13
มีเรื่องใด
“นี่เจ้า!” องค์หญฺงหนิงลี่โกรธจนควันแทบออกหูเมื่อได้ยินองค์หญิงหนิงเอ๋อทูลฟ้องเรื่องตนเอง แต่เพียงแค่องค์ชายสี่มองหน้านางก็หยุดกล่าวสิ่งใดออกมา
“มีเรื่องใดกัน” องค์ชายสามหันไปถามองค์หญิงใหญ่ พร้อมกับเหลียวมองสตรีข้างกายน้องสาวร่วมอุทร นึกเป็นห่วงความรู้สึกนางไม่น้อยเข้าวังมาก็เพราะเขายอมให้น้องสาวเชิญนางมา หากนางมีเรื่องจริง เขาก็ควรเป็นผู้ที่คอยช่วยเหลือ
“ไม่มีเพคะองค์ชายสาม คงเป็นเรื่องเข้าใจผิด” ซูชิงเยียนตอบองค์ชายหนิงอวี่ด้วยท่าทีนอบน้อม ไม่รู้ว่าชาตินี้น่าจะเป็นเช่นเดิมหรือไม่ แต่ซูเหวินที่เคยเห็นแต่สิ่งเลวร้าย ไม่ว่านางจะทำสิ่งใดนั่นล้วนเสแสร้งทั้งสิ้น
“ข้าไม่ได้ถามเจ้า ว่าอย่างไรมีเรื่องใด” องค์ชายหนิงอวี่ตอบซูชิงเยียนเสียงเข้ม ซูชิงเยียนไม่กล้ากล่าวสิ่งใดออกมาอีก เพียงลอบมองต่งซูเหวิน รอฟังว่านางจะตอบองค์ชายว่าอย่างไร ทุกคนล้วนแต่รอฟังว่านางจะตอบสิ่งใดไม่เว้นกระทั่ง
14การใหญ่เริ่มขึ้น“ขอบคุณหลิงซือฝู” หญิงสาวที่เดินเงียบมานานพูดขึ้น เดิมทีนางก็รู้สึกอึดอัดเมื่อเห็นหน้าเขาอยู่แล้ว พอต้องมาเดินอยู่ด้วยกันเช่นนี้นางยิ่งอึดอัดไปใหญ่ เมื่อหาเรื่องพูดคุยได้ก็รีบพูดออกไปหลิงเฟยหลงนึกขันในใจยกมุมปากขึ้นเล็กน้อยก่อนจะกลับไปทำหน้านิ่งเช่นเดิม เขารู้ว่านางอึดอัดเพราะเมื่อครู่เขาดันเห็นท่าทีของนางที่มีต่อซูชิงเยียน“ข้าไม่ได้ทำสิ่งใด ท่านหญิงไม่ต้องขอบคุณ ทางที่ไปก็เป็นทางผ่านดังที่บอกกับองค์ชายและองค์หญิง หากมีผู้ใดต้องกล่าวขอบคุณควรเป็นข้าเสียมากกว่า” กล่าวจบหลิงเฟยหลงก็ยกกล่องไม้ใส่ขนมขึ้นมาให้นางดูต่งซูเหวินยิ้มเล็กน้อยก่อนจะนึกบางอย่างขึ้นในใจ ไม่รู้ว่าควรถามดีหรือไม่ ตำแหน่งของหลิงซือฝูถึงจะเป็นแค่อาจารย์ของเหล่าองค์ชาย แต่ฮ่องเต้ทรงโปรดปรานเขามากนัก ตำแหน่งองค์รัชทายาทก็เกรงว่าต้องให้เขาช่วยออกความเห็นด้วยเป็นแน่ใจนางอยากถามเขานักว่าในใจของซือฝูอย่างเขา เอนเอียงไ
15ท่านสัญญาแล้วตลอดเจ็ดวันที่ผ่านมาต่งซูเหวินเข้าวังไปสอนองค์หญิงรำกระบี่ไม่ขาด ไปครั้งหนึ่งก็ใช้เวลาอยู่ในวังสามเกือบสี่ชั่วยาม แม้จะเข้าวังนานแต่กลับใช้เวลาสอนองค์หญิงเพียงหนึ่งชั่วยามส่วนเวลาที่เหลือถูกองค์หญิงบังคับให้ทำขนมให้กินทุกวันจนนางนึกว่าตนเองเป็นแม่ครัวหลวงเสียอีก ทำเสร็จก็ต้องนำไปส่งองค์ชายสามที่หน้าสำนักศึกษาเกือบทุกวัน นางมีโอกาสได้พูดคุยกับองค์ชายสามบ่อยครั้ง รับรู้ได้ว่าเขากับน้องชายนิสัยต่างกันมากนักไม่แปลกใจเลยหากฮ่องเต้ทรงแต่งตั้งเขาเป็นไท่จื่อชาติก่อน นางสังเกตผู้คนรอบตัวองค์ชายหนิงอวี่และองค์หญิงหนิงเอ๋อ อย่างไรในตอนนี้นางก็ตกลงคบหาองค์หญิงเป็นสหายจะให้นางถูกวางยาไปอีกคนไม่ได้“พี่หญิงคิดสิ่งใดอยู่หรือ” สหายใหม่เอ่ยถามขณะที่นางกำลังเดินหน้ายุ่งอยู่ข้างกาย ทั้งสองกำลังเดินไปสำนักศึกษาเหมือนทุกวัน ต่งซูเหวินจำได้หลังงานฉลองของกุ้ยเฟยองค์ชายหนิงจินจะได้สมรสพระราชทาน นางจะให้เป็นเช่นนั้นไม่ได้เด็ดขาด
16ถือเป็นสหาย“หลิงซือฝูไม่ต้องส่งข้าก็ได้ ข้ายังมีสิ่งที่ต้องไปทำ เกรงจะรบกวนเวลาหลิงซือฝู” ออกจากหน้าประตูวังมาครู่เดียวท่านหญิงเจียวจ้านก็พูดขึ้น นางอยากรีบไปนอกเมืองแท้ ๆ ยังต้องไปที่จวนก่อนเพื่อไม่ให้เขาสงสัย แต่หากกลับไปที่จวนก่อนแล้วค่อยออกมาเกรงว่าน้องสาวร่วมบิดาคงสงสัยนางแน่คิดว่าพยายามเปลี่ยนใจให้เขาปล่อยนางลงก่อนถึงจวนคงดีกว่า“ข้าเต็มใจไม่ได้รบกวนอันใด ท่านหญิงจะไปที่ใดข้าล้วนไปส่งได้ทั้งสิ้น” หากให้เขาไปดูด้วยตนเอง เขาจะยอมเชื่อสิ่งที่นางจะพูดหรือไม่ ความคิดมากมายสับสนประปนกันไปจนหมด ยิ่งคิดก็ยิ่งวุ่นวาย“หลิงซือฝู ท่านคิดว่าเราเป็นสหายกันแล้วหรือไม่” ทำสิ่งใดไม่ได้แล้ว มีเพียงวัดใจไปเลยเท่านั้นจึงจะรู้ว่าแท้จริงเขาคิดอย่างไร ชายหนุ่มนั่งนิ่งมองหญิงสาวตรงหน้า ไม่คิดว่านางจะถามเช่นนี้“ไม่เช่นนั้น แล้วตอนนี้เราเป็นสิ่งใดเล่า”“ท่านอย่ามัวตอบข้าด้ว
17ข้าตั้งใจมา“เหตุใดวันนี้จึงอยู่เพียงลำพัง อาจารย์หญิงของน้องไปไหนเสียเล่า” องค์ชายหนิงอวี่เอ่ยถามใบหน้ายิ้มแย้ม สายตากวาดไปรอบลานหน้าตำหนักองค์หญิง ไม่พบหญิงสาวที่ตามหาแม้แต่ปลายผม เมื่อได้รับรายงานจากขันทีว่าวันนี้หลิงซือฝูป่วยกะทันหันจึงไม่สามารถมาสอนได้ เขาจึงรีบออกจากสำนักศึกษาแสร้งมาหาน้องสาว“นางให้คนมาแจ้งว่าป่วยกะทันหันมาสอนไม่ได้ น้องจึงอยู่เพียงลำพัง ถามหาพี่หญิงแล้วเสด็จพี่เล่า เหตุใดไม่อยู่ในสำนักศึกษา”“หลิงซือฝูบอกว่าป่วย มาสอนไม่ได้”“บังเอิญไปหรือไม่ พี่หญิงก็บอกว่าป่วย” หญิงสาวรู้สึกตะหงิดในใจไม่น้อย อยู่ ๆ พี่หญิงของนางกับอาจารย์ของพี่ชายป่วยพร้อมกันเช่นนี้ แต่พี่ชายนางเป็นสุภาพบุรุษเกินกว่าจะคิดสิ่งไม่ดีในหัว“คิดมากไปหรือไม่ มาเถอะพี่สอนใช้ดาบดีหรือไม่” เห็นท่าทีเบื่อหน่ายของน้องสาว องค์ชายหนิงอวี่จึงหาเรื่องให้ผู้เป็นน้องสาวอารมณ์ดีขึ้นมาบ้า
18ของขวัญเพื่อคลายความไม่พอใจขององค์หญิงที่ถูกผู้อื่นเข้ามาขัดขวาง ต่งซูเหวินจึงพาองค์หญิงออกนอกจวนไปยังตรอกการค้าผู้คนพลุกพล่าน ตั้งใจพาพระองค์ไปยังห้างการค้าตระกูลซูเพื่อเครื่องประดับงดงามมากมาย“งดงามหรือไม่เพคะ”“งาม โดยเฉพาะพู่ห้อยกระบี่เหล่านี้ ถือว่าหาได้ยากยิ่งนัก แต่พี่หญิงเหตุใดจึงพาข้ามาที่นี่ ท่านก็รู้ว่าข้าไม่ถูกใจสตรีตระกลูซูนั่น” องค์หญิงใบหน้าหงิกงอ แต่สายตาก็กวาดมองชั้นไม้วางพู่ห้อยกระบี่ตรงหน้าไม่วางตา“หม่อมฉันรู้ว่าองค์หญิงไม่พอพระทัยคุณหนูซู แต่ของพวกนี้ไม่เกี่ยวนี่เพคะ ถึงอย่างไรที่นี่ก็เป็นร้านใหญ่ที่สุดในเมือง หม่อมฉันอยากมอบพู่ห้อยกระบี่ให้องค์หญิงเป็นของขวัญ ทรงเลือกสักอันเถอะเพคะ” หญิงสาวอายุน้อยกว่าเหลือกตามองไปรอบ ๆ แก้มสองข้างพองลมจนน่าบีบ เพราะคิดตามแล้วเห็นด้วยกับสหายข้างกายแม้จะไม่ชอบซูชิงเยียนเพียงใดแต่ของเหล่านี้ก็เป็นเพียงของเท่านั้น ไม่ได้มีความผิดใด
19ความในใจ“ถวายบังคมเสด็จพี่” หลังกลับจากนอกวังองค์หญิงก็รีบมาหากุ้ยเฟยยังตำหนัก แต่กลับพบเจอพี่ชายหน้าตำหนักพอดีราวกับล่วงรู้ว่านางจะมาที่นี่จึงมารออยู่ก่อน เขาส่งยิ้มให้น้องสาวเดินไปลูบหัวนางเบา ๆนางกำนัลเฝ้าประตูรายงานกุ้ยเฟยในตำหนัก ครู่เดียวก็มีนางกำนัลคนสนิทออกมาเชิญองค์หญิงองค์ชายให้เข้าไปพบในตำหนัก“ถวายบังคมเสด็จแม่”“หม่อมฉันถวายบังคมเสด็จแม่เพคะ” กุ้ยเฟยรีบเดินเข้าไปแตะแขนของลูกทั้งสอง มองด้วยสายตาเอ็นดู พอองค์หญิงเงยหน้าก็รีบเข้าไปเกาะแขนมารดาราวกับเด็กอย่างไรอย่างนั้น“มาเถอะ รีบมานั่งได้แล้ว เป็นอย่างไรเหตุใดจึงพากันมาหาแม่เช่นนี้” กุ้ยเฟยถามบุตรทั้งสองด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน กุ้ยมีพระนามเดินว่าไป๋หลิงอวี่ เป็นสตรีสูงศักดิ์ถูกที่บ้านส่งเข้าวังเป็นสนมของฮ่องเต้เพื่อแบ่งอำนาจจากตระกูลซู ซึ่งเป็นตระกูลที่คอยหนุนหลังหวงกุ้ยเฟยพระนางกุ้ยเฟยไม่สนเรื่องวังหลัง
20งานฉลอง“ผืนไหนงดงามกว่าหรือพี่หญิง”“กุ้ยเฟยทรงใส่อาภรณ์สีใดหรือเพคะ”“สีฟ้าคราม งดงามดุจสีน้ำทะเล เช่นนั้นข้าไม่ควรใส่สีเดียวกับเสด็จแม่ใช่หรือไม่” องค์หญิงทรงหยิบอาภรณ์สีเขียวอ่อนผ้าบางราวปีกจั๊กจั่นขึ้นมา ส่งให้นางช่วยตัดสินใจว่าควรสวมอาภรณ์นี้แทนสีฟ้าครามข้าง ๆ“เพคะ หากองค์หญฺงเลือกได้แล้วหม่อมฉันจะไปรอข้างนอก” เด็กสาวอายุน้อยกว่าพยักหน้าให้แล้ว ต่งซูเหวินจึงรีบเดินออกไปรออยู่ด้านนอกแทน ให้องค์หญิงหนิงเอ๋อได้เปลี่ยนอาภรณ์สำหรับรำกระบี่ถวายกุ้ยเฟยสิ้นเสียงฉินที่ต่งซูเหวินบรรเลง องค์หญิงหนิงเอ๋อก็หยุดร่ายรำพร้อมกันพอดีเหมือนตอนซ้อมกันก่อนหน้านี้ องค์จักรพรรดิปรบมือเสียงดังผู้อื่นจึงทำตาม ซึ่งเป็นมารยาทที่ผู้คนล้วนรู้กันอยู่แล้ว“ดี ๆ หนิงเอ๋อพ่อไม่รู้เลยว่าเจ้ารำได้งดงามเช่นนี้ บางคราพ่อยังนึกว่าเป็นรองแม่ทัพต่งร่าย
21รับปากแล้วเดิมเคยให้สัญญากับนางเอาไว้ว่าเรื่องออกเรือนให้นางตัดสินใจเอง แม้จะดีใจที่บุตรชายพึงใจนาง แต่กษัตริย์ตัดแล้วไม่คืนคำ เมื่อครู่ก็ให้คำสัตย์กับกุ้ยเฟยไปแล้วว่าจะประทานสมรส บรรยากาศรอบตัวเงียบสนิทองค์หญิงทรงยังเด็กจึงพูดไปไม่คิด แต่เมื่อนางกล่าวไปแล้วผู้คนก็ล้วนรอฟังว่าฮ่องเต้จะจัดการเรื่องนี้อย่างไร บุรุษสองคนตกใจกับคำพูดขององค์หญิงไม่ต่างจากต่งซูเหวินเลยหลิงซือฝูที่อยู่ด้านหลังรีบเดินมาด้านหลังหมายจะกราบทูลบางสิ่ง ดูเหมือนเขาจะคิดเช่นเดียวกับองค์ชายสี่เพราะองค์ชายสี่ก็เดินมายืนหน้าพระพักตร์ แต่ทั้งสองก็ล้วนช้ากว่าองค์ชายสาม พระองค์ทรงมายืนหน้าพักตร์ก่อนผู้อื่นองค์ชายหนิงอวี่ยกมือขึ้นมาประสานกันตรงหน้า ก่อนจะเอ่ยกับบิดาตนเองด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน“กราบทูลเสด็จพ่อ เดิมท่านหญิงเจียวจ้านเคยขอให้ตนเองตัดสินใจเรื่องออกเรือนของตนเองได้ต่อเสด็จพ่อเอาไว้ ลูกเองก็คิดว่าเรื่องเช่นนี้ให้นางตอบรับและตัดสินใจด้วยตนเองจะ
45มีเพียงท่านเช้ามาทั่วทั้งเมืองต่างมีข่าวว่าตระกูลหลานของเสนาบดีเลี้ยงต้อนรับบุตรชายคนเล็ก และยังมีข่าวงานหมั้นหมายของบุตรชายกับหญิงสาวตระกูลสูงศักดิ์ตระกูลหนึ่ง“หงอิงให้คนเตรียมรถม้า ข้าจะไปตระกูลหลาน”“เจ้าค่ะคุณหนู”“ไหนบอกว่ารักข้า ยอมปลิดชีพตนตามมาเพื่อดูแล แต่เสร็จเรื่องแล้วจะไปแต่งผู้อื่นแบบนี้ได้อย่างไรกัน หลันอันฉีเจ้าใจร้ายยิ่งนัก” นางบ่นพึมพำขณะผลัดเปลี่ยนอาภรณ์อยู่ลำพัง เดิมทีวันนี้ตั้งใจจะไปถามเขาให้รู้เรื่องว่าเหตุใดจึงหนีนางไปเช่นนี้ แต่เช้านี้กลับได้ยินบ่าวในเรือนพูดคุยกัน บุตรชายคนเล็กของเสนาบดีขวากลับมาและที่จวนหลานกำลังจะมีงานมงคลครึ่งชั่วยามรถม้าจากจวนต่งก็มาถึงหน้าจวนหลาน ผู้คนหน้าจวนมิได้มีผู้คนมากมายนัก อาจเพราะทั่วเมืองกำลังไว้ทุกข์ให้หวงกุ้ยเฟยที่สิ้นพระชนม์ งดเว้นงานรื่นเริงสังสรรค์ งดเว้นการจัดการงานสมรส ที่จวนหลานเพียงเชิญสหายสนิทมากินอาหารและพูดคุยเรื่องแต
44ในใจมีผู้ใด“องค์ชายสี่เชิญนั่งเพคะ” เมื่อไท่จื่อเดินออกไป องค์ชายสี่ก็เดินเข้ามา เขาเองก็คงมาด้วยเหตุผลเดียวกับไท่จื่อ หลิงซือฝูเองก็เช่นเดียวกัน เหตุใดชาติก่อนนางจึงไม่มีผู้คนมารักมากมายเพียงนี้บ้าง“ท่านหญิงคงรู้แล้วว่าข้ามาด้วยเหตุใด”“พอรู้เพคะ แต่...”“ท่านหญิงฟังข้าให้จบก่อนได้หรือไม่” นางไม่ได้ตอบแต่พยักหน้าแทนคำตอบ จากนั้นนั่งเงียบให้เขาได้พูดเรื่องราวต่าง ๆ ให้จบสิ้นไม่ติดค้างในใจก่อน“ในใจข้ามีท่านหญิงมาตั้งแต่เราได้รู้จักกันในคราแรกแล้วยิ่งรู้สึกชื่นชมเมื่อได้รู้จักท่านมากขึ้น ช่วงเวลาที่ท่านกับน้องหญิงมาที่สำนักศึกษาข้าดีใจยิ่งนักที่ได้เห็นท่านทุกวัน”“...”“แต่เมื่อได้รู้ว่ามารดาทำสิ่งใดลงไปบ้าง ข้าจึงเริ่มรู้สึกว่าท่านรู้บางสิ่งที่ข้าไม่รู้ จนได้รู้ว่าเสด็จแม่เป็นหนึ่งในผู้ที่ส่งคนมาทำร้ายท่าน ยามนั้นข้าได้รู
43ผู้ทำผิดถูกลงโทษประกาศจากในวังให้มีการสอบรับเลือกขุนนางอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า เพราะขุนนางจากตระกูลซูถูกลงโทษและถูกปลด องค์จักรพรรดิของแผ่นดินนี้ยังคงเป็นจักรพรรดิหนิงหวง องค์ชายสี่เกลี้ยกล่อมมารดาไม่สำเร็จจึงกราบทูลต่อบิดาด้วยความเสียใจถึงเรื่องราวต่าง ๆ ที่ได้ยินมาด้วยเห็นแก่บุตรชายฮ่องเต้จึงยังคงรักษาพระเกียรติของหวงกุ้ยเฟยเอาไว้ ทรงประทานเหล้าพิษและปล่อยข่าวไปว่าพระองค์ทรงป่วยจนสิ้นพระชนม์ มิได้บอกกล่าวแก่ผู้ใดว่าพระนางร่วมมือกับตระกูลซูก่อกบฎองค์ชายสามได้รับแต่งตั้งเป็นไท่จื่อ เพราะองค์ชายสี่ขอเป็นผู้คอยช่วยเหลือเคียงข้างพี่ชายเท่านั้น กุ้ยเฟยเองก็ถูกแต่งตั้งเป็นฮ่องเฮาหลังจากเหตุการณ์นี้เช่นกัน ราชสำนักสั่นคลอนอย่างแท้จริง โชคดีที่ได้เสนาบดีขวาเป็นเสาหลักอยู่ จึงไม่มีจราจลใดในยามนี้ตระกูลซูถูกตัดสินประหารชีวิต แต่ซูฉางเหอยอมรับความผิดทั้งหมดไว้เอง ซูชิงเยียนและหญิงสาวในตระกูลจึงถูกลงโทษเนรเทศไปยังเขตชายแดนที่หนาวเหน็บห้ามกลั
42ข้าไม่รั้งเพียงสามวันนางก็ได้ข่าวจากหลิงซือฝูว่าองค์ชายสี่ทรงกราบทูลต่อฮ่องเต้ หวงกุ้ยเฟยทรงสมคบคิดกับตระกูลซูคิดก่อการกบฎ เรื่องนี้ถูกสอบสวนอย่างหนักรวมไปถึงคดีสินบนของเหล่าขุนนาง กระทั่งคดีลอบทำร้ายท่านหญิงเจียวจ้านแห่งสกุลต่ง ทำให้เช้านี้ต่งซูหนี่ถูกพาตัวไปยังกรมอาญาเพื่อสอบสวนร่วมกันเช้านี้ต่งซูเหวินจึงมีสีหน้าสดชื่นกว่าก่อน หากในจวนไม่มีต่งซูหนี่เหมือนทุกวันคงดีนัก หลังอ่านจดหมายของหลิงซือฝูเสร็จนางไปเดินเล่นอยู่หน้าลานประลองชื่นชมลานประลอง และต้นเฟิงที่มารดารักยิ่ง ใบหน้างดงามประดับด้วยรอยยิ้มกว้างหลังจากนี้นางคงได้ใช้ชีวิตตนเองอย่างสงบสุขเสียที“เหตุใดเจ้าต้องทำกับน้องสาวตนเองถึงเพียงนี้” นางคงลืมไปชั่วครู่ว่าภายในจวนนี้ยังมีมารดาเลี้ยง และบิดาผู้ลำเอียงของนางอยู่ต่งซูเหวินถอนหายใจหนัก ๆ ก่อนจะหันกลับไปเผชิญหน้ากับสองสามีภรรยาทางด้านหลัง นางรู้อยู่แล้วว่ามารดาเลี้ยงต้องมาหาเรื่องนางหากซูหนี่ถูกนำตัว
41ถูกต้องหรือถูกใจ“ถวายบังคมองค์ชาย องค์ชายท่านมาที่นี่ได้อย่างไร” ต่งซูเหวินถามด้วยน้ำเสียงแปลกใจ นางไม่คิดว่าจะได้เจอองค์ชายสี่ที่หน้าจวนในยามนี้ ท้องฟ้าเริ่มไร้แสงผู้คนเริ่มเก็บตัวอยู่ในบ้านเรือนตนเองเพราะอีกไม่นานตะวันจะลับฟ้าผู้ใดจะคิดเล่าว่าจะมีองค์ชายมายืนหน้าจวนตนเองพร้อมม้าอีกหนึ่งตัวเช่นนี้“ขออภัยท่านหญิงที่ข้าเสียมารยาทมาหาท่านในยามนี้ แต่ข้าไม่รู้ว่าจะพูดคุยเรื่องนี้กับผู้ใดได้อีกนอกจากท่าน ในหัวเอาแต่คิดถึงเรื่องที่ท่านหญิงพูดเมื่อคราวก่อน”“องค์ชายทรงร้อนใจเช่นนี้ เชิญเถอะเพคะ” แม้นางจะหมดรักในตัวเขาตั้งแต่ชาติก่อนแล้ว แต่ความห่วงใยนี้ก็คงมิอาจตัดได้หมด ฟังจากเรื่องราวทั้งหมดผู้ที่น่าเห็นใจนอกจากนางก็คือเขา เพราะนางเห็นใจครอบครัวจึงยอมแต่งเป็นพระชายารองอีกครั้ง ส่วนเขาเห็นใจมารดาจึงยอมทำผิดใหญ่หลวงบุตรต้องกตัญญูแต่หากว่าบิดามารดามิได้ใฝ่สิ่งดี บาปกรรมก็ล้วนตกอยู่ที่บุตรท
40สาเหตุของการตาย“เจ้าเล่าให้ละเอียดหน่อย นี่เรื่องจริงหรือไม่” นางถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น ทั้งยังตกใจมากเมื่อคิดว่ามีผู้อื่นย้อนเวลามาเหมือนนางเช่นนี้ แล้วยังเป็นผู้ที่อยู่ข้างกายนางตลอด อีกทั้งยังปิดบังนางมาตลอดไม่เคยบอกสิ่งใดแก่นางแต่หากเขาได้ย้อนเวลากลับมานั่นหมายถึงเขาก็มีเรื่องอยากแก้ไข แล้วเรื่องนั้นคงต้องเกี่ยวกับนางไม่เช่นนั้นบุตรชายเสนาบดีอย่างเขา คงไม่ยอมมาลำบากอยู่ข้างนางเช่นนี้“หลายปีก่อนตอนรวมแผ่นดินข้ากับมารดาถูกจับเป็นเฉลย เพื่อให้ท่านพ่อยอมทรยศแต่ได้รองทัพต่งแอบลอบเข้าไปช่วยเหลือสุดท้ายหนีออกมาได้ ข้าและท่านแม่บาดเจ็บได้ท่านคอยดูแลตอนอยู่นอกแคว้น ข้าจำได้แม่นยำว่าคุณหนูจิตใจดีมากเพียงใด หลังจากช่วยเหลือไว้คุณหนูกับรองแม่ทัพต่งก็จากไปโดยฝากข้าและท่านแม่ไว้กับชาวบ้านนอกแคว้น ทั้งยังมอบเงินไว้ให้ท่านแม่รักษาตัวด้วย”“...”“ต่อมาพบว่าตระกูลต่งสิ้นแล้ว จึงได้แต่เสียใจ
39ฐานะแท้จริงหลิงเฟยหลง และองค์ชายล้วนงุนงงที่เสนาบดีขวาเรียกรั้งบ่าวคนหนึ่งไว้ในห้องดื่มชานี้ ต่งซูเหวินได้ฟังจากปากองครักษ์ว่ารู้จักกับเสนาบดีขวามาก่อน จึงมิได้แปลกใจเท่าใดนัก“เจ้าไม่เคยแนะนำตัวกับผู้อื่นเลยหรือ” เสนาบดีขวาถามหลันอันฉีด้วยน้ำเสียงกึ่งตำหนิ ต่งซูเหวินคิดว่าทั้งสองคงรู้จักกันมานานจึงพูดจาดูใกล้ชิดกันมากเพียงนี้หลันอันฉีถอนหายใจเล็กน้อยก่อนจะหันกลับมาทางโต๊ะดื่มชา เขามองหน้าเสนาบดีขวาอย่างไม่ชอบใจนัก“ข้าบอกแล้วมิใช่หรือว่ารอให้ทุกอย่างจบข้าจะกลับไป เหตุใดต้องให้เรื่องมันวุ่นวายขึ้นเช่นนี้” องครักษ์หนุ่มตอบกลับน้ำเสียงเหนื่อยหน่าย ท่ามกลางสายตางุนงงของคนนอกทั้งสาม“มีเรื่องใดกันหรือเจ้าคะท่านเสนา อันฉีทำสิ่งใดล่วงเกินท่านหรือไม่” แม้จะรู้สึกว่าเรื่องไม่ถูกต้อง แต่นางก็รีบลุกไปยืนบังองครักษ์ของตนเองไว้ ก่อนนี้นางเคยสัญญาว่าหากเขาปกป้องนาง นางก็จะปกป้องเขาไปตลอดชีวิต
38อำนาจสำคัญทางการตัดสินว่าการค้าของตระกูลซูมีความผิดจากการค้าของเถื่อนจริงอย่างที่หญิงชาวบ้านผู้นั้นร้องเรียน เดิมทีเถ้าแก่ผู้ดูแลร้านไม่ยอมรับว่าปิ่นนั่นเป็นของร้านเพราะมันมีสัญลักษณ์อยู่ แต่มีหรือต่งซูเหวินจะยอมให้ตระกูลซูรอดพ้นเรื่องนี้ไปได้ นอกจากปิ่นที่นางยังมีปิ่นอีกอันที่องค์หญิงหนิงเอ๋อเป็นผู้เก็บรักษาไว้เองเมื่อองค์หญิงยอมมอบปิ่นให้เป็นหลักฐานเถ้าแก่ผู้ดูแลจึงปฏิเสธเรื่องราวนี้ไปไม่ได้อีก ทางการสั่งปิดร้านค้าตระกูลซูเพื่อสืบความเรื่องการค้าเถื่อนเป็นอย่างที่นางคิดซูชิงเยียนรอดไปได้เพราะผู้ดูแลร้านเป็นผู้รับความผิดนี้ หญิงชาวบ้านผู้นั้นได้เงินเพิ่มสิบเท่าจากราคาของตามซูชิงเยียนเคยบอกเอาไว้ข่าวต่งซูเหวินถูกลอบทำร้ายภายในจวนตระกูลต่ง เรื่องนี้รู้กันทั่วเมืองแม้แต่องค์จักรพรรดิก็ได้ยินเช่นกัน ทรงโมโหมากจึงสั่งคนสอบสวนเรื่องนี้ให้ถึงที่สุดเช่นเดียวกัน“ท่านหญิงมีสิ่งใดหรือ เหตุใดจึงอยากเจอพวกข้า” องค์ชา
37ย่อมคุ้มค่า“จะไม่เป็นไรได้อย่างไร เหตุใดต้องทำตนเองเจ็บถึงเพียงนี้ ท่านไม่รู้หรือว่าแผลเช่นนี้อาจทำให้ท่านเป็นแผลเป็นได้ ท่านเป็นสตรีเหตุใดมุทะลุถึงเพียงนี้ ข้าสู้เพราะกลัวท่านบาดเจ็บแต่ท่านกลับทำตนเองบาดเจ็บเช่นนี้” เขาว่าจบก็จูงมือนางเดินไปนั่ง ส่วนตนเองไปจุดโคมในห้องนอนให้ ชายหนุ่มรีบมาดูแผลของนางไม่สนใจร่างไร้สติบนพื้นเลย“เจ้าตำหนิข้า”“ข้าน้อยย่อมไม่กล้า เพียงแต่เป็นห่วงคุณหนูเท่านั้น หากเป็นแผลเป็นจะทำอย่างไร”“เป็นก็เป็น แค่ได้ตามที่ต้องการย่อมคุ้มค่า”หลันอันฉีดึงผ้ารัดผมของตนเองมารัดแขนนางเพื่อห้ามเลือด แล้วเอื้อมมือไปจัดผมยาวสลวยของนางที่หล่นลงมาไม่ให้มันโดนเลือดตรงแขนต่งซูเหวินมองการกระทำขององครักษ์อย่างแปลกใจ ไม่บ่อยนักที่เขาแสดงความรู้สึกเช่นนี้ ขณะรัดแผลก็บ่นพึมพำไม่ยอมหยุด นางนึกขบขันเป็นอย่างยิ่งโชคดีจริง ๆ ที่ตอนย้อนเวลากลับมานางเลือกหลันอันฉีม