“สัตว์อสูรพวกนี้มีวรยุทธ์ที่น่าทึ่งอย่างยิ่ง หากพวกมันตื่นขึ้นมา แม้ข้าจะทุ่มสุดกำลังก็คงจะรับมือได้แค่ตัวเดียวเท่านั้น แต่ข้างในนั้นมีถึงสามตัว เจ้าภาวนาให้ธูปนิทราของเจ้าใช้ได้ผลถึงหนึ่งชั่วยามจริง ๆ เถิด มิฉะนั้นพวกเราจะหนีไปได้หรือไม่ก็มิรู้แล้ว”ตู๋กูโฉ่วเยวี่ยปลอบโยนว่า “วางใจเถิด อาจารย์ของข้าปรุงเอง รับรองไม่มีปัญหา พวกเรารีบไปกันเถิด”ประมาณสองเค่อต่อมา พวกเขาก็มาถึงบริเวณใกล้ไหล่เขาเมื่อเงยหน้าขึ้นมองก็เห็นปากถ้ำขนาดใหญ่ปรากฏอยู่หลังเมฆหมอกอันเลือนรางตู๋กูโฉ่วเยวี่ยกำชับว่า “เดี๋ยวเจ้าเผยตัวแล้วดึงดูดความสนใจของพวกมันเสีย ทางที่ดีที่สุดโค่นพวกมันลงให้ได้สักสองสามคน แล้วค่อยล่อให้มหาปุโรหิตนั่นออกมาลงมือเอง ข้าจะฉวยโอกาสที่พวกมันเผลอแอบเข้าไปทำลายแท่นบูชาเอง”เขาพูดพลางหยิบโอสถลูกกลอนสีขาวบริสุทธิ์ออกมาจากอกเสื้อแล้วยื่นให้ฉงชูโม่อีกฝ่ายชะงักไป แล้วถามว่า “นี่คืออะไร?”“โอสถลูกกลอนที่อาจารย์ของข้าปรุงเอง กินเข้าไปแล้วจะเพิ่มวรยุทธ์ได้ชั่วคราว”“เจ้าบอกว่ามหาปุโรหิตนั่นก็เป็นระดับครึ่งก้าวย่ำสวรรค์มิใช่… ตู๋กูโฉ่วเยวี่ย เจ้าหลอกข้ารึ?” ฉงชูโม่เพิ่งจะรู้ตัวตู๋กูโฉ่
Baca selengkapnya