ซูอวี่เหมียนไม่ได้สัมผัสการลงมือทำงานแบบนี้มานานแล้วช่วงเวลาที่อยู่กับเจียงอี้หวย แม้ไม่ถึงขึ้นว่ายื่นมือก็มีเสื้อ อ้าปากก็มีข้าว แต่เธอไม่เคยได้แตะงานออกแรงแบบนี้จริง ๆแม้แต่ในปีต้น ๆ ที่เขาเพิ่งก่อตั้งบริษัทเงินทองขัดสน แต่การทำความสะอาดในบ้านทุกอาทิตย์ก็จ้างแม่บ้านพาร์ตไทม์มาทำเสมอหลังจากทาสีหมดหนึ่งถัง ซูอวี่เหมียนก็ประคองเอวที่เมื่อยเล็กน้อยอยู่อย่างสุขสบายมาหลายปี ไม่ชินเลยจริง ๆ...เธอเดินออกไปที่ทางเดินตึก กะจะยกถังสีที่เหลือเข้ามาไม่นึกว่าก้าวเร็วไปหน่อยจึงเตะถูกถังสีเธอพยายามตั้งถังขึ้นให้เร็วที่สุด แต่ก็ยังหกใส่ประตูของห้องข้าง ๆ เป็นกองอยู่ดีเธอรีบหยิบไม้กวาดมา แต่ทำความทำสะอาดไปได้ครึ่งหนึ่ง ประตูที่ปิดสนิทก็เปิดออกกะทันหัน สี่สายตาสบกัน ในตอนที่เธอกำลังคิดจะขอโทษกลับได้เห็นคนรู้จักอย่างนึกไม่ถึง“คุณก็อยู่ที่นี่เหรอคะ?”“ทำไมถึงเป็นคุณได้?”ทั้งสองคนพูดออกมาแทบจะในเวลาเดียวกันเส้าเวินไป๋มองที่เท้าแวบหนึ่ง จากนั้นก็เคลื่อนสายตาไปที่ด้านหลังเธอ“ดังนั้นคนที่ย้ายเข้ามาในวันนี้ก็คือคุณเหรอ?”ซูอวี่เหมียนก็ไม่คิดว่าจะบังเอิญอย่างนี้ “ก็อย่างที่คุณเห็นแห
ซูอวี่เหมียนเดินไปก่อน ชายหนุ่มเดินตามอยู่ข้างหลังเทียบกับเมื่อคืนที่ใจตุ้ม ๆ ต่อม ๆ เธอกลับมาเป็นปกติอย่างเห็นได้ชัดเส้าเวินไป๋ขับรถมา ซูอวี่เหมียนนั่งอยู่ตรงที่นั่งข้างคนขับระหว่างทางผ่านซูเปอร์มาร์เกตผลไม้แห่งหนึ่งจู่ ๆ ซูอวี่เหมียนก็พูดขึ้น “จอดหน่อยได้ไหมคะ เสียเวลาสักสองนาที? ฉันอยากลงไปซื้อผลไม้หน่อยนะค่ะ”“ผลไม้เหรอ?”“ค่ะ ให้ศาสตราจารย์น่ะ”เส้าเวินไป๋กำพวงมาลัย พูดแบบไม่ค่อยจะเข้าใจ “ต้องยุ่งยากอย่างนั้นเลยเหรอครับ?”ซูอวี่เหมียน “?”ทันใดนั้นก็รู้สึกขำนิด ๆ “คุณไปเป็นแขกมือเปล่าแบบนี้ทุกครั้งเลยเหรอคะ?”เส้าเวินไป๋พยักหน้าอย่างสัตย์จริงซูอวี่เหมียนยกนิ้วหัวแม่มือให้ในใจ สุดยอดคนใหญ่คนโตก็เป็นอย่างนี้หมดละมั้ง...ไม่สนพิธีการ?แต่ถึงจะพูดอย่างนั้น อีกฝ่ายก็ยังจอดข้างทางให้……โอวหยางเหวินชิวพักอยู่ตรงถนนหวนซานไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยบีบ้านเดี่ยวเป็นทิวแถว ดีไซน์ผสมผสานระหว่างตะวันออกกับตะวันตก เรียบง่ายแต่ไม่เสียพื้นฐานผ่านป่าเมเปิลก็เห็นบ้านพัก หกปีแล้ว...ซูอวี่เหมียนกำเข็มขัดนิรภัยแน่น มองกระเช้าผลไม้ข้างเท้าพลันเกิดความรู้สึกหวาด ๆเส้าเวินไป๋รู้สึ
เส้าเวินไป๋เงียบสำหรับเขา อาหารก็เป็นแค่ของเสริมพลังงานเท่านั้น เขาไม่ได้ใส่ใจว่าจะอร่อยหรือไม่“ล้างเสร็จแล้ว”ซูอวี่เหมียนมองทีหนึ่ง พริกแดงกับผักฮ่องเต้วางเรียงอยู่ด้วยกันอย่างเป็นระเบียบ แค่ดูก็รู้ว่ามาจากมือที่ขัดขืน“หัวเราะอะไร?” เส้าเวินไป๋ไม่เข้าใจซูอวี่เหมียนกระแอมกระไอทีหนึ่ง “เปล่าค่ะ คุณออกไปก่อนเถอะ”“ครับ” เส้าเวินไป๋เช็ดคราบน้ำให้แห้งแล้วพยักหน้าน้อย ๆซูอวี่เหมียนทำอาหารเต็มโต๊ะ รสชาติค่อนทางจืด โดยรวมคือเมนูที่โอวหยางเหวินชิวชอบและกินได้“เธอยังจำได้อีกนะ...” หญิงชราสะท้อนใจกินเสร็จ ซูอวี่เหมียนก็ออกตัวเก็บถ้วยชามเส้าเวินไป๋ไปช่วยในครัวด้วยเหมือนกันเขายืนอยู่ใต้แสงไฟเหลืองนวล เงาหลังทอดตัวยาวถ้าดูจากมุมของซูอวี่เหมียน แนวเส้นใบหน้าด้านข้างประณีตราวกับศีรษะปั้นสมัยกรีกโบราณ มุมมนชัดเจนโอวหยางเหวินชิวยืนอยู่ตรงกรอบประตู “เหมียนเหมียน เธอรู้จักกับรุ่นพี่เธอได้ยังไง?”เส้าเวินไป๋คือลูกศิษย์ที่ได้ใจเธอมากที่สุด ส่วนซูอวี่เหมียนคือลูกศิษย์ที่เธอชอบมากที่สุด เธออยากแนะนำทั้งสองคนให้รู้จักกันนานแล้วคิดไม่ถึงว่าพรหมลิขิตดลบันดาลให้พวกเขารู้จักกันก่อนใน
เจียงอี้หวยพูดจบก็ขึ้นรถเหยียบคันเร่งไปเลยเส้าอวี่เวยโกรธจนเต้นเร่า ๆ อยู่กับที่ ก่นด่า “นี่มันคนพรรค์ไหนกันเนี่ย?! ไอ้ผู้ชายสารเลว! ไอ้สวะ! ไอ้ขี้หมา! โมโหชะมัดเลย!” “ฉันจะบอกให้นะ” เธอดึงคอเสื้อของชายหนุ่มมา “ครั้งนี้เหมียนเหมียนจะไม่กลับไปเด็ดขาด! ไม่กลับไปแน่!”ชายหนุ่มปลุกปลอบยกใหญ่ “ครับ ๆ ๆ พี่อย่าโมโหเลยนะ...”แต่ จะเป็นไปได้ไหม?อีตานี่พูดตามั่นอกมั่นใจ คงมีแผนในใจแล้วเขาแอบมองเส้าอวี่เวยแวบหนึ่ง ถ้าเธอก็รักปักใจกับผู้ชายเหมือนเพื่อนสนิทของเธอก็ดีสิ...หยุด! หยุด!ต่อให้ฝันเขาก็ไม่กล้าฝันอย่างนี้……บนรถ เจียงอี้หวยรับสายโทรศัพท์อารมณ์ไม่ดี แม้แต่น้ำเสียงก็เย็นชา “มีธุระอะไร?”“ดาร์ลิง ช่วงนี้ฉันเจอร้านดี ๆ ด้วยละ ปูเนื้อแน่นมาก พรุ่งนี้วันเสาร์พอดี เราไปกินกันนะ โอเคไหม?”เสียงใสระรื่นของสือมู่ซีดังมาจากปลายสายเธอรู้ว่าเจียงอี้หวยชอบกินอาหารทะเล ดังนั้นจึงเอาใจในเรื่องที่เขาชอบบวกกับทั้งสองไม่ได้ติดต่อกันตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว เธอกดความร้อนรุ่มไม่ไหว ความร้อนรุ่มนี้ทำให้เธอไม่สนใจความสงบเสงี่ยมโทรมาหาก่อนเมื่อก่อนเจียงอี้หวยจะนัดเดตก่อนเป็นส่วนใหญ่ ส่วนเธอ
“ไม่เอา” สือมู่ซีส่ายหน้า วินาทีต่อมาเธอก็เขย่งเท้าทั้งหน้าแดง “ฉันอยากอยู่กับพี่อีกเดี๋ยวค่ะ”ยังไม่ทันรอให้เธอเข้ามาใกล้ เจียงอี้หวยก็พลิกกลับเป็นฝ่ายจู่โจม โอบเอวบางของเธอแล้วจูบลงไปอย่างรุนแรงซี้ด!คนที่มุงดูอยู่โห่ร้องอีกครั้ง“โอ้โฮ...เจ๋งไปเลย!”“โอ้มายก๊อด นี่ต้องรักขนาดไหนเนี่ย?”ซูอวี่เหมียนเห็นภาพนี้อยู่ในสายตา มือที่ถือหนังสืออยู่ออกแรงจนขาวซีดที่แท้หัวใจยังเจ็บอยู่ แค่ว่า...สีหน้ากลับสงบจนน่ากลัว ใกล้จะชินชาแล้วเธอคิด ชินเสียก็ดีเลิกบุหรี่ยังมีปฏิกิริยาของการเลิก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการรักใครหกปี?ซูอวี่เหมียนไม่ได้อยู่ต่อ แต่หมุนตัวกลับ เธอยังต้องกลับไปอ่านหนังสืออีกเจียงอี้หวยที่อยู่ท่ามกลางฝูงชนเหมือนรู้สึกถึงอะไรจึงหันไปมองแวบหนึ่งเห็นเงาหลังที่คุ้นเคยแวบเข้ามาในคลองจักษุของเขาแต่วินาทีต่อมาก มือนุ่มนิ่มของหญิงสาวสอดเขาฝ่ามือของเขา สิบนิ้วคล้องเกี่ยวอย่างสนิทสนมสือมู่ซี “ดูอะไรอยู่เหรอคะ?”เจียงอี้หวยดึงสายตากลับ “...เปล่า”หลังจากส่งเธอถึงใต้หอพักแล้วก็เตรียมตัวจะกลับสือมู่ซีกลับดึงมือเขาไว้ ไม่ยอมให้เขาไป ในดวงตาเต็มไปด้วยความอาลัยอาวรณ์“ตอนน
การแต่งงานระหว่างตระกูลไฮโซ ฝ่ายชายจะมีอีกหนูมีกิ๊กอยู่ข้างนอกเป็นเรื่องที่พบเห็นได้เป็นประจำ ขอเพียงเมียหลวงในบ้านไม่ล้ม ของเล่นข้างนอกพวกนั้นอยากจะเลี้ยงอย่างไรก็เลี้ยงได้เธอที่เป็นแม่จะไม่แทรกแซงให้มากวันนี้ถือว่าให้คำสัญญาอย่างเป็นทางการกับซูอวี่เหมียนทว่าภาพที่ซูอวี้ฉินคิดว่าอีกฝ่ายจะซาบซึ้งในพระคุณกลับไม่ปรากฏ แต่แทนที่ด้วยการยิ้มเยาะซูอวี่เหมียน “คุณซู คุณเก็บทานของคุณเอาไว้ให้คนอื่นเถอะค่ะ ฉันไม่มีวาสนาจะรับ อีกอย่าง ฉันเลิกกับเจียงอี้หวยแล้ว ต่อไปเจอหน้าเราทำเป็นคนแปลกหน้าจะดีกว่านะคะ”เมื่อก่อนเพื่อเจียงอี้หวย เธอสามารถอดทนต่อซูอวี้ฉินได้อย่างไรเงื่อนไขอีกฝ่ายรังเกียจที่เธอเรียนไม่สูง ไม่เคยเรียนต่างประเทศ ถึงอย่างไรภายหลังก็ไม่มีอาชีพไม่มีงาน สรุปได้คำเดียวคือไม่คู่ควรกับลูกชายสุดที่รักเมื่อก่อนซูอวี่เหมียนยังอาจคิดหาวิธีเอาใจว่าที่แม่สามีคนนี้ แต่ตอนนี้ขนาดเจียงอี้หวยเธอยังไม่เอาเลย นับประสาอะไรกับแม่ของเขา?มาถึงหน้าเธอ นี่ยังจะอดได้อย่างไร?“จริงสิคะคุณซู ฉันจะแนะนำหน่อยนะคะ”ซูอวี้ฉิน “?”ซูอวี่เหมียนอมยิ้ม “ต่อไปพูดจาก็อย่าให้มันแย่นักนะคะ เพราะมันจะ...
“ไม่กินแล้วละ ฉันยังมีธุระ ไว้ค่อยนัดกันนะ”ซูอวี่เหมียนมีสัมพันธ์ดีกับเฉิงโจว ต่อให้ปฏิเสธก็ยังยิ้มไม่ทำให้เขาขายหน้าเฉิงโจวสังเกตเห็นกล่องเครื่องประดับโอต์กูตูร์ในมือของเธอ ดูท่าจะมีธุระจริงจึงไม่ได้รบเร้าเขารับคำ ยังอยากพูดอะไรแต่ซูอวี่เหมียนเดินผ่านเจียงอี้หวยออกไปแล้วตั้งแต่ต้นจนจบ ไม่มีเหลือบมองเลยสักนิด!บรรยากาศรอบตัวเปลี่ยนเป็นตึงเครียดสุดขีด เฉิงโจวแอบชำเลืองมองสีหน้าเจียงอี้หวยทีหนึ่ง แล้วกู้สถานการณ์แบบขัดเขิน “เอ่อคือ...พี่เจียง พี่อวี่เหมียนอาจจะไม่เห็นพี่น่ะ พี่อย่าใส่ใจเลยนะ...”เฉิงโจวไม่พูดยังดี พอพูดเจียงอี้หวยก็หน้ามุ่ยยิ่งกว่าเดิมเขาไอแห้งทีหนึ่ง ไม่กล้าพูดต่อกลับพูดในใจว่า เที่ยวนี้พี่อวี่เหมียนใจแข็งจริง ๆ!“คุณคะ ยังจะซื้อไหมคะ?”เจียงอี้หวยชายตามองด้วยความเย็นชา “ซื้อ ทำไมจะไม่ซื้อ? เอาของที่แพงที่สุดมา...”เธอไม่สน ก็ต้องมีคนสนนั่นแหละ!……สถานที่จัดเลี้ยงอยู่ที่คฤหาสน์หลังเดี่ยวบนถนนอวิ๋นซี ตอนที่ซูอวี่เหมียนถึงก็มีคนมาไม่น้อยแล้วมีคนจำเธอได้ สายตาจึงแปลกประหลาดไปในพริบตาเมื่อก่อนเจียงอี้หวยพาเธอมาร่วมงานประเภทนี้บ่อยครั้ง นานวันเข้าจึงค
ผู้ช่วยหลิวส่งซูอวี่เหมียนมาถึงใต้ตึก หลังจากเธอลงรถและขอบคุณแล้วก็ไม่ได้ขึ้นตึกเลย แต่เลี้ยวไปตลาดที่อยู่ด้านข้างยี่สิบนาทีให้หลัง เธอหิ้วของพะรุงพะรังขึ้นตึก เห็นเส้าเวินไป๋เดินออกมาจากอาทิตย์อัสดงท้องฟ้าเริ่มมืดแล้ว ทว่าบนตัวของเขากลับมีแสงสีส้มเคลือบอยู่ เงาเรียวยาวในแต่เดิมถูกแสงอาทิตย์คล้อยลงดินดึงยืดยาวออกไปเขาไม่เหลียวแลมองข้าง เดินอย่างกับตั้งสมาธิตลอดเวลา“บังเอิญจังเลยนะคะ เจอกันอีกแล้ว”ซูอวี่เหมียนทักทายก่อนเส้าเวินไป๋ชายตามองมาแล้วดันแว่น “บังเอิญมาก”“กินข้าวเย็นยังคะ ฉันซื้อผักมา จะกินด้วยกันหน่อยไหมคะ?”เส้าเวินไป๋จะปฏิเสธตามสัญชาตญาณ แต่พอนึกถึงฝีมือทำครัวของเธอแล้วก็ยังพยักหน้าแบบเทพผีดลบันดาลเขามาห้องของซูอวี่เหมียนเป็นครั้งแรกดอกทิวลิปตรงระเบียงด้านหน้ากำลังบานสวย ในอ่างเลี้ยงปลาสี่เหลี่ยมจัตุรัสด้านหลังมีปลาทองสองตัวกำลังแหวกว่ายไปมา ผ้าม่านสีขาวถูกลมพัดอยู่ใต้แสงสนธยา โต๊ะเก้าอี้ไม้เชอร์รีพกพาบรรยากาศอบอุ่นอบอุ่น สงบ งดงามบนโต๊ะกระจกมีแบบฝึกหัดและหนังสือในการสอบ เขากวาดตามองแวบหนึ่งก็รู้ว่าคำตอบที่ใช้ปากกาสีดำเขียนบนกระดาษสอบถูกต้องแทบจะทั้งหม
ซูอวี่เหมียนวิ่งตอนเช้าเสร็จ พออาบน้ำออกมาก็เห็นไม้อิ่มน้ำสีเขียวทรงต่าง ๆ ที่เรียงเป็นทิวแถวตรงระเบียงมีสีชมพูเพิ่มมากระถางหนึ่งเธอเอานิ้วชี้จิ้ม ๆ เห็นต้นไม้นุ่มนิ่มแล้วก็อารมณ์ดีขึ้นมาหน่อยทันใดนั้นโทรศัพท์มือถือบนโต๊ะก็ดังขึ้น เธอเห็นชื่อ ‘เฉิงโจว’ ปรากฏบนหน้าจอแล้วก็รับสายด้วยความแปลกใจ“เฉิงจื่อ? ทำไมโทรหาฉันเวลานี้ล่ะ? มีธุระเหรอ?”“พี่อวี่เหมียน ช่วงนี้เป็นไงบ้างครับ?”“ก็โอเคนะ นายล่ะ?”โอกาสมาแล้ว!เฉิงโจวนั่งตัวตรงทันที “ผม...ไม่ค่อยดีครับ”ซูอวี่เหมียนขมวดคิ้ว “เป็นไรไปเหรอ?”“อาจเพราะอดนอนกับดื่มเหล้า กระเพาะไม่สบาย พี่อวี่เหมียน ไม่รู้ว่าเป็นอะไรสิ ตอนนี้ผมไม่อยากกินอะไรเลย คิดถึงแต่โจ๊กบำรุงกระเพาะที่พี่ตุ๋น มันอยากมาก ๆ ๆจริง ๆ...พี่จะสะดวกไหมครับ?”เขาไม่กล้าบอกว่าเจียงอี้หวยอยากกิน จึงได้แต่พูดอ้อมโลกถึงเธอจะรู้จักกับเฉิงโจวผ่านทางเจียงอี้หวย แต่หลังจากคลุกคลีกันหลายปีนี้ ถ้าตัดเจียงอี้หวยออก ซูอวี่เหมียนมีสัมพันธ์ไม่เลวกับเขาอีกฝ่ายเอ่ยปากแล้ว แถมกระเพาะไม่สบายจริง ๆ...ซูอวี่เหมียนมองนาฬิกาข้อมือทีหนึ่ง “สะดวก ตอนนั้นฉันจะออกไปซื้อของก่อน นายมาเอา
สำหรับซูอวี่เหมียน นี่คือโอกาสหายาก“ถ้าคุณสนใจก็เอากลับไปอ่านอย่างละเอียดได้”เขาหยิบแฟลชไดร์ฟออกมาแล้ววางตรงหน้าเธอ “ในนี้มีข้อมูลการทดลองอย่างละเอียดครับ”ซูอวี่เหมียนชายตามอง ดวงตากระจ่างใสกระเพื่อมวงคลื่น “ขอบคุณค่ะ ฉันจะพิจารณาอย่างจริงจังนะคะ”สิบโมง ซูอวี่เหมียนควรกลับห้องแล้วเส้าเวินไป๋ส่งเธอถึงหน้าประตู“ฉันอยู่ฝั่งตรงข้ามนี้เอง คุณไม่ต้องเจาะจงส่งฉันหรอกค่ะ” ซูอวี่เหมียนหลุดหัวเราะเส้าเวินไป๋กลับมองนิ้วที่โผล่ออกมาอย่างไม่ได้ตั้งใจของเธอ ก่อนจะเตือนเรียบ ๆ “ปลาสเตอร์จะติดนานเกินไปไม่ได้ ต้องใช้เบตาดีนล้างเชื้อโรค ทางที่ดีก็เปิดแผล”ซูอวี่เหมียนงอนิ้วชี้ตามสัญชาตญาณ “ขอบคุณค่ะ ฉันรู้แล้ว”เส้าเวินไป๋ไม่พูดมาก แค่ผงกศีรษะน้อย ๆ หันไปหยิบไม้อวบน้ำสีชมพูกระถางเล็ก “นี่ให้คุณ”ซูอวี่เหมียนกะพริบตาปริบ ๆ แบบเซอร์ไพรส์เล็กน้อย มองดูไม้อวบน้ำขนาดเท่าฝ่ามือ ใบป้อม ๆ เปลี่ยนจากสีเขียวเป็นสีชมพู ทรงสวยมาก“น่ารักอย่างนี้ จะให้ฉันจริงเหรอคะ?”“ครับ หลายวันก่อนผ่านร้านดอกไม้ เห็นเหลืออยู่กระถางหนึ่งน่าสงสารก็เลยซื้อมา ถือเป็นการขอบคุณที่เลี้ยงปลาผมครั้งก่อนแล้วกันครับ”ซูอ
ต้นเดือนกรกฎาคม อุณหภูมิสุงขึ้นเรื่อย ๆ กรมอุตุนิยมวิทยาแจ้งเตือนสีแดงอุณหภูมิสูงสามสิบห้าองศาหนึ่งสัปดาห์แล้ว การทดลองของเส้าเวินไป๋หลังจากคำนวณพิสูจน์ครั้งแล้วครั้งเล่า ในที่สุดก็มีความคืบหน้ากว่าจะมีเวลาพัก เขาลากร่างอันอ่อนล้าขึ้นชั้นเจ็ด เตรียมจะนอนเสริมกำลังสักหน่อย แต่จู่ ๆ ฝั่งตรงข้ามก็มีเสียงดังขึ้นมาเขาที่กำลังจะเปิดประตูหยุดชะงัก หันมองประตูที่ปิดสนิท แล้วไปเคาะประตู “ซูอวี่เหมียน คุณอยู่ห้องหรือเปล่า?”ไม่มีคนตอบกลับ เขาจึงเคาะอีกทียังคงเงียบเหมือนเดิมเขาลังเลสองวินาที ในตอนที่กำลังลังเลว่าจะแจ้งความดีไหมก็ได้ยินเสียง “แกร๊ก” ประตูเปิดออกแล้วซูอวี่เหมียนชะโงกหัวออกมาจากหลังประตู เหลือเพียงช่องว่างหนึ่ง“มีอะไรเหรอคะ?”เธอสีหน้าราบเรียบ การเปิดประตูก็ดูเหมือนเพราะจู่ ๆ เขาเคาะประตู ส่วนน้ำเสียงก็ปกติ ไม่มีอะไรแปลกแต่ที่น่าแปลกคือ เส้าเวินไป๋รู้สึกได้ว่าตอนนี้เธอกำลังอารมณ์ไม่ดีมากเหมือนกับดอกกุหลาบที่ไม่ได้รดน้ำ ใกล้เฉาเต็มที เส้าเวินไป๋นิ่งไปครู่หนึ่งซูอวี่เหมียนมองเขาด้วยความสับสนแล้วจู่ ๆ อีกฝ่ายก็พูดว่า “ครั้งก่อนคุณบอกว่าคุณกำลังเขียนวิทยานิพนธ์
ทั้งที่เป็นอาหารกลิ่นสีรสครบเครื่อง แต่เหอซ่งเฉิงกลับกินอย่างไม่เป็นตัวของตัวเองกว่าจะกินเสร็จ เขาก็รีบกล่าวลากลับไปจู่ ๆ ในห้องก็เงียบ ขณะซูอวี่เหมียนเก็บถ้วยตะเกียบ คำพูดของเจียงฉีถิงกลับวนเวียนอยู่ในสมองอย่างไม่รู้ตัวกระเพาะทะลุ...พอใจลอย มือก็ลื่นทำถ้วยหล่นแตกเธอใช้มือเก็บตามจิตใต้สำนึก ไม่ระวังจับถูกเศษถ้วย เธอสุดปากทีหนึ่ง น้ำตาตกอยู่บนหลังมืออย่างควบคุมไม่อยู่หกปี ไม่ใช่หกวัน และไม่ใช่หกเดือน ความเคยชินบางอย่างฝังลึกอยู่ในกระดูกนานแล้ว วินาทีที่ได้ยินว่าเจียงอี้หวยนอนโรงพยาบาล เธอก็กังวลขึ้นมาแบบอัตโนมัติ ทีแรกอยากไปเยี่ยมที่โรงพยาบาลอยู่เหมือนกันดีที่สติสัมปชัญญะสกัดจิตใต้สำนึกนี้ไว้ซูอวี่เหมียนคิด เธอจะค่อย ๆ ชินกับการไม่เป็นห่วงอีก และจะไม่หลั่งน้ำตาให้เขาอีกเธอกับเจียงอี้หวยจากที่สดใสด้วยความรัก ถึงอยู่เฝ้าอย่างแหนงหน่าย กระทั่งเลิกราในที่สุด ไม่รู้ว่ารอยร้าวเริ่มปรากฏตั้งแต่เมื่อไรอาจเป็นเพราะการผิดคำพูดครั้งแรก หรืออาจเป็นการโกหกครั้งแรกของเขา...ตอนนี้นึกดูแล้วกลับเหลือเพียงความทรงจำคลุมเครือหกปี มันสามารถสรรเสริญจนคนน้ำตาร่วงได้ แต่ก็ไม่คู่ควรให้กล่า
พอซูอวี่เหมียนกลับบ้านก็ตรวจสอบตู้เย็น ผักที่ซื้อเมื่อวานยังเหลือเยอะ จึงเตรียมจะทำสตูว์เนื้อตุ๋นมันฝรั่ง ซี่โครงผัดเปรี้ยวหวาน มะเขือเทศผัดไข่ แล้วก็ทำ...ผัดผักอีกอย่างเธอล้างผัก หั่นผักเร็วมาก ทำให้เหอซ่งเฉิงที่ทำกับข้าวไม่เป็นตกตะลึง“คนสมัยนี้ส่วนมากจะสั่งดิลิเวอรีหรือไม่ก็ออกไปกินกันทั้งนั้น แต่ผู้หญิงที่ทำกับข้าวเองอย่างเธอนี้น้อยลงทุกที”ซูอวี่เหมียนยิ้มน้อย ๆ “รูปแบบการใช้ชีวิตของแต่ละคนไม่เหมือนกันค่ะ ฉันแค่ชินกับการทำกับข้าวกินเองเท่านั้น”เหอซ่งเฉิงมองหลังที่กำลังยุ่งงวดของเธอ แล้วมองดูรอบ ๆ รอบหนึ่งห้องไม่ใหญ่ แต่เก็บได้สะอาดมาก การจัดวางตั้งใจมากเหมือนกันห้องรับแขกมีชั้นเล็ก ๆ อยู่ชั้นหนึ่ง เต็มไปด้วยหนังสือ เขามองดูแวบหนึ่ง เห็นว่าเป็นหนังสือวิชาเอกทั้งหมด แต่หนึ่งในนั้นดูแปลกแยกเล็กน้อย เพราะมันคือหนังสือด้านฟิสิกส์แต่เขารู้สึกว่าการมองประเมินห้องของผู้หญิงแบบนี้ไม่ค่อยมีมารยาทสักเท่าไร ดังนั้นจึงไม่กล้าดูมากไม่นานอาหารหลายจานก็ขึ้นโต๊ะ บวกกับข้าวสวยร้อน ๆ กลิ่นหอมมุดเข้ารูจมูกเหอซ่งเฉิงชิมซี่โครงผัดเปรี้ยวหวานคำหนึ่ง ทึ่งจนเบิกตาโพลง “อร่อยสุด ๆ ไปเลย! ฝี
เจียงฉีถิงก็งงอยู่เหมือนกันถ้าเป็นแต่ก่อน พี่ชายเธอเข้าโรงพยาบาล ซูอวี่เหมียนจะมายื่นน้ำเอาใจ น้ำตาคลอเบ้าอยู่ข้างเตียงนานแล้ว ครั้งนี้ทำไมไม่เห็นแม้แต่เงา?พอพูดออกมาอย่างนี้ ความเงียบที่เหมือนกับความตายก็ขยายตัวออกไปเจียงอี้หวยเงียบ ใบหน้าเฉยเมย พวกเฉิงโจวกับกู้อี้โจวที่รู้เรื่องก็ไม่กล้าปริปากเหมือนกันยังเป็นเสิ่นสือเยี่ยนที่พูดชืด ๆ อยู่อีกทางหนึ่ง “พวกเขาเลิกกันแล้ว พวกคุณป้าไม่รู้เหรอครับ”ซูอวี้ฉินขมวดคิ้ว “ทำไมยังทะเลาะกันอีก? นี่มันตั้งกี่วันแล้ว? อารมณ์ก้าวหน้านี่!”พอเจียงอี้หวยได้ยินก็หน้าบึ้งยิ่งกว่าเดิม“แค่กๆ! คุณป้าครับ ครั้งนี้ เกรงว่าจะไม่ง่ายอย่างนั้นนะครับ...” เสิ่นสือเยี่ยนมองซูอวี้ฉินแวบหนึ่ง“หมายความว่ายังไง? ซูอวี่เหมียนยังวางมาดอีกเหรอ?!”“แม่” เจียงอี้หวยพูดตัดบทด้วยสีหน้าขึงขัง น้ำเสียงเย็นเยียบ “ครั้งนี้เลิกแล้วจริง ๆ ผมบอกเลิกเอง”“...อะไรนะ?” ซูอวี้ฉินอึ้งเจียงฉีถิงก็ทำหน้าตกตะลึงเหมือนกันพอนับดูเวลา ครั้งนี้ซูอวี่เหมียนโกรธนานจริง ๆ...ซูอวี้ฉินออกมาจากห้องพักผู้ป่วย ยังไม่ทันออกจากโรงพยาบาลก็โทรศัพท์หาซูอวี่เหมียนทันทีเพิ่งรับสาย ปลา
อีกทางหนึ่ง ซูอวี่เหมียนอึ้ง ในหัวผุดภาพที่เขาจูงมือกับสือมู่ซียิ้มแย้มตอบไปเรียบ ๆ “ไม่สบายก็ไปโรงพยาบาล ฉันไม่ใช่หมอ”พูดจบก็วางสายน้ำเสียงราบเรียบง่าย ๆ ราวกับที่คุยอยู่เป็นแค่คนแปลกหน้าจริง ๆเจียงอี้หวยโกรธจนกัดฟันกรามแน่น ตัวสั่นเทา เขวี้ยงโทรศัพท์มือถือกับพื้นจนแหลกไปเลยป้าหวังที่อยู่ด้านข้าง “?”นั่นมันโทรศัพท์มือถือของเธอนะ!!เจียงอี้หวยถูกซูอวี่เหมียนทำให้โมโหเลือดลมพลุ่งพล่าน กระเพาะก็ยิ่งเจ็บจึงฝืนตัวเองขึ้นชั้นบนขังตัวเองอยู่ในห้องประชดเสียเลยเธอนึกว่าเขาไม่มีเธอแล้วจะอยู่ไม่ได้เหรอ?!น่าหัวเราะ!ป้าหวังมองโทรศัพท์มือถือของตัวเองที่ต้องรายงานว่ากลายเป็นขยะแล้วก็นึกถึงการโทรศัพท์เมื่อครู่ ตามด้วยส่ายหน้าถอนหายใจก็ไม่รู้ว่าคุณชายคิดอย่างไร คุณซูเป็นผู้หญิงที่ดีออกอย่างนั้น เขากลับตัดใจไล่เธอไปได้จริง ๆ...ตอนบ่าย ป้าหวังทำความสะอาดเสร็จ เคาะประตูห้องนอนก่อนไป“คุณชาย?”ไม่มีการตอบรับ เธอนึกว่าเจียงอี้หวยกำลังโกรธ ไม่ได้คิดอะไรมากก็กลับก่อนตอนบ่ายเจียงฉีถิงขับรถมาที่คฤหาสน์ หลังจากปลดล็อกด้วยลายนิ้วมืออย่างคล่องแคล่วแล้วก็เปิดประตูเข้าบ้าน“พี่ ฉันมาถ่
ยังมีอีกจำนวนหนึ่งที่เธอถ่ายเส้าอวี่เวย ตอนนั้นเพิ่งลงจากรถไฟเหาะ อย่างกับหนีจากความตายอย่างนั้นแหละ พอเธอเห็นแล้วก็อดหัวเราะไม่ได้ไถไปจนถึงรูปสุดท้ายเหลือแต่รูปเดี่ยวของเธอ เธอคิดจะปิดมือถือ กลับพบว่าในหมู่คนสัญจรในแบ็กกราวนด์มีคนที่คุ้นเคยอยู่สองคนเธอเม้มริมฝีปาก คงไม่ทันระวังถ่ายติดสือมู่ซีกับเจียงอี้หวยด้วยนั่นแหละในรูปเธอคือตัวเอง คนที่อยู่ข้างหลังเป็นแค่แบ็กกราวนด์ แต่ทั้งสองจับมือกันตลอด กลับดูเหมือนเป็นเธอที่บุกรุกเข้าโลกของคนอื่น……“ป้าหวัง ป้าหวัง!”เจียงอี้หวยกุมท้อง เรียกสองทีทั้งหน้าซีดทว่าคฤหาสน์เงียบกริบ ไม่มีเสียงตอบรับใด ๆเช้ามาเขาปวดท้องจนตื่นอาการปวดบิดส่งมาจากกระเพาะ เขาตัวเย็นไปหมด คลื่นไส้อยากอาเจียนกลับอาเจียนไม่ออกความรู้สึกนี้คุ้นเคยมาก โรคกระเพาะกำเริบแล้วนึกถึงยากระเพาะที่เตรียมไว้ในบ้าน เจียงอี้หวยย้อนรอยความคิดแล้วเริ่มรื้อค้นทว่าเหลือยาแค่กล่องเดียวแล้ว และยาในนั้นก็หมดแล้วด้วยเขาอดทนต่อความเจ็บปาดแล้วโทรศัพท์ไปหาผู้ช่วย“ซื้อยากระเพาะแล้วส่งมาที่คฤหาสน์หน่อย”พอผู้ช่วยได้ยินก็ไม่กล้ารอช้า ไปซื้อมากล่องจากหนึ่งร้านยาทันทีเมื่อขั
มือของผู้ชายข้อกระดูกชัดเจน เรียวยาวสวย เธอเบนสายตาไปเล็กน้อย เห็นในรถเข็นของเขามีแต่อาหารกึ่งสำเร็จรูป ครั้นเคลื่อนสายตาขึ้นบน เจ้าของมือก็ก้มลงมามองเธอพอดีซูอวี่เหมียนยิ้ม “ของพวกนี้คงไม่ใช่มื้อเย็นของคุณหรอกนะคะ?”“แค่ก! บางทีกลับบ้านดึก ไม่อยากสั่งดิลิเวอรีก็เลยกินง่าย ๆ น่ะครับ” เส้าเวินไป๋ตอบเรียบ ๆ“ผมคำนวณมาแล้ว ของพวกนี้มีโปรตีนกับวิตามินที่ร่างกายต้องการในหนึ่งวัน แล้วยังมีคาร์โบไฮเดรตด้วย”ซูอวี่เหมียนเห็นท่าทางอธิบายอย่างจริงจังของเขาแล้วก็อดหัวเราะไม่ได้ “ดูท่าศาสตราจารย์เส้าจะพิจารณาทุกอย่างจากการคำนวณทางวิทยาศาสตร์และควบคุมอย่างแม่นยำสินะคะ”“แต่ถ้ามีอาหารสดใหม่ร้อน ๆ กับของพวกนี้ว่างอยู่ตรงหน้าให้เลือก คุณจะเลือกอะไรคะ?”เส้าเวินไป๋นิ่งเงียบ คำตอบชัดเจนมาก ถ้ามีอาหารร้อน ๆ ใครจะไปอยากกินอาหารจานด่วนกัน?ซูอวี่เหมียนยิ้มเจ้าเล่ห์ “เพราะฉะนั้น ศาสตราจารย์เส้าคะ ฉันจะทำมื้อเย็นเอง เพื่อเป็นการตอบแทน คุณแค่ช่วยฉันทำเรื่องหนึ่งก็พอแล้วค่ะ”ครึ่งชั่วโมงให้หลัง เส้าเวินไป๋มองปลาบนเขียง “...ดูเหมือนว่ามันจะจัดการยากอยู่นะครับ”ซูอวี่เหมียนกระแอมกระไอเบา ๆ “ความจริงปกต