“วินไม่รู้หรอกลิน วันที่ฝ้ายหนีออกจากโรงพยาบาล ฝ้ายส่งข้อความมาบอกว่าอยู่กับพ่อแม่ ไม่ต้องห่วง แค่นี้เอง แล้วฝ้ายไม่ได้ติดต่อลินมาบ้างเหรอ วินก็เป็นห่วงอยู่เหมือนกันนะ”
“ลินก็รออยู่เนี่ย ฝ้ายไม่โทรมาหา ไม่ส่งข้อความมาเลย”
“เดี๋ยวฝ้ายก็ติดต่อมาเองแหละน่า กินเค้กไหม เดี๋ยววินเลี้ยงเอง” นายแพทย์หนุ่มยิ้มกว้าง
“อือ...วินไปเลือกให้หน่อยเอาอะไรก็ได้ เอามากินแก้เครียด”
นายแพทย์ชัยชนะยิ้มกับท่าทางถอนหายใจของนลิน เขาวางโทรศัพท์และแท็บเลตไว้บนโต๊ะก่อนจะเดินไปสั่งเค้กมาให้นลิน หลังจากนายแพทย์หนุ่มเดินไปจากโต๊ะ เสียงสัญญาณเตือนข้อความเข้าจากโทรศัพท์ที่วางอยู่ก็ดังขึ้น ทำให้นลินชำเลืองตามอง
‘วิน...ฝ้ายอยากได้ประวัติการรักษาของฝ้ายที่โรงพยาบาลของวิน’
‘คุณหมอบอกว่าฝ้ายเคยแท้งมาก่อน เลยอยากดูประวัติประกอบการฝากครรภ์’
‘ส่งมาตามที่อยู่ที่ให้ไว้เลยนะ’
นลินอ่านทุกข้อความเด้งขึ้นมาบนหน้าจอ ด้วยใจที่เต้นไม่เป็นส่ำ
“ฝากครรภ์เหรอ” นลินรำพึงเบาๆ เมื่อนายแพทย์หนุ่มเดินมานั่งลงที่เดิม เขาเหลือบมองหน้าจอโทรศัพท์แล้วขมวดคิ
“แต่ฝ้ายก็ทำให้พ่อกับแม่ต้องเสียใจ” น้ำตาของหญิงสาวรื้นปริ่มขอบตา“แม่ไม่เคยเสียใจเพราะฝ้าย แต่แม่เสียใจที่แม่ไม่สามารถปกป้องดูแลดวงใจของแม่ได้ต่างหาก”แก้วกานดาเงยหน้าสบตามารดาน้ำตาร่วงรินอาบสองแก้มนวล กานต์แก้วใช้นิ้วไล้เช็ดน้ำตาให้ลูกสาวเบาๆ รอยยิ้มที่เจือไปด้วยความเอื้ออาทรของแม่ ทำให้แก้วกานดาอบอุ่นหัวใจยิ่งนัก“จะเป็นแม่คนแล้วอย่าขี้แย ฝ้ายต้องเข้มแข็ง แม่เชื่อว่าลูกจะนำความโชคดีมาให้ฝ้ายแน่นอน” สองแม่ลูกกอดกันแน่น ผู้เป็นพ่อเดินเข้าในบ้านเห็นแล้วก็อดที่จะแซวไม่ได้“กอดกันอยู่สองคนขอพ่อกอดด้วยคนสิ” แก้วกานดาเงยหน้าขึ้นสบตาบิดา“ไม่ให้กอด พ่อขี้โกงได้นอนกอดแม่เยอะกว่าฝ้าย”“โอ๊ย!” แก้วกานดาอุทานเมื่อโดนมารดาตีเบาๆที่บ่าบอบบาง“แม่ตีฝ้ายทำไม”“ก็ฟังพูดสิ เดี๋ยวเถอะ”“ก็มันจริงนี่นา...เนอะพ่อ” กานต์แก้วเงื้อมือขึ้นขู่จะตีอีกครั้ง แก้วกานดาจึงลุกขึ้นไปยืนหลบอยู่หลังบิดา ธาดาหัวเราะกับท่าทางของทั้งสอง“ไปดูช่างเขาทำงานหน่อยไหมฝ้าย เผื่อมีอะไรอยากเพิ่มเติม อีกไม่กี่วันก็เปิดร้านได้แล้วนะลูก” ธาดาเอ่ยชวนบุตรสาว แก้
คุณอนุชิตและคุณจันทร์แรมประคองลูกสาวพากลับบ้านไปแล้ว ความเงียบครอบคลุมอยู่หน้าห้องฉุกเฉินอีกครั้ง นายแพทย์ชัยชนะสบตานลินด้วยความเห็นใจ คุณนัยนาแทบจะล้มทั้งยืน“เราจะทำให้ดีที่สุดครับคุณป้า” คุณนัยนาพยักหน้ายิ้มอย่างอยากเย็นให้นายแพทย์หนุ่ม“แม่ไปพักผ่อนก่อนดีไหมคะ เดี๋ยวลินจะคอยพี่รบอยู่ตรงนี้เอง” นลินเอ่ยกับมารดา เมื่อเห็นว่าเวลาผ่านมานานหลายชั่วโมงแล้ว“แม่จะรอรบอยู่ตรงนี้” คุณนัยนาพูดเบาๆ ด้วยน้ำเสียงที่ล้าเต็มที นลินได้แต่ถอนหายใจแล้วกอดมารดาที่นั่งอยู่ข้างกันไว้แน่น แล้วทั้งสองก็ต้องลุกขึ้นยืนพร้อมกัน เมื่อประตูห้องฉุกเฉินเปิดออก“การผ่าตัดเป็นไปด้วยดีครับ แต่ยังต้องเฝ้ารอดูอาการในห้องไอซียูก่อน คุณหมออนุญาตให้เข้าเยี่ยมได้พรุ่งนี้นะครับ”คุณนัยนาและนลินกอดกันแน่นด้วยความดีใจ“ขอบคุณมากนะวิน ขอบคุณมาก” นลินยิ้มกว้างให้นายแพทย์หนุ่ม คุณนัยนาน้ำตารินไหลด้วยความรู้สึกยินดีกับคำบอกเล่าที่เพิ่งได้ยิน“เอ...แม่คะ...วันนี้บุรุษไปรษณีย์มาส่งจดหมายหรือยังคะ” แก้วกานดาเอ่ยถามมาร
ร่างของนักรบนอนนิ่งอยู่บนเตียงกลางห้อง ชายหนุ่มนอนหลับตาไม่ไหวติง สายน้ำเกลือและสายอื่นๆที่เชื่อมต่อกับร่างของเขาระโยงระยางอยู่เต็มไปหมด แก้วกานดายกมือขึ้นปิดปากเพื่อปิดกั้นเสียงสะอื้นของตนเองทันที หญิงสาวเดินช้าๆไปนั่งลงที่เก้าอี้ข้างเตียง มองใบหน้าคมเข้มด้วยแววตาห่วงใย มือเล็กสองข้างค่อยๆประคองจับมือใหญ่ ที่วางอยู่ข้างลำตัวของคนที่นอนไม่รู้สึกตัว แก้วกานดาบีบเบาๆ ก่อนจะซบใบหน้าแนบกับหลังมือใหญ่นั้น หยดน้ำตาที่คิดว่าบังคับมันไว้ได้แล้ว กลับร่วงรินไม่ขาดสาย เกินความสามารถที่จะห้ามได้ เธอจ้องมองใบหน้าคนที่ตัวเองรักนิ่งนาน ราวกับจะส่งผ่านความห่วงใยให้เขารับรู้ กว่าแก้วกานดาจะเอ่ยถ้อยคำออกมาจากริมฝีปากได้มันช่างยากเย็นนั้น“พี่รบขา ฟื้นขึ้นมาเถอะนะคะ ฝ้ายยอมทนเจ็บปวดที่จะไม่ได้เจอหน้าพี่รบได้ แต่ฝ้ายอยู่ไม่ได้ถ้าโลกนี้จะไม่มีพี่รบอีกต่อไป พี่รบต้องมีชีวิตอยู่ต่อไปนะ มีชีวิตอยู่เพื่อรับรู้ถึงความเจ็บปวดอย่างที่ฝ้ายเคยรู้สึก อยู่เพื่อให้ฝ้ายรู้สึกเกลียดให้ได้สักที ฮึกๆๆ...ฟื้นขึ้นมาได้แล้วนะคะ...ที่รัก” เสียงหวานเจือสะอื้น หัวใจของแก้วกานดาหวิวไหวราวกับจะขาดสะบั้นลง ร่างเล็กสะอื้น
“ฝ้าย...” นักรบเพ้อเบาๆ หากแต่คุณนัยนาได้ยินชัดเจน ใบหน้างามสมวัยของเธอหม่นเศร้าลงเล็กน้อย“รบ...นี่แม่นะ เป็นไงบ้างลูก” นักรบพยายามปรือตาขึ้น แต่ก็ต้องหรี่ตาเพื่อปรับให้คุณชินกับแสงสว่าง ครู่เดียวเขาก็ลืมตาขึ้นเต็มตา นัยน์ตาคมเข้มอ่อนล้าอย่างเห็นได้ชัด ผู้เป็นแม่รีบจับมือลูกมากุมไว้ด้วยความดีใจ“รบฟื้นแล้ว เป็นไงบ้างลูก เจ็บตรงไหนบ้าง” คุณนัยนาลูบหน้าตาลูกชายด้วยความเป็นห่วง น้ำตาของคนเป็นแม่ปริ่มขอบตา นักรบยิ้มอย่างยากเย็นให้แม่ของตน“ฝ้ายล่ะครับแม่ ฝ้ายมาหาผมแล้วใช่ไหมครับ” นักรบถามมารดาด้วยเสียงแหบแห้งเบาหวิว“ลูกต้องพักผ่อนเยอะๆนะรบ อย่าเพิ่งไปคิดเรื่องคนอื่น”“ฝ้าย...ลูก...ผมจะไปหาลูกเมียของผม” นักรบพยายามลุกขึ้นจากเตียง หากแต่ก็ทำไม่ได้ดั่งใจ“คนไข้อย่าเพิ่งเคลื่อนไหวนะคะ ให้คุณหมอตรวจก่อนนะคะ” นางพยาบาลเปิดประตูเข้ามาเห็นคนไข้หัวดื้อกำลังจะพยายามลุกขึ้น จึงเอ่ยห้ามไว้นักรบนอนกลอกตามองดูเพดาน ปล่อยให้ทั้งหมอและพยาบาลตรวจร่างกายของตนเอง คุณนัยนาเดินออกมาจากห้อง เมื่อทีมแพทย์เข้ามาตรวจร่างกายลูกชาย เธอนั่งลงที่เก้าอี้หน้าห้อง สอ
“แต่อีกไม่กี่วันตารบน่าจะกลับไปทำงานได้แล้วนะคะ ตอนนี้ลินก็ไปทำงานทุกวัน น่าจะพอแทนพี่ชายเขาได้ แล้วอีกอย่างหนูเจนนี่ก็จะแต่งงานกับตารบอยู่แล้ว ให้ทุกอย่างมันเป็นไปตามเดิมเถอะค่ะ” คุณนัยนายังไม่พร้อมที่จะยอมให้ใครมานั่งเก้าอี้ประธานบริหารแทนลูกชายของตน“อย่าหาว่าอย่างนั้นอย่างนี้เลยค่ะคุณพี่ ดิฉันคงไม่ยอมให้ลูกสาวแต่งงานกับคนที่ยังไม่แน่ใจว่าจะกลายเป็นคนพิการหรือเปล่าหรอกค่ะ นี่ก็เห็นว่ายังต้องไปหาหมออยู่แทบจะทุกอาทิตย์นี่คะ แล้วไหนจะยังอาการปวดหัวที่กำเริบมาบ่อยๆอีก จะให้ลูกดิฉันมาดูแลก็คงใช่ที่ ลูกดิฉันยังสาวยังสวยนะคะ ตอนนี้ดิฉันก็เล็งๆลูกชายท่านทูตไว้ คิดว่าไม่เกินเดือนหน้าคงจะหมั้นกันแล้วค่ะ คุณพี่เข้าใจเราใช่ไหมคะ” สิ่งที่คุณจันทร์แรมพูดมาทั้งหมดคุณนัยนาเข้าใจดี เข้าใจอย่างที่สุด เพราะความรู้สึกว่าลูกต้องคู่ควรกับคนที่เหมาะสมเท่านั้น เธอก็เคยคิดอย่างนั้น“อย่างน้อยรบก็ยังถือหุ้นสิบเปอร์เซ็นต์ แค่ส่วนแบ่งกำไรและเงินปันผลจากหุ้นจำนวนนี้ ก็มากพอที่จะทำให้คุณนัยนาและลูกสุขสบายไปทั้งชาติแล้วนะครับ ส่วนหนูลิน ถ้าอยากทำงานอยู่บริษัทเหมือนเดิม ผมก็ไม่ได้ว่าอะไร และยินดีใ
“สวัสดีครับ แฟรี่ นางฟ้าของผม” แก้วกานดาจึงถึงบางอ้อ ยิ้มตอบอย่างดีใจ“คุณเควิน! มาได้ยังไงคะเนี่ย” คำถามของแก้วกานดาทำให้ชายหนุ่มเลิกสูงคิ้วสูงยิ้มๆ แล้วชี้ไปที่รถซูเปอร์ไบค์คู่ใจก่อนที่ทั้งสองจะหันมาสบตากันแล้วหัวเราะขึ้นพร้อมกันเควินเดินตามแก้วกานดาไปทั่วบริเวณของร้าน หญิงสาวอธิบายมุมโน้นมุมนี้ให้ฟังด้วยรอยยิ้ม เขายอมรับว่าหัวใจมันสูบฉีดแรงผิดปกติเมื่ออยู่ใกล้ๆแก้วกานดา ผู้หญิงสวยที่มีรอยยิ้มแสนหวาน มองยังไงก็ไม่รู้สึกเบื่อ“คุณเควิน คุณเควินคะ” แก้วกานดาหยุดเดินแล้วหันมาเรียกเควิน เพราะเห็นเขาออกอาการเหม่อลอยแปลกๆ“คะ...ครับ ว่าไงครับแฟรี่” รอยยิ้มกว้างของหนุ่มอังกฤษ ที่สาวๆหลายคนหลงหัวปักหัวปำ ไม่เว้นแต่นลินเพื่อนรักของเธอ“พรุ่งนี้เป็นวันเปิดร้านวันแรก ถ้าคุณเควินสะดวกเชิญที่ร้านด้วยนะคะ”“ผมมาแน่นอนครับ อยากจะลองชิมรสชาติกาแฟของแฟรี่ ว่าจะหอมละมุนแค่ไหน” ใบหน้าชวนฝันของเควินทำให้แก้วกานดาหัวเราะเบาๆ“เอ่อ...แล้วแฟรี่ลาออกจากบริษัทของคุณรบแล้วหรือครับ” แก้วกานดาแววตาสลดวูบลงครู่หนึ่ง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นตอบคำถาม“ค่ะ พ่อกับ
“สวัสดีค่ะคุณเควิน” ชายหนุ่มขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะยิ้มกว้าง นลินโผเข้ากอดเควินราวกับว่าสนิทสนมกันนักหนา“คิดถึงจังเลยค่ะ” คนถูกจู่โจมไม่ทันตั้งตัวทำหน้างงๆ“เอ่อ...สวัสดีครับคุณลิน” มือใหญ่โอบรัดร่างบางสมส่วนครู่หนึ่งก่อนจะคลายออก นลินปล่อยวงแขนออกจากร่างของเควินแล้วสบตาชายหนุ่มยิ้มกว้าง“เอ่อ...คุณเควินกลับกรุงเทพวันนี้เลยไหมคะ ลินขอกลับด้วยคนสิคะ” นลินเริ่มรุกทันที“กลับวันนี้ครับ แต่...”“ไม่มีต่งแต่อะไรทั้งนั้นล่ะค่ะ สรุปตามนี้นะคะ เข้าไปในร้านกันเถอะค่ะ ไปหาอะไรดื่มกัน” นลินดึงรั้งแขนเควินเดินนำหน้าเข้าไปในร้าน แก้วกานดาได้แต่ยืนอึ้งในสิ่งที่เพื่อนทำ“ตามมาสิฝ้าย มารับออเดอร์ให้คุณเควินหน่อย” คนถูกเรียกรีบสาวเท้าตาม แต่ก็อดที่จะชำเลืองไปมองคนที่นั่งดูภาพเหตุการณ์บีบคั้นหัวใจอยู่ไม่ได้ นายแพทย์ชัยชนะได้ยินทุกถ้อยคำที่นลินพูด และเห็นท่าทางที่นลินแสดงต่อเควินทุกช็อต จะยอมเอาตัวเข้าแลกเลยเหรอ ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ต้องเหลือตัวไว้เข้าแลกดีกว่าไหม เขาสู้อุตส่าห์เดินหน้าอย่างช้าๆ แต่นลินกลับไม่เคยเห็นใจ เห็นทีคงต้องใช้กำลังเดินหน้าเต็มสูบกันสักที
แก้วกานดาหันหลังกลับเดินเข้าบ้าน วันนี้หัวใจเธอเข้มแข็งขึ้นมาก ถึงแม้รู้ตัวดีว่าไม่สามารถลืมผู้ชายคนนั้นได้ แต่เธอจะไม่มีวันเปิดโอกาสให้เขากลับเข้ามาในชีวิตเธออีก ที่ผ่านมาเธอเจ็บปวดมามากพอแล้ว และคนที่เจ็บปวดมากกว่าก็คือพ่อกับแม่ เธอจะไม่ยอมให้ท่านทั้งสองต้องมาเสียใจเพราะเธออีกเด็ดขาด“ลิน ถึงไหนแล้ว” ผู้โดยสารระกับวีไอพีเริ่มงอแง ทำเสียงงุ้งงิ้งราวกับป่วยเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย นลินตวัดหางตามองแวบเดียว“เป็นอะไรมากมายไหมวิน เพิ่งขับรถออกจากร้านยายฝ้ายมาไม่ถึงสิบนาทีจะถึงไหนกันเชียว นอนหลับไปเลยนะ” น้ำเสียงประชดเล็กน้อยทำให้คนฟังเพิ่มแอคติ้งในการออดอ้อน“วินปวดหัวมาก แวะนอนพักก่อนได้ไหม”“อะไรนะ” นลินถามกลับเร็วเสียงสูง“ก็อาการปวดหัวแบบนี้ถ้าไม่ได้รับการพักผ่อนทันที แล้วยังนั่งรถอยู่อย่างนี้ วินว่าพรุ่งนี้วินคงไปประชุมไม่ได้ แวะนอนพักก่อนเถอะลิน”“ไม่ได้! แล้วทำไมไม่บอกตั้งแต่อยู่บ้านฝ้าย จะได้ให้นอนพักก่อน”“ใจร้าย...ใครจะไปรู้ล่ะว่ามันจะปวดมากขึ้นทุกนาทีอย่างนี้ โอ๊ย!” นายแพทย์ชัยชนะก้มหน้ากุมศีรษะตัวเ
นายแพทย์ชัยชนะหัวเราะในลำคอ “เพราะรักหรอกน่า...เดือนหน้าเราจะต้องแต่งงานกันนะ วินไม่ อยากนอนคนเดียว อยากตื่นมาตอนเช้าแล้วเห็นลินเป็นคนแรก” มือหนาลูบไล้ไปตามแผ่นหลังนุ่ม“ปากหวานก็เป็นด้วย” นลินพูดเสียงอู้อี้อยู่ชิดแผงอกกว้าง“วินรักลินนะ” นลินผงกศีรษะขึ้นสบตาแวววาวของชายหนุ่ม สองสายตาประสานกันอยู่เนิ่นนาน นายแพทย์ชัยชนะค่อยๆพลิกร่างตัวเองขึ้นคร่อมร่างของหญิงสาวให้อยู่ใต้ร่างของตนเอง นลินพ่นลมหายใจออกเบาๆ หลับตาลงช้าๆเมื่อใบหน้าหล่อเหลาของคนบนร่างโน้มลงมาใกล้ ริมฝีปากบางจิ้มลิ้มของเธอถูกครอบครองแผ่วเบา หญิงสาวเผยอปากรับอย่างเต็มใจ ชายหนุ่มเริ่มรุกเร่าร้อน ลิ้นสากของเขาไล่ต้อนตวัดรัดรึงลิ้นเล็กของเธอด้วยความโหยหา นลินจูบตอบด้วยประสบการณ์ที่น้อยนัก แต่กลับทำให้ชายหนุ่มครางกระหึ่มในลำคอด้วยความพึงพอใจ“วินรักลินที่สุด” เสียงทุ้มดังอยู่ชิดริมหูเล็ก นายแพทย์ชัยชนะละจากริมฝีปากของนลิน ใช้จมูกโด่งซอกซอนดอมดมไปตามใบหน้าเนียนและลำคอหอมกรุ่น ชุดนอนของหญิงสาวดูจะเกะกะสายตาเขาเป็นที่สุด มือใหญ่จึงลงมือแกะและถอดปราการบนร่างบางทุกชิ้นออกอย่างรวดเร็ว นลินนอนหอบหายใจแรงอย่างเขิน
“รีบๆแต่งกันไปเถอะหนูลิน หมั้นกันนานๆผู้คนจะมองไม่ดี มีคนมาดูแลหนูลิน คุณนัยนาจะได้สบายใจ” กานต์แก้วพยายามเกลี้ยกล่อมนลินช่วยอีกคน เพราะหน้าตาของหญิงสาวบ่งบอกว่างอนมารดาอย่างเห็นได้ชัด“หรือหมอวินทำอะไรให้ลินไม่พอใจหรือเปล่า” นักรบลุกขึ้นยืนขึงขัง เงื้อกำปั้นขึ้นเล็งไปที่นายแพทย์หนุ่มที่นั่งอยู่ข้างน้องสาว นลินรีบยกมือห้ามทันควัน“ไม่ๆค่ะ พี่รบจะทำอะไรเนี่ย วินเขาไม่ได้ทำอะไรลินสักหน่อย” ประโยคสุดท้ายของนลินฟังแล้วไม่ค่อยมั่นใจนัก เสียงหัวเราะของคนรอบข้างทำให้นลินกวาดสายตาดูทุกคนอายๆ ที่เผลอออกโรงปกป้องชายหนุ่ม“นั่นไง...เป็นห่วงหมอวินล่ะสิ...สรุปแต่งกันเดือนหน้าเลยนะ ฝากดูแลลินด้วยนะหมอวิน” คนเป็นพี่พูดจบก็นั่งลง สบตากับว่าที่น้องเขยยิ้มๆ นลินมองหน้าว่าที่เจ้าบ่าวของตนอย่างหมั่นไส้ ก็เขาเล่นยิ้มแก้มแทบจะปริอยู่แล้วนะเช้าวันต่อมาผู้สูงอายุทั้งสามออกจากบ้านแต่เช้า นักรบและแก้วกานดาช่วยกันทำงาน แต่ส่วนใหญ่จะหนักไปทางสามีเป็นผู้ทำทั้งหมดเสียมากกว่า ด้วยเกรงว่าภรรยาจะเหนื่อย ไม่ได้พักผ่อน นลินและนายแพทย์ชัยชนะนั่งพักผ่อนอยู่บริเวณซุ้มไม้นอกร
“เอ่อ...จ้ะๆ...ต่อไปพี่จะไม่ทำแบบนี้อีกแล้ว เรารักกันๆเนอะ” นักรบลุกจากเก้าอี้นั่งคุกเข่าลงข้างแก้วกานดา วงแขนแกร่งโอบร่างคุณแม่ท้องหกเดือน ใบหน้าคมเข้มซบลงออดอ้อนเอาใจ“นับหนึ่งบอกแม่นะว่าอย่างอนพ่อ” เสียงทุ้มเอ่ยชิดหน้าท้องกลมของแก้วกานดา หญิงสาวก้มมองใบหน้าด้านข้างของสามี แล้วอมยิ้มกับท่าทางของเขา“อ้อนเมียอยู่เหรอพี่รบ”“อ้าว...ลิน วิน คุณแม่” แก้วกานดากำลังจะลุกขึ้นยืน เพื่อทำความเคารพมารดาของนักรบ แต่คุณนัยนาก็ห้ามเอาไว้ก่อน“ไม่ต้องลุกๆ นั่งเถอะฝ้าย ไหน...หลานย่าว่าไงลูก” คุณนัยนาเบียดตัวเข้าใกล้แก้วกานดา นักรบที่นั่งคุกเข่าอยู่ข้างๆหลีกทางแทบไม่ทัน แต่คุณนัยนาก็ไม่ได้สนใจ เพราะคุณย่าเห่อหลานในท้องลูกสะใภ้ยิ่งกว่าอะไร“โห...คุณแม่ นี่ลูกนะ ไม่สนใจผมเลย” นักรบตัดพ้อเรียกร้องความสนใจ“ตกกระป๋องแล้วพี่รบ” นลินกระเซ้าพี่ชายตนเอง คุณหมอหนุ่มที่นั่งอยู่ข้างๆลอบมองคู่หมั้นตาละห้อย ก็มาครั้งนี้ต้องพักค้างคืนที่บ้านแก้วกานดา ซึ่งมีทั้งคุณแม่และพี่ชายอยู่ด้วย เขาจะมีโอกาสได้ใกล้ชิดกับนลินบ้างไหมหนอ หลังจากค่ำคืนแสนหวานที่รีสอร์ตคืนนั้น เขาก็ให้
“พี่รบถอยไปสิ...ฝ้ายจะไปเสิร์ฟกาแฟ” นักรบทำหน้าตาถมึงทึง เขาดึงถาดในมือหญิงสาวมาวางไว้บนเคาน์เตอร์สูง แล้วดันร่างของคุณแม่ท้องบังคับให้ไปนั่งที่เก้าอี้ในร้าน“นั่งตรงนี้เลย เดี๋ยวพี่ไปเสิร์ฟเอง โต๊ะนั้นมีแต่ผู้ชาย” นักรบพูดน้ำเสียงจริงจัง แก้วกานดาหัวเราะคิก“พี่รบ...ฝ้ายท้องโตขนาดนี้ใครเขาจะมาสนใจ”“ไม่รู้ล่ะ พี่หวง” นักรบยกถาดกาแฟเดินออกไปด้านนอกแล้ว แก้วกานดาได้แต่นั่งถอนหายใจ เสียงลูกน้องในร้านหัวเราะคิกคัก ทำให้หญิงสาวกวาดสายตามองทีละคน จึงทำให้วงแตกกระเจิง ต่างคนต่างทำเป็นหยิบโน่นจับนี่ไม่สนใจกันตั้งแต่คืนดีกันนักรบแทบจะไม่ได้เธอหยิบจับอะไร เขาใส่ใจเธอไปซะทุกเรื่องและตามใจแทบจะทุกอย่าง จนบิดาและมารดาของเธอระอาใจกับลูกเขยขี้เห่อลูก สองวันก่อนเขาพาเธอไปจดทะเบียนสมรสที่ที่ว่าการอำเภอ และพาเข้าไปในเมืองเพื่อซื้อข้าวของเครื่องใช้สำหรับลูก ห้องนอนเดิมของเขาก็ถูกต่อเติมซ่อมแซมไว้สำหรับเป็นห้องของหนูน้อยที่กำลังจะลืมตาขึ้นมาดูโลกในอีกสามเดือนข้างหน้า ส่วนเขา...หลังจากคืนที่ปรับความเข้าใจกันแล้ว ชายหนุ่มก็ย้ายสำมะโนครัวเข้ามาอยู่ในห้องของเธ
มือใหญ่จับดันสะโพกเต่งตึงให้ลอยเหนือที่นอน ขาเรียวแยกกว้างโอบรัดเอวคนบนร่างทันที ฝ่ามือใหญ่วางคร่อมอยู่ข้างร่างเล็ก สายตาคมเข้มจ้องมองดวงหน้าแดงระเรื่อด้วยความรักสุดหัวใจ“เจ็บไหม...พี่จะระวังนะ” คนตัวเล็กยิ้มสบตากับคนบนร่าง นักรบโน้มใบหน้าลงพรมจูบไปทั่วดวงหน้าชื้นเหงื่อของแก้วกานดา ก่อนจะหยุดที่ริมฝีปากบาง ตักตวงความหวานเย้ายวนไม่รู้เบื่อ สะโพกสอบเริ่มขยับช้าๆ ทุกจังหวะการขับเคลื่อนตัวตนของเขาหนักแน่นแต่อ่อนโยน ช่องทางรักอุ่นลื่นสัมผัสรัดรึงความแข็งแกร่ง ตอบรับการรุกล้ำด้วยแรงปรารถนาเดียวกัน“พี่รักฝ้าย พี่รักฝ้าย” นักรบผละจากริมฝีปาก พร่ำบอกรักซ้ำๆชิดหูเล็ก สะโพกสอบยังคงเคลื่อนไหวเนิบนาบหนักแน่น แก้วกานดาบิดเร่าครวญครางเสียงหวาน มือเล็กลูบไล้แผงอกกว้างระเรื่อยไปตามลำคอแกร่ง และหยุดประคองใบหน้าคมเข้มไว้ในมืออุ่น“อ๊า...พี่รบขา อื๊อ!” ความหวามไหวแผ่ไปทั้งร่าง หัวใจวาบหวิวราวกับว่าจะขาดรอน ซาบซ่านจมดิ่งในห้วงเสน่หา ต่างฝ่ายต่างโหยหาในกันและกัน นักรบเร่งจังหวะรักร้อนแรง แก้วกานดาขยับเคลื่อนสะโพกส่ายประสานบ
ริมฝีปากหยักได้รูปแตะลงอย่างแผ่วเบา และค่อยๆบดเบียดให้ปากเล็กเปิดรับการทักทาย เสน่หาที่ห่างหายไปนาน เมื่อถูกปลุกเร้าก็ลุกโชนอย่างง่ายดาย ต่างคนต่างถวิลหาในกันและกัน จูบอบอุ่นหวานละมุนแปรเปลี่ยนเป็นเร่าร้อนซาบซ่านในทันใด เรียวลิ้นเกี่ยวกระหวัดรัดรึงกันดื่มด่ำราวกับว่าไม่มีวันพอในรสจุมพิต เป็นแก้วกานดาเสียเองที่ครางผะแผ่วประท้วง เมื่อเธอรู้สึกว่าหายใจไม่ทัน นักรบผละออกจากริมฝีปากบางอย่างอ้อยอิ่ง เขาดูดดึงริมฝีปากล่างของเธอเบาๆก่อนจะผงกศีรษะมองใบหน้านวลแดงระเรื่อ แววตาเปี่ยมรักของนักรบจ้องลึกลงไปในดวงตากลมโต คำสัญญาที่ไม่จำเป็นต้องเอ่ยออกมาเป็นคำพูด แต่สามารถสื่อสารกันด้วยสายตาและหัวใจ แก้วกานดายิ้มหวานรับรู้ถึงความจริงใจที่ชายหนุ่มสื่อออกมาทางสายตาเมื่อเริ่มรุกแล้ว แม่ทัพอย่างนักรบไม่ยอมล่าถอย มือใหญ่จัดการดึงรั้งชุดนอนสีชมพูหวานออกจากร่างแก้วกานดา ตามด้วยชั้นในอีกสองชิ้นที่ถูกทิ้งขว้างลงข้างเตียง ขณะที่คนตัวโตไม่ได้ลำบากสักนิดในการกำจัดผ้าเช็ดตัวผืนเดียวออกจากร่างตัวเอง ผิวเนียนขาวผ่องของแก้วกานดาทำให้นักรบหายใจสะดุด เขากวาดสายตามองร่างที่นอนหอบหายใจระทวย จากการถูกจุมพิตกระชา
“ออกไปได้แล้ว ฝ้ายจะนอนแล้ว” แก้วกานดาเอนตัวลงนอน หากแต่สายตาของเธอยังจับจ้องคนร่างใหญ่ที่ยืนอยู่กลางห้องอย่างไม่ค่อยวางใจ“อุ๊ย!” หญิงสาวสะดุ้งตัวเล็กน้อย มือเล็กยกกุมหน้าท้องตัวเอง คนที่จ้องอยู่ไม่วางตาตกใจ รีบสาวเท้าเร็วถึงตัวคนที่อยู่บนเตียงทันที ร่างใหญ่นั่งลงบนเตียงด้วยสีหน้าแววตาเป็นกังวล“เป็นอะไร ฝ้ายเป็นอะไร เจ็บตรงไหน” มือใหญ่จับตรงโน้นลูบตรงนี้อย่างห่วงใย แก้วกานดาเงยหน้าสบตาชายหนุ่ม เธอยิ้มอย่างลืมตัว“ลูก...ลูกดิ้นแล้วค่ะ” นักรบยิ้มกว้าง หัวใจพองโต ทั้งตื่นเต้นและยินดี มือใหญ่ค่อยๆเอื้อมไปแตะหน้าท้องนูน แก้วกานดายกมือตัวเองออก เพื่อให้นักรบวางมือใหญ่ทาบทับลงบนหน้าท้องได้ถนัด ชายหนุ่มรับรู้ได้ถึงจังหวะการเต้นตุ้บเบาๆ สองสายตาสบประสานกัน ต่างยิ้มกว้างให้กันด้วยความยินดีและตื้นตัน“เอ่อ...พี่รบคะ ฝ้ายจะนอนแล้วค่ะ” แก้วกานดาดึงตัวเองออกมาห้วงความสุขก่อนชายหนุ่ม นักรบยังคงอ้อยอิ่งอยู่กับหน้าท้องของเธอ เขาถอนหายใจเบาๆ“ฝ้าย...เรารักกันไม่ใช่หรือ ทำไมฝ้ายต้องปิดกั้นหัวใจตัวเอง” แก้วกานดาหลบสายตาคมกล้า เธอยอมรับว่ายังรักเขา รักมากเหมือนเดิมไม
“เอ่อ...คุณไปใส่เสื้อผ้าก่อนดีไหม” คนถูกถามยิ้มกว้าง เพราะตอนนี้เขาอยู่ในชุดผ้าขนหนูพันกายเพียงผืนเดียว ชายหนุ่มเผลอหลับไปหลังจากอาบน้ำเสร็จแล้วนอนคิดอะไรเรื่อยเปื่อย“ฝ้ายหิว ลูกก็คงหิวด้วย พี่ไม่อยากให้เสียเวลา” หญิงสาวจำยอมเดินตามเขาไปอย่างเสียไม่ได้“กินอะไรดีล่ะฝ้าย” นักรบเอ่ยถามเมื่อเขาพาร่างเล็กลงมาที่ห้องครัวด้านล่าง แล้วจัดให้เธอนั่งรอที่เก้าอี้เรียบร้อย“เอ่อ...มาม่าก็ได้ค่ะ”“ไม่ได้!” เสียงปฏิเสธของเขาแสดงถึงความไม่พอใจจนแก้วกานดาสะดุ้ง“ฝ้ายท้องอยู่นะ จะกินอะไรก็ต้องนึกถึงลูกด้วย เดี๋ยวพี่ดูให้เองว่าจะกินอะไร” หญิงสาวเบ้ปากใส่แผ่นหลังกว้าง อะไรของเขานักหนาแค่จะกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ทำไมต้องมาใช้น้ำเสียงอย่างกับคุณพ่อดุลูกสาว ก่อนที่สงครามของกินจะบานปลาย แสงไฟภายนอกบ้านก็สว่างขึ้น นักรบจึงเดินไปเปิดสวิตซ์ไฟ แล้วหันมามองคนตัวเล็กที่นั่งมองเขาอยู่“ดื่มนมถั่วเหลืองแล้วกัน เดี๋ยวพี่อุ่นให้ ดื่มนมอุ่นๆจะได้หลับสบาย”“ถ้าอย่างนั้นจะกินอย่างอื่นด้วย นมแก้วเดียวไม่อิ่มหรอก” น้ำเสียงราวกับเด็กถูกขัดใจ และใบหน้าก็เริ่มงอง้ำ นักรบขม
“ฝ้ายเข้าไปรอในร้านก่อนนะ รอให้ฝนหยุดตกแล้วค่อยเดินกลับบ้าน เดี๋ยวพี่จะรออยู่ข้างนอก เปียกขนาดนี้ถ้าเข้าไปในร้านพื้นเละแน่นอน” มือใหญ่รุนหลังของคนตัวเล็กในกลับเข้าไปในร้านส่วนตัวเขายืนหลบฝนอยู่ชายคาหน้าร้าน แก้วกานดาเดินเข้าไปนั่งเก้าอี้ภายในร้าน แต่ก็อดที่จะเหลือบมองแผ่นหลังกว้างของคนที่ยืนอยู่ด้านนอกไม่ได้ นักรบยืนกอดอกลูบต้นแขนตัวเอง บางครั้งเขาก็เงยขึ้นมองบนฟ้าและกวาดสายตามองไปทั่วบริเวณ หลายครั้งที่เขามองเข้ามาในร้านด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความห่วงใย หากแต่ทุกครั้งที่เขาขยับกายมองเข้ามา แก้วกานดาก็จะทำเป็นก้มลงมองหน้าจอโทรศัพท์ในมือ ทำเป็นไม่สนใจสายตาห่วงใยจากคนตัวโต“ฝ้าย ฝ้าย” เสียงทุ้มเรียกมาจากหน้าประตู แก้วกานดาขยับตัวและปรือตาขึ้น ตากลมโตถูกหรี่ลงเพื่อปรับแสงที่กระทบสายตา“ฝนหยุดตกแล้ว ไปนอนที่บ้านเถอะฝ้าย” น้ำเสียงทุ้มแสดงถึงความห่วงใย โซฟานุ่มตัวเล็กที่เธอนอนอยู่ดูไม่น่าจะสบายตัวเท่าไรนัก นักรบอยากจะเดินเข้าไปอุ้มร่างเล็กไปส่งถึงเตียงนุ่ม ไม่อยากกวนให้เธอจากห้วงนิทราด้วยซ้ำ ติดที่เขาเปียกไปทั้งตัว จึงไม่อยากให้แก้วกานดาเปียกไปด