“ฝ้าย...” นักรบเพ้อเบาๆ หากแต่คุณนัยนาได้ยินชัดเจน ใบหน้างามสมวัยของเธอหม่นเศร้าลงเล็กน้อย
“รบ...นี่แม่นะ เป็นไงบ้างลูก” นักรบพยายามปรือตาขึ้น แต่ก็ต้องหรี่ตาเพื่อปรับให้คุณชินกับแสงสว่าง ครู่เดียวเขาก็ลืมตาขึ้นเต็มตา นัยน์ตาคมเข้มอ่อนล้าอย่างเห็นได้ชัด ผู้เป็นแม่รีบจับมือลูกมากุมไว้ด้วยความดีใจ
“รบฟื้นแล้ว เป็นไงบ้างลูก เจ็บตรงไหนบ้าง” คุณนัยนาลูบหน้าตาลูกชายด้วยความเป็นห่วง น้ำตาของคนเป็นแม่ปริ่มขอบตา นักรบยิ้มอย่างยากเย็นให้แม่ของตน
“ฝ้ายล่ะครับแม่ ฝ้ายมาหาผมแล้วใช่ไหมครับ” นักรบถามมารดาด้วยเสียงแหบแห้งเบาหวิว
“ลูกต้องพักผ่อนเยอะๆนะรบ อย่าเพิ่งไปคิดเรื่องคนอื่น”
“ฝ้าย...ลูก...ผมจะไปหาลูกเมียของผม” นักรบพยายามลุกขึ้นจากเตียง หากแต่ก็ทำไม่ได้ดั่งใจ
“คนไข้อย่าเพิ่งเคลื่อนไหวนะคะ ให้คุณหมอตรวจก่อนนะคะ” นางพยาบาลเปิดประตูเข้ามาเห็นคนไข้หัวดื้อกำลังจะพยายามลุกขึ้น จึงเอ่ยห้ามไว้
นักรบนอนกลอกตามองดูเพดาน ปล่อยให้ทั้งหมอและพยาบาลตรวจร่างกายของตนเอง คุณนัยนาเดินออกมาจากห้อง เมื่อทีมแพทย์เข้ามาตรวจร่างกายลูกชาย เธอนั่งลงที่เก้าอี้หน้าห้อง สอ
“แต่อีกไม่กี่วันตารบน่าจะกลับไปทำงานได้แล้วนะคะ ตอนนี้ลินก็ไปทำงานทุกวัน น่าจะพอแทนพี่ชายเขาได้ แล้วอีกอย่างหนูเจนนี่ก็จะแต่งงานกับตารบอยู่แล้ว ให้ทุกอย่างมันเป็นไปตามเดิมเถอะค่ะ” คุณนัยนายังไม่พร้อมที่จะยอมให้ใครมานั่งเก้าอี้ประธานบริหารแทนลูกชายของตน“อย่าหาว่าอย่างนั้นอย่างนี้เลยค่ะคุณพี่ ดิฉันคงไม่ยอมให้ลูกสาวแต่งงานกับคนที่ยังไม่แน่ใจว่าจะกลายเป็นคนพิการหรือเปล่าหรอกค่ะ นี่ก็เห็นว่ายังต้องไปหาหมออยู่แทบจะทุกอาทิตย์นี่คะ แล้วไหนจะยังอาการปวดหัวที่กำเริบมาบ่อยๆอีก จะให้ลูกดิฉันมาดูแลก็คงใช่ที่ ลูกดิฉันยังสาวยังสวยนะคะ ตอนนี้ดิฉันก็เล็งๆลูกชายท่านทูตไว้ คิดว่าไม่เกินเดือนหน้าคงจะหมั้นกันแล้วค่ะ คุณพี่เข้าใจเราใช่ไหมคะ” สิ่งที่คุณจันทร์แรมพูดมาทั้งหมดคุณนัยนาเข้าใจดี เข้าใจอย่างที่สุด เพราะความรู้สึกว่าลูกต้องคู่ควรกับคนที่เหมาะสมเท่านั้น เธอก็เคยคิดอย่างนั้น“อย่างน้อยรบก็ยังถือหุ้นสิบเปอร์เซ็นต์ แค่ส่วนแบ่งกำไรและเงินปันผลจากหุ้นจำนวนนี้ ก็มากพอที่จะทำให้คุณนัยนาและลูกสุขสบายไปทั้งชาติแล้วนะครับ ส่วนหนูลิน ถ้าอยากทำงานอยู่บริษัทเหมือนเดิม ผมก็ไม่ได้ว่าอะไร และยินดีใ
“สวัสดีครับ แฟรี่ นางฟ้าของผม” แก้วกานดาจึงถึงบางอ้อ ยิ้มตอบอย่างดีใจ“คุณเควิน! มาได้ยังไงคะเนี่ย” คำถามของแก้วกานดาทำให้ชายหนุ่มเลิกสูงคิ้วสูงยิ้มๆ แล้วชี้ไปที่รถซูเปอร์ไบค์คู่ใจก่อนที่ทั้งสองจะหันมาสบตากันแล้วหัวเราะขึ้นพร้อมกันเควินเดินตามแก้วกานดาไปทั่วบริเวณของร้าน หญิงสาวอธิบายมุมโน้นมุมนี้ให้ฟังด้วยรอยยิ้ม เขายอมรับว่าหัวใจมันสูบฉีดแรงผิดปกติเมื่ออยู่ใกล้ๆแก้วกานดา ผู้หญิงสวยที่มีรอยยิ้มแสนหวาน มองยังไงก็ไม่รู้สึกเบื่อ“คุณเควิน คุณเควินคะ” แก้วกานดาหยุดเดินแล้วหันมาเรียกเควิน เพราะเห็นเขาออกอาการเหม่อลอยแปลกๆ“คะ...ครับ ว่าไงครับแฟรี่” รอยยิ้มกว้างของหนุ่มอังกฤษ ที่สาวๆหลายคนหลงหัวปักหัวปำ ไม่เว้นแต่นลินเพื่อนรักของเธอ“พรุ่งนี้เป็นวันเปิดร้านวันแรก ถ้าคุณเควินสะดวกเชิญที่ร้านด้วยนะคะ”“ผมมาแน่นอนครับ อยากจะลองชิมรสชาติกาแฟของแฟรี่ ว่าจะหอมละมุนแค่ไหน” ใบหน้าชวนฝันของเควินทำให้แก้วกานดาหัวเราะเบาๆ“เอ่อ...แล้วแฟรี่ลาออกจากบริษัทของคุณรบแล้วหรือครับ” แก้วกานดาแววตาสลดวูบลงครู่หนึ่ง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นตอบคำถาม“ค่ะ พ่อกับ
“สวัสดีค่ะคุณเควิน” ชายหนุ่มขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะยิ้มกว้าง นลินโผเข้ากอดเควินราวกับว่าสนิทสนมกันนักหนา“คิดถึงจังเลยค่ะ” คนถูกจู่โจมไม่ทันตั้งตัวทำหน้างงๆ“เอ่อ...สวัสดีครับคุณลิน” มือใหญ่โอบรัดร่างบางสมส่วนครู่หนึ่งก่อนจะคลายออก นลินปล่อยวงแขนออกจากร่างของเควินแล้วสบตาชายหนุ่มยิ้มกว้าง“เอ่อ...คุณเควินกลับกรุงเทพวันนี้เลยไหมคะ ลินขอกลับด้วยคนสิคะ” นลินเริ่มรุกทันที“กลับวันนี้ครับ แต่...”“ไม่มีต่งแต่อะไรทั้งนั้นล่ะค่ะ สรุปตามนี้นะคะ เข้าไปในร้านกันเถอะค่ะ ไปหาอะไรดื่มกัน” นลินดึงรั้งแขนเควินเดินนำหน้าเข้าไปในร้าน แก้วกานดาได้แต่ยืนอึ้งในสิ่งที่เพื่อนทำ“ตามมาสิฝ้าย มารับออเดอร์ให้คุณเควินหน่อย” คนถูกเรียกรีบสาวเท้าตาม แต่ก็อดที่จะชำเลืองไปมองคนที่นั่งดูภาพเหตุการณ์บีบคั้นหัวใจอยู่ไม่ได้ นายแพทย์ชัยชนะได้ยินทุกถ้อยคำที่นลินพูด และเห็นท่าทางที่นลินแสดงต่อเควินทุกช็อต จะยอมเอาตัวเข้าแลกเลยเหรอ ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ต้องเหลือตัวไว้เข้าแลกดีกว่าไหม เขาสู้อุตส่าห์เดินหน้าอย่างช้าๆ แต่นลินกลับไม่เคยเห็นใจ เห็นทีคงต้องใช้กำลังเดินหน้าเต็มสูบกันสักที
แก้วกานดาหันหลังกลับเดินเข้าบ้าน วันนี้หัวใจเธอเข้มแข็งขึ้นมาก ถึงแม้รู้ตัวดีว่าไม่สามารถลืมผู้ชายคนนั้นได้ แต่เธอจะไม่มีวันเปิดโอกาสให้เขากลับเข้ามาในชีวิตเธออีก ที่ผ่านมาเธอเจ็บปวดมามากพอแล้ว และคนที่เจ็บปวดมากกว่าก็คือพ่อกับแม่ เธอจะไม่ยอมให้ท่านทั้งสองต้องมาเสียใจเพราะเธออีกเด็ดขาด“ลิน ถึงไหนแล้ว” ผู้โดยสารระกับวีไอพีเริ่มงอแง ทำเสียงงุ้งงิ้งราวกับป่วยเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย นลินตวัดหางตามองแวบเดียว“เป็นอะไรมากมายไหมวิน เพิ่งขับรถออกจากร้านยายฝ้ายมาไม่ถึงสิบนาทีจะถึงไหนกันเชียว นอนหลับไปเลยนะ” น้ำเสียงประชดเล็กน้อยทำให้คนฟังเพิ่มแอคติ้งในการออดอ้อน“วินปวดหัวมาก แวะนอนพักก่อนได้ไหม”“อะไรนะ” นลินถามกลับเร็วเสียงสูง“ก็อาการปวดหัวแบบนี้ถ้าไม่ได้รับการพักผ่อนทันที แล้วยังนั่งรถอยู่อย่างนี้ วินว่าพรุ่งนี้วินคงไปประชุมไม่ได้ แวะนอนพักก่อนเถอะลิน”“ไม่ได้! แล้วทำไมไม่บอกตั้งแต่อยู่บ้านฝ้าย จะได้ให้นอนพักก่อน”“ใจร้าย...ใครจะไปรู้ล่ะว่ามันจะปวดมากขึ้นทุกนาทีอย่างนี้ โอ๊ย!” นายแพทย์ชัยชนะก้มหน้ากุมศีรษะตัวเ
“อ๊าย...วินบ้า! ทำอะไรน่ะปล่อยลินนะ ปล่อยๆ” เสียงหวานโวยวายลั่น “เฮ้อ! ชื่นใจ” คนชื่นใจยืดตัวขึ้นเต็มความสูง คนที่สูงแค่อกเขาหน้าหงิกงอ ยืนหอบหายใจอย่างรุนแรง มือเล็กจับข้อมือใหญ่ดึงรั้งออกจากใบหน้าตัวเอง “บ้าไปแล้วหรือไง ลินจะกลับบ้าน ปล่อยนะ” “ปล่อยก็ได้” มือใหญ่ละจากใบหน้างาม แต่กลับมาตวัดรอบเอวคอด รัดแน่นชิดร่างของตัวเองอย่างรวดเร็ว นลินออกแรงดิ้นขลุกขลัก “วิน! ถ้าไม่ปล่อย ลินจะร้องให้คนช่วยแล้วนะ” “ร้องเลย ร้องดังๆนะ ใครๆเขาจะได้คิดว่าเราใช้อุปกรณ์ตัวช่วยเยอะ เล่นท่ายากอะไรประมาณนี้แหละ” “ยี้...วินลามก อย่าทำอะไรบ้าๆนะ ลินจะฟ้องพี่รบ” “อนุญาตให้ฟ้อง ฟ้องให้ครบทุกกระบวนท่าที่วินทำเลยนะ จำให้ดีล่ะ” วงแขนแกร่งตวัดอุ้มคนร่างเล็กขึ้นแนบอก แล้วพาเดินกลับเข้าไปในห้อง นายแพทย์ชัยชนะวางร่างของนลินลงบนเตียงกว้าง แล้วพาตัวเองทาบทับอย่างรวดเร็ว ดวงตากลมโตสบตากับคนที่ทับร่างตัวเองอยู่อย่างตื่นตระหนก “เรามีเรื่องต้องคุ
“ลินไม่ชอบวินบ้างเลยหรือ” คนถูกถามก้มหน้าตอบเบาๆ“ก็รู้สึกชินแล้วที่จะมีวินมาวนเวียนอยู่ใกล้ๆ แล้วก็หายหน้าไปนานๆโดยไม่รู้สาเหตุ แล้ววันดีคืนดีก็โผล่หน้ากลับมาให้เห็น” ตอบเสร็จนลินก็ถอนหายใจแรงอีกครั้ง ก่อนจะคิดอะไรบางอย่างได้ จึงรีบพูดต่อเร็วปรื๋อ“อันนี้ตอบตรงคำถามแล้ว ไม่ต้องมาลงโทษเลยนะ” ใบหน้างามแหงนเงยมองหน้าเจ้าของตักที่เธอนั่งทับอยู่ แล้วเธอก็ได้เจอกับรอยยิ้มกว้าง“ถ้าต่อไปวินจะไม่หายหน้าไปไหนแล้ว แต่จะขออยู่ใกล้ๆ ให้เราคุ้นเคยกันมากขึ้นล่ะ ลินจะให้โอกาสวินได้ไหม” นลินสบตาคมเข้มที่ฉายแววจริงใจอย่างไม่ปิดบัง“เอ่อ...ขอคิดดูก่อนได้ไหม”“ห้าสี่สามสองหนึ่ง หมดเวลาคิด...ตอบมา ไม่งั้นจะโดนลงโทษ”“โห...วิน ไม่ให้โอกาสลินได้คิดเลยอะ” น้ำเสียงที่ฟังดูก็เดาได้ว่าคนพูดขัดใจยิ่งนัก ใบหน้าของนายแพทย์ชัยชนะโน้มลงมาใกล้ นลินจึงใช้มือยันคางสากของเขาไว้“โอเคๆ ให้โอกาสวิน พอใจหรือยัง”“พอใจมาก แต่จะพอใจมากกว่านี้ ถ้าลินสัญญาว่าจะไม่ไปข้องเกี่ยวกับนายเควินอะไรนั่น” นลินชักสีหน้าไม่พอใจ กำลังจะอ้าปากเถียง ขณะที่นายแพทย์หนุ่มก้มหน้
“เกือบสองเดือนแล้วนะครับแม่ ที่ผมไม่ได้เจอฝ้าย...ฝ้ายจะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้ ป่านนี้ท้องจะโตแค่ไหนแล้วนะ” นักรบพูดราวกับรำพึง แววตาทอแสงอ่อนลงอย่างสำนึกผิดในสิ่งที่เคยทำกับคนที่เอ่ยถึง คุณนัยนาลุกขึ้นเดินอ้อมไปกอดบ่ากว้างของบุตรชาย“แม่รู้ว่ารบเหนื่อยมาก รู้ว่ารบยอมเสียสละความสุขส่วนตัวเพื่อแม่กับน้อง ทั้งๆที่ในใจรบตอนนี้มันร้อนรุ่มราวกับไฟ แต่รบก็ยังอดทนทำทุกอย่างเพื่อครอบครัวของเรา” คุณนัยนาถอนหายใจยาว คนเป็นลูกเสียสละให้กับเธอขนาดนี้ แต่เธอกลับทำร้ายเขาได้โดยไม่ได้คิดถึงจิตใจของลูกเลย ความรู้สึกสะท้านในอกตีตื้นขึ้นมาจุกอยู่ที่ลำคอ“แม่ขอโทษที่ทำลายความสุขของลูก แม่ขอโทษที่ยึดติดกับหัวโขนจอมปลอม จนทำให้ต้องทำร้ายหัวใจของลูก ทำให้เราต้องสูญเสียหนึ่งชีวิตบริสุทธิ์ไป” คุณนัยนาน้ำตารื้นปริ่มขอบตา การเห็นลูกชายหมกมุ่นอยู่กับเรื่องงาน และบางเวลาก็เหม่อลอยจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว หรือบางทีเขาถึงกับแอบร้องไห้ออกมาด้วยความอัดอั้น แต่นักรบกลับไม่เคยโทษเธอเลย ทำให้ผู้เป็นแม่รู้สึกว่าตัวเองเป็นแม่ที่แย่มาก เธอทำร้ายลูกของตัวเองจนเขาไม่เหลือความสุขในชีวิต“ไม่เป็นไรครับแ
“มีอะไรหรือเปล่าคะ” แก้วกานดาในชุดเสื้อยืดสีชมพูกางเกงเอี๊ยมยีนส์สีอ่อนเดินตามมารดาไปด้วยความสงสัย หากแต่เธอก็ยังคงย่ำเท้าไปตามทางพร้อมกับมารดา“มายืนตรงนี้สิฝ้าย” ธาดายืนรอลูกสาวอยู่ริมรั้วไม้เตี้ยๆตรงสุดเขตที่ดินของบ้าน แก้วกานดาหันมาสบตามารดา กานต์แก้วพยักหน้ายิ้มๆ“อะไรกันคะคุณพ่อ คุณแม่ มีลับลมคมในอะไรกันหรือเปล่า” แก้วกานดาถามยิ้มๆแล้วเดินไปยืนเคียงข้างบิดา ธาดาจับบ่าบอบบางของลูกสาวหันหน้าไปทางเนินเตี้ยๆบริเวณกว้าง มือใหญ่ชี้นิ้วไล่ไปเป็นวงกว้าง“จากตรงนี้ถึงตรงโน้น มันเป็นของเราแล้วนะ” แก้วกานดาหันกลับมามองหน้าบิดาอย่างแปลกใจ ธาดายีศีรษะลูกสาวเบาๆ“ป้าชบาแกเอาที่แปลงนี้มาเสนอให้พ่อเมื่อสองอาทิตย์ที่แล้ว แกจะย้ายไปอยู่ต่างประเทศกับลูกสาว ก็เลยอยากขายให้คนกันเอง อีกอย่างที่แปลงนี้มันไม่มีทางออกติดถนนเพราะติดที่ของเรา พ่อเห็นว่าราคาพอสู้ได้ก็เลยอยากซื้อเก็บไว้ให้ฝ้ายกับหลาน เห็นฝ้ายเคยบอกว่าอยากทำไร่องุ่นเล็กๆ...พ่อมีที่ให้ฝ้ายแล้วนะ แล้วฝ้ายล่ะจะทำไหวหรือเปล่า...ลูกสาวคนเก่งของพ่อ” แก้วกานดาสบสายตาแววตาอบอุ่นของบิดา แววตาที่มีแต่ความปรารถนาดีให้เสมอม
“พี่นวดให้ฝ้ายดีกว่า” แก้วกานดายิ้มอยู่กับอกกว้างอย่างรู้ทัน ร่างของคนตัวเล็กกว่าถูกพลิกให้นอนลงบนเตียงนุ่ม นักรบทาบทับตามติดมันที สองสายตาประสานกันนิ่ง แก้วกานดายกมือขึ้นลูบไล้ใบหน้าของสามีเบาๆ “พี่ชอบเวลาฝ้ายสัมผัสตัวพี่” สายตากรุ้มกริ่มของสามีทำให้เธอรู้ความหมายของเขา มือเล็กยันแผงออกกว้างให้เขาเป็นฝ่ายนอนหงายลง เสื้อยืดสีขาวตัวใหญ่และกางเกงนอนขายาวถูกถอดออกอย่างว่องไวโดยเจ้าของ แก้วกานดาขมวดคิ้วมุ่น หัวเราะกับท่าทางกระตือรือร้นของสามี “พี่ไม่อยากให้ฝ้ายเหนื่อย” นักรบยิ้มกว้างนอนรออย่างมีความหวัง ใบหน้านวลแดงซ่านเมื่อกวาดตามองเรือนกายกำยำของสามี ถึงจะอยู่กินกันมาหลายปีแล้ว แต่เธอก็ไม่ชินกับการมองเห็นเขาในสภาพเปล่าเปลือยสักที มือเล็กลูบไล้ทั่วแผ่นอกกำยำ ขณะที่สายตาจับจ้องใบหน้าหล่อคมของสามี นักรบหลับตาพริ้ม พ่นลมออกจากปากเป็นการระบายอารมณ์ร้อนแรงภายใน ที่เริ่มจะเดือดปุดๆ เพราะเกรงว่าตัวเองจะทนไม่ไหว จะต้องเป็นฝ่ายรุกเสียก่อนที่ภรรยาสาวจะสำรวจร่างของตนจนถ้วนทั่ว “อา...เลื่อนลงไ
“เห็นไหมลิน...ลูกมีความสุขกับการมีเพื่อนเล่น เราต้องจริงจังกับการผลิตน้องให้น้องนีแล้วนะ” นลินเงยหน้าสบตาสามี มือเล็กบิดสีข้างของคนตัวใหญ่เบาๆ“โอ๊ย!”“ไม่ต้องเอาลูกมาอ้างเลยนะวิน เดี๋ยวเถอะ” นลินจิกสายตามองอย่างรู้ทัน หญิงสาวสะบัดหน้าหนีผละออกจากวงแขนแกร่ง รีบสาวเท้าเดินตามลูกน้อยไป นายแพทย์ชัยชนะมองตามร่างภรรยาด้วยสายตามุ่งมั่นหลังจากมื้อค่ำที่แสนสุขของครอบครัวใหญ่ นักรบ แก้วกานดา นายแพทย์ชัยชนะ นลินและเด็กๆมารวมตัวกันที่โต๊ะไม้สักตัวใหญ่บริเวณระเบียงหลังบ้าน ส่วนผู้สูงอายุเลี่ยงไปคุยกันอีกมุมหนึ่งของบ้าน เด็กๆส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าวกันดังลั่น สลับกับเสียงหัวเราะของผู้ใหญ่ดังขึ้นเป็นระยะ“ลินทำไมไม่มีน้องให้น้องนีสักทีล่ะ ลูกคนเดียวเหงานะ”“เอ่อ...” นลินเพียงแค่อ้าปากกำลังจะตอบ สามีเธอก็แย่งหน้าที่ตอบคำถามให้ก่อน“กำลังพยายามอยู่ฝ้าย ลินไม่ค่อยให้ความร่วมมือเท่าไร ส่วนวินน่ะพร้อมทุกที่ทุกเวลา”คำพูดของนายแพทย์หนุ่มเรียกเสียงหัวเราะของทุกคน แต่คนที่ถูกพาดพิงกลับส่งสายตาเขียวปั้ดให้สามีตัวเอง“น้องนีครับ คืนนี้นอนกับคุณยายนะลูก” นา
“ฝ้ายติดลูกค้า ช่วงนี้ที่รีสอร์ตยุ่งๆ...สวัสดีครับปกป้องสุดหล่อ” เด็กชายปกป้องยิ้มแหยๆ ก้าวมายืนข้างหน้าบิดาแล้วยกมือไหว้ผู้มาเยือนอย่างนอบน้อม“สวัสดีครับพ่อรบ” นักรบยื่นมือใหญ่ไปยีศีรษะเล็กของเด็กชายเบาๆ เด็กหญิงคนเดียวท่ามกลางหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ ก้าวมายืนเคียงข้างบิดา จ้องมองลูกชายของเพื่อนพ่ออย่างข่มเต็มที่“เข้าไปในบ้านกันเถอะน้องปองเพิ่งกินนมเสร็จพอดี” ประณตเดินนำหน้าทุกคนเข้าไปในบ้าน เด็กชายธงรบจับมือบิดาเดินเข้าไปบ้านไปแล้ว“เดี๋ยวสิน้องป้อง” เด็กชายปกป้องหยุดการก้าวเดิน แล้วหันกลับไปมองคนที่เรียกตนเองด้วยสายตาไม่พอใจ“ป้องไม่ใช่น้องใคร ป้องเป็นพี่” คนถูกเรียกน้องแสดงความไม่พอใจออกมาทั้งหน้าตาและน้ำเสียง โดยไม่ปิดบัง เด็กหญิงแก้วกัลยายิ้มเยาะ“คุณพ่อบอกว่าป้องเกิดทีหลังนับหนึ่งตั้งสองวัน ป้องต้องเรียกนับหนึ่งว่า...พี่นับหนึ่ง” เด็กหญิงผมเปียยิ้มอย่างผู้ชนะ“คุณพ่อบอกว่านับหนึ่งเป็นคู่หมั้นของป้อง โตขึ้นนับหนึ่งต้องมาเป็นแฟนของป้อง นับหนึ่งนั่นแหละต้องเรียกป้องว่าคุณแฟน” เด็กชายตัวน้อยตอบโต้กลับ สบตาดวงตากลมโตอย่างเหนือกว่า“ไม่
“นับหนึ่งไม่ได้เล่นนะ นับหนึ่งกำลังช่วยคุณตาปลูกดอกกุหลาบแปลงใหม่อยู่” เสียงเจื้อยแจ้วบ่งบอกว่างอน ทำให้ผู้เป็นพ่อหัวเราะในลำคอ“ตัวเล็กแค่นี้ขยันจังเลย สงสัยพ่อต้องมีรางวัลให้ซะแล้ว” เด็กหญิงตาโตเมื่อได้ยินคำว่ารางวัล“รางวัลอะไรคะ” นักรบยิ้มส่ายศีรษะ“ยังไม่บอก จนกว่านับหนึ่งจะไปอาบน้ำแต่งตัวใหม่สวยๆ” หรี่ตามองบิดาอย่างชั่งใจ“ก็ได้ค่ะ” ร่างเล็กดิ้นลงจากอกบิดา แล้ววิ่งเข้าบ้านไปทันที แก้วกานดาอุ้มลูกชายตัวเล็กอายุสามขวบเดินออกมาจากในบ้าน สวนทางกับเด็กหญิงแก้วกัลยาที่วิ่งปรู๊ดเข้าไปบ้านพอดี“โกหกอะไรนับหนึ่งอีกล่ะคะ ถึงได้ยิ้มหน้าบานขนาดนั้น” นักรบรับเด็กชายธงรบมาอุ้มไว้ แล้วโอบร่างภรรยาไว้หลวมๆ ริมฝีปากหยักได้รูปจุมพิตที่ขมับของคนร่างเล็กหนักๆ“ไม่ได้โกหกสักหน่อย พี่ว่าจะพานับหนึ่งไปเยี่ยมน้องปองที่ไร่ปรานี ฝ้ายไปด้วยกันนะ” ปิ่นหล้าภรรยาของประณตเจ้าของไร่องุ่นใกล้เคียงกันเพิ่งคลอดบุตรสาวคนเล็ก นักรบจึงอยากไปเยี่ยมตามประสาเพื่อนกัน“วันนี้มีกรุ๊ปทัวร์คุณหมอเพื่อนของวินมาค่ะ พี่รบจำไม่ได้เหรอ ถ้าฝ้ายไปด้วยใครจะดูแลลูกค้าล่ะคะ” หลังจาก
“จ้า...ฝ้ายก็ต้องดูแลตัวเองด้วยนะ อาไปก่อนนะนับหนึ่ง” นลินก้มลงคุยกับหลานที่ยังอยู่ในท้องของแก้วกานดา“ฝากดูแลลินด้วยนะหมอวิน” นักรบหันไปฝากฝังน้องสาวกับว่าที่น้องเขย นายแพทย์ชัยชนะยิ้มพยักหน้ารับ“เป็นหน้าที่ของผมออยู่แล้วครับพี่รบ” นลินตวัดสายตามองคนพูดอย่างหมั่นไส้ ช่างสรรหาคำพูดมาทำคะแนนเหลือเกิน คนที่ถูกหมั่นไส้ตีคิ้วยิ้มด้วยแววตาเป็นประกาย จนนลินต้องเป็นฝ่ายหลบสายตาเอง“ขับรถดีๆนะวิน” แก้วกานดาโบกมือลาเพื่อนด้วยรอยยิ้ม“เราต้องแต่งงานกันเดือนหน้านะลิน” หลังจากรถแล่นออกจากประตูรั้ว นายแพทย์ชัยชนะก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง“ลินรู้แล้ว วินจะย้ำอะไรนักหนา”“ก็ย้ำเพื่อให้ลินรู้ว่าห้ามบ่ายเบี่ยงอีกเด็ดขาด”นลินเบี่ยงตัวหันมามองหน้าคนขับรถ คิ้วเรียวสวยขมวดมุ่น นายแพทย์ชัยชนะยิ้มกว้าง หันหน้ามาสบตาคนนั่งข้างแวบหนึ่ง แล้วหันกลับไปตั้งใจขับรถต่อ“คืนที่ผ่านมา มันเป็นช่วงที่ร่างกายของลินพร้อมตั้งครรภ์ที่สุด และวินก็ตั้งใจทำเต็มที่ ไม่แน่นะว่าลูกของวินอาจจะอยู่ในท้องของลินแล้วก็ได้”นลินอ้าปากค
“อื๊อ...พี่รบ” แก้วกานดาประท้วงเสียงพร่า“รู้ไหม...นอกจากพี่จะเป็นตาแก่ขี้หวงแล้ว พี่ยังเป็นตาแก่หื่นกามจอมอึดด้วยนะ” เสียงทุ้มกระซิบริมหูเล็ก แก้วกานดายิ้มหวานพลิกร่างนอนหงาย“จะอึดแค่ไหนกันเชียว...ขี้โม้” คนตัวเล็กไม่ยอมลดราวาศอก บังอาจท้าทายคนตัวโต“พี่ถือว่าเป็นสาส์นท้ารบ นักรบอย่างพี่ไม่มีวันถอยทัพแน่ ถ้าศัตรูไม่พ่ายทัพแตกหนีไปเสียก่อน และถึงจะพ่ายทัพแตกกระเจิง พี่สาบานว่าจะรุกไม่ให้ได้หายใจหายคอกันทีเดียว หึๆ” คำพูดของสามีทำให้แก้วกานดาใจสั่น รู้แน่ว่าเขาคิดเป็นจริงเป็นจัง หญิงสาวจึงหวีดร้องเบาๆ เมื่อร่างเล็กของตัวเองถูกจับลอกคราบอย่างรวดเร็ว“พี่รบขา ใช้แผนการรบแบบละมุนละม่อมนะ ห้ามใช้แผนการรบขั้นรุนแรง ลูกอยู่ในนี้นะคะ” แก้วกานดาเตือนสติสามี“ครับผม” รับคำเรียบร้อย นักรบก็ไม่ปล่อยให้ภรรยาได้ทันตั้งตัว เขาจู่โจมรุกหนักด้วยการมอบจุมพิตที่เร่าร้อน มือใหญ่ลูบไล้ไปตามร่างนุ่มนิ่มอวบอิ่ม หยุดทักทายบีบเคล้นอกอวบสลับกับการคีบเม็ดสีหวานเบาๆ ริมฝีปากร้อนเคลื่อนที่ช้าๆดื่มด่ำกับผิวเนียนหอมกรุ่นทั่วร่างอย่างหลงใหล“เมียพี่หวานที่สุด น่ากินไปทั้ง
“อื้มมมม...รักลินที่สุด” เสียงครางทุ้มต่ำบ่งบอกว่า เขาได้ล่องลอยอยู่ในเวิ้งฟ้าเดียวกันกับคนรัก คำบอกรักกระซิบด้วยเสียงพร่าแว่วหวานนัก ร่างใหญ่พลิกกายนอนหงาย โดยกอดคนร่างเล็กให้นอนแนบกายทาบทับอยู่บนร่างของตน สองร่างยังคงประสานกันอยู่กลางกาย นลินซบหน้าบนแผ่นอกคนคนรัก ลมหายใจของเธอยังหอบถี่กระชั้น “พักยกก่อนเนอะ” เสียงทุ้มกระซิบกระซาบ แล้วจูบซับเรือนผมหอมกรุ่น “บ้า” ถึงจะยังเหนื่อยกับเกมรักที่เพิ่งผ่านไป แต่นลินก็ยังพอที่อ้าปากต่อว่าคนหื่นได้ มือใหญ่กดลงบนสะโพกเต่งตึงแรงๆ พร้อมกับยกสะโพกของตนสวนรับค้างไว้ ความซาบซ่านละมุนที่ยังวนเวียนอยู่ในร่างสาวทำให้นลินเสียววูบขึ้นมาทันที “อ๊ะ! วิน...อย่าแกล้งกันสิ” คนแกล้งหัวเราะชอบใจ “ก็ลินน่ารัก อยากแกล้งแบบนี้ทั้งวันทั้งคืนเลย” “จะบ้าเหรอ...งานการไม่มีทำหรือไง” “มี...แต่ชอบทำลินมากกว่า” “อุ๊ย! วิน” มือหนาจับบ่าเล็กดันขึ้นให้ร่างของนลินนั่งคร่อมอยู่บนร่างตนเอง หญิงสาวหน้าแด
นายแพทย์ชัยชนะหัวเราะในลำคอ “เพราะรักหรอกน่า...เดือนหน้าเราจะต้องแต่งงานกันนะ วินไม่ อยากนอนคนเดียว อยากตื่นมาตอนเช้าแล้วเห็นลินเป็นคนแรก” มือหนาลูบไล้ไปตามแผ่นหลังนุ่ม“ปากหวานก็เป็นด้วย” นลินพูดเสียงอู้อี้อยู่ชิดแผงอกกว้าง“วินรักลินนะ” นลินผงกศีรษะขึ้นสบตาแวววาวของชายหนุ่ม สองสายตาประสานกันอยู่เนิ่นนาน นายแพทย์ชัยชนะค่อยๆพลิกร่างตัวเองขึ้นคร่อมร่างของหญิงสาวให้อยู่ใต้ร่างของตนเอง นลินพ่นลมหายใจออกเบาๆ หลับตาลงช้าๆเมื่อใบหน้าหล่อเหลาของคนบนร่างโน้มลงมาใกล้ ริมฝีปากบางจิ้มลิ้มของเธอถูกครอบครองแผ่วเบา หญิงสาวเผยอปากรับอย่างเต็มใจ ชายหนุ่มเริ่มรุกเร่าร้อน ลิ้นสากของเขาไล่ต้อนตวัดรัดรึงลิ้นเล็กของเธอด้วยความโหยหา นลินจูบตอบด้วยประสบการณ์ที่น้อยนัก แต่กลับทำให้ชายหนุ่มครางกระหึ่มในลำคอด้วยความพึงพอใจ“วินรักลินที่สุด” เสียงทุ้มดังอยู่ชิดริมหูเล็ก นายแพทย์ชัยชนะละจากริมฝีปากของนลิน ใช้จมูกโด่งซอกซอนดอมดมไปตามใบหน้าเนียนและลำคอหอมกรุ่น ชุดนอนของหญิงสาวดูจะเกะกะสายตาเขาเป็นที่สุด มือใหญ่จึงลงมือแกะและถอดปราการบนร่างบางทุกชิ้นออกอย่างรวดเร็ว นลินนอนหอบหายใจแรงอย่างเขิน
“รีบๆแต่งกันไปเถอะหนูลิน หมั้นกันนานๆผู้คนจะมองไม่ดี มีคนมาดูแลหนูลิน คุณนัยนาจะได้สบายใจ” กานต์แก้วพยายามเกลี้ยกล่อมนลินช่วยอีกคน เพราะหน้าตาของหญิงสาวบ่งบอกว่างอนมารดาอย่างเห็นได้ชัด“หรือหมอวินทำอะไรให้ลินไม่พอใจหรือเปล่า” นักรบลุกขึ้นยืนขึงขัง เงื้อกำปั้นขึ้นเล็งไปที่นายแพทย์หนุ่มที่นั่งอยู่ข้างน้องสาว นลินรีบยกมือห้ามทันควัน“ไม่ๆค่ะ พี่รบจะทำอะไรเนี่ย วินเขาไม่ได้ทำอะไรลินสักหน่อย” ประโยคสุดท้ายของนลินฟังแล้วไม่ค่อยมั่นใจนัก เสียงหัวเราะของคนรอบข้างทำให้นลินกวาดสายตาดูทุกคนอายๆ ที่เผลอออกโรงปกป้องชายหนุ่ม“นั่นไง...เป็นห่วงหมอวินล่ะสิ...สรุปแต่งกันเดือนหน้าเลยนะ ฝากดูแลลินด้วยนะหมอวิน” คนเป็นพี่พูดจบก็นั่งลง สบตากับว่าที่น้องเขยยิ้มๆ นลินมองหน้าว่าที่เจ้าบ่าวของตนอย่างหมั่นไส้ ก็เขาเล่นยิ้มแก้มแทบจะปริอยู่แล้วนะเช้าวันต่อมาผู้สูงอายุทั้งสามออกจากบ้านแต่เช้า นักรบและแก้วกานดาช่วยกันทำงาน แต่ส่วนใหญ่จะหนักไปทางสามีเป็นผู้ทำทั้งหมดเสียมากกว่า ด้วยเกรงว่าภรรยาจะเหนื่อย ไม่ได้พักผ่อน นลินและนายแพทย์ชัยชนะนั่งพักผ่อนอยู่บริเวณซุ้มไม้นอกร