“ช่างน่าเสียดายจริง ๆ สาวน้อยคนนี้ต้องมาตายเพราะเขี้ยวของหมาป่า”“เธอรนหาที่ตายเอง จะทำไงได้ล่ะ?”หมาป่ายักษ์อยู่ตรงหน้าในระดับที่ใกล้จนฉันได้กลิ่นเหม็นเน่าในปากของมัน พริบตา ฉันก็ตะโกนเสียงดังแล้วหลับตาลงยกมือขึ้นกดลงที่หัวมันยันต์สีชาดเปล่งแสงสีทองสว่างโชติช่วงออกมา มันสาดแสงโดนดวงตาทั้งสองข้างของหมาป่ายักษ์ตรง ๆ ทันใดนั้นแสงสีขาวก็สว่างวาบขึ้นตรงหน้า ทุกคนต่างเห็นเพียงสีขาวและรู้สึกเหมือนดวงตาจะบอดไปชั่วขณะ เมื่อรอจนมองเห็นอะไรชัดเจนขึ้น จึงพบว่าฉันมาถึงด่านที่สามแล้ว“เอ๋? หล่อนผ่านด่านที่สองแล้วเหรอ?”“หล่อนผ่านมาได้ไง? ไม่เห็นเข้าใจเลย?”ขณะเดียวกัน เจ้าอ้วนลู่ที่อยู่ในศาลาก็เบิกตากว้าง ใบหน้านั่นเต็มไปด้วยความไม่อยากเชื่อผู้บําเพ็ญเพียรขั้นที่หนึ่งระดับกลางจะฝ่าผ่านด่านที่สองได้อย่างไรกัน? นี่มันไม่สมเหตุสมผลเลย!ถังหมิงหลีเองก็ประหลาดใจมาก หรือว่า…ท่านผู้อาวุโสในนั้นชี้แนะเธออีกแล้ว?ส่วนสวี่หยางก็ไม่พูดไม่จา ราวกับกําลังครุ่นคิดอะไรบางอย่างอีกด้านหนึ่ง ภายในห้องใต้หลังคาที่อยู่ไกลออกไป แววตาของหยินเฉิงเหยาดูลึกซึ้ง เหล่าหลี่จึงเอ่ยถาม “นายน้อยครับ คุณหยวนท่านนี้เห
จนกระทั่งถึงวันนั้น วันที่ฉันโดนคนทายาทคนรวยรุ่นสองวางยาจนสลบไป และพวกเขาก็พาฉันไปส่งที่เตียงของหยินเฉิงเหยาในตอนนั้นฉันไม่มีสติเหลือแล้ว ดังนั้นฉันจึงจำเรื่องราวที่เกิดขึ้นในคืนนั้นไม่ได้ แต่ความรู้สึกหลังตื่นขึ้นมายังปรากฎชัดเจนอยู่ในใจจนถึงตอนนี้น้ำเสียงทุ้มต่ำที่อ่อนโยน ทุกจูบ และทุกการเคลื่อนไหวนั้นเป็นเหมือนกับคำสาปที่ทำให้ฉันรู้สึกอับอายและเจ็บปวดอย่างที่สุด“อ๊ะ!” ฉันเอามีดสั้นขึ้นมาฟันไปในอากาศอย่างบ้าคลั่งถังหมิงหลีตกใจมากและหันไปถามเจ้าอ้วนลู่ว่า “นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”“ด่านนี้คือปีศาจในใจ” เจ้าอ้วนลู่พูดขึ้น “เมื่อก่อน ผู้ที่มีพลังแข็งแกร่งจำนวนมากสามารถทะลุผ่านด่านก่อนหน้านี้ได้อย่างง่ายดาย แต่เมื่อมาถึงด่านนี้ ความพยายามที่ทุ่มเทไปล้วนสูญเปล่า”ถังหมิงหลีขมวดคิ้ว “ถ้าไม่สามารถทะลุผ่านด่านนี้ไปได้จะเป็นยังไง?”“คนที่ผ่านด่านแรกจนมาถึงด่านที่เจ็ด แต่ไม่สามารถผ่านปีศาจในใจของตัวเองได้ จะเสียสติและกลายเป็นคนไม่มีสมอง” เจ้าอ้วนลู่ส่ายหัว “อนิจจา น่าเสียดายจริง ๆ”ถังหมิงหลีกำหมัดแน่นด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียด ถ้าเป็นด่านอื่นเขายังสามารถใช้อาวุธวิเศษระเบิดค่ายกลนี่และช่
หยินเฉงเหยาพูดด้วยสีหน้าที่เย็นชา “ห้ามทำอะไรบุ่มบ่ามเป็นอันขาด”“ครับ” เหล่าหลี่รีบก้มหน้าลงทันที หัวใจของเขาเต้นเร็วเหมือนกำลังตีกลอง ความกดดันที่คุณชายใหญ่ท่านนี้มอบให้เขานั้นมีมากกว่าความกดดันเมื่อต้องเผชิญหน้ากับราชันย์แห่งหุบเขาเสียอีก จากนี้เขาต้องทำงานหนักและระมัดระวังให้มากกว่าเดิมพวกเราเดินตรงไปขึ้นรถไฟความเร็วสูงกลับเมืองซานเฉิงทันที แต่พอขึ้นรถไฟฉันก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ ราวกับว่ามีดวงตานับไม่ถ้วนจ้องมาที่พวกเรา“หมิงหลี” ฉันเรียกเขาเสียงต่ำ เขาซื้อกาแฟสองแก้วและผลักมันมาที่ข้างหน้าฉัน “วางใจเถอะ มีฉันอยู่ทั้งคน”ฉันจับแก้วกาแฟไว้แน่น ในใจรู้สึกกังวลเล็กน้อยรถไฟแล่นเข้าไปในอุโมงค์ยาว พลันมีเสียงตบมือสองครั้ง และไฟทั้งหมดในขบวนรถก็ดับลงทันที ถังหมิงหลีจึงเอ่ยบอกเสียงเรียบ “อย่าขยับ”จากนั้นการต่อสู้และเสียงกรีดร้องก็ดังขึ้นในความมืด เมื่อไฟสว่างขึ้นอีกครั้ง ก็พบว่าถังหมิงหลียังคงนั่งอยู่ตรงข้ามฉันเหมือนเดิม ใบหน้าของเขาไร้รอยแดงช้ำ การหายใจปกติไม่หอบเหนื่อย และร่างกายของเขาก็ไม่มีรอยเลือดติดตามตัวเลยแม้แต่น้อย มือหนาถือถุงลูกอมเอาไว้ พลางเผยยิ้มกว้างออกมา “ต้อง
ร่างเล็กพยักหน้ารับคำ ยังไงฉันก็ไม่คิดจะพูดออกไปอยู่แล้วเขาเผยรอยยิ้มออกมาและกอดฉันไว้ในอ้อมแขน “จุนเหยา เธอวางใจได้เลย ฉันจะไม่ทำให้เธอผิดหวังอย่างแน่นอน”ฉันตบที่หลังของเขาเบา ๆ “ฉันเชื่อนาย”เขามองมาที่ฉันอย่างลึกซึ้งราวกับกำลังมองดูสมบัติอันล้ำค่าอะไรบางอย่าง ดวงตาคู่นี้ช่างร้อนแรงจนทำให้ฉันเคอะเขิน“นายพึ่งจะผ่านการเลื่อนขั้น ดังนั้นนายจำเป็นต้องใช้เวลาเพื่อทำให้เสถียรภาพร่างกายสมบูรณ์” ฉันพูดขึ้น “ไปแช่น้ำยาก่อนเถอะ”ฉันพาเขาไปแช่น้ำยาแล้วเริ่มมองหาสถานที่ในการไลฟ์สดครั้งต่อไป ทว่ากลับมีเสียงเคาะประตูดังขึ้นเสียก่อนแปลกมาก ใครกันมาเคาะประตูบ้านคนอื่นในเวลาแบบนี้?ร่างบางลุกขึ้นไปเปิดประตู ปรากฎว่าเป็นเสี่ยวหลินและเย่เซียนหลัวฉันเชิญให้พวกเขาเข้ามา พลันใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มของเสี่ยวหลินก็ถามขึ้นว่า “จุนเหยา คุณจะเริ่มไลฟ์สดอีกแล้วใช่ไหม?”ฉันถามกลับอย่างสงสัย “พวกคุณเจอกับคดีความที่แก้ไขไม่ได้อีกแล้วเหรอ?”“โธ่เอ้ย” พวกเขาทั้งคู่คงจะรู้สึกอายเล็กน้อย “จุนเหยา พวกเรากำลังหาหัวข้อให้คุณอยู่ต่างหากล่ะ”ฉันมองพวกเขาด้วยสายตาที่ว่างเปล่า “จะให้ฉันทำคดีอะไร?”เสี่ยว
“รวมทั้งหมดตอนนี้มีสี่สิบเจ็ดคน” เสี่ยวหลินรายงาน คนพวกนี้เหมือนกับน้องชายของฉันที่นอนเป็นผักไม่ได้สติ มือเรียวจับชีพจรพวกเขา อย่างที่คาดไว้จิตสำนึกของพวกเขานั้นว่างเปล่าและวิญญาณก็ไม่ได้อยู่กับร่างแล้วเมื่อวิญญาณตาย ร่างกายก็จะเน่าเปื่อยไปอย่างรวดเร็วเราออกจากโรงพยาบาลแล้วรีบไปยังถนนทางหลวงคดเคี้ยวรอบภูเขาในทันที ที่นี่มีทิวทัศน์ที่สวยงาม แต่มีบรรยากาศที่อึมครึมแพร่กระจายห้อมล้อมไปทั้งภูเขาฉันเริ่มรู้สึกประหลาดใจ รถบัสคันเล็ก ๆ คันหนึ่งมีผู้ประสบอุบัติเหตุเพียงสี่สิบกว่าคน มันก็แค่อุบัติเหตุ ไม่ใช่การฆาตกรรมอย่างโหดร้าย ทำไมถึงได้มีพลังมืดมากขนาดนี้?“ที่นี่แหละ” เสี่ยวหลินชี้ไปที่ราวรั้วเหล็กที่ชำรุดจุนเหยามองลงไปด้านล่าง พลันเอ่ย “ฉันอยากลงไปดู”ถังหมิงหลียิ้มบาง “ฉันจะพาเธอลงไปเอง”พูดจบเขาก็คว้าเอวฉันและหันหลังกระโดดลงไปด้านล่างทันทีฉันตกใจมากจนแทบพูดไม่รู้เรื่อง “นาย นาย นายจะทำอะไร?”ถังหมิงหลีทิ้งตัวลงบนต้นสนใหญ่บริเวณหน้าผาอย่างมั่นคง ก่อนจะจับเถาวัลย์ที่พันรอบต้นไม้ แล้วกระโดดไปบนต้นไม้อีกต้นหนึ่ง ตลอดทางที่ลงมาช่างง่ายดายเหมือนเดินบนพื้นดินฉันยังตกใจไม่หาย
ฉันยิ้มอย่างขมขื่น “แม้แต่หน้าตาของมันพวกเรายังไม่เห็นเลย การที่เราหนีหัวซุกหัวซุนออกมาขนาดนี้ คุณคิดว่ามันจะแข็งแกร่งขนาดไหนล่ะ?”“หรือว่าจะเป็น...ผีชั่วร้าย?” เย่เซียนหลัวพูดปนสงสัยฉันเงียบไปครู่หนึ่งแล้วพูดขึ้นว่า “มีพลังมืดมากขนาดนั้น ไม่แน่ก็อาจจะเป็นผีพยาบาทไปแล้ว แต่ถ้าไม่ใช่ ก็คงไม่ร้ายไม่ต่างกันหรอก”เสี่ยวหลินสูดหายใจเข้าลึก ๆ “ถ้าเป็นผีระดับนั้น เกรงว่าผมคงต้องขอให้ข้างบนส่งคนมาแก้ไขปัญหาแล้วสิ”ซินนาบาร์พิเศษที่ฉันกลั่นถูกใช้หมดแล้ว แต่โชคดีที่ฉันได้เห็ดก้านทองมาเยอะมาก ถือว่าการเสี่ยงภัยครั้งนี้ไม่ขาดทุนส่วนผีในถ้ำนั้น ตอนนี้ฉันอ่อนแอเกินกว่าจะรับมือไหว ดังนั้นควรให้คนระดับปรมาจารย์จัดการดีกว่าผ่านไปสองสามวัน ฉันก็ลืมเรื่องนี้ไปหมดแล้ว ร่างบางซื้อวัตถุดิบยามาจำนวนมากและเริ่มกลั่นชินนาบาร์พิเศษใหม่ อีกทั้งยังกลั่นยาคืนชีพสำเร็จไปแล้วด้วย แต่น่าเสียดายที่วัตถุดิบยาเพียงพอสำหรับการกลั่นแค่เตาเดียวเท่านั้น ซึ่งอัตราความสำเร็จมีแค่ห้าเม็ด และทั้งห้าเม็ดล้วนเป็นแค่ยาเม็ดระดับกลางตอนนั้นฉันไม่รู้ว่า ปัจจุบันมีเพียงหุบเขาโอสถราชันเท่านั้นที่กลั่นยาคืนชีพได้ และอัตราความ
หรือว่าจะเกิดเรื่องขึ้นกับถังหมิงหลี?ฉันต่อยตัวล็อคประตูและผลักประตูออก ขาเรียวรีบวิ่งเข้าไปพร้อมกวาดสายตามองไปรอบ ๆ ที่ประตูห้องน้ำมีพลังมืดหนาแน่นมาก ฉันจึงยกดาบไม้ท้อขึ้นแล้วเตะประตูด้านหน้าอย่างแรงก่อนจะเบิกตากว้างอย่างตะลึงภาพด้านหน้าคือ ถังหมิงหลีที่กำลังใช้ผ้าขนหนูเช็ดผมอยู่ในห้องน้ำฉันยืนนิ่งอยู่สองวินาที พลันรีบหันหลังกลับมาเอ่ยอย่างตะกุกตะกัก “ขอ ขอ ขอโทษ ฉัน ฉัน ฉันไม่ได้...”เขายิ้มขำ “เธอเป็นห่วงฉันเลยรีบมาที่นี่สินะ?”“เมื่อกี้ฉันโทรมาแล้วได้ยินเสียงกรีดร้องจากโทรศัพท์ของนาย...”“เมื่อกี้ผีตัวนั้นพุ่งเข้ามาโจมตีฉัน แต่มันโดนฉันจัดการจนหนีไปแล้ว” เขาก้าวมาทีละนิด และหยุดยืนอยู่ข้างหลังฉัน ร่างเล็กสัมผัสได้ถึงพลังความร้อนที่แผ่ออกมาจากร่างกายของชายหนุ่ม “อย่าดูถูกฉัน ตอนนี้ฉันเป็นนักรบระดับหัวจินแล้ว”ตาของฉันกระตุกสองครั้ง ในเมื่อนายเป็นนักรบหัวจิน ตอนที่ฉันเดินเข้าประตูมาก็ต้องสังเกตเห็นแล้วไม่ใช่เหรอ ทำไมยังไม่รีบใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อยอีก? มายืนให้ฉันเห็นสิ่งที่ไม่ควรเห็นแบบนี้ เดี๋ยวฉันก็เป็นตากุ้งยิงหรอก“เธอเป็นห่วงฉันขนาดนั้นเลยเหรอ?” เขายิ้มที่มุมปากพล
ดูเหมือนว่าฉันจะคิดอะไรบางอย่างได้กะทันหัน “แต่เดี๋ยวก่อน เดี๋ยวก่อนนะ ผู้โดยสารที่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุครั้งก่อนมีทั้งหมดสี่สิบสองคนใช่ไหม?”“สี่สิบสามคน อย่าลืมคนขับอีกหนึ่งคนสิ” ถังหมิงหลีเตือนสติฉัน“แถมยังมีคนที่ถูกดูดวิญญาณไปอีกสี่สิบเจ็ดคน” ฉันคิดอย่างรอบคอบ “สี่สิบสามบวกกับสี่สิบเจ็ดเท่ากับห้าสิบเอ็ดคนพอดี ฉันว่ามันต้องการรวบรวมวิญญาณทั้งหมดเก้าสิบเก้าดวง”ตามตำนานว่ากันว่า หลังจากที่ผีชั่วร้ายดูดวิญญาณครบเก้าสิบเก้าดวง มันสามารถเลื่อนขั้นเป็นวิญญาณแค้นได้อย่างราบรื่น! แต่วิธีนี้ร้ายกาจอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ ถ้าในอนาคตมันได้เลื่อนขั้นเป็นผีที่ร้ายกาจขึ้น มันคงจะทำได้ทุกอย่าง ไม่เว้นกระทั่งควบคุมความตายของผู้อื่นตั้งแต่สมัยโบราณจนถึงปัจจุบัน ยังมีผีชั่วร้ายจำนวนนับไม่ถ้วนที่ยอมเสี่ยงอันตราย เมื่อเข้าตาจนอยู่เยอะมาก“แย่แล้ว!” ฉันพูดอย่างตกใจ “ฉันทำให้มันบาดเจ็บหนัก และเพื่อการรักษาตัวกับการเลื่อนขั้น มันจะต้องฆ่าคนอย่างไร้ความยับยั้งชั่งใจแน่ ๆ เร็วเข้าหมิงหลี พวกเราต้องรีบไปที่ถนนทางหลวงคดเคี้ยวรอบภูเขาเพื่อหยุดมัน”ถังหมิงหลีรีบวิ่งไปเอารถออกจากโรงรถอย่างไว ไม่นานลัมโบ
เธอหยุดชั่วคราวและกล่าวอย่างยิ้ม ๆ อีกครั้งว่า “ฉันยังมีคำขอที่ไม่สมเหตุสมผลอีกข้อหนึ่ง หวังว่าคุณหยวนจะตกลง”“เรื่องอะไรเหรอคะ?” ฉันไม่พอใจเล็กน้อยกับสายตาที่มีความดูถูกเหยียดหยามของเธอ แต่ฉันก็ยังถามอย่างเก็บอารมณ์เธอพูดว่า “ในการไลฟ์สดครั้งนี้ มีบางฉากที่ทำให้คนอื่นเข้าใจผิดได้ง่าย ฉันอยากให้คุณหยวนได้โปรดอธิบายให้ผู้ชมฟังในการไลฟ์สดครั้งต่อไปด้วย เพื่อไม่ให้คนอื่นเข้าใจลูกเทียนของเราผิด”ใจของฉันสงบลงและรอยยิ้มบนใบหน้าได้เปลี่ยนเป็นไม่เต็มใจเล็กน้อย “คุณนายเสวีย การไลฟ์สดของฉันเป็นการไลฟ์สดจับผีไม่ใช่การไลฟ์สดเกี่ยบกับความรู้สึก”คุณนายเสวียพูดอย่างสุภาพแต่ไม่ยอมปฏิเสธ “ฉันก็กลัวว่าจะทำลายชื่อเสียงของคุณเหยาเหมือนกัน ถึงอย่างไรคุณก็เข้าใจสถานะของตระกูลเราในเมืองจินหลิงชัดเจนอยู่แล้ว ถ้าเกิดทำให้คนอื่นเข้าใจคุณเหยาผิดว่าประจบและแอบอิงผู้มีอิทธิพลก็คงจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่”สีหน้าของฉันเย็นลงมา นี่เป็นการเปลี่ยนวิธีที่จะบอกว่าฉันกำลังประจบและแอบอิงผู้มีอิทธิพลฉันยิ้มจาง ๆ “คุณนายเสวีย ไม่รู้ว่าคุณชายเสวียเคยบอกคุณไหมว่าฉันเป็นคนรักษาอาการป่วยของเขาให้หายดี”คุณนายเสวียตะลึงไปคร
ยังไม่ถึงสองวัน ชาวเน็ตผู้หญิงที่ซื้อสบู่ทำมือเหล่านี้ไปก็มาโพสต์ที่หมวดยา พวกเธอพูดอย่างตื่นเต้นว่าสบู่ทำมือนี้ใช้ดีมาก ๆ พึ่งจะใช้ไปไม่กี่วันสภาพผิวก็ดีขึ้นมาก ริ้วรอยตรงขอบตาและมุมปากต่างก็ตื้นขึ้นเยอะด้วยมีหญิงสาวนักรบสายขาวคนหนึ่งบอกว่าบนใบหน้าของเธอมีสิวเยอะมาก เมื่อก่อนนี้เธอใช้เครื่องประทินผิวเยอะเยอะหลายชนิด แต่ก็ไม่ได้ผล และนั่นทำให้เธอเป็นทุกข์มาก ๆ แต่หลังจากที่เธอได้ใช้สบู่ทำมือ สิวบนใบหน้าของเธอก็หายไป และไม่มีวี่แววว่าจะเกิดขึ้นมาอีก เธอยังปล่อยภาพเปรียบเทียบก่อนและหลังออกมาเป็นพิเศษอีกด้วยในไม่ช้า สบู่ทำมือนี้ก็ถูกอัปโหลดลงบนนักเล่นแร่แปรธาตุเน็ตเวิร์กทั้งหมด และนักเล่นแร่แปลธาตุผู้หญิงจำนวนมากต่างก็ฝากข้อความต้องการจะซื้อไว้ทางบริษัทเครื่องสำอางก็มีผลตอบรับกลับมาว่าได้กำหนดสูตรสบู่ทำมือแล้วสามชนิด ชนิดที่หนึ่งคือ กลิ่นหอมของหอมหมื่นลี้ที่ใช้สำหรับขาวใส ชนิดที่สองคือกลิ่นหอมของลาเวนเดอร์ที่ใช้สำหรับป้องกันสิว และอีกหนึ่งชนิดก็คือกลิ่นหอมของว่านหางจระเข้ที่ใช้สำหรับให้ความชุ่มชื้นเป็นพิเศษผลลัพธ์ของทั้งสามชนิดต่างก็ดีมาก ๆ และทีมผู้บริหารของบริษัทก็พร้อมที่จะทำ
เมื่อมองดูรถของพวกเขาหายไป ฉันก็แอบถอนหายใจในใจ ถึงแม้ว่าคุณนายเสวียจะลืมช่วงความตายของคุณชายเสวียไปแล้ว แต่ความเจ็บปวดที่เหมือนโดนกรวยแหลมคมแทงทะลุเข้าไปในใจก็ยังฝังลึกอยู่ในก้นบึ้งหัวใจของเธอฉันยักไหล่ ถึงอย่างไรฉันก็เป็นคนธรรมดาคนหนึ่ง ฉันไม่สามารถขอให้ทุกคนมาชอบตัวเองได้หรอกร่างบางกลับมาถึงห้องก็นอนหลับอย่างสบายใจ จนเช้าวันรุ่งขึ้นก็โดนปลุกให้ตื่นโดยเสียงเคาะประตูอย่างแรงฉันหาวหวอดพลางเดินไปเปิดประตูห้อง แล้วก็เห็นถังหมิงหลียืนอยู่นอกประตู เขาถือกระเป๋าสัมภาระธรรมดาใบหนึ่ง เขาหน้าซีดเผือดมาก ราวกับว่าไม่ได้นอนมาตลอดทั้งคืนเพราะรีบกลับมาเมื่อเขาเห็นฉันก็รีบโผเข้ามากอดไว้แน่น ทำให้ใบหน้าของฉันฝังอยู่ที่คอของเขาอย่างแรงและเขาก็พูดขึ้นทันที “ก่อนหน้านี้ฉันอยู่บนเกาะหิมะตลอด ฉันไม่รู้เลยว่าเธอว่าได้เจอกับอันตรายแบบนั้น ไม่อย่างนั้นฉันต้องรีบกลับมาช่วยเธอโดยเร็วที่สุดแน่นอน”ฉันยิ้มออกมา “เป็นเพราะอย่างนี้เองเหรอ วางใจเถอะ ฉันไม่เป็นอะไร”เขาจับหน้าของฉันไว้แล้วก้มหน้าลงจูบอย่างเร็วฉันตะลึงไปครู่หนึ่งแล้วรีบผลักเขาออก พลันพูดอย่างร้อนใจ “นายเป็นบ้าไปแล้วเหรอ?”“ใช่ ฉันบ้าไปแ
พลังที่เก้าเอ่ยแทรก “หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งคือ ที่จริงผีตัวนี้มีชีวิตและมีเนื้อหนัง แค่เนื้อหนังของมันก็คือทั้งหมดของโรงเรียนแห่งนี้เท่านั้นเอง”ราชาตัวจริงแห่งเจิ้งหยางยังกล่าวอีกว่า “ฉันไม่ได้เจอผีที่มีเลือดเนื้อในร่างกายมนุษย์แบบนี้มาหลายปีแล้ว คิดไม่ถึงว่าจะยังมีอยู่ในโลกมนุษย์”“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ถึงแม้ว่าในตอนนี้ในโลกมนุษย์จะขาดแคลนพลังปราณ แต่อารมณ์เจ็ดอายตนะหกของผู้คนก็ยังแข็งแกร่งมากขึ้น” พลังที่เก้าพูดขึ้น “ผีก็มากขึ้นเรื่อย ๆ”หัวใจที่ยังคงเต้นอยู่ก้อนนั้นเริ่มเผาไหม้และควันหนาค่อย ๆ ลอยออกมา ผีใบหน้าสีดำตัวนั้นเผยหน้าตาที่แสนเจ็บปวดออกมา พลันกำแพงรอบ ๆ ก็เริ่มลุกไหม้ขึ้นมา เปลวไฟได้ลุกลามไปอย่างรวดเร็วและพวกเราก็ได้วิ่งออกมาจากโรงเรียนแห่งนั้น อาคารร้างทั้งหลังล้วนจมลงไปในเปลวไฟ ริ้วลิ้นแห่งเปลวไฟยังกระโจมอยู่อย่างไม่หยุดยั้ง ดูเหมือนว่าฉันจะเห็นวิญญาณจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งขึ้นไปในอากาศด้วยแสงไฟ“อ๊าก!” ในที่สุดผีใบหน้าสีดำก็ปรากฏขึ้นมาในเปลวไฟ มันโดนไฟเผาจนเล็กลงเรื่อย ๆ และมองไม่เห็นอีกต่อไปฉันถอนหายใจอย่างโล่งอกยาว ๆ ในที่สุดก็จบลงแล้ว จะไม่มีเกมส์แห่งความตายอีกต่อไปแล้ว และก
เมื่อมองดูใบหน้าที่หล่อเหลาแต่เปื้อนเลือดของคุณชายเสวีย ในใจของฉันก็รู้สึกเหน็บหนาวขึ้นมาเป็นพัก ๆ[เป็นไปไม่ได้มั้ง คุณเสวียตายแล้ว?][จะเป็นไปได้ยังไง ถึงแม้ว่าคุณเสวียจะมาเข้าร่วมไลฟ์สดแค่ชั่วคราว แต่จะตายง่าย ๆ แบบนี้ได้อย่างไร? เขาเป็นถึงผู้เชี่ยวชาญด้านศิลปะการต่อสู้เชียวนะ][ใครบอกว่าจะไม่มีคนตาย? ทุกครั้งที่แอดมินไลฟ์สดล้วนอันตรายมาก แต่ก็ยังเอาชีวิตรอดจากภัยอันตรายมาได้หลายครั้ง เมื่อก่อนที่จอมเผด็จการไม่ตายก็แค่โชคดีมากเท่านั้นเอง พวกคุณคิดว่าพวกเขาจะมีรัศมีของตัวเอกจริง ๆ เหรอ?][แอดมิน ฉันคือคนใช้ของครอบครัวคุณเสวีย เมื่อสักครู่แม่ของเขาก็ดูไลฟ์สดอยู่ แต่ตอนนี้ได้เป็นลมหมดสติไปแล้ว คุณเตรียมใจรอรับความโกรธของตระกูลเสวียได้เลย][คนข้างบนที่อาศัยบารมีคนอื่นมาอวดเบ่งชาวบ้าน ถ้าพวกคุณมีความสามารถก็ไปจัดการกับผีใบหน้าเองสิ จะระบายอารมณ์ใส่แอดมินทำไม?][แอดมิน...จะมีชีวิตกลับมาไหม?]ขณะนี้ในใจของฉันว่างเปล่า ฉันคุกเข่าลงบนพื้นและกอดหัวของเสวียห้าวเทียนไว้ ทั้งยังรู้สึกหนาวเย็นไปทั่วร่างกายฉันและคุณชายเสวียไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น แต่เขากับฉันได้ร่วมเป็นร่วมตายกันมาในเกมส์แห
เพี๊ยะ เพี๊ยะ! ไฟในเมรุเผาศพดังขึ้นและลัดวงจร กระแสไฟฟ้ารวมตัวกันในมือของฉันจนกลายเป็นก้อนใหญ่ [ว้าว ใช้กระแสไฟฟ้าหนึ่งแสนโวลต์ควบแน่นเป็นสายฟ้าก้อนกลม แอดมินเธอเก่งขั้นเทพเลยอ่ะ] [แรงดันไฟฟ้าสูงเท่าหนึ่งแสนโวลต์ที่ไหนกัน!] [ฉันพูดเกินจริงไม่ได้เหรอ? คุณจะยุ่งเกินไปแล้ว?] “คุณเสวีย หลบไปเร็วเข้า!” ฉันตะโกนเสียงดังแล้วโยนกระแสไฟฟ้าในมือออกไป ตูม! เกิดเสียงดังสนั่นขึ้น กระแสไฟฟ้าพุ่งเข้าใส่ร่างของผีกองกอย ร่างของมันเปล่งแสงสีม่วงออกมาและส่งเสียงร้องเหมือนสัตว์ป่า แต่สุดท้ายร่างกายก็ไหม้กลายเป็นศพไหม้เกรียม “เร็วเข้า เอามันเข้าไปในเตาเผาศพ!” ฉันและเสวียห้าวเทียนอดทนต่อกลิ่นเหม็นเน่าเพื่อยกผีกองกอยขึ้น แล้วรีบเข้าไปในห้อง พร้อมเปิดเตาเผาศพและโยนศพเข้าไป บึ้ม! ในเตาเผามีเปลวไฟลุกโชนออกมา ผีกองกอยดิ้นทุรนทุรายอย่างดุเดือด ฉันตะโกน “ปิดประตู!” ประตูเตาเผาได้ปิดลงเสียงดังปัง เสียงดิ้นรนดังออกมาจากด้านใน ศพถูกเผาเป็นเวลานานมากก่อนที่จะหยุดลง และท้ายที่สุดก็มีเศษกระดูกออกมาจากรูด้านหลัง กระดูกไม่ได้ถูกเผาจนเป็นเถ้าถ่านทั้งหมด แต่เผาแล้วกลายเป็นเศษเล็ก ๆ พวกมัน
[เพื่อเงินเพียงเล็กน้อย แต่เขากลับฆ่าพ่อของตัวเอง ช่างน่าเศร้าจริง ๆ] [มีลูกชายแบบนี้ มิน่าล่ะพ่อของเขาถึงได้โกรธทะยานขึ้นจนศพเปลี่ยนไป] [จะไปโทษใครได้? นอกจากตัวเขาเอง ใครบอกให้เขารักลูกชายมากเกินไปล่ะ? รู้จักแต่เลี้ยงแต่ไม่รู้จักอบรม นั่นเป็นความผิดขอพ่อแม่] ในห้องไลฟ์สดมีการโต้เถียงทุกแบบอย่าง ผีดิบฟางเหวินตัวนั้นกระโดดออกมาจากโลงศพ โลงศพเป็นโลงไม้เนื้อแข็งแบบดั้งเดิม และสูงพอ ๆ กับไหล่ของผู้ใหญ่ แต่มันสามารถมันกระโดดออกมาได้ในพริบตา ในตอนนั้นเอง ร่างกายของฟางเหวินก็เริ่มมีขนงอกออกมาอย่างรวดเร็ว เขามีขนปุกปุยราวกับลิงอุรังอุตังที่เป็นบรรพบุรุษ [ผีกองกอย! นี่มันผีกองกอยจริง ๆ!] [ผีกองกอยเป็นกระดูกเหล็กทองแดงในตํานาน! มันเคลื่อนไหวได้รวดเร็ว กระโดดขึ้นอาคารบ้านเรือนไปบนต้นไม้ กระโดดโลดเต้นราวกับบิน ไม่กลัวไฟธรรมดา หรือแม้แต่แสงอาทิตย์] [ข้างบนมีความรู้เยอะจัง] [ไร้สาระ เว็บไป๋ตู้ก็เขียนเอาไว้แบบนั้น] ฉันเองก็ประหลาดใจเช่นกัน เขาถูกลูกชายแท้ ๆ ของตัวเองฆ่าตาย ลูกชายก็อกตัญญู และมักจะด่าทอเขา เขามีความคับข้องใจมาเป็นเวลานาน แถมลูกชายก็ไม่ได้จัดงานศพให้ หลังจ
ฉันถามถึงที่อยู่และเรียกแท็กซี่กับเสวียห้าวเทียน จนมาถึงเมืองเล็ก ๆ ที่เรียกว่าฝางเจีย เมืองนี้ค่อนข้างหดหู่กว่าเมืองชิงหยาง มีเพียงคนแก่ใกล้วาระสุดท้ายที่นั่งอาบแดดอยู่หน้าประตู เราสอบถามเกี่ยวกับโรงฌาปนกิจศพในเมืองฝางเจีย วันนี้ไม่มีการจัดงานศพ ภายในนั้นเงียบมาก และมีชายชราคนหนึ่งกําลังกวาดพื้น “ขอถามหน่อยค่ะ คุณคือผู้เฒ่าฟางใช่ไหมคะ?” ฉันก้าวไปข้างหน้าและถามเขาทันที เขามองฉันอย่างระมัดระวังพลางกล่าว “คุณมีธุระอะไร?” “เมื่อสองวันก่อน มีช่างขนศพพาศพหกศพมาค้างคืนที่นี่ใช่ไหมคะ?” ฉันถาม ความระแวดระวังในดวงตาของชายชรายิ่งทวีความรุนแรงขึ้น “ผมจําไม่ได้แล้ว” พูดจบก็เดินเข้าบ้านไป เสวียห้าวเทียนเดินไปข้างหน้าและจับไหล่ของอีกฝ่ายไว้ “ผู้เฒ่าฟาง อย่าเพิ่งรีบไปสิ มาคุยกับพวกเราเถอะครับ” พร้อมกันนั้น เขาก็ยัดธนบัตรสีแดงสองใบใส่มือชายชราไปด้วย เขาลังเลเล็กน้อยและกำธนบัตรสีแดงไว้ ก่อนจะกล่าว “คุณต้องการถามอะไร?” เสวียห้าวเทียนยิ้มบาง “เราแค่อยากรู้ว่าในโลงศพทั้งหกศพนั้นบรรจุอะไรไว้” “แล้วมันจะเป็นอะไรได้อีกล่ะ? แน่นอนว่าต้องเป็นศพอยู่แล้ว” ตาแก่ฟางพูดอย่างไม่สบอารมณ์
ฉันยิ่งงงเข้าไปใหญ่ การที่ภูตผีจากโรงเรียนมัธยมหวนซานนี้ รวบรวมเรื่องลี้ลับที่เกิดขึ้นจริงไว้มากมายเพื่อทดสอบคนอื่น ที่แท้เพราะอะไรกันแน่นะ? เขาวางแผนอะไรอยู่นะ? จริงสิ! ความกลัวไงล่ะ! ความกลัวที่พวกเราประสบในมิติวิญญาณจะกลายเป็นแหล่งพลังงานของมัน ทําให้มันแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ นี่เป็นเหตุผลว่าทําไมภูตผีถึงชอบทำให้คนกลัว หลังจากที่มนุษย์หวาดกลัวแล้ว พลังหยางจะถูกทําลาย ทำให้ถูกสิงได้ง่ายขึ้น แต่ภูตผีบางชนิดสามารถดูดซับความกลัวได้ เพื่อทำให้ตนเองแข็งแกร่งขึ้น พอดึกขึ้นเรื่อย ๆ ก็มีเสียงกรนดังมาจากห้องเวร ตอนแรกฉันว่าจะไปผนึกศพพวกนี้ก่อน แต่ตัวอักษรเลือดพูดถึงผีดิบที่ฆ่าศพฟื้นคืนชีพ ถ้าฉันฝืนเปลี่ยนเค้าโครงเรื่อง ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ยังไงก็ต้องระวังตัวไว้จะดีกว่า พริบตาเดียวก็เป็นเวลาเที่ยงคืนแล้ว และเป็นตอนที่พลังหยินพลุ่งพล่านที่สุด พระจันทร์เสี้ยวสีแดงเลือดดวงนั้นสว่างจนแสบตาเป็นพิเศษ ฉันสอนวิธีเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้เสวียห้าวเทียน โดยการปิดปากและจมูก เพื่อให้ผีดิบไม่ได้กลิ่นมนุษย์บนตัวเรา ทันใดนั้นกลิ่นอายวิญญาณก็พวยพุ่งออกมาจากในห้อง ศพทั้งหกพลันลืมตาขึ้นมาพร้อ