“วินไม่รู้หรอกลิน วันที่ฝ้ายหนีออกจากโรงพยาบาล ฝ้ายส่งข้อความมาบอกว่าอยู่กับพ่อแม่ ไม่ต้องห่วง แค่นี้เอง แล้วฝ้ายไม่ได้ติดต่อลินมาบ้างเหรอ วินก็เป็นห่วงอยู่เหมือนกันนะ”
“ลินก็รออยู่เนี่ย ฝ้ายไม่โทรมาหา ไม่ส่งข้อความมาเลย”
“เดี๋ยวฝ้ายก็ติดต่อมาเองแหละน่า กินเค้กไหม เดี๋ยววินเลี้ยงเอง” นายแพทย์หนุ่มยิ้มกว้าง
“อือ...วินไปเลือกให้หน่อยเอาอะไรก็ได้ เอามากินแก้เครียด”
นายแพทย์ชัยชนะยิ้มกับท่าทางถอนหายใจของนลิน เขาวางโทรศัพท์และแท็บเลตไว้บนโต๊ะก่อนจะเดินไปสั่งเค้กมาให้นลิน หลังจากนายแพทย์หนุ่มเดินไปจากโต๊ะ เสียงสัญญาณเตือนข้อความเข้าจากโทรศัพท์ที่วางอยู่ก็ดังขึ้น ทำให้นลินชำเลืองตามอง
‘วิน...ฝ้ายอยากได้ประวัติการรักษาของฝ้ายที่โรงพยาบาลของวิน’
‘คุณหมอบอกว่าฝ้ายเคยแท้งมาก่อน เลยอยากดูประวัติประกอบการฝากครรภ์’
‘ส่งมาตามที่อยู่ที่ให้ไว้เลยนะ’
นลินอ่านทุกข้อความเด้งขึ้นมาบนหน้าจอ ด้วยใจที่เต้นไม่เป็นส่ำ
“ฝากครรภ์เหรอ” นลินรำพึงเบาๆ เมื่อนายแพทย์หนุ่มเดินมานั่งลงที่เดิม เขาเหลือบมองหน้าจอโทรศัพท์แล้วขมวดคิ
“แต่ฝ้ายก็ทำให้พ่อกับแม่ต้องเสียใจ” น้ำตาของหญิงสาวรื้นปริ่มขอบตา“แม่ไม่เคยเสียใจเพราะฝ้าย แต่แม่เสียใจที่แม่ไม่สามารถปกป้องดูแลดวงใจของแม่ได้ต่างหาก”แก้วกานดาเงยหน้าสบตามารดาน้ำตาร่วงรินอาบสองแก้มนวล กานต์แก้วใช้นิ้วไล้เช็ดน้ำตาให้ลูกสาวเบาๆ รอยยิ้มที่เจือไปด้วยความเอื้ออาทรของแม่ ทำให้แก้วกานดาอบอุ่นหัวใจยิ่งนัก“จะเป็นแม่คนแล้วอย่าขี้แย ฝ้ายต้องเข้มแข็ง แม่เชื่อว่าลูกจะนำความโชคดีมาให้ฝ้ายแน่นอน” สองแม่ลูกกอดกันแน่น ผู้เป็นพ่อเดินเข้าในบ้านเห็นแล้วก็อดที่จะแซวไม่ได้“กอดกันอยู่สองคนขอพ่อกอดด้วยคนสิ” แก้วกานดาเงยหน้าขึ้นสบตาบิดา“ไม่ให้กอด พ่อขี้โกงได้นอนกอดแม่เยอะกว่าฝ้าย”“โอ๊ย!” แก้วกานดาอุทานเมื่อโดนมารดาตีเบาๆที่บ่าบอบบาง“แม่ตีฝ้ายทำไม”“ก็ฟังพูดสิ เดี๋ยวเถอะ”“ก็มันจริงนี่นา...เนอะพ่อ” กานต์แก้วเงื้อมือขึ้นขู่จะตีอีกครั้ง แก้วกานดาจึงลุกขึ้นไปยืนหลบอยู่หลังบิดา ธาดาหัวเราะกับท่าทางของทั้งสอง“ไปดูช่างเขาทำงานหน่อยไหมฝ้าย เผื่อมีอะไรอยากเพิ่มเติม อีกไม่กี่วันก็เปิดร้านได้แล้วนะลูก” ธาดาเอ่ยชวนบุตรสาว แก้
คุณอนุชิตและคุณจันทร์แรมประคองลูกสาวพากลับบ้านไปแล้ว ความเงียบครอบคลุมอยู่หน้าห้องฉุกเฉินอีกครั้ง นายแพทย์ชัยชนะสบตานลินด้วยความเห็นใจ คุณนัยนาแทบจะล้มทั้งยืน“เราจะทำให้ดีที่สุดครับคุณป้า” คุณนัยนาพยักหน้ายิ้มอย่างอยากเย็นให้นายแพทย์หนุ่ม“แม่ไปพักผ่อนก่อนดีไหมคะ เดี๋ยวลินจะคอยพี่รบอยู่ตรงนี้เอง” นลินเอ่ยกับมารดา เมื่อเห็นว่าเวลาผ่านมานานหลายชั่วโมงแล้ว“แม่จะรอรบอยู่ตรงนี้” คุณนัยนาพูดเบาๆ ด้วยน้ำเสียงที่ล้าเต็มที นลินได้แต่ถอนหายใจแล้วกอดมารดาที่นั่งอยู่ข้างกันไว้แน่น แล้วทั้งสองก็ต้องลุกขึ้นยืนพร้อมกัน เมื่อประตูห้องฉุกเฉินเปิดออก“การผ่าตัดเป็นไปด้วยดีครับ แต่ยังต้องเฝ้ารอดูอาการในห้องไอซียูก่อน คุณหมออนุญาตให้เข้าเยี่ยมได้พรุ่งนี้นะครับ”คุณนัยนาและนลินกอดกันแน่นด้วยความดีใจ“ขอบคุณมากนะวิน ขอบคุณมาก” นลินยิ้มกว้างให้นายแพทย์หนุ่ม คุณนัยนาน้ำตารินไหลด้วยความรู้สึกยินดีกับคำบอกเล่าที่เพิ่งได้ยิน“เอ...แม่คะ...วันนี้บุรุษไปรษณีย์มาส่งจดหมายหรือยังคะ” แก้วกานดาเอ่ยถามมาร
ร่างของนักรบนอนนิ่งอยู่บนเตียงกลางห้อง ชายหนุ่มนอนหลับตาไม่ไหวติง สายน้ำเกลือและสายอื่นๆที่เชื่อมต่อกับร่างของเขาระโยงระยางอยู่เต็มไปหมด แก้วกานดายกมือขึ้นปิดปากเพื่อปิดกั้นเสียงสะอื้นของตนเองทันที หญิงสาวเดินช้าๆไปนั่งลงที่เก้าอี้ข้างเตียง มองใบหน้าคมเข้มด้วยแววตาห่วงใย มือเล็กสองข้างค่อยๆประคองจับมือใหญ่ ที่วางอยู่ข้างลำตัวของคนที่นอนไม่รู้สึกตัว แก้วกานดาบีบเบาๆ ก่อนจะซบใบหน้าแนบกับหลังมือใหญ่นั้น หยดน้ำตาที่คิดว่าบังคับมันไว้ได้แล้ว กลับร่วงรินไม่ขาดสาย เกินความสามารถที่จะห้ามได้ เธอจ้องมองใบหน้าคนที่ตัวเองรักนิ่งนาน ราวกับจะส่งผ่านความห่วงใยให้เขารับรู้ กว่าแก้วกานดาจะเอ่ยถ้อยคำออกมาจากริมฝีปากได้มันช่างยากเย็นนั้น“พี่รบขา ฟื้นขึ้นมาเถอะนะคะ ฝ้ายยอมทนเจ็บปวดที่จะไม่ได้เจอหน้าพี่รบได้ แต่ฝ้ายอยู่ไม่ได้ถ้าโลกนี้จะไม่มีพี่รบอีกต่อไป พี่รบต้องมีชีวิตอยู่ต่อไปนะ มีชีวิตอยู่เพื่อรับรู้ถึงความเจ็บปวดอย่างที่ฝ้ายเคยรู้สึก อยู่เพื่อให้ฝ้ายรู้สึกเกลียดให้ได้สักที ฮึกๆๆ...ฟื้นขึ้นมาได้แล้วนะคะ...ที่รัก” เสียงหวานเจือสะอื้น หัวใจของแก้วกานดาหวิวไหวราวกับจะขาดสะบั้นลง ร่างเล็กสะอื้น
“ฝ้าย...” นักรบเพ้อเบาๆ หากแต่คุณนัยนาได้ยินชัดเจน ใบหน้างามสมวัยของเธอหม่นเศร้าลงเล็กน้อย“รบ...นี่แม่นะ เป็นไงบ้างลูก” นักรบพยายามปรือตาขึ้น แต่ก็ต้องหรี่ตาเพื่อปรับให้คุณชินกับแสงสว่าง ครู่เดียวเขาก็ลืมตาขึ้นเต็มตา นัยน์ตาคมเข้มอ่อนล้าอย่างเห็นได้ชัด ผู้เป็นแม่รีบจับมือลูกมากุมไว้ด้วยความดีใจ“รบฟื้นแล้ว เป็นไงบ้างลูก เจ็บตรงไหนบ้าง” คุณนัยนาลูบหน้าตาลูกชายด้วยความเป็นห่วง น้ำตาของคนเป็นแม่ปริ่มขอบตา นักรบยิ้มอย่างยากเย็นให้แม่ของตน“ฝ้ายล่ะครับแม่ ฝ้ายมาหาผมแล้วใช่ไหมครับ” นักรบถามมารดาด้วยเสียงแหบแห้งเบาหวิว“ลูกต้องพักผ่อนเยอะๆนะรบ อย่าเพิ่งไปคิดเรื่องคนอื่น”“ฝ้าย...ลูก...ผมจะไปหาลูกเมียของผม” นักรบพยายามลุกขึ้นจากเตียง หากแต่ก็ทำไม่ได้ดั่งใจ“คนไข้อย่าเพิ่งเคลื่อนไหวนะคะ ให้คุณหมอตรวจก่อนนะคะ” นางพยาบาลเปิดประตูเข้ามาเห็นคนไข้หัวดื้อกำลังจะพยายามลุกขึ้น จึงเอ่ยห้ามไว้นักรบนอนกลอกตามองดูเพดาน ปล่อยให้ทั้งหมอและพยาบาลตรวจร่างกายของตนเอง คุณนัยนาเดินออกมาจากห้อง เมื่อทีมแพทย์เข้ามาตรวจร่างกายลูกชาย เธอนั่งลงที่เก้าอี้หน้าห้อง สอ
“แต่อีกไม่กี่วันตารบน่าจะกลับไปทำงานได้แล้วนะคะ ตอนนี้ลินก็ไปทำงานทุกวัน น่าจะพอแทนพี่ชายเขาได้ แล้วอีกอย่างหนูเจนนี่ก็จะแต่งงานกับตารบอยู่แล้ว ให้ทุกอย่างมันเป็นไปตามเดิมเถอะค่ะ” คุณนัยนายังไม่พร้อมที่จะยอมให้ใครมานั่งเก้าอี้ประธานบริหารแทนลูกชายของตน“อย่าหาว่าอย่างนั้นอย่างนี้เลยค่ะคุณพี่ ดิฉันคงไม่ยอมให้ลูกสาวแต่งงานกับคนที่ยังไม่แน่ใจว่าจะกลายเป็นคนพิการหรือเปล่าหรอกค่ะ นี่ก็เห็นว่ายังต้องไปหาหมออยู่แทบจะทุกอาทิตย์นี่คะ แล้วไหนจะยังอาการปวดหัวที่กำเริบมาบ่อยๆอีก จะให้ลูกดิฉันมาดูแลก็คงใช่ที่ ลูกดิฉันยังสาวยังสวยนะคะ ตอนนี้ดิฉันก็เล็งๆลูกชายท่านทูตไว้ คิดว่าไม่เกินเดือนหน้าคงจะหมั้นกันแล้วค่ะ คุณพี่เข้าใจเราใช่ไหมคะ” สิ่งที่คุณจันทร์แรมพูดมาทั้งหมดคุณนัยนาเข้าใจดี เข้าใจอย่างที่สุด เพราะความรู้สึกว่าลูกต้องคู่ควรกับคนที่เหมาะสมเท่านั้น เธอก็เคยคิดอย่างนั้น“อย่างน้อยรบก็ยังถือหุ้นสิบเปอร์เซ็นต์ แค่ส่วนแบ่งกำไรและเงินปันผลจากหุ้นจำนวนนี้ ก็มากพอที่จะทำให้คุณนัยนาและลูกสุขสบายไปทั้งชาติแล้วนะครับ ส่วนหนูลิน ถ้าอยากทำงานอยู่บริษัทเหมือนเดิม ผมก็ไม่ได้ว่าอะไร และยินดีใ
“สวัสดีครับ แฟรี่ นางฟ้าของผม” แก้วกานดาจึงถึงบางอ้อ ยิ้มตอบอย่างดีใจ“คุณเควิน! มาได้ยังไงคะเนี่ย” คำถามของแก้วกานดาทำให้ชายหนุ่มเลิกสูงคิ้วสูงยิ้มๆ แล้วชี้ไปที่รถซูเปอร์ไบค์คู่ใจก่อนที่ทั้งสองจะหันมาสบตากันแล้วหัวเราะขึ้นพร้อมกันเควินเดินตามแก้วกานดาไปทั่วบริเวณของร้าน หญิงสาวอธิบายมุมโน้นมุมนี้ให้ฟังด้วยรอยยิ้ม เขายอมรับว่าหัวใจมันสูบฉีดแรงผิดปกติเมื่ออยู่ใกล้ๆแก้วกานดา ผู้หญิงสวยที่มีรอยยิ้มแสนหวาน มองยังไงก็ไม่รู้สึกเบื่อ“คุณเควิน คุณเควินคะ” แก้วกานดาหยุดเดินแล้วหันมาเรียกเควิน เพราะเห็นเขาออกอาการเหม่อลอยแปลกๆ“คะ...ครับ ว่าไงครับแฟรี่” รอยยิ้มกว้างของหนุ่มอังกฤษ ที่สาวๆหลายคนหลงหัวปักหัวปำ ไม่เว้นแต่นลินเพื่อนรักของเธอ“พรุ่งนี้เป็นวันเปิดร้านวันแรก ถ้าคุณเควินสะดวกเชิญที่ร้านด้วยนะคะ”“ผมมาแน่นอนครับ อยากจะลองชิมรสชาติกาแฟของแฟรี่ ว่าจะหอมละมุนแค่ไหน” ใบหน้าชวนฝันของเควินทำให้แก้วกานดาหัวเราะเบาๆ“เอ่อ...แล้วแฟรี่ลาออกจากบริษัทของคุณรบแล้วหรือครับ” แก้วกานดาแววตาสลดวูบลงครู่หนึ่ง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นตอบคำถาม“ค่ะ พ่อกับ
“สวัสดีค่ะคุณเควิน” ชายหนุ่มขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะยิ้มกว้าง นลินโผเข้ากอดเควินราวกับว่าสนิทสนมกันนักหนา“คิดถึงจังเลยค่ะ” คนถูกจู่โจมไม่ทันตั้งตัวทำหน้างงๆ“เอ่อ...สวัสดีครับคุณลิน” มือใหญ่โอบรัดร่างบางสมส่วนครู่หนึ่งก่อนจะคลายออก นลินปล่อยวงแขนออกจากร่างของเควินแล้วสบตาชายหนุ่มยิ้มกว้าง“เอ่อ...คุณเควินกลับกรุงเทพวันนี้เลยไหมคะ ลินขอกลับด้วยคนสิคะ” นลินเริ่มรุกทันที“กลับวันนี้ครับ แต่...”“ไม่มีต่งแต่อะไรทั้งนั้นล่ะค่ะ สรุปตามนี้นะคะ เข้าไปในร้านกันเถอะค่ะ ไปหาอะไรดื่มกัน” นลินดึงรั้งแขนเควินเดินนำหน้าเข้าไปในร้าน แก้วกานดาได้แต่ยืนอึ้งในสิ่งที่เพื่อนทำ“ตามมาสิฝ้าย มารับออเดอร์ให้คุณเควินหน่อย” คนถูกเรียกรีบสาวเท้าตาม แต่ก็อดที่จะชำเลืองไปมองคนที่นั่งดูภาพเหตุการณ์บีบคั้นหัวใจอยู่ไม่ได้ นายแพทย์ชัยชนะได้ยินทุกถ้อยคำที่นลินพูด และเห็นท่าทางที่นลินแสดงต่อเควินทุกช็อต จะยอมเอาตัวเข้าแลกเลยเหรอ ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ต้องเหลือตัวไว้เข้าแลกดีกว่าไหม เขาสู้อุตส่าห์เดินหน้าอย่างช้าๆ แต่นลินกลับไม่เคยเห็นใจ เห็นทีคงต้องใช้กำลังเดินหน้าเต็มสูบกันสักที
แก้วกานดาหันหลังกลับเดินเข้าบ้าน วันนี้หัวใจเธอเข้มแข็งขึ้นมาก ถึงแม้รู้ตัวดีว่าไม่สามารถลืมผู้ชายคนนั้นได้ แต่เธอจะไม่มีวันเปิดโอกาสให้เขากลับเข้ามาในชีวิตเธออีก ที่ผ่านมาเธอเจ็บปวดมามากพอแล้ว และคนที่เจ็บปวดมากกว่าก็คือพ่อกับแม่ เธอจะไม่ยอมให้ท่านทั้งสองต้องมาเสียใจเพราะเธออีกเด็ดขาด“ลิน ถึงไหนแล้ว” ผู้โดยสารระกับวีไอพีเริ่มงอแง ทำเสียงงุ้งงิ้งราวกับป่วยเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย นลินตวัดหางตามองแวบเดียว“เป็นอะไรมากมายไหมวิน เพิ่งขับรถออกจากร้านยายฝ้ายมาไม่ถึงสิบนาทีจะถึงไหนกันเชียว นอนหลับไปเลยนะ” น้ำเสียงประชดเล็กน้อยทำให้คนฟังเพิ่มแอคติ้งในการออดอ้อน“วินปวดหัวมาก แวะนอนพักก่อนได้ไหม”“อะไรนะ” นลินถามกลับเร็วเสียงสูง“ก็อาการปวดหัวแบบนี้ถ้าไม่ได้รับการพักผ่อนทันที แล้วยังนั่งรถอยู่อย่างนี้ วินว่าพรุ่งนี้วินคงไปประชุมไม่ได้ แวะนอนพักก่อนเถอะลิน”“ไม่ได้! แล้วทำไมไม่บอกตั้งแต่อยู่บ้านฝ้าย จะได้ให้นอนพักก่อน”“ใจร้าย...ใครจะไปรู้ล่ะว่ามันจะปวดมากขึ้นทุกนาทีอย่างนี้ โอ๊ย!” นายแพทย์ชัยชนะก้มหน้ากุมศีรษะตัวเ
“พี่นวดให้ฝ้ายดีกว่า” แก้วกานดายิ้มอยู่กับอกกว้างอย่างรู้ทัน ร่างของคนตัวเล็กกว่าถูกพลิกให้นอนลงบนเตียงนุ่ม นักรบทาบทับตามติดมันที สองสายตาประสานกันนิ่ง แก้วกานดายกมือขึ้นลูบไล้ใบหน้าของสามีเบาๆ “พี่ชอบเวลาฝ้ายสัมผัสตัวพี่” สายตากรุ้มกริ่มของสามีทำให้เธอรู้ความหมายของเขา มือเล็กยันแผงออกกว้างให้เขาเป็นฝ่ายนอนหงายลง เสื้อยืดสีขาวตัวใหญ่และกางเกงนอนขายาวถูกถอดออกอย่างว่องไวโดยเจ้าของ แก้วกานดาขมวดคิ้วมุ่น หัวเราะกับท่าทางกระตือรือร้นของสามี “พี่ไม่อยากให้ฝ้ายเหนื่อย” นักรบยิ้มกว้างนอนรออย่างมีความหวัง ใบหน้านวลแดงซ่านเมื่อกวาดตามองเรือนกายกำยำของสามี ถึงจะอยู่กินกันมาหลายปีแล้ว แต่เธอก็ไม่ชินกับการมองเห็นเขาในสภาพเปล่าเปลือยสักที มือเล็กลูบไล้ทั่วแผ่นอกกำยำ ขณะที่สายตาจับจ้องใบหน้าหล่อคมของสามี นักรบหลับตาพริ้ม พ่นลมออกจากปากเป็นการระบายอารมณ์ร้อนแรงภายใน ที่เริ่มจะเดือดปุดๆ เพราะเกรงว่าตัวเองจะทนไม่ไหว จะต้องเป็นฝ่ายรุกเสียก่อนที่ภรรยาสาวจะสำรวจร่างของตนจนถ้วนทั่ว “อา...เลื่อนลงไ
“เห็นไหมลิน...ลูกมีความสุขกับการมีเพื่อนเล่น เราต้องจริงจังกับการผลิตน้องให้น้องนีแล้วนะ” นลินเงยหน้าสบตาสามี มือเล็กบิดสีข้างของคนตัวใหญ่เบาๆ“โอ๊ย!”“ไม่ต้องเอาลูกมาอ้างเลยนะวิน เดี๋ยวเถอะ” นลินจิกสายตามองอย่างรู้ทัน หญิงสาวสะบัดหน้าหนีผละออกจากวงแขนแกร่ง รีบสาวเท้าเดินตามลูกน้อยไป นายแพทย์ชัยชนะมองตามร่างภรรยาด้วยสายตามุ่งมั่นหลังจากมื้อค่ำที่แสนสุขของครอบครัวใหญ่ นักรบ แก้วกานดา นายแพทย์ชัยชนะ นลินและเด็กๆมารวมตัวกันที่โต๊ะไม้สักตัวใหญ่บริเวณระเบียงหลังบ้าน ส่วนผู้สูงอายุเลี่ยงไปคุยกันอีกมุมหนึ่งของบ้าน เด็กๆส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าวกันดังลั่น สลับกับเสียงหัวเราะของผู้ใหญ่ดังขึ้นเป็นระยะ“ลินทำไมไม่มีน้องให้น้องนีสักทีล่ะ ลูกคนเดียวเหงานะ”“เอ่อ...” นลินเพียงแค่อ้าปากกำลังจะตอบ สามีเธอก็แย่งหน้าที่ตอบคำถามให้ก่อน“กำลังพยายามอยู่ฝ้าย ลินไม่ค่อยให้ความร่วมมือเท่าไร ส่วนวินน่ะพร้อมทุกที่ทุกเวลา”คำพูดของนายแพทย์หนุ่มเรียกเสียงหัวเราะของทุกคน แต่คนที่ถูกพาดพิงกลับส่งสายตาเขียวปั้ดให้สามีตัวเอง“น้องนีครับ คืนนี้นอนกับคุณยายนะลูก” นา
“ฝ้ายติดลูกค้า ช่วงนี้ที่รีสอร์ตยุ่งๆ...สวัสดีครับปกป้องสุดหล่อ” เด็กชายปกป้องยิ้มแหยๆ ก้าวมายืนข้างหน้าบิดาแล้วยกมือไหว้ผู้มาเยือนอย่างนอบน้อม“สวัสดีครับพ่อรบ” นักรบยื่นมือใหญ่ไปยีศีรษะเล็กของเด็กชายเบาๆ เด็กหญิงคนเดียวท่ามกลางหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ ก้าวมายืนเคียงข้างบิดา จ้องมองลูกชายของเพื่อนพ่ออย่างข่มเต็มที่“เข้าไปในบ้านกันเถอะน้องปองเพิ่งกินนมเสร็จพอดี” ประณตเดินนำหน้าทุกคนเข้าไปในบ้าน เด็กชายธงรบจับมือบิดาเดินเข้าไปบ้านไปแล้ว“เดี๋ยวสิน้องป้อง” เด็กชายปกป้องหยุดการก้าวเดิน แล้วหันกลับไปมองคนที่เรียกตนเองด้วยสายตาไม่พอใจ“ป้องไม่ใช่น้องใคร ป้องเป็นพี่” คนถูกเรียกน้องแสดงความไม่พอใจออกมาทั้งหน้าตาและน้ำเสียง โดยไม่ปิดบัง เด็กหญิงแก้วกัลยายิ้มเยาะ“คุณพ่อบอกว่าป้องเกิดทีหลังนับหนึ่งตั้งสองวัน ป้องต้องเรียกนับหนึ่งว่า...พี่นับหนึ่ง” เด็กหญิงผมเปียยิ้มอย่างผู้ชนะ“คุณพ่อบอกว่านับหนึ่งเป็นคู่หมั้นของป้อง โตขึ้นนับหนึ่งต้องมาเป็นแฟนของป้อง นับหนึ่งนั่นแหละต้องเรียกป้องว่าคุณแฟน” เด็กชายตัวน้อยตอบโต้กลับ สบตาดวงตากลมโตอย่างเหนือกว่า“ไม่
“นับหนึ่งไม่ได้เล่นนะ นับหนึ่งกำลังช่วยคุณตาปลูกดอกกุหลาบแปลงใหม่อยู่” เสียงเจื้อยแจ้วบ่งบอกว่างอน ทำให้ผู้เป็นพ่อหัวเราะในลำคอ“ตัวเล็กแค่นี้ขยันจังเลย สงสัยพ่อต้องมีรางวัลให้ซะแล้ว” เด็กหญิงตาโตเมื่อได้ยินคำว่ารางวัล“รางวัลอะไรคะ” นักรบยิ้มส่ายศีรษะ“ยังไม่บอก จนกว่านับหนึ่งจะไปอาบน้ำแต่งตัวใหม่สวยๆ” หรี่ตามองบิดาอย่างชั่งใจ“ก็ได้ค่ะ” ร่างเล็กดิ้นลงจากอกบิดา แล้ววิ่งเข้าบ้านไปทันที แก้วกานดาอุ้มลูกชายตัวเล็กอายุสามขวบเดินออกมาจากในบ้าน สวนทางกับเด็กหญิงแก้วกัลยาที่วิ่งปรู๊ดเข้าไปบ้านพอดี“โกหกอะไรนับหนึ่งอีกล่ะคะ ถึงได้ยิ้มหน้าบานขนาดนั้น” นักรบรับเด็กชายธงรบมาอุ้มไว้ แล้วโอบร่างภรรยาไว้หลวมๆ ริมฝีปากหยักได้รูปจุมพิตที่ขมับของคนร่างเล็กหนักๆ“ไม่ได้โกหกสักหน่อย พี่ว่าจะพานับหนึ่งไปเยี่ยมน้องปองที่ไร่ปรานี ฝ้ายไปด้วยกันนะ” ปิ่นหล้าภรรยาของประณตเจ้าของไร่องุ่นใกล้เคียงกันเพิ่งคลอดบุตรสาวคนเล็ก นักรบจึงอยากไปเยี่ยมตามประสาเพื่อนกัน“วันนี้มีกรุ๊ปทัวร์คุณหมอเพื่อนของวินมาค่ะ พี่รบจำไม่ได้เหรอ ถ้าฝ้ายไปด้วยใครจะดูแลลูกค้าล่ะคะ” หลังจาก
“จ้า...ฝ้ายก็ต้องดูแลตัวเองด้วยนะ อาไปก่อนนะนับหนึ่ง” นลินก้มลงคุยกับหลานที่ยังอยู่ในท้องของแก้วกานดา“ฝากดูแลลินด้วยนะหมอวิน” นักรบหันไปฝากฝังน้องสาวกับว่าที่น้องเขย นายแพทย์ชัยชนะยิ้มพยักหน้ารับ“เป็นหน้าที่ของผมออยู่แล้วครับพี่รบ” นลินตวัดสายตามองคนพูดอย่างหมั่นไส้ ช่างสรรหาคำพูดมาทำคะแนนเหลือเกิน คนที่ถูกหมั่นไส้ตีคิ้วยิ้มด้วยแววตาเป็นประกาย จนนลินต้องเป็นฝ่ายหลบสายตาเอง“ขับรถดีๆนะวิน” แก้วกานดาโบกมือลาเพื่อนด้วยรอยยิ้ม“เราต้องแต่งงานกันเดือนหน้านะลิน” หลังจากรถแล่นออกจากประตูรั้ว นายแพทย์ชัยชนะก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง“ลินรู้แล้ว วินจะย้ำอะไรนักหนา”“ก็ย้ำเพื่อให้ลินรู้ว่าห้ามบ่ายเบี่ยงอีกเด็ดขาด”นลินเบี่ยงตัวหันมามองหน้าคนขับรถ คิ้วเรียวสวยขมวดมุ่น นายแพทย์ชัยชนะยิ้มกว้าง หันหน้ามาสบตาคนนั่งข้างแวบหนึ่ง แล้วหันกลับไปตั้งใจขับรถต่อ“คืนที่ผ่านมา มันเป็นช่วงที่ร่างกายของลินพร้อมตั้งครรภ์ที่สุด และวินก็ตั้งใจทำเต็มที่ ไม่แน่นะว่าลูกของวินอาจจะอยู่ในท้องของลินแล้วก็ได้”นลินอ้าปากค
“อื๊อ...พี่รบ” แก้วกานดาประท้วงเสียงพร่า“รู้ไหม...นอกจากพี่จะเป็นตาแก่ขี้หวงแล้ว พี่ยังเป็นตาแก่หื่นกามจอมอึดด้วยนะ” เสียงทุ้มกระซิบริมหูเล็ก แก้วกานดายิ้มหวานพลิกร่างนอนหงาย“จะอึดแค่ไหนกันเชียว...ขี้โม้” คนตัวเล็กไม่ยอมลดราวาศอก บังอาจท้าทายคนตัวโต“พี่ถือว่าเป็นสาส์นท้ารบ นักรบอย่างพี่ไม่มีวันถอยทัพแน่ ถ้าศัตรูไม่พ่ายทัพแตกหนีไปเสียก่อน และถึงจะพ่ายทัพแตกกระเจิง พี่สาบานว่าจะรุกไม่ให้ได้หายใจหายคอกันทีเดียว หึๆ” คำพูดของสามีทำให้แก้วกานดาใจสั่น รู้แน่ว่าเขาคิดเป็นจริงเป็นจัง หญิงสาวจึงหวีดร้องเบาๆ เมื่อร่างเล็กของตัวเองถูกจับลอกคราบอย่างรวดเร็ว“พี่รบขา ใช้แผนการรบแบบละมุนละม่อมนะ ห้ามใช้แผนการรบขั้นรุนแรง ลูกอยู่ในนี้นะคะ” แก้วกานดาเตือนสติสามี“ครับผม” รับคำเรียบร้อย นักรบก็ไม่ปล่อยให้ภรรยาได้ทันตั้งตัว เขาจู่โจมรุกหนักด้วยการมอบจุมพิตที่เร่าร้อน มือใหญ่ลูบไล้ไปตามร่างนุ่มนิ่มอวบอิ่ม หยุดทักทายบีบเคล้นอกอวบสลับกับการคีบเม็ดสีหวานเบาๆ ริมฝีปากร้อนเคลื่อนที่ช้าๆดื่มด่ำกับผิวเนียนหอมกรุ่นทั่วร่างอย่างหลงใหล“เมียพี่หวานที่สุด น่ากินไปทั้ง
“อื้มมมม...รักลินที่สุด” เสียงครางทุ้มต่ำบ่งบอกว่า เขาได้ล่องลอยอยู่ในเวิ้งฟ้าเดียวกันกับคนรัก คำบอกรักกระซิบด้วยเสียงพร่าแว่วหวานนัก ร่างใหญ่พลิกกายนอนหงาย โดยกอดคนร่างเล็กให้นอนแนบกายทาบทับอยู่บนร่างของตน สองร่างยังคงประสานกันอยู่กลางกาย นลินซบหน้าบนแผ่นอกคนคนรัก ลมหายใจของเธอยังหอบถี่กระชั้น “พักยกก่อนเนอะ” เสียงทุ้มกระซิบกระซาบ แล้วจูบซับเรือนผมหอมกรุ่น “บ้า” ถึงจะยังเหนื่อยกับเกมรักที่เพิ่งผ่านไป แต่นลินก็ยังพอที่อ้าปากต่อว่าคนหื่นได้ มือใหญ่กดลงบนสะโพกเต่งตึงแรงๆ พร้อมกับยกสะโพกของตนสวนรับค้างไว้ ความซาบซ่านละมุนที่ยังวนเวียนอยู่ในร่างสาวทำให้นลินเสียววูบขึ้นมาทันที “อ๊ะ! วิน...อย่าแกล้งกันสิ” คนแกล้งหัวเราะชอบใจ “ก็ลินน่ารัก อยากแกล้งแบบนี้ทั้งวันทั้งคืนเลย” “จะบ้าเหรอ...งานการไม่มีทำหรือไง” “มี...แต่ชอบทำลินมากกว่า” “อุ๊ย! วิน” มือหนาจับบ่าเล็กดันขึ้นให้ร่างของนลินนั่งคร่อมอยู่บนร่างตนเอง หญิงสาวหน้าแด
นายแพทย์ชัยชนะหัวเราะในลำคอ “เพราะรักหรอกน่า...เดือนหน้าเราจะต้องแต่งงานกันนะ วินไม่ อยากนอนคนเดียว อยากตื่นมาตอนเช้าแล้วเห็นลินเป็นคนแรก” มือหนาลูบไล้ไปตามแผ่นหลังนุ่ม“ปากหวานก็เป็นด้วย” นลินพูดเสียงอู้อี้อยู่ชิดแผงอกกว้าง“วินรักลินนะ” นลินผงกศีรษะขึ้นสบตาแวววาวของชายหนุ่ม สองสายตาประสานกันอยู่เนิ่นนาน นายแพทย์ชัยชนะค่อยๆพลิกร่างตัวเองขึ้นคร่อมร่างของหญิงสาวให้อยู่ใต้ร่างของตนเอง นลินพ่นลมหายใจออกเบาๆ หลับตาลงช้าๆเมื่อใบหน้าหล่อเหลาของคนบนร่างโน้มลงมาใกล้ ริมฝีปากบางจิ้มลิ้มของเธอถูกครอบครองแผ่วเบา หญิงสาวเผยอปากรับอย่างเต็มใจ ชายหนุ่มเริ่มรุกเร่าร้อน ลิ้นสากของเขาไล่ต้อนตวัดรัดรึงลิ้นเล็กของเธอด้วยความโหยหา นลินจูบตอบด้วยประสบการณ์ที่น้อยนัก แต่กลับทำให้ชายหนุ่มครางกระหึ่มในลำคอด้วยความพึงพอใจ“วินรักลินที่สุด” เสียงทุ้มดังอยู่ชิดริมหูเล็ก นายแพทย์ชัยชนะละจากริมฝีปากของนลิน ใช้จมูกโด่งซอกซอนดอมดมไปตามใบหน้าเนียนและลำคอหอมกรุ่น ชุดนอนของหญิงสาวดูจะเกะกะสายตาเขาเป็นที่สุด มือใหญ่จึงลงมือแกะและถอดปราการบนร่างบางทุกชิ้นออกอย่างรวดเร็ว นลินนอนหอบหายใจแรงอย่างเขิน
“รีบๆแต่งกันไปเถอะหนูลิน หมั้นกันนานๆผู้คนจะมองไม่ดี มีคนมาดูแลหนูลิน คุณนัยนาจะได้สบายใจ” กานต์แก้วพยายามเกลี้ยกล่อมนลินช่วยอีกคน เพราะหน้าตาของหญิงสาวบ่งบอกว่างอนมารดาอย่างเห็นได้ชัด“หรือหมอวินทำอะไรให้ลินไม่พอใจหรือเปล่า” นักรบลุกขึ้นยืนขึงขัง เงื้อกำปั้นขึ้นเล็งไปที่นายแพทย์หนุ่มที่นั่งอยู่ข้างน้องสาว นลินรีบยกมือห้ามทันควัน“ไม่ๆค่ะ พี่รบจะทำอะไรเนี่ย วินเขาไม่ได้ทำอะไรลินสักหน่อย” ประโยคสุดท้ายของนลินฟังแล้วไม่ค่อยมั่นใจนัก เสียงหัวเราะของคนรอบข้างทำให้นลินกวาดสายตาดูทุกคนอายๆ ที่เผลอออกโรงปกป้องชายหนุ่ม“นั่นไง...เป็นห่วงหมอวินล่ะสิ...สรุปแต่งกันเดือนหน้าเลยนะ ฝากดูแลลินด้วยนะหมอวิน” คนเป็นพี่พูดจบก็นั่งลง สบตากับว่าที่น้องเขยยิ้มๆ นลินมองหน้าว่าที่เจ้าบ่าวของตนอย่างหมั่นไส้ ก็เขาเล่นยิ้มแก้มแทบจะปริอยู่แล้วนะเช้าวันต่อมาผู้สูงอายุทั้งสามออกจากบ้านแต่เช้า นักรบและแก้วกานดาช่วยกันทำงาน แต่ส่วนใหญ่จะหนักไปทางสามีเป็นผู้ทำทั้งหมดเสียมากกว่า ด้วยเกรงว่าภรรยาจะเหนื่อย ไม่ได้พักผ่อน นลินและนายแพทย์ชัยชนะนั่งพักผ่อนอยู่บริเวณซุ้มไม้นอกร