Share

บทที่ 16

last update Last Updated: 2025-02-10 14:19:11

“มีอันใดหรือ”

“อาหารพวกนี้ล้วนแปลกตาเสียจริง” ไป๋ฟางเซียนตอบอย่างคนทั่วไปที่เห็นอาหารตรงหน้าครั้งแรก เพราะหากไม่ตอบอันใดเลยนางคงจะแปลกแยกเกินไป 

ซึ่งอาหารชั้นนำของโรงเตี๊ยมตระกูลหยางที่หยางตงเยว่ได้สั่งมานั้นประกอบไปด้วย เต้าหู้ทอด ซี่โครงหมูผัดเปรี้ยวหวาน ไก่ผัดถั่วลิสง เปาะเปี๊ยะ และปลากะพงนึ่ง นอกจากนี้ยังมีอาหารอีก 2-3 อย่างขึ้นโต๊ะ แต่ฟางเซียนไม่ได้สนใจมากนัก เพราะเป็นอาหารจานผักธรรมดา

หลังจากเห็นรายการอาหารนางก็แปลกใจอย่างมาก ด้วยไม่คิดว่ายุคสมัยนี้จะมีอาหารคุ้นตาที่นางกินประจำในยุคสมัยที่จากมา

“รสชาติดียิ่ง” หลังจากคีบหมูผัดเปรี้ยวหวานขึ้นมากิน รสชาติคุ้นเคยก็อบอวลอยู่ในปากของนาง ก่อนที่จะคีบอาหารที่เหลือมาชิมบ้างจึงพบว่าทั้งหมดล้วนรสชาติดีจนต้องเอ่ยชม

หยางตงเยว่เห็นสหายคนใหม่พอใจกับรสชาติอาหารจึงยืดอกรับด้วยความภูมิใจ ก่อนจะลังเลเล็กน้อยแล้วพูดความลับบางอย่างให้นางฟัง

“แน่นอนสิ ถ้าอาหารโรงเตี๊ยมข้าไม่อร่อยจะมีที่ไหนอร่อยอีกเล่า แม้แต่ในวังรสชาติเช่นนี้ใช่ว่าเจ้าจะได้กินนะ”

“อ๋อเหรอ”

“ก็ใช่น่ะสิ... อันที่จริงอาหารพวกนี้ไม่ใช่โรงเตี๊ยมข้าคิดเองหรอกนะ แต่ข้าซื้อสูตรมาจากตระกูลฮุ่ย ตระกูลที่ขายเครื่องปรุงจนโด่งดังกลายเป็นคหบดีอันดับต้น ๆ ของเมืองหลวงอยู่ตอนนี้น่ะ” 

ไป๋ฟางเซียนเงยหน้ามองคนตรงข้ามด้วยสายตาแปลกไป การที่อีกฝ่ายบอกว่าอาหารพวกนี้ตระกูลหยางไม่ได้คิดขึ้นมาเองไม่ใช่ว่ามันควรเก็บเป็นความหลับหรอกหรือ แล้วเลือกบอกนางเช่นนี้ไม่กลัวนางไปโพนทะนาหรืออย่างไร จะไว้ใจนางง่ายเกินไปหรือไม่

“นี่เป็นความลับของตระกูลเจ้า เจ้าไม่ควรบอกข้า”

“ไม่รู้สิ ข้าพูดไปแล้วนี่ และข้าก็ค่อนข้างมั่นใจว่าเจ้าจะไม่ทำร้ายข้า” หยางตกเยว่ยักไหล่ก่อนตอบ

ไป๋ฟางเซียนมองหน้าอีกฝ่ายอย่างค้นหา เมื่อเห็นว่าไม่มีระลอกคลื่นใดในดวงตาจึงได้ปล่อยวาง แล้วเลือกถามในสิ่งที่นางสนใจอยากรู้มาตั้งแต่ต้นแทน

“ช่างเถอะ เมื่อกี้เจ้าพูดถึงตระกูลฮุ่ยที่ขายเครื่องปรุงเช่นนั้นหรือ เจ้ารู้หรือไม่ว่าเขามีกรรมวิธีใดในการคิดข้นเครื่องปรุงและสูตรอาหารต่าง ๆ ได้อร่อยเลิศรสเช่นนี้... อย่าเข้าใจผิด ข้าไม่คิดไปแย่งการค้าผู้ใด เพียงแต่ข้าสงสัย เพราะเมื่อก่อนไม่ใช่ตระกูลฮุ่ยเป็นชาวบ้านธรรมดาหรือ ในตอนนั้นพวกเขายังใช้แค่แซ่สกุลฮุ่ยอยู่เลย ทว่าพอเครื่องปรุงโด่งดังมีฐานะจึงได้ก่อตั้งตระกูลขึ้นมาน่ะ แล้วเช่นนี้จะไม่ให้ข้าสงสัยและแปลกใจได้อย่างไร”

ไป๋ฟังเซียนอธิบายยืดยาว นางพูดทุกอย่างชัดเจนไม่มีอะไรแอบแฝง และพูดไม่ให้ตนเองอยากรู้มากเกินไปจนทำให้หยางตงเยว่สงสัยหรือจับพิรุธนางได้

“เรื่องนี้ข้าก็ไม่ค่อยแน่ใจเหมือนกัน แต่ถึงข้ารู้ข้าก็บอกเจ้าไม่ได้ เจ้าเข้าใจข้านะ”

“อืม... ไม่เป็นอันใดหรอก ข้าก็แค่สงสัยและอยากรู้เฉย ๆ น่ะ ไม่ได้ติดใจอันใดอยู่แล้ว” ไป๋ฟางเซียนยักไหล่ตอบกลับง่าย ๆ

หยางตงเยว่นิ่งคิดไปครู่หนึ่งก่อนจะจุดประกายความหวังในความอยากรู้ของนางขึ้นมาอีกครั้ง

“ถ้าเจ้าอยากรู้ข้าแนะนำให้เจ้ารู้จักคนคนหนึ่งได้นะ”

“ใครหรือ” นางถามอย่างสงสัย ใครกันที่จะมาตอบข้อสงสัยของนางได้

“หลินหลิน เอ่อ ฮุ่ยหลินน่ะ นางเป็นบุตรสาวตระกูลฮุ่ย”

ไป๋ฟางเซียนหรี่ตาก่อนจะยิ้มซุกซน สหายนางผู้นี้ พอพูดถึงสตรีที่มีนามว่าฮุ่ยหลินถึงกับหน้าแดงหูแดง ไม่ใช่ว่าแอบชอบเขาหรอกหรือ คราแรกไป๋ฟางเซียนคิดจะเอ่ยล้อเลียนอีกฝ่ายให้เขินอาย แต่แล้วก็เปลี่ยนใจ เอาไว้หยางตงเยว่ทำสิ่งใดให้นางไม่พอใจเมื่อไหร่ เมื่อนั้นนางค่อยงัดเรื่องนี้มากลั่นแกล้งเขาก็แล้วกัน 

“เจ้าพาข้าไปเจอนางได้หรือไม่ หรือไม่เจ้าก็พานางมาเจอข้า เผื่อถูกชะตาข้าจะได้มีสหายเพิ่มอีกคน สหายของข้าชั่งน้อยนิด เฮ้อ! เรียกว่าไม่มีเลยจะฟังเข้าท่ามากกว่า” ไป๋ฟางเซียนบอกพร้อมกับถอนหายใจ

หยางตงเยว่มุ่นคิ้วก่อนถามคำถามที่ไม่น่าถามออกไป

“แล้วโจวเฟิ่งจิ่วเล่า นางไม่ใช่สหายเจ้าหรือ”

“หึ สตรีดอกบัวขาวปลอม ๆ เช่นนางข้าจะคบได้อย่างไร แค่ผิดพลาดหลวมตัวไปรู้จักครั้งเดียวก็เกินพอ” ไป๋ฟางเซียนพูดอย่างโกรธ ๆ เล็กน้อย เพราะเมื่อคืนขณะที่นางหลับ ความฝันแปลก ๆ ระหว่างเจ้าของร่างและโจวเฟิ่งจิ่วก็แวบเข้ามา ทว่าก่อนที่จะถึงเหตุการณ์สำคัญนางกลับตื่นขึ้นเสียก่อน

คิดแล้วก็หงุดหงิดจนต้องตวัดสายตาวาววับไปยังหยางตงเยว่

“เอ่อ... ข้าพูดอันใดผิดไป อะ เอาเป็นว่า ข้าขอโทษเจ้าแล้วกัน” หยางตงเยว่รีบบอกเพราะเห็นอีกฝ่ายมองมาราวกับจะฟันแทงเขาแล้วก็ให้ขนลุกแปลก ๆ

“เฮ้อ ช่างเถอะ ข้าอยากไปร้านขายอาวุธ เจ้าพาข้าไปได้หรือไม่ ข้าจะได้สะ...”

“คุณหนูเจ้าคะ” ยังไม่ทันพูดจบประโยค จื่อถิงก็พูดแทรกพร้อมทั้งส่งสายตาปรามนางด้วย

‘อา... คงไม่เหมาะสมอีกสินะ เฮ้อ! ยุ่งยากในการใช้ชีวิตจริงจริ๊งง!’

“ข้าไม่ไปก็ได้ แต่ข้าสั่งกับเจ้าแทนนะ เสร็จแล้วอย่าลืมเอามาให้ข้าด้วยเล่า”

ไป๋ฟางเซียนไม่ดื้อเเพ่ง นางพยายามปฏิบัติตัวให้ดี ทว่าก็ยังไม่วายสั่งอาวุธที่นางต้องการไปกับหยางตงเยว่ หลังจากพูดคุยลักษณะอาวุธได้เข้าใจตรงกันพร้อม ๆ กับที่นางวาดรูปให้ดูเบื้องต้นไปแล้ว ไป๋ฟางเซียนจึงได้ขอตัวกลับจวน โดยมีจื่อถิงเดินตามอย่างใกล้ชิด ราวกับกลัวว่านางจะหนีหาย ทั้งยังบ่นนางด้วยเมื่อขึ้นรถม้ามาแล้ว

“คุณหนู! อย่าได้เอ่ยเช่นนี้อีกนะเจ้าคะ”

“เอ่ยอันใดของเจ้า” ไป๋ฟางเซียนตีหน้าซื่อถามตาใส

“ก็เอ่ยชวนบุรุษอื่นให้พาไปนั่นไปนี่อย่างไรเล่าเจ้าคะ คุณหนูออกเรือนแล้วนะเจ้าคะ บุรุษที่คุณหนูเอ่ยชวนได้มีเพียงท่านแม่ทัพเจ้าค่ะ”

“โอ๊ย! จื่อถิง... เจ้าก็รู้ว่าอีตาแม่ทัพนั่นไม่เห็นข้าในสายตา หากข้าเอ่ยชวนจะไม่กลายเป็นตัวตลกในสายตาเขารึ” จื่อถิงหน้าเสียแต่ก็ไม่วายพูดต่อ

“ถึงจะเป็นเช่นนั้น คุณหนูก็ไม่สมควรไปเอ่ยชวนบุรุษอื่นอยู่ดีนะเจ้าคะ มันไม่เหมาะสมเจ้าค่ะ”

“แต่นั่นสหายข้า”

“เป็นสหายแต่ก็เป็นบุรุษด้วยเจ้าค่ะ การชวนบุรุษอื่นที่ไม่ใช่สามีไปนั่นทีนี่ทีด้วยกัน ไม่ใช่สิ่งที่สตรีที่ดีกระทำเจ้าค่ะ”

ไป๋ฟางเซียนมองสาวใช้คนสนิทตาโตพลางอ้าปากกว้าง นี่จื่อถิงคิดสอนนางหรือด่านางกันแน่ แต่ก็เอาเถอะเรื่องที่จื่อถิงท้วงติงก็นับว่าถูกแล้ว นางจะไม่ดื้อรั้นเอาแต่ใจก็แล้วกัน

“ก็ได้ ก็ได้ ข้าจะไม่ชวนบุรุษใดอีกพอใจหรือยัง”

“เจ้าค่ะคุณหนู” จื่อถิงรับคำยิ้มกว้างแววตาสดใส จนไป๋ฟางเซียนยิ้มตาม จากนั้นรถม้าคันเล็กก็เดินทางกลับจวนตระกูลหลี่โดยมีเสียงนายบ่าวพูดคุยกันเป็นระยะ ๆ

Related chapters

  • ไป๋ฟางเซียน ภรรยาข้ามภพ   บทที่ 17

    “ข้าอยากจะรู้จริง ๆ ว่าหากนางฟางเซียนกลับถึงจวนแล้วจะทำหน้าเช่นใด แล้วพี่เหวินจะทำสิ่งใดกับมันบ้าง หึ!” โจวเฟิ่งจิ่วพูดด้วยแววตามาดร้ายและมีความสุขในคราวเดียวกัน ในขณะที่มือก็ม้วนผมยาวสลวยของตนเองเล่นไปมา“จะเป็นอย่างไรเล่าเจ้าคะคุณหนู ก็ต้องถูกท่านแม่ทัพต่อว่าอยู่แล้วเจ้าค่ะ” ลี่หวา สาวใช้คนสนิทพูดเอาใจเจ้านายของตนพร้อมมองหน้าอย่างสื่อความหมาย“นั่นสินะ มันจะต้องถูกพี่เหวินต่อว่าอยู่แล้ว เดิมทีพี่เหวินก็เกลียดชังมันเสียยิ่งกว่าอะไร นี่มันออกจากจวนไปเดินหัวร่อต่อกระซิกกับบุรุษอื่นที่ไม่ใช่สามีตนเองให้ชาวบ้านเห็น อย่างไรก็ต้องถูกต่อว่าเป็นธรรมดา แทนที่จะเจียมตัวให้พี่เหวินสงสาร กลับทำให้พี่เหวินรังเกียจและเกลียดมากยิ่งขึ้น ข้าละสงสารท่านแม่ของพี่เหวินเสียจริงที่เลี้ยงดูนางมาเสียข้าวสุกเช่นนี้ นางช่างไม่รู้ความ ไม่รู้หรือไรว่าอะไรควรทำไม่ควรทำ”“จริงเจ้าค่ะคุณหนู ทั้งที่ตัวเองแต่งงานแล้วแท้ ๆ ยังมีหน้าสนิทสนมกับชายอื่นอีก น่าละอายนักเจ้าค่ะ”โจวเฟิ่งจิ่วปรายตามองลี่หวาสาวใช้คนสนิทอย่างพอใจกับคำพูดของนาง ก่อนจะตกรางวัลด้วยเงินตำลึงสองเหรียญ จากนั้นทั้งสองนายบ่าวก็หัวเราะคิกคักกันอย่างมี

    Last Updated : 2025-02-10
  • ไป๋ฟางเซียน ภรรยาข้ามภพ   บทที่ 18

    จวนตระกูลหลี่หลี่เหวินหลางแม่ทัพหนุ่มรูปงามกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานด้วยท่าทีเคร่งขรึม ก่อนจะกลายเป็นบูดบึ้งเมื่อคิดถึงคำพูดของโจวเฟิ่งจิ่วที่มาหาเขาถึงเรือน‘พี่เหวินเจ้าคะ ข้าไม่รู้ว่าสิ่งต่อไปนี้ข้าสมควรพูดหรือไม่ แต่ข้าตัดสินใจแล้วเจ้าค่ะว่าข้าต้องพูด หากข้าพูดไปแล้วพี่เหวินไม่เชื่อหรือต่อว่าข้า ข้าก็ยอมเจ้าค่ะ’‘พูดมาเถิด ข้าสัญญาว่าจะไม่ต่อว่าเจ้า’ หลี่เหวินหลางบอกพร้อมทั้งสงสัยว่าเรื่องที่โจวเฟิ่งจิ่วจะพูดคือเรื่องใดกัน เหตุใดนางถึงได้กังวลนัก‘คือคนของข้าเห็นฟางเซียนนางไปที่ตลาดเจ้าค่ะ’‘แล้วอย่างไร นางไปตลาดก็เป็นเรื่องปกติไม่ใช่หรือ ทั้งร้านผ้าสินทรัพย์ส่วนตัวของนางก็อยู่ที่นั่น... หรือว่ามีอะไรที่ข้าควรรู้กัน’ หลี่เหวินหลางถามกลับด้วยความสงสัยมากกว่าเดิม หัวคิ้วของเขาขมวดน้อย ๆ เมื่อเห็นว่านางทำท่าทางไม่อยากจะพูด แต่แล้วก็พูดออกมา‘คือฟางเซียนนาง... นางชนเข้ากับบุรุษผู้หนึ่งแล้วยืนหัวร่อต่อกระซิกกันเจ้าค่ะ นอกจากนี้ยังไปกินข้าวที่โรงเตี๊ยมด้วยเจ้าค่ะ ชาวบ้านทุกคนที่ไปจับจ่ายใช้สอยล้วนเห็นกิริยานี้ของนางกับบุรุษผู้นั้นทั้งสิ้น คนของข้าบอกว่าดูเหมือนนางกับบุรุษผู้นั้นสนิทกั

    Last Updated : 2025-02-10
  • ไป๋ฟางเซียน ภรรยาข้ามภพ   บทที่ 19

    “เป็นบ้าอันใดของท่าน! จู่ ๆ มากระชากแขนข้า ใช่สิ่งที่สุภาพบุรุษควรกระทำรึ” ไป๋ฟางเซียนตะคอกเสียงถามด้วยความโกรธ มือซ้ายยกขึ้นลูบข้อมือขวาที่ถูกกระชากอย่างแผ่วเบาเพราะรู้สึกเจ็บ การกระทำของฝ่ามือใหญ่เมื่อครู่ยังเผยให้เห็นรอยแดงเป็นปื้นด้วย“ข้าควรเป็นฝ่ายถามเจ้ามากกว่าว่าการกระทำที่เจ้ากระทำตนเช่นในวันนี้มันเหมาะสมแล้วรึ” หลี่เหวินหลางถามกลับอย่างไม่ยินยอมเช่นกัน ทั้งสองส่งสายตาประสานกันอย่างไม่มีใครยอมใคร ต่างคนต่างโกรธ ก่อนจะเป็นไป๋ฟางเซียนที่ทนไม่ไหวถามออกไปด้วยความไม่เข้าใจว่านางทำอันใดผิดกัน อีกฝ่ายถึงได้มาอารมณ์เสียใส่และมีท่าทีกรุ่นโกรธเช่นนี้“ข้าทำอะไร”“ยังมีหน้ามาถาม” หลี่เหวินหลางมองคนตรงหน้าด้วยสายตาไม่อยากจะเชื่อพร้อมทั้งสะบัดหน้าหนี“ถ้าท่านไม่พูดข้าจะรู้ไหมว่าข้าทำอันใดผิด” นางถามกลับเรียบ ๆ ในห้วงความคิดพยายามปะติดปะต่อเรื่องราวว่าตนได้เผลอไปทำลายนางในดวงใจของเขาหรือไม่ ครั้นคิดกี่ตลบคำตอบก็เป็นเช่นเดียวกันคือนางไม่ได้วุ่นวายกับโจวเฟิ่งจิ่วเลย แล้วการที่อีกฝ่ายหัวฟัดหัวเหวี่ยงอยู่ตอนนี้มันเป็นเพราะเหตุใด?“ฮึ่ม! ไป๋ฟางเซียน ข้าไม่รู้นะว่าตอนที่เจ้าตกน้ำหัวของเจ้าไปกระแ

    Last Updated : 2025-02-10
  • ไป๋ฟางเซียน ภรรยาข้ามภพ   บทที่ 20

    บนเตียงกว้างในเรือนนอนของไป๋ฟางเซียน มีบุรุษผู้หนึ่งยกมือกุมท้ายทอยของตนไว้ พลางนิ่วหน้าคิดถึงเหตุการณ์ของคืนที่ผ่านมา พลันนั้นใบหน้าหล่อเหลาของเขาก็บิดเบี้ยว นัยน์ตาดำขลับลึกล้ำคู่นั้นฉายแววหงุดหงิดระคนไม่พอใจคละเคล้ากับความไม่ยินยอม เขาขบเม้มริมฝีปากและคาดโทษคนที่ทำให้ตนเองตกอยู่ในสภาพน่าอายไว้ในใจหากมีผู้อื่นรู้เข้าว่าท่านแม่ทัพผู้ที่ได้รับฉายาเจ้าสงครามเช่นเขาพ่ายแพ้ให้กับสตรีบอบบางอย่างนางคงไม่มีใครเกรงกลัวเขาแล้ว!แค่คิดหลี่เหวินหลางก็ต้องข่มกลั้นโทสะทั้งหมดเอาไว้ เพราะเกรงว่าตนจะกลายเป็นฆาตกรฆ่าภรรยาของตนเอง เมื่อทำสิ่งใดไม่ได้จึงพ่นลมหายใจออกมาด้วยความเดือดดาล“คอยดูเถอะว่าข้าจะจัดการกับเจ้าเช่นไรจิ้งจอกน้อย”ใช่! ไป๋ฟางเซียนเป็นนางจิ้งจอก เป็นนางจิ้งจอกที่ล่อลวงเขาให้ติดกับ ดูอย่างเมื่อคืนเถิด เห็นนอนนิ่งไม่ไหวติงคิดว่าจะยินยอมพร้อมใจที่ไหนได้...มันน่านัก!นางฉวยโอกาสในจังหวะที่เขาไม่ทันระวังตัว ฟาดสันมือลงท้ายทอยเขาจนสลบเสียนี่ จะว่าไปเรื่องนี้โทษนางฝ่ายเดียวคงไม่ได้ เพราะเป็นเขาเองที่ลดการระมัดระวังตัว ทว่าใครจะไปคิดเล่าว่าสตรีบอบบางอย่างนางจะมีแรงทำให้ชายชาตรีเช่นเขาสลบ

    Last Updated : 2025-02-10
  • ไป๋ฟางเซียน ภรรยาข้ามภพ   บทที่ 21

    “ข้าบอกให้ปล่อยข้า!” แล้วชายหนุ่มก็ต้องหลุดออกจากห้วงความคิด เมื่อคนตัวเล็กพูดขึ้นเสียงพร้อมบิดตัวออกจากอ้อมกอดเขาอย่างแรงหลี่เหวินหลางหรี่ตาจ้องมองอีกฝ่ายที่หลุดจากอ้อมกอดเขาไปด้วยสายตาไม่พอใจ อารมณ์ดีที่เพิ่งจะมีมลายหายไปในพริบตา แทนที่ด้วยความหงุดหงิด พลางรู้สึกโกรธคนตรงหน้าขึ้นมาเล็กน้อย มันจะอะไรกันนักกันหนากับแค่กอดนิดกอดหน่อย เมื่อก่อนวิ่งตามเขาจนน่ารำคาญ พอเขาอยากแตะต้องนางบ้างทำทีกระบิดกระบวนนี่มันหมายความว่าอย่างไร“เจ้ากล้าขึ้นเสียงใส่ข้ารึ!” ด้วยความที่ไม่เคยมีใครขึ้นเสียงใส่มาก่อนทั้งยังไม่เคยถูกขัดใจ เป็นธรรมดาที่เขาจะรู้สึกไม่พอใจ ยิ่งมาถูกคนที่เคยยอมเขามาตลอดกระทำใส่เช่นนี้ แม่ทัพหนุ่มก็รู้สึกไม่ยินยอมทั้งยังหงุดหงิดเป็นอย่างมาก “ใช่! มากกว่านี้ข้าก็กล้าหากท่านยังกล้าดูถูกข้าอีก”“ข้าดูถูกตรงไหน สิ่งที่ข้าพูดไปก็มีแต่ความจริง หรือเจ้าจะเถียงว่าเมื่อก่อนเจ้าไม่ได้วิ่งตามก้นข้า ไม่ได้ยั่วยวนข้า ส่งสายตาหยาดเยิ้มให้ข้า”“ท่าน!”“อะไรเล่า เถียงไม่ออกใช่หรือไม่ ก็แน่สิ ในเมื่อมันคือเรื่องจริง หึ!” หลี่เหวินหลางพูดพร้อมยกยิ้มอย่างคนเหนือกว่าไป๋ฟางเซียนหายใจแรงมือกำเข้าหาก

    Last Updated : 2025-02-10
  • ไป๋ฟางเซียน ภรรยาข้ามภพ   บทที่ 22

    “คุณหนูเจ้าคะ แบบชุดพวกนี้งดงามมากเลยเจ้าค่ะ หากให้พวกพี่อวี้หรูปัก ร้านของเราจะต้องขายดีเป็นเทน้ำเทท่าแน่นอนเจ้าค่ะ” จื่อถิงพูดออกมาอย่างมั่นใจ สายตายังไม่ละไปจากแบบชุดที่คุณหนูของตนวาด นางมองมันด้วยความชื่นชมและภูมิใจยิ่ง คุณหนูของนางเก่งกล้ามากความสามารถจริง ๆจื่อถิงละสายตาจากแบบชุดแล้วมองคุณหนูของตนด้วยสายตาเปล่งประกายระยิบระยับ รู้สึกดียิ่งที่ได้เป็นสาวใช้คนสนิท นางจะรักและเทิดทูนคุณหนูให้มาก และจะเรียนรู้ทุกอย่างจากคุณหนูให้มากขึ้นจะได้ช่วยแบ่งเบาภาระคุณหนูของนางได้ สายตาและความนึกคิดที่ฉายชัดบนใบหน้าของจื่อถิงทำให้ไป๋ฟางเซียนอดหัวเราะไม่ได้“อะไรกัน นี่แค่แบบชุดปรกติเท่านั้น หาใช่ชุดเลิศหรูอย่างที่เจ้าคิดไม่” นางเอ่ยด้วยรอยยิ้ม จื่อถิงยู่หน้าแล้วพูดว่า“คุณหนู... ถึงแบบชุดจะเป็นชุดทั่วไปแต่ที่คุณหนูวาดออกมามันสวยมาก ๆ เลยนะเจ้าคะ โดยเฉพาะลวดลายพวกนี้ จื่อถิงไม่เคยเห็นที่ใดมาก่อนเลยเจ้าค่ะ ใต้หล้านี้เห็นจะมีเพียงคุณหนูของจื่อถิงเท่านั้นที่สามารถวาดลวดลายแปลกตาพวกนี้ออกมาได้” นางเอ่ยขึ้นพลางพยักหน้าไปมาเสริมคำพูดของตน ทั้งยังไม่วายจะเยินยอคุณหนูของตนด้วยไป๋ฟางเซียนไม่เอ่ยคำ นาง

    Last Updated : 2025-02-10
  • ไป๋ฟางเซียน ภรรยาข้ามภพ   บทที่ 23

    ระหว่างเดินไปที่หน้าจวนก็คิดเรื่องของหลี่เหวินหลางไปด้วย ตั้งแต่ที่เขาดูถูกและนางได้ตบหน้าเขาไปเมื่อคราวก่อน นางก็ไม่เห็นแม่ทัพหนุ่มอีกเลย ในหลายวันที่ผ่านมาอีกฝ่ายก็มิได้กลับมานอนที่จวน ไม่รู้ว่าโกรธนางจนไม่อยากกลับ หรือไปพลอดรักกับแม่ดอกบัวขาวโจวเฟิ่งจิ่วกันแน่คิดถึงตรงนี้คิ้วเรียวสวยก็ขมวดเป็นปมอย่างไม่ชอบใจ ทำไมต้องรู้สึกไม่พอใจด้วยก็ไม่รู้ นี่คงเป็นเพราะว่านางและเขามีสถานะต่อกันอยู่เป็นแน่ หากพลอดรักกันตอนที่นางไม่มีสถานะเป็นภรรยาเขาก็แล้วไปเถิด แต่นี่นางยังเป็นภรรยาของเขาอยู่นะ หากเป็นเรื่องจริง ก็สมควรแล้วที่นางรู้สึกไม่พอใจ ด้วยรู้สึกว่าตนถูกหักหน้าและหยามศักดิ์ศรี ไป๋ฟางเซียนตั้งมั่น หากทุกอย่างเป็นจริงอย่างที่คิด นางไม่ปล่อยผ่านเรื่องนี้แน่ พลันนั้นหวนคิดถึงวันที่นางชวนเขาหย่าแต่เขาไม่ยอมหย่าก็หงุดหงิดไม่หาย ไม่รู้จะฉุดรั้งกันไปด้วยเหตุใด แต่ช่างเรื่องนั้นก่อนเถิด กลับมาที่เขาไม่ยอมกลับจวนดีกว่าไป๋ฟางเซียนค่อนข้างมั่นใจ ว่าอีกฝ่ายไม่ได้ไปพลอดรักกับโจวเฟิ่งจิ่ว แต่นางก็ไม่รู้เช่นกันว่าเขาไปอยู่ที่ไหน นอกจากนี้ยังรู้สึกแปลก ๆ ราวกับว่ามีคนจับจ้องตนเองอยู่ตลอดเวลา แรก ๆ ก็ระแ

    Last Updated : 2025-02-10
  • ไป๋ฟางเซียน ภรรยาข้ามภพ   บทที่ 24

    ‘งานฝีมือตระกูลฉิน’“มีใครอยู่หรือไม่” จื่อถิงเอ่ยขึ้นทันทีเมื่อเข้ามาในร้านแล้วยังไม่มีใครออกมาต้อนรับ ส่วนไป๋ฟางเซียนนั้นยังมองสำรวจสินค้าทุกอย่างในร้านอย่างละเอียด“มาแล้ว มาแล้วขอรับ ขออภัยแม่นาง พอดีเสี่ยวเอ้อร์ป่วยจึงลาหยุด แล้ววันนี้ที่ร้านมีกำหนดส่งงานลูกค้ารายใหญ่จึงทำให้ยุ่งมาก มาต้อนรับช้าขออภัยด้วยขอรับ” หลงจู๊ของร้านกล่าวขออภัยพร้อมก้มหัวขอโทษไปมา จื่อถิงยังไม่ทันจะได้เอ่ยอันใด เสียงทุ้มของบุรุษเพศก็ดังขึ้น“ว่าอย่างไร ใครมาหรือหลงจู๊”“เป็นแม่นางน้อยสองท่านขอรับคุณชาย”จบคำพูดของหลงจู๊ของร้านทุกอย่างก็นิ่งไป จื่อถิงมองไปยังคนใหม่ที่เดินมาจากหลังร้านอย่างพิจารณา นางรู้สึกคุ้นหน้าและคลับคล้ายคลับคลาเหมือนเคยเจอที่ไหนมาก่อน“ขออภัยด้วย วันนี้ที่ร้านยุ่งจึงได้ต้อนรับไม่เต็มที่ ไม่ทราบว่ามีสิ่งใดให้ร้านฝีมือตระกูลฉินรับใช้หรือขอรับ” บุรุษผู้มาใหม่ที่ถูกหลงจู๊เรียกว่าคุณชายเอ่ยอย่างนอบน้อมจนจื่อถิงทำตัวไม่ถูก“เกรงใจเกินไปแล้วเจ้าค่ะ ข้าเป็นเพียงสาวใช้ที่ตามคุณหนูของข้าเข้ามาเท่านั้น คุณชายอย่าให้เกียรติข้านักเลยเจ้าค่ะ คุณหนูเจ้าคะ” จื่อถิงบอกแล้วหันไปเอ่ยเรียกนายของตน ที่ตอน

    Last Updated : 2025-02-10

Latest chapter

  • ไป๋ฟางเซียน ภรรยาข้ามภพ   บทที่ 134 จบ

    ไป๋ฟางเซียนที่รับรู้ได้ถึงความเยือกเย็นเบื้องหลังจึงหันกลับไปมอง ก็พบเห็นสามีของตนใบหน้าเขียวคล้ำสลับแดง เขาหรี่ตามองราวกับคนกำลังจับผิด สายตาของเขาทำเอานางรู้สึกร้อน ๆ หนาว ๆ เสียงลมหายใจหอบถี่ของผู้เป็นสามีทำให้นางเข้าใจได้ทันทีว่านางทำให้เขาไม่พอใจแล้ว ขณะที่กำลังจะเอื้อนเอ่ย ร่างของผู้เป็นสามีก็สะบัดชายอาภรณ์ตรงกลับไปยังห้องนอน ไป๋ฟางเซียนนิ่งคิดเล็กน้อย ก่อนจะผุดลุกตามไปขณะเดินไปยังห้องนอนของตน นางก็ขบคิดกับตนเองว่าจะง้องอนเขาเช่นไรดี เขาจึงจะหายจากท่าทางปั้นปึ่งเช่นนั้น แต่คิดไปคิดมาพลันนึกขึ้นได้ว่า ตัวนางเองไม่ได้ผิดอันใดเสียหน่อย คนที่มาหานางในวันนี้ล้วนเป็นสหายนางทั้งนั้น ให้ตายนางก็ไม่ยอมง้อเขาหรอกแน่นอนว่านั่นเป็นเพียงแค่ความคิด เพราะทันทีที่เข้ามาในห้องนอนเห็นสีหน้าปั้นปึ่งมองนางตาขวางด้วยแล้ว ไป๋ฟางเซียนก็รีบก้าวเท้าเดินไปเบื้องหน้าตรงเข้าหาเขาอย่างเร็วรี่ พลางลอบกลืนน้ำลายเงียบ ๆ “ท่านพี่เจ้าขา เหตุใดถึงทำหน้าเช่นนี้เล่าเจ้าคะ ประเดี๋ยวจะไม่หล่อเอานา” นางเอ่ยเสียงหวานหยอกเย้าเขา หวังให้เขาโต้แย้งเช่นทุกครั้ง แต่กลับได้ความเงียบตอบมาแทนดวงตากลมโตช้อนสายตาหวานขึ้นมองอ

  • ไป๋ฟางเซียน ภรรยาข้ามภพ   บทที่ 133

    หนึ่งเดือนผ่านไปนับจากวันที่ไป๋ฟางเซียนฟื้นขึ้นมา ทุกอย่างในชีวิตของนางและหลี่เหวินหลางก็ดีขึ้นเรื่อย ๆ ความรักของคนทั้งสองต่างผลิบานและสุกงอมเต็มที่ หลี่เหวินหลางกระทำอย่างปากว่า เขาไม่เคยปล่อยให้นางห่างจากตัวหรือห่างจากสายตาอีกเลย ไม่รู้เช่นกันว่าเขาไปทำเช่นไร จึงสามารถทำให้องค์ฮ่องเต้พระราชทานวันหยุดมาให้ถึงสองเดือนด้วยกัน ทว่าจะบอกว่าหยุดเลยก็คงไม่ถูกนัก เพราะระหว่างนี้หลี่เหวินหลางก็ต้องไปดูระเบียบในค่ายทหารเป็นครั้งคราวด้วยเช่นกัน กระนั้นเขาก็มีเวลาอยู่กับนางมากขึ้นอยู่ดี และนอกจากชีวิตของนางและเขาจะเปลี่ยนไปแล้ว ชีวิตของผู้อื่นก็เปลี่ยนไปด้วยเช่นกันยามนี้สาวใช้ตัวน้อยของนางและคนสนิทของหลี่เหวินหลาง จื่อถิงกับตงผิง ต่างก็กราบไหว้ฟ้าดินเป็นสามีภรรยากันแล้วทั้งคู่ ตลอดหนึ่งเดือนมานี้นางจึงไม่เห็นหน้าสาวใช้คนสนิทเลย แต่ก็เป็นนางอีกนั่นแหละที่ให้จื่อถิงหยุดและใช้ชีวิตคู่หลังแต่งงานบ้าง แน่นอนว่าคำของนางทำให้ตงผิงมีความสุขอย่างมาก เพราะถ้านางบอกให้จื่อถิงหยุด หลี่เหวินหลางก็จะบอกให้ตงผิงหยุดงานชั่วคราวเช่นเดียวกัน แต่นี่ก็ครบกำหนดเวลาที่นางให้ไปแล้ว คาดว่าไม่เกินสองวันนี้คงได้เห็นห

  • ไป๋ฟางเซียน ภรรยาข้ามภพ   บทที่ 132

    หลี่เหวินหลางกอดร่างบางแนบแน่น คางสากเกยไหล่มนของนางไว้พร่ำบอกแนบชิดริมหู จนคนป่วยที่เพิ่งฟื้นอดหัวเราะน้อย ๆ ไม่ได้ มือบางยกมือขึ้นโอบกอดบุรุษร่างโตด้วยความรู้สึกไม่ต่างกัน ความรู้สึกรักและห่วงหาทว่าดูเหมือนพวกเขาจะหลงลืมไปว่าในห้องนี้หาได้มีพวกเขาไม่ ยามนี้ทั้งท่านหมอชรา หลี่เหวินชิง เหลียนฮวา จื่อถิงและตงผิงต่างมีสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก ทำหน้าไม่ถูกกันแทบทั้งสิ้น ก่อนจะเป็นไป๋ฟางเซียนที่ตั้งสติได้ นางมีกิริยาเลิ่กลั่ก พยายามดันตัวตนเองออกจากอ้อมกอดของหลี่เหวินหลาง แต่เจ้าของอ้อมกอดแสนอบอุ่นหาได้ยินยอมไม่“เซียนเซียน พี่คิดถึงเจ้าเหลือเกิน คิดถึงเหลือเกิน เจ้ารู้หรือไม่ว่าพี่กลัวมากเพียงใด กลัวว่าเจ้าจะจากพี่ไป กลัวว่าเจ้าจะไม่กลับมาหาพี่อีก พี่คิดไปต่าง ๆ นานา นอนก็ไม่เคยหลับ กินก็ไม่เคยอิ่ม ใจภวงคิดถึงเป็นกังวลแต่เรื่องของเจ้า เซียนเซียน ขอบคุณที่เจ้ากลับมาหาพี่ นับว่าการรอคอยที่แสนทรมานของพี่สิ้นสุดลงแล้ว ขอบคุณ ขอบคุณจริง ๆ”“เอ่อ ท่านปล่อยข้าก่อนดีไหมเจ้าคะ”“ไม่! จากนี้ไปพี่จะไม่ยอมห่างเจ้าอีกแล้ว ทั้งยังไม่ยอมให้เจ้าห่างสายตาจากพี่อีกด้วย”“ท่านพี่ ปล่อยข้าก่อนเถิดเจ้าค่ะ

  • ไป๋ฟางเซียน ภรรยาข้ามภพ   บทที่ 131

    “ข้าขอโทษ” น้ำเสียงแผ่วเบาเอื้อนเอ่ยออกมาอย่างรู้สึกผิด เจ้าของร่างตัวจริงทำเพียงยิ้มรับ ก่อนจะส่ายหน้าช้า ๆ“เจ้าไม่จำเป็นต้องขอโทษ สุดท้ายแล้วข้าและเจ้าก็คือคนคนเดียวกัน เจ้าคิดว่าจะมีใครที่ไหนจะมีชื่อแซ่เดียวกับตนเองบ้างเล่า สิ่งที่เจ้าควรรู้คือ เจ้าคือข้า ข้าคือเจ้า ดังนั้นเจ้าไม่จำเป็นต้องรู้สึกผิด”“แต่ว่า...”“ตอนแรกข้าก็สงสัยเหมือนเจ้า ในยามที่ข้าตกตายเพราะจมน้ำ ข้าก็ถูกพามายังสถานที่แห่งนี้ เฝ้ามองดูเจ้าเข้าไปในร่างของข้าอย่างไม่ยินยอมนัก หลายครั้งที่ข้าคิดทำร้ายเจ้า หากแต่ไม่สามารถกระทำได้ เพราะทุกครั้งที่คิด ข้าจะรู้สึกเจ็บไปด้วยเช่นกัน ข้าไม่เข้าใจและเฝ้าถามตนเองมาตลอดว่าทำไม กระทั่งวันหนึ่งข้าก็ได้คำตอบจากคนผู้หนึ่ง”“ผู้ใดรึ”“คนผู้นั้นบอกกับข้าว่า แท้จริงแล้วทั้งข้าและเจ้าต่างเป็นคนคนเดียวกัน เพียงแต่ว่าตอนเกิด ดวงจิตของเราได้แยกเป็นสอง หนึ่งคือข้า สองคือเจ้า เมื่อดวงจิตแยกไม่รวมเป็นหนึ่งชะตาชีวิตของคนผู้นั้นย่อมเปลี่ยนแปลงไป เจ้าไม่สงสัยบ้างหรือ ว่าทำไมตอนที่อยู่ในโลกเดิมทั้ง ๆ ที่เจ้ามีทุกอย่าง มีครอบครัวที่ดีพร้อมและอบอุ่น แต่เจ้ากลับรู้สึกมีความสุขได้ไม่เต็มที่นัก เ

  • ไป๋ฟางเซียน ภรรยาข้ามภพ   บทที่ 130

    สภาพของหลี่เหวินหลางทำให้ผู้เป็นใหญ่ของจวนตระกูลหลี่รู้สึกเป็นห่วงอย่างมาก หากจะบอกว่าอาการของไป๋ฟางเซียนน่าเป็นห่วง สภาพของผู้เป็นบุตรชายก็น่าเป็นห่วงไม่ต่างกันหลี่เหวินชิงและเหลียนฮวามองสภาพบุตรชายที่หน้าประตูด้วยสายตาเป็นห่วงอย่างสุดแสน คิ้วของคนทั้งคู่ขยับเข้าหากันจนแน่นขนัด ใบหน้าที่ร่วงโรยไปตามวัยฉายความกังวลออกมาอย่างมาก ก่อนจะเป็นหลี่ฮูหยินที่ทนไม่ไหวพูดมันออกมา“ท่านพี่ น้องเป็นห่วงบุตรของเราจังเลยเจ้าค่ะ อาเหวินแทบไม่ออกจากห้องนอนของเซียนเอ๋อร์เลยนะเจ้าคะ เห็นอาการของลูกเราตอนนี้แล้ว น้องกลัวเหลือเกินเจ้าค่ะ น้องกลัวว่าลูกจะล้มป่วยไปอีกคน” เหลียนฮวาเอ่ยขึ้นอย่างหนักอกหนักใจ มองหลี่เหวินหลางที่กอบกุมมือไป๋ฟางเซียนด้วยความห่วงใยอย่างถึงที่สุด ด้วยไม่เคยเห็นบุตรชายของตนมีสภาพซึมเศร้าเช่นนี้มาก่อน“ไม่ต้องกังวลหรอกน้องหญิง อาเหวินรู้ขีดจำกัดของร่างกายตนเองดี เราแค่อยู่ข้าง ๆ เขาในยามที่เขาต้องการก็พอ ตอนนี้เราไปนั่งรับลมที่ศาลากันก่อนเถิด อยู่ตรงนี้ไปก็ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นมา ประเดี๋ยวน้องหญิงจะเป็นกังวลห่วงคนนั้นคนนี้จนพานจะไม่สบายไปอีกคน”“ท่านพี่”แม้จะเป็นห่วงบุตรชายแต่ก

  • ไป๋ฟางเซียน ภรรยาข้ามภพ   บทที่ 129

    “เซียนเซียน ตื่นขึ้นมาเถิดนะคนดี พี่คิดถึงเจ้า อยากได้ยินเสียงของเจ้าจนแทบจะทานทนไม่ไหวแล้ว หรือที่เจ้าไม่ยอมตื่นขึ้นมาเพราะอยากลงโทษที่พี่เคยพูดไม่ดีกับเจ้าในวันแรกที่เจ้าลืมตาขึ้นมาที่จวนเรือนหลังนี้ใช่หรือไม่ เซียนเซียน พี่ขอโทษเจ้า กลับมาเถิดนะคนดี กลับมาหาพี่ พี่รักเจ้า รักเจ้าเหลือเกิน” หลี่เหวินหลางทอดสายตาแห่งความคะนึงหาไปยังดวงหน้างาม ก่อนที่ชั่วพริบตาแววตาของเขาจะมีความโกรธแค้นวาบผ่าน หากแล้วก็ปล่อยวางลงอย่างรวดเร็ว เพราะคนที่ทำให้คนรักของเขาต้องเป็นเช่นนี้ได้ตกตายไปแล้ว เขาจึงไม่รู้ว่าต้องจ้องเวรไปเพื่อสิ่งใดแท้จริงแล้วการตกน้ำของนางอันเป็นที่รักใช่ว่าเขาไม่คิดติดใจสงสัย เขาย่อมต้องสงสัยแน่นอน และมั่นใจมากว่านางคงไม่กระโดดน้ำฆ่าตัวตายแน่ ที่ไม่ได้สืบหาตั้งแต่วันแรกเพราะเป็นห่วงนางจนไม่เป็นอันทำสิ่งใด พอตั้งสติกับตนเองได้เขาจึงเริ่มสอบถามเรื่องราวคาดคั้นกับจื่อถิงอีกครั้ง แต่นางก็ตอบสิ่งใดไม่ได้ ทั้งยังไม่รู้ว่าว่ามันเกิดสิ่งใดขึ้นกันแน่ นอกจากร่ำไห้ด้วยความรู้สึกผิดและโทษว่าที่ไป๋ฟางเซียนเป็นเช่นนี้ ทั้งหมดเป็นความผิดของตน หลี่เหวินหลางจึงสั่งให้ตงผิงและจื่อถิงกลับไปที่สร

  • ไป๋ฟางเซียน ภรรยาข้ามภพ   บทที่ 128

    “เซียนเซียน! เซียนเซียน ฟื้นสิเซียนเซียน” หลี่เหวินหลางร้องเรียกชื่อภรรยาด้วยความกระวนกระวายใจ ภายในอกของเขาร้อนรุ่มเต็มไปด้วยความวิตกกังวล กลัวเหลือเกินว่านางจะเป็นอันใดไป กลัวสูญเสียนางอย่างไม่มีวันหวนกลับ ความกังวลฉายชัดทั้งสีหน้าและแววตา โชคยังดีที่เขามาได้ทันเวลา ไม่เช่นนั้นเขาคงเป็นกังวลมากกว่านี้“พาคุณหนุกลับจวนก่อนเถิดเจ้าค่ะท่านแม่ทัพ จะได้รีบตามท่านหมอมาดูอาการ” จื่อถิงบอกอย่างร้อนรนและกระวนกระวายใจไม่แพ้กัน พลางมองเจ้านายสาวด้วยความเป็นห่วงเป็นใยอย่างถึงที่สุด น้ำตาเอ่อคลอไปทั่วดวงตาสวย เหตุใดจึงเกิดเรื่องกับคุณหนูทุกครั้งที่นางไม่ได้อยู่ด้วยก็ไม่รู้ โชคดีที่ทั้งนางและท่านแม่ทัพมาได้ทันท่วงที ไม่เช่นนั้นก็ไม่รู้ว่าคุณหนูของนางจะเป็นเช่นไร“รีบกลับจวนให้เร็วที่สุด!” หลี่เหวินหลางบอกคนขับรถม้าพร้อมทั้งอุ้มนางเข้าไปนั่งภายใน โอบกอดนางไว้อย่างหวงแหน มองดวงหน้าหวานด้วยสายตาเป็นห่วงเป็นใยอย่างถึงที่สุดก่อนหน้านี้หลี่เหวินหลางกลับมาถึงเมืองหลวงแล้ว และได้เข้าไปรายงานทุกอย่างให้องค์ฮ่องเต้รับรู้เรียบร้อยถึงการปราบโจรของตน หลังจากนั้นก็รีบพาตนเองออกจากวังหลวงอย่างรวดเร็ว ด้วยคิดถ

  • ไป๋ฟางเซียน ภรรยาข้ามภพ   บทที่ 127

    “ไม่จริง! ข้าไม่เชื่อ เจ้าอย่ามาโกหกข้า ข้าไม่สนว่าใครจะเป็นคนคิด ในเมื่อพี่เหวินเป็นคนทำเขาก็ต้องรับผิดชอบ เจ้าก็ด้วย ในเมื่อวันนี้ข้าสูญสิ้นไม่เหลืออะไร พวกเจ้าก็ต้องสูญสิ้นไม่เหลือสิ่งใดเช่นเดียวกัน อย่างไรวันนี้ทุกอย่างก็ต้องจบลง ไม่ข้าและเจ้าก็ต้องตายกันไปข้างหนึ่ง ครั้งที่แล้วข้าหวังให้เจ้าจมน้ำตายที่นี่ เพราะต้องการให้เจ้าทรมานถึงที่สุด กระทั่งหลังความตายก็ยังคงทุกข์ทรมานเพราะความเย็นของกระแสน้ำ ได้แต่เหน็บหนาวแต่เพียงผู้เดียวไร้ซึ่งคนเหลียวแล ครั้งที่แล้วเป็นโชคดีของเจ้าที่ข้าทำไม่สำเร็จ แต่ครั้งนี้มันจะไม่เหมือนเดิม เจ้าต้องตาย ตายเพราะข้า!” โจวเฟิ่งจิ่วตวาดกร้าว ไป๋ฟางเซียนได้ฟังแล้วรู้ว่าถึงเจรจาต่อไปย่อมไม่เป็นผล ดังนั้นจึงโพล่งไปอย่างไม่เกรงกลัวเช่นกัน เช่นไรนางก็เคยตายมาแล้ว ตายอีกสักครั้งจะเป็นไรไป ไม่มีสิ่งใดน่ากลัวเลยสักนิด ห่วงก็แต่หลี่เหวินหลาง หากนางจากไปเขาจะรู้สึกเช่นไร จะเสียใจหรือคิดถึงนางบ้างหรือไม่เท่านั้นเอง “ตายก็ตายสิ คนอย่างไป๋ฟางเซียนไม่เคยกลัวตายอยู่แล้ว หากข้าตาย เจ้าก็ต้องตายเช่นกัน” จบคำพูดของไป๋ฟางเซียนร่างของโจวเฟิ่วจิ่วก็พุ่งตรงเข้ามาหวังจะกร

  • ไป๋ฟางเซียน ภรรยาข้ามภพ   บทที่ 126

    “ข้าไปทำอะไรให้เจ้านักหนาจึงได้คิดทำร้ายข้า”“ฮ่าฮ่า เพราะเจ้ามาแย่งทุกสิ่งทุกอย่างของข้าไปไงเล่า! คนไม่มีบิดามารดาเป็นกำพร้าเช่นเจ้า กล้าดีอย่างไรลงประกวดสาวงาม แย่งชิงตำแหน่งสาวงามอันดับหนึ่งของเมืองหลวงจากข้าไป เท่านั้นยังไม่พอเจ้ายังเป็นคู่หมั้นของพี่เหวิน คิดอยากได้และครอบครองเขา เจ้ากล้าดีอย่างไรถึงคิดว่าตนเองเหมาะสมกับบุรุษเก่งกล้าและรูปงามเช่นเขา แทนที่เจ้าจะสำนึกในบุญคุณของบิดามารดาของพี่เหวิน กล่าวยกเลิกงานหมั้นนั่นเสีย เจ้ากลับเร่งรัดให้ทุกอย่างเร็วขึ้นกว่าเดิม ทั้ง ๆ ที่เจ้าก็รู้ตนเองดี ว่าพี่เหวินมิได้รักเจ้าเลยแม้แต่น้อย แล้วข้าจะให้คนหน้าด้านเช่นเจ้าเชิดหน้าอยู่ในระดับเดียวกันกับข้าได้เช่นไร คิดว่าข้าไม่รู้รึว่าเจ้าคิดเทียบเคียงข้ามาโดยตลอด หวังใช้ฐานะฮูหยินแม่ทัพตีเสมอข้าน่ะสิ หึ ไม่เจียมตน”“เจ้าบ้าไปแล้วโจวเฟิ่งจิ่ว ข้าไม่เคยคิดตีตนเสมอเจ้า ข้ารู้ตนเองดี เจ้าเอาแต่ว่าข้าแล้วเจ้าเล่าดีตรงไหน วัน ๆ ตามแต่คู่หมั้นของสหาย นอกจากไม่รู้สึกผิดแล้ว ยังคิดทำร้ายผู้อื่น นี่มันไม่น่ารังเกียจกว่าข้ารึ” ไป๋ฟางเซียนย้อนกลับทันควัน เพราะนางไม่ชอบให้ใครมาว่านางเช่นกัน แม้ว่าคนที่ถูก

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status