“ขอบคุณค่ะ” คนเปิดประตูให้อยากจะจับประคองร่างเล็กอย่างใจ แต่ก็ทำได้เพียงคอยระวังอยู่ใกล้ๆ หากว่าเธอเกิดสะดุดหกล้มไป เขาก็พร้อมที่จะช่วยเหลือได้ทันท่วงที
ปิ่นหล้าและแก้วกานดาเดินนำหน้าสองหนุ่มไปไกลพอสมควร ประณตจึงหันมาถามคนที่ปิดหน้าพรางตายิ้มๆ
“เมื่อไรนายจะถอดอุปกรณ์ปกปิดใบหน้าออกสักที เดี๋ยวคนก็แตกตื่นกันทั้งโรงพยาบาลหรอก” คนถูกถามมองตามแผ่นหลังของร่างเล็กข้างหน้า ก่อนจะหันมาตอบเพื่อน
“ขืนถอดออกฝ้ายก็จับได้สิ” เสียงทุ้มเอ่ยเบาๆ อย่างกลัวคนข้างหน้าจะได้ยิน
“แล้วปกปิดหน้าซะมิดชิดอย่างนี้ มีแผนจะเข้าไปในห้องตรวจกับเขายังไง เจ้าหน้าที่เขาคงให้เข้าไปหรอกนะ” มือใหญ่ถอดแว่นตาดำออกสบตาเพื่อนอย่างอ้อนวอน
“เราไม่มีแผนอะไรให้นายนะรบ คิดแผนไม่ออกจริงๆว่ะ” ประณตตบบ่าเพื่อนสองที แล้วเร่งฝีเท้าตามคุณแม่ยังสาวทั้งสองไป ปล่อยให้นักรบยืนนิ่งถอนหายใจแรงอย่างคิดไม่ตก ว่าจะทำยังไงถึงจะได้เข้าไปในห้องตรวจครรภ์พร้อมกับแก้วกานดา เขาอยากเห็นภาพแรกของลูกพร้อมกับแก้วกานดา อยากฟังคุณหมอบอกเล่าถึงลูก อยากรู้ว่าตอนนี้เขาตัวโตแค่ไหนแล้ว และอยากให้กำลังใจคนที่อุ้มท้องลูกของเขาด้
“ผู้หญิงค่ะ แข็งแรงดีค่ะพี่ปิ่น แล้วลูกพี่ปิ่นล่ะคะ”“ผู้ชายจ้ะ แข็งแรงดี สมใจพ่อเขาล่ะ พี่ณตเขาอยากได้ลูกชาย” ปิ่นหล้าตอบยิ้มๆบุ้ยใบ้ไปทางประณตที่มีสีหน้าภาคภูมิใจในฝีมือตัวเอง“ถ้าอย่างนั้น พี่ขอหมั้นลูกสาวน้องฝ้ายไว้ให้ลูกชายพี่เลยนะ ฮ่าๆ” ประณตหัวเราะพร้อมกับเหล่ตาไปมองนักรบ“แหม...เล่นขอหมั้นกันตั้งแต่อยู่ในท้องเลยเหรอคะ อืม...ตกลงค่ะ แต่มีข้อแม้ว่าพี่ณตต้องสอนทุกเคล็ดลับในการทำไร่องุ่นให้ฝ้าย โดยไม่หมกเม็ดใดๆนะคะ” แก้วกานดายิ้มหวานรับคำขอหมั้นลูกสาวของตน“จัดไปครับน้องฝ้าย” สายตาคมเข้มของนักรบภายใต้แว่นกันแดดหรี่ตามองเพื่อนอย่างไม่พอใจ ซึ่งประณตเองก็พอจะเดาอาการของเพื่อนออก เขาตีคิ้วข้างเดียวอย่างท้าทายคุณพ่อที่เริ่มแอบหวงลูกสาวอยู่เงียบๆ แต่แสดงออกไม่ได้“เอ่อ...น้องฝ้ายครับ พอดีที่ไร่โทรมาบอกว่ามีงานด่วน พี่ขอกลับไร่ก่อนแล้วค่อยให้คนขับรถไปส่งน้องฝ้ายที่ร้านนะครับ” ประณตพยายามวางแผนให้โอกาสเพื่อนเต็มที่“ได้ค่ะพี่ณต แค่นี้ก็เกรงใจจะแย่”“เกรงใจอะไรกันล่ะครับ คนกันเองทั้งนั้น” แก้วกานดายิ้มกว้างยกมือไหว้ขอบคุณทั้งสองคน&
“สวัสดีค่ะคุณเควิน” แก้วกานดายิ้มต้อนรับหนุ่มต่างชาติอย่างยินดี เควินยิ้มกว้างหันไปยกมือไหว้กานต์แก้วอย่างนอบน้อม แต่ก็ยังดูขัดตาอยู่นิดๆ “สวัสดีครับคุณแม่” “แม่คะนี่คุณเควินที่ฝ้ายเคยเล่าให้ฟังค่ะ” กานต์แก้วพยักหน้ารับทราบ “ตามสบายนะคุณเควิน แม่ขอตัวไปพักผ่อนสักหน่อยนะ” เควิน พยักหน้ารับยิ้มกว้าง กานต์แก้วเดินออกจากร้านไปแล้ว แก้วกานดาเดินนำเควินไปนั่งด้านนอกของร้าน “คุณเควินมากับเพื่อนๆอีกหรือคะ” เควินส่ายหน้าช้าๆเป็นคำตอบ “ผมมาตามเสียงเรียกร้องของหัวใจ” แก้วกานดายิ้มอย่างยากเย็น “ผมอยากดูแลแฟรี่กับลูก ขอโอกาสให้ผมได้ไหมครับ” เควินรุกเร็ว เขาไม่อยากรอช้า เพราะเวลามันกระชั้นชิดเข้ามาทุกที แก้วกานดาถอนหายใจเบาๆ หญิงสาวยิ้มน้อยๆขณะที่สบตาเควิน “คุณเควินเป็นคนดี ฝ้ายอยากให้คุณได้เจอคนที่ดี” แก้วกานดาว่าแล้วยิ้มหวาน หากแต่เควินกลับถอนหายใจยาวอย่างเคร่งเครียด “แฟรี่จะไม่เปิดโอกาสทำความรู้จักกับผมหน่อ
“แย่จัง อุตส่าห์อธิษฐานมาทั้งคืนว่าให้แฟรี่ยอมใจอ่อนให้ผมบ้าง” แก้วกานดาหัวเราะเบาๆ เอื้อมมือไปกุมมือใหญ่ไว้ เพราะอยากถ่ายทอดความจริงใจให้ชายหนุ่มได้รับรู้“คุณเควินสัญญากับฝ้ายนะคะ ว่าเราจะเป็นเพื่อนกันตลอดไป ที่นี่ยินดีต้อนรับคุณเสมอ” เควินถอนหายใจแรง เขาจับมือบางขึ้นมาแตะจุมพิตแผ่วเบา ก่อนจะเงยหน้าขึ้นสบตาแก้วกานดาที่มองอย่างตกใจเล็กน้อย“ผมสัญญาว่าเราจะเป็นเพื่อนกันตลอดไปครับ ขออนุญาตทักทายคนที่กุมหัวใจคุณไว้ทั้งหมดได้ไหมครับ” เควินหลุบสายตาลงไปตรงกลางท้องของหญิงสาว แล้วเงยขึ้นสบตากับแก้วกานดา“ได้สิคะ คุณลุงเควิน” มือใหญ่ทาบทับลงบนท้องนูน แล้วก้มลงพูดเศร้าๆ“ลุงคงไม่ได้ดูแลหนูอย่างที่ต้องการแล้วล่ะ หนูต้องเป็นเด็กดี อย่าดื้อกับแฟรี่นะครับ ลาก่อนครับ” เควินชักมือกลับ แล้วรวบมือบางมากุมไว้“ผมขอสัญญาข้อหนึ่งได้ไหมครับ” แก้วกานดาขมวดคิ้วมุ่น“ถ้าแฟรี่จะมองหาใครมาดูแลสักคน ขอให้ผมเป็นตัวเลือกแรกได้ไหมครับ” แก้วกานดาสบตาเควินยิ้มๆ“ฝ้ายจะโทรหาคุณเควินคนแรกเลยค่ะ” สองหนุ่มสาวหัวเราะขึ้นพร้อมกัน ความรู้สึกดีๆที่เกิดขึ้นถึงแม้จะไม่ลงได้ล
“ขอบใจมากนะณต ฝากลาคุณแม่ปรานีกับปิ่นด้วย เราคงต้องรีบกลับแล้วล่ะ” ประณตพยักหน้าเข้าใจเพื่อน แต่ก่อนที่นักรบจะก้าวขึ้นรถ สายตาของเขาก็เหลือบไปเห็นรถคันคุ้นตาแล่นเข้ามาภายในไร่องุ่นปรานี“จะไปไหนรบ” คุณนัยนาลงจากรถก่อนใคร แล้วเดินตรงมาหาลูกชายทันที ประณตยกมือไหว้ทักทาย ขณะที่นักรบถอนหายใจเฮือกใหญ่แววตาหม่นเศร้าฉายชัด นลินและนายแพทย์ชัยชนะเดินมายืนข้างคุณนัยนาแล้วยกมือไหว้ทักทายประณต ทุกคนมองนักรบด้วยความเห็นใจ“รบยอมแพ้แล้วเหรอ” นักรบสบตามารดาแล้วพยักหน้าช้าๆ ร่างสูงใหญ่ขยับเข้าใกล้คุณนัยนา วงแขนแกร่งกอดร่างมารดาแน่น เขาหลับตาลงอย่างเหนื่อยล้าหัวใจนัก น้ำตาลูกผู้ชายไหลรินบนบ่าของผู้เป็นแม่ คุณนัยนาลูบแผ่นหลังกว้างเบาๆ เธอรับรู้ถึงแรงสั่นสะท้านของผู้ชายตัวโต หัวใจคนเป็นแม่เจ็บปวดยิ่งนัก เมื่อสำนึกได้ว่าตัวเองคือคนที่ทำร้ายลูกชายให้ต้องตกอยู่ในสภาพนี้“ฝ้ายเขาไม่ให้โอกาสผมแล้วครับแม่...บางทีการที่ผมออกไปจากชีวิตฝ้าย น่าจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับฝ้ายแล้ว” เสียงทุ้มเจือสะอื้นฟังดูเศร้าและหมดหวัง“รบ...ฟังแม่นะ รบต้องสู้นะ รบรอแม่อยู่นี่ก่อนนะ แม่จะแก้ไขความผิ
“เอ่อ...แม่จะให้รบมารับฝ้ายกลับไปอยู่บ้านเรานะ” แก้วกานดาปล่อยวงแขนเรียวจากร่างของคุณนัยนา หญิงสาวยิ้มพร้อมกับส่ายหน้า“ฝ้ายให้อภัยคุณแม่กับคุณรบแล้วค่ะ แต่ฝ้ายคงไม่กลับไปอยู่กับคนที่ไม่เชื่อมั่นในความรักของฝ้ายหรอกค่ะ” คุณนัยนาถอนหายใจแรง“ฝ้าย...”“ปล่อยให้ฝ้ายอยู่ที่นี่กับคนที่เชื่อมั่นในรักของฝ้าย และฝ้ายก็เชื่อมั่นในรักของท่านเถอะค่ะ” คุณนัยนาขมวดคิ้วมุ่น แก้วกานดายิ้มกว้าง“ความรักของพ่อกับแม่เป็นความรักที่ฝ้ายเชื่อมั่นที่สุดค่ะ”“เอ่อ...ฝ้ายจะว่าอะไรไหมถ้าแม่จะขอคุยกับคุณพ่อคุณแม่ของฝ้าย แม่อยากขอโทษคุณกานต์แก้ว คุณธาดา ที่แม่เคยทำร้ายแก้วตาดวงใจของเขา” เมื่อแก้วกานดาไม่ยอมเปิดโอกาสให้นักรบเลย คนที่พอจะช่วยได้ก็คงจะเป็นพ่อกับแม่ของเธอ คุณนัยนาต้องการขอโอกาสจากทั้งสองคน โอกาสที่จะทำให้เรื่องราวทุกอย่างจบลงด้วยความสุขของคนเป็นลูก“ได้สิคะ คุณแม่รอตรงนี้นะคะ เดี๋ยวฝ้ายไปเรียกคุณพ่อคุณแม่ให้”“พรุ่งนี้จะมีคนงานมาพักกับเราหนึ่งคนนะฝ้าย” คุณธาดาบอกกับลูกสาวขณะรับประทานอาหารมื้อค่ำด้วยกันสามคนพ่อแม่ลูก แ
“อือ...” นลินอมยิ้มขณะที่ตอบรับ เธอยอมรับว่าการอยู่ในอ้อมกอดแข็งแกร่งของชายหนุ่มทำให้เธอรู้สึกอบอุ่น และมีความสุข“งั้นก็มากินกันเถอะ” นลินหันกลับมาทำหน้าแปลกใจ ก่อนที่จะถึงบางอ้อ เมื่อชายหนุ่มพยักพเยิดไปยังโต๊ะไม้ที่ตั้งอยู่มุมระเบียงกว้างอีกด้าน ซึ่งบนโต๊ะมีอาหารหลายอย่างถูกจัดวางไว้รออยู่แล้ว“นี่วินวางแผนไว้ก่อนแล้วใช่ไหม” คนถูกกล่าวหาเลิกคิ้วสูง“กินกันเถอะ วินหิวแล้ว” นายแพทย์ชัยชนะเลือกที่จะไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ เขากุมมือนุ่มจูงไปยังเก้าอี้ มือใหญ่วางบนบ่าบอบบางทั้งสองก่อนจะกดลงเบาๆให้หญิงสาวนั่งลง แล้วตัวเขาเองก็นั่งลงที่เก้าอี้ตรงกันข้าม“สงบศึกชั่วคราว เติมพลังก่อนนะ” นลินจิกสายตามองคนพูด ชายหนุ่มพยักหน้า ผายมือเชื้อเชิญให้เธอรับประทานอาหารตรงหน้า สองหนุ่มสาวยิ้มให้กันก่อนที่จะเริ่มลงมือรับประทานมื้อเย็นอย่างมีความสุข ท่ามกลางบรรยากาศธรรมชาติสายน้ำและแมกไม้“หนังท้องตึง หนังตามันก็หย่อนอะ วินขอนอนพักหน่อยนะ เดี๋ยวค่อยเดินทางต่อ” นายแพทย์ชัยชนะพูดขึ้นมา หลังจากที่ทั้งสองจัดการอาหารมื้อเย็นกันเรียบร้อยได้สักพัก ร่างสูงลุกขึ้นจากเก้าอี้เดินโซเ
“วิน...” ไฟในห้องถูกปิดไว้ มีเพียงแสงสลัวจากพระจันทร์กลมโต ที่ส่องผ่านบานประตูกระจกซึ่งถูกเลื่อนแง้มไว้ทางระเบียงหลังห้อง เท้าเล็กเดินไปตามแสงนั้น นลินค่อยๆเลื่อนประตูออกแล้วก้าวเท้าออกไปยังระเบียง“อุ๊ย!” ร่างนุ่มนิ่มถูกรวบกอดขณะที่เธอหันมาเลื่อนประตูปิด มือบางตีลำแขนแข็งแกร่งเบาๆ“วินเล่นอะไรอะ...ตกใจหมดเลย” คุณถูกถามไม่ตอบ เขากดจมูกโด่งดมแก้มเนียนเนิ่นนาน“ชื่นใจจัง” นายแพทย์ชัยชนะถอนจมูกจากแก้มเนียน วงแขนแกร่งกระชับอ้อมแขนแน่นขึ้น วางคางสากของตนไว้บนศีรษะของนลิน มือบางวางทาบทับบนลำแขนแกร่งที่โอบรอบตัวเองอยู่ หญิงสาวเอนตัวซบแผ่นอกกว้างด้วยรอยยิ้มอย่างสุขใจ สัมผัสแนบชิดถ่ายทอดไออุ่นให้กันและกัน ท่ามกลางบรรยากาศแสงจันทร์บนฟ้าที่ส่องลอดต้นไม้ใหญ่ลงมาเพียงสลัว ลำธารน้ำใสที่ไหลรินเอื่อยๆ อากาศเย็นในค่ำคืนไม่ได้บั่นทอนความอบอุ่นในหัวใจของคนรักกันได้เลย“หนาวไหม” เสียงทุ้มถามชิดริมหูเล็ก นลินส่ายศีรษะยิ้มๆ ชายหนุ่มพลิกร่างเล็กให้หันหน้าเผชิญกัน ใบหน้างามเงยหน้าสบตาคมเข้มด้วยแววตาเขินอาย นลินเลือกที่จะก้มหน้ามองแผงอกกว้าง หัวใจดวงน้อยเต้นแรง
นายแพทย์ชัยชนะครางในลำคออย่างพึงพอใจ เขาลากมือวกกลับมาด้านหน้าท้องลูบไล้เรื่อยลงไปจนถึงกลีบดอกไม้นุ่มชุ่มชื้น นิ้วเรียวใหญ่แทรกลงกลางกลีบดอกไม้สาวช้าๆ“อื๊อ! วะ...วิน” นลินครางเรียกชื่อคนรุกรานแผ่วเบา ก่อนจะถูกเขาดูดซับเสียงทั้งหมดไว้ด้วยริมฝีปากอีกครั้ง นายแพทย์ชัยชนะสัมผัสได้ถึงความชุ่มชื้นลื่นนุ่มกลางกายสาว หัวใจหนุ่มเต้นระรัวด้วยความตื่นเต้น สัมผัสทางกายโดยที่หัวใจทั้งสองผูกพันกันนั้น ก่อให้เกิดความปรารถนาล้ำลึกจนเขาไม่สามารถถอยหลังกลับได้แล้ว นิ้วเรียวใหญ่ขยับเข้าออกช้าๆ เพื่อสร้างความคุ้นเคยให้คนที่ยังไม่เคยถูกรุกล้ำอย่างลึกซึ้งมาก่อน นลินขยับร่างเบียดเข้าหาร่างใหญ่ อกอวบนุ่มหยุ่นแนบไปกับแผงอกแกร่ง มือบางจับบ่ากว้างสองข้างและเริ่มจิกเล็บแน่นเพื่อระบายความเสียวซ่าน ที่ก่อตัวขึ้นรุนแรงและแผ่ไปทั้งร่าง“เข้าไปในห้องกันเถอะ” เสียงทุ้มกระซิบพร่านิ้วเรียวใหญ่ถอนออกจากแปลงดอกไม้กลางกายสาว มือใหญ่ช้อนลงใต้สะโพกเต่งตึง อุ้มร่างของคนตัวเล็กขึ้น นลินตวัดขาเรียวรอบเอวสอบโดยอัตโนมัติ วงแขนเรียวโอบกอดร่างใหญ่แน่นเพราะกลัวตก หญิงสาวเลือกที่จะซบหน้าลงบนบ่ากว้าง เธออยากปฏ
นายแพทย์ชัยชนะหัวเราะในลำคอ “เพราะรักหรอกน่า...เดือนหน้าเราจะต้องแต่งงานกันนะ วินไม่ อยากนอนคนเดียว อยากตื่นมาตอนเช้าแล้วเห็นลินเป็นคนแรก” มือหนาลูบไล้ไปตามแผ่นหลังนุ่ม“ปากหวานก็เป็นด้วย” นลินพูดเสียงอู้อี้อยู่ชิดแผงอกกว้าง“วินรักลินนะ” นลินผงกศีรษะขึ้นสบตาแวววาวของชายหนุ่ม สองสายตาประสานกันอยู่เนิ่นนาน นายแพทย์ชัยชนะค่อยๆพลิกร่างตัวเองขึ้นคร่อมร่างของหญิงสาวให้อยู่ใต้ร่างของตนเอง นลินพ่นลมหายใจออกเบาๆ หลับตาลงช้าๆเมื่อใบหน้าหล่อเหลาของคนบนร่างโน้มลงมาใกล้ ริมฝีปากบางจิ้มลิ้มของเธอถูกครอบครองแผ่วเบา หญิงสาวเผยอปากรับอย่างเต็มใจ ชายหนุ่มเริ่มรุกเร่าร้อน ลิ้นสากของเขาไล่ต้อนตวัดรัดรึงลิ้นเล็กของเธอด้วยความโหยหา นลินจูบตอบด้วยประสบการณ์ที่น้อยนัก แต่กลับทำให้ชายหนุ่มครางกระหึ่มในลำคอด้วยความพึงพอใจ“วินรักลินที่สุด” เสียงทุ้มดังอยู่ชิดริมหูเล็ก นายแพทย์ชัยชนะละจากริมฝีปากของนลิน ใช้จมูกโด่งซอกซอนดอมดมไปตามใบหน้าเนียนและลำคอหอมกรุ่น ชุดนอนของหญิงสาวดูจะเกะกะสายตาเขาเป็นที่สุด มือใหญ่จึงลงมือแกะและถอดปราการบนร่างบางทุกชิ้นออกอย่างรวดเร็ว นลินนอนหอบหายใจแรงอย่างเขิน
“รีบๆแต่งกันไปเถอะหนูลิน หมั้นกันนานๆผู้คนจะมองไม่ดี มีคนมาดูแลหนูลิน คุณนัยนาจะได้สบายใจ” กานต์แก้วพยายามเกลี้ยกล่อมนลินช่วยอีกคน เพราะหน้าตาของหญิงสาวบ่งบอกว่างอนมารดาอย่างเห็นได้ชัด“หรือหมอวินทำอะไรให้ลินไม่พอใจหรือเปล่า” นักรบลุกขึ้นยืนขึงขัง เงื้อกำปั้นขึ้นเล็งไปที่นายแพทย์หนุ่มที่นั่งอยู่ข้างน้องสาว นลินรีบยกมือห้ามทันควัน“ไม่ๆค่ะ พี่รบจะทำอะไรเนี่ย วินเขาไม่ได้ทำอะไรลินสักหน่อย” ประโยคสุดท้ายของนลินฟังแล้วไม่ค่อยมั่นใจนัก เสียงหัวเราะของคนรอบข้างทำให้นลินกวาดสายตาดูทุกคนอายๆ ที่เผลอออกโรงปกป้องชายหนุ่ม“นั่นไง...เป็นห่วงหมอวินล่ะสิ...สรุปแต่งกันเดือนหน้าเลยนะ ฝากดูแลลินด้วยนะหมอวิน” คนเป็นพี่พูดจบก็นั่งลง สบตากับว่าที่น้องเขยยิ้มๆ นลินมองหน้าว่าที่เจ้าบ่าวของตนอย่างหมั่นไส้ ก็เขาเล่นยิ้มแก้มแทบจะปริอยู่แล้วนะเช้าวันต่อมาผู้สูงอายุทั้งสามออกจากบ้านแต่เช้า นักรบและแก้วกานดาช่วยกันทำงาน แต่ส่วนใหญ่จะหนักไปทางสามีเป็นผู้ทำทั้งหมดเสียมากกว่า ด้วยเกรงว่าภรรยาจะเหนื่อย ไม่ได้พักผ่อน นลินและนายแพทย์ชัยชนะนั่งพักผ่อนอยู่บริเวณซุ้มไม้นอกร
“เอ่อ...จ้ะๆ...ต่อไปพี่จะไม่ทำแบบนี้อีกแล้ว เรารักกันๆเนอะ” นักรบลุกจากเก้าอี้นั่งคุกเข่าลงข้างแก้วกานดา วงแขนแกร่งโอบร่างคุณแม่ท้องหกเดือน ใบหน้าคมเข้มซบลงออดอ้อนเอาใจ“นับหนึ่งบอกแม่นะว่าอย่างอนพ่อ” เสียงทุ้มเอ่ยชิดหน้าท้องกลมของแก้วกานดา หญิงสาวก้มมองใบหน้าด้านข้างของสามี แล้วอมยิ้มกับท่าทางของเขา“อ้อนเมียอยู่เหรอพี่รบ”“อ้าว...ลิน วิน คุณแม่” แก้วกานดากำลังจะลุกขึ้นยืน เพื่อทำความเคารพมารดาของนักรบ แต่คุณนัยนาก็ห้ามเอาไว้ก่อน“ไม่ต้องลุกๆ นั่งเถอะฝ้าย ไหน...หลานย่าว่าไงลูก” คุณนัยนาเบียดตัวเข้าใกล้แก้วกานดา นักรบที่นั่งคุกเข่าอยู่ข้างๆหลีกทางแทบไม่ทัน แต่คุณนัยนาก็ไม่ได้สนใจ เพราะคุณย่าเห่อหลานในท้องลูกสะใภ้ยิ่งกว่าอะไร“โห...คุณแม่ นี่ลูกนะ ไม่สนใจผมเลย” นักรบตัดพ้อเรียกร้องความสนใจ“ตกกระป๋องแล้วพี่รบ” นลินกระเซ้าพี่ชายตนเอง คุณหมอหนุ่มที่นั่งอยู่ข้างๆลอบมองคู่หมั้นตาละห้อย ก็มาครั้งนี้ต้องพักค้างคืนที่บ้านแก้วกานดา ซึ่งมีทั้งคุณแม่และพี่ชายอยู่ด้วย เขาจะมีโอกาสได้ใกล้ชิดกับนลินบ้างไหมหนอ หลังจากค่ำคืนแสนหวานที่รีสอร์ตคืนนั้น เขาก็ให้
“พี่รบถอยไปสิ...ฝ้ายจะไปเสิร์ฟกาแฟ” นักรบทำหน้าตาถมึงทึง เขาดึงถาดในมือหญิงสาวมาวางไว้บนเคาน์เตอร์สูง แล้วดันร่างของคุณแม่ท้องบังคับให้ไปนั่งที่เก้าอี้ในร้าน“นั่งตรงนี้เลย เดี๋ยวพี่ไปเสิร์ฟเอง โต๊ะนั้นมีแต่ผู้ชาย” นักรบพูดน้ำเสียงจริงจัง แก้วกานดาหัวเราะคิก“พี่รบ...ฝ้ายท้องโตขนาดนี้ใครเขาจะมาสนใจ”“ไม่รู้ล่ะ พี่หวง” นักรบยกถาดกาแฟเดินออกไปด้านนอกแล้ว แก้วกานดาได้แต่นั่งถอนหายใจ เสียงลูกน้องในร้านหัวเราะคิกคัก ทำให้หญิงสาวกวาดสายตามองทีละคน จึงทำให้วงแตกกระเจิง ต่างคนต่างทำเป็นหยิบโน่นจับนี่ไม่สนใจกันตั้งแต่คืนดีกันนักรบแทบจะไม่ได้เธอหยิบจับอะไร เขาใส่ใจเธอไปซะทุกเรื่องและตามใจแทบจะทุกอย่าง จนบิดาและมารดาของเธอระอาใจกับลูกเขยขี้เห่อลูก สองวันก่อนเขาพาเธอไปจดทะเบียนสมรสที่ที่ว่าการอำเภอ และพาเข้าไปในเมืองเพื่อซื้อข้าวของเครื่องใช้สำหรับลูก ห้องนอนเดิมของเขาก็ถูกต่อเติมซ่อมแซมไว้สำหรับเป็นห้องของหนูน้อยที่กำลังจะลืมตาขึ้นมาดูโลกในอีกสามเดือนข้างหน้า ส่วนเขา...หลังจากคืนที่ปรับความเข้าใจกันแล้ว ชายหนุ่มก็ย้ายสำมะโนครัวเข้ามาอยู่ในห้องของเธ
มือใหญ่จับดันสะโพกเต่งตึงให้ลอยเหนือที่นอน ขาเรียวแยกกว้างโอบรัดเอวคนบนร่างทันที ฝ่ามือใหญ่วางคร่อมอยู่ข้างร่างเล็ก สายตาคมเข้มจ้องมองดวงหน้าแดงระเรื่อด้วยความรักสุดหัวใจ“เจ็บไหม...พี่จะระวังนะ” คนตัวเล็กยิ้มสบตากับคนบนร่าง นักรบโน้มใบหน้าลงพรมจูบไปทั่วดวงหน้าชื้นเหงื่อของแก้วกานดา ก่อนจะหยุดที่ริมฝีปากบาง ตักตวงความหวานเย้ายวนไม่รู้เบื่อ สะโพกสอบเริ่มขยับช้าๆ ทุกจังหวะการขับเคลื่อนตัวตนของเขาหนักแน่นแต่อ่อนโยน ช่องทางรักอุ่นลื่นสัมผัสรัดรึงความแข็งแกร่ง ตอบรับการรุกล้ำด้วยแรงปรารถนาเดียวกัน“พี่รักฝ้าย พี่รักฝ้าย” นักรบผละจากริมฝีปาก พร่ำบอกรักซ้ำๆชิดหูเล็ก สะโพกสอบยังคงเคลื่อนไหวเนิบนาบหนักแน่น แก้วกานดาบิดเร่าครวญครางเสียงหวาน มือเล็กลูบไล้แผงอกกว้างระเรื่อยไปตามลำคอแกร่ง และหยุดประคองใบหน้าคมเข้มไว้ในมืออุ่น“อ๊า...พี่รบขา อื๊อ!” ความหวามไหวแผ่ไปทั้งร่าง หัวใจวาบหวิวราวกับว่าจะขาดรอน ซาบซ่านจมดิ่งในห้วงเสน่หา ต่างฝ่ายต่างโหยหาในกันและกัน นักรบเร่งจังหวะรักร้อนแรง แก้วกานดาขยับเคลื่อนสะโพกส่ายประสานบ
ริมฝีปากหยักได้รูปแตะลงอย่างแผ่วเบา และค่อยๆบดเบียดให้ปากเล็กเปิดรับการทักทาย เสน่หาที่ห่างหายไปนาน เมื่อถูกปลุกเร้าก็ลุกโชนอย่างง่ายดาย ต่างคนต่างถวิลหาในกันและกัน จูบอบอุ่นหวานละมุนแปรเปลี่ยนเป็นเร่าร้อนซาบซ่านในทันใด เรียวลิ้นเกี่ยวกระหวัดรัดรึงกันดื่มด่ำราวกับว่าไม่มีวันพอในรสจุมพิต เป็นแก้วกานดาเสียเองที่ครางผะแผ่วประท้วง เมื่อเธอรู้สึกว่าหายใจไม่ทัน นักรบผละออกจากริมฝีปากบางอย่างอ้อยอิ่ง เขาดูดดึงริมฝีปากล่างของเธอเบาๆก่อนจะผงกศีรษะมองใบหน้านวลแดงระเรื่อ แววตาเปี่ยมรักของนักรบจ้องลึกลงไปในดวงตากลมโต คำสัญญาที่ไม่จำเป็นต้องเอ่ยออกมาเป็นคำพูด แต่สามารถสื่อสารกันด้วยสายตาและหัวใจ แก้วกานดายิ้มหวานรับรู้ถึงความจริงใจที่ชายหนุ่มสื่อออกมาทางสายตาเมื่อเริ่มรุกแล้ว แม่ทัพอย่างนักรบไม่ยอมล่าถอย มือใหญ่จัดการดึงรั้งชุดนอนสีชมพูหวานออกจากร่างแก้วกานดา ตามด้วยชั้นในอีกสองชิ้นที่ถูกทิ้งขว้างลงข้างเตียง ขณะที่คนตัวโตไม่ได้ลำบากสักนิดในการกำจัดผ้าเช็ดตัวผืนเดียวออกจากร่างตัวเอง ผิวเนียนขาวผ่องของแก้วกานดาทำให้นักรบหายใจสะดุด เขากวาดสายตามองร่างที่นอนหอบหายใจระทวย จากการถูกจุมพิตกระชา
“ออกไปได้แล้ว ฝ้ายจะนอนแล้ว” แก้วกานดาเอนตัวลงนอน หากแต่สายตาของเธอยังจับจ้องคนร่างใหญ่ที่ยืนอยู่กลางห้องอย่างไม่ค่อยวางใจ“อุ๊ย!” หญิงสาวสะดุ้งตัวเล็กน้อย มือเล็กยกกุมหน้าท้องตัวเอง คนที่จ้องอยู่ไม่วางตาตกใจ รีบสาวเท้าเร็วถึงตัวคนที่อยู่บนเตียงทันที ร่างใหญ่นั่งลงบนเตียงด้วยสีหน้าแววตาเป็นกังวล“เป็นอะไร ฝ้ายเป็นอะไร เจ็บตรงไหน” มือใหญ่จับตรงโน้นลูบตรงนี้อย่างห่วงใย แก้วกานดาเงยหน้าสบตาชายหนุ่ม เธอยิ้มอย่างลืมตัว“ลูก...ลูกดิ้นแล้วค่ะ” นักรบยิ้มกว้าง หัวใจพองโต ทั้งตื่นเต้นและยินดี มือใหญ่ค่อยๆเอื้อมไปแตะหน้าท้องนูน แก้วกานดายกมือตัวเองออก เพื่อให้นักรบวางมือใหญ่ทาบทับลงบนหน้าท้องได้ถนัด ชายหนุ่มรับรู้ได้ถึงจังหวะการเต้นตุ้บเบาๆ สองสายตาสบประสานกัน ต่างยิ้มกว้างให้กันด้วยความยินดีและตื้นตัน“เอ่อ...พี่รบคะ ฝ้ายจะนอนแล้วค่ะ” แก้วกานดาดึงตัวเองออกมาห้วงความสุขก่อนชายหนุ่ม นักรบยังคงอ้อยอิ่งอยู่กับหน้าท้องของเธอ เขาถอนหายใจเบาๆ“ฝ้าย...เรารักกันไม่ใช่หรือ ทำไมฝ้ายต้องปิดกั้นหัวใจตัวเอง” แก้วกานดาหลบสายตาคมกล้า เธอยอมรับว่ายังรักเขา รักมากเหมือนเดิมไม
“เอ่อ...คุณไปใส่เสื้อผ้าก่อนดีไหม” คนถูกถามยิ้มกว้าง เพราะตอนนี้เขาอยู่ในชุดผ้าขนหนูพันกายเพียงผืนเดียว ชายหนุ่มเผลอหลับไปหลังจากอาบน้ำเสร็จแล้วนอนคิดอะไรเรื่อยเปื่อย“ฝ้ายหิว ลูกก็คงหิวด้วย พี่ไม่อยากให้เสียเวลา” หญิงสาวจำยอมเดินตามเขาไปอย่างเสียไม่ได้“กินอะไรดีล่ะฝ้าย” นักรบเอ่ยถามเมื่อเขาพาร่างเล็กลงมาที่ห้องครัวด้านล่าง แล้วจัดให้เธอนั่งรอที่เก้าอี้เรียบร้อย“เอ่อ...มาม่าก็ได้ค่ะ”“ไม่ได้!” เสียงปฏิเสธของเขาแสดงถึงความไม่พอใจจนแก้วกานดาสะดุ้ง“ฝ้ายท้องอยู่นะ จะกินอะไรก็ต้องนึกถึงลูกด้วย เดี๋ยวพี่ดูให้เองว่าจะกินอะไร” หญิงสาวเบ้ปากใส่แผ่นหลังกว้าง อะไรของเขานักหนาแค่จะกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ทำไมต้องมาใช้น้ำเสียงอย่างกับคุณพ่อดุลูกสาว ก่อนที่สงครามของกินจะบานปลาย แสงไฟภายนอกบ้านก็สว่างขึ้น นักรบจึงเดินไปเปิดสวิตซ์ไฟ แล้วหันมามองคนตัวเล็กที่นั่งมองเขาอยู่“ดื่มนมถั่วเหลืองแล้วกัน เดี๋ยวพี่อุ่นให้ ดื่มนมอุ่นๆจะได้หลับสบาย”“ถ้าอย่างนั้นจะกินอย่างอื่นด้วย นมแก้วเดียวไม่อิ่มหรอก” น้ำเสียงราวกับเด็กถูกขัดใจ และใบหน้าก็เริ่มงอง้ำ นักรบขม
“ฝ้ายเข้าไปรอในร้านก่อนนะ รอให้ฝนหยุดตกแล้วค่อยเดินกลับบ้าน เดี๋ยวพี่จะรออยู่ข้างนอก เปียกขนาดนี้ถ้าเข้าไปในร้านพื้นเละแน่นอน” มือใหญ่รุนหลังของคนตัวเล็กในกลับเข้าไปในร้านส่วนตัวเขายืนหลบฝนอยู่ชายคาหน้าร้าน แก้วกานดาเดินเข้าไปนั่งเก้าอี้ภายในร้าน แต่ก็อดที่จะเหลือบมองแผ่นหลังกว้างของคนที่ยืนอยู่ด้านนอกไม่ได้ นักรบยืนกอดอกลูบต้นแขนตัวเอง บางครั้งเขาก็เงยขึ้นมองบนฟ้าและกวาดสายตามองไปทั่วบริเวณ หลายครั้งที่เขามองเข้ามาในร้านด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความห่วงใย หากแต่ทุกครั้งที่เขาขยับกายมองเข้ามา แก้วกานดาก็จะทำเป็นก้มลงมองหน้าจอโทรศัพท์ในมือ ทำเป็นไม่สนใจสายตาห่วงใยจากคนตัวโต“ฝ้าย ฝ้าย” เสียงทุ้มเรียกมาจากหน้าประตู แก้วกานดาขยับตัวและปรือตาขึ้น ตากลมโตถูกหรี่ลงเพื่อปรับแสงที่กระทบสายตา“ฝนหยุดตกแล้ว ไปนอนที่บ้านเถอะฝ้าย” น้ำเสียงทุ้มแสดงถึงความห่วงใย โซฟานุ่มตัวเล็กที่เธอนอนอยู่ดูไม่น่าจะสบายตัวเท่าไรนัก นักรบอยากจะเดินเข้าไปอุ้มร่างเล็กไปส่งถึงเตียงนุ่ม ไม่อยากกวนให้เธอจากห้วงนิทราด้วยซ้ำ ติดที่เขาเปียกไปทั้งตัว จึงไม่อยากให้แก้วกานดาเปียกไปด