว่า หลังจากฝูงหมาป่าเข้ามาใกล้ สัตว์ป่าในบริเวณนี้ก็ลดน้อยลงไปไม่มีทางเลือก จำเป็นต้องเดินลึกเข้าไปในป่า แม้จะอันตราย แต่เพื่อความอยู่รอด ก็ต้องเสี่ยงเดินลึกเข้าไปครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ผังเป่ยก็กระชับถุงสัมภาระบนตัวให้แน่น แล้วเดินลึกเข้าไปในเขาต่อไปฤดูหนาวในป่านั้นหนาวเย็น แม้ว่าแสงอาทิตย์จะแรงกล้า แต่ในป่าก็ยังคงหนาวเหน็บโชคดีที่สวมเสื้อหนัง ไม่อย่างนั้นคงไม่แข็งตายก็คงถูกความเย็นกัดจนบาดเจ็บ
ขณะที่วิ่งหนี ผังเป่ยก็พุ่งตรงไปยังทิศทางที่สุนัขจิ้งจอกอยู่สุนัขจิ้งจอกไม่คาดคิด แม้มันจะไม่ใช่มนุษย์ แต่ผังเป่ยนี่มันหมาของแท้!หมูป่าที่กำลังพุ่งลงเนินมา ไม่สามารถหยุดยั้งได้ผังเป่ยกลิ้งตัวหลบอย่างรวดเร็ว นอนราบไปกับพื้นหิมะจากนั้นหมูป่าก็พุ่งตรงเข้าใส่สุนัขจิ้งจอกสุนัขจิ้งจอกเผ่นหนีอย่างว่องไว แต่หมูป่าก็พุ่งเข้าใส่ไม่ยั้ง!สุนัขจิ้งจอกถูกชนกระเด็นหมูป่าเพิ่งจะหยุดได้ ก็พบว่าตนเองไล่ตามผิดตัวและในตอนนั้นเอง ฟิ้วๆ!ลูกธนูสองดอกพุ่งเข้าใส่ ปักเข้าที่บั้นท้ายของมันเต็มแรง!หมูป่าหันกลับมา ด้วยความโกรธเกรี้ยว มันพุ่งเข้าใส่ผังเป่ยอีกครั้งผังเป่ยรีบคว้าธนู แล้ววิ่งหนีหัวซุกหัวซุน!ผังเป่ยวิ่งวนไปมาในป่า ล่อให้หมูป่าวิ่งตามหมูป่าวิ่งชนต้นไม้ครั้งแล้วครั้งเล่า ผ่านไปครู่หนึ่งแม้ว่าหนังจะหนาและเนื้อจะแน่น แต่ก็ทนทานไม่ไหวหัวของหมูป่ามีเลือดไหลอาบผังเป่ยขึ้นไปยืนอยู่บนโขดหินสูง เขาดึงสายธนูง้างจนสุด แล้วยิงเข้าใส่หมูป่าอีกดอก!คราวนี้ ผังเป่ยยิงเข้าที่เบ้าตาของหมูป่า!หมูป่าที่เจ็บปวด มันร้องคำรามเสียงลั่น พุ่งเข้าใส่ผังเป่ยด้วยความคลุ้มคลั่ง มันอาจจะไม่ทันสัง
ผังเป่ยหันกลับไปมองสุนัขจิ้งจอกที่เรืองแสงสีทองด้วยแววตาสงสัย ก่อนจะเอ่ยถามขึ้นว่า “ท่านยายทวดหูซาน?”หลี่ว์ซิ่วหลันชี้ไปที่ประตูแล้วร้องขึ้น “ก็นั่นไงล่ะ แล้วทำไมถึงพาคนแก่อย่างเธอมาถึงในบ้านได้ล่ะ?”ผังเป่ยขมวดคิ้วมุ่น “นี่คือยายทวดหูซานเหรอ? แต่ก็แค่สุนัขจิ้งจอกตัวหนึ่งไม่ใช่รึไง?”หลี่ว์ซิ่วหลันส่ายหน้า “อย่าพูดพล่อยๆ ฉันเคยเจอเธอตั้งแต่เด็กแล้ว ตอนนั้นเธอตัวเล็กกว่านี้นิดหน่อย แต่ก็เป็นเธอแน่ๆ”ผังเป่ยยิ่งฉงนหนักเข้าไปอีก “ท่านเคยเจอตั้งแต่เด็กแล้ว? งั้นจิ้งจอกนี่ก็เป็นจิ้งจอกเฒ่าน่ะสิ?”หลี่ว์ซิ่วหลันจ้องเขาด้วยสายตาดุ “พูดอะไรของแก! จิ้งจอกเฒ่าอะไรกัน? ฟังให้ดีนะผังเป่ย ที่นี่ไม่มีใครกล้าลบหลู่ท่านยายทวดหูซานหรอก!”ผังเป่ยหันกลับไปมองเจ้าสุนัขจิ้งจอกอีกครั้ง ไม่ว่าจะมองยังไง เขาก็ไม่รู้สึกว่านี่คือยายทวดหูซานที่ว่ากันเลย...แต่เจ้าจิ้งจอกกลับทำเหมือนฟังเขาออก มันบิดขี้เกียจยืดตัวออกมาอย่างสบายอารมณ์“ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเจ้าหมอนี่ถึงฉลาดขนาดนี้ ที่แท้เป็นแบบนี้นี่เอง!”ขณะเดียวกัน หลี่ว์ซิ่วหลันก็เบิกตากว้าง มองหมูป่าตัวโตด้วยความตกใจ ก่อนจะถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น“นี่ไป
ดวงตาของชายชราเบิกกว้างในทันที พิจารณาดูอย่างละเอียด แล้วกล่าวว่า “ตาเฒ่าหลี่ว์ลงเขามาไม่ได้ไม่ใช่เหรอ? แล้วนี่ใครเป็นคนล่าได้?”ผังเป่ยตอบอย่างมั่นใจ “ผมเองครับ ผมรับช่วงต่อจากท่านตา”ชายชรามองดูหมูป่า แล้วหันกลับมามองผังเป่ย “พ่อหนุ่ม ไม่เลวเลยนี่!”“เอาล่ะ ฉันขอดูหน่อย!”ชายชราพิจารณาดูอย่างถี่ถ้วน แล้วกล่าวว่า “ฉันให้ห้าเหมาต่อหนึ่งชั่ง”“ห้าเหมา?” ผังเป่ยตะลึงชายชรายิ้ม “ทำไม? คิดว่าฉันให้มากไปเหรอ? ตาของนายเป็นลูกค้าเก่าแก่ของฉัน ต่อไปนายก็คงต้องมาบ่อยๆ ฉันก็ให้ราคาเดียวกับตาของนายนั่นแหละ”ผังเป่ยกลืนน้ำลายเขาคิดว่ามันน้อยเกินไปหากเป็นในยุคสมัยที่เขารู้จัก เนื้อหมูป่าอย่างถูกก็ต้องสิบหยวนต่อชั่ง แต่เมื่อคิดดู นี่คือยุคหกศูนย์ ห้าเหมาต่อชั่ง ถือว่าแพงมากแล้ว!เนื้อหมูป่า เป็นเนื้อสัตว์ป่า ราคาย่อมสูงกว่าปกติราคาตลาด น่าจะอยู่ที่ประมาณหนึ่งหยวนชายชรารับซื้อในราคาห้าเหมาต่อชั่ง หมูป่าเมื่อคว้านเครื่องในออกแล้ว ก็น่าจะหนักราวๆ หนึ่งร้อยชั่งหมูป่าตัวนี้ น่าจะขายได้ห้าสิบถึงหกสิบหยวน!อันที่จริง นี่ก็ถือว่าไม่น้อยเลย!หลี่ว์ซิ่วหลันยิ้ม “ถ้าอย่างนั้น ขอบคุณท่านมาก
ผังเป่ยกับแม่แลกเงินเสร็จแล้ว ก็ไปแลกธัญพืชที่ร้านของตาเฒ่าเกาอีก ใช้เงินไปยี่สิบสองหยวน สองแม่ลูกเดินไปตามทางบนภูเขา หลี่ว์ซิ่วหลันแบกธัญพืชไว้บนหลัง ส่วนอีกด้านก็มองดูลูกชายที่ร่างกายผอมบางร่างกายผอมบางของเขาแบกกระสอบธัญพืชที่หนักอึ้ง เขายังเป็นแค่เด็ก แต่กลับแบกรับภาระของครอบครัวนี้ไว้แทนตนเองโดยไม่รู้ตัว เด็กน้อยก็เติบโตขึ้นแล้วเมื่อหลี่ว์ซิ่วหลันคิดถึงตรงนี้ น้ำตาก็อดไม่ได้ที่จะไหลรินออกมาจากหางตาทั้งคู่เดินไปตามทางบนภูเขา ฝีเท้าของผังเป่ยเริ่มสั่นเทา หลี่ว์ซิ่วหลันเห็นลูกชายก็พูดว่า “เสี่ยวเป่ย พักสักหน่อยไหม?”ผังเป่ยยิ้มแล้วพูดว่า “ไม่เป็นไรครับแม่ ผมไหว มันมืดมากแล้ว ทางบนเขาก็เดินยาก พวกเรารีบกลับกันเถอะครับ เกิดเจอหมาป่าเข้า ตอนนี้ผมไม่มีทางสู้แน่ๆ”หลี่ว์ซิ่วหลันพยักหน้า เธอรีบเดินตามผังเป่ยกลับบ้านต่อไปครั้งนี้ซื้อธัญพืชมาถึงหนึ่งร้อยกิโลกรัม ถ้าประหยัดกินช่วงหน้าหนาว ก็คงไม่มีปัญหาหลี่ว์ซิ่วหลันซื้อข้าวสารมาหนึ่งร้อยจิน และแป้งสาลีอีกหนึ่งร้อยจินถ้าเป็นครอบครัวธรรมดา นี่ถือเป็นของดีถ้าจะใช้ตั๋วแลก ก็คงแลกไม่ได้แน่นอนหมู่บ้านของพวกเขาอยู่ห่างไกลเกินไป
“อย่าลืมเอากลับมาคืนด้วยนะ! นี่มันของหลวงทั้งนั้น! ใช้ได้ แต่อย่าเอาไปแล้วไม่คืน!”ผังเป่ยพยักหน้าอย่างแรง “ทราบแล้วครับ หัวหน้า ผมไปก่อนนะครับ!”ผังเป่ยยิ้มแล้วถือเหล็กเจาะน้ำแข็งออกมา เขาเดินไปได้ไม่ไกล ก็บังเอิญชนเข้ากับหลี่ว์ชิงซง“เสี่ยวเป่ย?”“ลุงใหญ่?”ทั้งสองคนต่างก็ตกตะลึงหลี่ว์ชิงซงถามด้วยความสงสัย “แกมาเอาเหล็กเจาะน้ำแข็งเหรอ? จะไปจับปลาเหรอ?”ผังเป่ยยิ้มแล้วพูดว่า “ผมกับแม่ไปแลกของมาครับ ท่านตาเกาบอกว่า ถ้าหาปลาตัวใหญ่ๆ มาได้สักร้อยตัว เขาจะยอมยกปืนกลมือกระบอกนั้นให้ผม!”หลี่ว์ชิงซงตะลึง!“ตาเฒ่าเกาพูดแบบนั้นจริงๆ เหรอ?” หลี่ว์ชิงซงมองผังเป่ยด้วยความประหลาดใจผังเป่ยพยักหน้า“แต่ปืนนั่นมันของรักของหวงของตาเฒ่าเกาเลยนะ เขายอมแลกกับแกเนี่ยนะ งั้นเดี๋ยวรอแป๊บหนึ่ง ฉันไปจับปลาด้วย คนเยอะๆ หน่อยก็ดี!”ผังเป่ยสงสัยมาก “ลุงใหญ่ ทำไมลุงไม่ห้ามผมล่ะครับ?”หลี่ว์ชิงซงหัวเราะ “พวกแกสองแม่ลูกอยู่บนเขา นอกจากจะมีหมาป่าแล้ว บางทีก็อาจจะเจอคนไม่ดีได้ ในป่ามักจะมีนักโทษหลบหนีอยู่ พวกนั้นเป็นพวกฆ่าคนไม่เลือกหน้า ไอ้หนู แกก็ใช้ปืนเป็น แถมยังยิงแม่นด้วย มีของติดตัวไว้ นอกจากจะช่
ไม่นานนัก ผู้ใหญ่สองคนก็พาผังเป่ยไปยังทะเลสาบข้างป่าด้านหน้าภูเขา ผังเป่ยแบกของ พร้อมสังเกตทางซ้ายและขวา จากนั้นก็กำหนดตำแหน่งหลังจากกำหนดผังเป่ยกำหนดตำแหน่งแน่ชัดแล้ว เขาก็หยิบขวานน้ำแข็งจากแผ่นน้ำแข็งที่หลี่ว์ชิงซงนำมา จากนั้นก็เริ่มเจาะน้ำแข็งกับลุงใหญ่ทันทีพวกเขาต้องเจาะรูให้ใหญ่พอ เมื่อเปิดรูน้ำแข็งแล้ว เพราะมีรูระบายอากาศ ออกซิเจนในน้ำจะเพิ่มขึ้นอย่างมาก ปลาใต้น้ำจะไม่ค่อยมีชีวิตชีวา พวกมันเคลื่อนไหวช้ามาก พอออกซิเจนเพิ่มขึ้น พวกมันก็จะมารวมตัวกันตอนนี้ หลี่ว์ซิ่วหลันก็จัดเตรียมอวนจับปลาอย่างตั้งใจอย่างไรก็ตาม พวกเขาก็ยังต้องระมัดระวัง เพราะที่นี่ยังอยู่ในป่าลึก จะประมาทไม่ได้ ไม่ได้หมายความว่าพอทะเลสาบแข็งตัวในฤดูหนาวแล้วจะปลอดภัย จริงๆ แล้ว ก็ยังมีสัตว์ร้ายออกหากินอยู่ดังนั้น ผังเป่ยก็ยังต้องระวังสถานการณ์รอบๆ ตัว เพราะที่นี่โล่งกว้าง ง่ายต่อการถูกสัตว์ร้ายจับจ้องหลังจากเจาะรูน้ำแข็งสี่รูแล้ว อวนจับปลาทั้งสี่ก็ถูกหย่อนลงไปในรูน้ำแข็ง จากนั้นก็ใส่เหยื่อล่อลงไป แล้วก็รออย่างเงียบๆช่วงเวลานี้ค่อนข้างนาน ทั้งสามคนนั่งรออยู่บนแพน้ำแข็งเมื่อเห็นหลานชายหาจุดวางอวนได้คล
ปลาเยอะขนาดนี้ หน้าหนาวนี้ก็สบายแล้วหลังจากเก็บอวนแล้ว หลี่ว์ซิ่วหลันก็รับหน้าที่คัดปลา ส่วนผังเป่ยก็กำชับแม่ว่า ให้เอาปลาดีๆ ใส่ในกระสอบที่ดูเก่าๆ ส่วนปลาตัวเล็กให้ใส่ในกระสอบดีๆ หลี่ว์ซิ่วหลันอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเธอรู้ความหมายของผังเป่ย ถ้าเกิดมีใครเห็นเข้า แล้วจะแบ่งให้ใครสักหน่อย ก็หยิบจากกระสอบที่ดีๆ นี่แหละ ทุกคนก็จะคิดว่า นี่คือของที่ดีที่สุดแต่จริงๆ แล้ว มันก็แค่ปลาเล็กปลาน้อยปลาที่ติดอวนขึ้นมา ส่วนใหญ่ก็จะเป็นปลาปากแหลม ปลาสามแถบ แล้วก็ปลาเหลียนปลาเยอะขนาดนี้ ทำเอาหลี่ว์ซิ่วหลันตาโต เธอรีบจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย ก่อนที่ปลาจะถูกแช่แข็ง โดยเก็บทั้งหมดใส่ถุงอย่างรวดเร็วหลี่ว์ซิ่วหลันใส่ไปได้พักใหญ่ เพิ่งจะใส่เสร็จ อวนใหม่ก็ยกขึ้นมาพอดีหลี่ว์ซิ่วหลันก็ต้องใส่ปลาต่อ อวนที่สองขึ้นมา ผังเป่ยก็ไม่อยากจะจับเพิ่มแล้ว เพราะว่าขนกลับไม่ไหวหลี่ว์ชิงซงถึงแม้จะรู้สึกเสียดาย แต่เขาก็รู้ว่า จะโลภมากไม่ได้ดังนั้น เขาจึงต้องช่วยเก็บอวนก่อน แล้วก็ช่วยผังเป่ยเก็บอวนขึ้นมาจากนั้นก็ช่วยกันใส่ปลา ผังเป่ยยังเจาะจงใส่ปลาให้หลี่ว์ชิงซงหนึ่งกระสอบ คัดแต่ปลาดีๆ ให้ลุงใหญ่เอาไปให
หลี่ว์ชิงซงตื่นตระหนก เขาไม่คาดคิดว่าจะถูกเดรัจฉานนี้ซุ่มโจมตีเคยได้ยินจากพ่อของตัวเองมาตลอดว่าไอ้เจ้าหมาป่านี้มันดุร้ายและเจ้าเล่ห์นัก แต่ก็ไม่เคยเจอกับตัวมาก่อนแน่นอนว่าถ้าเขาเคยเห็นมาก่อน ก็คงไม่มีชีวิตรอดมาจนถึงทุกวันนี้“ทำไงดี!” เสียงพูดของหลี่ว์ชิงซงสั่นเล็กน้อย แต่เขาก็รีบชักกรวยน้ำแข็งออกมาในทันที ป้องกันไม่ให้หมาป่าที่จะปรากฏตัวขึ้นมาเมื่อไรก็ได้ผังเป่ยกระซิบ "ตอนนี้พวกเราทำได้แค่หาทางถอยกลับไปที่กับดักตรงนั้น ไม่อย่างนั้นเราจะไม่มีทางสู้มันได้!"หลี่ว์ชิงซงพยักหน้า มีกับดักช่วย พวกเขาสองคนก็ยังมีโอกาสรอดตาย ถ้าขืนสู้ไปทั้งอย่างนี้ โอกาสรอดก็เท่ากับศูนย์หลังจากหารือวิธีรับมือแล้ว ชายทั้งสองก็เคลื่อนตัวไปทางกับดักในทันทีแต่จะเคลื่อนไหวเร็วเกินไปไม่ได้ จะให้ฝูงหมาป่ารู้ว่าพวกเขากลัวไม่ได้ดังนั้นต้องไปชิดทางนั้นอย่างระมัดระวังโชคดีที่กับดักอยู่ไม่ไกลจากตรงนี้หลัก ๆ แล้วผังเป่ยกับหลี่ว์ชิงซงสองคนต้องระแวดระวังขณะถอยไปทางด้านนั้นด้วย แล้วก็ต้องหันหลังให้กัน เพราะกลัวว่าจะถูกลอบโจมตีถึงแม้จะมองไม่เห็น แต่หลี่ว์ชิงซงก็ได้ยินเสียงดังกรอบแกรบที่อยู่รอบตัวแล้วนอกจ
หลังจากที่ได้พูดคุยกับตาอยู่พักหนึ่ง ผังเป่ยก็รู้สึกมั่นใจในการล่าสังหารฝูงหมาป่ามากขึ้นการตามล่าราชาหมาป่าก็เป็นศึกสำคัญสำหรับตัวเขาในการรักษาตำแหน่งผู้พิทักษ์ภูเขานี้!ดังนั้นเขาจะต้องชนะเท่านั้น จะแพ้ไม่ได้!แม้ว่ามารดาจะโดนดุอยู่บ้าง แต่โดยรวมแล้วบ้านตาถือว่าใจดีกับพวกเขามากที่นี่ ผังเป่ยสัมผัสได้ถึงความใส่ใจจากครอบครัว แล้วก็ความกลมเกลียวกันของทุกคนในครอบครัวไม่ว่าจะลุงใหญ่หรือยายต่างก็ใจดีกับผังเป่ยมาก แม้ว่าตาเข้มงวดไปสักหน่อย แต่ก็สัมผัสได้ถึงความรักที่กว้างใหญ่ดุจขุนเขาที่ตามีให้ตั้งแต่ยุคโบราณ ลูกสาวกลับบ้านเดิมจะต้องไม่จากไปมือเปล่าคนแก่คนเฒ่ากลัวว่าลูกสาวจะหิวและหนาว จึงจะเตรียมเครื่องนอนและของใช้จำเป็นไว้ให้เมื่อเธอออกเดินทางผังเป่ยกลับบ้านมาพร้อมกับกระเป๋าสัมภาระใบน้อยใหญ่ ในใจเปี่ยมไปด้วยความอบอุ่นดูท่าการพาแม่กลับมาจะเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องแล้ว!หลังกลับถึงบ้าน ในตอนที่ผังเป่ยพลิกตัวเข้ามาในลานบ้าน ก็ได้เห็นเข้ากับผังซีที่กำลังเล่นกับสุนัขจิ้งจอกในลานบ้านอยู่พอดีจิ้งจอกนอนเตะขาด้วยท่าทางเจ้าเล่ห์อยู่บนพื้น และมือเล็ก ๆ ของผังซีก็กำลังลูบขนอันนุ่มนิ่
ได้รับดาบมา ตอนนี้ผังเป่ยก็ถือว่ามีอาวุธมีพลังทำลายล้างแก่กล้าอยู่อย่างหนึ่งแล้วถึงแม้ดาบซามูไรจะไม่ได้เหมาะกับการล่าสัตว์ แต่เมื่อถึงคราวที่ต้องเผชิญหน้ากับสัตว์ป่า ก็ยังมีความสามารถพอที่จะใช้ตอบโต้ได้ผังเป่ยเก็บอาวุธเอาไว้ เขารู้ว่านี่ก็นับเป็นมรดกหลังจากเก็บอาวุธแล้ว หลี่ว์หย่วนจงก็มองไปที่ผังเป่ยและพูดด้วยรอยยิ้ม "ไอ้หนู ได้ยินว่าแกอยากจะจัดการกับฝูงหมาป่าใช่ไหม?"ผังเป่ยอึ้งไปครู่หนึ่ง แล้วพยักหน้าตอบ "ใช่ครับ"“รับอันนี้ไป! เดิมทีเดิมนี่ฉันว่าจะเอามันใส่ลงโลงไปด้วย แต่แกคงได้ใช้มัน เพราะงั้นเอาไปเถอะ!”ขณะที่เขาพูดไป ตาก็ส่งสายตาให้ยาย ยายก็ไปเปิดตู้ใหญ่และหยิบชุดคลุมหนังหมีออกมาจากข้างในในทันที!โดยทั่วไปแล้ว พรานจะรวบรวมสิ่งของจำนวนหนึ่งที่ตนได้มาจากการล่าสัตว์ใหญ่ตลอดทั้งชีวิตมาเก็บไว้ ไม่ว่าจะเป็นเขี้ยวหรือหนังยายแย้มยิ้มพร้อมกางหนังหมีออก แล้วสวมให้ผังเป่ยเธอลูบแก้มของผังเป่ยด้วยความเอ็นดูแล้วพูด "เสี่ยวเป่ยใส่แล้วดูเข้ามากจริงๆ!"ในตอนนี้ตาก็ได้ถอดของสิ่งหนึ่งอย่างออกจากคอ แล้วพูด "ไอ้หนู มานี่สิ!"ผังเป่ยเดินเข้าไปอย่างว่าง่าย และหลี่ว์หย่วนจงก็สวมสร้อยคอที
สรุปแล้วตาเฒ่ากำลังคิดหาเหตุผลที่จะไปตีอีกฝ่ายในภายภาคหน้าดังนั้นเขาจึงได้เงียบไปผังเป่ยก็พูดขึ้นมาจากด้านข้าง “เรื่องเงินผมจัดการได้ครับ ตาไม่ต้องกังวล”หลี่ว์หย่วนจงพินิจมองผังเป่ย แล้วก็หัวเราะออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ “เด็กน้อยอย่างแกน่ะ ขนยังขึ้นไม่ครบเลยด้วยซ้ำ ตอนนี้กลับมีฝีมือความสามารถแล้ว ฉันเห็นแล้วว่าแกฆ่าหมาป่ากลับมา ทีแรกฉันนึกว่าทักษะแขนงนี้ของครอบครัวจะหมดสิ้นไปแล้ว แต่คิดไม่ถึงว่าแม้ลูกชายจะทำไม่ได้ แต่หลานชายกลับมารับช่วงต่อ เยี่ยมเลย!”พูดถึงตรงนี้ หลี่ว์หย่วนจงก็เอี้ยวตัวไปเปิดตู้ข้างเตียง และหยิบของจากข้างในออกมาหลายอย่าง สิ่งแรกคือหนังแกะผืนหนึ่งหลี่ว์หย่วนจงส่งหนังแกะให้ผังเป่ยแล้วพูดต่อ “ในเมื่อแกอยู่ในวงการนี้ งั้นก็ต้องรู้จักเส้นทางการกระจายตัวบนภูเขา ที่ไหนน่าจะมีอะไร แผนที่นี้ได้มาจากหยาดเหงื่อแรงกายที่ฉันบากบั่นมาตลอดชีวิต ทีแรกฉันตั้งใจจะให้ลุงใหญ่ของแก แต่เขาไม่เอาไหน ไม่มีฝีมือในการล่าสัตว์ แต่แกมี สิ่งนี้เลยต้องส่งต่อให้แก บนแผนที่นี้ไม่ได้มีแต่เส้นทางกระจายสินค้าเท่านั้น แต่ยังมีสัญลักษณ์อยู่อีกจำนวนหนึ่ง ที่ไหนไปได้ ที่ไหนไปแล้วต้องระวังให้มาก แล้
เมื่อเห็นบิดาถือไม้เท้าเดินออกมา หลี่ว์ซิ่วหลันก็ทรุดลงคุกเข่าลงกับพื้นดังปั๊ก"พ่อ!"ชายชรามองดูลูกสาวของตนที่กำลังคุกเข่าอยู่บนพื้น แล้วถอนหายใจอย่างจนใจ "ลุกขึ้น เดี๋ยวคนอื่นเขาจะหัวเราะเยาะเอา กลับบ้านกับฉัน!"หลี่ว์ซิ่วหลันตะลึงงัน แล้วพี่ใหญ่ก็มาดึงเธอขึ้น “เธอคิดอะไรอยู่ กลับบ้านกับพ่อสิ!”หลี่ว์ซิ่วหลันพยักหน้ารัว ๆ แล้วขานตอบ "อือ!"พอหยัดกายลุกขึ้นแล้ว หลี่ว์ซิ่วหลันก็ลากผังเป่ยเดินไปทางบ้านของตัวเองด้วยกันทันทีที่เขาก้าวเข้าไปในลานเล็ก คุณตาก็นั่งลงอย่างช้า ๆ เขาทำหน้าปั้นปึ่ง ไม่พูดไม่จาบรรยากาศลานเล็กดูอึดอัดมากอย่างชัดเจน หลี่ว์ชิงซงหันซ้านหันขวาแล้วชิงพูดก่อน "พ่อ หลันจื่อเองก็จนปัญญา..."หลี่ว์หย่วนจงมองลูกสาว "แกตั้งใจจะหย่าแล้วงั้นเรอะ?"หลี่ว์ซิ่วหลันพยักหน้า แต่ไม่กล้าปริปากพูดแม้ว่าลูกสาวจะอายุสิบเจ็ดปีแล้ว แต่ในสายตาของบิดา เธอก็ยังเป็นแค่เด็กคนหนึ่ง“ตั้งแต่แต่งเข้าไปมันตีแกมาตลอดเลยเหรอ” ชายชราจ้องมองลูกสาวหัวแก้วหัวแหวน สีหน้าอาฆาตแค้นอย่างเห็นได้ชัดในขณะที่หลี่ว์ซิ่วหลันกำลังสับสนอยู่นั้น ผังเป่ยที่อยู่ข้างกันก็เอ่ยปากตอบ "ตีมาตลอด ตั้งแต่ผมจำค
“ฉันว่านะคะหัวหน้า เรารายงานไปดีกว่า ถ้ายื่นคำร้องไป เบื้องบนจะต้องไม่อนุมัติแน่ เราก็ฉวยโอกาสนี้บอกว่างั้นเราจะทำเอง แต่เบื้องบนต้องให้เอกสารอนุมัติ บอกว่าได้มอบปืนให้แล้วก็สิ้นเรื่อง!”หลี่ว์ไห่เห็นว่าความคิดนี้มาจากสาวม่ายในหมู่บ้านเขาอดยิ้มไม่ได้ “ผมว่าความคิดของแม่ม่ายไช่ไม่เลวเลยนะ! ทุกคนว่ายังไง!”“วิธีนี้ดีเลย ใครก็มาจับผิดไม่ได้!”ทุกคนได้ฟังแล้วก็พากันเห็นดีเห็นชอบด้วยอย่างเซ็งแซ่ในทันทีเมื่อคิดมาถึงตรงนี้ หลี่ว์ไห่ก็พูดขึ้น "ถ้าอย่างนั้นกองกำลังจะอนุมัติเอกสารให้นายก่อน แล้วนายก็ไปหาปืนมา นักบัญชีเอ้อร์! เบิกเงินของกองกำลังออกมาให้ผังเป่ยห้าสิบหยวน ส่วนที่เหลือจะให้เมื่อมีเงิน"ผังเป่ยได้ยินว่าให้เงินเขาห้าสิบหยวน! เรื่องนี้มันเยี่ยมไปเลยนี่นา!เขาพูดด้วยรอยยิ้ม “หัวหน้าพูดจริงเหรอครับ? ห้าสิบหยวนน่าจะซื้อกระสุนได้ไม่ร้อนเลยสิครับ?”หลี่ว์ไห่หัวเราะ "ไอ้หนู เมื่อกี้ยังแสร้งทำเป็นหยิ่งทะนงในศักดิ์ศรีต่อหน้าฉันอยู่เลย!"“ก็นั่นไม่ใช่เพราะขาดเงินขาดกระสุนหรือไง? แต่ผมรับประกัน ขอแค่หาปืนหากระสุนได้ ผมสัญญาว่าจะกำจัดหมาป่าฝูงนี้ให้ทุกคนเอง!”แม่หม้ายไช่กลั้นหัวเราะไม
เมื่อเห็นผังโหย่วฝูวิ่งหนีไป หลี่ว์ซิ่วหลันก็รู้สึกแค่ว่าเหมือนได้ยกภูเขาออกจากอก แต่เธอกลับไม่ได้ดีใจนักผังโหย่วฝูจากไปแล้ว และทุกคนก็เริ่มสังเกตเห็นหลี่ว์เอ้อร์จู้ที่ได้รับบาดเจ็บแล้วไหนจะหมาป่าตัวนี้ที่ผังเป่ยถืออยู่ในมืออีกทั้งหมู่บ้านกำลังลือกันว่าผังเป่ยฆ่าหมาป่าสองตัวด้วยตัวเองเพียงลำพัง แต่หลายคนก็ไม่เชื่อครั้งนี้ ผังเป่ยแบกมาให้ได้เห็นกันอีกตัวคราวนี้ทุกคนไม่เชื่อก็ต้องเชื่อแล้ว!หลี่ว์ไห่เห็นว่าคนในหมู่บ้านออกมาดูความสนุกกันแทบจะทั้งหมู่บ้านดังนั้นจึงถือโอกาสเปิดประชุมใหญ่มันเสียเลย"ฉันว่าทุกคนน่าจะอยู่กันเกือบครบ เรามาประชุมกันตรงนี้สักหน่อยก็แล้วกันนะ"หลี่ว์ไห่พูดประโยคนี้ขึ้นมาด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ไม่มีใครกล้าพูดอะไร ทำได้เพียงเดินไปในลานของกองกำลังเพื่อรอการประชุมเดิมทีหมู่บ้านก็ไม่ได้ใหญ่โตนัก สถานที่ที่กว้างขวางที่สุดก็คือลานสำนักงานของกองกำลังและภายในลานที่ไม่นับว่าใหญ่โตนี้ก็อัดแน่นไปด้วยผู้คนในพริบตา หลี่ว์ไห่ตะเบ็งเสียง "เหล่าสมาชิกกองกำลังชิงหลงโปรดอยู่ในความสงบสักครู่ ตอนนี้พวกเราจะทำการประชุมกัน จะไม่ทำให้เสียเวลาอาหารของทุกคน ผมจะพูดสั้น ๆ แค
สรุปแล้วเธอได้รับอะไรตอบแทนจากความจริงใจของเธอ?คนตระกูลนั้นมีแต่พวกไม่รู้คุณคน!หัวใจของหลี่ว์ซิ่วหลันถูกทำลายจนแตกสลายไปจนหมดเมื่อมีคนมาสนับสนุนเธอพอดี เธอก็พูดไปตามตรงให้มันกระจ่างไปเสียผังโหย่วฝูสับสนมึนงงเขาไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่าหลี่ว์ซิ่วหลันจะกล้าหย่าจริงๆ!เพราะอย่างไรเสียในชนบทก็ยังคงมีอคติอยู่ ผู้หญิงที่หย่าร้างก็ยังถูกมองว่าเป็นอัปมงคลอยู่ดีแต่ปัญหาคือหลี่ว์ซิ่วหลันไม่ได้กังวลแต่อย่างใด เธออาศัยอยู่บนเขาอยู่แล้ว และก็ไม่คิดจะมองหาที่อื่นนี่จะมีอะไรไม่มงคลนอกจากนี้สมาชิกทุกคนก็ได้เห็นกันหมดแล้ว ว่าไอ้หมอนี่มันชั่วช้ายังไง!ใครจะว่าอะไรเธอได้?“หน็อยแน่! แก! แกอยากหย่าใช่ไหม? งั้นแกก็คืนสินสอดทองหมั้นของบ้านฉันมา!”เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลี่ว์ชิงซงก็กระวนกระวายใจ "ไอ้ระยำอัปรีย์ สินสอดทองหมั้นของบ้านแกอย่างนั้นเหรอ? แล้วขนสัตว์ที่เราให้เป็นสินเดิมเจ้าสาวล่ะ? คืนมันมาให้หมด! แล้วไหนจะเนื้อที่เราให้ไปตอนนั้นอีก แกคืนมาให้ฉันด้วย!"หลี่ว์ไห่กล่าว "ซิ่วหลันอยู่บ้านแกมาตั้งหลายปี ยอมให้แกโขกสับ แล้วก็ทำงานให้พวกแกทั้งบ้าน ไอ้สวะอย่างแกจ่ายค่าแรงให้บ้างไหม"เมื่อหลี่
ณ ลานว่างในหมู่บ้าน คนกลุ่มหนึ่งกำลังล้อมชายรูปร่างผอมแห้งแรงน้อยคนหนึ่งเอาไว้ชายคนนั้นถูกล้อมรอบ ตื่นกลัวจนไม่กล้าเอ่ยปากพูดจาเขาเอาแต่ย้ำว่าตนมาตามหาลูกเมียแต่ชาวบ้านก็มีสีหน้าไม่สู้ดีต่อเขาอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเห็นคนเหล่านี้มองมาด้วยสายตาไม่เป็นมิตร ชายคนนั้นก็โวยวายขึ้นทันใด "หลี่ว์ซิ่วหลัน นังเมียจอมล้างผลาญ โผล่หัวออกมาเดี๋ยวนี้! แกกินข้าวกินน้ำบ้านฉันแล้วจะมาสะบัดตูดทิ้งกันไปดื้อๆ อย่างนั้นเหรอ? แกยังมียางอายอยู่ไหม?"ชายคนนั้นก่นด่าสาดเสียเทเสีย และด้วยความตื่นกลัว เขาจึงยิ่งใช้ถ้อยคำรุนแรงขึ้นเรื่อยๆในขณะนั้นเอง จู่ ๆ ก็มีคนตะโกนขึ้นมา "ผังโหย่วฝู! ไอ้สารเลว แกตีน้องสาวฉัน แถมยังทำไม่ดีกับหลานชายหลานสาวฉันด้วย ไอ้สวะนี่ แกยังคิดว่าตัวเองถูกอยู่อีกเหรอ!"ชายคนนั้นสั่นสะท้านไปทั้งตัว แล้วหันไปมองหลี่ว์ชิงซงที่ถือขวานเจาะน้ำแข็งอยู่ในมือด้วยสายตาหวาดผวาเดิมทีหลี่ว์ชิงซงก็คับอกคับใจเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เรื่องที่น้องสาวของเขาถูกรังแก แต่กลับไม่อาจไปเอาเรื่องตัวการได้อย่างไรเสียที่นั่นก็อยู่ห่างออกไปไกลลิบ อีกอย่างถ่อไปก่อเรื่องถึงที่กองกำลังของคนอื่น ตัวเองก็ย่อมจะมีแ