“ลินไม่ชอบวินบ้างเลยหรือ” คนถูกถามก้มหน้าตอบเบาๆ
“ก็รู้สึกชินแล้วที่จะมีวินมาวนเวียนอยู่ใกล้ๆ แล้วก็หายหน้าไปนานๆโดยไม่รู้สาเหตุ แล้ววันดีคืนดีก็โผล่หน้ากลับมาให้เห็น” ตอบเสร็จนลินก็ถอนหายใจแรงอีกครั้ง ก่อนจะคิดอะไรบางอย่างได้ จึงรีบพูดต่อเร็วปรื๋อ
“อันนี้ตอบตรงคำถามแล้ว ไม่ต้องมาลงโทษเลยนะ” ใบหน้างามแหงนเงยมองหน้าเจ้าของตักที่เธอนั่งทับอยู่ แล้วเธอก็ได้เจอกับรอยยิ้มกว้าง
“ถ้าต่อไปวินจะไม่หายหน้าไปไหนแล้ว แต่จะขออยู่ใกล้ๆ ให้เราคุ้นเคยกันมากขึ้นล่ะ ลินจะให้โอกาสวินได้ไหม” นลินสบตาคมเข้มที่ฉายแววจริงใจอย่างไม่ปิดบัง
“เอ่อ...ขอคิดดูก่อนได้ไหม”
“ห้าสี่สามสองหนึ่ง หมดเวลาคิด...ตอบมา ไม่งั้นจะโดนลงโทษ”
“โห...วิน ไม่ให้โอกาสลินได้คิดเลยอะ” น้ำเสียงที่ฟังดูก็เดาได้ว่าคน
พูดขัดใจยิ่งนัก ใบหน้าของนายแพทย์ชัยชนะโน้มลงมาใกล้ นลินจึงใช้มือยันคางสากของเขาไว้
“โอเคๆ ให้โอกาสวิน พอใจหรือยัง”
“พอใจมาก แต่จะพอใจมากกว่านี้ ถ้าลินสัญญาว่าจะไม่ไปข้องเกี่ยวกับนายเควินอะไรนั่น” นลินชักสีหน้าไม่พอใจ กำลังจะอ้าปากเถียง ขณะที่นายแพทย์หนุ่มก้มหน้
“เกือบสองเดือนแล้วนะครับแม่ ที่ผมไม่ได้เจอฝ้าย...ฝ้ายจะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้ ป่านนี้ท้องจะโตแค่ไหนแล้วนะ” นักรบพูดราวกับรำพึง แววตาทอแสงอ่อนลงอย่างสำนึกผิดในสิ่งที่เคยทำกับคนที่เอ่ยถึง คุณนัยนาลุกขึ้นเดินอ้อมไปกอดบ่ากว้างของบุตรชาย“แม่รู้ว่ารบเหนื่อยมาก รู้ว่ารบยอมเสียสละความสุขส่วนตัวเพื่อแม่กับน้อง ทั้งๆที่ในใจรบตอนนี้มันร้อนรุ่มราวกับไฟ แต่รบก็ยังอดทนทำทุกอย่างเพื่อครอบครัวของเรา” คุณนัยนาถอนหายใจยาว คนเป็นลูกเสียสละให้กับเธอขนาดนี้ แต่เธอกลับทำร้ายเขาได้โดยไม่ได้คิดถึงจิตใจของลูกเลย ความรู้สึกสะท้านในอกตีตื้นขึ้นมาจุกอยู่ที่ลำคอ“แม่ขอโทษที่ทำลายความสุขของลูก แม่ขอโทษที่ยึดติดกับหัวโขนจอมปลอม จนทำให้ต้องทำร้ายหัวใจของลูก ทำให้เราต้องสูญเสียหนึ่งชีวิตบริสุทธิ์ไป” คุณนัยนาน้ำตารื้นปริ่มขอบตา การเห็นลูกชายหมกมุ่นอยู่กับเรื่องงาน และบางเวลาก็เหม่อลอยจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว หรือบางทีเขาถึงกับแอบร้องไห้ออกมาด้วยความอัดอั้น แต่นักรบกลับไม่เคยโทษเธอเลย ทำให้ผู้เป็นแม่รู้สึกว่าตัวเองเป็นแม่ที่แย่มาก เธอทำร้ายลูกของตัวเองจนเขาไม่เหลือความสุขในชีวิต“ไม่เป็นไรครับแ
“มีอะไรหรือเปล่าคะ” แก้วกานดาในชุดเสื้อยืดสีชมพูกางเกงเอี๊ยมยีนส์สีอ่อนเดินตามมารดาไปด้วยความสงสัย หากแต่เธอก็ยังคงย่ำเท้าไปตามทางพร้อมกับมารดา“มายืนตรงนี้สิฝ้าย” ธาดายืนรอลูกสาวอยู่ริมรั้วไม้เตี้ยๆตรงสุดเขตที่ดินของบ้าน แก้วกานดาหันมาสบตามารดา กานต์แก้วพยักหน้ายิ้มๆ“อะไรกันคะคุณพ่อ คุณแม่ มีลับลมคมในอะไรกันหรือเปล่า” แก้วกานดาถามยิ้มๆแล้วเดินไปยืนเคียงข้างบิดา ธาดาจับบ่าบอบบางของลูกสาวหันหน้าไปทางเนินเตี้ยๆบริเวณกว้าง มือใหญ่ชี้นิ้วไล่ไปเป็นวงกว้าง“จากตรงนี้ถึงตรงโน้น มันเป็นของเราแล้วนะ” แก้วกานดาหันกลับมามองหน้าบิดาอย่างแปลกใจ ธาดายีศีรษะลูกสาวเบาๆ“ป้าชบาแกเอาที่แปลงนี้มาเสนอให้พ่อเมื่อสองอาทิตย์ที่แล้ว แกจะย้ายไปอยู่ต่างประเทศกับลูกสาว ก็เลยอยากขายให้คนกันเอง อีกอย่างที่แปลงนี้มันไม่มีทางออกติดถนนเพราะติดที่ของเรา พ่อเห็นว่าราคาพอสู้ได้ก็เลยอยากซื้อเก็บไว้ให้ฝ้ายกับหลาน เห็นฝ้ายเคยบอกว่าอยากทำไร่องุ่นเล็กๆ...พ่อมีที่ให้ฝ้ายแล้วนะ แล้วฝ้ายล่ะจะทำไหวหรือเปล่า...ลูกสาวคนเก่งของพ่อ” แก้วกานดาสบสายตาแววตาอบอุ่นของบิดา แววตาที่มีแต่ความปรารถนาดีให้เสมอม
“ลาเต้เย็นหนึ่ง คาปูหวานน้อยหนึ่ง แล้วก็เค้กลูกตาลสองชิ้น โต๊ะไม้ที่สองด้านนอกนะจ๊ะ” แก้วกานดารับออเดอร์มาจากลูกค้า แล้วกลับเข้ามาสั่งลูกน้องที่อยู่ด้านหลังเคาน์เตอร์ชงกาแฟ“พี่ฝ้ายคะ...ลูกค้ามาอีกรายแล้วค่ะ ให้หนูออกไปรับออเดอร์ให้ไหมคะ” ลูกน้องเป็นห่วงเจ้าของร้านที่ตั้งครรภ์ แต่กลับเดินไปเดินมาทำโน่นนี่ราวกับว่าเป็นผู้หญิงทั่วไปที่ไม่ได้มีอีกชีวิตหนึ่งอยู่ในท้อง แก้วกานดายิ้มหวานให้ลูกน้อง“ไม่เป็นไรจ้ะ เดี๋ยวพี่ฝ้ายไปรับลูกค้าเอง” หญิงสาวเปิดประตูกระจกเดินตรงไปยังโต๊ะไม้ริมสุด ลูกค้ารายใหม่นั่งหันหลังให้เธอ ทำไมรูปร่างสูงใหญ่แผ่นหลังกว้าง และทรงผมซอยเรียบร้อยเข้ารูปกับศีรษะทุยถึงดูคุ้นตานักนะ เท้าเล็กหยุดอยู่ใกล้กับโต๊ะไม้กลม แก้วกานดาฉีกยิ้มกว้างก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงใสกังวาน“สวัสดีค่ะ รับอะไรดีคะ”ใบหน้าหล่อเข้มหันกลับมาเงยหน้ามองเธอด้วยรอยยิ้มยินดี แก้วกานดาตาเบิกโพลง รอยยิ้มกว้างของเธอหุบฉับลงทันที เท้าเล็กเดินถอยหลังไปสองก้าว หัวใจดวงน้อยเต้นแรง สองสายตาประสานกันนิ่งนาน จนกระทั่งคนที่นั่งอยู่ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง แล้วขยับเข้าใกล้เธอ มือหนายื่นออก
“อย่างเดียวที่จะทำให้ฉันมีความสุขได้คือ การที่ไม่มีคุณมาวุ่นวายในชีวิตฉันอีก ฉันขอบอกคุณอีกครั้งว่า ฉันยกโทษให้คุณแล้ว ได้โปรดเถอะคุณรบ ได้โปรดออกจากชีวิตฉันไป...” แก้วกานดาสะบัดมือออกจากการเกาะกุม แล้วเดินหนีไปอย่างรวดเร็ว เธอต้องรีบหนีไปจากตรงนี้ก่อน เพราะหัวใจเธออ่อนแอนัก มันอ่อนแอจนน่ากลัวว่าจะให้อภัยคนที่เคยทำร้ายมัน โดยที่เขายังไม่ได้รับรู้ถึงความเจ็บปวดที่สาสมนักรบไม่รู้จะเรียกรั้งหญิงสาวไว้อย่างไร เขาได้แต่ก้มหน้ามองพื้นดินด้วยหัวใจเต้นแรง ไหล่กว้างลู่ลงอย่างคนอ่อนแรง ร่างใหญ่ไหวสะท้านจากแรงสะอื้นที่ตีตื้นออกมาจากหัวใจ ขอบตาร้อนผ่าวรับรู้ได้ถึงน้ำอุ่นๆที่รินออกจากตา ทำไมมันถึงเจ็บปวดนักนะ เจ็บปวดจนแทบขาดใจ เขาจะต้องสูญเสียแก้วกานดาไปจริงๆหรือ แล้วเขาจะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้อย่างไร ในเมื่อหัวใจกำลังเดินหนีเขาไป ไม่มีโอกาสสำหรับเขาแล้วใช่ไหม ตอนนี้เขาไม่เหลือเรี่ยวแรงพอจะลุกขึ้นวิ่งตามหัวใจตัวเองไปด้วยซ้ำ“รบ!” เสียงเข้มที่เรียกชื่อของตนทำให้นักรบหันกลับไปมองเจ้าของเสียง ที่กำลังเดินตรงมาที่เขา ชายหนุ่มเหลียวกลับไปมองแก้วกานดาอีกครั้ง ซึ่งหญิงสาวหายเข้าบ้านไปแล้ว เ
“เอ่อ...พี่ณตไปไหนหรือคะ ทำไมไม่มารับฝ้ายเอง” แก้วกานดาเอ่ยถามเมื่อรถแล่นมาได้สักระยะหนึ่งแล้ว คนขับรถใส่หมวกแก๊ป แว่นตาดำและใส่ผ้าปิดจมูกกันฝุ่น ทำให้เธอเห็นใบหน้าเขาไม่ชัดเท่าไร หากแต่รูปร่างและท่าทางเขาเธอดูคุ้นตานัก“แคกๆ...คุณณตติดธุระครับ” น้ำเสียงที่ฟังเหมือนดัดนั้นทำให้แก้วกานดาขมวดคิ้วมุ่น แต่เธอก็เลือกที่จะพยักหน้ารับทราบ แล้วมองตรงไปข้างหน้าแทน ประณตคงจะติดธุระจริงๆ แต่เขาก็ยังรักษาคำพูดส่งคนมารับเธอ น่านับถือน้ำใจจริงๆณ ไร่องุ่นปรานีบ้านไม้หลังใหญ่ตั้งอยู่บนเนินกลางไร่องุ่นหลายร้อยไร่ หน้าบ้านมีชุดเก้าอี้ไม้รับแขก หญิงสูงวัยนั่งรอแก้วกานดาอยู่ก่อนแล้ว“สวัสดีค่ะคุณป้า” แก้วกานดายกมือไหว้ผู้สูงวัยกว่าด้วยรอยยิ้มหวาน ปรานีรับไหว้อย่างยินดี“สวัสดีจ้ะหนูฝ้าย ไม่เจอตั้งนาน...โตเป็นสาวแล้ว แล้วพ่อกับแม่เราสบายดีไหม ป้าว่าจะแวะไปเยี่ยมที่บ้านก็ยังไม่ว่างสักที”“คุณแม่กับพ่อสบายดีค่ะ ฝ้ายต้องรบกวนคุณป้าหน่อยนะคะ คงต้องมาเรียนรู้อะไรหลายๆอย่างที่นี่”“รบกวนอะไรกันล่ะ คนกันเองทั้งนั
“ขอบคุณค่ะ” คนเปิดประตูให้อยากจะจับประคองร่างเล็กอย่างใจ แต่ก็ทำได้เพียงคอยระวังอยู่ใกล้ๆ หากว่าเธอเกิดสะดุดหกล้มไป เขาก็พร้อมที่จะช่วยเหลือได้ทันท่วงทีปิ่นหล้าและแก้วกานดาเดินนำหน้าสองหนุ่มไปไกลพอสมควร ประณตจึงหันมาถามคนที่ปิดหน้าพรางตายิ้มๆ“เมื่อไรนายจะถอดอุปกรณ์ปกปิดใบหน้าออกสักที เดี๋ยวคนก็แตกตื่นกันทั้งโรงพยาบาลหรอก” คนถูกถามมองตามแผ่นหลังของร่างเล็กข้างหน้า ก่อนจะหันมาตอบเพื่อน“ขืนถอดออกฝ้ายก็จับได้สิ” เสียงทุ้มเอ่ยเบาๆ อย่างกลัวคนข้างหน้าจะได้ยิน“แล้วปกปิดหน้าซะมิดชิดอย่างนี้ มีแผนจะเข้าไปในห้องตรวจกับเขายังไง เจ้าหน้าที่เขาคงให้เข้าไปหรอกนะ” มือใหญ่ถอดแว่นตาดำออกสบตาเพื่อนอย่างอ้อนวอน“เราไม่มีแผนอะไรให้นายนะรบ คิดแผนไม่ออกจริงๆว่ะ” ประณตตบบ่าเพื่อนสองที แล้วเร่งฝีเท้าตามคุณแม่ยังสาวทั้งสองไป ปล่อยให้นักรบยืนนิ่งถอนหายใจแรงอย่างคิดไม่ตก ว่าจะทำยังไงถึงจะได้เข้าไปในห้องตรวจครรภ์พร้อมกับแก้วกานดา เขาอยากเห็นภาพแรกของลูกพร้อมกับแก้วกานดา อยากฟังคุณหมอบอกเล่าถึงลูก อยากรู้ว่าตอนนี้เขาตัวโตแค่ไหนแล้ว และอยากให้กำลังใจคนที่อุ้มท้องลูกของเขาด้
“ผู้หญิงค่ะ แข็งแรงดีค่ะพี่ปิ่น แล้วลูกพี่ปิ่นล่ะคะ”“ผู้ชายจ้ะ แข็งแรงดี สมใจพ่อเขาล่ะ พี่ณตเขาอยากได้ลูกชาย” ปิ่นหล้าตอบยิ้มๆบุ้ยใบ้ไปทางประณตที่มีสีหน้าภาคภูมิใจในฝีมือตัวเอง“ถ้าอย่างนั้น พี่ขอหมั้นลูกสาวน้องฝ้ายไว้ให้ลูกชายพี่เลยนะ ฮ่าๆ” ประณตหัวเราะพร้อมกับเหล่ตาไปมองนักรบ“แหม...เล่นขอหมั้นกันตั้งแต่อยู่ในท้องเลยเหรอคะ อืม...ตกลงค่ะ แต่มีข้อแม้ว่าพี่ณตต้องสอนทุกเคล็ดลับในการทำไร่องุ่นให้ฝ้าย โดยไม่หมกเม็ดใดๆนะคะ” แก้วกานดายิ้มหวานรับคำขอหมั้นลูกสาวของตน“จัดไปครับน้องฝ้าย” สายตาคมเข้มของนักรบภายใต้แว่นกันแดดหรี่ตามองเพื่อนอย่างไม่พอใจ ซึ่งประณตเองก็พอจะเดาอาการของเพื่อนออก เขาตีคิ้วข้างเดียวอย่างท้าทายคุณพ่อที่เริ่มแอบหวงลูกสาวอยู่เงียบๆ แต่แสดงออกไม่ได้“เอ่อ...น้องฝ้ายครับ พอดีที่ไร่โทรมาบอกว่ามีงานด่วน พี่ขอกลับไร่ก่อนแล้วค่อยให้คนขับรถไปส่งน้องฝ้ายที่ร้านนะครับ” ประณตพยายามวางแผนให้โอกาสเพื่อนเต็มที่“ได้ค่ะพี่ณต แค่นี้ก็เกรงใจจะแย่”“เกรงใจอะไรกันล่ะครับ คนกันเองทั้งนั้น” แก้วกานดายิ้มกว้างยกมือไหว้ขอบคุณทั้งสองคน&
“สวัสดีค่ะคุณเควิน” แก้วกานดายิ้มต้อนรับหนุ่มต่างชาติอย่างยินดี เควินยิ้มกว้างหันไปยกมือไหว้กานต์แก้วอย่างนอบน้อม แต่ก็ยังดูขัดตาอยู่นิดๆ “สวัสดีครับคุณแม่” “แม่คะนี่คุณเควินที่ฝ้ายเคยเล่าให้ฟังค่ะ” กานต์แก้วพยักหน้ารับทราบ “ตามสบายนะคุณเควิน แม่ขอตัวไปพักผ่อนสักหน่อยนะ” เควิน พยักหน้ารับยิ้มกว้าง กานต์แก้วเดินออกจากร้านไปแล้ว แก้วกานดาเดินนำเควินไปนั่งด้านนอกของร้าน “คุณเควินมากับเพื่อนๆอีกหรือคะ” เควินส่ายหน้าช้าๆเป็นคำตอบ “ผมมาตามเสียงเรียกร้องของหัวใจ” แก้วกานดายิ้มอย่างยากเย็น “ผมอยากดูแลแฟรี่กับลูก ขอโอกาสให้ผมได้ไหมครับ” เควินรุกเร็ว เขาไม่อยากรอช้า เพราะเวลามันกระชั้นชิดเข้ามาทุกที แก้วกานดาถอนหายใจเบาๆ หญิงสาวยิ้มน้อยๆขณะที่สบตาเควิน “คุณเควินเป็นคนดี ฝ้ายอยากให้คุณได้เจอคนที่ดี” แก้วกานดาว่าแล้วยิ้มหวาน หากแต่เควินกลับถอนหายใจยาวอย่างเคร่งเครียด “แฟรี่จะไม่เปิดโอกาสทำความรู้จักกับผมหน่อ
“พี่นวดให้ฝ้ายดีกว่า” แก้วกานดายิ้มอยู่กับอกกว้างอย่างรู้ทัน ร่างของคนตัวเล็กกว่าถูกพลิกให้นอนลงบนเตียงนุ่ม นักรบทาบทับตามติดมันที สองสายตาประสานกันนิ่ง แก้วกานดายกมือขึ้นลูบไล้ใบหน้าของสามีเบาๆ “พี่ชอบเวลาฝ้ายสัมผัสตัวพี่” สายตากรุ้มกริ่มของสามีทำให้เธอรู้ความหมายของเขา มือเล็กยันแผงออกกว้างให้เขาเป็นฝ่ายนอนหงายลง เสื้อยืดสีขาวตัวใหญ่และกางเกงนอนขายาวถูกถอดออกอย่างว่องไวโดยเจ้าของ แก้วกานดาขมวดคิ้วมุ่น หัวเราะกับท่าทางกระตือรือร้นของสามี “พี่ไม่อยากให้ฝ้ายเหนื่อย” นักรบยิ้มกว้างนอนรออย่างมีความหวัง ใบหน้านวลแดงซ่านเมื่อกวาดตามองเรือนกายกำยำของสามี ถึงจะอยู่กินกันมาหลายปีแล้ว แต่เธอก็ไม่ชินกับการมองเห็นเขาในสภาพเปล่าเปลือยสักที มือเล็กลูบไล้ทั่วแผ่นอกกำยำ ขณะที่สายตาจับจ้องใบหน้าหล่อคมของสามี นักรบหลับตาพริ้ม พ่นลมออกจากปากเป็นการระบายอารมณ์ร้อนแรงภายใน ที่เริ่มจะเดือดปุดๆ เพราะเกรงว่าตัวเองจะทนไม่ไหว จะต้องเป็นฝ่ายรุกเสียก่อนที่ภรรยาสาวจะสำรวจร่างของตนจนถ้วนทั่ว “อา...เลื่อนลงไ
“เห็นไหมลิน...ลูกมีความสุขกับการมีเพื่อนเล่น เราต้องจริงจังกับการผลิตน้องให้น้องนีแล้วนะ” นลินเงยหน้าสบตาสามี มือเล็กบิดสีข้างของคนตัวใหญ่เบาๆ“โอ๊ย!”“ไม่ต้องเอาลูกมาอ้างเลยนะวิน เดี๋ยวเถอะ” นลินจิกสายตามองอย่างรู้ทัน หญิงสาวสะบัดหน้าหนีผละออกจากวงแขนแกร่ง รีบสาวเท้าเดินตามลูกน้อยไป นายแพทย์ชัยชนะมองตามร่างภรรยาด้วยสายตามุ่งมั่นหลังจากมื้อค่ำที่แสนสุขของครอบครัวใหญ่ นักรบ แก้วกานดา นายแพทย์ชัยชนะ นลินและเด็กๆมารวมตัวกันที่โต๊ะไม้สักตัวใหญ่บริเวณระเบียงหลังบ้าน ส่วนผู้สูงอายุเลี่ยงไปคุยกันอีกมุมหนึ่งของบ้าน เด็กๆส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าวกันดังลั่น สลับกับเสียงหัวเราะของผู้ใหญ่ดังขึ้นเป็นระยะ“ลินทำไมไม่มีน้องให้น้องนีสักทีล่ะ ลูกคนเดียวเหงานะ”“เอ่อ...” นลินเพียงแค่อ้าปากกำลังจะตอบ สามีเธอก็แย่งหน้าที่ตอบคำถามให้ก่อน“กำลังพยายามอยู่ฝ้าย ลินไม่ค่อยให้ความร่วมมือเท่าไร ส่วนวินน่ะพร้อมทุกที่ทุกเวลา”คำพูดของนายแพทย์หนุ่มเรียกเสียงหัวเราะของทุกคน แต่คนที่ถูกพาดพิงกลับส่งสายตาเขียวปั้ดให้สามีตัวเอง“น้องนีครับ คืนนี้นอนกับคุณยายนะลูก” นา
“ฝ้ายติดลูกค้า ช่วงนี้ที่รีสอร์ตยุ่งๆ...สวัสดีครับปกป้องสุดหล่อ” เด็กชายปกป้องยิ้มแหยๆ ก้าวมายืนข้างหน้าบิดาแล้วยกมือไหว้ผู้มาเยือนอย่างนอบน้อม“สวัสดีครับพ่อรบ” นักรบยื่นมือใหญ่ไปยีศีรษะเล็กของเด็กชายเบาๆ เด็กหญิงคนเดียวท่ามกลางหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ ก้าวมายืนเคียงข้างบิดา จ้องมองลูกชายของเพื่อนพ่ออย่างข่มเต็มที่“เข้าไปในบ้านกันเถอะน้องปองเพิ่งกินนมเสร็จพอดี” ประณตเดินนำหน้าทุกคนเข้าไปในบ้าน เด็กชายธงรบจับมือบิดาเดินเข้าไปบ้านไปแล้ว“เดี๋ยวสิน้องป้อง” เด็กชายปกป้องหยุดการก้าวเดิน แล้วหันกลับไปมองคนที่เรียกตนเองด้วยสายตาไม่พอใจ“ป้องไม่ใช่น้องใคร ป้องเป็นพี่” คนถูกเรียกน้องแสดงความไม่พอใจออกมาทั้งหน้าตาและน้ำเสียง โดยไม่ปิดบัง เด็กหญิงแก้วกัลยายิ้มเยาะ“คุณพ่อบอกว่าป้องเกิดทีหลังนับหนึ่งตั้งสองวัน ป้องต้องเรียกนับหนึ่งว่า...พี่นับหนึ่ง” เด็กหญิงผมเปียยิ้มอย่างผู้ชนะ“คุณพ่อบอกว่านับหนึ่งเป็นคู่หมั้นของป้อง โตขึ้นนับหนึ่งต้องมาเป็นแฟนของป้อง นับหนึ่งนั่นแหละต้องเรียกป้องว่าคุณแฟน” เด็กชายตัวน้อยตอบโต้กลับ สบตาดวงตากลมโตอย่างเหนือกว่า“ไม่
“นับหนึ่งไม่ได้เล่นนะ นับหนึ่งกำลังช่วยคุณตาปลูกดอกกุหลาบแปลงใหม่อยู่” เสียงเจื้อยแจ้วบ่งบอกว่างอน ทำให้ผู้เป็นพ่อหัวเราะในลำคอ“ตัวเล็กแค่นี้ขยันจังเลย สงสัยพ่อต้องมีรางวัลให้ซะแล้ว” เด็กหญิงตาโตเมื่อได้ยินคำว่ารางวัล“รางวัลอะไรคะ” นักรบยิ้มส่ายศีรษะ“ยังไม่บอก จนกว่านับหนึ่งจะไปอาบน้ำแต่งตัวใหม่สวยๆ” หรี่ตามองบิดาอย่างชั่งใจ“ก็ได้ค่ะ” ร่างเล็กดิ้นลงจากอกบิดา แล้ววิ่งเข้าบ้านไปทันที แก้วกานดาอุ้มลูกชายตัวเล็กอายุสามขวบเดินออกมาจากในบ้าน สวนทางกับเด็กหญิงแก้วกัลยาที่วิ่งปรู๊ดเข้าไปบ้านพอดี“โกหกอะไรนับหนึ่งอีกล่ะคะ ถึงได้ยิ้มหน้าบานขนาดนั้น” นักรบรับเด็กชายธงรบมาอุ้มไว้ แล้วโอบร่างภรรยาไว้หลวมๆ ริมฝีปากหยักได้รูปจุมพิตที่ขมับของคนร่างเล็กหนักๆ“ไม่ได้โกหกสักหน่อย พี่ว่าจะพานับหนึ่งไปเยี่ยมน้องปองที่ไร่ปรานี ฝ้ายไปด้วยกันนะ” ปิ่นหล้าภรรยาของประณตเจ้าของไร่องุ่นใกล้เคียงกันเพิ่งคลอดบุตรสาวคนเล็ก นักรบจึงอยากไปเยี่ยมตามประสาเพื่อนกัน“วันนี้มีกรุ๊ปทัวร์คุณหมอเพื่อนของวินมาค่ะ พี่รบจำไม่ได้เหรอ ถ้าฝ้ายไปด้วยใครจะดูแลลูกค้าล่ะคะ” หลังจาก
“จ้า...ฝ้ายก็ต้องดูแลตัวเองด้วยนะ อาไปก่อนนะนับหนึ่ง” นลินก้มลงคุยกับหลานที่ยังอยู่ในท้องของแก้วกานดา“ฝากดูแลลินด้วยนะหมอวิน” นักรบหันไปฝากฝังน้องสาวกับว่าที่น้องเขย นายแพทย์ชัยชนะยิ้มพยักหน้ารับ“เป็นหน้าที่ของผมออยู่แล้วครับพี่รบ” นลินตวัดสายตามองคนพูดอย่างหมั่นไส้ ช่างสรรหาคำพูดมาทำคะแนนเหลือเกิน คนที่ถูกหมั่นไส้ตีคิ้วยิ้มด้วยแววตาเป็นประกาย จนนลินต้องเป็นฝ่ายหลบสายตาเอง“ขับรถดีๆนะวิน” แก้วกานดาโบกมือลาเพื่อนด้วยรอยยิ้ม“เราต้องแต่งงานกันเดือนหน้านะลิน” หลังจากรถแล่นออกจากประตูรั้ว นายแพทย์ชัยชนะก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง“ลินรู้แล้ว วินจะย้ำอะไรนักหนา”“ก็ย้ำเพื่อให้ลินรู้ว่าห้ามบ่ายเบี่ยงอีกเด็ดขาด”นลินเบี่ยงตัวหันมามองหน้าคนขับรถ คิ้วเรียวสวยขมวดมุ่น นายแพทย์ชัยชนะยิ้มกว้าง หันหน้ามาสบตาคนนั่งข้างแวบหนึ่ง แล้วหันกลับไปตั้งใจขับรถต่อ“คืนที่ผ่านมา มันเป็นช่วงที่ร่างกายของลินพร้อมตั้งครรภ์ที่สุด และวินก็ตั้งใจทำเต็มที่ ไม่แน่นะว่าลูกของวินอาจจะอยู่ในท้องของลินแล้วก็ได้”นลินอ้าปากค
“อื๊อ...พี่รบ” แก้วกานดาประท้วงเสียงพร่า“รู้ไหม...นอกจากพี่จะเป็นตาแก่ขี้หวงแล้ว พี่ยังเป็นตาแก่หื่นกามจอมอึดด้วยนะ” เสียงทุ้มกระซิบริมหูเล็ก แก้วกานดายิ้มหวานพลิกร่างนอนหงาย“จะอึดแค่ไหนกันเชียว...ขี้โม้” คนตัวเล็กไม่ยอมลดราวาศอก บังอาจท้าทายคนตัวโต“พี่ถือว่าเป็นสาส์นท้ารบ นักรบอย่างพี่ไม่มีวันถอยทัพแน่ ถ้าศัตรูไม่พ่ายทัพแตกหนีไปเสียก่อน และถึงจะพ่ายทัพแตกกระเจิง พี่สาบานว่าจะรุกไม่ให้ได้หายใจหายคอกันทีเดียว หึๆ” คำพูดของสามีทำให้แก้วกานดาใจสั่น รู้แน่ว่าเขาคิดเป็นจริงเป็นจัง หญิงสาวจึงหวีดร้องเบาๆ เมื่อร่างเล็กของตัวเองถูกจับลอกคราบอย่างรวดเร็ว“พี่รบขา ใช้แผนการรบแบบละมุนละม่อมนะ ห้ามใช้แผนการรบขั้นรุนแรง ลูกอยู่ในนี้นะคะ” แก้วกานดาเตือนสติสามี“ครับผม” รับคำเรียบร้อย นักรบก็ไม่ปล่อยให้ภรรยาได้ทันตั้งตัว เขาจู่โจมรุกหนักด้วยการมอบจุมพิตที่เร่าร้อน มือใหญ่ลูบไล้ไปตามร่างนุ่มนิ่มอวบอิ่ม หยุดทักทายบีบเคล้นอกอวบสลับกับการคีบเม็ดสีหวานเบาๆ ริมฝีปากร้อนเคลื่อนที่ช้าๆดื่มด่ำกับผิวเนียนหอมกรุ่นทั่วร่างอย่างหลงใหล“เมียพี่หวานที่สุด น่ากินไปทั้ง
“อื้มมมม...รักลินที่สุด” เสียงครางทุ้มต่ำบ่งบอกว่า เขาได้ล่องลอยอยู่ในเวิ้งฟ้าเดียวกันกับคนรัก คำบอกรักกระซิบด้วยเสียงพร่าแว่วหวานนัก ร่างใหญ่พลิกกายนอนหงาย โดยกอดคนร่างเล็กให้นอนแนบกายทาบทับอยู่บนร่างของตน สองร่างยังคงประสานกันอยู่กลางกาย นลินซบหน้าบนแผ่นอกคนคนรัก ลมหายใจของเธอยังหอบถี่กระชั้น “พักยกก่อนเนอะ” เสียงทุ้มกระซิบกระซาบ แล้วจูบซับเรือนผมหอมกรุ่น “บ้า” ถึงจะยังเหนื่อยกับเกมรักที่เพิ่งผ่านไป แต่นลินก็ยังพอที่อ้าปากต่อว่าคนหื่นได้ มือใหญ่กดลงบนสะโพกเต่งตึงแรงๆ พร้อมกับยกสะโพกของตนสวนรับค้างไว้ ความซาบซ่านละมุนที่ยังวนเวียนอยู่ในร่างสาวทำให้นลินเสียววูบขึ้นมาทันที “อ๊ะ! วิน...อย่าแกล้งกันสิ” คนแกล้งหัวเราะชอบใจ “ก็ลินน่ารัก อยากแกล้งแบบนี้ทั้งวันทั้งคืนเลย” “จะบ้าเหรอ...งานการไม่มีทำหรือไง” “มี...แต่ชอบทำลินมากกว่า” “อุ๊ย! วิน” มือหนาจับบ่าเล็กดันขึ้นให้ร่างของนลินนั่งคร่อมอยู่บนร่างตนเอง หญิงสาวหน้าแด
นายแพทย์ชัยชนะหัวเราะในลำคอ “เพราะรักหรอกน่า...เดือนหน้าเราจะต้องแต่งงานกันนะ วินไม่ อยากนอนคนเดียว อยากตื่นมาตอนเช้าแล้วเห็นลินเป็นคนแรก” มือหนาลูบไล้ไปตามแผ่นหลังนุ่ม“ปากหวานก็เป็นด้วย” นลินพูดเสียงอู้อี้อยู่ชิดแผงอกกว้าง“วินรักลินนะ” นลินผงกศีรษะขึ้นสบตาแวววาวของชายหนุ่ม สองสายตาประสานกันอยู่เนิ่นนาน นายแพทย์ชัยชนะค่อยๆพลิกร่างตัวเองขึ้นคร่อมร่างของหญิงสาวให้อยู่ใต้ร่างของตนเอง นลินพ่นลมหายใจออกเบาๆ หลับตาลงช้าๆเมื่อใบหน้าหล่อเหลาของคนบนร่างโน้มลงมาใกล้ ริมฝีปากบางจิ้มลิ้มของเธอถูกครอบครองแผ่วเบา หญิงสาวเผยอปากรับอย่างเต็มใจ ชายหนุ่มเริ่มรุกเร่าร้อน ลิ้นสากของเขาไล่ต้อนตวัดรัดรึงลิ้นเล็กของเธอด้วยความโหยหา นลินจูบตอบด้วยประสบการณ์ที่น้อยนัก แต่กลับทำให้ชายหนุ่มครางกระหึ่มในลำคอด้วยความพึงพอใจ“วินรักลินที่สุด” เสียงทุ้มดังอยู่ชิดริมหูเล็ก นายแพทย์ชัยชนะละจากริมฝีปากของนลิน ใช้จมูกโด่งซอกซอนดอมดมไปตามใบหน้าเนียนและลำคอหอมกรุ่น ชุดนอนของหญิงสาวดูจะเกะกะสายตาเขาเป็นที่สุด มือใหญ่จึงลงมือแกะและถอดปราการบนร่างบางทุกชิ้นออกอย่างรวดเร็ว นลินนอนหอบหายใจแรงอย่างเขิน
“รีบๆแต่งกันไปเถอะหนูลิน หมั้นกันนานๆผู้คนจะมองไม่ดี มีคนมาดูแลหนูลิน คุณนัยนาจะได้สบายใจ” กานต์แก้วพยายามเกลี้ยกล่อมนลินช่วยอีกคน เพราะหน้าตาของหญิงสาวบ่งบอกว่างอนมารดาอย่างเห็นได้ชัด“หรือหมอวินทำอะไรให้ลินไม่พอใจหรือเปล่า” นักรบลุกขึ้นยืนขึงขัง เงื้อกำปั้นขึ้นเล็งไปที่นายแพทย์หนุ่มที่นั่งอยู่ข้างน้องสาว นลินรีบยกมือห้ามทันควัน“ไม่ๆค่ะ พี่รบจะทำอะไรเนี่ย วินเขาไม่ได้ทำอะไรลินสักหน่อย” ประโยคสุดท้ายของนลินฟังแล้วไม่ค่อยมั่นใจนัก เสียงหัวเราะของคนรอบข้างทำให้นลินกวาดสายตาดูทุกคนอายๆ ที่เผลอออกโรงปกป้องชายหนุ่ม“นั่นไง...เป็นห่วงหมอวินล่ะสิ...สรุปแต่งกันเดือนหน้าเลยนะ ฝากดูแลลินด้วยนะหมอวิน” คนเป็นพี่พูดจบก็นั่งลง สบตากับว่าที่น้องเขยยิ้มๆ นลินมองหน้าว่าที่เจ้าบ่าวของตนอย่างหมั่นไส้ ก็เขาเล่นยิ้มแก้มแทบจะปริอยู่แล้วนะเช้าวันต่อมาผู้สูงอายุทั้งสามออกจากบ้านแต่เช้า นักรบและแก้วกานดาช่วยกันทำงาน แต่ส่วนใหญ่จะหนักไปทางสามีเป็นผู้ทำทั้งหมดเสียมากกว่า ด้วยเกรงว่าภรรยาจะเหนื่อย ไม่ได้พักผ่อน นลินและนายแพทย์ชัยชนะนั่งพักผ่อนอยู่บริเวณซุ้มไม้นอกร