บททั้งหมดของ ทาสสาวพราวพิลาส: บทที่ 61 - บทที่ 70

625

บทที่ 61

ไป๋อวี้ถังกลั้นเสียงหัวเราะของเขาไว้ เขารู้สึกวันนี้ได้กินเผือกได้หัวใหญ่เลน เขาคงต้องพูดเรื่องนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าเป็นหลาย ๆ ปีทุกคนทราบมา ในต้าซ่ง ไม่ว่าจะดูจากด้านความสามารถ รูปร่างหน้าตา หรือภูมิหลังทางครอบครัวของเขา เยี่ยเป่ยเฉิงเป็นผู้ที่ได้รับการชื่นชมอย่างมาก แม้แต่ไทเฮาองค์ปัจจุบันก็ยังรีบเร่งที่จะหมั้นหมายหลานสาวแท้ ๆ ของท่านกับฃเยี่ยเป่ยเฉิงเขาเป็นผู้ชายที่มีความสามารถทั้งในด้านพลเรือนและการทหาร เขาเกิดมาเพื่อเป็นความภาคภูมิใจของสวรรค์ ผู้หญิงทุกคนจะตกหลุมรักเขาเอง แต่ตอนนี้เขาถูกสาวใช้ปฏิเสธยิ่งไป๋อวี้ถังคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้มากเท่าไร มันก็ยิ่งแปลกใหม่มากขึ้นเท่านั้น เขาก็อดไม่ได้ที่ต้องสนใจหลินซวงเอ๋อร์มากขึ้นเขาไม่รู้ว่านางเป็นผู้หญิงชนิดใดที่กล้าปฏิเสธเป็นผู้หญิงของ เยี่ยเป่ยเฉิง...เยี่ยเป่ยเฉิงไม่ได้พูดอยู่พักหนึ่ง เขาจ้องมองไป๋อวี้ถังด้วยดวงตาที่ลึกล้ำเมื่อถูกจ้องมองด้วยดวงตาที่เย็นชาคู่หนึ่ง ไป๋อวี้ถังไม่กล้าหัวเราะแม้ว่าเขาจะอยากหัวเราะก็ตามหลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง ไป๋อวี้ถังปลอบใจเยี่ยเป่ยเฉิง "มันไม่สมเหตุสมผลเลย นางเป็นแค่สาวใช้ หากนางได้คบกับเจ้า มันก็
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 62

เยี่ยเป่ยเฉิงพูด "บางทีนางอาจจะไม่เหมือนคนอื่นก็ได้"ไป๋อวี้ถังหัวเราะ "ไม่เหมือนกันที่ใด นางเป็นแค่สาวใช้ สาวรับใช้ที่ปีนขึ้นไปบนเตียงของนายได้ นางจะไร้เดียงสาได้อย่างไร ข้าว่าเจ้าอยากถูกรูปลักษณ์ภายนอกหลอกเลย"เยี่ยเป่ยเฉิงขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาไม่เห็นด้วยกับคำพูดของไป๋อวี้ถัง ยิ่งไปกว่านั้น เขารู้สึกโกรธเล็กน้อยดูเหมือนเขาไม่ชอบไป๋อวี้ถังตัดสินหลินซวงเอ๋อร์เป็นคนเช่นนี้ เพราะดูเหมือนไม่เคารพเขาเดิมทีเยี่ยเป่ยเฉิงอยากทานอาหารดี ๆ กับเขาเพื่อฆ่าเวลาที่น่าเบื่อ แต่หลังจากได้ยินสิ่งที่เขาพูดเช่นนี้ เยี่ยเป่ยเฉิงไม่อยากทานข้าวอีกเลยเยี่ยเป่ยเฉิงรู้สึกหงุดหงิด เขาลุกขึ้นและกำลังจะจากไป ดูเหมือนไป๋อวี้ถังรู้ความคิดของเขาแล้วพูดว่า "หากเจ้าปล่อยมือไม่ได้ ก็เอานางไว้ข้างกายเลย นางเป็นแค่สาวใช้ นางสร้างปัญหาไม่ได้หรอก บางทีเลยช่วงเวลาที่เจ้าสนใจนางมาก เจ้าอาจไม่สนใจนางเช่นนี้ก็ได้"ดูเหมือนเพื่อนพูดเพื่อปลอบใจเขา เยี่ยเป่ยเฉิงหยุดก้าวเท้าต่อ เขาแอบถอนหายใจด้วยความโล่งอกและพูดว่า "เจ้าพูดถูก เช่นนั้นข้าจะให้อยู่ข้างกายข้าเลย"หลังจากเยี่ยเป่ยเฉิงจากไป ไป๋อวี้ถังยิ้มและส่ายหัวเขาไม่เ
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 63

เมื่อตระหนักว่าเยี่ยเป่ยเฉิงกำลังจ้องมองนางอยู่ หลินซวงเอ๋อร์ รู้สึกตื่นตระหนก นางกำสัมภาระในมือแน่นเมื่อเห็นหลินซวงเอ๋อร์งคุกเข่าอยู่บนพื้นและตัวสั่นโดยก้มหัวลง ความโกรธของเยี่ยเป่ยเฉิงโผล่ขึ้นมาอีกครั้งอย่างอธิบายถูกเขาไม่เคยเห็นนางเชื่อฟังขนาดนี้มาก่อน แต่ตอนนี้นางกลับเชื่อฟังเช่นนี้“เจ้าอยากไปจากที่นี่ขนาดนี้เลยหรือ” น้ำเสียงของเขาเย็นชา และสีหน้าของเขายิ่งเย็นชาจนทำให้คนหวาดกลัวหลินซวงเอ๋อร์รู้สึกสับสนเล็กน้อยกับคำถามของเขานางพูดว่าอยากจากไปเมื่อไร เห็นได้ชัดว่า เขาให้นางไสหัวไป เขาเป็นคนบอกเองว่า ไม่อยากเจอหน้านางหากนางไม่จากไปเอง นางต้องรอเขามาไล่นางออกไปหรือหลินซวงเอ๋อร์รู้สึกน้อยใจ แต่นางไม่กล้าแสดงออกมา นางพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ " ท่านอ๋องให้ข้าน้อยไสหัวไป... "“ข้าให้เจ้าไป เจ้าไปเลยหรือ” เยี่ยเป่ยเฉิงโกรธมากขึ้นเรื่อย ๆ เขาอยากลากคนตรงหน้ามาหาเขาแล้วถามนางว่าสมองของนางกำลังคิดอะไรอยู่เขาโกรธอย่างไร้เหตุผล หลินซวงเอ๋อร์รู้สึกหวาดกลัวนางรู้สึกเยี่ยเป่ยเฉิงคงรังเกียจนางอย่างมาก ไม่เช่นนั้น เขาจะไม่โกรธนางเช่นนี้อย่างไร้เหตุผล ไม่ว่านางจะพูดอะไร เยี่ยเป่ยเฉ
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 64

อีกอย่าง นางได้บอกท่านป้าจ้าวล่วงหน้าแล้ว หากนางออกจาก เรือนฝั่งตะวันออกได้ นางจะทำความสะอาดลานของเรือนฝั่งตะวันตก โดยอยู่ห่าง ๆ จากเยี่ยเป่ยเฉิงท่านป้าจ้าวสัญญาว่าตราบใดที่ท่านอ๋องรับปากปล่อยนางไป นางสามารถไปที่เรือนฝั่งตะวันตกได้ตลอดเวลาหลินซวงเอ๋อร์ยังยืนยันกับท่านป้าจ้าวว่าท่านอ๋องต้องปล่อยนางไปอย่างแน่นอนเพราะถึงอย่างไร ท่านอ๋องเป็นผู้ที่สั่งนางไสหัวไป...สีหน้าของเยี่ยเป่ยเฉิงเย็นชาราวกับน้ำค้างแข็งดูเหมือนว่านางอยากจากไปจริง ๆ และนางไม่อยากอยู่ข้างกายเขาเสียจริงเยี่ยเป่ยเฉิงหายใจเข้าลึก ๆ แต่เขาไม่สามารถระงับความโกรธในหัวใจของเขาได้แต่เขาไม่มีเหตุผลที่จะโกรธนาง เพราะเขาคือคนที่สั่งนางไสหัวไปเอง และเขาคือคนที่บอกว่าเขาไม่อยากเจอนางอีกเลย ตอนนี้นางทำตามคำสั่งของเจ้านายเท่านั้นเยี่ยเป่ยเฉิงไม่ได้พูดอะไร หลินซวงเอ๋อร์คุกเข่าอยู่บนพื้นอย่างเดียวไม่ว่าดวงตาของเขาจะดูกดดันแค่ไหนและเสียงของเขาจะเย็นชาแค่ไหน หลินซวงเอ๋อร์ยังคงยืดแผ่นหลังให้ตรง ๆเยี่ยเป่ยเฉิงขมวดคิ้วนางตั้งใจแข่งอารมณ์กับเขาหรือหลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง เยี่ยเป่ยเฉิงคว้าแขนของนางขึ้นและยกนางขึ้นจากพื้
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 65

ฝ่ามืออันใหญ่กระชับขึ้นเอวของหลินซวงเอ๋อร์อย่างกะทันหัน ความรู้สึกนุ่มนวลนั้นทำให้เขาคิดถึงเรื่องอื่นทันทีร่างของทั้งสองเข้ามาใกล้ยิ่งขึ้น ในห้องมืดภายใต้แสงจันทร์สลัว บรรยากาศที่คลุมเครือก็ปรากฏขึ้นโดยธรรมชาติหลินซวงเอ๋อร์รู้สึกหวาดกลัวเมื่อตระหนักรู้ นางกลายเป็นกวางที่หวาดกลัวทันที นางตัวสั่นเล็กน้อยในอ้อมแขนของเยี่ยเป่ยเฉิงแต่เยี่ยเป่ยเฉิงไม่หยุดการเคลื่อนไหว เขาต้องการมากกว่านี้ในความมืด หัวใจของใครบางคนเต้นเร็วราวกับกลองสงครามหลินซวงเอ๋อร์อยากหลบหนี แต่นางไม่มีที่จะไปเพราะกลิ่นอันเผด็จการของชายผู้นี้ครอบงำประสาทสัมผัสของนางหลินซวงเอ๋อร์ตื่นตระหนกอย่างยิ่งเมื่อนางตระหนักว่า ฝ่ามือใหญ่ของเขาค่อย ๆ ถอนออกจากเอวของนาง และค่อย ๆ ใส่เข้าไปในชุดชั้นในของนางมือเล็ก ๆ ของนางกดลงบนฝ่ามือที่ป่าเถื่อนของเขา และนางร้องด้วยความกลัว " ท่านอ๋อง ได้โปรดอย่า... ได้โปรด"หลินซวงเอ๋อร์หลั่งน้ำตาทันใดนั้นนางทราบเยี่ยเป่ยเฉิงอย่างทำอะไรเยี่ยเป่ยเฉิงหยุดทันที ในความมืด เขาขมวดคิ้วอันหล่อเหลาของเขา "เจ้าไม่ชอบขนาดนี้เลยหรือ"ร่างกายของนางสั่นรุนแรงกว่าเดิม หลินซวงเอ๋อร์อดไม่ได้ที่ต้อง
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 66

หลินซวงเอ๋อร์ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ตระหนักว่าเธอกำลังทำอะไรอยู่ และพูดทันที: "จะเป็นอย่างไรถ้า ท่านอ๋อง ไม่พบคนที่ใช่ล่ะ? ถ้าอย่างนั้น เด็กน้อยก็ไม่ต้องรับใช้ ท่านอ๋อง ตลอดเวลาหรอกเหรอ?"หลินซวงเอ๋อร์ โพล่งสิ่งที่เธอคิดอยู่ในใจโดยไม่แม้แต่จะคิดถึงมันเมื่อได้ยินสิ่งนี้ เยี่ยเป่ยเฉิง ก็โกรธและตลกเป็นเธอ ไม่ว่าเวลาไหนหรือที่ไหนก็ตาม เขาจะไม่ตั้งคำถามกับใครซักคนอย่างไม่ลดละเป็นไปได้ไหมที่เธอคิดว่าเย่ เยี่ยเป่ยเฉิง เป็นคนประเภทที่จะทำทุกอย่างเพื่อให้ได้ผู้หญิงมา?เธอประเมินตัวเองสูงเกินไปเขาถามเธอด้วยน้ำเสียงทุ้มลึกพร้อมรอยยิ้มครึ่งหนึ่ง: "อะไรนะ? เป็นไปได้ไหมที่เจ้าคิดว่ากษัตริย์องค์นี้จะสูญเสียความซื่อสัตย์และเผชิญหน้าเพื่อเจ้า? เจ้าคิดเองสูงเกินไป!"น้ำเสียงดังกล่าวเย็นชาจนน่าตกใจจริงๆ และ หลินซวงเอ๋อร์ ก็รู้ว่าเธอทำให้ เยี่ยเป่ยเฉิง โกรธอีกครั้งมือเล็กๆ ของเธอกำแขนเสื้อแน่น และเธอก็พูดอย่างประหม่า: "ฉันไม่ได้หมายความอย่างนั้น ตราบใดที่ ท่านอ๋อง รักษาคำพูดของเขา"เยี่ยเป่ยเฉิง เยาะเย้ยและพูดว่า "ถ้าไม่ ฉันจะเขียนสัญญานี้เป็นขาวดำ แล้วกดลายนิ้วมือเปื้อนเลือด ฉันสงสัย
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 67

ชายและหญิงสองผู้นี้อยู่ใกล้กันมาก หลินซวงเอ๋อร์กลั้นลมหายใจไว้ นางขมวดคิ้วเก้าอี้ตัวนี้มีขนาดไม่ใหญ่นัก และด้วยเยี่ยเป่ยเฉิงเป็นผู้ที่มีร่างกายขนาดใหญ่ พวกเขานั่งด้วยกัน เก้าอี้ตัวนั้นค่อนข้างแคบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ร่างผอมเพรียวของของหลินซวงเอ๋อร์ถูกบีบไปที่มุมเก้าอี้ ชายที่อยู่ข้างกายนางมีลมหายใจที่ถี่และร้อนหลินซวงเอ๋อร์จับพูดกันไว้แน่น นางกังวลมากจนนางไม่รู้ว่าจะเขียนอย่างไรแต่นางรู้ดี เยี่ยเป่ยเฉิงไม่ชอบนางโง่เกินไป หากนางเขียนไม่ได้อีกละก็ เขาจะต้องโกรธอีกครั้งแน่นอนหลินซวงเอ๋อร์เม้มริมฝีปาก และค่อย ๆ เงยหน้าขึ้น นางมองเขาอย่างเขินอาย“ท่านอ๋อง……”เยี่ยเป่ยเฉิงลดสายตาลงและสบตานาง เขาเห็นแววตาที่นางหมดปัญญาแสงเทียนริบหรี่กลายเป็นลำแสงรัศมีและตกลงมาบนร่างกายของหญิงสาวผู้นี้ ราวกับว่า ดวงดาวทุกดวงกำลังซ่อนอยู่ในดวงตาที่สดใสและบริสุทธิ์ของนางเยี่ยเป่ยเฉิงรีบถอนสายตาออก แต่เขาหายใจเร็วขึ้นเล็กน้อยโดยไม่ได้ตั้งใจ“ทำไมหรือ” เขาตอบด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา“อักษรตัวนี้... ข้าน้อยลืมวิธีเขียน” เสียงของนางต่ำมากจนเยี่ยเป่ยเฉิงแทบจะไม่ได้ยิน นางมีน้ำเสียงต่ำเช่นนี้ เพราะนางก
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 68

หลินซวงเอ๋อร์ไม่กล้าขยับตัว นางทำได้เพียงปล่อยให้เขาพานางเขียนภายใต้การนำของเขาอย่างปาฏิหาริย์ ลายมือของหลินซวงเอ๋อร์ค่อย ๆ เป็นระเบียบ สม่ำเสมอและสวยงามหลังจากพานางฝึกเขียนมากกว่าสิบครั้ง หลินซวงเอ๋อร์จึงค่อย ๆ เข้าใจประเด็นสำคัญที่เยี่ยเป่ยเฉิงพูดเยี่ยเป่ยเฉิงค่อย ๆ ปล่อยมือของนาง การเคลื่อนไหวของหลินซวงเอ๋อร์ไม่ได้หยุด นางเขียนราบรื่นขึ้นเรื่อย ๆ พออ่านลายมือของนาง ลายมือของนางพอเหมือนเขาเล็กน้อยเยี่ยเป่ยเฉิงขดริมฝีปากและแสดงสีหน้าที่พึงพอใจเขาจ้องมองนางและพยายามไม่รบกวนนาง แต่เขาเหลือบมองเห็นคอเสื้อของนางเปิดออกเล็กน้อยวันนี้หลินซวงเอ๋อร์ยุ่งเก็บของ แผ่นบังหน้าอกของนางเลยหลวมโดยไม่รู้ตัวนอกจากนี้ นางกับเยี่ยเป่ยเฉิงยังพัวพันอยู่ในห้องมาระยะหนึ่งแล้ว และกระดุมบนปกเสื้อของนางหลุดออกมาในเมื่อใดไม่ทราบเสื้อผ้าที่นางสวมไม่พอดีตัว เสื้อผ้าตัวนี้หลวม ๆ และใหญ่กว่าตัวนางตั้งหนึ่งเท่า คอเสื้อเลยกว้างกว่า นอกจากนี้ ก่อนหน้านี้ระยะห่างระหว่างพวกเขาทั้งสองก็อยู่ใกล้เกินไป เยี่ยเป่ยเฉิงสูงกว่านางหนึ่งศีรษะด้วยซ้ำ เมื่อเขาลดสายตาลง เขาเห็นภาพอันยั่วยุของนางโดยบังเอิญคอของนางบา
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 69

นี่เป็นครั้งแรกที่หลินซวงเอ๋อร์เห็นเทศกาลโคมไฟที่คึกคักเช่นนี้ถนนฉางอันตกแต่งด้วยโคมไฟ ทั้งถนนก็เต็มไปด้วยโคมไฟสีแดงโคมไฟสีสันเหล่านั้นสวยงามมากวันนี้หลินซวงเอ๋อร์ตามเยี่ยเป่ยเฉิงไปนอกจวน เดิมทีหลินซวงเอ๋อร์รู้สึกน่าเบื่อ จนกระทั่งนางมาถึงถนนฉางอาน นางเห็นร้านสุราและหอสูงติด ๆ กันที่ข้างถนน คนมืดฟ้ามัวดิน หลินซวงเอ๋อร์จึงเริ่มรู้สึกสนุกภายใต้บรรยากาศที่ืรื่นเริง นางมองไปรอบ ๆ ตลอดทาง และทุกครั้งที่เห็นสิ่งใหม่ ๆ นางก็อดไม่ได้ที่ต้องมองดูอีกครั้งเยี่ยเป่ยเฉิงเดินนำหน้า แต่เขาห่างจากนางเพียงก้าวเดียว เขาเดินช้า ๆ และมองตรงไปข้างหน้า ดูเหมือนเขาจะไม่สนใจสิ่งรอบตัวเขา เขาเพียงแค่มาเดินเล่นเพื่อคลายความเหนื่อยล้าหลินซวงเอ๋อร์เดิมตามเขาอย่างใกล้ชิดโดยถือขนมร้อน ๆ ไว้ในมือ ซึ่งเป็นรสชาติโปรดของนางแต่นางเสียดายเงินและไม่อยากเปลืองเงิน เย่เป่ยเฉิงอยากกินต่างหาก ดังนั้นเขาจึงให้เงินนาง ให้นางไปซื้อขนมนี้มา แต่พอซื้อมา เขากลับบอกนางว่า เขาไม่อยากกินแล้วเพื่อไม่เปลือง หลินซวงเอ๋อร์จึงรับไว้และกินเองในเวลานี้ ถนนฉางอานอยู่ในช่วงที่มีผู้คนพลุกพล่านที่สุด เพราะจุดโคมไฟหลายอัน แสงไฟสวย
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 70

ชาวบ้านรอบข้างพากันกระซิบกัน "นั่นน่ะสิ คุณชายท่านนี้พูดเช่นนี้ ช่างโหดเหลือเกิน ดูสิ แม่นางผู้นี้เสียใจขนาดไหน มิเช่นนั้น คุณชายใจกว่างหน่อย ขอโทษนางละกัน"เยี่ยเป่ยเฉิงเกลียดการถูกบังคับเยี่ยเป่ยเฉิงเหลือบมองกระเป๋าเงินในมือของนางอย่างเย็นชา เขาประชด "กระเป๋าเงินที่ไร้รสนิยมเช่นนี้ เจ้ามอบให้ผู้อื่นเลย"หลินซวงเอ๋อร์อดไม่ได้ที่ต้องมองดูกระเป๋าเงินในมือของผู้หญิงคนนั้นอีกครั้งด้ายทองและเส้นเงินเป็นสิ่งล้ำค่า และเป็ดแมนดารินที่เล่นน้ำเหมือนตัวจริงอย่างมาก หากนำไปขายที่ตลาด มันจะมีมูลค่าอย่างน้อยสิบตำลึงเงินหลินซวงเอ๋อร์ชแอบกำกระเป๋าเงินในมือแน่น นางใช้ด้ายหยาบและผ้าลินิน ซึ่งกระเป๋าเงินของนางไม่สามารถแสดงให้คนอื่นเห็น ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่เข้าสายตาของเยี่ยเป่ยเฉิงการที่ถูกเยี่ยเป่ยเฉิงรังเกียจเช่นนี้ ผู้หญิงคนนั้นรู้สึกละอายใจและโกรธ แต่นางก็ไม่สามารถโกรธต่อหน้าทุกคนนางเป็นลูกสาวของเศรษฐีที่มีชื่อเสียง ตระกูลของนางมีเงินมากมาย อาหารการกิน เสื้อผ้าที่นางสวนและของที่นางใช้ล้วนเป็นของชั้นนำทั้งนั้น แม้แต่กระเป๋าเงินใบนี้ก็ทำจากอวิ๋นจิ่น (อวิ๋นจิ่นเป็น 1 ใน 4 ศิลปะผ้าปักดอ
อ่านเพิ่มเติม
ก่อนหน้า
1
...
56789
...
63
DMCA.com Protection Status