“สาวน้อย เธอคงไม่ได้คิดจะดึงดูดความสนใจจากนายน้อยสวี่หรอกใช่ไหม?”“เฮ้อ วัยรุ่นสมัยนี้ช่างมักใหญ่ใฝ่สูงเกินตัวจริง ๆ”ฉันได้แต่คิดในใจ “พวกเธอจะไปรู้อะไร ฉันพาท่านผู้อาวุโสหวางหลูจือไปด้วยต่างหากล่ะ”“ฉันต้องผ่านด่านไปให้ได้” ร่างเล็กเงยหน้าขึ้นมองและพูดอย่างแน่วแน่เจ้าอ้วนลู่จึงพูดต่อ “นี่เป็นสิ่งที่เธอยืนหยัดจะฝ่าเข้าไปเอง ถ้าเกิดอะไรขึ้นมาก็โทษใครไม่ได้นะ มาลงทะเบียนที่นี่ กดประทับลายนิ้วมือ แล้วอย่าพูดเรื่องความเป็นความตาย”ฉันกดลายนิ้วมือโดยไม่ลังเลเลยสักนิด ถังหมิงหลี่รีบดึงฉันไว้ “ฉันจะไปกับเธอ”“ไม่ได้หรอก” เจ้าอ้วนลู่ขัดขึ้น “ตามกฎแล้ว การฝ่าด่านไปได้แค่ครั้งละคนเท่านั้น”ฉันยิ้มให้ถังหมิงหลี พร้อมเอ่ยเสียงนุ่มนวล “หมิงหลี นายต้องเชื่อใจฉัน ฉันจะไม่ตาย”ถังหมิงหลีถูกรอยยิ้มในดวงตาของฉันสะกด ก่อนจะดึงมีดสั้นสีดําออกมาจากรองเท้าแล้วส่งให้ฉัน “เธอเอานี่ไปนะ ถ้ากำลังตกอยู่ในอันตราย เธอต้องไม่ดันทุรังสู้ เมื่อเวลานั้นมาถึง ขอเพียงตะโกนว่า ฉันยอมแพ้ ก็พอแล้ว”“ฉันเข้าใจแล้ว” ฉันรับมีดสั้นจากเขา “ขอบคุณนะ”พูดจบฉันก็กระโดดลงไปในบึงทันทีฉันไม่รู้จักวิชาตัวเบา ทำให้การกระโ
“ช่างน่าเสียดายจริง ๆ สาวน้อยคนนี้ต้องมาตายเพราะเขี้ยวของหมาป่า”“เธอรนหาที่ตายเอง จะทำไงได้ล่ะ?”หมาป่ายักษ์อยู่ตรงหน้าในระดับที่ใกล้จนฉันได้กลิ่นเหม็นเน่าในปากของมัน พริบตา ฉันก็ตะโกนเสียงดังแล้วหลับตาลงยกมือขึ้นกดลงที่หัวมันยันต์สีชาดเปล่งแสงสีทองสว่างโชติช่วงออกมา มันสาดแสงโดนดวงตาทั้งสองข้างของหมาป่ายักษ์ตรง ๆ ทันใดนั้นแสงสีขาวก็สว่างวาบขึ้นตรงหน้า ทุกคนต่างเห็นเพียงสีขาวและรู้สึกเหมือนดวงตาจะบอดไปชั่วขณะ เมื่อรอจนมองเห็นอะไรชัดเจนขึ้น จึงพบว่าฉันมาถึงด่านที่สามแล้ว“เอ๋? หล่อนผ่านด่านที่สองแล้วเหรอ?”“หล่อนผ่านมาได้ไง? ไม่เห็นเข้าใจเลย?”ขณะเดียวกัน เจ้าอ้วนลู่ที่อยู่ในศาลาก็เบิกตากว้าง ใบหน้านั่นเต็มไปด้วยความไม่อยากเชื่อผู้บําเพ็ญเพียรขั้นที่หนึ่งระดับกลางจะฝ่าผ่านด่านที่สองได้อย่างไรกัน? นี่มันไม่สมเหตุสมผลเลย!ถังหมิงหลีเองก็ประหลาดใจมาก หรือว่า…ท่านผู้อาวุโสในนั้นชี้แนะเธออีกแล้ว?ส่วนสวี่หยางก็ไม่พูดไม่จา ราวกับกําลังครุ่นคิดอะไรบางอย่างอีกด้านหนึ่ง ภายในห้องใต้หลังคาที่อยู่ไกลออกไป แววตาของหยินเฉิงเหยาดูลึกซึ้ง เหล่าหลี่จึงเอ่ยถาม “นายน้อยครับ คุณหยวนท่านนี้เห
จนกระทั่งถึงวันนั้น วันที่ฉันโดนคนทายาทคนรวยรุ่นสองวางยาจนสลบไป และพวกเขาก็พาฉันไปส่งที่เตียงของหยินเฉิงเหยาในตอนนั้นฉันไม่มีสติเหลือแล้ว ดังนั้นฉันจึงจำเรื่องราวที่เกิดขึ้นในคืนนั้นไม่ได้ แต่ความรู้สึกหลังตื่นขึ้นมายังปรากฎชัดเจนอยู่ในใจจนถึงตอนนี้น้ำเสียงทุ้มต่ำที่อ่อนโยน ทุกจูบ และทุกการเคลื่อนไหวนั้นเป็นเหมือนกับคำสาปที่ทำให้ฉันรู้สึกอับอายและเจ็บปวดอย่างที่สุด“อ๊ะ!” ฉันเอามีดสั้นขึ้นมาฟันไปในอากาศอย่างบ้าคลั่งถังหมิงหลีตกใจมากและหันไปถามเจ้าอ้วนลู่ว่า “นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”“ด่านนี้คือปีศาจในใจ” เจ้าอ้วนลู่พูดขึ้น “เมื่อก่อน ผู้ที่มีพลังแข็งแกร่งจำนวนมากสามารถทะลุผ่านด่านก่อนหน้านี้ได้อย่างง่ายดาย แต่เมื่อมาถึงด่านนี้ ความพยายามที่ทุ่มเทไปล้วนสูญเปล่า”ถังหมิงหลีขมวดคิ้ว “ถ้าไม่สามารถทะลุผ่านด่านนี้ไปได้จะเป็นยังไง?”“คนที่ผ่านด่านแรกจนมาถึงด่านที่เจ็ด แต่ไม่สามารถผ่านปีศาจในใจของตัวเองได้ จะเสียสติและกลายเป็นคนไม่มีสมอง” เจ้าอ้วนลู่ส่ายหัว “อนิจจา น่าเสียดายจริง ๆ”ถังหมิงหลีกำหมัดแน่นด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียด ถ้าเป็นด่านอื่นเขายังสามารถใช้อาวุธวิเศษระเบิดค่ายกลนี่และช่
หยินเฉงเหยาพูดด้วยสีหน้าที่เย็นชา “ห้ามทำอะไรบุ่มบ่ามเป็นอันขาด”“ครับ” เหล่าหลี่รีบก้มหน้าลงทันที หัวใจของเขาเต้นเร็วเหมือนกำลังตีกลอง ความกดดันที่คุณชายใหญ่ท่านนี้มอบให้เขานั้นมีมากกว่าความกดดันเมื่อต้องเผชิญหน้ากับราชันย์แห่งหุบเขาเสียอีก จากนี้เขาต้องทำงานหนักและระมัดระวังให้มากกว่าเดิมพวกเราเดินตรงไปขึ้นรถไฟความเร็วสูงกลับเมืองซานเฉิงทันที แต่พอขึ้นรถไฟฉันก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ ราวกับว่ามีดวงตานับไม่ถ้วนจ้องมาที่พวกเรา“หมิงหลี” ฉันเรียกเขาเสียงต่ำ เขาซื้อกาแฟสองแก้วและผลักมันมาที่ข้างหน้าฉัน “วางใจเถอะ มีฉันอยู่ทั้งคน”ฉันจับแก้วกาแฟไว้แน่น ในใจรู้สึกกังวลเล็กน้อยรถไฟแล่นเข้าไปในอุโมงค์ยาว พลันมีเสียงตบมือสองครั้ง และไฟทั้งหมดในขบวนรถก็ดับลงทันที ถังหมิงหลีจึงเอ่ยบอกเสียงเรียบ “อย่าขยับ”จากนั้นการต่อสู้และเสียงกรีดร้องก็ดังขึ้นในความมืด เมื่อไฟสว่างขึ้นอีกครั้ง ก็พบว่าถังหมิงหลียังคงนั่งอยู่ตรงข้ามฉันเหมือนเดิม ใบหน้าของเขาไร้รอยแดงช้ำ การหายใจปกติไม่หอบเหนื่อย และร่างกายของเขาก็ไม่มีรอยเลือดติดตามตัวเลยแม้แต่น้อย มือหนาถือถุงลูกอมเอาไว้ พลางเผยยิ้มกว้างออกมา “ต้อง
ร่างเล็กพยักหน้ารับคำ ยังไงฉันก็ไม่คิดจะพูดออกไปอยู่แล้วเขาเผยรอยยิ้มออกมาและกอดฉันไว้ในอ้อมแขน “จุนเหยา เธอวางใจได้เลย ฉันจะไม่ทำให้เธอผิดหวังอย่างแน่นอน”ฉันตบที่หลังของเขาเบา ๆ “ฉันเชื่อนาย”เขามองมาที่ฉันอย่างลึกซึ้งราวกับกำลังมองดูสมบัติอันล้ำค่าอะไรบางอย่าง ดวงตาคู่นี้ช่างร้อนแรงจนทำให้ฉันเคอะเขิน“นายพึ่งจะผ่านการเลื่อนขั้น ดังนั้นนายจำเป็นต้องใช้เวลาเพื่อทำให้เสถียรภาพร่างกายสมบูรณ์” ฉันพูดขึ้น “ไปแช่น้ำยาก่อนเถอะ”ฉันพาเขาไปแช่น้ำยาแล้วเริ่มมองหาสถานที่ในการไลฟ์สดครั้งต่อไป ทว่ากลับมีเสียงเคาะประตูดังขึ้นเสียก่อนแปลกมาก ใครกันมาเคาะประตูบ้านคนอื่นในเวลาแบบนี้?ร่างบางลุกขึ้นไปเปิดประตู ปรากฎว่าเป็นเสี่ยวหลินและเย่เซียนหลัวฉันเชิญให้พวกเขาเข้ามา พลันใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มของเสี่ยวหลินก็ถามขึ้นว่า “จุนเหยา คุณจะเริ่มไลฟ์สดอีกแล้วใช่ไหม?”ฉันถามกลับอย่างสงสัย “พวกคุณเจอกับคดีความที่แก้ไขไม่ได้อีกแล้วเหรอ?”“โธ่เอ้ย” พวกเขาทั้งคู่คงจะรู้สึกอายเล็กน้อย “จุนเหยา พวกเรากำลังหาหัวข้อให้คุณอยู่ต่างหากล่ะ”ฉันมองพวกเขาด้วยสายตาที่ว่างเปล่า “จะให้ฉันทำคดีอะไร?”เสี่ยว
“รวมทั้งหมดตอนนี้มีสี่สิบเจ็ดคน” เสี่ยวหลินรายงาน คนพวกนี้เหมือนกับน้องชายของฉันที่นอนเป็นผักไม่ได้สติ มือเรียวจับชีพจรพวกเขา อย่างที่คาดไว้จิตสำนึกของพวกเขานั้นว่างเปล่าและวิญญาณก็ไม่ได้อยู่กับร่างแล้วเมื่อวิญญาณตาย ร่างกายก็จะเน่าเปื่อยไปอย่างรวดเร็วเราออกจากโรงพยาบาลแล้วรีบไปยังถนนทางหลวงคดเคี้ยวรอบภูเขาในทันที ที่นี่มีทิวทัศน์ที่สวยงาม แต่มีบรรยากาศที่อึมครึมแพร่กระจายห้อมล้อมไปทั้งภูเขาฉันเริ่มรู้สึกประหลาดใจ รถบัสคันเล็ก ๆ คันหนึ่งมีผู้ประสบอุบัติเหตุเพียงสี่สิบกว่าคน มันก็แค่อุบัติเหตุ ไม่ใช่การฆาตกรรมอย่างโหดร้าย ทำไมถึงได้มีพลังมืดมากขนาดนี้?“ที่นี่แหละ” เสี่ยวหลินชี้ไปที่ราวรั้วเหล็กที่ชำรุดจุนเหยามองลงไปด้านล่าง พลันเอ่ย “ฉันอยากลงไปดู”ถังหมิงหลียิ้มบาง “ฉันจะพาเธอลงไปเอง”พูดจบเขาก็คว้าเอวฉันและหันหลังกระโดดลงไปด้านล่างทันทีฉันตกใจมากจนแทบพูดไม่รู้เรื่อง “นาย นาย นายจะทำอะไร?”ถังหมิงหลีทิ้งตัวลงบนต้นสนใหญ่บริเวณหน้าผาอย่างมั่นคง ก่อนจะจับเถาวัลย์ที่พันรอบต้นไม้ แล้วกระโดดไปบนต้นไม้อีกต้นหนึ่ง ตลอดทางที่ลงมาช่างง่ายดายเหมือนเดินบนพื้นดินฉันยังตกใจไม่หาย
ฉันยิ้มอย่างขมขื่น “แม้แต่หน้าตาของมันพวกเรายังไม่เห็นเลย การที่เราหนีหัวซุกหัวซุนออกมาขนาดนี้ คุณคิดว่ามันจะแข็งแกร่งขนาดไหนล่ะ?”“หรือว่าจะเป็น...ผีชั่วร้าย?” เย่เซียนหลัวพูดปนสงสัยฉันเงียบไปครู่หนึ่งแล้วพูดขึ้นว่า “มีพลังมืดมากขนาดนั้น ไม่แน่ก็อาจจะเป็นผีพยาบาทไปแล้ว แต่ถ้าไม่ใช่ ก็คงไม่ร้ายไม่ต่างกันหรอก”เสี่ยวหลินสูดหายใจเข้าลึก ๆ “ถ้าเป็นผีระดับนั้น เกรงว่าผมคงต้องขอให้ข้างบนส่งคนมาแก้ไขปัญหาแล้วสิ”ซินนาบาร์พิเศษที่ฉันกลั่นถูกใช้หมดแล้ว แต่โชคดีที่ฉันได้เห็ดก้านทองมาเยอะมาก ถือว่าการเสี่ยงภัยครั้งนี้ไม่ขาดทุนส่วนผีในถ้ำนั้น ตอนนี้ฉันอ่อนแอเกินกว่าจะรับมือไหว ดังนั้นควรให้คนระดับปรมาจารย์จัดการดีกว่าผ่านไปสองสามวัน ฉันก็ลืมเรื่องนี้ไปหมดแล้ว ร่างบางซื้อวัตถุดิบยามาจำนวนมากและเริ่มกลั่นชินนาบาร์พิเศษใหม่ อีกทั้งยังกลั่นยาคืนชีพสำเร็จไปแล้วด้วย แต่น่าเสียดายที่วัตถุดิบยาเพียงพอสำหรับการกลั่นแค่เตาเดียวเท่านั้น ซึ่งอัตราความสำเร็จมีแค่ห้าเม็ด และทั้งห้าเม็ดล้วนเป็นแค่ยาเม็ดระดับกลางตอนนั้นฉันไม่รู้ว่า ปัจจุบันมีเพียงหุบเขาโอสถราชันเท่านั้นที่กลั่นยาคืนชีพได้ และอัตราความ
หรือว่าจะเกิดเรื่องขึ้นกับถังหมิงหลี?ฉันต่อยตัวล็อคประตูและผลักประตูออก ขาเรียวรีบวิ่งเข้าไปพร้อมกวาดสายตามองไปรอบ ๆ ที่ประตูห้องน้ำมีพลังมืดหนาแน่นมาก ฉันจึงยกดาบไม้ท้อขึ้นแล้วเตะประตูด้านหน้าอย่างแรงก่อนจะเบิกตากว้างอย่างตะลึงภาพด้านหน้าคือ ถังหมิงหลีที่กำลังใช้ผ้าขนหนูเช็ดผมอยู่ในห้องน้ำฉันยืนนิ่งอยู่สองวินาที พลันรีบหันหลังกลับมาเอ่ยอย่างตะกุกตะกัก “ขอ ขอ ขอโทษ ฉัน ฉัน ฉันไม่ได้...”เขายิ้มขำ “เธอเป็นห่วงฉันเลยรีบมาที่นี่สินะ?”“เมื่อกี้ฉันโทรมาแล้วได้ยินเสียงกรีดร้องจากโทรศัพท์ของนาย...”“เมื่อกี้ผีตัวนั้นพุ่งเข้ามาโจมตีฉัน แต่มันโดนฉันจัดการจนหนีไปแล้ว” เขาก้าวมาทีละนิด และหยุดยืนอยู่ข้างหลังฉัน ร่างเล็กสัมผัสได้ถึงพลังความร้อนที่แผ่ออกมาจากร่างกายของชายหนุ่ม “อย่าดูถูกฉัน ตอนนี้ฉันเป็นนักรบระดับหัวจินแล้ว”ตาของฉันกระตุกสองครั้ง ในเมื่อนายเป็นนักรบหัวจิน ตอนที่ฉันเดินเข้าประตูมาก็ต้องสังเกตเห็นแล้วไม่ใช่เหรอ ทำไมยังไม่รีบใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อยอีก? มายืนให้ฉันเห็นสิ่งที่ไม่ควรเห็นแบบนี้ เดี๋ยวฉันก็เป็นตากุ้งยิงหรอก“เธอเป็นห่วงฉันขนาดนั้นเลยเหรอ?” เขายิ้มที่มุมปากพล