พอมีเรื่องแบบนี้มาแทรก ฉันมักเหม่อลอยตลอดช่วงเช้าในหัวเหมือนมีมนุษย์จิ๋วสองคนเถียงกันคนหนึ่งบอก "เธอดูสิ เขาที่จริงใส่ใจมาก ขนาดวันแรกที่ได้รู้จักกันก็ยังจำได้"อีกคนก็บอก "เขาเมื่อก่อนยังลืมเลยว่าเธอจบจากม.เจียง เขาจะจำวันครบรอบได้ไง? เขาต้องถามเฮ่อถิงไม่ก็คนอื่นแน่นอน เลิกบ้าเพราะความรักบังตาสักที!"ตอนกลางวัน ฉันสลัดความคิดฟุ้งซ่านพวกนี้ นัดเจียงไหลไปทานที่โรงอาหารเมื่อก่อนฉันมักสั่งเดลิเวอรี่ไม่ก็ออกไปทานข้างนอกแต่ตอนนี้แม้แต่จะก้าวเท้าก็ยังขี้เกียจ ถ้าสั่งเดลิเวอรรี่สู้ทานอาหารถูกสุขอนามัยของโรงอาหารดีกว่า ดังนั้นก็เลยทานที่โรงอาหารพอเดินมาถึงโซนออฟฟิส ไม่รู้ใครเอาอาหารห่อขึ้นมาทาน พอฉันได้กลิ่นก็รู้สึกคลื่นไส้ เลยรีบไปอาเจียนที่ห้องน้ำสำรอกจนทุกอย่างในท้องออกมาจนเกลี้ยง อาเจียนจนปากขมไปหมด ฉันยันกำแพงเพื่อพยุงตัวเมื่อก่อนไม่เคยคิดว่าท้องแล้วจะเป็นเรื่องลำบากแต่พอนึกถึงชีวิตน้อยๆ ในท้อง นางก็รู้สึกพร้อมจะทนลำบาก"คุณอาเจียนอีกแล้วหรอ?"เดิมคิดว่าตอนนี้ คนคงไปทานข้าวกันหมดแล้ว แต่พอออกจากห้องน้ำ ก็เห็นฟู่จินอันยืนตรงอ่างล้างมือฉันรู้สึกใจหายทันทีถ้าเธอรู้ว่า
"แบบนั้นยิ่งไม่มีทาง"นอกเสียจาก เขารู้ความจริงการจากไปของแม่เขา บางทีเขาอาจปฏิบัติกับฟู่จินอันเปลี่ยนไปแต่กว่าเขาจะรู้ความจริง คงจะยากมากพอพูดถึงตรงนี้ ฉันก็ไม่เข้าใจทำไมท่านปู่ถึงไม่บอกฟู่ฉีชวน วันไหนกลับไปคฤหาสน์เก่าของตระกูลคงจะต้องถามตอนใกล้ทานอาหารเสร็จ ฉันก็ถามเข้าเรื่อง "ใช่ ไหลไหล เธอได้บัตรคอนเสิร์ตหรือยัง?"เจียงไหลมีเส้นสายในบริษัทมากกว่าฉันหลังเรื่องคอนเสิร์ตจัดการลงตัว ฉันก็ไหว้วานให้เธอช่วยหาบัตรให้เจียงไหลใช้นิ้วชี้เพดานและพูดแซะ "บัตรคอนเสิร์ตครั้งนี้ไม่รู้เกิดอะไรขึ้น มีแค่รองประธานเท่านั้นที่มี แต่ละคนได้แค่คนละใบ ไม่มีใครได้มากกว่านั้น""มีแค่รองประธานที่มีหรอ?""ใช่น่ะสิ ถ้าเธออยากได้จริงๆ ทำไมไม่อาศัยโอกาสตอนฟู่ฉีชวนกำลังสนใจเธอ ขอจากเขาสิ อยากได้กี่ใบเขาก็ให้""งั้นก็ช่างมันเถอะ"ฉันกับฟู่ฉีชวน ทางที่ดีควรเส้นแบ่งให้ชัดเจนแต่ว่า นี่ก็แค่ความคิดของฉันฝ่ายเดียวพอกลับมาถึงออฟฟิส ฟู่ฉีชวนก็โทรศัพท์มาหาฉันเดินไปคุยโทรศัพท์ตรงริมหน้าต่าง เสียงผู้ชายในสายน่าฟังมาก"คืนวันเสาร์ว่างรึเปล่า ไปดูคอนเสิร์ตกันไหม?""คุณมีบัตรหลายใบใช่ไหม?"ฉันคงต้องเป
ถูกหลอกให้ดื่มก็แค่พูดให้ดูดีที่จริงแล้วคือถูกวางยา เป็นยาอันตรายทำให้รู้สึกทรมานเจียนตายด้วยนิสัยเป็นคนตัดสินใจเด็ดขาดของฟู่ฉีชวนในด้านธุรกิจ พอพรุ่งนี้เขาฟื้นขึ้นมา อีกฝ่ายก็คงจะจบไม่สวยแต่ว่า ตอนนี้ไม่ใช่เวลากังวลเรื่องนั้นพอเห็นใบหน้าแดงก่ำผิดปกติของฟู่ฉีชวน ฉันก็กังวลว่าเขาจะไม่รอดคืนนี้ขณะตกที่นั่งลำบาก มือถือบนโซฟาก็ดังขึ้น พอเห็นว่าใครโทรมา ฉันก็เหมือนได้เจอทางสว่าง รีบรับโทรศัพท์ทันที"สุดที่รัก ฉันหาบัตรได้แล้ว เฮ่อถิงเขามีบัตร...""ไหลไหล!"ฉันขัดจังหวะเธอพูดในทันที "เธอรู้ไหมว่าหากทานยานั้นเข้าไปต้องทำยังไง?""ยานั้น?""ยาไหน?""ก็ยา ยาปลุกเซ็กส์ไง...."ฉันกัดฟันพูดอย่างลำบากเจียงไหลคงกำลังดื่มเหล้าและสำลักจนไอหลายครั้ง เธอรีบตอบ "แค่กๆ ทำไมจู่ๆ ถามแบบนี้ หรือว่าเธอ...แค่กๆๆๆ เธอ...""ไม่ใช่อย่างนั้น"ฉันนึกถึงชายบนโซฟาซึ่งร้อนไปทั้งตัว เลยไม่คิดอะไรมากและพูดไปตรงๆ "คือฟู่ฉีชวน""...เขาตอนนี้อยู่ไหน?""ห้องรับแขก""แล้วเธออยู่ไหน?""อยู่ในห้อง"ฉันถูกเธอถามจนจับต้นชนปลายไม่ถูก "เธอบอกฉันก่อนว่าต้องทำยังไง""รีบล็อคห้องของเธอ""เอ๋?""รีบไปล็อคสิ
แต่พวกเราอย่ากันแล้วฉันอยากผลักเขาออกไปแต่ไม่มีแรง จนฉันอยากร้องไห้ "อย่านะ ฟู่ฉีชวน อย่าทำฉัน!""อย่าร้องสิ...ไม่อยากได้จริงๆ หรอ?" ลูกกระเดือกขยับขณะกล่าว ดวงตาสองข้างแดงก่ำ เหลือบมองฉันอย่างลึกซึ้ง เห็นได้ฃัดว่าพยายามโน้มน้าว"อืม...""งั้นก็ได้"เขาหลับตาลง ตรงขมับปูดขึ้นมาชัดเจน เขาหายใจหอบแรง ทว่ากลับค่อยๆ คลายกอดออกฉันกำมือเบาๆ "งั้น คุณ...""หนานจือครับ"เขาจู่ๆ ก็ลืมตาขึ้นมา เขายังคงมีความใคร่ อีกทั้งยังมากยิ่งขึ้น เขาคว้าฉันเข้ามากอด ริบฝีปากไซร้ตรงข้างใบหู "ช่วยผม ได้ไหม?"อาจเพราะความคิดกระเจิดกระเจิง ฉันกลับเข้าใจว่าประโยคนั้นหมายความว่าขอให้ช่วยเหลือเขาฉันใจเต้นโครมคราม "ให้ช่วย ยังไงคะ?"พอฉันถามออกไป ชายคนนี้ก็คิดว่าฉันอนุญาต เขาโน้มตัวช้อนมือไว้ใต้เข่าอุ้มฉันขึ้นมาจู่ๆ ถูกอุ้มจนตัวลอย ฉันก็กอดคอเขาเหมือนเป็นสัญชาตญาณ กลายเป็นว่าอยู่ในท่าที่น่าอายมากเขาก้าวเพียงสองก้าวก็มาถึงโซฟาในห้องนอนนั่งลง ขาสองข้างคร่อมตรงเอวของเขาฉันรู้สึกร้อนมากจนต้องหดเท้ากลับเขาเหลือบลงมามองฉันอย่างกระหายพร้อมกับเสียงแหบพร่า "คุณทำกางเกงผมแฉะหมดแล้ว"ฉันอึ้งไปครู่หนึ่ง จ
เรื่องนี้ ฉันลืมไปเสียสนิทเลยไม่คิดว่าเขาจะยังจำได้ฉันใช้ผ้าขนหนูซับใบหน้า "ไม่ต้องหรอก ฉันไม่เป็นไร"เขาขมวดคิ้ว "เมื่อคืนคุณไม่สบายไม่ใช่หรอ?""..."ฉันคงบอกหมอไม่ได้ ทั้งๆ ที่หมอกำชับแล้วว่าช่วงท้องสามเดือนแรกห้ามมีอะไรกันเลยตอบบ่ายเบี่ยง "ตอนนี้หายดีแล้ว"เขาสงสัย "จริงเหรอ?"ถ้าไปหาหมอ ฉันต้องไปโรงพยาบาลเอกชนของตระกูลฟู่แน่นอน บริการด้วยช่องทางพิเศษไม่ต้องรอคิว รายงานผลตรวจก็ออกไวแต่ถ้าเป็นแบบนั้น ฉันก็จะไม่สามารถปกปิดเรื่องท้องได้ไม่ว่าไงฉันก็จะไม่ไปฉันหลบสายตาเขา "ไม่อยากไป ไม่ชอบไปโรงพยาบาล""หนานจือ"ฟู่ฉีชวนหรี่ตาลง "คุณไม่ได้ปิดบังอะไรผมใช่ไหม?""ตุบ!"เขาจู่ๆ ก็ถามขึ้นมา ฉันใจหายจนขวดครีมบำรุงผิวในมือหล่นกระทบพื้นกระเบื้องหิน ตกใจจนหัวใจเกือบหยุดเต้นท่าทางร้อนตัวเห็นชัดมากเขาเดินเข้ามาพยุงตัวฉัน ดวงสีดำราวกับมองทะลุทุกอย่าง "คุณมีเรื่องปิดบังผมจริงๆ สินะ?""ฟู่ฉีชวน..."เขาสงสัยพร้อมกับมุ่ยปาก "คุณ...ไม่สบายใช่ไหม?"ฉันถอนหายใจยาว "ใช่ ดังนั้นพวกเราควรรีบหย่า ต่างคนจะได้ไม่ต้องมาเสียเวลา""ไม่มีทาง!"เขาจู่ๆ ก็ขึ้นเสียงใส่ เขาสั่นจนยากจะสังเก
สายตาของเขาลึกล้ำ "เป็นเหตุผลอื่นไม่ได้รึไง?""อย่างเช่น?"ฉันไม่ปฏิเสธว่ากำลังหยั่งเชิงเขาเขาเม้มริมฝรปากเล็กน้อย "ผมแค่หวังให้คุณมีสุขภาพดี""...เหมือนกับอวยพรผู้ใหญ่คนแก่ในบ้านเลย"จู่ๆ ความคิดก้ผุดขึ้นมา ทันใดนั้น ฉันก็หัวเราะ "คุรเก็บเอาไว้อวยพรวันเกิดให้ท่านปู่เดือนหน้าเถอะ"หวังให้ฉันสุขภาพดีสู้หวังให้ครองรักกับฟู่จินอันตลอดไปดีกว่าไหม?พยาบาลมาเจาะเลือดให้ฉัน ตอนเช็ดฆ่าเชื้อที่แขน ฉันก็เผลอหดแขน จนเกร็งไปทั้งตัวกลัวกลัวมาตั้งแต่เด็กตอนป่วยสมัยเด็กพ่อจะกอดฉันไว้ แม่จะจับมือฉันอีกข้าง คอยปลอมฉันทั้งตอนฉีดยาหรือเจาะเลือดบางครั้งก็มีรางวัลให้ด้วยต่อมาช่วงสิบปีมานี้ สุขภาพแข็งแรง ไข้หวัดทั่วไปแค่อดทนก็หาย ส่วนไข้หวัดใหญ่ก็แค่ซื้อยามากิน น้อยครั้งจะต้องเจาะเลือดดังนั้นความกลัวตอนเจาะเลือด จึงไม่ลดลงไปแม้แต่น้อยแต่ว่า ต่อให้กลัวแค่ไหน ตอนนี้ฉันก็โตแล้ว พ่อแม่ก็ไม่อยู่แล้ว"ไม่ต้องกลัว"ทันใดนั้น มือใหญ่หยาบกร้านอันอบอุ่นก็จับมือฉันไว้อีกข้าง หัวแม่มือเขาลูบหลังมือฉันอย่างค่อยๆ พร้อมกับพูดปลอบ "ผมอยู่เป็นเพื่อน""คุณอยู่เป็นเพื่อน แต่คนเจ็บก็เป็นฉันอยู่ดี""
ขณะครุ่นคิด ก็นึกถึงครั้งสมัยก่อนตอนนั้นฉันกับฟู่ฉีชวนเพิ่งแต่งงานกันได้ครึ่งปี ประจำเดือนมาช้าไป 10 วัน ทุกครั้งเขาจะป้องกัน แต่ก็ยังแคลงใจว่าตัวเองท้องหรือเปล่าตอนซื้อชุดตรวจครรภ์ ฉันถึงขนาดอดคิดไม่ได้ว่าจะบอกเขาเรื่องตัวเองท้องยังไงตอนนี้ตั้งท้องขึ้นมาจริงๆ พอนึกถึงฟู่ฉีชวนซึ่งห่างแค่ประตูกั้นฉันกลับไม่มีอารมณ์ตื่นเต้นหรือดีใจมีแต่แค่ความกังวลหวาดกลัว รวมถึงความกระวนกระวายใจไม่รู้จะมีอะไรเกิดขึ้นผลลัพธ์เลวร้ายที่สุด คือต้องเสียเด็กคนนี้ไปพอนึกถึงตรงนี้ ฉันก็รู้เย็บวาบที่หลังระยะเวลาสั้นๆ แค่ 2 ปี ไม่มีอะไรเหมือนเดิม ไม่มีใครไม่เปลี่ยนไป เหมือนข้ามยุคผ่านกาลเวลาสมัยขาสองข้างของฉันเหมือนหลอมด้วยตะกั่ว เดินมาถึงประตูด้วยอารมณ์ซับซ้อน ทว่าข้างนอกกลับไม่มีแม้แต่เงาของฟู่ฉีชวนเขาไปไหน?เหลือเพียงกระเป๋าสะพายของฉัน ถูกทิ้งไว้ตรงเก้าอี้เหล็กหน้าประตูใบเดียวเขา...ไปแล้ว?ฉันควานหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋า ข้อความไลน์ปรากฎบนหน้าจอ"ผมบังเอิญมีธุระด่วน รายงานผลตรวจออกแล้ว ฉินเจ๋อจะเอาไปให้ผมที่บ้านเอง ผมคืนนี้กลับดึกหน่อย เป็นเด็กดีรอผมอยู่บ้านล่ะ"……ฉันถอนหายใจโล่งอก เดิ
เพื่อลูกและเพื่อตัวเองเจียงไหลหยุดโน้มน้าวฉัน เธอแค่ถาม "คิดถึงผลลัพธ์ที่ตามมาแล้วใช่ไหม?""อืม ฉันคิดแล้ว"หากสถานการณ์อยู่นอกเหนือการคาดเดา ฉันจะหายตัวไปอย่างสมบูรณ์เพื่อตัดความเป็นไปได้ที่อาจจะเสียลูกไปพอตัดสินใจได้แล้ว ฉันก็ไม่มีกะใจจะกลับบ้านไปทำกับข้าว หาบะหมี่เนื้อตรงร้านเล็กๆ ใต้คอนโดทาน แล้วค่อยกลับห้องซุกตัวอยู่บนโซฟาขณะรอฟู่ฉีชวนกลับบ้านก็ถือสมุดโน๊ตเล่มหนึ่งเขียนงานรอจนกระทั่งถึงบ่าย ตรงประตูยังคงไร้วี่แววการเคลื่อนไหวฉันทนรอไม่ไหวเลยส่งข้อความไปหาฟู่ฉีชวน "ใกล้กลับมารึยัง?"รอมาตั้งครึ่งวัน แต่ไม่ได้ข้อความตอบกลับเลยเรื่องด่วนอะไรขนาดนั้น ในสายก็ไม่เห็นเจียงไหลบอกว่าบริษัทมีธุระอะไรฤดูใบไม้ร่วงกลางวันสั้นกลางคืนยาว ประมาน 5 โมงอาทิตย์ก็เริ่มตกแล้วแสงอาทิตย์ตกสีส้มเข้มส่องเข้ามา ลมฤดูใบไม้ร่วงนอกหน้าต่างเย็นเฉียบ ในใจฉันจู่ๆ ก็เหงาอ้างว้างขึ้นมา การกระทำเร็วกว่าความคิดกว่าจะรู้สึกตัว ฉันก็หยิบมือถือขึ้นมาแล้วฉันเกลียดการรอคอยแบบนี้ รู้สึกเหมือนถูกปล่อยลอยเคว้งกลางอากาศขณะกำลังจะโทรหาฟู่ฉีชวน ฉินเจ๋อก็โทรมาพอดีพร้อมกล่าวอย่างละอายใจ "นายหญิง ขอโท
พอฟังจบ ฉันก็รู้สึกถูกอกถูกใจ ทว่าไม่นานฉันก็เข้าใจเหตุผลเจียงไหลขมวดคิ้วแน่น มองมาที่ฉันอย่างไม่เข้าใจและพูดเสียงเบา "ฟู่ฉีชวนจู่ๆ ก็เป็นคนละคนเลย?""ไม่ใช่หรอก"ฉันมองฟู่จินอันถูกบอดี้การ์ดลากตัวไปและเม้มปากเบาๆ "เขาก้แค่ได้รับการกระทบกระเทือนจิตใจ เลยแค่อยากชดเชย"ก่อนท่านปู่จะจากไป เขาในฐานะหลากรักของท่านปู่กลับไม่ได้อยู่ข้างกาย อีกทั้งยังทำให้ท่านปู่โมโหวันเดียวกันกับที่ท่านปู่เสียเขาจะไม่รู้สึกผิด ไม่เสียใจ ไม่โทษตัวเองได้ไงเพื่อแสดงให้เห็นในตอนสุดท้าย เขาเลือกจะฟังท่านปู่ ให้ฉันเป็นนายหญิงตระกูลฟู่ตลอดไปส่วนสำหรับฉัน ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกันเลยหลังจากพิธีศพของท่านปู่ ฉันกลับไปยังคฤหาสน์หลังเก่า ช่วยลุงเฉิงจัดเก็บข้าวของของท่านปู่คนรับใช้จัดเก็บให้แล้ว ส่วนที่เหลือจะเป็นพวกเสื้อที่มักใส่ประจำของท่านปู่เสื้อผ้าแต่ละตัวที่ฉันหยิบมา ทำให้รู้สึกเหมือนท่านปู่ไม่ได้ไปไหนขณะฉันเก็บข้าวของ ฉันก็ครุ่นคิดและพูดออกมา "ลุงเฉิง คุณมั่นใจไหมว่าสองวันก่อนในกระเป๋าเสื้อของท่านปู่มียาใส่ไว้จริงๆ?""มีแน่นอนครับ คุณสั่งกับผมเอาไว้ โดยเฉพาะตอนอากาศเปลี่ยน ต้องเตรียมยาไว้ให้คุณท่า
เขากลัวว่าฉันจะแจ้งความอีก เขาเลยไม่ไปบริษัท เลยประชุมออนไลน์ที่ห้องหนังสือแทนฉันถูกเขาเฝ้าเหมือนกับตัวเองนั่งอยู่บนพรมเข็ม ฉันนั่งเหม่อลอยอยู่ในบ้าน……วันต่อมา เป็นงานพิธีศพของท่านปู่ บรรยากาศอึมครึมโศกเศร้าฝนตกลงมาโปรยปราย หอบลมหนาวพัดผ่านลึกถึงใจกลางทรวงส่วนฉันก็ต้องออกจากคฤหาสน์หลังเก่านี้ไปงานกับฟู่ฉีชวน ถูกเขาลากอย่างกับเป็นหุ่นเชิดให้คอยรับแขกภายในงานศพเขาสองวันนี้อารมณ์หงุดหงิดมาก ถึงจะบอกว่านิสัยเปลี่ยนไป แต่เหมือนเผยธาตุแท้ออกมามากกว่าฉันขัดขืนไม่ได้เลยเมื่อคืนฉันพูดกับเขาอีกครั้ง ก่อนท่านปู่จากไปไม่ได้ขอร้องว่าห้ามพวกเราหย่า ก็แค่ห้ามไม่ให้ฟู่จินอันแต่งเข้ามาในตระกูลฟู่เขาไม่เชื่อบอกว่าฉันโกหกส่วนฉันเหนื่อยมาก ไม่มีอารมณ์มาเถียงกับเขาตอนพิธีศพเริ่มขึ้น ฉันสวมเสื้อโค๊ทสีดำ ยืนเงียบๆ อยู่ข้างๆ ฟังบทสวดให้ท่านปู่ไปสู่สุขติเขาอายุ 80 ปี บทสรุปสุดท้ายของชีวิตกลับแสนง่ายดายสองวันก่อนเขายังยิ้มให้กับฉันอยู่เลย ตอนนี้กลับกลายเป็นเพียงแค่ธุลี"คุณปู่!"ฟู่จินอันจู่ๆ ก็โผล่เข้ามาในงาน สีหน้าเศร้าสร้อยคุกเข่าตรงหน้าป้ายศพ "คุณปู่...ทำไมท่านถึงจากไปกระทันหัน
วันต่อมา ฉันถูกคนใช้ขวางเอาไว้ตรงหน้าประตูคฤหาสน์หลังเก่า ไม่ให้ฉันออกไปแม้แต่ก้าว ฉันเข้าใจแล้วเมื่อคืน ที่แท้แค่แจ้งให้ฉันทราบฉันรู้ว่านี่คือความคิดของฟู่ฉีชวน ไม่เกี่ยวอะไรกับคนใช้ ฉันเลยได้แต่ถาม "ฟู่ฉีชวนล่ะ?""นายน้อยออกไปตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่างเลยค่ะ""ลุงเฉิงกลับมาแล้วหรือยัง?""ยังเจ้าค่ะ ลุงเฉิงกำลังยุ่งกับพิธีศพของคุณท่าน""..."ฉันกล่าวน้ำเสียงเรียบๆ "แล้วถ้าหาก ฉันต้องออกไปข้างนอกตอนนี้ล่ะ?""นายหญิง ท่านออกไปไม่ได้"คนใช้ชี้ออกไปด้านนอกหน้าต่าง บอดี้การ์ดยืนกันอยู่หลายคนฉันอดตกใจไม่ได้สามปีมานี้ นิสัยโกหกของฟู่ฉีชวนยังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนจริงๆบอกกับฉันว่าอยู่ที่นี่แค่คืนเดียว ตอนนี้กลับไม่ให้ฉันออกจากบ้านด้วยซ้ำฉันมีความคิดหนึ่งผุดขึ้นมา เขาอาจไม่ได้ใจดีเหมือนตอนนั้นที่ส่งฉันไปโรงพยาบาล เขาตอนนั้นระวังดูแลความนับถือในตัวเองของฉัน พยายามคิดหาวิธีเชิญฉันไปทานอาหารระยะแปดปี เพียงพอจะเปลี่ยนให้คนจากอีกคนเป็นอีกคนได้เลยหรอ?ตอนเช้า มือถือมีข้อความไลน์ส่งมามากมาย พวกเขาคงรู้เรื่องการจากไปของท่านปู่ เลยมาปลอบใจฉันเจียงไหล ลู่สือเยี่ยน ทั้งสองคนแตกต่างกันอ
ฉันคิดถึงสิ่งที่ท่านปู่บอกซ้ำไปซ้ำมาก่อนหน้านี้ท่านปู่ไม่ยอมรับให้ฟู่ฉีชวนและฟู่จินอันอยู่ด้วยกัน รู้แค่ว่านางดูเป็นคนซับซ้อน แต่วันนี้...แตกต่างอย่างสิ้นเชิงฟู่จินอันพูดอะไรกับท่านปู่ขณะรถค่อยๆ เคลื่อนตัวเข้าไปยังคฤหาสน์หลังเก่า ฉันเปิดประตูลงจากรถเพื่อจะเดิน ฟู่ฉีชวนรีบวิ่งตามฉันมาและคว้าฉันเข้าไปกอดฉันนิ่งไม่ขยับ ศีรษะของเขาซุกเข้ามาตรงไหล่ฉันพร้อมกับกล่าวขอร้อง "หนานจือ อยุ่กับผมคืนนึงได้ไหม""แค่คืนเดียว""ผมขอร้อง"พอได้ฟัง ประวัติผู้ป่วยในแฟ้มสีเหลืองตอนอยู่ในห้องหนังสือเมื่อตอนกลางวันก้ปรากฎขึ้นในหัวฉัน จนฉันรู้สึกเห็นใจ "ได้"บรรยากาศในคฤหาสน์หลังเก่าหนักอึ้งขึ้นอย่างมาก แต่ท่านปู่ไม่อยู่ คฤหาสน์ทั้งหลังกลับดูว่างเปล่าขึ้นมาพอมาถึงห้องนอน ฉันก็ไปอาบน้ำร้อน พอออกมาก้ไม่เห็นฟู่ฉีชวนแล้วจนฉันนอนหลับจนถึงกลางดึก ด้านหลังก็ค่อยๆ มีคนขยับเข้ามาใกล้ ฉันไม่ต้องพลิกตัวก็รู้ว่าเป็นใครไม่รู้ว่าทำไม ท่าทางของฟู่ฉีชวนทุกอย่างในคืนนี้ ฉันกลับรู้สึกได้ถึงความเสียใจ"คุณหลับหรือยัง?"หน้าผากของเขาแนบกับหัวของฉัน พร้อมกับถามอย่างเแผ่วเบาฉันไม่ตอบ และก็ไม่ได้ขยับ ไม่นานนัก
เดิมคิดว่า ท่านคงอยากจะบอกให้ฉันอย่าหย่ากับฟู่ฉีชวนแต่ว่า ท่านปู่ไม่ได้พูดแบบนั้นฉันสัมผัสได้อย่างชัดเจน ว่าชีวิตของท่านปู่ค่อยๆ ริบหรี่ น้ำเสียงอ่อนแรงอย่างที่สุด "ไม่ว่า...ยังไง...ก็อย่าให้ฟู่จินอันแต่งเข้าตระกูลของเรา ปกป้องตระกูลฟู่แทนปู่ด้วย""ค่ะ ท่านปู่..."ฉันใกล้จะทนรับไม่ไหวแล้ว ฉันทั้งร้องไห้และพยักหน้าไม่หยุด "ท่านปู่ ฟู่จินอันพูดอะไรกับท่านใช่ไหม ไม่งั้นอาการท่านคงไม่กำเริบแบบนี้...""นาง..."แววตาของท่านสะท้อนความเกลียดแค้นและโทสะ จนสุดท้ายท่านก็ถอนหายใจ "หนูจำคำพูดของปู่เอาไว้ให้ดีก็พอ""ค่ะ...หรวนหร่วนจะจำเอาไว้ หนูจะจดจำเอาไว้ทุกคำ"ฉันพูดสะอึกสะอื้น ไม่กล้าถามอีกแม้แต่คำเดียว กลัวว่าท่านปู่จะโมโหอีกทว่าในใจกลับได้ฝังเมล็ดความสงสัยเอาไว้ฟู่จินอันจะต้องพูดอะไรกับท่านปู่แน่นอน"ยัยหนู อย่าเสียใจเลย ดูแลลูกในท้องของหนูให้ดีๆ"ท่านปู่พยายามใช้ลมหายใจเฮือกสุดท้าย หันมองและยิ้มให้กับฉัน "เท่านี้ ปู่ก็จะได้ตายตาหลับสักที....""ตี๊ด——"เครื่องตรวจชีพจรส่งเสียงแหลมดังยาว!ฉันมองท่านปู่หลับตาสนิททั้งสองข้างพร้อมกับรอยยิ้มตรงมุมปาก ทันใดนั้นทุกอย่างพังทลายลงมาใ
"ไม่ต้อง..."ฟู่จินอันดึงแขนเสื้อของเขา "ฉันอยากให้คุณอยู่เป็นเพื่อนฉัน ครู่เดียวก็พอแล้ว ได้ไหม? ถ้าไม่ได้ งั้นก็ปล่อยให้ฉันทนเจ็บจนตายเถอะ!""งั้นก็ทนเจ็บจะตายไปเลย"ฟู่ฉีชวนสีหน้าเย็นชา แม้เขาจะพูดแบบนั้น แต่ก็ยังรินน้ำอุ่นให้กับเธอพร้อมกับพูดห้วนๆ "ดื่มน้ำอุ่นมากๆ"ฟู่จินอันไม่พอใจ "น้ำอุ่นไม่ได้ช่วยให้หายปวด"ฉันถูกเขากระแทกตัวเซ อีกนิดก้เกือบจะล้ม พอเงยหน้าขึ้นก็เห็พวกเขาทำเหมือนเป็นปกติอีกคนเสแสร้ง อีกคนก็พร้อมเชื่อหลังจากท่านปู่ส่งตัวเข้า ICU หมอไม่แนะนำให้เข้าเยี่ยม เพื่อจะพิจารณาสุขภาพของคุณท่านพวกเราเลยได้แต่ยืนอยู่หน้าประตู มองเข้าไปด้านในโดยมีเพียงแค่กระจกกั้นท่านปู่ซึ่งมักเมตตาและอัธยาศัยดี ตอนนี้กลับต้องพึ่งหน้ากากออกซิเจนหายใจ ฉันเสียใจอยากมากเกินกว่าจะบรรยาทันใดนั้น ฉันก็เห็นท่านปู่เหมือนขยับนิ้วมือฉันดีใจจนหันไปหาลุงเฉิง "ลุงเฉิง ท่านปู่ขยับนิ้วใช่ไหม?""ใช่ ใช่ครับ! คุณไม่ได้ตาฝาด ตอนนี้กำลังขยับนิ้ว"ลุงเฉิงตื่นเต้นมากเดิมทีไม่รู้ว่าท่านปู่จะฟื้นขึ้นมาเมื่อไหร่ ไม่คาดคิดว่าจะฟื้นได้สติเร็วขนาดนี้ฉันทั้งตื่นเต้นและดีใจ รีบร้อนรีบออกไปตามหมอ ก้า
"ผิดปกติ..."ฉันรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติฟู่ฉีชวนถามต่อ "ตรงไหนผิดปกติ?"ฉันครุ่นคิดอย่างสงสัย "ท่านปู่ปกติตอนอาการกำเริบจะต้องทานยาทันที ปกติอาการจะทุเลาลง ทำไมครั้งนี้ถึงหมดสติไปเลย?""ใช่ครับ แต่ก่อนคุณท่านตอนมาตรวจสุขภาพ ผมสังเกตเห็นกระเป๋าเสื้อคุณท่านจะเตรียมยาไว้ตลอด แต่สถานการณ์วันนี้ หากท่านทานยาได้ทันเวลา อาการคงไม่สาหัส" ผอ.กล่าวฉันเหลือบมองฟู่ฉีชวน "ฟู่จินอันล่ะ?""เธอพักอยู่ในห้องผู้ป่วย"ฟู่ฉีชวนสีหน้าเคร่งขรึมหลังจากตอบ จากนั้นก็กล่าวอย่างมั่นใจ "คุณสงสัยเธอหรอ? เป็นไปไม่ได้หรอก แม้นิสัยเธอจะเป็นคนเอาแต่ใจ แต่เธอก็เป็นคนจิตใจดี อีกอย่างเธอก็เชื่อฟังคุณปู่ตลอดเมื่ออยู่ต่อหน้า"พอฉันฟังจบ ฉันกลับรู้สึกโมโหอย่างควบคุมไม่ได้เป็นครั้งแรกคนจิตใจดี คงไม่พยายามมาตอแยแย่งผัวชาวบ้านหรอกแต่ว่าคงไม่มีใครไปปลุกฟู่จินอันที่แกล้งหลับหรอก ตรงจุดนี้ฉันเข้าใจดีขี้เกียจจะไปเถียงอะไรกับเขา ฉันหันไปหาผอ. "เสื้อผ้าตอนท่านปู่มาถึงโรงพยาบาลยังอยู่ไหมคะ? รบกวนช่วยดูให้ฉันทีว่ากระเป๋าเสื้อมียารึเปล่า""ได้ครับ"ผอ.รีบสั่งให้แพทย์ด้านหลังไปตรวจดูเสื้อผ้าผานไปอึดใจหมอก็เดินกลับม
"แล้วฟู่จินอันล่ะ?"ฉันปัดมือเขาออกพร้อมกับสะอึกสะอื้นถามท่านปู่หมดสติตอนอยู่กับฟู่จินอัน ฟู่จินอันทำไมถึงไม่อยู่นี่?พอฉันถาม เสียงรองเท้าส้นสูงก็ดังขึ้นตรงทางเดิน ดูกระวนกระวายชัดเจน ฟู่จินอันวิ่งพรวดเข้ามา ทำท่าตกใจ "อาชวน ท่านปู่ไม่เป็นอะไรใช่ไหม? ฉันขอโทษ ตรงนั้นฉันเรียกรถไม่ได้เลย ฉันเลยมาช้า..."ฉันพูดขัดในทันที "ท่านปู่ทำไมถึงหมดสติ?"ฟู่จินอันเผยสีหน้าวิตกกังวลจากนั้นก็พูด "ฉัน ฉันเองก็ไม่รู้ จู่ๆ ท่านปู่ก็หายใจหอบขึ้นมาแล้วก็หมดสติไป""จู่ๆ ก็เป็นแบบนี้เลยหรอ? เธอไม่ได้พูดอะไร ไม่ได้ทำอะไรเลยงั้นหรอ?" ฉันไม่เชื่อนางสองปีมานี้ ท่านปู่ดูแลสุขภาพตัวเองดีมาก ตรวจสุขภาพตรงตตามนัดขนาดตอนเขาลงมือทำร้ายฟู่ฉีชวนก็ยังไม่เป็นอะไรเลย ยิ่งไม่มีทางจะล้มป่วยอย่างไม่มีสาเหตุ"เธอหมายความว่าไง? หนานจือ หรือว่าเธอสงสัยว่าฉันทำให้ท่านปู่โมโหจนล้มป่วยงั้นเหรอ?"ฟู่จินอันสีหน้าสับสน ทันใดนั้นเธอก็กุมท้อง หันไปมองฟู่ฉีชวนอย่างเจ็บปวด "อาชวน ฉันเจ็บท้อง..."ฟู่ฉีชวนสีหน้าสงสัย "เจ็บท้อง?""อืม!"พอเห็นฟู่จินอันตอบกลับเขาอย่างมั่นใจ เขาก็รีบอุ้มนางขึ้นมาและรีบเดินออกไป "หมอครับ! เธอต
ท่านปู่มองได้เฉียบขาด ฉันก็ไม่ลังเลอีกต่อไปและพยักหน้า "ใช่ค่ะ"ท่านปู่ยกมือขึ้นมา เป็นสัญญาณบอกให้ลุงเฉิงอาของบางอย่างเข้ามา มันเป็นแฟ้มประวัติผู้ป่วยสีเหลืองฉันรับเอามาอ่านดู หัวใจก็เหมือนถูกมือล่องหนข้างหนึ่งบีบรัดเอาไว้ฟู่ฉีชวนตอนเด็กไปพบแพทย์โรคหัวใจหลายครั้ง...ฉันเงยหน้าขึ้นมองอย่างช้าๆ ราวกลับไม่เชื่อเรื่องนี้เขาผู้เป็นเหมือนลูกคนโปรด กลับกลายเป็นผู้ป่วยประจำของแผนกโรคหัวใจผ่านไปนานกว่าฉันจะขมวดความคิดของตนเองได้จนฉันเผลอกัดริมฝีปาก "เขา เข้าทำไมถึง..."พอลองคิดอีกด้าน ก็รู้สึกว่ามีเค้าลางเสียแม่มาตั้งแต่เกิด พ่อเขาเองทำให้ครอบครัววุ่นวายจนบ้านแตกเพราะผู้หญิงอื่นแค่คนเดียว อีกทั้งยังเอาแต่รักลูกต่างแม่เขาจะมีปัญหาสภาพจิตใจก็เป็นเรื่องปกติ"หลายปีมานี้ ปู่ก็เคยคิดว่าควรจะบอกเขาดีไหม"ท่านปู่ถอนหายใจ แววตาของคนผ่านโลกมานานก็ดูเฉียบคมขึ้นมาทันที "ทว่ายังไงก็ต้องมีสักวันที่เขาจะต้องรู้ ปิดบังเขาไม่ได้ตลอดชีวิตหรอก"……ฉันออกมาจากบ้านตระกูลฟู่ด้วยอารมณ์ซับซ้อน บนถนนขณะกลับบ้าน ตาข้างขวาก็กระตุกไม่หยุดปกติฉันไม่เชื่อเรื่องโชคลางพวกนี้ ทว่าวันนี้ฉันรู้สึกอึดอั