Home / แฟนตาซี / ให้ชะตากรรมนำทาง / เคล็ดวิชาแฝดมิติ

Share

เคล็ดวิชาแฝดมิติ

Author: Sanassetong
last update Last Updated: 2025-01-20 18:46:59

เมื่อเข้ามาในห้องที่ตัวเองเลือกแล้วจินเป่ากับจางซินก็ปิดประตูและหน้าต่างทุกบานดังที่องค์ชายหกเคยบอกไว้ตอนที่กินข้าวกัน เมื่อทั้งสองปิดลงเสร็จแล้วก็มานั่งตรงกลางของห้องก็พบว่าประตูและหน้าต่างทุกบานปิดสนิทดี ทางด้านของซิงอีเข้าห้องที่เลือกแล้วก็ปิดไม่ได้จึงย้ายห้องราวๆสามห้องน่าจะได้

"เจ้าก็ไม่พบห้องที่เหมาะสมกับตัวเจ้าเองหรอกหรือ"

เสียงบุรุษกล่าวขึ้น ซิงอีจึงหันไปมองก็เห็นจางหยง ที่กำลังเดินเข้ามาตัวนาง

"หรือว่าท่านก็ไม่พบห้องที่เหมาะสมเหมือนกับข้า"

ซิงอีถามกลับ

"ใช่แล้วล่ะข้าก็ไม่พบห้องที่เหมาะสมเหมือนกับเจ้านั่นแหละข้ากำลังจะออกไปถามคุณชายหกอยู่พอดีว่าทำไมถึงไม่พบห้องที่เหมาะสมแต่ข้าก็เห็นจินเป่ากับคุณชายทั้งสองและน้องของข้าเข้าห้องไปแล้วปิดสนิทดีนิ"

จางหยงกล่าวขึ้น ทั้งสองจึงตัดสินใจเดินมาหาคุณชาย หกที่ด้านหน้าของตำหนักร้าง

"มันไม่แปลกหรอกที่พวกท่านทั้งสองจะไม่พบกับห้องที่ตรงตามที่ตนกำลังจะฝึกฝน"

คุณชายหกกล่าวขึ้นตามองไปหาห่าวอู๋อวี่ที่ตอนนี้กำลังนั่งขัดสมาธิอยู่ใต้ต้นไม่ขนาดใหญ่ทางขวามือ เขาหลับตาและมีแสงสีรุ่งจางๆวนรอบๆร่างกายเขา

"ท่านห่าวอู๋อวี่ก็ออกมาฝึกด้านนอกหรือ"

ซิงอีกล่าวถา
Locked Chapter
Continue Reading on GoodNovel
Scan code to download App

Related chapters

  • ให้ชะตากรรมนำทาง   สำเร็จเคล็ดวิชาเรียกพายัพ

    ทางด้านคุณชายหกเมื่อสั่งการให้ทหารไปประจำจุดต่างๆเสร็จเรียบร้อยแล้ว ตัวเองก็วิ่งเข้าด้านในเพื่อที่จะหาห้องที่จะฝึกวิชาพิชิตมังกรดั่งใจที่ตัวเองหวัง แต่เขานั่งทุกห้องแล้วก็ไม่สามารถที่จะปิดสนิทได้"ทำไมถึงเป็นแบบนั้นไปได้นะ เสด็จพี่รัชทายาทเข้าไปอยู่ด้านในแล้วสามารถฝึกฝนได้ทุกวิชาไงหรือเป็นเพราะว่าห้องตรงกลางของตำหนักร้างแห่งนี้ถูกสตรีสองนางนั้นจับจองไปแล้วจึงทำให้ผู้อื่นต้องไปฝึกด้านนอกกันแน่"องค์ชายหกบ่นเล็กน้อยก่อนที่จะเดินออกมา และกำหนดจิตว่าตนจะฝึกวิชาพิชิตมังกรที่ใดดี อยู่ๆร่างขององค์ชายหกก็พุ่งเข้าสู่ป่าและนั่งอยู่ตรงโขดหินทันที องค์ชายหกที่มองซ้ายมองขวาไม่เห็นใครแม้แต่คนเดียวเขานั้นจึงหลับตาแล้วนั่งต่อไป ในใจก็ยังบ่นอยู่ที่ไม่มีความยุติธรรมสำหรับองค์ชายหกอย่างเขาเลยเป็นถึงเจ้าของถิ่นแท้ๆ แต่กลับถูกส่งตัวมายังจุดที่ห่างไกลผู้คนขนาดนี้ แล้วเขาก็ไม่สามารถกลับไปได้เป็นแน่ถ้าเขาไม่ประสบความสำเร็จในการฝึกฝนในครั้งนี้ เขาจึงพยายามทำให้จิตใจสงบและท่องเคล็ดวิชาที่ได้รับมา ไม่นานเขาก็เข้าสู่ภวังค์ฝน ทางด้านห่าวอู๋อวี่หลังจากศึกษาเคล็ดวิชาเรียกพายับจนหมดทุกหน้าแล้ว เขาจึงเริ่มที่จะนั่งข

    Last Updated : 2025-01-21
  • ให้ชะตากรรมนำทาง   ฝึกวิชาจนสำเร็จ

    ห่าวอู๋อวี่นั่งมองไปยังหน้าตำหนักที่ไม่ไกลนัก ก็เห็นซิงอียืนอยู่แล้วก็ใช้แส้ฟาดซ้ายฟาดขวาฟาดหน้าฟาดหลังเหมือนรำท่ากระบี่แต่ใช้แส้แทนยังไงยังไง ห่าวอู๋วี่ได้แต่คิดในใจว่าแม่นางซิงอีกำลังจะสำเร็จวิชาแส้มหากาฬที่จินเป่าเลือกให้ซิงอีเป็นแน่ ตอนนี้นางกำลังที่จะทดสอบว่าผ่านหรือไม่ แต่มองมองดูแล้วเหมือนซิงอีจะเริ่มบาดเจ็บอยู่เล็กน้อย นางน่าจะสู้ไม่ได้เป็นแน่ ไม่นานนางก็นั่งลงและขัดสมาธิดังเดิม อ่าวอู๋อวี่ก็มองไปรอบๆก็เห็นพี่ชายของตนกำลังกำลังรำกระบี่อยู่ด้านข้างของตำหนัก ซึ่งแต่ละท่าของกระบี่นั้นช่างหนักหน่วงน่าดู สงสัยท่านพี่กำลังทดสอบเกร็ดวิชากระบี่ปฐพีที่ได้มาจากวังหลวงเป็นแน่ ห่าวอู๋อวี่นั่งมองดูพี่ชายของตนรำกระบี่อย่างเพลิดเพลิน พี่ชายของเขารำกระบี่ซ้ำกันถึง สามคราก็ไม่สามารถที่จะจบลงได้สักพักพี่ชายของตนก็นั่งขัดสมาธิอีกรอบ ห่าวอู๋อวี่จึงเลื่อนสายตาไปหาผู้อื่นแต่ก็ไม่เห็นมีใครแล้วสักพักใหญ่ๆก็เห็นคุณชายจางหยงเดินออกมาจากด้านหลังของตำหนักร้างแห่งนี้"ท่านบรรลุวิชาเรียกพายัพของท่านแล้วหรือ"เสียงของจางหยงถามขึ้นก่อนที่ตัวเขาจะมาถึงห่าวอู๋อวี่เสียอีกและนั่งลงตรงโต๊ะด้านข้างของเขา"ข้าฝึกสำ

    Last Updated : 2025-01-21
  • ให้ชะตากรรมนำทาง   ฟินิกซ์เพลิงและจิงจอกเก้าหาง

    เมื่อทั้งห้านั่งคุยกันได้สักพักก็มีลมสายใหญ่พุงเขามาห่าวอู๋อวี่พุ่งตัวขึ้นและเตรียมพร้อมที่จะต่อสู้ ทุกคนก็ทำตามห่าวอู๋อวี่ สักพักก็มีฟินิกซ์ตัวหนึ่งสีแดงเพลิงทะลุหลังคาตำหนักร้างออกมาโผบินราวกับเต้นรำเหมือนจะพันรอบสัตว์ชนิดหนึ่งที่เป็นตัวสีขาวราวกับหิมะ พวกมันทั้งสองกำลังร่ายรำเหมือนกำลังเกี้ยวพาราสีกันยังไงอย่างงั้น สัตว์อสูรทั้งสองร่ายรำพร้อมกับปล่อยอนุภาคที่รุนแรงออกมาอย่างต่อเนื่อง มนตราทั้งหลายปะทะออกมาจากร่างของสิ่งมีชีวิตทั้งสอง องค์ชายหกลุกขึ้นยื่นพร้อมกับจะท่องบทพิชิตมังกร"อย่า!! นั้นมันสัตว์อสูรของน้องข้า"เสียงจางหยงและซิงอีร้องขึ้นพร้อมกัน พวกเขามองหน้ากัน ทุกคนที่ตกใจอยู่ตั้งใจปกป้องตัวเองด้วยเกาะวรยุทธของตัวเอง ทางด้านในหลังจากทั้งสองนั้นหมดสติด้วยความเจ็บปวดพลันตื่นขึ้นมาซึ่งความเจ็บปวดนั้นได้หายไปหมดสิ้นแล้ว ทั้งสองตื่นมามองหน้ากันพวกเขาทั้งสองไม่รู้ว่าสำเร็จเคล็ดวิชาแฝดมิติแล้วหรือยังด้วยซ้ำ ไม่นานทั้งสองก็รับรู้ถึงสิ่งมีชีวิตในมิติติดกายของตัวเองเคลื่อนไหว จินเป่าหันเข้าไปมองในมิติก็เห็นจิ้งจอกเก้าหางขนสีน้ำผึ้งของนาง ที่ตอนนี้ได้ผสมผสานกับหัวใจหิมะแล้วจึงทำให้ขนขอ

    Last Updated : 2025-01-22
  • ให้ชะตากรรมนำทาง   รอหน้าตำหนักร้าง

    องค์ชายหกที่วิ่งเข้ามาคนสุดท้ายยืนตะลึงกับภาพที่เห็นซิงอีกำลังวิ่งเข้าไปกอดจินเป่า และอีกมือก็ดึงสตรีอีกคนที่สวมชุดขาวราวหิมะยืนอยู่ด้านข้างเข้าไปกอด สตรีนางนี้มีใบหน้าที่สวยคมคายผิวสีออกเหลืองน้ำผึ้งนวลไม่ขาวมาก ปากนิดจมูกหน่อยดังองค์เทพออกมาจากนิยาย แต่เขาก็คิดได้ว่าทำไมอยู่ๆดีๆจะมีสตรีสองคนเพิ่มขึ้นมา อีกคนนั่งคุกเข่าอยู่ต่อหน้าจางซิน ซึ่งสตรีนางนั้นใส่ชุดสีแดงเพลิงที่ตัดกับผิวขาวๆของนางช่างดูหน้ามองเหลือเกิน"สตรีสองคนนี้มาจากที่ใดกันหรือทำไมมาอยู่ในตำหนักร้างแห่งนี้ได้"องค์ชายหกกล่าวขึ้นเมื่อรู้สึกตัว เขากำลังมองไปที่ลีหลินที่กำลังกอดอยู่กับจินเป่าและซิงอี"ไม่ใช่ว่าองค์ชายหกก็ไม่รู้หรือว่าแม่นางสองคนนี้ไม่ใช่มนุษย์ และเหมือนกับท่านกำลังสนใจสัตร์อสูรของพวกนางอยู่"ห่าวอู๋มูลี่กล่าวขึ้น"เจ้าทำสำเร็จกันแล้วหรือทำไมเมื่อตะกี้พวกข้าเห็นสัตว์อสูรสองตนนั้น กำลังต่อสู้กันอยู่บนตำหนัก"ซิงอีถามขึ้นเมื่อพละออกจากจินเป่าและลี่หลิน"ซินเออร์สัตว์อสูรของเจ้ามันแปลงร่างเป็นมนุษย์ได้แล้วหรือ เจ้าทำอย่างไรกับมันถึงแปลงร่างเป็นมนุษย์ได้ ข้านึกว่าฟินิกซ์เพลิงของเจ้าจะเป็นตัวผู้เสียอีกทดูท่าทางม

    Last Updated : 2025-01-22
  • ให้ชะตากรรมนำทาง   เมืองขมิ้น

    หลังจากวางแผนกันเสร็จทุกคนก็ออกจากตำหนักพร้อมกัน หลังจากแยกกันออกเดินทางทั้งสามกลุ่มก็ถูกโจมตี แผนของพวกเขาคือล่อให้ทั้งกลุ่มกระจายตัวกันเพื่อจะต่อสู้ได้ง่าย และเป้าหมายคือเมืองขมิ้น ทั้งสามกลุ่มทำท่าต่อสู้เล็กน้อยก็ล่าถอยออกไปตามทางที่วางแผนไว้ ซิงอีกับจางหยงมุ่งไปเมืองขมิ้นกลุ่มเขาต่อสู้กับนักยุทธ์ราวๆสิบคน ทั้งสองไม่ได้ต่อสู้เอาจริงเอาจังพวกเขาหลอกล่อสู้บ้างถอยบ้าง แกล้งถอยให้พวกเขาไล่ตาม ไม่นานทั้งสองก็หลอกล่อพวกนักยุทธ์จากมิตินิมิตไปได้ไกล หนึ่งในกลุ่มจึงคิดขึ้นได้"ทำไมคนพวกนั้นมันแปลกๆจังเลย แยกกลุ่มกันออกเดินทางเหมือนหลอกล่อเรายังไงยังงั้น"บุรุษผู้หนึ่งถามสหายขึ้นเพราะรู้สึกแปลก"จะไปสนใจอะไรล่ะจับตัวพวกมันแล้วพามันไปรวมตัวกันก็สิ้นเรื่อง"บุรุษผู้หนึ่งพูดขึ้น"แต่ข้าว่ามันไม่ใช้ทางที่พวกมันต้องการไปหรือป่าว คนพวกนั้นต้องการกลับวังหลวง ไม่ใช่ว่าสองคนนี้แค่หลอกล่อแล้วให้องค์ชายหกกลับไปยังวังหลวงก่อนหรอกหรือ เราน่าจะไล่ตามจับองค์ชายหกไม่ดีกว่าหรอกหรือ"บุรุษคนเดิมยังไม่วายที่จะคิดถึงเรื่องที่คุ้มกว่ากัน จึงให้บุรุษอีกคนที่ตั้งใจจะจับทั้งสองที่หลบหนีมาฝั่งนี้ให้ได้คล้อยตามแล้ว

    Last Updated : 2025-01-23
  • ให้ชะตากรรมนำทาง   หมู่บ้านป่าอมตะ

    ทางด้านคุณชายใหญ่ตระกูลห่าวอู๋กับจางซิน เมื่อออกจากตำหนักร้างได้ ก็มุ่งหน้าไปทางทิศตรงข้ามกับเมืองขมิ้นทันที พวกเขาทั้งสองต่อสู้และล่อนักยุทธราวๆสิบกว่าคนให้ออกห่างจากองค์ชายหก ทั้งสองคนต่างรู้ดีว่าทิศที่องค์ชายหกไปคือทางล่อที่อันตรายที่สุด ถึงแม้แผนนี้จะดีที่สุดในเวลานี้แล้ว แต่เขาก็อดเป็นห่วงน้องชายตัวเองไม่ได้อยู่ดี มิติแห่งนี้ช่างเหนื่อยล้าเหลือเกินเมื่อพวกเขาเดินทางมาถึงครั้งแรกก็เหมือนจะสบายแต่พอรับรู้แล้ว ว่าพวกตนถูกไล่ล่าจากผู้มีระดับหนึ่งของมิติห่าวอู๋มู่ลี่เองก็วุ่นวายใจไม่น้อย ในการประมือกับนักยุทธแห่งมิตินิมิตนี้ ทำให้ทั้งสองเสียพลังไปมาก พอจะถึงเวลาใกล้เพี้ยงพร้ำทั้งสองก็ต้องขยันหลบหนีให้เร็วที่สุด เพื่อที่จะให้นักยุทธกลุ่มนี้ราวๆสิบคนตามพวกเขามา แต่นักยุทธกลุ่มนี้มีฝีมือยิ่งนัก ยิ่งมีกำลังคนที่น้อยกว่าก็เพลี้ยงพล้ำเข้าจริงๆ ห่าวอู๋มู๋ลี่ถูกซัดเข้าที่หน้าอกอย่างจังเมื่อเขาเห็นคนจะทำร้ายจางซินจึงเข้าไปปกป้องนาง วรยุทธที่พึ่งร่ำเรียนมาถูกใช้ไปจนหมด แต่ก็ไม่สามารถเอาชนะนักยุทธกลุ่มนั้นได้เลย ห่าวอู๋มู๋ลี่สลบไปทันที จางซินพลักห่าวอู๋มู๋ลี่ออกไปและต่อสู้เพียงลำพัง หลังต่อสู้จ

    Last Updated : 2025-01-23
  • ให้ชะตากรรมนำทาง   แปลงกาย

    ทางด้านห่าวอู๋มู๋ลี่เมื่อถูกจับมาก็ยังสลบอยู่ทั้งที่พวกเขาจะเดินทางกลับไปหากลุ่มก็ช้าขึ้นเนื่องจากต่อสู้กับชาวบ้านทำให้พวกเขาบาดเจ็บไม่น้อย กลุ่มชาวบ้านนั้นมีคนมากและก็มีพลังเยอะด้วยเขาจึงไม่รู้ว่ากลุ่มนั้นคือกลุ่มใดกันแน่ทำไมช่างเก่งกาจขนาดนี้"เราพักที่นี่กันก่อนแล้วกัน อย่างไรเราก็จับนักยุทธจากมิติสามัญผู้นี้ได้แล้วสตรีผู้นั้นก็ปล่อยนางไปเถอะเราเอาบุรุษผู้นี้ไปต่อรองกับองค์ชายหกก็น่าจะได้แล้วล่ะเหมือนพวกเขาจะสนิทกับองค์ชายหกอยู่ไม่น้อย"บุรุษผู้หนึ่งในกลุ่มกล่าวขึ้น"ข้าได้ข่าวว่าบุรุษผู้นี้มาจากนิติสามัญ หากเกิดเรื่องอะไรขึ้นท่านประมุขคงจะเดือดร้อนไม่น้อย เพราะอาจจะทำให้มีสงครามระหว่างมิติเกิดขึ้นก็ได้ เพราะเราไม่รู้ว่าบุตรผู้นี้ที่มาจากมิติสามัญ เขาเป็นคนสำคัญของมิติสามัญหรือไม่ ทำไมเราไม่จัดการฆ่าบุรุษผู้นี้แล้วแพร่ข่าวออกไปให้คนจากมิติสามัญมาล้างแค้นท่านประมุขกันล่ะ"บุรุษผู้หนึ่งกล่าวขึ้น"บุรุษผู้นี้มาจากมิติสามัญก็จริง แต่เราจะรู้ได้อย่างไรล่ะว่าเดิมทีเขาเป็นคนของมิติสามัญ ไม่ใช่ว่าจะเป็นคนของมิติเชื่อมจิตหรอกหรือ เพราะผู้ที่มาจากมิติสามัญนั้นทำไมถึงจะเก่งกาจขนาดนี้ ไม่ใช่ว่

    Last Updated : 2025-01-24
  • ให้ชะตากรรมนำทาง   สมุนไพรรักษาเส้นลมปราน

    หลังที่สตรีทั้งสี่แบบแคร่ออกไปได้ไม่นาน นักยุทธเหล่านั้นที่มีวรยุทธที่สูงก็ตื่นขึ้น และรับรู้ว่าพวกเขาถูกหลอกเสียแล้ว และทุกอย่างก็ถูกคาดการณ์ไว้ล่วงหน้าแล้วว่าพวกเขามีวรยุธทที่สูง มนต์กล่อมนี้จะไม่สามารถอยู่ได้นาน แคร่ของคุณชายใหญ่จริงถูกส่งต่อไปยังลูกน้องของพี่ชายไป๋อวิ้น ส่วนตัวเขาเองก็ต้องสู้รบกับพวกนักยุทธเพื่อที่จะยื้อเวลาให้พวกนั้นพาคุณชายใหญ่ไปถึงเรือน"ทุกคนตื่นขึ้นลุกขึ้นได้แล้วพวกเราโดนหลอกแล้วแม่นางทั้งสี่นั้นมาช่วยบุรุษจากมิติสามัญแล้วเราต้องรีบตามไปจับบุรุษผู้นั้นกลับคืนมาไม่แน่เราอาจจะเจอสตรีผู้นั้นด้วยรีบๆเร็ว"เสียงผู้หนึ่งดังขึ้นเพื่อปลุกสหายให้ตื่น หลังจากที่ทุกคนตื่นแล้วก็ไม่รู้ว่าสตรีทั้งสี่นั้นพาบุรุษที่นอนอยู่บนแคร่ไปทิศทางใด ได้แต่เดาไปต่างๆนานาเนื่องจากเป็นเวลากลางคืนจึงไม่สามารถที่จะหาร่องรอยได้ และสตรีพวกนี้ก็ฝีเท้าเบาเสียเหลือเกิน จึงไม่รู้ว่าพวกนางมุ่งหน้าไปทางไหนกันแน่ ทั้งสิบจึงแยกย้ายกันติดตามไปคนละทิศคนละทาง ผู้คนที่คอยส่องอยู่จึงรู้ว่าพวกเขาไม่รู้ว่าสตรีทั้งสี่คนนั้นไปทิศทางใด จึงดักบุรุษที่มาทางทิศของตนซึ่งเป็นจำนวนสองคนเท่านั้น พวกเข้าปะมือกันยกใหญ่

    Last Updated : 2025-01-24

Latest chapter

  • ให้ชะตากรรมนำทาง   สายฝนศาสตราวุธ

    "คู่ต่อไปน่าจะไปได้แล้วล่ะ เสียงเงียบหายไปแล้ว"ไป๋อวิ้นกล่าวขึ้น เนื่องจากส่วนมากเขามาเพียงลำพังย่อมไม่รู้สถานการณ์เมื่อมาหลายคน และเขาก็คิดเองว่าหากเดินผ่านสายฝนศาสตราวุธนั้น หากใช้คนเดินทางน้อยก็จะสะดวกต่อการกำจัดศาสตราวุธพวกนั้นแต่หากรวมกันเป็นกลุ่มเกรงว่าจะทำร้ายผู้ที่เดินทางร่วมกันเสี่ยงมากกว่าจึงตัดสินใจให้เดินไปครั้งละสองคน"เจ้าพาจินเป่าไปเถอะ พร้อมกับเจ้าสัตว์อสูรนี้ด้วย"ไป๋อวิ้นกล่าวขึ้น จินเป่าจึงขึ้นหลังห่าวอู๋อวี่ และกระต่ายหยกเองก็กรายร่างของมันเป็นเหมือนดังวัตถุโปร่งแสงสีเขียวหยกแล้วคลุมตัวของจินเป่าไว้ แล้วลี่หลินก็ยืนข้างห่าวอู๋อวี่แล้วออกเดินพร้อมกัน เมื่อลงพื้นดินไปสักพักก็ไม่เห็นพวกเขาแล้ว และก็ได้ยินเสียงกระทบกันดังขึ้น เหมือนเสียงนั้นจะดังกว่าครั้งที่แล้วเสียงโลหะกระทบกันถี่มาก แต่ไม่มีเสียงร้องใดๆเลย จินเป่ามองเห็นสายฝนสตราวุธลงมาห่าใหญ่ ร่างกายของเขาเองไร้รอยขีดข่วนใดๆทั้งสิ้น เพราะตัวกระต่ายหยกเองห่อหุ้มนางไว้ ลี่หลินใช้กริชด้ามสั้นที่ตนเคยให้ในการต่อต้านสายฝนศาสตราวุธเหล่านั้น นางร่ายรำดั่งเช่นนางรำทั้งหลบทั้งปัดสตราวุธเหล่านั้น ทางด้านห่าวอู๋อวี่เองถึงแม้ว

  • ให้ชะตากรรมนำทาง   แผนที่

    เมื่อปรมาจารย์ไป๋อวิ้นนี้เป็นคนแรกที่จะปีนขึ้นไปด้านบนเนินสูงนั้น ห่าวอู๋อวี่ก็วางจินเป่าลงและนำสมุนไพรต้มที่มารดาของปรมาจารย์ไป๋อวิ้นต้มให้ออกมาอุ่นและส่งให้ซิงอีเพื่อที่จะป้อนสมุนไพรให้จินเป่า ซิงอีรับน้ำยามาแล้วก็ยิ้มก่อนที่จะป้อน เดียวพวกเจ้าไปกันก่อนนะข้ากับจางหยงจะรอดูพวกเจ้าขึ้นไปก่อน หากมีเหตุผิดพลาดอย่างไรพวกข้าจะได้ช่วยเจ้าได้"ซิงอีหันหน้าไปกล่าวกับห่าวอู๋อวี่ หากจินเป่าตกลงมานางกับจางหยงก็จะต้องคอยรับ ถึงแม้จะไม่สูงมากแต่นางไม่มีแรงเลยสักนิดหากตกมาเพียงเล็กน้อยก็อาจจะทำให้นางเสียชีวิตได้เลย"เจ้านายเดี๋ยวข้าจะขึ้นไปดูข้างบนเสียก่อนหากว่ามีอันตรายใดๆข้าจะได้จัดการให้"ลี่หลินกล่าวขึ้น เจ้ากระต่ายหยกก็พยักหัวตาม"ข้าอยากรู้จังว่าเจ้ากระต่ายหยกนั้นมันชื่ออะไร มันเหมือนไม่ค่อยรู้ภาษามนุษย์เลยเจ้านาย มันต้องเรียนภาษามนุษย์อีก"ข้าไม่ได้มีชื่อเรียกเหมือนพวกสัตว์อสูรแบบเจ้าหรอก แล้วข้าก็ไม่จำเป็นต้องรู้ภาษามนุษย์มากมาย เพราะข้าแค่อาศัยสื่อสารกับสิ่งที่ข้าองครักษ์ก็เท่านั้นไม่จำเป็นต้องให้สัตว์อสูรหรือมนุษย์มารับรู้'เสียงเด็กน้อยพูดขึ้น ทำให้ลี่หลินขันท่าทีของมัน ที่ไม่ต้องการสื่

  • ให้ชะตากรรมนำทาง   เดินทางกัน

    หลังจากออกเดินทางจากวังหลวงก็ไม่มีสิ่งใดที่เป็นอันตรายจึงทำให้พวกเขาใช้เวลาเพียงสองวันก็ถึงหมู่บ้านอมตะแล้ว ทำให้จางซินรู้สึกไม่ยุติธรรมเอาเสียเลยเพราะตอนไปพวกเขารีบร้อน มารดาของของท่านอาจารย์ไป๋อวิ้นก็เอาแต่หยุดพักผ่อนตลอดเส้นทางทำให้พวกเขาล่าช้า "วันนี้พวกเจ้าพักผ่อนในหมู่บ้านข้าเสียก่อนพรุ่งนี้เช้าค่อยออกไปกัน อวิ้นจะพาพวกเจ้าเดินทาง"หว่าฮว่ากล่าวขึ้น ทั้งเจ็ดจึงไปพักผ่อน"ที่ตอนพวกข้าเดินทางไปวังหลวงนะพวกเจ้ารู้ไหม มารดาของปรมาจารย์ไป๋อวิ้นนั้นหยุดพักผ่อนเป็นว่าเล่นเลย"จางซินระบายความโกรธออกมา"ปรมาจารย์ของเจ้าก็ชี้แจงแล้วนิ ว่ามารดาของเขาสามารถรับรู้ภัยได้ นางจึงจำเป็นต้องพาพวกเราหยุดบ่อยๆไง เพื่อป้องกันความผิดพลาดและภัยที่เกิดขึ้น"ห่าวอู๋มู๋ลี่กล่าวขึ้น"จินเป่าเจ้าเป็นอย่างไรบ้างเหน็ดเหนื่อยหรือไม่"ซิงอีถามขึ้นพร้อมกับป้อนน้ำอมฤตให้นาง ตลอดเส้นทางนางถูกห่าวอู๋อวี่อุ้มแทบตลอดเวลา เวลาลงเดินเองสักพักก็เหนื่อยหอบ จนซิงอีทนไม่ไหวเอ่ยปากให้ห่าวอู๋อวี่อุ้มนางบ้าง ให้นางขึ้นหลังบ้างแต่ห่าวอู๋อวี่เองก็เต็มมาก ครั้นหยุดพักซิงอีก็ปฏิบัติห่าวอู๋อวี่ดังน้องชายตัวเอง ทำให้ห่าวอู๋อวี่

  • ให้ชะตากรรมนำทาง   คาดการณ์ลวงหน้าได้

    "ปรมาจารย์ไป๋อวิ้น ทำไมมารดาของท่านกล่าวว่านางไม่สามารถที่จะเข้าไปในป่าอมตะนั้นได้ ในเมื่อพวกท่านก็อยู่หมู่บ้านอมตะนั้น"จางซินถามขึ้น จึงทำให้จินเป่าสนใจ จึงมองไปดูผู้ที่จางซินกำลังซักถามอยู่ก็เป็นปรมาจารย์ไป๋อวิ้น"ท่านอาจารย์"จินเป่ากล่าวออกมาได้เท่านี้ก็หมดแรง นางไม่สามารถพูดยาวๆได้ เพียงแค่ใช้แรงในการพูดก็หมดแรงเสียแล้วจะให้นางเดินทางไปได้อย่างไรกัน"เจ้าไม่ต้องพูดแล้วลูกศิษย์เจ้าพักผ่อนเถอะ แล้วเรื่องที่มารดาของข้าไม่สามารถเข้าป่าอมตะนั้นได้ ก็เป็นเพราะว่านางเป็นกินรีชั้นสูง ที่พวกเจ้ารับรู้นั่นแหละ ถึงว่าข้าจะได้เป็นกินรีชั้นสูงแล้วแต่ข้าก็ไม่มีประสิทธิภาพเหมือนกับมารดาของข้า นางสามารถรับรู้อันตรายที่อยู่เบื้องหน้าได้นางสามารถคาดการณ์สิ่งที่จะเกิดขึ้นได้ ส่วนข้าจุดนี้ค่ายังไม่สามารถที่จะฝึกฝนมันได้ ข้าจึงคิดว่าข้าจะไปกับพวกเจ้าได้ เพราะในเมื่อถ้าหากว่าคาดการณ์ถึงอันตรายได้แล้ว เราก็จะเลี่ยงอันตรายเหมือนที่เราเดินทางเข้ามาในวังหลวงนี้ไง เมื่อถึงจุดอันตรายมารดาของข้าก็จะให้พวกเราหยุดขบวนเดิน แล้วให้ผู้ที่เก่งกาจเข้าไปจัดการกับอันตราย แล้วเราก็เดินมากันแบบไร้อันตรายใดๆ แล้วที่มาร

  • ให้ชะตากรรมนำทาง   ทัณฑ์สายฟ้า

    ระหว่างที่จินเป่าฟังห่าวอู๋อวี่ท่องเกร็ดวิชาไปเรื่อยๆ ตอนนี้นางเองทำสิ่งใดไม่ได้ จึงลองขับเคลื่อนวรยุทธ์ภายในและจดจำเคล็ดวิชาที่ห่าวอู๋อวี่ท่องออกมา นางรู้สึกว่าภายในของนางนั้นปั่นป่วนยิ่งนักไม่สามารถที่จะขับเคลื่อนวรยุทธเหมือนเดิมอีกแล้ว นางจึงล้มเลิกความพยายามแล้วหันมาจดจ่อกับเคล็ดวิชานั้นแทน นางจดจำทุกคำพูดที่ออกมาจากปากของห่าวอู๋อวี่ได้ดีทุกคำ จนในที่สุดก็ครบเจ็ดวันจินเป่าค่อยค่อยลืมตาขึ้น ดวงตาสีดำอันโตของนางมองไปซ้ายมองไปขวา เหมือนกับหลายวันก่อนไม่มีผิด นางอยู่ในอะไรสักอย่างที่เป็นสีม่วงลาเวนเดอร์ และมีน้ำสีดำม่วงอยู่รอบๆ กลิ่นน้ำนี้ก็หอมสมุนไพรเอาเสียมากๆ น้ำอุ่นกำลังพอดี จินเป่ารู้สึกไม่สบายหัว จึงมุดลงไปในน้ำสมุนไพรนั้นแล้วโพล่หัวขึ้นมา นางรู้สึกโล่งอย่างบอกไม่ถูก นางมองออกว่าตอนนี้ร่างกายของนางยังไม่สามารถกลับไปฝึกยุทธได้อีก แต่นางก็เคยไร้วรยุทธ์มาแล้วนิ แต่ตอนนั้นตอนที่นางมาอยู่ร่างนี้ใหม่ๆ ร่างกายนางไม่ได้อ่อนแอถึงเพียงนี้เท่านั้นเอง แต่สักวันคงจะดีขึ้น "วันนี้ครบวันที่เจ็ดแล้ว ร่างกายแม่นางน่าจะไม่เย็นอีกแล้วล่ะป่ะพวกเจ้าไปช่วยข้าเอาแม่นางขึ้นมาจากหม้อกัน"หว่าฮว่ากล่าว

  • ให้ชะตากรรมนำทาง   สัตว์มหาอสูร

    "เอาเข้าจริงๆข้าก็ไม่แน่ใจว่าทำไมเคล็ดวิชาดัชนีสุริยันอะไรนั่นแค่เพียงท่านห่าวอู๋อวี่ท่องให้จินเป่าฟังแล้วนางจะดีขึ้น"ซิงอีกล่าวถามความคิดเห็นของสหายท่านอื่น"เจ้าต้องรู้จักเคล็ดวิชาดัชนีสุริยันก่อนเจ้าลองถามองค์ชายรัชทายาทดูสิว่ามันเกี่ยวข้องกับสิ่งใด"จางซินพูดขึ้น"ในเมื่อองค์ชายรัชทายาทนั้นเคยร่ำเรียนตำราดัชนีสุริยันต์แล้วทำไมไม่ให้องค์ชายรัชทายาทเข้าไปท่องให้จินเป่าฟังล่ะ"ซิงอีกล่าวขึ้นพลางมองไปยังองค์ชายรัชทายาท"ทำเป็นว่าหากองค์ชายรัชทายาทเข้าไปท่องเกล็ดวิชาดัชนีสุริยันให้จินเป่าฟังแล้วเจ้าจะยินยอมอย่างไรอย่างนั้น"จางหยงกล่าวถามขึ้น"มันก็ใช่ที่เจ้าพูดแต่ข้าก็ไม่รู้ไงว่าในเมื่อท่านห่าวอู๋อวี่ไม่รู้เคล็ดวิชาดัชนีสุริยันต์แล้วเขาจะรู้ได้อย่างไรว่าไปท่องให้จินเป่าฟังแล้วจะดีขึ้น"ซิงอีถามขึ้นอีก"ผู้ใดท่องก็ดีขึ้นได้ทั้งนั้นแหละ ถ้าน้ำเสียงนั้นเป็นน้ำเสียงที่แม่นางผู้นี้คุ้นเคย และเจ้าสัตว์อสูรจิ๋วนั้นก็เลือกบุรุษผู้นั้นให้ท่องให้เจ้านายมันฟัง มันก็คงจะรู้ความพิเศษพิโสของบุรุษผู้นั้นอยู่ แม่นางผู้นี้ข้ามองดูเจ้าเป็นห่วงแม่นางที่อยู่ในหม้อกลั่นสมุนไพรอยู่หรอก แต่เจ้าก็ต้องหัดฟัง

  • ให้ชะตากรรมนำทาง   ดัชนีสุริยันต์

    เมื่อเจ้ากระต่ายกับลี่ลินเข้าไปอยู่ในห้องที่มีหม้อตุ๋นสมุนไพรของจินเป่าอยู่ ลี่หลินเองก็นั่งขัดสมาธิอยู่ข้างๆ หม้อหยกใบนั้น นางขับวรยุทธภายใน นางเป็นสัตว์อสูรที่อยู่ในป่านางต้องฝึกควบคุมวรยุทธไปด้วย ส่วนกระต่ายหยกนั้นเป็นสัตว์อสูรประจำต้นหลิวต้องแสงจันทร์ไม่จำเป็นต้องศึกษาเคล็ดวิชาหรือตำราใดๆและไม่ต้องขับเคลื่อนวรยุทธ หากว่ามันบาดเจ็บเพียงรักษาสักพักก็หายขึ้น มันไม่เหมือนสัตว์อสูรแบบหลีหลินถ้ามันบำเพ็ญตบะได้สูงมันก็จะไม่รู้สึกเจ็บรู้สึกอะไรทั้งสิ้น"เจ้ากระต่ายหยกเจ้ารู้ใช่ไหมว่าดัชนีสุริยันต์เล่มนี้มีอะไรพิเศษเจ้าถึงเร่งให้ข้าทวงจากองค์ชายรัชทายาทนัก"เสียงห่าวอู๋อวี่ดังขึ้น ทำให้เจ้ากระต่ายหยกดีใจยิ่งนัก ทีห่าวอู๋อวี่มาและเขาก็นำดัชนีสุริยันมาด้วย"ท่อง ต้องท่องเคล็ดวิชา ท่านอ่านเคล็ดวิชาให้เจ้านายฟังได้"เจ้ากระต่ายหยกพยายามพูดภาษามนุษย์พร้อมกับทำท่าทางชี้ไปที่ปากของตัวเองแล้วก็หูของมันเอง"เจ้าจะให้ข้าท่องเคร็ดวิชาดัชนีสุริยันให้นางฟังหรือ"ห่าวอู๋อวี่เองก็ถามขึ้นอย่างสงสัย เจ้าเด็ดน้อยพยักหน้าหงึกๆด้วยความดีใจ เขาเข้าใจความหมายของมัน หลี่หลินจึงลืมตาขึ้นมาดูว่าเขาพูดถึงอะไรกัน ห

  • ให้ชะตากรรมนำทาง   ตุ่นสมุนไพร

    "เสวุ่ยเจ้าไปหาหม้อสมุนไพรใบใหญ่มาหนึ่งใบอยู่ในท้องพระคลังน่าจะมีอยู่หนึ่งหม้อ เจ้าไปตรวจดูแล้วให้องครักษ์ยกมาที่เรือนรับรอง"องค์ชายรัชทายาทกล่าวขึ้น องค์ชายหกเลยพาทหารองครักษ์ไปหาหม้อสมุนไพรใบใหญ่ ในท้องพระคลังมา เมื่อเขาเข้าไปดูก็พบหม้อสมุนไพรใบใหญ่สีเขียวหยกหนึ่งใบ ซึ่งน่าจะให้สตรีผู้นั้นเข้าไปได้จึงสั่งให้ทหารองครักษ์ยกออกมาให้ หมอหยกใบนั้นเป็นหยกสีเขียวมันแพะดูแล้วมีค่ายิ่งนัก เมื่อนำมาเรือนรับรองแล้วก็วางไว้กลางห้อง"ข้าขอเพียงสมุนไพรเท่านั้น แล้วบุรุษน่าจะออกไปด้านนอกได้แล้วกระมังเพราะว่าสตรีผู้นี้ต้องถอดเสื้อผ้าก่อนที่จะลงหม้อ จางซินข้าต้องพึ่งเจ้าอยู่หากเจ้ายังมีธุระที่จัดการยังไม่เสร็จ ช่วยข้าสักพักแล้วเดี๋ยวค่อยไป"หว่าฮว่ากล่าวขึ้น"ข้าคือสัตว์อสูรของเจ้านายข้าสามารถช่วยเจ้านายได้เจ้าค่ะให้ข้าอยู่ช่วยท่านนะเจ้าคะ"ลี่หลินรีบพูดขึ้น"นางคือน้องสาวของข้าเหมือนกันเจ้าค่ะให้ข้าอยู่ช่วยอีกแรงนะเจ้าคะ"ซิงอีรีบกล่าวขึ้น"ได้เลยแม่หนูเพราะข้าต้องให้สตรีช่วยอยู่แล้วล่ะ ลำพังข้าคนเดียวไม่ไหวหรอก บุรุษทั้งหลายออกไปได้แล้วกระมัง เจ้าเด็กน้อยเจ้าอยู่ก่อนอย่าเพิ่งไปไหน"หว่าฮว่ากล่าวข

  • ให้ชะตากรรมนำทาง   กินรีชั้นสูง

    "แม่ก็ว่าอยู่แล้วหล่ะว่านางต้องเจ็บสาหัดบ้าง ดูสิอยากได้เคล็ดวิชาดัชนีสุรียันนั้น เป็นไงล่ะจะได้ใช้อยู่หรือนั้น ทำกับลูกเราไว้เยอะเลย เขาเป็นถึงองค์ชายรัชทายาททำให้เขามีสภาพย่ำแย่แบบนี้ใช้ได้ที่ไหน"ฮองเฮากล่าวขึ้น นางนึกย้อนที่เห็นบุตรชายของตัวเองสภาพย่ำแย่ในการประลองยุทธในช่วงก่อนที่จะเกิดเหตุ"ท่านแม่หากเขาต้องการ เขาก็สมควรที่จะได้รับมัน ท่านแม่ดูไม่ออกเลยหรือว่าเป็น ลูกรับมือเขาไม่ได้ทุกกระบวนท่า แต่เขาก็ยอมให้ลูกชนะเขา เพื่อชื่อเสียงของลูกในยุทธภพแห่งนี้ และเป็นบุรุษผู้นั้นที่เอาชนะตงหมิงได้"องค์ชายรัชทายาทกล่าวขึ้น"แต่ก็เป็นลูกไม่ใช่หรอที่ใช้ห่วงสันนิบาตนั้น ทำให้ตรงหมิงนั้นตายไปมันก็เท่ากับลูกเอาชนะเขาได้"ผู้เป็นแม่ยังอยากที่จะให้ลูกได้ชื่อเสียง"ฮองเฮาท่านไม่ใช่ว่าดูไม่ออกกระมัง เพียงแค่เจ้าเห็นองค์ชายรัชทายาทนั้นสบักสะบอมขนาดนั้น เจ้าก็มีความคิดแบบนี้ แต่เอาเข้าจริงๆเราก็ต้องยอมรับว่าคนที่อยู่มิติล่างเหล่านั้นทำให้เรื่องมันจบแบบง่ายๆ ครั้งนี้ข้าคิดว่าข้าจะให้เขาได้ลำดับหนึ่งของเวทีประลองยุทธในครั้งนี้ ในเมื่อสตรีผู้นั้นต้องการดัชนีสุริยันขนาดนั้นเจ้าต้องการมอบให้เขาหรือไม

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status