บททั้งหมดของ แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย: บทที่ 1061 - บทที่ 1070

1174

บทที่ 1061

บ้านพักตระกูลเจียงหลังนี้ ที่เจียงหลินซื้อมาในตอนนั้น ก็เพื่อเอาไว้ต้อนรับมิตรสหายในยุทธภพ ห้องหับจึงมีอยู่เพียงพอพวกเฟิ่งจิ่วเหยียนเลือกห้องกันเอง พักผ่อนเพื่อรวบรวมพละกำลังเซียวอวี้กับเฟิ่งจิ่วเหยียนนอนด้วยกัน เมื่อเข้ามาในห้อง เขาก็ปิดประตูถามว่า“เจ้าจะไปสำนักเสวียนเจินทำไม?”เฟิ่งจิ่วเหยียนพูดกึ่งหยอกล้อ“ไปหา ‘คนรักเก่า’ เพื่อรำลึกความหลัง”เซียวอวี้รู้ว่านางไม่ได้พูดจริง จึงยิ้มออกมาเขายื่นแขนออกไปกอดเฟิ่งจิ่วเหยียนเข้ามาอยู่ในอ้อมแขน เอาหน้าแนบชิดกับหน้า ถูไถเบา ๆ ไร้ท่าทีน่าเกรงขามของฮ่องเต้ กลับดูเหมือนสามีน้อย ๆ “เราไม่ได้ใจแคบขนาดนั้น แค่อยากรู้ ว่าการเดินทางของเจ้าในครั้งนี้จะมีอันตรายหรือไม่ เมื่อครู่เจ้าไม่ได้หลุดอะไรมากมาย ต่อหน้าพวกตงฟางซื่อ “ตอนนี้มีเพียงเจ้ากับเราสองคน เจ้าคงอธิบายกับเราให้ชัดเจนได้ใช่หรือไม่?”เฟิ่งจิ่วเหยียนถอยออกจากอ้อมกอดของเขา เงยหน้ามองเขา แล้วลูบรอยแผลเป็นปลอมบนใบหน้าของเขา ด้วยความรักใคร่นางเอ่ยช้า ๆ“สำนักเสวียนเจินกับสำนักอวิ๋นซานอยู่ห่างกันไม่ไกล อย่างแรกข้าอยากไปสืบหาความจริง ให้รู้แจ้งว่าพวกเขาร่วมมือกันหรือไม่ อย่างที
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 1062

รองเจ้าสำนักเฉวียนเจิน——เหลิ่งเซียนเอ๋อร์ นั่งขัดสมาธิอยู่บนเบาะกลม ในอาภรณ์สีขาว แผ่นหลังบอบบาง แต่ไม่ดูผอมแห้งนางค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมา พูดเสียงดังฟังชัด“ไปเอาป้ายไม้มา”ลูกศิษย์เดินอ้อมมาตรงหน้านาง ส่งให้ด้วยสองมือวินาทีที่เห็นป้ายไม้ นัยน์ตาสวยของเหลิ่งเซียนเอ๋อร์ก็หดลงซูฮ่วนหรือ? นางมาที่สำนักเฉวียนเจิน?หรือว่า…ซูฮ่วนส่งป้ายไม้ให้ใคร แล้วคนนั้นมีเรื่องอยากขอร้องสำนักเฉวียนเจิน?เหลิ่งเซียนเอ๋อร์สีหน้าสงบนิ่ง “ให้คนผู้นั้นเข้ามา”“รับทราบ รองเจ้าสำนัก”ขณะที่ลูกศิษย์กำลังจะออกไป เลิ่งเซียนเอ๋อร์พลันเอ่ยขึ้น“ช้าก่อน”เหลิ่งเซียนเอ๋อร์ลุกขึ้น อาภรณ์สีขาวปลิวไสวราวเทพเซียนนางกำชับศิษย์ผู้นั้น “ข้าจะไปเปลี่ยนเสื้อผ้า รอเวลาอีกสองถ้วยชา ค่อยพาคนผู้นั้นเข้ามา”ลูกศิษย์ค่อนข้างไม่เข้าใจเสื้อผ้าของรองเจ้าสำนักก็ไม่ได้เปื้อนนี่นา จำเป็นต้องเปลี่ยนตอนนี้เลยหรือ?สำนักเฉวียนเจินล้วนเป็นผู้หญิง ศิษย์ทั่วไปอาศัยอยู่รวมกัน สิบคนต่อหนึ่งห้องเจ้าสำนักกับรองเจ้าสำนักมีห้องส่วนตัวเหลิ่งเซียนเอ๋อร์กลับมาที่ห้องตัวเอง เลือกใส่อาภรณ์ที่สะอาด เดิมตั้งใจจะออกไป แต่เมื่อเดินผ่านคันฉ
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 1063

หลังจากเข้ามาในห้อง เซียวอวี้ก็เอ่ยในที่สุดเขาไม่เป็นวิชาการเปลี่ยนน้ำเสียง อดกลั้นจนทนไม่ไหว“รองเจ้าสำนักผู้นั้น เหมือนจะยังไม่ตัดใจจากเจ้า” เขาดื่มชาเข้าไปเฟิ่งจิ่วเหยียนไม่ได้คิดมากเรื่องความรักใคร่ของหญิงสาวสิ่งที่นางสนใจมากกว่า คืองานชุมนุมประลองยุทธ์ในอีกสองวันหากชนะงานชุมนุมประลองยุทธ์ ก็จะสามารถตัดกำลังของสำนักอวิ๋นซานให้อ่อนลงได้ เช่นนี้ก็จะปลอดภัย“คิดอะไรอยู่?” เซียวอวี้เห็นนางเหม่อลอย จึงยื่นมือออกไปโบกข้างหน้านางเฟิ่งจิ่วเหยียนกล่าวเสียงเข้ม“ข้ากำลังคิด ว่าศักยภาพของสำนักอวิ๋นซานเป็นเช่นไร โอกาสชนะงานชุมนุมประลองยุทธ์มีเท่าไร”เซียวอวี้ยกมือขึ้นโอบเอวนางไว้เบา ๆ ถูไถจอนหูของนาง พูดเสียงเบาว่า “ข้าเชื่อว่า เราต้องชนะแน่นอน แต่ข้ามีคำถาม จำเป็นต้องอยู่ในสำนักเฉวียนเจินตลอดเลยหรือ?”เฟิ่งจิ่วเหยียนพยักหน้า“เหลืออีกแค่สองวัน อีกไม่นานหรอก จะได้ไม่ต้องไป ๆ กลับ ๆ จนถูกคนจับตามอง”เซียวอวี้ถอนหายใจ“เราเป็นถึงฮ่องเต้ แต่ต้องมาแต่งตัวเป็นสตรี เป็นเรื่องน่าอับอายต่อบรรพบุรุษยิ่งนัก ฮองเฮาต้องชดเชยให้เราดี ๆ นะ”เฟิ่งจิ่วเหยียนผลักหัวเขาที่โน้มเข้ามาใกล้ออกไป
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 1064

ความผิดปกติของเหล่าข้าราชการเจียงโจว ไปถึงหูสำนักอวิ๋นซานอย่างรวดเร็วภายในห้องโถงหลักสำนักอวิ๋นซานเจ้าสำนักกับเหล่าผู้อาวุโสกำลังร่วมประชุมพวกเขาแต่ละคนล้วนหนักใจ คิ้วขมวดแน่นไม่คลายหนึ่งในนั้นมองมาที่เจ้าสำนัก พูดเสียงเบาในลำคอ“เจ้าสำนัก ต้องรีบตัดสินใจเร็ว ๆ นะ ดูท่าแล้ว มีความเป็นไปได้สูงมากที่ฮ่องเต้จะมาที่เจียงโจว”“ใช่! ข้าก็ได้ข่าวมาเช่นนี้ พ่อตาของไอ้เด็กฮ่องเต้ ช่วงนี้เคลื่อนไหวบ่อยมาก ฮ่องเต้ต้องอยู่ที่เจียงโจวเป็นแน่!”เจ้าสำนักอวิ๋นซานหนวดเคราหงอกขาว อายุราว ๆ หกสิบปีนัยน์ตาของเขาเจือไปด้วยแววเย็นชาเล็กน้อย“ทางหมู่บ้านจู๋ซาน ตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง”มีคนตอบกลับ “จนถึงตอนนี้ยังไม่มีข่าวส่งกลับมา คาดว่านักฆ่าน่าจะทำไม่สำเร็จ”“ยังต้องเดาอีกหรือ? ต้องไม่สำเร็จอยู่แล้วสิ! ไม่เพียงล้มเหลว ยังมีคนทรยศสำนักอวิ๋นซานอีกด้วย! ไม่เช่นนั้น ไอ้เด็กฮ่องเต้นั่นจะมาที่เจียงโจวได้อย่างไร? ต้องพุ่งเป้ามาที่สำนักอวิ๋นซานเป็นแน่!”ทุกคนทั้งกังวลและหนักใจ หันไปมองเจ้าสำนักโดยไม่ได้นัดหมายเจ้าสำนักลูบเครา ครุ่นคิดอยู่ครู่ใหญ่ ก็เอ่ยพูดอย่างไม่รีบร้อน“ส่งศิษย์กลุ่มหนึ่งไปสืบข
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 1065

เฟิ่งจิ่วเหยียนเตรียมพร้อมไว้ตั้งแต่แรก ใบหน้าภายใต้หน้ากาก นางก็ทำการแปลงโฉมมาก่อนแล้วหลังจากที่ถอดหน้ากากออก นางก็เงยหน้าอย่างผ่าเผย แววตาเด็ดเดี่ยวทรงพลัง“เจ้าทำอะไรน่ะ!” ศิษย์ในสำนักเฉวียนเจินผู้หนึ่งกล่าวด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด ผลักลูกศิษย์สำนักอวิ๋นซานที่เข้ามาเกาะแกะตัวเองออกไปอีกฝ่ายหลงคิดไปเอง“ข้าต่างหากที่ต้องถามว่าเจ้าทำอะไร! หลบ ๆ ซ่อน ๆ ไม่ให้ความร่วมมือในการตรวจค้นร่างกาย ดูก็รู้แล้วว่ามีพิรุธ!”“ข้าหลบซ่อนอย่างไร? เห็น ๆ กันอยู่ว่า เจ้าฉวยโอกาสลูบคลำข้า…” ศิษย์สำนักเสวียนเจินผู้นั้นโต้แย้งสุดกำลังคนจากสำนักอวิ๋นซานรีบโต้แย้งนาง“ไร้สาระ! พวกข้าตรวจค้นร่างกายอย่างถูกต้อง เจ้านั่นแหละที่คิดไม่ซื่อเอง!”คนจากสำนักอื่นที่ยืนอยู่รอบ ๆ ต่างทยอยหันมามองพวกนาง เริ่มวิพากษ์วิจารณ์ขึ้นมา“สตรีจากสำนักเฉวียนเจิน แต่ละคนต่างจงใจใส่ชุดมาเช่นนี้ เบื้องหน้าดูสะอาดบริสุทธ์ แต่ลึก ๆ คงคาดหวังให้ชายหนุ่มลูบคลำเป็นแน่!”“นั่นสิ ก็แค่ตรวจค้นร่างกายธรรมดา พวกนางสะบัดสะบิ้งไปเอง แถมยังคิดว่าผู้ชายต่างชอบพวกนางอีก!​ เหอะ!”“ในยุทธภพแห่งนี้ มีใครสนใจความแตกต่างระหว่างชายหญิงที่ไหน
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 1066

ก่อนที่งานชุมนุมประลองยุทธ์จะเริ่มขึ้น รองเจ้าสำนักอวิ๋นซานก็เดินขึ้นไปบนเวที“สำนักอวิ๋นซานยินดีต้อนรับเหล่าวีรบุรุษผู้กล้าทุกท่าน งานชุมนุมประลองยุทธ์ที่จัดขึ้นหนึ่งครั้งต่อหนึ่งปี จะมีการคัดเลือดเจ้ายุทธจักรแห่งอู่หลิน เพื่อสร้างยุทธภพให้ยิ่งใหญ่ ภายใต้การนำของผู้แข็งแกร่ง”“ทุกท่าน ก่อนที่การประลองจะเริ่มขึ้น ข้าขอพูดอะไรอีกสักหน่อย“กฎในการประลองครั้งนี้ พวกท่านน่าจะเข้าใจกันดี“ก่อนเริ่มประลอง สำนักไหนคว้าชัยชนะได้ถึงสิบห้าครั้งก่อน ถือว่าชนะการประลอง“แม้นจะกล่าวว่านักบุ๋นไร้ที่หนึ่ง นักบู๊มีได้เพียงผู้เดียวในใต้หล้า แต่การประลองในวันนี้ ให้สิ้นสุดเมื่อมีการสัมผัสตัว ห้ามให้ถึงแก่ชีวิต หากเพื่อแย่งชิงที่หนึ่ง ทำให้คนร่วมยุทธภพต้องตาย ถึงจะชนะ ก็เอาชนะใจผู้คนไม่ได้”“พูดได้ถูกต้อง!” คนข้างล่างส่งเสียงเห็นด้วยรองเจ้าสำนักผู้นั้นมองผู้คนโดยรอบ พูดอีกว่า“หากทุกท่านไม่มีเรื่องจะถามแล้ว เช่นนั้น การประลองในครั้งนี้ ก็จะเริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ!”คนที่นั่ง ณ ตำแหน่งหลัก คือเจ้าสำนักอวิ๋นซาน——ชิวเฮ่อรอยเหี่ยวย่นบนหน้าผากของเขาเหมือนหุบเหว ดูแก่ชราอย่างมาก แต่ยังดูคล่องแคล่ว
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 1067

วันนี้เป็นวันงานชุมนุมประลองยุทธ์ บรรดาศิษย์ของสำนักอวิ๋นซานต่างยุ่งอยู่กับงานภายในห้องครัว บรรดาศิษย์กำลังเตรียมอาหารมื้อเที่ยง“พวกเจ้ามีใครเห็นขาหมูของข้าบ้าง? ขาหมูที่ข้าเพิ่งจะนึ่งเสร็จ วางอยู่บนเตา เหตุใดจึงไม่เห็นแล้ว?” ศิษย์ผู้หนึ่งในนั้นค้นหาขาหมูที่หายไป ในใจเริ่มกระวนกระวาย คนอื่นไม่สนใจเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับตน ต่างกำลังยุ่งอยู่กับงานในมือของตนเอง“เจ้าคงจะวางไว้ที่อื่นแล้วเป็นแน่!”“มักจะหลงลืมอยู่บ่อย ๆ...”“บางทีอาจจะมีคนยกไปที่ห้องโถงด้านหน้าแล้ว”ภายนอกห้องครัว ใต้ฐานกำแพงห่างไปไม่ไกลนัก เลี่ยอู๋ซินกำลังถือขาหมู และแทะกินมันจนเหลือแต่กระดูก จากนั้นก็โยนให้สุนัขเฝ้ายามตรงลานกว้างสุนัขเฝ้ายามคาบกระดูกและวิ่งไปไกล ส่วนเลี่ยอู๋ซินก็กระโดดข้ามกำแพงเข้าไปเมื่อลงถึงพื้น เขาใช้มือทั้งจับทั้งดึงต้นหญ้า เพื่อเช็ดคราบมันออกจากมือ ขณะเดียวกัน ก็มองสำรวจโดยรอบอย่างระแวดระวังที่นี่เป็นที่พักของศิษย์ขั้นสูงสำนักอวิ๋นซาน หากเดินเข้าไปอีก ก็จะเป็นห้องเจ้าสำนักขณะที่เขาเพิ่งจะเดินไปไม่กี่ก้าว ก็มีคนเดินผ่านมาเขาไม่มีที่หลบ จึงกระโดดขึ้นไปบนต้นไม้นึกไม่ถึงว่า บนต้นไม้ก
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 1068

อู๋ไป๋สงสัยยิ่งนัก จุดไฟในตอนนี้เพื่ออะไร? จะยิ่งไม่ง่ายต่อการถูกเปิดเผยหรอกหรือ?ทว่าเขาติดตามเฟิ่งจิ่วเหยียนมานานหลายปี สักครู่เดียวก็เข้าใจในทันที“นายท่าน ท่านจะลองโยนหินถามทาง?”การจุดไฟตามที่ต่าง ๆ สถานที่ที่สำคัญที่สุด จักต้องได้รับการช่วยเหลือมากที่สุดทำเช่นนี้พวกเขาก็พอจะมีทิศทางคร่าว ๆ รู้ว่าควรจะไปค้นหาที่ใดในขณะเดียวกัน ที่สนามประลองยุทธ์“สำนักกระบี่เทพชนะ!”“สำนักกระบี่เทพชนะเป็นครั้งที่สอง!”สำนักกระบี่เทพในฐานะสำนักดาวรุ่ง ได้ชนะติดต่อกันสองรอบเซียวอวี้นั่งอยู่นิ่ง ๆ ในตำแหน่งที่นั่ง ไม่ขยับเขยื้อนราวกับขุนเขาถึงอย่างไรตอนนี้เขาก็ไม่สามารถลงสนามได้ มิเช่นนั้นการประลองยุทธ์ก็จะสิ้นสุดลงอย่างรวดเร็ว นั่นจะไม่สามารถช่วยให้จิ่วเหยียนกับพวกเขามีเวลามากขึ้นหลังจากสำนักกระบี่เทพชนะไปแล้วสามรอบ หลายสำนักเริ่มนั่งไม่ติดที่แล้วสำนักเฟยเสวี่ยซานจึงส่งคนออกมาท้าประลองต่อ และคว้าชัยชนะมาได้หนึ่งรอบอย่างยากลำบากคู่ต่อสู้คนต่อไปของเขา ก็คือศิษย์สำนักอวิ๋นซานเจ้าสำนักชิวเฮ่อไม่ได้กังวลว่าจะแพ้แม้แต่น้อย เขากลับสนใจ โจรที่พยายามบุกเข้าไปในห้องของเขาป้องกันทุกวิถี
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 1069

เฟิ่งจิ่วเหยียนพิจารณากระดูกมนุษย์นั้นอย่างละเอียด ในแววตาฉายแววความเยือกเย็นถึงแม้ไฟจะลุกไหม้อย่างแรง ทว่าคนมาช่วยดับไฟก็มีมากเพียงเวลาไม่นาน ไฟก็ดับลงอย่างช้า ๆทว่าก็มีเพียงไฟตรงเรือนด้านตะวันออกที่ดับลงอย่างรวดเร็วส่วนที่อื่น ๆ บางแห่งความแรงของไฟไม่อาจควบคุมได้ จนเผาวอดทั้งเรือนลูกศิษย์วิ่งไปที่งานชุมนุมประลองยุทธ์ และรายงานสถานการณ์ไฟไหม้ให้เจ้าสำนักทราบเจ้าสำนักชิวเฮ่อเข้าใจภาพรวมทั้งหมด แววตาที่คมกริบ เผยให้เห็นความเฉียบคม“เรือนด้านตะวันออกเป็นอย่างไร”“เรียนเจ้าสำนัก ไฟที่เรือนด้านตะวันออกดับแล้วขอรับ”เมื่อได้ยินเช่นนั้น ชิวเฮ่อจึงถอนหายใจเบา ๆ“เฝ้าระวังที่เรือนด้านตะวันออกอย่างเข้มงวดต่อไป ของที่อยู่ภายใน อย่าให้สูญหายแม้แต่ชิ้นเดียว”“ทราบแล้วขอรับ เจ้าสำนัก!”ในเวลาเดียวกัน ที่สนามประลองยุทธ์ ผลแพ้ชนะก็ตัดสินแล้วการประลองยุทธ์มาถึงตอนนี้ สำนักอวิ๋นซานก็ชนะไปอีกหนึ่งรอบ มีชัยชนะรวมทั้งหมดแปดครั้ง เรียกได้ว่าไม่อาจต้านทานได้ชิวเฮ่อพยักหน้าอย่างพึงพอใจศิษย์ในสำนักพวกเขา ยอดฝีมือนับไม่ถ้วน สำนักเล็ก ๆ น้อย ๆ เหล่านั้นจะชนะได้อย่างไร?สำนักอสนีบาตกลับแ
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 1070

เคล็ดวิชาพลังจิตภายในและกระบวนท่าของแต่ละสำนัก ล้วนแตกต่างกัน บางท่าถึงขั้นมองออกได้ทันทีถึงอย่างไรก็ตาม เซียวอวี้ไม่เคยเรียนวิชากระบี่ของสำนักเฉวียนเจิน การที่คนอื่นมองเห็นความแตกต่าง ย่อมเป็นเรื่องที่แน่นอนเหลิ่งเซียนเอ๋อร์นั่งอยู่ประจำที่ แววตาเยือกเย็นราวกับน้ำค้างแข็ง“หลังจากการสู้รบครั้งใหญ่ แต่ละสำนักต่างก็รับศิษย์ใหม่เข้ามา เพื่อซึมซับจุดเด่นของแต่ละสำนัก จะได้สร้างความแข็งแกร่งให้กับสำนักตนเอง“ในเมื่อหย่ากูเข้ามาในสำนักเฉวียนเจิน ก็เท่ากับเป็นคนของสำนักเฉวียนเจิน“เจ้าสำนักชิว สำนักอวิ๋นซานไม่ยอมรับความพ่ายแพ้เช่นนี้ตั้งแต่เมื่อใด?”คำพูดของนางฟังดูสมเหตุสมผลชิวเฮ่อมีสีหน้าเคร่งขรึม พลางตักเตือนศิษย์ผู้นั้น“แพ้ก็คือแพ้ ยังไม่ถอยออกไปอีก!”เซียวอวี้ยังคงยืนอยู่บนเวทีประลอง รอคู่ต่อสู้คนที่สองของเขาเหลิ่งเซียนเอ๋อร์สีหน้าดูเรียบเฉย ในสายตามีแต่เงาของเซียวอวี้นางรู้สึกคลับคล้ายว่า คนผู้นี้เหมือนไม่ใช่สตรี......เซียวอวี้เป็นศิษย์ของหวูหยาซาน--- เสวียนหลิงเฟิงเขาหาใช่วางท่าดูดีแต่ภายนอกไม่หลังจากเข้าสู่สนาม เขาก็ชนะคู่ต่อสู้ติดต่อกันถึงห้าคนมิหนำซ้ำยังช
อ่านเพิ่มเติม
ก่อนหน้า
1
...
105106107108109
...
118
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status