อาจารย์ผู้เฒ่าเมื่อครบสามวันที่ตัวเขานำบุรุษที่ตนวิเคราะห์แล้วว่าเป็นผู้สืบทอดดวงชะตานั้นมาอยู่ในหอคอยแห่งชะตานี้ ก็รับรู้ว่าอีกไม่กี่วันเขาก็จะฟื้นแล้ว แต่ดวงของเขานั้นต้องไปทำภารกิจหนึ่งก่อนที่จะมาควบคุมหอคอยแห่งชะตานี้ ท่านผู้เฒ่าได้แต่ถอดถอนหายใจ"เป็นไงเป็นกันถึงแม้นว่าเขาต้องไปทำภารกิจแต่เราต้องจัดการถ่ายทอดผู้สืบทอดดวงชะตาให้กับเขาเสียก่อน ที่เขาจะจากหอคอยชะตานี้ได้ ต้องเร่งให้เขาได้เรียนรู้เร็วๆก่อนที่จะไม่มีโอกาส"ผู้เฒ่าได้แต่ขบคิดว่าต้องบังคับคุณผู้นี้จนได้ ไม่นานจดหมายนกกะเหรี่ยงตัวหนึ่งก็บินพุ่งมาหาท่านผู้เฒ่าเมื่อเขาเพ่งจิตมองก็รู้ว่าเป็นหนึ่งในลูกศิษย์ของเขาที่ส่งมา ในเนื้อความจดหมายของนกกระเรียนนั้นมีลูกศิษย์ผู้หนึ่งต้องการที่จะกำจัดบุรุษผู้ที่นอนอยู่เรือนพยาบาล ใช่ว่าเขาจะไม่รู้เสียเมื่อไหร่กัน แต่ดวงของคุณผู้นั้นไม่ได้ถึงขั้นที่จะเดือดร้อนถึงเพียงนั้น เขาจึงไม่เอ่ยอะไรออกไปมากกว่า เขาจะใช้โอกาสที่ศิษย์ผู้นั้นลงมือแล้วเข้าไปช่วยในยามที่เขาตื่นเขาจะได้รู้ว่าตนช่วยเหลือชีวิตเขาไว้ แล้วเขาจะได้ควบคุมบุรุษผู้นี้ง่ายขึ้นอีก ตอนนี้เขาเร่งอยู่กับเรื่องที่จะเร่งสอนบุรุษผู้ที
ณ หอคอยที่สูงแห่งหนึ่งบนนครเมือง ชายชราผู้หนึ่งยืนมองไปรอบๆดวงชะตานี้ ข้าไม่อาจที่จะต่อต้านกับชะตากรรมที่ผ่านผ่านมาได้แล้ว ดวงชะตาของเขากำลังจะหมดลงแล้ว แต่ตอนนี้ยังไม่มีผู้ใดมาสืบทอดเลย เขาพยายามอยู่ต่อจนถึงทุกวันนี้เพื่อรอรับผู้ที่มาสืบทอด ผู้สืบทอดของเขาไม่เคยปรากฏอยู่ในมิติแห่งนั้นเลยจึงทำให้เขาไม่สามารถคำนวณสถานการณ์ได้ว่าผู้สืบทอดจะมาจุติอีกเมื่อใด เขามองซ้ายมองขวาได้อยู่เฉยๆก็รู้สึกว่าโลกกำลังหมุนรอบตัวเขา มีดาวดวงหนึ่งตกลงมาจากฟากฟ้า ตกลงมายังเบื้องล่าง เขามองดาวดวงนั้นตกลงไปบนพื้นสนามใต้หอคอยที่เขายืนอยู่ แต่ดวงดาวดวงนั้นไม่ได้ทำให้พื้นสนามเกิดการเปลี่ยนแปลงใดๆ เหมือนดาวดวงนั้นลงมาสู่พื้นแล้วก็ดับไปชายชราผู้นั้นจึงดูแปลกใจเล็กน้อย แต่เขาก็ค้านที่จะใส่ใจ เพราะเขารู้ชะตากรรมของเขาใกล้จะจบสิ้นแล้ว เขาจึงเดินเข้าไปในหอชะตาเช่นเดิม เขานั่งลงไปยังตำแหน่งเดิมของเขา เพื่อจะนั่งวิปัสสนาเช่นเดิม เขาอายุมากแล้วทำสิ่งใดมากไม่ได้แล้ว และคนรุ่นหลังก็ไม่มีท่าทีที่จะสืบทอดเจตนารมณ์ของเขาได้เลย เนื่องจากดวงชะตาไม่ได้เอื้ออำนวยในการเป็นผู้สืบทอดชะตาคนต่อไป แต่แล้วดวงตาเขาก็มองเห็นลูกแก้วทำนายจ
ทางด้านซิงอีเมื่อเข้ามาสู่มิติเชื่อมจิตรแล้วร่างของนางก็พุ่งไปยังป่าสมุนไพร ซึ่งชายชราผู้หนึ่งกำลังเก็บสมุนไพรอยู่เห็นเหตุการณ์ที่นางกำลังพุ่งเข้ามา ชายชราไม่รอช้าใช้วรยุทธรับตัวหญิงสาวไว้ครั้นกระนั้นหญิงสาวก็ยังสลบไสลนานถึงเจ็ดวัน ชายชราผู้นั้นพาร่างของหญิงสาวไปยังสำนักของเขาซึ่งสำนักของเขานั้นเป็นเพียงกระท่อมหลังเล็กเท่านั้นกระท่อมหลังนี้อยู่หลังม่านของสายหมอก เมื่อตรวจดูอาการก็พบว่านางได้บาดเจ็บภายในอย่างแสนสาหัส ชายชราได้ต้นสมุนไพรหลายๆตัวผสมผสานกันจนในที่สุดก็ปรุงออกมาได้สำเร็จ เขาป้อนให้หญิงสาววันละสามครั้งจนครบเจ็ดวัน สตรีนางนั้นก็ฟื้นขึ้นมา"ข้าอยู่ที่ใดกันทำไมที่แห่งนี้ข้าไม่เคยเห็นมาก่อนไม่รู้สึกเลยว่าคุ้นเคย"ซิงอีได้แต่คิดในใจ พลางก้มมองตัวเองก็เห็นเสื้อผ้าของตัวเองที่ขาดและเป็นเสื้อผ้าชุดเดิมที่นางนั้นหลุดมาจากมิตินิมิตร"อ้าวแม่สาวน้อยตื่นแล้วหรือ เจ้านอนสลบไปตั้ง เจ็ดวันเจ็ดคืน เสื้อผ้าข้าก็ไม่ได้เปลี่ยนให้เจ้าเพราะข้าเป็นบุรุษเพียงผู้เดียวที่อยู่ที่นี้ จะเปลี่ยนให้เจ้าได้อย่างไรเดี๋ยวข้าไปหาเสื้อผ้าของลูกศิษย์ข้ามาให้ น่าจะใส่ด้วยกันได้"ชายชราพูดขึ้นและเดินไปหยิบชุดส
จางซินจับมือพี่ชายตัวเองเดินออกจากเรือนรับลองของท่านนักพรต "พี่หยงข้ายินดีกับท่านจริงๆนะ หากนักพรตผู้นั้นทำนายแม้นจริงๆ ท่านก็จะได้เป็นผู้นำตระกูลจาง ท่านแม่ข้าจะได้เดินทางไปกับพี่จางหยงใช่หรือไม่"จางซินที่ดีใจกับพี่ชายถามกับมารดาว่าตนจะได้เดินทางไปตระกูลจางกับพี่ชายหรือไม่"แน่นอนสิเจ้าจะได้ไปตระกูลจางกับพี่ชาย เพราะเจ้าคือคนสำคัญของพี่ชายของเจ้าไง ข้าต้องส่งเจ้าไปพร้อมกับพี่ชายอยู่แล้ว งั้นเจ้าสองคนพี่น้องคุยกันก่อนแล้วกันข้าจะไปปรึกษาท่านพ่อของเจ้าสักประเดี๋ยว"ซูหนี่กล่าวขึ้นและเดินหายไปทันที"ท่านแม่รอข้าก่อน"จางซินร้องตามมารดาไม่ทัน เพราะเขาไม่อยากให้มารดาอยู่ตามลำพัง เพราะกลัวว่าจะไปหาท่านนักพรตและสอบถามเรื่องอื่นๆกลัวว่าความจะแตก"เหมือนท่านแม่จะไปปรึกษาหวังจิ้งจิงๆ เจ้าไม่ต้องกังวลหรอกข้าฟังน้ำเสียงของท่านแม่แล้วเหมือนท่านแม่จะให้เราสองคนแต่งงานกันอย่างไรอย่างนั้น ตอนนี้ท่านแม่ก็คงจะคิดว่าสตรีตระกูลจางก็เหลือเพียงเจ้าผู้เดียวเพราะฉะนั้นเจ้าก็ต้องได้ติดตามข้าไปอยู่ดี แต่แบบนี้ก็ดีแล้วแหละ ข้าว่าทุกคนที่ร่วมมากับเราก็คงจะออกตามหาตระกูลจางทันทีเมื่อมาถึงมิติเชื่อมจิตรนี้ พอเจ
เมื่อจางหยงถูกลากตัวกลับมายังห้องที่ตัวเองนอนแล้ว ในใจเขาภาวนาให้จางซินช่วยเขา ให้นางรับรู้ว่าเขาต้องการสิ่งใดแล้วซ่อนมันในมิติติดกายด้วย ผู้ที่เป็นบิดานั้นก็ทำการตรวจค้นเขาโดยการแก้ผ้าของเขา เขาไม่ขัดขืนใดๆแต่เขาก็ถามผู้เป็นบิดาว่า"ท่านพ่อข้าทำสิ่งใดผิดหรือขอรับ"จางหยงถามขึ้นเมื่อผู้เป็นบิดาได้ยินว่าท่านพ่อจิตใจของเขาก็อ่อนไหว"เจ้าไม่ได้ผิดอะไรหรอกพอดีว่าท่านแม่เจ้าไปพบนักพรตผู้นั้น เขาได้แจ้งกับท่านแม่เจ้า ว่าเจ้านั้นกำลังจะหักหลังพวกเราและส่งจดหมายให้น้องสาวเจ้า ข้าจึงส่งทหารไปเพื่อตรวจสอบเพียงเท่านั้นหากเจ้าไม่ได้ทำ พ่อก็ไม่ได้ว่าอะไรพ่อก็ขอโทษด้วยที่ลงมือกับพวกเจ้าโดยพละการ"หวังจิ้งกล่าวขึ้น เมื่อเขาค้นไม่พบจดหมายนั้นเขาจึงยอมขอโทษบุตรเพื่อที่จะรักษาน้ำใจบุตรไปด้วย"เพียงเพราะคนอื่นพูดท่านพ่อก็เชื่อเขาแล้ว อาจจะเป็นเพราะลูกไม่ได้อยู่กับท่านพ่อกับท่านแม่เป็นเวลาหลายปี จึงทำให้ผู้อื่นมีอิทธิพลต่อท่านพ่อกับท่านแม่ แล้วทำไมท่านพ่อไม่ให้คนตรวจข้นในห้องของลูกด้วยล่ะ ว่าในห้องนี้มีหมึกมีกระดาษหรือไม่ รวมไปถึงเศษผ้าต่างๆที่ใช้ในการเขียนจดหมายได้ด้วย ท่านพ่อน่าจะตรวจค้นจุดนั้นด้วยนะขอ
หลังจากที่จางหยงพักผ่อนได้วันสองวันจึงตัดสินใจที่จะไปหาจางซิน เพื่อที่จะปรึกษานางแต่เขาก็รู้ว่าทำสิ่งใดไม่ได้ หากเขาไปพูดอยู่ในคุกนั้นผู้อื่นต้องนำคำของพวกเขาไปรายงานเป็นแน่ แต่เขาก็ต้องการที่จะไปพบนางและเกลี่ยกล่อมนางอยู่ดี หลังจากที่เขาฟื้นวันแรกผู้ที่มารดาเขาบอกว่าเป็นบิดาของเขาก็มาเยี่ยมแต่เขาก็เลือกที่จะนอนหลับ เพื่อที่จะไม่ต้องคุยกับคนผู้นั้น ตอนนี้เขาต้องพยายามที่จะเรียกบุคคลผู้นั้นว่าเป็นบิดาซึ่งมันฝืนใจเขาเสียเหลือเกิน แต่ถ้าเขาช่วยให้ตะกูลจางไม่ล่มสลายและคนตระกูลหวังไม่ไปเบียดเบียนตะกูลจาง เขาจึงจำใจต้องทำ "ท่านพ่อท่านแม่ข้าอยากจะไปหาซินเออร์เสียหน่อย ข้ากับนางสนิทกันท่านก็รู้ ข้าจะไปเกลี้ยกล่อมนางเอง"จางหยงกล่าวขึ้นเม้นในใจจะคล้านคำพูดของตัวเองก็ตาม"อาหยงตามใจเจ้าเถอะเจ้าไปหาน้องได้เต็มที่เลยเพราะในตระกูลหวังนี้ก็เป็นตระกูลของเจ้าเช่นกัน"หวังจิ้งกล่าวขึ้น เพราะเขารอมานานแล้วที่จะให้ลูกชายของตัวเองเรียกว่าพ่อ หลังจากที่บุตรชายกับบุตรสาวกลับมาซูหนี่ก็ไม่ค่อยได้ไปหาท่านนักพรตสักเท่าไหร่เพราะตอนนี้นางมัวแต่จัดแจงเรื่องอาหารการกินให้บุตรชาย และยังส่งไปยังคุกอีกต่างหากส่วนมาก