เสนาบดีหลิน หันมามองลู่ชิง แล้วถอนหายใจ อนุฉินเลี้ยงดูลูกคนนี้ด้วยการตามใจนางจนนางเสียนิสัย“ชิงชิง เจ้าก็กลับไปที่ห้องเจ้าเสียเถอะ คิดทบทวนคำพูด การกระทำของเจ้าเสีย คำพูดที่เจ้าพูดกับพี่ใหญ่ของเจ้าในวันนี้ ว่ามันสมควรออกมาจากปากเจ้าหรือไม่”ลู่ชิงมองหน้าลี่เซียนด้วยความแค้น สายตานางไม่ได้มีความสำนึกใด ๆ ลี่เซียนเองก็มองนางกลับแบบตั้งคำถามว่า “ยังมีปัญหาอีกงั้นเหรอ” ลู่ชิงกัดฟันและเดินออกจากห้องโถงไป พร้อมกับสาวใช้ของนางอีก 2 คน ที่เดินตามไป“พวกเจ้าแยกย้ายออกไปกันได้แล้ว” เสนาบดีหลินสั่งคนที่เหลือในห้องโถง ต่างแยกย้ายกันออกไป“เซียนเซียน ก่อนหน้านี้พ่อละเลยเจ้าไป ลำบากเจ้าแล้วนะ พ่อขอโทษเจ้าด้วย”“ท่านพ่อ ข้าไม่ตำหนิท่าน ภารกิจท่านมากมาย เรื่องในจวน ต่อไปข้าจะเรียนรู้กับพ่อบ้านหวังให้มาก เขาเป็นคนของท่านแม่ เขาย่อมรู้ดีว่าควรภักดีใคร”ลี่เซียนบอกกับท่านพ่อ เขาพยักหน้า“ชุดนี่ เจ้าเลือกได้ไม่เลวนี่ พ่อเกือบเชื่อเจ้าแล้ว”เข้าพูดพร้อมกับขำเบาๆ ให้ลูกสาว“ถ้าข้าเล่นไม่เนียน คนจะสงสัยเอานะเจ้าคะ” เสนาหลินงุนงง เนียนอะไร??“ออ ท่านพ่อเจ้าคะ วันนี้ข้าออกไปข้างนอกมา ข้ามีเพื่อนและร่วมทำงา
ฟู่ เว่ยหลงกำลังง้างสายธนู เล็งมาที่นางและโจรยืนอยู่ ลี่เซียนตกใจ นี่เขาไม่ได้คิดจะป้องกันตัวประกันเลย นี่เขาคิดจะฆ่าโจร และนางไปพร้อมกันจริงเหรอ โหดเหี้ยมเกินไปแล้ว ปกติ พระเอกก็ต้องมาช่วยนางเอกสิ ไหงมาฆ่าตายไปพร้อมโจร บทนี้ไม่ถูกต้อง หรือว่าข้าไม่ใช่นางเอกของเรื่องนี้ มีบทอยู่ 4 ฉากก็ตายไปงั้นเหรอ ไม่ๆๆ ฉันไม่ยอมเกมส์ง่ายๆ แบบนี้หรอกนะว่าแล้ว นางหาจังหวะที่โจรกำลังกลัวธนูที่เล็งมา ทำให้เขาคลายมีดที่จ่อคอลง ลี่เซียนจับมือเขาแน่น และ ดึงออกอย่างแรง นางใช้แรงเพื่อหมุนตัวออกจากวงมีดนั่นมาอยู่ด้านหลังโจรสำเร็จ และใช้เข่า ทุบไปที่ข้อต่อเข่าด้านหลังของโจร พร้อมกับบิดมือโจรจนได้ยินเสียงดัง แขนน่าจะเกือบหัก สุดท้าย นางก็กดโจรลงกับพื้น และแย่งมีดมาได้ พร้อมกับ“พี่ชาย แนะนำให้อยู่เฉยๆ นะ ไม่งั้น มีด อาจจะโดนคอท่าน” ลี่เซียนบอกโจรฟู่เว่ยหลงตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน สตรีผู้นี้ พึ่งจะจับโจรด้วยมือเปล่า เขาไม่เคยพบเจอสตรีเช่นนี้มาก่อน นางมีวรยุทธด้วยหรือ เขาสั่งทหารวิ่งเข้าไปจับโจรมาพร้อมกับควบม้าเข้าไปหา เขาเพียงมั่นใจในฝีมือการยิงธนูของเขา ที่ไม่เคยพลาดเป้าที่ยิง อย่าง
ฟู่เว่ยหลงรีบควบม้า มุ่งตรงไปที่สำนักหมอหลวงในวัง ที่นั่นมีเรือนรักษาและหมอหลวงของวังหลวงคอยดูแล เขาก้มล้มไปมองนาง แผลรอยมีดบาดที่คอนางไม่ลึกเท่าใดนัก แต่สาเหตุที่นางเป็นลม คงเพราะนางตกใจกับเหตุการณ์แบบนี้ สตรีที่บอบบาง สูงศักดิ์ นางเป็นถึงบุตรีอัครมหาเสนาบดีฝ่ายกลาโหม คงไม่เคยพบเจออะไรแบบนี้ เป็นปกติที่จะตกใจ ยิ่งเห็นแผลที่คอนาง เขาก็ยิ่งโกรธปกติ การสำเร็จโทษนักโทษที่แหกคุกก็ต้องตัดหัวอยู่แล้ว เพียงแต่วันนี้ นักโทษคนนี้ คิดจับนางเป็นตัวประกัน เขาไม่เคยโกรธมากขนาดนี้มาก่อน โกรธถึงขนาดฆ่าเจ้าโจรนั่น กลางตลาด แม้กระทั่งหมิงอี้ ยังตกใจกับการตัดสินใจของเขา แต่เขากลับไม่ใส่ใจ นี่มันยังน้อยไปด้วยซ้ำกับสิ่งที่เจ้าโจรชั่วนี่มันทำกับนาง เขาอยากจะเอาร่างนั่นมาสับเป็นหมื่นชิ้นเลยทีเดียวเขามองสาวน้อยในอ้อมแขนนั้น ครั้งเดียว ครั้งนี้ จะเป็นครั้งเดียวที่จะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ในเมืองหลวง เขาควบม้ามาถึงสำนักหมอหลวงแล้ว และรีบอุ้มนางเข้าไป หมิงอี้มาถึงก่อนหน้านี้ และแจ้งหมอไว้แล้ว ท่านหมอรออยู่ และให้เขาวางนางลงบนเตียงที่จัดไว้ให้“นางเป็นอย่างไรบ้างท่านหมอ”เขาถาม เมื่อท่านหมอทำแผลเสร็จ และเดินออกมา
รถม้าจอดหน้าจวนสกุลหลิน ก่อนที่หมิงอี้จะแจ้งลี่เซียนว่าถึงแล้ว นางค่อยๆ เดินลงจากรถม้า อาปิงวิ่งออกมารับคุณหนูหน้าจวน ลี่เซียนหันกลับไปของคุณหมิงอี้“คุณชายหมิง ขอบคุณที่มาส่งข้า เดินทางกลับดีๆ นะเจ้าคะ”ลี่เซียนบอกหมิงอี้ และขอตัวเดินเข้าไปในจวน หมิงอี้แปลกใจกับพฤติกรรมของนางยิ่งนัก นางคงตกใจกับเหตุการณ์วันนี้มาก แต่นางทิ้งโอกาสที่จะพบหน้าแม่ทัพฟู่ หรือคุณชายของเขา อีกทั้งยังรีบให้พานางมาส่ง ทันทีที่ฟื้นขึ้นมา ปกตินางต้องใช้โอกาสนี้ ถามเขาเรื่องคุณชายให้มากที่สุด ถามว่าเขาไปไหน ไปกับใคร อยู่ที่ไหน กลับเมื่อไหร่ ชอบกินอะไร แต่นี่ไม่เพียงไม่ถาม นางยังหลบหน้าคุณชายเขาอีกด้วย หรือว่า นางไม่กล้าจะสู้หน้าคุณชาย เพราะเรื่องที่ถูกปฏิเสธงานหมั้น เอาเป็นว่า กลับไปรายงานคุณชายก่อนก็แล้วกันจวนสกุลฟู่“อะไรนะ นางบ่นแค่ว่า พันเป็นอะไรนะ...” เขาถามหมิงอี้“มัม มัมนี่ หรือมัมมี่ อะไรนี่แหละขอรับ ข้าฟังไม่ถนัด"“มัมนี่ มัมมี่ มันคือสิ่งใดกัน”ข้าก็ไม่ทราบขอรับ นางแค่บ่นเบาๆ คุณชาย แต่ว่าแม่นางหลิน นางดูแปลกไปจริงๆ ขอรับ ตั้งแต่ตอนจับโจรด้วยมือเปล่ากลางถนนนั่น กับท่าทีวันนี้ นางไม่ถามถึงท่านเลยสักคำ
“อ้อ พี่เจียง ข้าขอเพลงของข้า ติดไปด้วยสัก 200 แผ่นได้มั้ยเจ้าคะ ไหนๆ ก็ไปแล้ว เผื่อเราจะได้ยอดขายเพิ่มเจ้าค่ะ”ลี่เซียนบอกเจียงเฉิง“ได้สิ ไม่มีปัญหา แต่ข้าเตรียมไปแล้ว 500 ชุดน่ะ แม่นางหลิน เจ้านี่หัวการค้าใช้ได้เลยนะ ไปกันเถอะ”รถม้าเคลื่อนตัวออกจากโรงพิมพ์สกุลเจียง มาถึงถนนอีกเส้นในเมืองหลวง และจอดหน้าร้านอาหารเล็กๆ ในย่านนั้น เจียงเฉิงลงรถม้า พร้อมกับลี่เซียน“ที่นี่คือร้านของเพื่อนข้า แม่นางหลิน เชิญเข้าไปข้างในก่อน พวกเขารออยู่”เจียงเฉิงบอก และพวกเขาก็เดินเข้าไป“พี่เฉิง ท่านมาแล้ว พี่ใหญ่ๆ พี่เฉิงมาแล้ว”สาวน้อยหน้าตายิ้มแย้มร้องเรียกเจียงเฉิงมาแต่ไกล“เฟยเฟย อาห่าวละ ข้าไปรอที่เดิมนะ”เจียงเฉิงบอกหญิงสาวผู้นั้นเหมือนเป็นเรื่องธรรมดาที่มาที่นี่“ได้ๆ เดี๋ยวข้ากับพี่ใหญ่ตามไป”“แม่นางหลิน เชิญ”“พี่เจียง ท่านเรียกข้าว่าลี่เซียน หรือเซียนเถอะเจ้าค่ะ จะได้เหมือนเป็นเพื่อนกันหน่อย” ลี่เซียนบอก นางรู้สึกคุ้นเคยกับเจียงเฉิง และในเมื่อทำธุรกิจด้วยกันแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องถือตัวอะไรมาก เดิมที นางก็ไม่ใช่คนถือตัวอยู่แล้ว“ได้ งั้นข้าเรียกเจ้าว่าน้องเซียนละกัน ไปกันเถอะน้องเซียน รอพวกเข
เจียงเฉิงได้รับคำสั่งให้เอาแผ่นเพลง มาแปะประกาศหน้าร้าน และให้คนงานในร้านแจ้งข่าวว่า อีก 1 ชั่วยาม จะมีการร้องเพลงโดยนักร้องหญิงที่ร้องเพลงนี้ ที่หออ้ายจือ และคนงานอีกส่วนก็จัดขายเนื้อเพลงครั้งก่อนก็จัดโต๊ะเพื่อวางขายเนื้อเพลง พร้อมแจ้งว่า หากซื้อวันนี้ จะได้แถมเครื่องดื่มในหออ้ายจือ 1 ชุด พร้อมเข้าชมการแสดงและฟังเพลงใหม่ของวันนี้ ทำให้ผู้คนนั้นสนใจกันอย่างมาก และต่างก็แย่งกันเพื่อจะซื้อ เหมือนกับจะเกิดจลาจล แต่เจียงเฉิงได้จัดให้มีโต๊ะจัดจำหน่าย และให้ต่อแถวซื้อ จึงเป็นระเบียบมากขึ้นฟู่เว่ยหลงและหมิงอี้ เห็นเหตุการณ์นั้นพอดี เขาให้หมิงอี้ไปสอบถามว่าเกิดอะไรขึ้น เหตุใดจึงมีการมุงดูกันมากมายเช่นนี้ หมิงอี้กลับมารายงานเขา ว่าอีก 1 ชั่วยาม จะมีการจัดแสดงการร้องเพลงของคุณหนูหลิน เขาเลยให้หมิงอี้เข้าไปจองโต๊ะสำหรับดูการแสดงนี้ น่าสนใจเพียงนี้เชียว เรียกคนเกือบครึ่งเมืองมารวมกันที่ได้ นี่นางตั้งใจจะทำอะไรกันแน่“คุณชาย ข้าได้มาแล้ว นี่ข้าได้มาอย่างยากลำบากเลยนะขอรับ คนจองจะเต็มแล้ว ขนาดทางร้านบอกว่าไม่มีที่นั่ง พวกเขาก็ยินดีจะยืนชม คุณหนูหลินนี่ไม่ธรรมดาจริงๆ ข้าแย่งมาได้ 1 โต๊ะ อยู่ชั้นลอย
เพลงแรกจบลงไป พร้อมกับการร้องร่วมกันของผู้คนทั้งหมด เมื่อเพลงจบแล้ว ทุกคนต่างปรบมือชอบใจ บางคนกระโดดดีใจ กอดกันราวกับเพื่อนเก่าที่พึ่งเจอกัน เป็นภาพที่น่าตื้นตันมากจริงๆ และเป็นภาพที่หาดูไม่ได้ง่ายๆ ในสังคมใหญ่อย่างเมืองหลวงของต้าซ่งแห่งนี้“ขอบคุณทุกๆ เสียงร้องของพวกท่าน วันนี้ ข้ามีเพลงใหม่มาฝากพวกท่าน และข้าจะมาร้องที่นี่ประจำ หากข้าจะแสดงวันไหน จะมีประกาศที่หน้าร้าน เพื่อแจ้งให้ทุกท่านทราบ ท่านสามารถมาจองที่นั่งเพื่อรับชมได้”“ทุกท่าน พร้อมหรือยัง ต่อไป เป็นเพลงใหม่ของวันนี้ เป็นเพลงที่บรรยายถึงหญิงคนหนึ่งที่คอยฝากความรักไปตามสายลม เพื่อให้ไปถึงชายที่นางรัก ไม่ว่าเขาจะเข้าใจหรือไม่ก็ตาม นางก็อยากจะฝากความคะนึงหานี้ ไปถึงชายผู้นั้น และไม่ว่าผ่านไปนานเท่าใด นางก็ตั้งใจรักมั่น เพียงชายผู้นี้ ผู้เดียว ลองฟังกันดูนะเจ้าคะ”แค่ฟังคำบรรยายเนื้อเพลง ทั้งร้านก็ดูจะฮือฮาเป็นอย่างมาก ทุกคนตั้งตารอฟังเพลงนี้เป็นที่สุด โดยเฉพาะหญิงสาวในหออ้ายจือที่ดูจะกระตือรือร้นอยากฟังมากเป็นพิเศษ“ให้ความคิดถึงของข้า ปลิวไปในอากาศ ล่องลอยให้ไกลแสนไกล”ม่านแดงค่อยๆ เปิดออก และเฟยเฟยเริ่มออกมาร่ายรำตามจังหวะเ
เมื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้ว ทั้งคู่ก็ออกมานั่งรอที่ห้องส่วนตัว ซึ่งตอนนี้เด็กๆ ยกอาหารมาให้ ลี่เซียนรู้สึกว่าอาหารที่นี่อร่อยหมดทุกอย่างเลย ลี่เซียนเรียกอาปิงให้มานั่งกินด้วยกัน แต่อาปิงบอกว่าไม่เหมาะ เนื่องจากมีเฟยเฟยอยู่ด้วย แต่เฟยเฟยเรียนรู้นิสัยของลี่เซียนแล้ว นางยิ่งรู้สึกนับถือพี่สาวคนนี้ยิ่งนัก นางไม่ถือตัวว่าเป็นคุณหนูสูงศักดิ์ และดูแลสาวใช้เป็นอย่างดี“พี่อาปิง อย่าได้เกรงใจเลย ท่านก็ถือว่าข้าเป็นสหายท่านอีกคนหนึ่งก็แล้วกันนะ มาเถอะ อาหารอร่อยๆ ทั้งนั้น กินหลายๆ คน จะได้อร่อย”เฟยเฟยเองก็นิสัยคล้ายลี่เซียนหลายส่วน ทั้งคู่เลยเข้ากันได้อย่างรวดเร็ว อาปิงรู้สึกทราบซึ้งน้ำใจของคุณหนูทั้ง 2 นางเดินมานั่งร่วมโต๊ะกับทั้งคู่ และทั้ง 3 ก็เริ่มจัดการอาหารบนโต๊ะ ระหว่างรอหนุ่มๆ จัดการกับยอดใบจองด้านล่าง หน้าที่ของพวกนางหมดแล้วตั้งแต่ลงเวที หลังจากนี้ เป็นหน้าที่ของพี่เฉิงและพี่ห่าว สาวๆ นั่งลิ้มรสอาหารอร่อย และอีกประมาณครึ่งชั่วยาม เจียงเฉิงและซีห่าวก็เดินเข้ามาในห้อง“เฮ้ออ วันนี้เหนื่อยสุดๆ ไปเลย แต่ก็คุ้มค่าสุดๆ เช่นกัน ขอบคุณพี่เฉิง ขอบคุณเซียนเซียนด้วย ข้า ไม่เคยเห็นแขกเยอะมากเท่
“ท่านพี่ ท่านแต่งตัวเสร็จหรือยังเจ้าคะ มาช่วยผูกที่คาดเอวให้ข้าทีสิ เว่ยหลง ท่านทำอะไรอยู่”“มาแล้วๆ ฮูหยิน เจ้าอย่าใจร้อนสิ ไหนดูสิ ท้องเจ้าเริ่มโตแล้ว เจ้าจะเดินทางโดยรถม้าอีกไม่ได้แล้วนะ วันนี้เป็นครั้งสุดท้ายแล้วนะ ต่อไปก็นั่งรอคลอดอยู่ที่จวนดีๆซะ”“เร็วเข้าๆ ท่านผูกให้ข้าหน่อย อาปิงกับอิ้นสี่ไปเตรียมของขวัญ เดี๋ยวจะไม่ทันแล้ว เว่ยหลง ท่านชักช้าอะไรอยู่”“ก็มัดอยู่นี่ไง เจ้าอย่าเร่งข้าสิ”ฟู่เว่ยหลงเร่งมัดสายคาดเอวให้ฮูหยินอย่างทุลักทุเล ช่วงนี้ท้องนางเริ่มโตขึ้น การแต่งตัวทำได้ยากกว่าเดิม นางมักจะหงุดหงิดง่ายเวลาเรียกหาใครแล้วมาหาช้า ช่วงนี้นางเจริญอาหารมากเป็นพิเศษ และก็ยังนอนมากเป็นพิเศษอีกด้วย ซึ่งทำให้เว่ยหลงพอใจยิ่งนัก แต่วันนี้ พวกเขาต้องไปร่วมยินดีในงานมงคลสมรสของเจ้าซีห่าวกับเสี่ยวหง และเจียงเฉิง กับเฟยเฟย ซึ่งพวกเขาตกลงหาฤกษ์ยามทันทีที่ตกลงกันได้ เนื่องจากฟู่ลี่เซียนท้องเริ่มโตขึ้นแล้ว จะไปงานพวกเขาลำบาก จะรอให้นางคลอดก่อนค่อยแต่ง สองหนุ่มก็รอไม่ไหว จึงรีบหาฤกษ์วันเดียวกันและแต่งพร้อมกันทีเดียวสองคู่เสียเลย“เสร็จแล้วๆ ไปกันได้แล้ว”“เดี๋ยวเจ้าค่ะ ข้ายังไม่ได้ใส่ต่างหูเล
“เฟยเฟย ข้ามีเรื่องจะคุยกับเจ้า”เฟยเฟยหันมาเห็นเจียงเฉิงที่กำลังเดินมา นางไม่ต้องการรับรู้เรื่องนี้ซ้ำอีก น้ำตานางไหลเป็นทาง เจียงเฉิงรู้แล้วว่าเขาคงมาช้าไป หลิวอี้เจินต้องพูดอะไรกับนางแน่ นางถึงขั้นหลั่งน้ำตา“เฟยเฟย รอข้าก่อน เฟยเฟย”หลิวอีเจินดึงเขาไว้“พี่เฉิงเจ้าคะ ปล่อยนางไปก่อนเถอะเจ้าค่ะ ข้ามีเรื่องจะคุยกับท่าน”“แม่นางหลิว เจ้าพูดอะไรกับนาง เหตุใดนางจึงร้องไห้”“ข้าก็แค่ บอกว่าผู้ใหญ่ของพวกเรากำลังคุยกันด้านใน เรื่องงานแต่งของเรา”“เหลวไหลทั้งเพ คุณหนูหลิว ข้าบอกเจ้าไปแล้วว่าข้าไม่ได้คิดอะไรกับเจ้า ข้าไม่มีทางแต่งงานกับคนอื่น”“แต่ท่านจะแต่งงานกับนางงั้นหรือ เจียงเฉิง ท่านไม่กลัวผู้อื่นนินทาหรืออย่างไร สมภารกินไก่วัด น่าไม่อาย”“ความรักของข้ากับเฟยเฟยเป็นของจริง มีเรื่องใดที่น่าไม่อาย ที่ไร้ยางอายนะ ใครกันแน่ ข้าไม่เคยไปตกลงว่าจะแต่งกับเจ้า แต่เจ้ากลับแต่งเรื่อง พูดขึ้นมาเองจนนางเข้าใจข้าผิด เจ้าต่างหากที่หน้าด้าน ไร้ยางอาย ขอตัว”“ท่านหยุดนะ!! ท่านมาว่าข้าเสียหายแบบนี้แล้วจะเดินหนีอย่างนั้นหรือ ท่านคิดว่าท่านเป็นใคร แค่พ่อค้าคนหนึ่ง ท่านมีอะไรสู้ตระกูลหลิวของข้าได้งั้นหรือ
หลังจากเหน็ดเหนื่อยจากการแสดงแล้ว ช่วงต่อไปก็เป็นช่วงที่มีการแสดงของโรงงิ้ว และแขกเหรื่อก็ทยอยเข้ามาแสดงความยินดีกันอย่างไม่ขาดสาย รวมถึง“คุณชายเจียง ข้ามาช้า โปรดอภัย”“ใต้เท้าหลิว ไม่เป็นไรขอรับ ยินดีต้อนรับ เชิญตามสบายขอรับ”“พี่เฉิง ยินดีด้วยนะเจ้าคะที่เปิดร้านใหม่ วันนี้ข้าตั้งใจมาหาท่านโดยเฉพาะเลยเจ้าค่ะ”เฟยเฟยหันไปมองเจ้าของเสียง สตรีหน้าตาน่ารัก ดูสูงศักดิ์ เรียกเขาว่าพี่เฉิงอย่างสนิทสนม“คุณหนูหลิว ขอบใจเจ้ามาก”เฟยเฟยหันไปมองหน้าเขา เจียงเฉิงจึงนึกขึ้นได้“ออ ลืมแนะนำไปขอรับ นี่ เจ้าเฟยเฟย น้องสาวเจ้าซีห่าว น้องรองของข้า หนึ่งในเจ้าของหออ้ายจือขอรับ”“เฟยเฟยคารวะใต้เท้าหลิว ฮูหยินหลิวเจ้าค่ะ ทุกทานเชิญตามข้ามาได้เลยเจ้าค่ะ ข้าจะไปหาที่นั่งใ ด้านล่างเต็มแล้ว เชิญชั้นสองดีกว่าเจ้าค่ะ”“พี่เฉิง พี่พาพวกเราไปก็ได้เจ้าค่ะ ไม่รบกวนแม่นางเจ้าแล้ว ขอบคุณ”แม่นางหลิวมองเฟยเฟย และเชิดใส่เล็กน้อย นางเดินไปเกาะแขนเจียงเฉิงให้เขาพานางไปเลือกโต๊ะ เฟยเฟยได้แต่เดินตามพวกเขาไปเงียบๆ เมื่อพวกเขาได้โต๊ะแล้ว เจียงเฉิงจึงนั่งกับพวกเขา เฟยเฟยเลยเดินเลี่ยงออกมาลี่เซียนเห็นเฟยเฟยเดินมาหงอยๆ นางจ
เสียงประทัดดังขึ้นหน้าหออ้ายจือหลังใหม่ พร้อมกับทุกคนที่มาร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีเปิดร้านใหม่ เต็มหน้าลานการแสดง เจียงเฉิงเป็นตัวแทนของร้านออกมากล่าวต้อนรับ“ยินดีต้อนรับแขกผู้มีเกียรติ ที่ได้สละเวลามาร่วมในงานเปิดร้านใหม่ของหออ้ายจือสาขาสองของพวกเรา วันนี้จะมีการแสดง ทั้งของเหล่าไอดอลหออ้ายจือของเรา และกลางคืนยังมีการแสดงงิ้ว และงานเทศกาลโคมไฟไปพร้อมๆกันด้วย ขอให้ทุกท่านมีความสุขกับงานในวันนี้ และที่สำคัญ เชิญทุกท่าน ร่วมรับประทานอาหาร เพื่อเป็นสิริมงคลแก่พวกเรา ทุกท่านเชิญ”แขกหน้าร้านทุกคนปรบมือ และทยอยเข้าไปนั่งภายในร้าน ซึ่งโอ่อ่า และกว้างขวางมาก โต๊ะเกือบ 50 โต๊ะ ทยอยเต็มอย่างรวดเร็ว ทั้งนี้ ด้านบนชั้นลอย จะเป็นที่สำหรับผู้หลักผู้ใหญ่ที่มาร่วมงาน เถ้าแก่อวิ๋นเองก็นั่งโต๊ะถัดไป และคอยช่วยเจ้าซีห่าวจัดแจงที่นั่งให้แขกผู้ใหญ่“พี่เจียง พี่ใหญ่ พี่สามมาแล้วเจ้าค่ะ”เฟยเฟยตะโกนเรียกทั้งสอง ซึ่งพวกเขารีบวิ่งออกไปต้อนรับนาง ฟู่เว่ยหลงค่อยๆพยุงลี่เซียนลงมาจากรถม้า“น้องสามๆๆ คอยๆเดิน ระวังๆหน่อย หลานข้าอยู่ในท้องเจ้า จะเดินไปไหนต้องระวังหน่อย”“พี่รอง ข้ารู้แล้วเจ้าค่ะ ท่านว่าเว่ยหลงจะย
จวนสกุลฟู่“คำนับฟ้าดิน”“คำนับบุพการี”“คำนับกันและกัน”“ส่งตัวเข้าหอ”อาปิงและอิ้นสี่ พาหลินลี่เซียนเดินไปที่ห้องหอที่จัดเตรียมไว้สำหรับพิธีสมรสพระราชทานของท่านเม่ทัพหลวงคนใหม่ และฮูหยินแม่ทัพฟู่“อาปิง ข้าหิวจนไส้จะขาดอยู่แล้ว มีอะไรให้ข้ากินได้บ้างมั้ย”“ฮูหยินเจ้าคะ รอสักครู่นะเจ้าคะ ข้าจะเอาขนมมาให้ท่าน แต่ท่านอย่าเปิดผ้าคลุมหน้านะเจ้าคะ จะเสียฤกษ์ ต้องรอให้ท่านแม่ทัพเปิดนะเจ้าคะ”“รู้แล้วๆ รีบไปหาของกินมาทีเร็ว กว่าเว่ยหลงจะเข้ามาอีกนาน เขาต้องรับแขกข้างนอกอีก ป่านนั้นข้าหิวตายอยู่ตรงนี้แหละ”อาปิงรีบออกไปยกขนมมาให้หลินลี่เซียนกิน อิ้นสี่รินน้ำชาส่งให้นางใต้ผ้าคลุมเพื่อให้นางดับกระหาย“อา ค่อยยังชั่วหน่อย นี่ หลังจากนี้ ต้องทำอะไรอีกล่ะ”“ก็รอให้เจ้าบ่าวเข้ามา เปิดผ้าคลุมหน้า ดื่มเหล้ามงคล แล้วก็... เข้าหอเจ้าค่ะ”“ข้าง่วงจังเลย”“ฮูหยิน ท่านจะนอนพักก่อนมั้ยเจ้าคะ แค่นั่งพิงหลับน่าจะได้”“อืม ข้าขอพักสักงีบ พวกเจ้าออกไปเถอะ”“เจ้าค่ะ”หลินลี่เซียนนั่งพิงกับขอบเตียง หลังจากที่กินขนมไป นางรู้สึกง่วงมากเพราะเตรียมตัวมาตั้งหลายวัน และวันนี้ก็ต้องตื่นแต่เช้า เพื่อเข้าพิธีอีก กว่าจะแ
ลี่เซียนตื่นขึ้นมา พบว่านางสวมใส่ชุดนอนเรียบร้อยแล้ว คงเป็นเพราะพ่อคนดีข้างๆ นางนี่เอง ที่จัดการให้ นางยิ้มและก้มหอมแก้มเขาเบาๆ เขาลืมตาขึ้นมา“เจ้าตื่นแล้วหรือ ยังเจ็บแผลอยู่หรือไม่”“ไม่แล้วเจ้าค่ะ เมื่อคืน ท่านใส่ยาและสวมเสื้อผ้าให้ข้าหรือเจ้าคะ”“ใช่ เจ้าลุกไหวหรือไม่ ให้ป้าจางยกข้าวมาให้กินที่นี่ก็แล้วกันนะ”“วันนี้ท่านจะไปไหนหรือเปล่าเจ้าคะ”“ข้าจะเข้าวังหน่อย เจ้ามีอะไรหรือเปล่า”“เปล่าเจ้าค่ะ งั้นข้าจะรอฟังข่าวอยู่ที่นี่นะเจ้าคะ ท่านลุกเถอะเจ้าค่ะ ไปอาบน้ำ เตรียมเข้าวังได้แล้ว”“ได้สิ เจ้าจะอาบน้ำเลยหรือไม่ ข้าจะได้ให้อาปิงเตรียมน้ำยาแช่ตัวให้”“เจ้าค่ะ ขอบคุณนะเจ้าคะ”เว่ยหลงก้มลงจูบที่หน้าผากนาง วันนี้เขาจะเข้าวังไปสะสางงานที่เหลือจากเมื่อวาน และไปฟังข่าวด้วย ที่สำคัญ วันนี้มีการกำหนดโทษของสนมฉิน ฉืนอี้เหนียงและฉินชุนเหมยด้วยพวกเขากินข้าวเช้าในห้องของลี่เซียนเสร็จแล้ว นางเดินมาส่งเขาหน้าจวน เขาหันมาบอกนาง“รอข้านะ เดี๋ยวข้าก็กลับ”“ไม่มีอะไรต้องห่วงแล้วนี่นา ท่านไปเถอะเจ้าค่ะ ข้าอยู่ได้”เว่ยหลงส่งยิ้มให้นาง ก้มลงหอมแก้มข้างที่ไม่มีผ้าปิดแผล และหันกลับไปขี่ม้าเพื่อเข้าวัง ล
เขาถามนางด้วยเสียงแหบพร่าเต็มที ถึงนางจะบอกว่าเจ็บ ตอนนี้ เขาก็คงไม่อาจควบคุมอารมณ์ได้อีกต่อไปแล้ว ลี่เซียนใช้มือน้อยๆ ล้วงลงไปหาท่อนแข็งแรงที่ใต้น้ำ ที่ดันนางอยู่ตอนนางเบียดเข้าไปเมื่อครู่ ตอนนี้ นางถือเอาไว้และค่อยๆ ขยับเข้าออกช้าๆ“อาาา เซียนเซียน อย่า ข้าเตือนแล้วนะ อาาาาา หากเจ้าไม่หยุดตอนนี้ ข้า อาาา”เว่ยหลงครางเสียงกระเส่า เขาไม่เคยถูกกระตุ้นแบบนี้มาก่อน เขารู้สึกวูบวาบประหลาดอย่างที่อธิบายไม่ถูก แต่รู้สึกดีมาก ลี่เซียนไม่เพียงไม่หยุด นางยังใช้ลิ้นน้อยๆ เลียไปที่แผงอกของเขาเบาๆ สร้างรอยจ้ำแดงๆ ไปทั่วพร้อมส่งเสียงครางเพื่อกระตุ้นอารมณ์เขา เมื่อนางเริ่มเลียที่ยอดอกของเขา เว่ยหลงถึงกับร้องครางเสียงไม่เป็นภาษา“อาาา เจ้าา ข้าเตือนเจ้าแล้ว อย่าหาว่าข้าใจร้ายนะเซียนเซียน”เขาดันนางออก และอุ้มนางขึ้นจากอ่างน้ำทันที และพานางขึ้นมา และใช้ผ้าคลุมตัวให้นางเช็ดตัว และอุุ้มนางเข้าห้องไปทันที…ลี่เซียนกอดคอเขา และดันตัวเองไปจูบที่ปากอวบอิ่มของเขา เขาตกใจที่นางรุกไม่หยุด เกิดอะไรขึ้นกับนางกัน แต่เขาเองก็ห้ามอารมณ์รักนี้ไม่ไหวแล้วเช่นกัน เขาวางนางลงบนเตียงนุ่ม และดึงผ้าที่ห่อตัวนางออกทันที เข
ฟู่เว่ยหลงพาหลินลี่เซียนมายังสำนักหมอหลวงเพื่อตรวจอาการและรักษาแผล เขาขอเช็ดตัวและเปลี่ยนเสื้อผ้าให้นางก่อน หมอกวานจึงให้คนไปเรียกนางกำนัลมาช่วย แต่ฟู่เว่ยหลงบอกว่าเขาจะทำเอง ท่านหมอเลยให้นางกำนัลเตรียมของและชุดใหม่มาให้ลี่เซียนเปลี่ยนฟู่เว่ยหลงถอดชุดของนางออกอย่างเบามือ ตัวของลี่เซียนมีรอยฟกช้ำไปทั้งตัว เมื่อกี้เขาได้ยินว่านางบอกว่าอย่างไรนะ นางถูกรุมกระทืบอย่างนั้นหรือ เขาค่อยๆ เช็ดตัวนางอย่างเบามือ นางขยับตัวสะดุ้งเล็กน้อยเพราะความเจ็บ เขากัดกรมแน่น เขาจะต้องเอาคืนคนพวกนี้ให้สาสม ไม่ว่ามันจะเป็นใคร เขาจะต้องจัดการให้หมดเขาสวมชุดใหม่ให้นางเสร็จแล้วจึงเรียกท่านหมอมาตรวจให้นาง เขาเดินมาบอกอี้หมิง“เจ้าไปตามสืบหา คนที่ทำร้ายนางมาให้ครบหมดทุกคน อย่าได้ขาดไปแม้แต่คนเดียว”“ขอรับคุณชาย”ท่านหมอเดินออกมาแล้ว เขาแจ้งอาการให้เว่ยหลงทราบ“คุณหนูหลินมีแผลฟกช้ำแค่ภายนอก ไม่ได้รุนแรงอะไร เพียงแค่อากาศในคุกนั้นอับชื้นและสกปรก ทำให้นางที่ร่างกายพึ่งพักฟื้นได้ไม่นาน พอเจออากาศแบบนี้ ทำให้ไข้กลับมา อีก 2-3 วันก็ดีขึ้น ข้าจะจัดยาแก้ไข้ แก้ช้ำใน ร้อนใน รักษาภายใน และสมุนไพรแช่ตัวเพื่อรักษาบาดแผลภายน
ชุนเหมยพาหลินลี่เซียนเดินขึ้นมาช้าๆ พร้อมเอามีดจี้ที่คอนางไว้ ฟู่เว่ยหลงตกใจที่เห็นนาง“เซียนเซียน แม่นางฉิน อย่านะ อย่าทำอะไรนาง”“ท่านกล้าขอร้องข้าเชียวเหรอ ท่านแม่ทัพ ตอนนี้ท่านขอร้องเป็นแล้วหรือ เมื่อกี้ท่านยังปากดีอยู่เลยนี่ แค่นังแพศยานี่คนเดียว ทำให้ท่านกังวลใจได้ถึงเพียงนี้เชียวเหรอ”หลินลี่เซียนส่งสายตาให้เขาว่าอย่า เพราะสายตาของลีเซียน ไม่ได้บ่งบอกว่านางกังวล“ฮ่าๆๆๆๆ ดีมาก ชุนเหมย หลานน้า ดีๆๆ ฝ่าบาท ถอนรับสั่งสิ ถอนรับสั่งแล้วจับพวกมันตัดหัวให้หมด เร็วสิ”“แม่นาง เหตุใดข้าต้องฟังเจ้า เพียงเพื่อสตรีคนเดียว”“ฝ่าบาท พระองค์จะลองดูก็ได้นี่เพคะ”ชุนเหมยท้าทาย โดยการยกมีดขึ้นจ่อที่คอของหลินลี่เซียน""อย่า""ฟู่เว่ยหลง หลินซือเหยา ลั่วจิ่นหยาง ท่านหมอกวาน และองค์ชายห้าต่างร้องออกมาพร้อมกัน ชุนเหมยหันไปมองพวกเขาอย่างเกลียดชัง ไม่พอใจ และริษยา“นังงูพิษ เจ้านี่หว่านเสน่ห์ไปทั่วเลยจริงๆ นะ ใครๆ ต่างก็ร้องขอชีวิตให้เจ้า เจ้ามันมีดีอะไรกันนะ”“ท่านพ่อ ท่าน ท่านยังไม่ตาย ท่านพ่อ”“เซียนเซียน พ่อปลอดภัย พ่อไม่เป็นอะไร เจ้าอยู่นิ่งๆ นะ”“ฝ่าบาท ปล่อยท่านแม่ และท่านน้าข้าเดี๋ยวนี้ เร็วสิ