“คุณหนูเจ้าคะ วันนี้ท่านสวยจังเลย ท่านแต่งหน้าเอง งามยิ่งนักเจ้าค่ะ”
อาปิงชมลี่เซียนไม่หยุด นางไม่เคยเห็นการแต่งหน้าเช่นนี้มาก่อน นางไม่ได้แต่งเข้มอะไร แต่ทำให้ผิวดูมีสุขภาพดี ปากไม่ได้ทาสีแดง ทาสีชมพูอมส้ม แต่เหมือนมีการผสมมากกว่า 2 สี แก้มไม่แดง แต่กลับดูเป็นธรรมชาติเข้ากับสีผิวของคุณหนูของนางยิ่งนัก ตาของนางดูชัดมากขึ้นทั้งๆ ที่ปกติตานางก็สวยอยู่แล้ว คิ้วที่เขียนอย่างได้รูป นางไม่เคยเห็นมาก่อน
หลินลี่เซียนเดินออกมาพร้อมกับอาปิง เพื่อจะไปขึ้นรถม้าหน้าจวน กลับได้เจอคนที่ไม่คาดฝันว่าจะเจอเข้า
“ท่านแม่ ท่านแม่ นั่นมัน ลี่เซียนมิใช่หรือเจ้าคะ ไหนท่านว่าจะ จะอยู่ไม่ถึงคืนนี้ไง ทำไมนาง ดูปกติเลยล่ะ”
ลู่ชิงกระตุกแขนเสื้อมารดาอย่างแรง อีเหนียงเองก็คิดไม่ถึงว่าจะเจอลี่เซียนตอนนี้ คิดว่านางจะไม่รอดถึงคืนนี้แล้ว
“ใจเย็นก่อน อย่าทำพิรุธ”
นางเดินเข้าไปหาลี่เซียน
“คุณหนูใหญ่ ทำไมวันนี้ออกมาเดินเล่นได้ล่ะ สุขภาพเจ้า ดีขึ้นแล้วใช่หรือไม่”
นางแสร้งยิ้มอย่างเป็นมิตร
** ข้อมูล: ฉินอีเหนียง
** อนุฉินของท่านพ่อ ผู้ดูแลจวนและบัญชีรับ - จ่ายของจวนสกุลหลิน
** นิสัย หน้าไหว้หลังหลอก ตอแหลได้โล่เป็นสันดาน ขี้ระแวง
** ละโมบโลภมาก อยากได้สมบัติของตระกูลฉิน ส่งลูกสาวออกไปแต่งงานกับเศรษฐี
** ตอนนี้กำลังหาทางยกลูกสาวให้เป็นคู่หมั้นกับลูกเสนาบดีกรมคลัง
โอ้ เลิศ มี detail นิสัยของแต่ละคนให้อ่านด้วย นิสัยใช้ได้เลยนี่ นางปิศาจคนนี้สินะ ที่เธอบอกไว้ อีกคนล่ะ ขอสแกนหน่อยซิ
** ข้อมูล: หลินลู่ชิง
** ลูกสาวของอนุฉินกับท่านพ่อ นิสัยไม่ต่างกับแม่ของนาง
** ขี้อิจฉา แรงริษยามากระดับ A++ ไม่ชอบเห็นใครได้ดีกว่า
** อิจฉาความสวยของพี่สาวตัวเอง
** กีดกันไม่ให้พี่สาวเด่นกว่าตัวเองทุกทาง
** นิสัยชอบเอาชนะ อยากเป็นที่ 1 และอยากเป็นบุตรของภรรยาเอก แต่ท่านพ่อไม่ยอมแต่งตั้งอนุฉินขึ้นเป็นภรรยาเอกเสียที ตั้งแต่ฮูหยินลู่อินไป๋จากไป
หึ ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้นจริงๆ นิสัยพอๆ กันเลย กำลังเบื่อๆ เอาวะ ออกกำลังปากหน่อย แก้เซ็ง
“สบายดีเจ้าค่ะ “อนุ” ฉิน ไม่ต้องเป็นห่วง “ลูกภรรยาเอก” อย่างข้ามากหรอก ข้าน่ะ ไม่ตายง่ายๆ หรอก”
นางตั้งใจกระแทก คำว่า "อนุ" และ “บุตรภรรยาเอก” กับคำว่า “ไม่ตายง่ายๆ” ขึ้นมา แล้วก็จริง เอฟเฟคสุดยอดเลย คนโบราณนี่ซ่อนความรู้สึกไม่ค่อยเก่งเอาซะเลย แต่ความตอแหลกลับใช้กันเก่งกว่าคนยุคปัจจุบันเสียอีก นางตกใจเสียหลักเซไปเล็กน้อย
“เห็นคุณหนูใหญ่สบายดี ข้าก็สบายใจ”
อนุฉินพูด ตอนนี้หน้านางเริ่มซีด เหงื่อเริ่มออก
“งั้นหรือ ว่าแต่ ข้าเองก็มีธุระ ที่จะคุยกับท่านอยู่นะ แต่ตอนนี้ เอาไว้ก่อน ข้าอยากออกไปเดินเล่น ไว้ค่อยคุยกับท่าน ตอนกลับจวนก็แล้วกัน”
ลี่เซียนพูด พร้อมเดินไป ลู่ชิงไม่พอใจ เลยพูดขึ้นมา
“ไร้มารยาท กับผู้ใหญ่ พูดจาแบบนี้ ก็อย่างว่า ไม่มีแม่คอยสั่งสอนอบรมมารยาทนี่นะ ถึงได้เป็นแบบนี้”
ลู่ชิงพูดเหน็บอย่างเจ็บแสบ แต่นางไม่รู้ว่าเล่นผิดคนแล้วหนู
“เจ้าพูดถูก ข้าน่ะ เสียแม่ไปก่อน แม่เลยไม่ได้สอนอบรมข้า แต่ก็ใช่ว่าคนที่มีแม่ จะถูกสั่งสอนมาดีทุกคนนะ ถ้าแม่เลว สอนยังไง ลูกก็ไม่ดีขึ้นหรอก ก็คงจะเลวเหมือนแม่นั่นแหละ ออ แล้วก็นะ เรื่องมารยาทน่ะ ควรมีกับคนที่น่านับถือ ส่วนบางคนที่ทำตัวไม่น่านับถือ มองไปก็เหมือนเห็นขยะเปียก ที่เดินผ่าน จะใช้เท้าเขี่ยยังกลัวเหม็นติดเท้าเลย เจ้าว่ามั้ยล่ะ น้องรอง ออ อีกอย่างนะ เรื่องบางเรื่องน่ะ ถึงมีแม่ที่พยายามฝืนสอนดีแค่ไหน แต่ตัวเองไม่ได้เป็นแบบนั้น สอนไปก็ไม่มีประโยชน์หรอก ไร้ประโยชน์ ไปนะ เสียเวลาเที่ยวข้าหมด”
ลี่เซียนเดินไป ลู่ชิงโกรธจนหน้าแดง นี่พี่ใหญ่กล้าต่อปากต่อคำกับนางขนาดนี้ได้อย่างไร นางไม่ยอม
“ท่านไม่อายคนข้างนอกแล้วหรือ ที่ถูกปฏิเสธการหมั้นครั้งก่อนน่ะ คนเค้านินทากันทั้งเมือง ยังกล้าออกไปเดินเล่นในเมืองอีกงั้นหรือ เป็นข้า ข้าคงไม่กล้าออกไปเสนอหน้าข้างนอกแล้ว อับอายจนแทบจะฆ่าตัวตายได้เลยล่ะ”
คราวนี่ลี่เซียนหยุด ลู่ชิงคิดว่านางคงสะอึกและเสียใจเป็นแน่ นางชนะแล้ว
“แล้วยังไงอ่ะ จะให้ข้านอนร้องไห้คร่ำครวญกับหมอนทุกวันๆ จนเฉาตายเหรอ ไม่หรอก เสียเวลาชีวิตมากเลย ข้างนอกมีอะไรเยอะแยะที่น่าชม อีกอย่าง โดนปฏิเสธแล้วยังไงอ่ะ ดีกว่าคนที่ ไม่มีใครต้องการ จนต้องเอาไปแห่ ยกให้คนโน้นที คนนี้ที ก็แล้วกัน ชีวิตแบบนั้นน่ะ ข้าไม่เลือกหรอกนะ มันไม่อิสระ ไปละนะ”
นางพูดพร้อมกับสบัดหน้าเดินออกไป อนุฉินโกรธจนบีบผ้าในมือสั่น ลู่ชิงเองก็กรี๊ดไล่หลังนาง
“ท่านแม่ นาง นางช่างปากดีเกินไปแล้ว นางไปกินอะไรมาถึงได้เปลี่ยนเป็นคนละคนแบบนี้”
ลู่ชิงโกรธจนน้ำตาไหล นางเถียงไม่ชนะ และยังโดนฟาดกลับด้วยคำพูดที่ 2 แม่ลูกไม่อาจตอบโต้กลับได้เลย
“ข้าไม่ปล่อยเจ้าไว้แน่ ลี่เซียน”
อนุฉินลำพึงเบาๆ และหันไปมองด้วยสายตาอาฆาตตามร่างเล็กนั่นออกไป
ตลาดเมืองหลวง
ว๊าวว นี่มันดีกว่าที่ข้าคิดเอาไว้ซะอีก ละลานตาไปหมดเลย นางเดินไปเรื่อยๆ ตื่นตาตื่นใจกับทุกสิ่งที่เห็น เคยเห็นแต่ในซีรี่ย์ แต่ของจริงคือดีกว่าเยอะเลย ยังดีที่หลุดมายุคนี้ ไม่ใช่ยุคที่ผู้ชายถักเปียใส่หมวก มายุคนี้ ถือว่าผู้ชายยังงานดีอยู่ ยุคเหมือนในซีรี่ย์ ปรมาจารย์ โอเค๊ รับได้
“ข้าอยากกินไอ้นั่นอ่ะ ลูกพุทราแดงๆ นั่น อาปิงๆ ไปซื้อให้หน่อย”
นางหมายถึงถังหูลู่ ผลไม้เชื่อมเคลือบน้ำตาล ที่เห็นในซีรี่ย์บ่อยๆ อาปิงเดินไปซื้อมาให้คุณหนู และยื่นให้ ลี่เซียนรีบรับมาแล้วกัดลูกแรกทันที
“ว๊ายย เปรี้ยวดีเนอะ อ่ะ เจ้ากินด้วยกันสิ”
มันเปรี้ยว และแข็ง แต่ก็อร่อยดี อาปิงรับมาอย่างเงอะๆ งะๆ
“กินสิ กินไม้เดียวกันนี่แหละ เจ้าถือเหรอ หรือเจ้ารังเกียจข้า”
“เปล่าเจ้าค่ะคุณหนู แต่การทำแบบนี้มัน ไม่เหมาะเจ้าค่ะ กินแบบเดียวกับเจ้านาย…”
“เจ้านี่พูดไม่ฟังเลยเนอะ ไหนล่ะพี่น้อง แค่นี้ก็ปฏิเสธข้าแล้ว กินเถอะน่า”
นางบอก อาปิงยิ้มและพยักหน้า และกินถังหูลู่ที่เหลือทันที
“ร้านเสื้อผ้า ร้านเครื่องสำอาง ร้านของตกแต่ง เครื่องประดับสตรี อยู่ไหนเหรอ เราจะไปทีละร้าน”
นางบอก อาปิงเลยพานางเข้าไปเลือกทีละร้าน นางสั่งซื้อเสื้อผ้าจำนวนมาก อาปิงคอยจ่ายเงิน และแจ้งที่ส่งของไปที่จวนเสนาบดีหลิน ลี่เซียนเลือกชุดใหม่ พร้อมกับเครื่องประดับและเครื่องประทินโฉมให้นางด้วย
“คุณหนูเจ้าคะ แบบนี้ไม่เหมาะเจ้าค่ะ บ่าวรับไว้ไม่ได้เจ้าค่ะ”
อาปิงรู้สึกว่านี่มันมากเกินไปที่นางได้รับ การตีตนเสมอนายถือว่าเป็นเรื่องไม่สมควร
“อาปิง บอกหน่อยว่าเจ้าใส่ชุดนี้มากี่ปีแล้ว แล้วชุดนี้ แทบจะไม่มีที่ให้ปะรอยขาดแล้วนะ เจ้าเป็นคนของข้า ถ้าเจ้าแต่งตัวไม่ดี คนจะมองว่าข้าเป็นเช่นไร ตรรกะแค่นี้เอง เจ้าอย่าคิดมาก เจ้าดูดี คนก็ชมข้าไง ว่าดูแลคนใช้ดี ถูกหรือไม่”
ลี่เซียนยกเหตุผลร้อยแปดมาบอกนาง จนอาปิงคิดตาม และยอมให้นางซื้อของต่อไป
“ไปทางโน้นกันดีกว่า ข้ายังไม่ได้ซื้อผ้าม่านกับผ้าปูที่นอนใหม่เลย”
นางเดินไป เพลิดเพลินกับการเดินดูบรรยากาศในเมืองเช่นนี้ยิ่งนัก ถึงแม้นร้านเสื้อผ้าที่นางเข้าไป ตอนแรกมองนางแปลกๆ แต่พอคุยไปสักพัก เถ้าแก่กลับชื่นชมนาง และคุยกันถูกคอ ถึงกับเรียกกันว่าพี่ๆ น้องๆ อย่างไม่ถือตัว เถ้าแก่ถึงกับลดราคาให้ และแถมชุดให้นางอีก 2 ชุดด้วย ตอนกลับยังเดินมาส่งนางถึงหน้าร้าน และบอกว่า
“น้องเล็ก วันหลังแวะมาหาพี่ใหญ่ใหม่นะ ข้าจะเก็บชุดรูปแบบใหม่ไว้ให้เจ้า อย่าลืมนะน้องเล็ก”
“ได้เลยเจ้าค่ะ พี่ใหญ่ ไว้ข้าจะแวะมาหานะ”
ลี่เซียนเดินออกจากร้านมา นางสวนกับกลุ่มบุรุษสวมชุดดูดี น่าจะเป็นพวกคุณชายในเมือง แต่นางสนใจปิ่นหยกที่ขายข้างๆ นั่นมากกว่า นางเดินผ่านคนผู้นี้ไป รีบเดินไปดูปิ่น และกำไรหยก
“อาปิง เจ้าดูนี่ สวยมากเลย ข้าเอาอันนี้ ปิ่นทองนี่ด้วย ทับทิมประดับสวยมากเลย อาปิง เจ้าเลือกสิ เอาอันไหน เร็วๆ”
“คุณหนูเจ้าคะ ไม่ดีกว่าเจ้าค่ะ วันนี้คุณหนูซื้อของให้ข้ามากแล้วเจ้าค่ะ”
“เจ้าไม่ชอบเหรอ ข้าว่า มันสวยดีนะ นี่ไง หยกสีนี้ๆ เหมาะกับชุดใหม่ของเจ้าเลย ที่พี่ใหญ่เอาให้น่ะ เอาไปใส่คู่กัน ข้าเลือกให้ อันนี้ค่ะ คิดเงินเลย อาปิง จ่ายไป”
แล้วนางก็เดินต่อไป
“นั่นคือ ……”
ฟู่เว่ยหลงถามหมิงอี้
“ขอรับคุณชาย นั่นคุณหนูใหญ่หลิน คนที่ท่าน อะแฮ่มม.”
หมิงอี้ไม่พูดต่อ
“คือนางเองหรือ แล้วทำไม นางเหมือนมองไม่เห็นข้าล่ะ ไหนเจ้าเคยบอกว่า นางชอบตามแอบดูข้าอยู่เป็นประจำ จนเจ้าอึดอัดไม่ใช่หรือไง”
นั่นคือความทรงจำเดิมของเขา ที่หมิงอี้เคยบอก ว่าคุณหนูใหญ่จะแอบมองเขาทุกครั้งที่เจอกัน นางค่อนข้างลุ่มหลงเขาเลยทีเดียว ทั้งๆ ที่ไม่กล้าเข้ามาคุย แต่เขาเองกลับไม่เคยเห็นหน้านางแบบเต็มๆ เช่นนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่เห็นนางชัดๆ“ไหนเจ้าบอกว่านางขี้โรค ดูแล้วน่าจะอยู่ได้อีกไม่นาน พูดน้อย ขี้อายอย่างไรล่ะ”เขาถามหมิงอี้ด้วยความแปลกใจ เพราะสตรีที่เขาเห็นอยู่ข้างหน้านี้ นางทั้งสดใส ร่าเริง เป็นมิตรกับทุกคน นางยิ้มเก่ง และยังเอื้อเฟื้อต่อคนใช้ของนางด้วย เขากำลังสงสัยว่า“หมิงอี้ ข่าวกรองของเจ้า มีผิดพลาดได้ขนาดนี้เลยหรือ”“อาปิง ข้าลืมบอกพี่ใหญ่ว่าข้าจะเอาผ้าคลุมไหล่ขนจิ้งจอกขาวตัวนั้นด้วย เดี๋ยวข้ามานะ เจ้ารอนี่ก่อน”นางบอกอาปิง และหันกลับ เพื่อจะเดินไปที่ร้านตัดชุดที่พึ่งเดินออกมา และ ชนเข้ากับชายหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงนั้น“ว๊าย ขอโทษๆ เจ้าค่ะ เป็นอะไรรึเปล่าเจ้าคะ ขอโทษที ข้ารีบไปหน่อย”นางเงยหน้าขึ้นมอง โอววว งานดี หล่อจัง สูง โปร่ง ผิวขาวดูเป็นผู้ดี ตาคม จมูกได้รูป หล่ออย่างกับพระเอกซีรี่ย์ คือดีงามที่หลุดมายุคนี้ ขอบคุณโชคชะตา อิอิ“เอ่อ หากท่านไม่เป็นไร ข้าขอตัวก่อน ขอโทษอีกทีนะเจ้าคะ บาย” นา
หมิงอี้คิดว่าตัวเองฟังผิดไปแน่นอน คุณชายจะตามไปงั้นหรือ นี่มันเกินความคาดหมายเกินไปแล้ว“คุณชาย บอกว่า จะตามพวกนางไปหรือขอรับ” เขาถามให้แน่ใจอีกทีฟู่เว่ยหลงไม่พูดซ้ำ เขาเดินไปที่หออวิ๋นเจี้ยนทันที และหันมาบอกหมิงอี้“เจ้าไปจองห้องที่ติดกับพวกนางที เร็ว”เขาสั่ง หมิงอี้รีบวิ่งไปก่อนหน้าและบอกเสี่ยวเอ้อให้จัดห้องให้“เจ้าว่าอะไรนะ” หลินลี่เซียนฟังเรื่องที่อาปิงเล่าให้ฟัง ถึงกับอึ้ง แม่นาง เจ้าช่างคลั่งรักอะไรขนาดนี้ โอยน้ออ เค้ารู้มั้ยนั่น ทั้งหาอาหาร ขนมไปให้ตลอด แถมยังสืบว่าเขาจะไปไหนแล้วตามไป เพื่อแอบมอง What ? Just แอบมอง โอยยย นี่มันคล้ายกับพวก Stalker แล้วหนู (พวกชอบตามไอดอลที่ตัวเองชื่นชอบ ออกแนวโรคจิต)“จะเป็นลม ทำไปได้ ถึงว่าล่ะ เรื่องมันถึงได้เป็นแบบนี้ไง”ลี่เซียนหัวเสียกับการกระทำนี้มาก นางต่อต้านการทำแบบนี้ที่สุด เพราะเมื่อก่อน นางเองก็เคยโดนพวกนี้ติดตาม ต้องคอยจ้างพวกบอดีการ์ดมา สุดท้ายก็ต้องไปเรียนศิลปะการป้องกันตัวเพื่อจะได้ลดค่าใช้จ่ายตรงนี้ไป“เอาล่ะ ข้าเข้าใจแล้ว จากนี้จะไม่ให้เจ้าลำบากแบบนั้นอีกแล้วอาปิง ข้าจะไม่ทำแบบนั้นอีก เจ้าวางใจได้เลย ตอนนี้ข้ารู้สึกดีสุดๆ ก
อาปิงยืนอึ้งอยู่ข้างเวที เมื่อกี้ คุณหนูของข้า ยืนร้องเพลงบนเวที ต่อหน้าผู้คนเยอะแยะขนาดนั้น ปกติ แค่มองหน้าคนที่เดินตามถนน นางยังไม่กล้าเลย นี่ถึงกับขึ้นเวที ร้องเพลง และเสียงร้องของนาง ก็ยังไพเราะมาก ฟังแล้วพาเคลิ้มมากจริงๆ เพลงที่ร้องก็ไม่เคยฟังมาก่อน แต่เนื้อหาช่างสวยงาม น่าฟัง และเข้าใจง่ายเสียจริงเว่ยหลงรู้สึกตัว เขาคิดว่าสตรีที่อยู่บนเวทีนี้ ช่างไม่ธรรมดา นางสามารถสะกดสายตาผู้คน และทำให้ทุกคน หยุดมองนางเพียงคนเดียวได้ นี่มันความสามารถน่าทึ่งมากจริงๆ“แม่นาง บทเพลงของเจ้า ช่างไพเราะเสียจริง ข้าชื่นชมยิ่งนัก ไม่ทราบว่าแม่นาง สนใจที่จะเขียนเนื้อเพลงนี้ ออกมาขายได้หรือไม่”ชายผู้นั้นเดินมาถามลี่เซียน“ข้าลืมแนะนำตัว ข้าชื่อเจียงเฉิง เป็นผู้คัดลอกสิ่งพิมพ์ในเมืองหลวง พวกหนังสือนิยาย นิทาน กาพย์ กลอน มักจะให้ร้านข้าเป็นผู้คัดลอก และจำหน่าย และเจ้าของผลงานก็รับส่วนแบ่งกับข้าไป” เขาแนะนำตัวเองเว่ยหลงมองเห็นชายผู้นั้น เดินเข้าไปหานาง เขามองตาม หน้าตาเขายังคงเฉยอยู่ แต่ว่าสายตานั้น โกหกไม่ได้“ขอบคุณ คุณชายเจียงมาก ข้า สามารถทำแบบนั้นได้ด้วยเหรอเจ้าคะ”นางถามอย่างใคร่รู้“แม่นาง อย่าง
หลังจากออกไปเปิดหูเปิดตานอกบ้านมา วันนี้ลี่เซียนรู้สึกเหนื่อยล้ายิ่งนัก นางกลับมาที่บ้าน พร้อมกับอาปิง นางสังเกตว่า คนงานภายในจวนมีท่าที่เร่งรีบ จัดของและทำความสะอาดกันอย่างคึกคัก เนื่องจากวันนี้เสนาหลินจะกลับจวน หลังจากไปราชกิจกับองค์ฮ่องเต้ ลี่เชี่ยนสังเกตว่า นอกจากส่วนที่เป็นส่วนของจวนที่ท่านพ่อและอนุฉินอาศัยอยู่แล้ว ส่วนอื่น ๆ ของบ้าน แทบจะไม่มีคนรับใช้คอยเดินอยู่เลยนั่นแสดงว่านางไม่ได้จัดสรรคนงานในบ้านให้ช่วยดูแลตรงส่วนที่ลูกสาวภรรยาเอกอย่างลี่เชียนอยู่เลย คนงานในจวนเกินครึ่งก็เป็นคนที่อนุฉินหามา การจะเรียกใช้คน ก่อนหน้านี้ถือเป็นเรื่องที่ยากลำบากมากจริง ๆ ลี่เชียนลองถามอาปิงถึงเรื่องที่ผ่านมา พบว่า 2 คน นาย-บ่าว อาศัยอยู่ในจวนแห่งนี้ไม่ต่างกับผู้อาศัยคนหนึ่ง ซึ่งเรื่องพวกนี้ พ่อของนางไม่ค่อยได้รับรู้ เนื่องจากภารกิจภายในวังมากมายนัก และเสนาหลินเอง ก็ไม่ค่อยได้กลับจวนเท่าไหร่นัก เนื่องจากฮ่องเต้มันจะเรียกตัวไปปรึกษาราชกิจของบ้านเมืองบ่อย ๆ เรื่องในจวนส่วนใหญ่ จึงเป็นหน้าที่ของอนุฉิน“ได้เวลาทวงคืนสิทธิ์ของลูกสาวของภรรยาเอกแล้วล่ะอาปิง ไปกัน วันนี้ท่านพ่อจะกลับจวน”นางชวนอาปิงเข้
อนุฉินเริ่มโกรธ นางจะรู้เรื่องการเงิน เรื่องบัญชีได้อย่างไรกัน นางเป็นคนโง่มาตลอด ทำอะไรไม่เป็นสักอย่าง อ่อนแอ และไม่สู้คน นอกจากเที่ยวเดินตามผู้ชายไปวันๆ นอกนั้นก็ไม่มีสมองเลย แต่วันนี้กลับมายืนพูดกล่าวหานาง ต่อหน้าท่านเสนาบดี อย่างไม่เกรงกลัวว่าจะโดนตีเลย“ท่านพ่อ ข้าไม่ได้อยากกล่าวหาใคร ข้าแค่ปกป้องทรัพย์สินแทนท่าน เรื่องนี้ ข้ามีทั้งพยาน และหลักฐานเจ้าค่ะ”ลี่เซียนบอก และพยักหน้าให้อาปิงไปเรียกผู้ทำบัญชีเหมา และพ่อบ้านมา ครู่เดียว ทั้ง 2 คนก็เดินเข้ามาในห้องโถง“เหมาเตี๋ย เจ้าทำบัญชีให้จวนข้ามานาน ตั้งแต่ฮูหยินยังอยู่ เจ้าว่ามา เกิดอะไรขึ้น” ท่านเสนาบดีเริ่มถาม อนุฉินมองไปที่เหมาเตี๋ย ทำตาถลึงใส่“เรียนท่านเสนาบดี ข้าน้อยมีหน้าที่ตรวจบัญชี ปกติแล้วจะมาตรวจสอบทุก ๆ วันสิ้นเดือน ก่อนหน้านี้ก็ไม่ได้สงสัยอะไร บัญชีก็ไม่มีความผิดปกติ แต่ว่า เดือนที่ผ่านมา กลับพบว่า มีทรัพย์สินบางส่วนถูกนำออกไปใช้ โดยไม่ได้ลงบันทึกไว้ แต่เนื่องจากเป็นการทยอยนำออกไปทีละนิด หากไม่ได้สังเกต หรือตรวจนับอย่างละเอียด ก็ไม่สามารถตรวจบัญชีตรงส่วนนี้เจอขอรับ”“แล้วท่านตรวจสอบเจอได้อย่างไร” หลินซือเหยาถามเขา“เร
เสนาบดีหลิน หันมามองลู่ชิง แล้วถอนหายใจ อนุฉินเลี้ยงดูลูกคนนี้ด้วยการตามใจนางจนนางเสียนิสัย“ชิงชิง เจ้าก็กลับไปที่ห้องเจ้าเสียเถอะ คิดทบทวนคำพูด การกระทำของเจ้าเสีย คำพูดที่เจ้าพูดกับพี่ใหญ่ของเจ้าในวันนี้ ว่ามันสมควรออกมาจากปากเจ้าหรือไม่”ลู่ชิงมองหน้าลี่เซียนด้วยความแค้น สายตานางไม่ได้มีความสำนึกใด ๆ ลี่เซียนเองก็มองนางกลับแบบตั้งคำถามว่า “ยังมีปัญหาอีกงั้นเหรอ” ลู่ชิงกัดฟันและเดินออกจากห้องโถงไป พร้อมกับสาวใช้ของนางอีก 2 คน ที่เดินตามไป“พวกเจ้าแยกย้ายออกไปกันได้แล้ว” เสนาบดีหลินสั่งคนที่เหลือในห้องโถง ต่างแยกย้ายกันออกไป“เซียนเซียน ก่อนหน้านี้พ่อละเลยเจ้าไป ลำบากเจ้าแล้วนะ พ่อขอโทษเจ้าด้วย”“ท่านพ่อ ข้าไม่ตำหนิท่าน ภารกิจท่านมากมาย เรื่องในจวน ต่อไปข้าจะเรียนรู้กับพ่อบ้านหวังให้มาก เขาเป็นคนของท่านแม่ เขาย่อมรู้ดีว่าควรภักดีใคร”ลี่เซียนบอกกับท่านพ่อ เขาพยักหน้า“ชุดนี่ เจ้าเลือกได้ไม่เลวนี่ พ่อเกือบเชื่อเจ้าแล้ว”เข้าพูดพร้อมกับขำเบาๆ ให้ลูกสาว“ถ้าข้าเล่นไม่เนียน คนจะสงสัยเอานะเจ้าคะ” เสนาหลินงุนงง เนียนอะไร??“ออ ท่านพ่อเจ้าคะ วันนี้ข้าออกไปข้างนอกมา ข้ามีเพื่อนและร่วมทำงา
ฟู่ เว่ยหลงกำลังง้างสายธนู เล็งมาที่นางและโจรยืนอยู่ ลี่เซียนตกใจ นี่เขาไม่ได้คิดจะป้องกันตัวประกันเลย นี่เขาคิดจะฆ่าโจร และนางไปพร้อมกันจริงเหรอ โหดเหี้ยมเกินไปแล้ว ปกติ พระเอกก็ต้องมาช่วยนางเอกสิ ไหงมาฆ่าตายไปพร้อมโจร บทนี้ไม่ถูกต้อง หรือว่าข้าไม่ใช่นางเอกของเรื่องนี้ มีบทอยู่ 4 ฉากก็ตายไปงั้นเหรอ ไม่ๆๆ ฉันไม่ยอมเกมส์ง่ายๆ แบบนี้หรอกนะว่าแล้ว นางหาจังหวะที่โจรกำลังกลัวธนูที่เล็งมา ทำให้เขาคลายมีดที่จ่อคอลง ลี่เซียนจับมือเขาแน่น และ ดึงออกอย่างแรง นางใช้แรงเพื่อหมุนตัวออกจากวงมีดนั่นมาอยู่ด้านหลังโจรสำเร็จ และใช้เข่า ทุบไปที่ข้อต่อเข่าด้านหลังของโจร พร้อมกับบิดมือโจรจนได้ยินเสียงดัง แขนน่าจะเกือบหัก สุดท้าย นางก็กดโจรลงกับพื้น และแย่งมีดมาได้ พร้อมกับ“พี่ชาย แนะนำให้อยู่เฉยๆ นะ ไม่งั้น มีด อาจจะโดนคอท่าน” ลี่เซียนบอกโจรฟู่เว่ยหลงตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน สตรีผู้นี้ พึ่งจะจับโจรด้วยมือเปล่า เขาไม่เคยพบเจอสตรีเช่นนี้มาก่อน นางมีวรยุทธด้วยหรือ เขาสั่งทหารวิ่งเข้าไปจับโจรมาพร้อมกับควบม้าเข้าไปหา เขาเพียงมั่นใจในฝีมือการยิงธนูของเขา ที่ไม่เคยพลาดเป้าที่ยิง อย่าง
ฟู่เว่ยหลงรีบควบม้า มุ่งตรงไปที่สำนักหมอหลวงในวัง ที่นั่นมีเรือนรักษาและหมอหลวงของวังหลวงคอยดูแล เขาก้มล้มไปมองนาง แผลรอยมีดบาดที่คอนางไม่ลึกเท่าใดนัก แต่สาเหตุที่นางเป็นลม คงเพราะนางตกใจกับเหตุการณ์แบบนี้ สตรีที่บอบบาง สูงศักดิ์ นางเป็นถึงบุตรีอัครมหาเสนาบดีฝ่ายกลาโหม คงไม่เคยพบเจออะไรแบบนี้ เป็นปกติที่จะตกใจ ยิ่งเห็นแผลที่คอนาง เขาก็ยิ่งโกรธปกติ การสำเร็จโทษนักโทษที่แหกคุกก็ต้องตัดหัวอยู่แล้ว เพียงแต่วันนี้ นักโทษคนนี้ คิดจับนางเป็นตัวประกัน เขาไม่เคยโกรธมากขนาดนี้มาก่อน โกรธถึงขนาดฆ่าเจ้าโจรนั่น กลางตลาด แม้กระทั่งหมิงอี้ ยังตกใจกับการตัดสินใจของเขา แต่เขากลับไม่ใส่ใจ นี่มันยังน้อยไปด้วยซ้ำกับสิ่งที่เจ้าโจรชั่วนี่มันทำกับนาง เขาอยากจะเอาร่างนั่นมาสับเป็นหมื่นชิ้นเลยทีเดียวเขามองสาวน้อยในอ้อมแขนนั้น ครั้งเดียว ครั้งนี้ จะเป็นครั้งเดียวที่จะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ในเมืองหลวง เขาควบม้ามาถึงสำนักหมอหลวงแล้ว และรีบอุ้มนางเข้าไป หมิงอี้มาถึงก่อนหน้านี้ และแจ้งหมอไว้แล้ว ท่านหมอรออยู่ และให้เขาวางนางลงบนเตียงที่จัดไว้ให้“นางเป็นอย่างไรบ้างท่านหมอ”เขาถาม เมื่อท่านหมอทำแผลเสร็จ และเดินออกมา
“ท่านพี่ ท่านแต่งตัวเสร็จหรือยังเจ้าคะ มาช่วยผูกที่คาดเอวให้ข้าทีสิ เว่ยหลง ท่านทำอะไรอยู่”“มาแล้วๆ ฮูหยิน เจ้าอย่าใจร้อนสิ ไหนดูสิ ท้องเจ้าเริ่มโตแล้ว เจ้าจะเดินทางโดยรถม้าอีกไม่ได้แล้วนะ วันนี้เป็นครั้งสุดท้ายแล้วนะ ต่อไปก็นั่งรอคลอดอยู่ที่จวนดีๆซะ”“เร็วเข้าๆ ท่านผูกให้ข้าหน่อย อาปิงกับอิ้นสี่ไปเตรียมของขวัญ เดี๋ยวจะไม่ทันแล้ว เว่ยหลง ท่านชักช้าอะไรอยู่”“ก็มัดอยู่นี่ไง เจ้าอย่าเร่งข้าสิ”ฟู่เว่ยหลงเร่งมัดสายคาดเอวให้ฮูหยินอย่างทุลักทุเล ช่วงนี้ท้องนางเริ่มโตขึ้น การแต่งตัวทำได้ยากกว่าเดิม นางมักจะหงุดหงิดง่ายเวลาเรียกหาใครแล้วมาหาช้า ช่วงนี้นางเจริญอาหารมากเป็นพิเศษ และก็ยังนอนมากเป็นพิเศษอีกด้วย ซึ่งทำให้เว่ยหลงพอใจยิ่งนัก แต่วันนี้ พวกเขาต้องไปร่วมยินดีในงานมงคลสมรสของเจ้าซีห่าวกับเสี่ยวหง และเจียงเฉิง กับเฟยเฟย ซึ่งพวกเขาตกลงหาฤกษ์ยามทันทีที่ตกลงกันได้ เนื่องจากฟู่ลี่เซียนท้องเริ่มโตขึ้นแล้ว จะไปงานพวกเขาลำบาก จะรอให้นางคลอดก่อนค่อยแต่ง สองหนุ่มก็รอไม่ไหว จึงรีบหาฤกษ์วันเดียวกันและแต่งพร้อมกันทีเดียวสองคู่เสียเลย“เสร็จแล้วๆ ไปกันได้แล้ว”“เดี๋ยวเจ้าค่ะ ข้ายังไม่ได้ใส่ต่างหูเล
“เฟยเฟย ข้ามีเรื่องจะคุยกับเจ้า”เฟยเฟยหันมาเห็นเจียงเฉิงที่กำลังเดินมา นางไม่ต้องการรับรู้เรื่องนี้ซ้ำอีก น้ำตานางไหลเป็นทาง เจียงเฉิงรู้แล้วว่าเขาคงมาช้าไป หลิวอี้เจินต้องพูดอะไรกับนางแน่ นางถึงขั้นหลั่งน้ำตา“เฟยเฟย รอข้าก่อน เฟยเฟย”หลิวอีเจินดึงเขาไว้“พี่เฉิงเจ้าคะ ปล่อยนางไปก่อนเถอะเจ้าค่ะ ข้ามีเรื่องจะคุยกับท่าน”“แม่นางหลิว เจ้าพูดอะไรกับนาง เหตุใดนางจึงร้องไห้”“ข้าก็แค่ บอกว่าผู้ใหญ่ของพวกเรากำลังคุยกันด้านใน เรื่องงานแต่งของเรา”“เหลวไหลทั้งเพ คุณหนูหลิว ข้าบอกเจ้าไปแล้วว่าข้าไม่ได้คิดอะไรกับเจ้า ข้าไม่มีทางแต่งงานกับคนอื่น”“แต่ท่านจะแต่งงานกับนางงั้นหรือ เจียงเฉิง ท่านไม่กลัวผู้อื่นนินทาหรืออย่างไร สมภารกินไก่วัด น่าไม่อาย”“ความรักของข้ากับเฟยเฟยเป็นของจริง มีเรื่องใดที่น่าไม่อาย ที่ไร้ยางอายนะ ใครกันแน่ ข้าไม่เคยไปตกลงว่าจะแต่งกับเจ้า แต่เจ้ากลับแต่งเรื่อง พูดขึ้นมาเองจนนางเข้าใจข้าผิด เจ้าต่างหากที่หน้าด้าน ไร้ยางอาย ขอตัว”“ท่านหยุดนะ!! ท่านมาว่าข้าเสียหายแบบนี้แล้วจะเดินหนีอย่างนั้นหรือ ท่านคิดว่าท่านเป็นใคร แค่พ่อค้าคนหนึ่ง ท่านมีอะไรสู้ตระกูลหลิวของข้าได้งั้นหรือ
หลังจากเหน็ดเหนื่อยจากการแสดงแล้ว ช่วงต่อไปก็เป็นช่วงที่มีการแสดงของโรงงิ้ว และแขกเหรื่อก็ทยอยเข้ามาแสดงความยินดีกันอย่างไม่ขาดสาย รวมถึง“คุณชายเจียง ข้ามาช้า โปรดอภัย”“ใต้เท้าหลิว ไม่เป็นไรขอรับ ยินดีต้อนรับ เชิญตามสบายขอรับ”“พี่เฉิง ยินดีด้วยนะเจ้าคะที่เปิดร้านใหม่ วันนี้ข้าตั้งใจมาหาท่านโดยเฉพาะเลยเจ้าค่ะ”เฟยเฟยหันไปมองเจ้าของเสียง สตรีหน้าตาน่ารัก ดูสูงศักดิ์ เรียกเขาว่าพี่เฉิงอย่างสนิทสนม“คุณหนูหลิว ขอบใจเจ้ามาก”เฟยเฟยหันไปมองหน้าเขา เจียงเฉิงจึงนึกขึ้นได้“ออ ลืมแนะนำไปขอรับ นี่ เจ้าเฟยเฟย น้องสาวเจ้าซีห่าว น้องรองของข้า หนึ่งในเจ้าของหออ้ายจือขอรับ”“เฟยเฟยคารวะใต้เท้าหลิว ฮูหยินหลิวเจ้าค่ะ ทุกทานเชิญตามข้ามาได้เลยเจ้าค่ะ ข้าจะไปหาที่นั่งใ ด้านล่างเต็มแล้ว เชิญชั้นสองดีกว่าเจ้าค่ะ”“พี่เฉิง พี่พาพวกเราไปก็ได้เจ้าค่ะ ไม่รบกวนแม่นางเจ้าแล้ว ขอบคุณ”แม่นางหลิวมองเฟยเฟย และเชิดใส่เล็กน้อย นางเดินไปเกาะแขนเจียงเฉิงให้เขาพานางไปเลือกโต๊ะ เฟยเฟยได้แต่เดินตามพวกเขาไปเงียบๆ เมื่อพวกเขาได้โต๊ะแล้ว เจียงเฉิงจึงนั่งกับพวกเขา เฟยเฟยเลยเดินเลี่ยงออกมาลี่เซียนเห็นเฟยเฟยเดินมาหงอยๆ นางจ
เสียงประทัดดังขึ้นหน้าหออ้ายจือหลังใหม่ พร้อมกับทุกคนที่มาร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีเปิดร้านใหม่ เต็มหน้าลานการแสดง เจียงเฉิงเป็นตัวแทนของร้านออกมากล่าวต้อนรับ“ยินดีต้อนรับแขกผู้มีเกียรติ ที่ได้สละเวลามาร่วมในงานเปิดร้านใหม่ของหออ้ายจือสาขาสองของพวกเรา วันนี้จะมีการแสดง ทั้งของเหล่าไอดอลหออ้ายจือของเรา และกลางคืนยังมีการแสดงงิ้ว และงานเทศกาลโคมไฟไปพร้อมๆกันด้วย ขอให้ทุกท่านมีความสุขกับงานในวันนี้ และที่สำคัญ เชิญทุกท่าน ร่วมรับประทานอาหาร เพื่อเป็นสิริมงคลแก่พวกเรา ทุกท่านเชิญ”แขกหน้าร้านทุกคนปรบมือ และทยอยเข้าไปนั่งภายในร้าน ซึ่งโอ่อ่า และกว้างขวางมาก โต๊ะเกือบ 50 โต๊ะ ทยอยเต็มอย่างรวดเร็ว ทั้งนี้ ด้านบนชั้นลอย จะเป็นที่สำหรับผู้หลักผู้ใหญ่ที่มาร่วมงาน เถ้าแก่อวิ๋นเองก็นั่งโต๊ะถัดไป และคอยช่วยเจ้าซีห่าวจัดแจงที่นั่งให้แขกผู้ใหญ่“พี่เจียง พี่ใหญ่ พี่สามมาแล้วเจ้าค่ะ”เฟยเฟยตะโกนเรียกทั้งสอง ซึ่งพวกเขารีบวิ่งออกไปต้อนรับนาง ฟู่เว่ยหลงค่อยๆพยุงลี่เซียนลงมาจากรถม้า“น้องสามๆๆ คอยๆเดิน ระวังๆหน่อย หลานข้าอยู่ในท้องเจ้า จะเดินไปไหนต้องระวังหน่อย”“พี่รอง ข้ารู้แล้วเจ้าค่ะ ท่านว่าเว่ยหลงจะย
จวนสกุลฟู่“คำนับฟ้าดิน”“คำนับบุพการี”“คำนับกันและกัน”“ส่งตัวเข้าหอ”อาปิงและอิ้นสี่ พาหลินลี่เซียนเดินไปที่ห้องหอที่จัดเตรียมไว้สำหรับพิธีสมรสพระราชทานของท่านเม่ทัพหลวงคนใหม่ และฮูหยินแม่ทัพฟู่“อาปิง ข้าหิวจนไส้จะขาดอยู่แล้ว มีอะไรให้ข้ากินได้บ้างมั้ย”“ฮูหยินเจ้าคะ รอสักครู่นะเจ้าคะ ข้าจะเอาขนมมาให้ท่าน แต่ท่านอย่าเปิดผ้าคลุมหน้านะเจ้าคะ จะเสียฤกษ์ ต้องรอให้ท่านแม่ทัพเปิดนะเจ้าคะ”“รู้แล้วๆ รีบไปหาของกินมาทีเร็ว กว่าเว่ยหลงจะเข้ามาอีกนาน เขาต้องรับแขกข้างนอกอีก ป่านนั้นข้าหิวตายอยู่ตรงนี้แหละ”อาปิงรีบออกไปยกขนมมาให้หลินลี่เซียนกิน อิ้นสี่รินน้ำชาส่งให้นางใต้ผ้าคลุมเพื่อให้นางดับกระหาย“อา ค่อยยังชั่วหน่อย นี่ หลังจากนี้ ต้องทำอะไรอีกล่ะ”“ก็รอให้เจ้าบ่าวเข้ามา เปิดผ้าคลุมหน้า ดื่มเหล้ามงคล แล้วก็... เข้าหอเจ้าค่ะ”“ข้าง่วงจังเลย”“ฮูหยิน ท่านจะนอนพักก่อนมั้ยเจ้าคะ แค่นั่งพิงหลับน่าจะได้”“อืม ข้าขอพักสักงีบ พวกเจ้าออกไปเถอะ”“เจ้าค่ะ”หลินลี่เซียนนั่งพิงกับขอบเตียง หลังจากที่กินขนมไป นางรู้สึกง่วงมากเพราะเตรียมตัวมาตั้งหลายวัน และวันนี้ก็ต้องตื่นแต่เช้า เพื่อเข้าพิธีอีก กว่าจะแ
ลี่เซียนตื่นขึ้นมา พบว่านางสวมใส่ชุดนอนเรียบร้อยแล้ว คงเป็นเพราะพ่อคนดีข้างๆ นางนี่เอง ที่จัดการให้ นางยิ้มและก้มหอมแก้มเขาเบาๆ เขาลืมตาขึ้นมา“เจ้าตื่นแล้วหรือ ยังเจ็บแผลอยู่หรือไม่”“ไม่แล้วเจ้าค่ะ เมื่อคืน ท่านใส่ยาและสวมเสื้อผ้าให้ข้าหรือเจ้าคะ”“ใช่ เจ้าลุกไหวหรือไม่ ให้ป้าจางยกข้าวมาให้กินที่นี่ก็แล้วกันนะ”“วันนี้ท่านจะไปไหนหรือเปล่าเจ้าคะ”“ข้าจะเข้าวังหน่อย เจ้ามีอะไรหรือเปล่า”“เปล่าเจ้าค่ะ งั้นข้าจะรอฟังข่าวอยู่ที่นี่นะเจ้าคะ ท่านลุกเถอะเจ้าค่ะ ไปอาบน้ำ เตรียมเข้าวังได้แล้ว”“ได้สิ เจ้าจะอาบน้ำเลยหรือไม่ ข้าจะได้ให้อาปิงเตรียมน้ำยาแช่ตัวให้”“เจ้าค่ะ ขอบคุณนะเจ้าคะ”เว่ยหลงก้มลงจูบที่หน้าผากนาง วันนี้เขาจะเข้าวังไปสะสางงานที่เหลือจากเมื่อวาน และไปฟังข่าวด้วย ที่สำคัญ วันนี้มีการกำหนดโทษของสนมฉิน ฉืนอี้เหนียงและฉินชุนเหมยด้วยพวกเขากินข้าวเช้าในห้องของลี่เซียนเสร็จแล้ว นางเดินมาส่งเขาหน้าจวน เขาหันมาบอกนาง“รอข้านะ เดี๋ยวข้าก็กลับ”“ไม่มีอะไรต้องห่วงแล้วนี่นา ท่านไปเถอะเจ้าค่ะ ข้าอยู่ได้”เว่ยหลงส่งยิ้มให้นาง ก้มลงหอมแก้มข้างที่ไม่มีผ้าปิดแผล และหันกลับไปขี่ม้าเพื่อเข้าวัง ล
เขาถามนางด้วยเสียงแหบพร่าเต็มที ถึงนางจะบอกว่าเจ็บ ตอนนี้ เขาก็คงไม่อาจควบคุมอารมณ์ได้อีกต่อไปแล้ว ลี่เซียนใช้มือน้อยๆ ล้วงลงไปหาท่อนแข็งแรงที่ใต้น้ำ ที่ดันนางอยู่ตอนนางเบียดเข้าไปเมื่อครู่ ตอนนี้ นางถือเอาไว้และค่อยๆ ขยับเข้าออกช้าๆ“อาาา เซียนเซียน อย่า ข้าเตือนแล้วนะ อาาาาา หากเจ้าไม่หยุดตอนนี้ ข้า อาาา”เว่ยหลงครางเสียงกระเส่า เขาไม่เคยถูกกระตุ้นแบบนี้มาก่อน เขารู้สึกวูบวาบประหลาดอย่างที่อธิบายไม่ถูก แต่รู้สึกดีมาก ลี่เซียนไม่เพียงไม่หยุด นางยังใช้ลิ้นน้อยๆ เลียไปที่แผงอกของเขาเบาๆ สร้างรอยจ้ำแดงๆ ไปทั่วพร้อมส่งเสียงครางเพื่อกระตุ้นอารมณ์เขา เมื่อนางเริ่มเลียที่ยอดอกของเขา เว่ยหลงถึงกับร้องครางเสียงไม่เป็นภาษา“อาาา เจ้าา ข้าเตือนเจ้าแล้ว อย่าหาว่าข้าใจร้ายนะเซียนเซียน”เขาดันนางออก และอุ้มนางขึ้นจากอ่างน้ำทันที และพานางขึ้นมา และใช้ผ้าคลุมตัวให้นางเช็ดตัว และอุุ้มนางเข้าห้องไปทันที…ลี่เซียนกอดคอเขา และดันตัวเองไปจูบที่ปากอวบอิ่มของเขา เขาตกใจที่นางรุกไม่หยุด เกิดอะไรขึ้นกับนางกัน แต่เขาเองก็ห้ามอารมณ์รักนี้ไม่ไหวแล้วเช่นกัน เขาวางนางลงบนเตียงนุ่ม และดึงผ้าที่ห่อตัวนางออกทันที เข
ฟู่เว่ยหลงพาหลินลี่เซียนมายังสำนักหมอหลวงเพื่อตรวจอาการและรักษาแผล เขาขอเช็ดตัวและเปลี่ยนเสื้อผ้าให้นางก่อน หมอกวานจึงให้คนไปเรียกนางกำนัลมาช่วย แต่ฟู่เว่ยหลงบอกว่าเขาจะทำเอง ท่านหมอเลยให้นางกำนัลเตรียมของและชุดใหม่มาให้ลี่เซียนเปลี่ยนฟู่เว่ยหลงถอดชุดของนางออกอย่างเบามือ ตัวของลี่เซียนมีรอยฟกช้ำไปทั้งตัว เมื่อกี้เขาได้ยินว่านางบอกว่าอย่างไรนะ นางถูกรุมกระทืบอย่างนั้นหรือ เขาค่อยๆ เช็ดตัวนางอย่างเบามือ นางขยับตัวสะดุ้งเล็กน้อยเพราะความเจ็บ เขากัดกรมแน่น เขาจะต้องเอาคืนคนพวกนี้ให้สาสม ไม่ว่ามันจะเป็นใคร เขาจะต้องจัดการให้หมดเขาสวมชุดใหม่ให้นางเสร็จแล้วจึงเรียกท่านหมอมาตรวจให้นาง เขาเดินมาบอกอี้หมิง“เจ้าไปตามสืบหา คนที่ทำร้ายนางมาให้ครบหมดทุกคน อย่าได้ขาดไปแม้แต่คนเดียว”“ขอรับคุณชาย”ท่านหมอเดินออกมาแล้ว เขาแจ้งอาการให้เว่ยหลงทราบ“คุณหนูหลินมีแผลฟกช้ำแค่ภายนอก ไม่ได้รุนแรงอะไร เพียงแค่อากาศในคุกนั้นอับชื้นและสกปรก ทำให้นางที่ร่างกายพึ่งพักฟื้นได้ไม่นาน พอเจออากาศแบบนี้ ทำให้ไข้กลับมา อีก 2-3 วันก็ดีขึ้น ข้าจะจัดยาแก้ไข้ แก้ช้ำใน ร้อนใน รักษาภายใน และสมุนไพรแช่ตัวเพื่อรักษาบาดแผลภายน
ชุนเหมยพาหลินลี่เซียนเดินขึ้นมาช้าๆ พร้อมเอามีดจี้ที่คอนางไว้ ฟู่เว่ยหลงตกใจที่เห็นนาง“เซียนเซียน แม่นางฉิน อย่านะ อย่าทำอะไรนาง”“ท่านกล้าขอร้องข้าเชียวเหรอ ท่านแม่ทัพ ตอนนี้ท่านขอร้องเป็นแล้วหรือ เมื่อกี้ท่านยังปากดีอยู่เลยนี่ แค่นังแพศยานี่คนเดียว ทำให้ท่านกังวลใจได้ถึงเพียงนี้เชียวเหรอ”หลินลี่เซียนส่งสายตาให้เขาว่าอย่า เพราะสายตาของลีเซียน ไม่ได้บ่งบอกว่านางกังวล“ฮ่าๆๆๆๆ ดีมาก ชุนเหมย หลานน้า ดีๆๆ ฝ่าบาท ถอนรับสั่งสิ ถอนรับสั่งแล้วจับพวกมันตัดหัวให้หมด เร็วสิ”“แม่นาง เหตุใดข้าต้องฟังเจ้า เพียงเพื่อสตรีคนเดียว”“ฝ่าบาท พระองค์จะลองดูก็ได้นี่เพคะ”ชุนเหมยท้าทาย โดยการยกมีดขึ้นจ่อที่คอของหลินลี่เซียน""อย่า""ฟู่เว่ยหลง หลินซือเหยา ลั่วจิ่นหยาง ท่านหมอกวาน และองค์ชายห้าต่างร้องออกมาพร้อมกัน ชุนเหมยหันไปมองพวกเขาอย่างเกลียดชัง ไม่พอใจ และริษยา“นังงูพิษ เจ้านี่หว่านเสน่ห์ไปทั่วเลยจริงๆ นะ ใครๆ ต่างก็ร้องขอชีวิตให้เจ้า เจ้ามันมีดีอะไรกันนะ”“ท่านพ่อ ท่าน ท่านยังไม่ตาย ท่านพ่อ”“เซียนเซียน พ่อปลอดภัย พ่อไม่เป็นอะไร เจ้าอยู่นิ่งๆ นะ”“ฝ่าบาท ปล่อยท่านแม่ และท่านน้าข้าเดี๋ยวนี้ เร็วสิ